พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: 7.1 คู่แข่ง
รอยยิ้มผุดเหนือริมฝีปากทันทีที่เห็นแค่ด้านหลังของตัวเล็ก นัมแทบงสวมแว่นสีตะกั่วเสยผมไปทางด้านหลัง ยิ้มเล็กน้อยให้ปารีย์และหันไปมองล่ามสาวอย่างเป็นธรรมชาติ ต่อจากหญิงสาวที่ยังกล้ามองดาราหนุ่มเต็มตาเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อคืน วันนี้กุมาริกาปล่อยผมยาวสลวยมีคาดผมน่ารักคาดทับกันไม่ให้เส้นผมลงมาปรกใบหน้า เผยรูปหน้ากระจ่าง ผ่านไปแค่คืนเดียวเขากลับรู้สึกว่าร่างเล็กตรงหน้า...น่าเข้าใกล้ขึ้นอีกมากแค่ไหน
“สวัสดีคะผู้จัดการคิม คุณนัมแทบง เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมคะ” ปารีย์ทักทาย
“ครับ” นัมแทบงตอบรับสั้นๆ มองผ่านไปที่ล่ามสาวที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“สวัสดีครับคุณปารีย์ คุณล่าม ถึงอากาศจะร้อนไปบ้างแต่เพราะเหนื่อยมาทั้งวันเลยทำให้ผมหลับไม่รู้เรื่องเลย ผมนอนก่อนแทบงอีกมั้ง ” ผู้จัดการคิมตอบแทนดาราหนุ่มที่ดูเหมือนจะตอบคำถามสั้นไปก่อนเสียงกระแอมจากร่างสูงจะทำให้เขาหยุด เนื่องมาจากคำพูดที่มากเกินความจำเป็น
“ก็ใครใช้ให้นายตอบสั้นไปเล่ามันดูไม่มีมารยาท ไหนจะหน้านายอีกทำหน้าเมื่อยตั้งแต่เช้า” คิมเซจุนบ่นงึมงำ
กุมาริกาก็มีอาการไม่ปรกติในสายตาปารีย์ด้วยเหมือนกัน ดูอึดอัดชอบกลแถมดูเงียบและพูดน้อยผิดปกติแถมยังหลบตาจับผิดของเธอด้วย เมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่านะแต่เธอก็เห็นว่าซุปตาร์หนุ่มก็ดูปกติดีนี่ปารีย์มองคนทั้งคู่ก่อนหันไปบอกเมื่อเห็นรถตู้ที่มารับพร้อมแล้ว “เชิญขึ้นรถดีกว่าค่ะส่วนประธานนัมบอสจะเป็นคนมารับเองค่ะ”
กุมาริกาแอบถอนหายใจโล่งอก เนื่องจากปารีย์จัดให้ผู้จัดการคิมนั่งทางด้านหลังกับดาราหนุ่มแทนที่จะเป็นตัวเธอเหมือนเมื่อวาน โดยให้เหตุผลว่ามีงานที่ต้องคุยกันแต่พอรถตู้เริ่มวิ่งสู่ถนนใหญ่ปารีย์ก็ทำตัวเป็นนักสืบทันที
“กัมมี่...ฉันว่าแกดูแปลกๆนะบอกมาว่าเมื่อคืนมีอะไรรึเปล่า ทำไมฉันรู้สึกถึงเคมีบางอย่างระหว่างแกกับซุปตาร์ของฉัน”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แกอย่ามาจับผิดฉันนะปุยฝ้าย” กุมาริกาเอ่ยปฏิเสธตาเบิกกว้างอย่างคนถูกจับผิด
“แต่ฉันเห็นว่าเขามองแกแล้วก็ยิ้มให้ด้วยนี่ถึงจะแค่นิดหน่อยก็เหอะแต่ฉันมั่นใจว่าเขาตั้งใจยิ้มให้นะ” ปารีย์คาดคั้น
“ก็ดีแล้วนี่เขาอาจจะสะดวกใจขึ้นแล้วมั้งทำงานด้วยกันวันที่สองแล้ว นี่แกจะคิดอะไรมากมายจะให้เขาทำหน้านิ่งใส่อีกรึไงเขายิ้มให้ก็ดีแล้ว เลิกเพ้อเจ้อเลยแก” กุมาริการีบแก้ตัวก่อนตัดบทเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่
การพูดคุยหยอกล้อระหว่างสองสาวแม้จะไม่รู้ความหมายแต่ดาราหนุ่มก็อดแอบฟังเสียงล่ามสาวเพลินไม่ได้ Headphonesไร้สายเขาใส่ครอบหูไว้เพียงเพื่อลดจุดความสนใจเท่านั้นแต่ไม่ได้ฟังอะไรอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เขาเริ่มชินกับเสียงของเธอแล้วนัมแทบงบอกตัวเอง
“เชิญค่ะ” ปารีย์กางร่มคันใหญ่ให้ดาราหนุ่มเนื่องจากแสงแดดเริ่มส่องแสงจ้าแล้ว ขณะที่กุมาริกากำลังช่วยรับของจากมือผู้จัดการคิมซึ่งส่วนใหญ่คือของใช้ส่วนตัวของดาราหนุ่ม
นัมแทบงมองร่างเล็กที่กำลังรับกระเป๋าเป้ของเขามาถือไว้ในมือนิ่ง ก่อนที่ขายาวจะก้าวเข้าไปใกล้ล่ามสาวแล้วดึงกระเป๋าของตนเองมาสะพายที่ไหล่เอง การกระทำของดาราหนุ่มทำให้ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างขัดเขินในสิ่งที่เขาบอกกับเธอ “ผมถือเอง”
“เอ่อ...ค่ะ”กุมาริกาพยักหน้ายิ้มเดินนำเข้าไปโดยมีปารีย์แอบมองพฤติกรรมระหว่างดาราหนุ่มกับเพื่อนของตัวเองอยู่เงียบๆ
เมื่อดาราหนุ่มถูกนำไปเตรียมตัวโดยมีคอสตูมอย่างกีรติดูแลอย่างใกล้ชิด ร่างเล็กจึงหลบออกมาเพื่อทำหน้าที่อย่างอื่นต่อขณะที่กำลังดูเอกสารงานอยู่ก็ถูกมือดีแย่งไปจนทำให้ต้องเงยหน้ามอง “พี่นั่นเองไม่มีอะไรทำรึไงมาแกล้งเขาได้”
ตากล้องหนุ่มทรุดนั่งด้านข้างตรงพนักยาวที่จัดเตรียมไว้สำหรับทีมงาน มองใบหน้าใสที่ดูสดชื่นต่างจากเมื่อวานทำให้ค่อยเบาใจ “งานก็มีเตรียมเสร็จแล้ว แต่ห่วงคนนี้มากกว่า เห็นยิ้มได้แบบนี้แสดงว่าไม่คิดมากแล้วใช่ไหมค่อยสบายใจหน่อย พีห่วงเบบี๋แทบแย่”
กุมาริกาถอนหายใจยิ้มกว้างมองตากล้องมาดเซอร์อย่างรู้สึกขอบคุณ พีมะใส่ใจเธอเสมอตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา “ขอบใจนะ เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วไม่มีปัญหาอะไร”
“โดนดุรึเปล่า”
“ไม่หรอก” กุมาริกาส่ายหน้าก่อนนึกถึงเรื่องอื่นที่ทำให้หน้าแดงขึ้นมา
“เป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าแดงจังหรือว่าไม่สบาย” พีมะมองร่างเล็กก่อนจะยกมือขึ้นอังเพื่อตรวจสอบ
“ปะ..เปล่า” กุมาริกาดึงมืออก
“กัมมี่....”เสียงเรียกกุมาริกาจากทางด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันมอง เห็นว่าเป็นกุลธีร์กำลังเดินเข้ามากับท่านประธานคนสวย โดยมีร่างสูงของดาราหนุ่มและผู้จัดการส่วนตัวเดินตามเข้ามาด้วย เหลือบมองใบหน้าหล่อที่กำลังมองมาที่เธอนิ่งปราศจากรอยยิ้ม
“ค่ะอากุล” หญิงสาวหันไปยิ้มเจื่อนให้อาหนุ่ม ลุกขึ้นยืนโดยมีตากล้องหนุ่มลุกขึ้นยืนข้างๆด้วย
“มัวแต่มายืนคุยกันอยู่ไปเตรียมทำงานกันได้แล้ว นายแบบพร้อมแล้วเจ้าพีเริ่มทำงานกันได้” กุลธีร์บอกก่อนหันไปบอกให้ทีมงานส่วนอื่นเริ่มทำงาน โดยมีร่างสูงไม่ต่างจากนายแบบเดินเข้าไปในส่วนของฉากที่จัดไว้เพื่อถ่ายแบบ เริ่มบอกถึงมุมในการถ่ายแบบเป็นภาษาสากลเพื่อให้นายแบบหน้านิ่งเข้าใจ
เมื่อพักเบรกเพื่อให้นายแบบได้เปลี่ยนชุดรวมถึงเซตฉากใหม่ พีมะนั่งลงเพื่อเช็ครูปถ่ายผ่านหน้าจอโน้ตบุ๊คของตนเอง โดยมีกุลธีร์และประธานนัมดูร่วมดูด้วย
“รูปดูดีมากเลยค่ะพีมะชิ” นัมเยรินเอ่ยชม
##คนเกาหลีจะลงท้ายด้วย chi ออกเสียงว่า “ชิ”ต่อจากชื่อคนเป็นสรรพนามการเรียกแบบให้เกียรติเหมือนคำว่า “คุณ” ของไทย
“ผมบอกแล้วว่าตากล้องของผมไม่ธรรมดา” กุลธีร์เสริมอวดทีมงานที่แสนจะเพอร์เฟคของตนเอง
“บอสก็ชมผมเกินไปแต่ช่วยเปลี่ยนคำชมเป็นเงินท่าจะดีกว่านะฮะ” พีมะเอ่ยแซวมองเจ้านายตัวเองที่ทำท่าจะเผ่นกะบาลตนเองอย่างชอบใจ
“ไอ้ตัวแสบนี่”
“อย่าทำร้ายผมนะบอส....เสียภาพลักษณ์หมด” คำพูดของพีมะทำให้กุลธีร์หันไปมองหน้าของประธานสาวที่ยิ้มตอบกลับมาเพราะไม่เข้าใจบทสนทนาของคนทั้งคู่ ก่อนลดมือลงมองตากล้องหนุ่มอย่างคาดโทษ
การถ่ายแบบเป็นไปด้วยความราบลื่นแม้นายแบบกับตากล้องจะดูมองกันแปลกๆแต่ด้วยความเป็นมืออาชีพทำให้การทำงานออกมาเป็นที่น่าพอใจของเจ้าของ
“เยี่ยมมากเลยเจ้าพี ยอดขายปักษ์นี้ต้องถล่มถลายแน่ๆ” กุลธีร์เลื่อนเม้าท์ดูรูปที่ถ่ายเสร็จแล้วชมไม่ขาดปาก
“มันต้องออกมาดีอยู่แล้วผมน่ะตากล้องมืออาชีพนะบอส” พีมะยอตัวเองแม้จะไม่ชอบหน้านายแบบสักเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่เอามาเป็นปัญหาระหว่างทำงานอยู่แล้ว มืออาชีพต้องแยกแยะได้นั่นคือปณิธานในใจของเขา
หลายครั้งที่เขารู้สึกว่าไอ้หมอนั่นมันทำเกินกว่าเหตุไปรึเปล่า..ในระหว่างการถ่ายภาพเมื่อมีการสนทนาระหว่างตากล้องและนายแบบเกี่ยวกับการโพสท่าหรือต้องการอารมณ์แบบไหน พีมะก็ชัดเจนด้วยการสั่งงานหรือขอให้โพสท่าที่ต้องการเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ดาราหนุ่มเข้าใจแต่เจ้าหมอนั่นดันทำให้ยุ่งยากด้วยการตอบและถามเขาเป็นภาษาเกาหลีทุกครั้งเพื่อให้กุมาริกาต้องเข้ามาช่วยแปล ช่างทำให้เขาอยากจะของขึ้นนัก ถ้าไม่ติดว่าจะทำให้มีผลกระทบกับงานเจอเขาแน่...ไอ้ซุปตาร์หน้านิ่ง
ปารีย์เอ่ยทักหน้าบูดบึ้งของตากล้องหนุ่มที่นั่งหน้าหงิกมาสักพักแล้วหลังเสร็จจาการถ่ายรูปดาราหนุ่มเกาหลี “เป็นไรพีดูแกทำหน้าเขาดิ อย่างกับกินของหมดอายุ”
“เออก็คนมันหงุดหงิด เยินยอมันกันเข้าไป ออกจะเรื่องมากวุ่นวายขนาดนั้น” พีมะบ่นตาขวาง
“ฉันก็เห็นเขาปกติดีนี่แกแค่หน้านิ่งไปหน่อยแค่นั้นเอง แต่ก็ดูมีมายาทดี”
“มารยาทบ้าบออะไรของแก แกไม่เห็นเหรอมันเรื่องมากแค่ไหนฉันพูดกับมันเป็นภาษาสากลนะโว้ย...มันดันตอบกลับเป็นภาษาเกาหลี มารยาทอยู่ตรงไหนว่ะหาเรื่องให้เบบี๋มาช่วยชัดๆ” พีมะยังคงโมโห
“แกก็คิมมากกัมมี่มันเป็นล่ามเขา สกิลการพูดภาษาอังกฤษของเขามันอาจจะห่วยก็ได้กลัวตอบผิดโชว์โง่กับแกไง กับฉันเขาก็ทำแบบนี้แหละโปรดอย่าอคติกับซุปตาร์ของฉันไอ้พีอิจฉาคนหล่อตลอด” ปารีย์ตอบปนตลก
.ในขณะที่อีกมุมของสถานที่ถ่ายแบบหัวข้อในการสนทนาก็ยังอยู่ที่ดาราหนุ่มเช่นกัน ระหว่างที่กีรติกำลังจัดเสื้อผ้าที่ใช้ในการถ่ายแบบแล้วให้เข้าที่เพื่อส่งคืนสปอนเซอร์โดยมีกุมาริกากับทีมงานอีกคนช่วยหยิบจับ
“คนอะไรหล่อทุกมุมว่าไหมกัมมี่ ดูเวลายิ้มซิแกเคยได้ยินคำนี้ไหมหล่อวัวตายควายล้มมันใช่เลย อย่างพี่เคน ธีรเดชเขาก็บอกว่าหล่อทะลุแป้ง พี่ติ๊ก เจษก็หล่อทะลุป่า แต่นายแบบเกาหลีของเจ๊คนนี้ก็หล่อทะลุกิมจิเหมือนกัน ดูซิๆยิ้มทีเจ๊แทบจะละลาย”กีรติชี้ชวนให้กุมาริกาดูร่างสูงที่กำลังพูดคุยกับผู้จัดการส่วนตัวและกำลังยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะอะไรบางอย่างที่ผู้จัดการส่วนตัวเขาพูด
“เจ๊กะปุยฝ้ายน่าจะถูกมัดรวมกันนะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย นี่เจ๊เป็นคอสตูมนะไม่ใช่นักประพันธ์บรรยายความหล่อของผู้ชายซะเห็นภาพ แถมนิยามแต่ล่ะคนนี่ประหลาดๆทั้งนั้น” กุมาริกาส่ายหน้าระอา
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับยัยชะนีนั่นนะ ชิชะคิดจะเก็บซุปตาร์กิมจิของฉันเอาไว้คนเดียว ทำมาปลุกกระแสว่าสุดหล่อของฉันไม่เป็นมิตรบ้างล่ะ เรื่องมากบ้างล่ะตั้งแต่มันพาเขามาที่นี่ฉันยังไม่เห็นยัยนั่นหยุดล้อมน่าล้อมหลังนัมแทบงเลย เจ๊ว่าปุยฝ้ายมันคงกันท่าเจ๊เห็นเจ๊สวยกว่า” กีรติค้อนหน้าตูม
“หยุดหน้าง้ำแล้วไปเตรียมเก็บชุดที่สุดหล่อเจ๊ถอดกองไว้ในห้องแต่งตัวเหอะเขาไปเปลี่ยนสักพักแล้วเดี๋ยวก็รวมกันอีกหรอก หลายสปอนเซอร์ไม่ใช่เหรอ” กุมาริกาเตือนขำๆ
“เออจริงด้วย เดี๋ยวตอนส่งคืนสลับกันอีกพวกสปอนเซอร์จะมาแหกอกฉันได้ไว้ค่อยเม้าท์กันนะกัมมี่ เจ๊ไปทำงานก่อน” กีรติโบกมือเดินบิดสะโพกหายไปในห้องที่ไว้เปลี่ยนชุดของนายแบบ
กุมาริกาหันมาเจอตากล้องหนุ่มที่ยืนทำหน้าง้ำอยู่ก็หัวเราะ “เป็นอะไรไปอีกคนวันนี้เขาเจอแต่คนอารมณ์ดีเพิ่งเจอพีอารมณ์บูดคนแรกเลย”
“แล้วกัมมี่อารมณ์ดีหรืออารมณ์บูดล่ะ” พีมะถามดวงตาไม่ละไปจากใบหน้าใส
“ก็ปกตินี่ไม่ได้อารมณ์เสียอะไรแล้วก็ยังไม่ได้ดีใจอะไรเพิ่ม” ร่างเล็กหัวเราะ
“พาลอะไรหรือว่าหิว วันนี้หนุ่มฮอตประจำK ตกกระป๋องนี่นาเพราะทุกคนมัวแต่เห่อดารากันหมด เอางี้เดี๋ยวเราช่วยบริการพีเองจะได้อารมณ์ไม่เสีย เชิญนั่งที่เก้าอี้ตรงนี้ก่อนค่ะตากล้องใหญ่” กุมาริกายิ้มล้อเลียนใบหน้ามุ่ยที่ทรุดนั่งลงตรงที่ของเธอ ร่างเล็กเดินไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่แช่ไว้ในถังน้ำแข็งมาส่ง
“เห็นเราเป็นเด็กไปได้เอาของกินมาล่ออีกอย่างเราไม่ได้อิจฉาหมอนั่นสักหน่อย” มือหนาขยุ้มลงบนเส้นผมนิ่มอย่างอ่อนโยน
กุมาริกาห่อคอกับการหยอกล้อของตากล้องหนุ่มที่ชอบแกล้งแหย่เธออยู่เสมอ แต่เมื่อหันไปเจอกับดวงตาดำที่มองสบมานิ่งอยู่ทำให้อดชะงักไม่ได้ ดึงมือพีมะออกจากศีรษะทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของดวงตาดำสั่งไว้ว่ายังไง ส่งยิ้มหวานกลับไปให้แต่ถูกดาราหนุ่มเมินหนีไปอีกทาง
“เป็นอะไรของเขาอีกนะเอาใจยากจริง” กุมาริกาหน้ามุ่ยทันที
“มีอะไรรึเปล่า” พีมะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหันไปทางดาราหนุ่มแล้วยืนนิ่งไป
“เปล่านี่ไม่มีอะไรสักหน่อย” กุมาริกาส่ายหน้าปฏิเสธ
กุลธีร์มองการหยอกล้อของหลานสาวกับตากล้องหนุ่มแล้วนึกไม่สบายใจ เดินมาเจอทีไรต้องเห็นมันอยู่ด้วยกันสิน่า...กุลธีร์เหลือบมองเพื่อนสาวที่ส่งสายตาให้ดูหน้าน้องชายตัวเองยิ่งทำให้เขาถอนใจ หน้านิ่งขนาดนั้นจะมองออกได้ไงว่าแทบงรู้สึกอะไร..มองดูประธานสาวพาน้องชายตัวเองเดินผ่านไปนั่งตรงที่จัดไว้รับรองตนเอง...กุลธีร์ถอนหายใจแต่ก็กวักมือเรียกหลานสาวตัวเองที่หันมามองพอดี
“กัมมี่มานี่หน่อยสิ”
“เดี๋ยวมาคุยด้วยใหม่ไปหาอากุลแป๊ป” กุมาริกายิ้มให้ตากล้องหนุ่ม
พีมะมองดูร่างเล็กที่เดินห่างออกไปอย่างอึดอัด สายตาที่ดาราหนุ่มคนนั่นมองกุมาริกามันทำให้เขาไม่ชอบใจเลยจริงๆ มีคนบอกว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ตอนนี้เขาก็คิดแบบนั้น มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่าอย่าปล่อยกุมาริกาไว้ลำพังกับผู้ชายคนนี้
“ไปคุยกับกับอาข้างนอกหน่อย” กุลธีร์บอกก่อนโอบบ่าร่างเล็กให้เดินออกไปด้วยกัน
กุมาริกาทำหน้าแหวอตาโตกับสิ่งที่อาหนุ่มสั่งแกมขอร้องเผลอพูดเสียงดังเพราะตกใจ “อะไรนะอากุลจะให้เขาพาประธานนัมกับนัมแทบงเที่ยวเหรอ”
“จะตะโกนทำไมยัยหลานไม่เห็นจะต้องตกใจอะไร ก็ยัยหลานเป็นล่ามสามารถสื่อสารกับเยรินได้เขาก็จะได้สนุกด้วยต่อให้ไปกับอา เยรินก็อาจจะหมดสนุกเพราะอาเป็นผู้ชายจะไปรู้ความชอบของผู้หญิงได้ยังไง” กุลธีร์กล่าวอ้าง
“แต่เขาไม่อยากไปนี่” กุมาริกาเริ่มกังวลใจ
“ไหนยัยหลานบอกอยากไปเที่ยวพักผ่อนนี่ไงได้ไปพักผ่อนริมทะเลดีจะตายแค่คืนเดียวเองช่วยอาหน่อยนะ”
“มันไม่ใช่แบบนี้ เขาอยากลาพักร้อนไม่ใช่แค่วันเดียว”
“ถือว่าอาขอร้อง เอาเป็นว่าจบทริปนี้แล้วอาอนุญาติให้เราพักร้อนได้ 1 อาทิตย์โอเคไหม” กุลธีร์ทำหน้าเศร้าพร้อมยื่นข้อเสนอที่หลานสาวอยากได้
กุมาริกากอดอกมองอาหนุ่มอย่างจับผิด กุลธีร์ดูกระตือรือร้นแถมยังยอมให้เธอพักตั้ง1อาทิตย์ในความเป็นจริงมันยากมาก“ตอบเขามาตามตรง ที่อาอยากให้เขาไปดูแลประธานนัมใกล้ชิดเพราะอาชอบประธานนัมใช่ป่ะ”
คำถามของหลานสาวถึงแม้มันจะจี้ใจเขาเนื่องจากมีส่วนที่ถูกอยู่แต่ก็ไม่วายลอบถอนหายใจที่กุมาริกาไม่ได้สงสัยเรื่องของดาราหนุ่ม “จะว่างั้นก็ได้แต่ยัยหลานอย่าพูดดังไปเดี๋ยวได้เอาไปลือกันผิดๆเรื่องของอากับเยรินมันไม่ได้ซับซ้อนอะไร เรามีความสุขกับความรู้สึกแบบนี้แม้ว่ามันไม่ได้พัฒนาเลยก็ตาม”
“ประธานนัมใจร้ายจัง ใจคอจะเย็นชากับคนที่หลงรักตัวเองมาตลอดแบบนี้เหรอ” กุมาริกามองอาหนุ่มอย่างสงสารที่เขามีความมั่นคงกับความรักมาก
“ไม่ต้องมาทำท่าสงสารอาหรอก เราเองยังต้องเรียนรู้รูปแบบของความรักอีกเยอะ บางครั้งความรู้สึกที่ดีระหว่างการได้รู้จักกันมันก็ไม่ได้ลงเอยด้วยความสัมพันธ์ฉันท์คนรักเสมอไปนะยัยตัวแสบ อย่างน้อยมิตรภาพดีๆระหว่างอากับเยรินมันก็ทำให้อามีความสุขกับมัน” กุลธีร์บอกกึ่งสอนหลานสาวที่มองอย่างไม่เข้าใจ
“สรุปว่าตกลงตามนั้น”
“อืม” กุมาริกาพยักหน้ารับ
ระหว่างทางที่เดินกลับมาที่ห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายแบบกุลธีร์เลือกถามในสิ่งที่เขาเองก็อยากลองหยั่งความรู้สึกของหลานสาวดู “ยัยหลานว่าแทบงเป็นยังไงบ้าง หล่อใช่ไหมล่ะ”
ร่างเล็กเดินผ่านเข้าประตูที่กุลธีร์เปิดให้ มองเห็นร่างสูงนั่งไขว่ขาดูผ่อนคลายขณะพูดคุยกับพี่สาวและผู้จัดการส่วนตัวอย่างเป็นธรรมชาติ กุมาริกามองหน้าอาหนุ่ม “อาพยายามจะบอกอะไรเขาล่ะ หล่อแล้วยังไงพรุ่งนี้เขาก็กลับประเทศของเขาแล้ว พอวันถัดไปเราก็จะเห็นว่าเขาคือคนที่เคยร่วมงานก็เท่านั้น”
คำพูดของตัวเองสร้างความเศร้าให้ตัวเธอไม่น้อย เขาเหมือนความฝันเพียงแค่เธอตื่นขึ้นเขาก็จะกลายเป็นแค่คนที่เธอเห็นแต่ไม่สามารถจับต้องได้อีกต่อไป
กุลธีร์รั้งไหล่บางเข้ามากอดยิ้มกับหลานสาวบอกเป็นนัยๆ “บางทีถ้าเราพยายามมากพอสิ่งที่เราคิดว่ามันจับต้องไม่ได้มันอาจจับต้องเราเองก็เป็นได้”
นัมเยรินลุกขึ้นยืนยิ้มหวานรับเมื่อเห็นว่ากุลธีร์กำลังเดินตรงมาที่ตัวเองพร้อมล่ามสาว “คุณกับกัมมี่นี่เหมือนเพื่อนกันมากกว่าอาหลานนะเนี่ย”
“เราเป็นคู่อาหลานที่สนิทกันเกินไปครับเยริน” กุลธีร์ตอบ
“อาหนูนินทาฉันบ่อยไหมจ๊ะ” ประธานคนสวยเอ่ยถามทีเย้า
“ไม่หรอกค่ะอากุลจะพูดถึงคุณอาแต่เรื่องดีๆ ความทรงจำที่ประทับใจเกี่ยวกับคุณอามากกว่า” ยังไม่ทันพูดจบดีร่างเล็กก็สะดุ้งจากแรงบิดที่เนื้อตรงเอวทางด้านหลังทำเอากุมาริกาซู๊ดปากทันทีเจ็บจี๊ดที่เอวจนต้องหันไปทำหน้ามุ่ยกับกุลธีร์
“หนูรู้แล้วใช่ไหมเรื่องที่ฉันขอร้องให้หนูช่วยพาเที่ยวอีกวัน ฉันทราบว่าหนูเหนื่อยมากช่วงนี้ ออกจะดูเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่จะขอให้หนูพาเที่ยวอีก” นัมเยรินเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูยินดีค่ะ”
กุมาริกายิ้มเหลือบเห็นดาราหนุ่มมองมานิ่งเหมือนเคยโดยไม่เอ่ยอะไร หญิงสาวมองไปที่มือข้างนึงของเขาที่ถือขวดน้ำขวดเปล่าไว้ “เอาน้ำเพิ่มไหมคะ”
นัมแทบงเพียงพยักหน้าไม่ได้ตอบอะไรและมองดูร่างเล็กที่เดินกลับมาที่เขาอีกครั้งพร้อมน้ำแร่อุณภูมิห้องที่เขาต้องการในมือ นิ้วยาวเรียวกำขวดน้ำที่หญิงสาวส่งมาให้รับไปดื่มเงียบๆ
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” กุมาริกาพูดเมื่อเห็นว่าตัวเองเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
ทันทีที่ร่างเล็กเดินไปคนที่ทำเป็นไม่สนใจเมื่อครู่ก็หันมองตาเขม็งก่อนถอนหายใจเมื่อเห็นร่างสูงของตากล้องที่เขารู้สึกไม่ชอบหน้าเข้าไปใกล้ชิดหญิงสาว “ผมอยากพัก”
“อิจฉาเท่ากับแพ้...” นัมเยรินมองสบตาน้องชายตนเองเลิกคิ้วกวนๆ
“ผมไม่ได้อิจฉาพี่เลิกพูดแบบนี้ได้ไหม” นัมแทบงทำหน้าเฉยชาเก็บอารมณ์กรุ่น
“สนใจเขาแล้วใช่ไหมล่ะพอเห็นเขาไปสนใจคนอื่นมากกว่าก็หงุดหงิดล่ะซิ สีหน้านายนี่มันจับง่ายชะมัด”นัมเยรินแกล้งแหย่ต่อ
“พูดบ้าอะไรผมแค่ร้อนเพราะอากาศเลยหงุดหงิดบ้างก็แค่นั้น ฮยองพูดอะไรบ้างสิพี่สาวผมเสียมารยาทกับหลานฮยองอยู่นะ” นัมแทบงถอนหายใจกับการหยักไหล่ของกุลธีร์:
“ฉันเข้าใจว่านายไม่ได้คิดอะไรกับหลานสาวฉันหรอก ไม่ต้องเดือดร้อน คู่นั้นนะเขาสนิทกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆฉันเห็นจนชินแล้ว ฉันเป็นอาสมัยใหม่เปิดกว้างเสมอสำหรับคนที่จะมาสมัครเป็นหลานเขย” กุลธีร์หันไปยิ้มกับนัมเยรินเมื่อเห็นวงหน้าหล่อเริ่มแดงขึ้น
“พวกพี่นี่มันจริงๆเลยตกลงเธอจะไปกับเราใช่ไหม” นัมแทบงถามอย่างที่ใจคิด
“ไปสิ...กอนคอนเฟิร์มแล้ว” ประธานสาวบอกยิ้ม
“ผมอยากไปตอนนี้เลย” นัมแทบงบอกแต่สายตาไม่คลาดไปจากร่างเล็กที่กำลังอยู่ในกลุ่มเพื่อน
“รีบร้อนจังนายนี่ ...ยังมีเวลาอีกเกือบสามชั่วโมงกว่าเครื่องจะออกเอาน่าเดี๋ยวพอถึงภูเก็ตอารมณ์นายจะดีเอง”กุลธีร์เอ่ยเป็นนัยแฝงความหมายบางอย่างที่ทำให้ซุปตาร์หนุ่มต้องคิดถึงมัน
ขอบคุณที่ติดตามนะคะสำหรับที่เข้ามาอ่าน
“สวัสดีคะผู้จัดการคิม คุณนัมแทบง เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมคะ” ปารีย์ทักทาย
“ครับ” นัมแทบงตอบรับสั้นๆ มองผ่านไปที่ล่ามสาวที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“สวัสดีครับคุณปารีย์ คุณล่าม ถึงอากาศจะร้อนไปบ้างแต่เพราะเหนื่อยมาทั้งวันเลยทำให้ผมหลับไม่รู้เรื่องเลย ผมนอนก่อนแทบงอีกมั้ง ” ผู้จัดการคิมตอบแทนดาราหนุ่มที่ดูเหมือนจะตอบคำถามสั้นไปก่อนเสียงกระแอมจากร่างสูงจะทำให้เขาหยุด เนื่องมาจากคำพูดที่มากเกินความจำเป็น
“ก็ใครใช้ให้นายตอบสั้นไปเล่ามันดูไม่มีมารยาท ไหนจะหน้านายอีกทำหน้าเมื่อยตั้งแต่เช้า” คิมเซจุนบ่นงึมงำ
กุมาริกาก็มีอาการไม่ปรกติในสายตาปารีย์ด้วยเหมือนกัน ดูอึดอัดชอบกลแถมดูเงียบและพูดน้อยผิดปกติแถมยังหลบตาจับผิดของเธอด้วย เมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่านะแต่เธอก็เห็นว่าซุปตาร์หนุ่มก็ดูปกติดีนี่ปารีย์มองคนทั้งคู่ก่อนหันไปบอกเมื่อเห็นรถตู้ที่มารับพร้อมแล้ว “เชิญขึ้นรถดีกว่าค่ะส่วนประธานนัมบอสจะเป็นคนมารับเองค่ะ”
กุมาริกาแอบถอนหายใจโล่งอก เนื่องจากปารีย์จัดให้ผู้จัดการคิมนั่งทางด้านหลังกับดาราหนุ่มแทนที่จะเป็นตัวเธอเหมือนเมื่อวาน โดยให้เหตุผลว่ามีงานที่ต้องคุยกันแต่พอรถตู้เริ่มวิ่งสู่ถนนใหญ่ปารีย์ก็ทำตัวเป็นนักสืบทันที
“กัมมี่...ฉันว่าแกดูแปลกๆนะบอกมาว่าเมื่อคืนมีอะไรรึเปล่า ทำไมฉันรู้สึกถึงเคมีบางอย่างระหว่างแกกับซุปตาร์ของฉัน”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แกอย่ามาจับผิดฉันนะปุยฝ้าย” กุมาริกาเอ่ยปฏิเสธตาเบิกกว้างอย่างคนถูกจับผิด
“แต่ฉันเห็นว่าเขามองแกแล้วก็ยิ้มให้ด้วยนี่ถึงจะแค่นิดหน่อยก็เหอะแต่ฉันมั่นใจว่าเขาตั้งใจยิ้มให้นะ” ปารีย์คาดคั้น
“ก็ดีแล้วนี่เขาอาจจะสะดวกใจขึ้นแล้วมั้งทำงานด้วยกันวันที่สองแล้ว นี่แกจะคิดอะไรมากมายจะให้เขาทำหน้านิ่งใส่อีกรึไงเขายิ้มให้ก็ดีแล้ว เลิกเพ้อเจ้อเลยแก” กุมาริการีบแก้ตัวก่อนตัดบทเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่
การพูดคุยหยอกล้อระหว่างสองสาวแม้จะไม่รู้ความหมายแต่ดาราหนุ่มก็อดแอบฟังเสียงล่ามสาวเพลินไม่ได้ Headphonesไร้สายเขาใส่ครอบหูไว้เพียงเพื่อลดจุดความสนใจเท่านั้นแต่ไม่ได้ฟังอะไรอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เขาเริ่มชินกับเสียงของเธอแล้วนัมแทบงบอกตัวเอง
“เชิญค่ะ” ปารีย์กางร่มคันใหญ่ให้ดาราหนุ่มเนื่องจากแสงแดดเริ่มส่องแสงจ้าแล้ว ขณะที่กุมาริกากำลังช่วยรับของจากมือผู้จัดการคิมซึ่งส่วนใหญ่คือของใช้ส่วนตัวของดาราหนุ่ม
นัมแทบงมองร่างเล็กที่กำลังรับกระเป๋าเป้ของเขามาถือไว้ในมือนิ่ง ก่อนที่ขายาวจะก้าวเข้าไปใกล้ล่ามสาวแล้วดึงกระเป๋าของตนเองมาสะพายที่ไหล่เอง การกระทำของดาราหนุ่มทำให้ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างขัดเขินในสิ่งที่เขาบอกกับเธอ “ผมถือเอง”
“เอ่อ...ค่ะ”กุมาริกาพยักหน้ายิ้มเดินนำเข้าไปโดยมีปารีย์แอบมองพฤติกรรมระหว่างดาราหนุ่มกับเพื่อนของตัวเองอยู่เงียบๆ
เมื่อดาราหนุ่มถูกนำไปเตรียมตัวโดยมีคอสตูมอย่างกีรติดูแลอย่างใกล้ชิด ร่างเล็กจึงหลบออกมาเพื่อทำหน้าที่อย่างอื่นต่อขณะที่กำลังดูเอกสารงานอยู่ก็ถูกมือดีแย่งไปจนทำให้ต้องเงยหน้ามอง “พี่นั่นเองไม่มีอะไรทำรึไงมาแกล้งเขาได้”
ตากล้องหนุ่มทรุดนั่งด้านข้างตรงพนักยาวที่จัดเตรียมไว้สำหรับทีมงาน มองใบหน้าใสที่ดูสดชื่นต่างจากเมื่อวานทำให้ค่อยเบาใจ “งานก็มีเตรียมเสร็จแล้ว แต่ห่วงคนนี้มากกว่า เห็นยิ้มได้แบบนี้แสดงว่าไม่คิดมากแล้วใช่ไหมค่อยสบายใจหน่อย พีห่วงเบบี๋แทบแย่”
กุมาริกาถอนหายใจยิ้มกว้างมองตากล้องมาดเซอร์อย่างรู้สึกขอบคุณ พีมะใส่ใจเธอเสมอตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา “ขอบใจนะ เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วไม่มีปัญหาอะไร”
“โดนดุรึเปล่า”
“ไม่หรอก” กุมาริกาส่ายหน้าก่อนนึกถึงเรื่องอื่นที่ทำให้หน้าแดงขึ้นมา
“เป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าแดงจังหรือว่าไม่สบาย” พีมะมองร่างเล็กก่อนจะยกมือขึ้นอังเพื่อตรวจสอบ
“ปะ..เปล่า” กุมาริกาดึงมืออก
“กัมมี่....”เสียงเรียกกุมาริกาจากทางด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันมอง เห็นว่าเป็นกุลธีร์กำลังเดินเข้ามากับท่านประธานคนสวย โดยมีร่างสูงของดาราหนุ่มและผู้จัดการส่วนตัวเดินตามเข้ามาด้วย เหลือบมองใบหน้าหล่อที่กำลังมองมาที่เธอนิ่งปราศจากรอยยิ้ม
“ค่ะอากุล” หญิงสาวหันไปยิ้มเจื่อนให้อาหนุ่ม ลุกขึ้นยืนโดยมีตากล้องหนุ่มลุกขึ้นยืนข้างๆด้วย
“มัวแต่มายืนคุยกันอยู่ไปเตรียมทำงานกันได้แล้ว นายแบบพร้อมแล้วเจ้าพีเริ่มทำงานกันได้” กุลธีร์บอกก่อนหันไปบอกให้ทีมงานส่วนอื่นเริ่มทำงาน โดยมีร่างสูงไม่ต่างจากนายแบบเดินเข้าไปในส่วนของฉากที่จัดไว้เพื่อถ่ายแบบ เริ่มบอกถึงมุมในการถ่ายแบบเป็นภาษาสากลเพื่อให้นายแบบหน้านิ่งเข้าใจ
เมื่อพักเบรกเพื่อให้นายแบบได้เปลี่ยนชุดรวมถึงเซตฉากใหม่ พีมะนั่งลงเพื่อเช็ครูปถ่ายผ่านหน้าจอโน้ตบุ๊คของตนเอง โดยมีกุลธีร์และประธานนัมดูร่วมดูด้วย
“รูปดูดีมากเลยค่ะพีมะชิ” นัมเยรินเอ่ยชม
##คนเกาหลีจะลงท้ายด้วย chi ออกเสียงว่า “ชิ”ต่อจากชื่อคนเป็นสรรพนามการเรียกแบบให้เกียรติเหมือนคำว่า “คุณ” ของไทย
“ผมบอกแล้วว่าตากล้องของผมไม่ธรรมดา” กุลธีร์เสริมอวดทีมงานที่แสนจะเพอร์เฟคของตนเอง
“บอสก็ชมผมเกินไปแต่ช่วยเปลี่ยนคำชมเป็นเงินท่าจะดีกว่านะฮะ” พีมะเอ่ยแซวมองเจ้านายตัวเองที่ทำท่าจะเผ่นกะบาลตนเองอย่างชอบใจ
“ไอ้ตัวแสบนี่”
“อย่าทำร้ายผมนะบอส....เสียภาพลักษณ์หมด” คำพูดของพีมะทำให้กุลธีร์หันไปมองหน้าของประธานสาวที่ยิ้มตอบกลับมาเพราะไม่เข้าใจบทสนทนาของคนทั้งคู่ ก่อนลดมือลงมองตากล้องหนุ่มอย่างคาดโทษ
การถ่ายแบบเป็นไปด้วยความราบลื่นแม้นายแบบกับตากล้องจะดูมองกันแปลกๆแต่ด้วยความเป็นมืออาชีพทำให้การทำงานออกมาเป็นที่น่าพอใจของเจ้าของ
“เยี่ยมมากเลยเจ้าพี ยอดขายปักษ์นี้ต้องถล่มถลายแน่ๆ” กุลธีร์เลื่อนเม้าท์ดูรูปที่ถ่ายเสร็จแล้วชมไม่ขาดปาก
“มันต้องออกมาดีอยู่แล้วผมน่ะตากล้องมืออาชีพนะบอส” พีมะยอตัวเองแม้จะไม่ชอบหน้านายแบบสักเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่เอามาเป็นปัญหาระหว่างทำงานอยู่แล้ว มืออาชีพต้องแยกแยะได้นั่นคือปณิธานในใจของเขา
หลายครั้งที่เขารู้สึกว่าไอ้หมอนั่นมันทำเกินกว่าเหตุไปรึเปล่า..ในระหว่างการถ่ายภาพเมื่อมีการสนทนาระหว่างตากล้องและนายแบบเกี่ยวกับการโพสท่าหรือต้องการอารมณ์แบบไหน พีมะก็ชัดเจนด้วยการสั่งงานหรือขอให้โพสท่าที่ต้องการเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ดาราหนุ่มเข้าใจแต่เจ้าหมอนั่นดันทำให้ยุ่งยากด้วยการตอบและถามเขาเป็นภาษาเกาหลีทุกครั้งเพื่อให้กุมาริกาต้องเข้ามาช่วยแปล ช่างทำให้เขาอยากจะของขึ้นนัก ถ้าไม่ติดว่าจะทำให้มีผลกระทบกับงานเจอเขาแน่...ไอ้ซุปตาร์หน้านิ่ง
ปารีย์เอ่ยทักหน้าบูดบึ้งของตากล้องหนุ่มที่นั่งหน้าหงิกมาสักพักแล้วหลังเสร็จจาการถ่ายรูปดาราหนุ่มเกาหลี “เป็นไรพีดูแกทำหน้าเขาดิ อย่างกับกินของหมดอายุ”
“เออก็คนมันหงุดหงิด เยินยอมันกันเข้าไป ออกจะเรื่องมากวุ่นวายขนาดนั้น” พีมะบ่นตาขวาง
“ฉันก็เห็นเขาปกติดีนี่แกแค่หน้านิ่งไปหน่อยแค่นั้นเอง แต่ก็ดูมีมายาทดี”
“มารยาทบ้าบออะไรของแก แกไม่เห็นเหรอมันเรื่องมากแค่ไหนฉันพูดกับมันเป็นภาษาสากลนะโว้ย...มันดันตอบกลับเป็นภาษาเกาหลี มารยาทอยู่ตรงไหนว่ะหาเรื่องให้เบบี๋มาช่วยชัดๆ” พีมะยังคงโมโห
“แกก็คิมมากกัมมี่มันเป็นล่ามเขา สกิลการพูดภาษาอังกฤษของเขามันอาจจะห่วยก็ได้กลัวตอบผิดโชว์โง่กับแกไง กับฉันเขาก็ทำแบบนี้แหละโปรดอย่าอคติกับซุปตาร์ของฉันไอ้พีอิจฉาคนหล่อตลอด” ปารีย์ตอบปนตลก
.ในขณะที่อีกมุมของสถานที่ถ่ายแบบหัวข้อในการสนทนาก็ยังอยู่ที่ดาราหนุ่มเช่นกัน ระหว่างที่กีรติกำลังจัดเสื้อผ้าที่ใช้ในการถ่ายแบบแล้วให้เข้าที่เพื่อส่งคืนสปอนเซอร์โดยมีกุมาริกากับทีมงานอีกคนช่วยหยิบจับ
“คนอะไรหล่อทุกมุมว่าไหมกัมมี่ ดูเวลายิ้มซิแกเคยได้ยินคำนี้ไหมหล่อวัวตายควายล้มมันใช่เลย อย่างพี่เคน ธีรเดชเขาก็บอกว่าหล่อทะลุแป้ง พี่ติ๊ก เจษก็หล่อทะลุป่า แต่นายแบบเกาหลีของเจ๊คนนี้ก็หล่อทะลุกิมจิเหมือนกัน ดูซิๆยิ้มทีเจ๊แทบจะละลาย”กีรติชี้ชวนให้กุมาริกาดูร่างสูงที่กำลังพูดคุยกับผู้จัดการส่วนตัวและกำลังยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะอะไรบางอย่างที่ผู้จัดการส่วนตัวเขาพูด
“เจ๊กะปุยฝ้ายน่าจะถูกมัดรวมกันนะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย นี่เจ๊เป็นคอสตูมนะไม่ใช่นักประพันธ์บรรยายความหล่อของผู้ชายซะเห็นภาพ แถมนิยามแต่ล่ะคนนี่ประหลาดๆทั้งนั้น” กุมาริกาส่ายหน้าระอา
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับยัยชะนีนั่นนะ ชิชะคิดจะเก็บซุปตาร์กิมจิของฉันเอาไว้คนเดียว ทำมาปลุกกระแสว่าสุดหล่อของฉันไม่เป็นมิตรบ้างล่ะ เรื่องมากบ้างล่ะตั้งแต่มันพาเขามาที่นี่ฉันยังไม่เห็นยัยนั่นหยุดล้อมน่าล้อมหลังนัมแทบงเลย เจ๊ว่าปุยฝ้ายมันคงกันท่าเจ๊เห็นเจ๊สวยกว่า” กีรติค้อนหน้าตูม
“หยุดหน้าง้ำแล้วไปเตรียมเก็บชุดที่สุดหล่อเจ๊ถอดกองไว้ในห้องแต่งตัวเหอะเขาไปเปลี่ยนสักพักแล้วเดี๋ยวก็รวมกันอีกหรอก หลายสปอนเซอร์ไม่ใช่เหรอ” กุมาริกาเตือนขำๆ
“เออจริงด้วย เดี๋ยวตอนส่งคืนสลับกันอีกพวกสปอนเซอร์จะมาแหกอกฉันได้ไว้ค่อยเม้าท์กันนะกัมมี่ เจ๊ไปทำงานก่อน” กีรติโบกมือเดินบิดสะโพกหายไปในห้องที่ไว้เปลี่ยนชุดของนายแบบ
กุมาริกาหันมาเจอตากล้องหนุ่มที่ยืนทำหน้าง้ำอยู่ก็หัวเราะ “เป็นอะไรไปอีกคนวันนี้เขาเจอแต่คนอารมณ์ดีเพิ่งเจอพีอารมณ์บูดคนแรกเลย”
“แล้วกัมมี่อารมณ์ดีหรืออารมณ์บูดล่ะ” พีมะถามดวงตาไม่ละไปจากใบหน้าใส
“ก็ปกตินี่ไม่ได้อารมณ์เสียอะไรแล้วก็ยังไม่ได้ดีใจอะไรเพิ่ม” ร่างเล็กหัวเราะ
“พาลอะไรหรือว่าหิว วันนี้หนุ่มฮอตประจำK ตกกระป๋องนี่นาเพราะทุกคนมัวแต่เห่อดารากันหมด เอางี้เดี๋ยวเราช่วยบริการพีเองจะได้อารมณ์ไม่เสีย เชิญนั่งที่เก้าอี้ตรงนี้ก่อนค่ะตากล้องใหญ่” กุมาริกายิ้มล้อเลียนใบหน้ามุ่ยที่ทรุดนั่งลงตรงที่ของเธอ ร่างเล็กเดินไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่แช่ไว้ในถังน้ำแข็งมาส่ง
“เห็นเราเป็นเด็กไปได้เอาของกินมาล่ออีกอย่างเราไม่ได้อิจฉาหมอนั่นสักหน่อย” มือหนาขยุ้มลงบนเส้นผมนิ่มอย่างอ่อนโยน
กุมาริกาห่อคอกับการหยอกล้อของตากล้องหนุ่มที่ชอบแกล้งแหย่เธออยู่เสมอ แต่เมื่อหันไปเจอกับดวงตาดำที่มองสบมานิ่งอยู่ทำให้อดชะงักไม่ได้ ดึงมือพีมะออกจากศีรษะทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของดวงตาดำสั่งไว้ว่ายังไง ส่งยิ้มหวานกลับไปให้แต่ถูกดาราหนุ่มเมินหนีไปอีกทาง
“เป็นอะไรของเขาอีกนะเอาใจยากจริง” กุมาริกาหน้ามุ่ยทันที
“มีอะไรรึเปล่า” พีมะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหันไปทางดาราหนุ่มแล้วยืนนิ่งไป
“เปล่านี่ไม่มีอะไรสักหน่อย” กุมาริกาส่ายหน้าปฏิเสธ
กุลธีร์มองการหยอกล้อของหลานสาวกับตากล้องหนุ่มแล้วนึกไม่สบายใจ เดินมาเจอทีไรต้องเห็นมันอยู่ด้วยกันสิน่า...กุลธีร์เหลือบมองเพื่อนสาวที่ส่งสายตาให้ดูหน้าน้องชายตัวเองยิ่งทำให้เขาถอนใจ หน้านิ่งขนาดนั้นจะมองออกได้ไงว่าแทบงรู้สึกอะไร..มองดูประธานสาวพาน้องชายตัวเองเดินผ่านไปนั่งตรงที่จัดไว้รับรองตนเอง...กุลธีร์ถอนหายใจแต่ก็กวักมือเรียกหลานสาวตัวเองที่หันมามองพอดี
“กัมมี่มานี่หน่อยสิ”
“เดี๋ยวมาคุยด้วยใหม่ไปหาอากุลแป๊ป” กุมาริกายิ้มให้ตากล้องหนุ่ม
พีมะมองดูร่างเล็กที่เดินห่างออกไปอย่างอึดอัด สายตาที่ดาราหนุ่มคนนั่นมองกุมาริกามันทำให้เขาไม่ชอบใจเลยจริงๆ มีคนบอกว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ตอนนี้เขาก็คิดแบบนั้น มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่าอย่าปล่อยกุมาริกาไว้ลำพังกับผู้ชายคนนี้
“ไปคุยกับกับอาข้างนอกหน่อย” กุลธีร์บอกก่อนโอบบ่าร่างเล็กให้เดินออกไปด้วยกัน
กุมาริกาทำหน้าแหวอตาโตกับสิ่งที่อาหนุ่มสั่งแกมขอร้องเผลอพูดเสียงดังเพราะตกใจ “อะไรนะอากุลจะให้เขาพาประธานนัมกับนัมแทบงเที่ยวเหรอ”
“จะตะโกนทำไมยัยหลานไม่เห็นจะต้องตกใจอะไร ก็ยัยหลานเป็นล่ามสามารถสื่อสารกับเยรินได้เขาก็จะได้สนุกด้วยต่อให้ไปกับอา เยรินก็อาจจะหมดสนุกเพราะอาเป็นผู้ชายจะไปรู้ความชอบของผู้หญิงได้ยังไง” กุลธีร์กล่าวอ้าง
“แต่เขาไม่อยากไปนี่” กุมาริกาเริ่มกังวลใจ
“ไหนยัยหลานบอกอยากไปเที่ยวพักผ่อนนี่ไงได้ไปพักผ่อนริมทะเลดีจะตายแค่คืนเดียวเองช่วยอาหน่อยนะ”
“มันไม่ใช่แบบนี้ เขาอยากลาพักร้อนไม่ใช่แค่วันเดียว”
“ถือว่าอาขอร้อง เอาเป็นว่าจบทริปนี้แล้วอาอนุญาติให้เราพักร้อนได้ 1 อาทิตย์โอเคไหม” กุลธีร์ทำหน้าเศร้าพร้อมยื่นข้อเสนอที่หลานสาวอยากได้
กุมาริกากอดอกมองอาหนุ่มอย่างจับผิด กุลธีร์ดูกระตือรือร้นแถมยังยอมให้เธอพักตั้ง1อาทิตย์ในความเป็นจริงมันยากมาก“ตอบเขามาตามตรง ที่อาอยากให้เขาไปดูแลประธานนัมใกล้ชิดเพราะอาชอบประธานนัมใช่ป่ะ”
คำถามของหลานสาวถึงแม้มันจะจี้ใจเขาเนื่องจากมีส่วนที่ถูกอยู่แต่ก็ไม่วายลอบถอนหายใจที่กุมาริกาไม่ได้สงสัยเรื่องของดาราหนุ่ม “จะว่างั้นก็ได้แต่ยัยหลานอย่าพูดดังไปเดี๋ยวได้เอาไปลือกันผิดๆเรื่องของอากับเยรินมันไม่ได้ซับซ้อนอะไร เรามีความสุขกับความรู้สึกแบบนี้แม้ว่ามันไม่ได้พัฒนาเลยก็ตาม”
“ประธานนัมใจร้ายจัง ใจคอจะเย็นชากับคนที่หลงรักตัวเองมาตลอดแบบนี้เหรอ” กุมาริกามองอาหนุ่มอย่างสงสารที่เขามีความมั่นคงกับความรักมาก
“ไม่ต้องมาทำท่าสงสารอาหรอก เราเองยังต้องเรียนรู้รูปแบบของความรักอีกเยอะ บางครั้งความรู้สึกที่ดีระหว่างการได้รู้จักกันมันก็ไม่ได้ลงเอยด้วยความสัมพันธ์ฉันท์คนรักเสมอไปนะยัยตัวแสบ อย่างน้อยมิตรภาพดีๆระหว่างอากับเยรินมันก็ทำให้อามีความสุขกับมัน” กุลธีร์บอกกึ่งสอนหลานสาวที่มองอย่างไม่เข้าใจ
“สรุปว่าตกลงตามนั้น”
“อืม” กุมาริกาพยักหน้ารับ
ระหว่างทางที่เดินกลับมาที่ห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายแบบกุลธีร์เลือกถามในสิ่งที่เขาเองก็อยากลองหยั่งความรู้สึกของหลานสาวดู “ยัยหลานว่าแทบงเป็นยังไงบ้าง หล่อใช่ไหมล่ะ”
ร่างเล็กเดินผ่านเข้าประตูที่กุลธีร์เปิดให้ มองเห็นร่างสูงนั่งไขว่ขาดูผ่อนคลายขณะพูดคุยกับพี่สาวและผู้จัดการส่วนตัวอย่างเป็นธรรมชาติ กุมาริกามองหน้าอาหนุ่ม “อาพยายามจะบอกอะไรเขาล่ะ หล่อแล้วยังไงพรุ่งนี้เขาก็กลับประเทศของเขาแล้ว พอวันถัดไปเราก็จะเห็นว่าเขาคือคนที่เคยร่วมงานก็เท่านั้น”
คำพูดของตัวเองสร้างความเศร้าให้ตัวเธอไม่น้อย เขาเหมือนความฝันเพียงแค่เธอตื่นขึ้นเขาก็จะกลายเป็นแค่คนที่เธอเห็นแต่ไม่สามารถจับต้องได้อีกต่อไป
กุลธีร์รั้งไหล่บางเข้ามากอดยิ้มกับหลานสาวบอกเป็นนัยๆ “บางทีถ้าเราพยายามมากพอสิ่งที่เราคิดว่ามันจับต้องไม่ได้มันอาจจับต้องเราเองก็เป็นได้”
นัมเยรินลุกขึ้นยืนยิ้มหวานรับเมื่อเห็นว่ากุลธีร์กำลังเดินตรงมาที่ตัวเองพร้อมล่ามสาว “คุณกับกัมมี่นี่เหมือนเพื่อนกันมากกว่าอาหลานนะเนี่ย”
“เราเป็นคู่อาหลานที่สนิทกันเกินไปครับเยริน” กุลธีร์ตอบ
“อาหนูนินทาฉันบ่อยไหมจ๊ะ” ประธานคนสวยเอ่ยถามทีเย้า
“ไม่หรอกค่ะอากุลจะพูดถึงคุณอาแต่เรื่องดีๆ ความทรงจำที่ประทับใจเกี่ยวกับคุณอามากกว่า” ยังไม่ทันพูดจบดีร่างเล็กก็สะดุ้งจากแรงบิดที่เนื้อตรงเอวทางด้านหลังทำเอากุมาริกาซู๊ดปากทันทีเจ็บจี๊ดที่เอวจนต้องหันไปทำหน้ามุ่ยกับกุลธีร์
“หนูรู้แล้วใช่ไหมเรื่องที่ฉันขอร้องให้หนูช่วยพาเที่ยวอีกวัน ฉันทราบว่าหนูเหนื่อยมากช่วงนี้ ออกจะดูเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่จะขอให้หนูพาเที่ยวอีก” นัมเยรินเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูยินดีค่ะ”
กุมาริกายิ้มเหลือบเห็นดาราหนุ่มมองมานิ่งเหมือนเคยโดยไม่เอ่ยอะไร หญิงสาวมองไปที่มือข้างนึงของเขาที่ถือขวดน้ำขวดเปล่าไว้ “เอาน้ำเพิ่มไหมคะ”
นัมแทบงเพียงพยักหน้าไม่ได้ตอบอะไรและมองดูร่างเล็กที่เดินกลับมาที่เขาอีกครั้งพร้อมน้ำแร่อุณภูมิห้องที่เขาต้องการในมือ นิ้วยาวเรียวกำขวดน้ำที่หญิงสาวส่งมาให้รับไปดื่มเงียบๆ
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” กุมาริกาพูดเมื่อเห็นว่าตัวเองเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
ทันทีที่ร่างเล็กเดินไปคนที่ทำเป็นไม่สนใจเมื่อครู่ก็หันมองตาเขม็งก่อนถอนหายใจเมื่อเห็นร่างสูงของตากล้องที่เขารู้สึกไม่ชอบหน้าเข้าไปใกล้ชิดหญิงสาว “ผมอยากพัก”
“อิจฉาเท่ากับแพ้...” นัมเยรินมองสบตาน้องชายตนเองเลิกคิ้วกวนๆ
“ผมไม่ได้อิจฉาพี่เลิกพูดแบบนี้ได้ไหม” นัมแทบงทำหน้าเฉยชาเก็บอารมณ์กรุ่น
“สนใจเขาแล้วใช่ไหมล่ะพอเห็นเขาไปสนใจคนอื่นมากกว่าก็หงุดหงิดล่ะซิ สีหน้านายนี่มันจับง่ายชะมัด”นัมเยรินแกล้งแหย่ต่อ
“พูดบ้าอะไรผมแค่ร้อนเพราะอากาศเลยหงุดหงิดบ้างก็แค่นั้น ฮยองพูดอะไรบ้างสิพี่สาวผมเสียมารยาทกับหลานฮยองอยู่นะ” นัมแทบงถอนหายใจกับการหยักไหล่ของกุลธีร์:
“ฉันเข้าใจว่านายไม่ได้คิดอะไรกับหลานสาวฉันหรอก ไม่ต้องเดือดร้อน คู่นั้นนะเขาสนิทกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆฉันเห็นจนชินแล้ว ฉันเป็นอาสมัยใหม่เปิดกว้างเสมอสำหรับคนที่จะมาสมัครเป็นหลานเขย” กุลธีร์หันไปยิ้มกับนัมเยรินเมื่อเห็นวงหน้าหล่อเริ่มแดงขึ้น
“พวกพี่นี่มันจริงๆเลยตกลงเธอจะไปกับเราใช่ไหม” นัมแทบงถามอย่างที่ใจคิด
“ไปสิ...กอนคอนเฟิร์มแล้ว” ประธานสาวบอกยิ้ม
“ผมอยากไปตอนนี้เลย” นัมแทบงบอกแต่สายตาไม่คลาดไปจากร่างเล็กที่กำลังอยู่ในกลุ่มเพื่อน
“รีบร้อนจังนายนี่ ...ยังมีเวลาอีกเกือบสามชั่วโมงกว่าเครื่องจะออกเอาน่าเดี๋ยวพอถึงภูเก็ตอารมณ์นายจะดีเอง”กุลธีร์เอ่ยเป็นนัยแฝงความหมายบางอย่างที่ทำให้ซุปตาร์หนุ่มต้องคิดถึงมัน
ขอบคุณที่ติดตามนะคะสำหรับที่เข้ามาอ่าน
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2558, 14:48:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2558, 10:44:05 น.
จำนวนการเข้าชม : 935
<< จูบ | เปิดใจ 7.2 >> |