ตราบฟ้าไร้ดาว
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนาม ผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น
ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้
น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ


‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’

‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’

‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’


วรินรำไพ หรือ เอ๋ย หญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้ว
นอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น


“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”

น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”

“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”

ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน

“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”

ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”

กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย

และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”


ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อค
ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’
ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจ
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย



“นรกสำหรับคุณไง!”

เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง

“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”

“...”

“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”

ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น

“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”

“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”

“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”

“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”

“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง

“โอ๊ย!!!”

จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”

ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”

“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”

“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”

เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง

“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”

“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”


ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่า
สาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ
และมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อ
จนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง


“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”

พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน

“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”

ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”

“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”

ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน


อติรัตน์ จิระธนานนท์
ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ
ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้น
นอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์


“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”

“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ

“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”

“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”

“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”

“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”

“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”

“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”




==========================================================

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

หนึ่งคอมเม้นต์คือหนึ่งแรกผลักดันและกำลังใจของคนเขียนนะคะ
แต่ยินดีต้อนรับนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ

นิยายของกันเกราเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับ สนพ. ยินดีจะลงให้อ่านจนจบเรื่องค่ะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำสัญญาแล้ว ขออนุญาตลงแค่ครึ่งเดียวนะคะ

ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เรื่อยมา
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: สับสนใจหัวใจ ๑๐๐%

และคนที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่ากำลังถูกสะกดรอยตามรอบสองด้วยไม่คาดคิดว่าพ่อแม่จะทำได้นั้น ก็กำลังวนเมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่ใต้คอนโดฯ อย่างหัวเสียเมื่อหาที่จอดไม่ได้

สุดท้ายเลยจำต้องออกไปจอดด้านหน้า แล้วรีบวิ่งผ่าฝนที่ตกหนักลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเข้าไปหน้าคอนโด แถมต้องยืนรอให้มีคนลงมาก่อน ถึงจะแอบเข้าประตูที่เปิดปิดด้วยระบบการ์ดได้

‘ก๊อกๆๆ’

เจ้าของห้องที่กำลังคุยโทรศัพท์หันไปหาประตูอยู่ครู่หนึ่ง ขณะเดินจากครัวออกมา ปากก็คุยไปด้วย “แม่ไม่ต้องเอาของกินอะไรมาเยอะแยะหรอกจ้ะ เดี๋ยวพี่ใหญ่จะบนเอ๋ยว่าให้ถือของหนักๆ นะ”

‘ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ’

“เดี๋ยวเอ๋ยจะฝากการ์ดไว้กับประชาสัมพันธ์ข้างล่าง มะรืนพอแม่มาถึงก็ขึ้นมาพักบนห้องได้เลยนะจ๊ะ เอ๋ยจะซื้อของสดไว้ในตู้เย็นให้แม่ทำของอร่อยๆ ไว้ให้กินด้วย”

‘ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ’

“แล้วเอ๋ยก็จะซื้อขนมเบื้องเจ้าอร่อยไว้ให้ยายด้วยจ้ะ งั้นแค่นี้นะคะแม่ เอ๋ยสั่งข้าวไว้จ้ะ”

เพราะความรีบเลยไม่ได้ส่องดูด้วยซ้ำว่าเป็นใคร มือบางก็เปิดประตูออกเลยทันที และเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่กับผมรองทรงสั้นกำลังชุ่มน้ำ เสื้อเชิ้ตสีขาวก็มีสภาพไม่หนีกันนัก

บวกกับความคิดถึงคนึงหาพี่หิน บวกกับความสงสารในสภาพของเขา “ผมเป็นห่วงคุณเลยรีบมาดูว่าป่วยหรือเปล่า คุณไม่ตอบข้อความผม ไม่รับสายผม”

“...”

“ขอผมเข้าไปคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหมครับ ผมคิดว่าระหว่างเราคงมีเรื่องต้องคุยกันแน่ๆ ถ้าการหายหน้าหายตาของคุณไม่ได้มาจากการป่วย”

และกับคำหวานๆ สายตาเว้าวอนรวมกันเข้าอีก เลยทำให้ร่างผอมในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เปิดประตูกว้างขึ้น เบี่ยงกายให้เขาเข้ามาในห้องได้ในที่สุด

“ฉันจะเอาผ้ามาให้คุณเช็ดผมนะคะ”

ชลธิปมองตามแผ่นหลังระหงที่กำลังเดินไปเปิดตู้ แล้วกลับมาพร้อมผ้าขนหนูกับเสื้อเชิ้ตใหม่ๆ ส่งให้เขา “เสื้อคุณเปียกค่ะ เปลี่ยนก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย”

วริญรำไพหันหลังให้ทันทีเมื่อเขารับเสื้อไปก่อน ยังไม่ทันจะได้หันมาด้วยซ้ำ “คุณเป็นห่วงผมด้วยเหรอ” เขาก็ถามขึ้นก่อน

แล้วเดินอ้อมไปหาเมื่อสวมเสื้อทับกับเสื้อกล้ามตัวในแล้ว โดยมีเสื้อตัวเก่าพาดแขนไว้ วริญรำไพเลยรวบเสื้อมาถือไว้ ยื่นผ้าให้เขาแทน

แล้วเดินเอาไปใส่ไม้แขวนผึ่งไว้ให้ตรงระเบียงหลังห้อง กลับมาอีกทีก็ยังเห็นยืนถือผ้าเช็ดตัวอยู่อย่างเดิม “รีบเช็ดผมก่อนสิคะ เดี๋ยวจะไม่สบายนะ”

แต่เขาไม่สนใจกับคำบอกนั้น นอกจากยืนจ้องมองใบหน้ารูปไข่ “คุณยังไม่ได้เลยว่าคุณห่วงผมเหรอ”

สายตาขุ่นเคืองน้อยๆ ของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อคนตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไร แต่จับผ้าขนหนูแล้วยกขึ้นไปเช็ดหน้า ผมและต้นคอให้เขาแทน

“ผมคิดถึงคุณ เป็นห่วงคุณ อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ และอยาก...”

สองมือของเขาประคองสองไหล่ระหงเอาไว้ แล้วรั้งให้ร่างผอมเข้ามาหา ส่วนใบหน้าก็ค่อยๆ โน้มลงไป กระทั่งพบกันตรงครึ่งทาง ให้ริมฝีปากเย็นเฉียบของเขาได้สัมผัสกับอีกริมฝีปากที่อุ่นและดูเหมือนจะรอรับจุมพิตจากเขาโดยไม่ต้องสงสัย

สองมือละจากไหล่ระหง เป็นโอบกอดเอาไว้ อีกมือยกขึ้นมาประคองแก้มนุ่มให้เงยขึ้น เพื่อให้เขาได้ถ่ายทอดความคิดถึงไปหาให้เธอได้รับรู้อย่างถ่องแท้ เนิ่นนานและหวานไหว

ถัดไปก็ก้าวเข้าสู่ความหนักหน่วง ดูดดื่ม ฝ่ามือที่เย็นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นร้อนทันที เมื่อสอดมือเข้าไปหาบัวงามใต้เสื้อยืดตัวบาง แล้วรวบกำไว้เพราะความพอดีมือ แต่แค่นั้นก็ทำให้ผู้เป็นเจ้าของสะดุ้งสุดตัว

สองขาเรียวอ่อนเรี่ยวแรงลงจนเกือบจะทรุด ถ้าสองแขนของเขาไม่ไวมากพอ ชลธิปตวัดแขนซ้ายลงไปหาต้นขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงออกมา แล้วยกร่างเบาราวปุยนุ่นตรงไปหาเตียงนอนทันที

ทั้งที่ริมฝีปากยังคงมอบความหอมหวานซาบซ่านทรงให้คนในอ้อมแขนอยู่ แม้ต้องวางลงไปเขาก็ไม่วายจะตามติดไปด้วยไม่ให้ขาดตอน

ส่วนมือก็ถอดถอนตะขอหน้าของบรางามอย่างเชื่องช้า ชั่วอึดใจต่อมา ก็ได้ครอบครองสองปทุมนุ่มนิ่มเรียบร้อยแล้ว

วริญรำไพสะดุ้งจนสุดตัว!

เมื่อปลายยอดต้องมืออันชำนาญการของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า กายส่วนบนแอ่นขึ้นรับเมื่อเขานำพาอุ้งปากอุ่นลงไปลิ้มลอง สองมือก็ยกขึ้นโอบกอดเขา ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของเขาอย่างเป็นสุขใจ

เมื่อทุกสัมผัสจากเขา เสมือนมีพี่หินอยู่ใกล้ๆ ในทุกการเคลื่อนไหวก็ไม่ปาน แล้วหัวใจดวงน้อยๆ ก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

‘เอ๋ยรักพี่หินค่ะ พี่หินจ๋า พี่หินของเอ๋ย’

เมื่อคำนี้ผุดขึ้นมาจากใจ จนเกือบจะเผลอเอ่ยออกมา หากไม่มีเขาเคลื่อนกายขึ้นไปประกบริมฝีปากเอาไว้ก่อน หลังจากดื่มกินกับสองปทุมงามจนพึงพอใจ หายห่วงหาได้ชั่วครู่แล้ว

ชลธิปค่อยเลื่อนฝ่ามืออุ่นลงไปตามสีข้างที่ผอมจนสัมผัสกระดูกได้แทบทุกซี่ ไล่ไปหาหน้าท้องราบเรียบไร้ไขมันแม้เพียงนิดเดียว จนพานพบกับผิวกายสาวที่หัวใจเขาวิงวอนให้สัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า

และเขาไม่อาจจะเอาชนะคำสั่งของหัวใจได้ ฝ่ามือใหญ่จึงค่อยๆ ประกบลงไปสำรวจจนถ้วนทั่ว แม้จะยังเพียงอยู่นอกร่มผ้า แต่เขาก็พามือเลื่อนขึ้นไปหาตะขอเมื่อหมายจะปลดออก

“อย่าค่ะ! ได้โปรดอย่าทำให้เราสองคนถลำลึกมากไปกว่านี้เลยนะคะ”

แต่ก็ต้องชะงักงั้น!

เมื่อมีเสียงแหบพร่าสั่งไปห้ามปรามระคนอ้อนวอนไว้ “ผมไม่คิดว่านี่คือการถลำลึกของเรา แต่ผมคิดว่าเราสองคนกำลังจะมีความสุขด้วยกัน ความสุขที่เราต่างต้องการเหมือนๆ กัน”

แต่เขาก็ไม่อยากจะทำตาม เลยส่งเสียงอ้อนวอนมาหาเพื่อขอความเห็นใจจากคนเบื้องล่าง “แต่หลังจากนั้น เราสองคนอาจจะตกอยู่แต่ในห้วงความทุกข์ก็ได้นะคะ ถ้าจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”

วริญรำไพไม่อยากให้ตัวเองต้องกลายเป็นคนแย่งของคนอื่น ถ้าคำตอบที่รอคอยบอกว่าเขาไม่ใช่พี่หินคนนั้น “ไม่! เราสองคนจะไม่มีความทุกข์อะไรเมื่อได้อยู่ด้วยกัน ปล่อยให้เราก้าวเดินต่อไปเถอะนะเอ๋ย เดินไปในทางที่เราอยากจะไป”

“แต่ฉันยังไม่แน่ใจค่ะ ได้โปรดอย่าทำร้ายฉันด้วยการทำให้ฉันสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเองไปเพราะความต้องการเพียงฉาบฉวยของเราเลยนะคะ”

“แต่ผมกลับแน่ใจอย่างไม่เคยแน่ใจในเรื่องอะไรมาก่อนในชีวิต นะเอ๋ย! ให้เรามีความสุขด้วยกันนะ”

“อย่าค่ะคุณร๊อก!”

“...”

“ฉันอยากจะมอบสิ่งที่ฉันหวงแหนให้กับคนที่ฉันแน่ใจ และหลังจากที่ฉันแต่งงานแล้วเท่านั้นค่ะ ฉันไม่อยากทำให้พ่อแม่เสียใจ นะคะ! ขอร้อง! อย่าทำให้ฉันต้องเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้เลยนะคะ”

“...”

“คุณเองก็มีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว เราจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่มีอะไรต่อมิอะไรค้างคาอยู่แบบนี้ไม่ได้นะคะ ได้โปรด!”

“จริงด้วย! ผมลืมไปสนิทเลย ผมไม่ควรจะทำร้ายคุณ ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนมากกว่านี้ ผมขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ”

ชลธิปค่อยๆ พากายออกห่างอีกกาย ที่รีบผุดลุกขึ้นใส่บราแล้วจัดเสื้อผ้าให้เขาที่ทันที “งั้นผมกลับดีกว่า ถ้าขืนอยู่ไปคุณอาจจะห้ามผมแบบเมื่อกี้ไม่ได้ก็ได้”

เขาลงจากเตียงแล้วรีบเดินตรงไปหาประตูทันที โดยมีเจ้าของห้องตามไป ประหนึ่งอยากจะมั่นใจว่าเขาจะออกไปจริงๆ จะได้ล๊อกประตูให้เรียบร้อย

“แต่คุณต้องสัญญากับผมก่อนนะ”

เขาหันกลับมาเมื่อคิดอะไรขึ้นได้ จนคนเดินตามหลังตกใจในท่าที แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือถามออกไป “อะไรคะ”

“คุณต้องตอบข้อความผมทุกครั้ง รับสายผมทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ยอมไปไหนเลย”

“ค่ะ”

เพราะอยากจะให้เขาออกไปโดยเร็ว เลยรับปากทั้งๆ ที่ยังจำคำสั่งของเจ้านายได้เป็นอย่างดี “งั้นกู๊ดไนท์ครับ” ชลธิปส่งยิ้มให้เมื่อพอใจในคำตอบ

แล้วรีบออกจากห้องไป ด้วยเกรงว่าตัวเองจะใจอ่อนหันมาหาคนข้างหลังอีกวาระและไม่ยอมผละไปไหนกระทั่งเช้านั่นเอง




กันเกรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2558, 14:45:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2558, 14:45:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 887





<< ความหวังพินพังในพริบตา ๑๐๐%   เจ็บปวดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ๑๐๐% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account