ความรัก...สีหมอก
Tags: ความรัก...สีหมอก,อิง,เอย,แก้วกุดั่น,กรรณิการ์,พัสสน,ก้องภพ
ตอน: บทที่ 5
บทที่ 5
สองวันต่อมา รถยนต์ซึ่งมีก้องภพนั่งอยู่ทางตอนหลังกำลังแล่นเข้าบ้าน รถยนต์อีกคันก็วิ่งมาจอดชิด จากนั้นแก้วกุดั่นก็ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ
“อ้าว! หนูอิงกลับมาพอดี”
ก้องภพยิ่งขุ่นใจเมื่อถูกตอกย้ำด้วยคำพูดของลุงเอก แต่เก็บความรู้สึกไว้จนรถยนต์แล่นเข้าไปจอดเทียบหน้าตึก
ชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถแล้วยังคงยืนอยู่ตรงนั้น กระทั่งเห็นคนที่เฝ้ารอกำลังเดินมาตามทาง
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
แก้วกุดั่นชะงัก ใจไม่ดีตั้งแต่เห็นก้องภพ เมื่อถูกตั้งคำถามยิ่งใจสั่น
“เพื่อนค่ะ”
ตอบแล้วแก้วกุดั่นจึงเดินต่อ เพราะไม่อยากเผชิญหน้าในขณะที่ก้องภพทำเหมือนกำลังโกรธใครสักคน
“คุยกับฉันก่อน”
ไม่เพียงคำพูดแต่ยังการดึงมือเธอเอาไว้แล้วทำท่าจะลากให้เดิน แก้วกุดั่นจึงต้องตามเขาเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาในห้องรับแขก ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยมือ
“ต่อไป ห้ามไปไหนมาไหนกับไอ้หมอนั่นอีก!”
“ทำไมอิงต้องทำแบบนั้นด้วยคะ”
“เพราะฉันไม่ชอบ!”
แก้วกุดั่นนิ่งงันพยายามจะทำความเข้าใจ แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้
“อิงคงทำไม่ได้ ทิวาเป็นเพื่อนของอิง แล้วเขาก็มีบุญคุณคอยช่วยเหลือคอยหางานให้อิงมาตลอด”
“แต่ฉันว่าคงไม่ใช่แค่นั้นหรอก”
ความไม่เข้าใจทำให้หญิงสาวนิ่งงันอีกครั้ง ในขณะที่ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้
“ตัวติดกันซะขนาดนี้ น่าจะมากกว่าเพื่อนสินะ”
เห็นรอยยิ้มที่เหมือนจะเยาะ แก้วกุดั่นก็ร้อนไปทั้งหน้าเมื่อคิดว่าเธอเข้าใจความหมายของเขาแล้ว
“ทิวาเป็นแค่เพื่อนจริง ๆ ค่ะ อิงไม่เคยทำอะไรสกปรกอย่างที่คุณก้องกำลังคิด”
“นี่เธอว่าฉันคิดสกปรกอย่างนั้นหรือ!”
เมื่อถูกชายหนุ่มกระชากไหล่ แก้วกุดั่นก็เจ็บปวดและผิดหวัง ยิ่งนึกถึงภาพวันวานตอนถูกเขาย่ำยีด้วยจูบรุนแรง น้ำใสก็เอ่อคลอในดวงตาจากความชอกช้ำใจ
ตั้งแต่วันที่เผชิญหน้ากันในห้องหนังสือจนถึงตอนนี้ ทุกคำพูดและการกระทำของก้องภพทำให้แก้วกุดั่นคิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก
เขาเกลียดเธอ
แรงบีบตรงหัวไหล่เหมือนเพิ่มขึ้นจนแก้วกุดั่นเริ่มทนไม่ไหว
“คุณก้อง ปล่อยอิงเถอะค่ะ อิงเจ็บ”
แก้วกุดั่นใจสั่นเมื่อเห็นว่าคำขอร้องนั้นส่งผลให้ก้องภพเอาแต่จับจ้อง เธอคงไม่หวั่นไหวและนึกกลัวถ้าไม่เห็นว่าเขากำลังก้มหน้าลงมา
“อย่านะคะ”
ก่อนจะเกิดเหตุซ้ำรอยในห้องหนังสือ แก้วกุดั่นก็เบือนหน้าหนีแต่ยังช้าเกินไปจนทำให้สัมผัสอุ่นประทับลงข้างแก้มแทน กระนั้นก็ยังทำให้ประหม่าและอึดอัด
“อยู่นิ่ง ๆ”
คำสั่งนั้นเหมือนเป็นคำสาปจนแก้วกุดั่นไม่กล้าดิ้นรนอีก กระทั่งเมื่อก้องภพยื่นมือมาตรึงท้ายทอย
จูบหนักหน่วงที่เหมือนจะช่วงชิงลมหายใจถูกประทับลงมาทันทีที่เธอกำลังคิดจะห้าม
แก้วกุดั่นสั่นไปทั้งตัวเมื่อก้องภพผละริมฝีปากออกแล้วซุกไซ้ไปตามซอกคอและหัวไหล่ ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจจนต้องร้องขอ
“คุณก้อง อย่าทำแบบนี้ อิงกลัว”
ในที่สุดคำพูดของเธอก็ไปกระทบโสตประสาทของเขาเมื่อดูจากการที่ก้องภพหยุดการรุกราน แต่ดวงตาที่เหมือนมีทั้งความขุ่นมัวและความต้องการบางอย่างนั้นก็ยังทำให้แก้วกุดั่นตัวสั่นสะท้าน
“ไปซะ”
ถึงแม้สัมผัสได้ถึงความเย็นชาทั้งจากน้ำเสียงและแววตา แต่แก้วกุดั่นก็นึกโล่งอกจนเกือบร้องไห้เมื่อรีบเดินไปเปิดประตูห้องแล้วก้าวออกไป
อารมณ์พลุ่งพล่านที่ยังตกค้างทำให้ก้องภพต้องกำมือแน่น ห้ามใจตัวเองไม่ให้ตามไปกระชากตัวแก้วกุดั่นแล้วทำอย่างที่ต้องการ
เขาอยากได้เธอ
ชายหนุ่มยอมรับ ยิ่งอยู่ใกล้ ได้กอดได้จูบ สัญชาตญาณดิบในตัวก็เหมือนถูกกระตุ้น
แค่หน้าตาที่เป็นพิมพ์เดียวกันอย่างนั้นหรือ เขาจึงเกือบลืมตัวจะกดเธอลงกับพื้นแล้วปลดปล่อยความต้องการของร่างกาย
หลังจากสลัดศีรษะแรง ๆ ราวกับจะขับไล่บางอย่างที่หนักอึ้ง ภาพวันวานเมื่อเขายื่นข้อเสนอให้กับแก้วกุดั่นก็ผุดขึ้น ชายหนุ่มแค่นยิ้มเมื่อหมายมาดอยู่ในใจ
ไม่ว่าคำตอบเป็นแบบไหน เธอเป็นของใครไม่ได้นอกจากเขาคนเดียว!
“เอยจะว่ายังไง ถ้า...พรุ่งนี้พวกเราต้องไปจากบ้านหลังนี้”
เพราะความวุ่นวายใจ ค่ำวันนั้นเมื่อเข้าไปในห้องนอน แก้วกุดั่นจึงตั้งคำถามกับน้องสาว
“พรุ่งนี้หรือคะ”
แก้วกุดั่นสะท้านใจเมื่อเห็นกรรณิการ์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นึกเดาได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ยินคำตอบ
“เอย...ไม่อยากไปเลยค่ะ พวกเราอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว ทำไมเราต้องไปด้วยคะ”
แก้วกุดั่นรู้ กรรณิการ์กำลังไม่เข้าใจ แต่เธอก็พูดไม่ออกเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง
ถ้าบอกว่าเธอไม่อยากขายตัวเพื่อแลกกับการอยู่ที่นี่ น้องสาวของเธอคงรับไม่ได้
หากเป็นอย่างนั้น เธอก็คงรับไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าต้องเห็นกรรณิการ์พูดไม่ได้เพราะจิตใจถูกกระทบกระเทือน
“พี่...แค่สมมุติน่ะ”
แก้วกุดั่นบอกพลางฝืนยิ้ม นึกโล่งใจเมื่อเห็นกรรณิการ์เลิกทำหน้าเศร้า พลันคำพูดของมารดาที่พร่ำบอกให้เธอดูแลและปกป้องน้องก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ ทำให้หญิงสาวตัดสินใจ
เธอยินดีแลกความสุขทั้งหมด เพื่อรักษารอยยิ้มของน้องเอาไว้
กลางดึกคืนนั้น เมื่อไม่อาจข่มตาหลับแก้วกุดั่นจึงลงมาเดินเล่นในสวน
ท่ามกลางความเงียบเหงา หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังบนโลกกว้างใหญ่ ความขมขื่นและหดหู่ยิ่งเกาะกินหัวใจเมื่อนึกถึงวันพรุ่งนี้
“เธอต้องเป็นผู้หญิงของฉัน!”
น้ำตาจากความสะเทือนใจรินไหลเมื่อคำพูดของก้องภพผุดขึ้นจากความทรงจำ
“ถ้าอย่างนั้น เธอกับน้องเตรียมออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย!”
ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจริง ๆ
หญิงสาวสะอื้นก่อนทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้า จากนั้นก็เอาแต่ร้องไห้
วันรุ่งขึ้น เมื่อลงมาจากตึกใหญ่ ก้องภพนึกแปลกใจเพราะไม่เห็นลุงเอกยืนรอข้างรถยนต์เหมือนทุกวัน กำลังมองไปรอบ ๆ เพื่อหาใครสักคนก็เห็นลุงเอกกำลังเดินมาจากสวนข้างบ้าน
“ขอโทษครับ ผมแวะเอายาไปให้หนูเอย”
ชายหนุ่มนิ่วหน้า ก่อนถาม
“ยาอะไร”
“ยาแก้ปวดครับ เมื่อครู่หนูเอยมาบอกว่าหนูอิงเธอบ่นปวดหัวแต่ที่บ้านไม่มียา ผมเลยไปขอจากแม่รัตน์แล้วเอาไปให้”
“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่ทราบครับ เจอแต่หนูเอย หนูอิงคงยังนอนอยู่ในห้อง”
วูบหนึ่ง ก้องภพนึกห่วงแต่วินาทีถัดมาเขาก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปเถอะ เช้านี้ผมมีประชุมเดี๋ยวไม่ทัน”
หากเมื่อลุงเอกเดินมาเปิดประตูตอนหลังให้ ก้องภพก็มองไปทางที่ทอดสู่ตึกเล็กครู่หนึ่ง ก่อนหักใจก้าวขึ้นไปนั่งบนรถยนต์
“พี่เอย ลุกมากินข้าวก่อนค่ะจะได้กินยา”
แก้วกุดั่นฝืนพยุงตัวขึ้นมาพิงหัวเตียงเมื่อได้ยินเสียงเรียกซึ่งมาพร้อมกลิ่นอาหารที่โชยเข้าจมูก ก่อนจับจ้องน้องสาวซึ่งกำลังเดินถือถาดอาหารมาวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง
“ข้าวต้มปลาค่ะพี่อิง ป้ารัตน์ฝากคนมาให้แล้วยังบอกด้วยว่าให้พี่อิงกินเยอะ ๆ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็โทร. ไปบอก”
พี่สาวเพียงแต่ยิ้ม ขณะที่น้องสาวยังพูดต่อ
“กินข้าวต้มแล้วพี่อิงก็กินยาสองเม็ดนะคะ จะได้หายเร็ว ๆ”
แก้วกุดั่นหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดตอนท้ายนั้น ก่อนหลับตาเพราะอาการแสบเคือง
“ปวดหัวมากหรือคะ”
คำถามนั้นตามติดมาทันทีราวกับกรรณิการ์จับจ้องเธอทุกอิริยาบถ ทำให้แก้วกุดั่นต้องลืมตาแล้วฝืนยิ้มให้
“เปล่าจ้ะ”
หญิงสาวบอกปัดเพราะไม่อยากให้น้องกังวล หากในใจนึกถึงตอนอยู่ในสวนหลังบ้าน
เมื่อคืนคงเพราะร้องไห้มากไป
“แล้วพี่อิงจะไปเรียนไหวหรือคะ”
“บางทีพี่อาจไม่ไป”
ขอเวลาเธอทำใจอีกนิด
หญิงสาวคิดเมื่อนึกถึงช่วงเย็นที่เธอต้องให้คำตอบกับก้องภพ
“ดีค่ะ เอยก็อยากให้พี่อิงนอนพัก”
“แล้วเอยล่ะ ป่านนี้ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ”
“เอยอยากอยู่ดูแลพี่อิงค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่ไม่เป็นอะไรมาก เอยไปเรียนเถอะไม่ต้องห่วงพี่”
เห็นน้องสาวทำท่าอิดออด แก้วกุดั่นก็ยิ้มให้ก่อนสำทับ
“เชื่อพี่ ไปเรียนเถอะ”
เมื่อกรรณิการ์เดินออกไปจากห้องแล้ว แก้วกุดั่นก็ถอนหายใจ
วันนี้แล้วสินะที่ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไป
แม้บอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจ แต่เมื่อถึงตอนบ่ายความกังวลก็รุมเร้าจนก้องภพทนไม่ไหวต้องโทร.ถามอาการของแก้วกุดั่นกับป้ารัตน์ พอรู้ว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไรมากความหนักอึ้งที่กดทับในอกตั้งแต่เช้าก็เบาบาง
คนอยู่บ้านเดียวกัน ถ้าไม่ใส่ใจเลยก็คงแล้งน้ำใจไปหน่อย
นั่นคือเหตุผลที่ชายหนุ่มให้กับตัวเอง ก่อนเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะพลางครุ่นคิด
ดูท่า วันนี้เขาคงไม่ได้คำตอบ
กระนั้น เสี้ยวหนึ่งในใจก็นึกสงสัย
หรือแก้วกุดั่นจะป่วยการเมือง
ความคิดนั้นก่อให้เกิดรอยยิ้มตรงมุมปากเมื่อนึกเยาะอยู่ในใจ
ถึงคิดจะหนีก็คงได้แค่ชั่วคราว เพราะไม่ว่ายังไงเขาไม่มีวันปล่อยเธอ!
เพราะความเป็นห่วง เลิกเรียนแล้วกรรณิการ์จึงคิดจะแวะร้านขายยาซึ่งอยู่ในซอยข้างมหาวิทยาลัยเพื่อซื้อยาไปให้พี่สาว ระหว่างทางเห็นชายหญิงราวสิบคนกำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกล ด้วยความอยากรู้เธอจึงถามกับเจ้าของร้านยาจนได้ความว่าก่อนหน้านี้มีชายหญิงทะเลาะกันจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ฝ่ายชายใช้มีดแทงฝ่ายหญิงก่อนจะหลบหนี ในขณะที่พลเมืองดีโทร.เรียกรถพยาบาลให้มารับตัวคนเจ็บ
เมื่อก้าวออกมาจากร้าน กรรณิการ์ก็พบว่ากลุ่มคนพากันสลายตัวไปจนหมด ขณะจะเดินตรงไปปากซอยที่ทอดสู่ถนนใหญ่เพื่อไปขึ้นรถประจำทาง เธอก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนพื้น
กุหลาบสีชมพู
เด็กสาวนึกแปลกใจ ความอ่อนโยนในจิตใจบวกกับความชื่นชอบดอกไม้ ทำให้เจ้าตัวอดไม่ได้ต้องก้มลงไปเก็บ
คงมีใครทำหล่นเอาไว้
กรรณิการ์คิดพลางจับจ้องดอกไม้ในมือ หากเมื่อกำลังจะเดินต่อ รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามา
หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งด้วยความแปลกใจเพราะรู้สึกว่ารถคันนี้เหมือนตั้งใจวิ่งมาจอดเทียบตรงหน้าเธอ เด็กสาวก็ตัดสินใจจะเดินต่อ
ในตอนนั้นเอง ประตูด้านข้างคนขับก็เปิดออก
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดและกางเกงสีขาวซึ่งกำลังก้าวลงมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้เด็กสาวต้องยิ้มตอบเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงอยากถามทาง
ทว่าเสี้ยวนาทีถัดมา คนที่มีรอยยิ้มเป็นมิตรก็กระชากตัวเด็กสาว ในขณะที่อาศัยความว่องไวเปิดประตูทางตอนหลังไปด้วย ก่อนจับร่างเล็กยัดเข้าไปข้างใน จากนั้นจึงเปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่งด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เหมือนเดิม
ไม่กี่วินาที รถยนต์คันนั้นก็แล่นออกไปจากซอยโดยปราศจากพยานรู้เห็นเหตุการณ์
______________________________________________________
ตอนใหม่มาแล้วค่ะ ^__^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
ปิ่นนลิน : เน๊อะ..คุณก้องเนี่ยใจร้ายจริง ๆ อ่ะ แต่ดูท่าจะน้อยกว่าคนที่สร้างคุณก้องขึ้นมา ฮ่าาาา
Zephyr : ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ย้อนหลังค่ะ..ฮ่าาาาา ถ้าอยากตบเฮียก้องวันไหน นัดพันวลีด้วยนะคะ จะได้ไปร่วมด้วยช่วยกัน
สองวันต่อมา รถยนต์ซึ่งมีก้องภพนั่งอยู่ทางตอนหลังกำลังแล่นเข้าบ้าน รถยนต์อีกคันก็วิ่งมาจอดชิด จากนั้นแก้วกุดั่นก็ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ
“อ้าว! หนูอิงกลับมาพอดี”
ก้องภพยิ่งขุ่นใจเมื่อถูกตอกย้ำด้วยคำพูดของลุงเอก แต่เก็บความรู้สึกไว้จนรถยนต์แล่นเข้าไปจอดเทียบหน้าตึก
ชายหนุ่มก้าวลงมาจากรถแล้วยังคงยืนอยู่ตรงนั้น กระทั่งเห็นคนที่เฝ้ารอกำลังเดินมาตามทาง
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
แก้วกุดั่นชะงัก ใจไม่ดีตั้งแต่เห็นก้องภพ เมื่อถูกตั้งคำถามยิ่งใจสั่น
“เพื่อนค่ะ”
ตอบแล้วแก้วกุดั่นจึงเดินต่อ เพราะไม่อยากเผชิญหน้าในขณะที่ก้องภพทำเหมือนกำลังโกรธใครสักคน
“คุยกับฉันก่อน”
ไม่เพียงคำพูดแต่ยังการดึงมือเธอเอาไว้แล้วทำท่าจะลากให้เดิน แก้วกุดั่นจึงต้องตามเขาเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาในห้องรับแขก ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยมือ
“ต่อไป ห้ามไปไหนมาไหนกับไอ้หมอนั่นอีก!”
“ทำไมอิงต้องทำแบบนั้นด้วยคะ”
“เพราะฉันไม่ชอบ!”
แก้วกุดั่นนิ่งงันพยายามจะทำความเข้าใจ แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้
“อิงคงทำไม่ได้ ทิวาเป็นเพื่อนของอิง แล้วเขาก็มีบุญคุณคอยช่วยเหลือคอยหางานให้อิงมาตลอด”
“แต่ฉันว่าคงไม่ใช่แค่นั้นหรอก”
ความไม่เข้าใจทำให้หญิงสาวนิ่งงันอีกครั้ง ในขณะที่ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้
“ตัวติดกันซะขนาดนี้ น่าจะมากกว่าเพื่อนสินะ”
เห็นรอยยิ้มที่เหมือนจะเยาะ แก้วกุดั่นก็ร้อนไปทั้งหน้าเมื่อคิดว่าเธอเข้าใจความหมายของเขาแล้ว
“ทิวาเป็นแค่เพื่อนจริง ๆ ค่ะ อิงไม่เคยทำอะไรสกปรกอย่างที่คุณก้องกำลังคิด”
“นี่เธอว่าฉันคิดสกปรกอย่างนั้นหรือ!”
เมื่อถูกชายหนุ่มกระชากไหล่ แก้วกุดั่นก็เจ็บปวดและผิดหวัง ยิ่งนึกถึงภาพวันวานตอนถูกเขาย่ำยีด้วยจูบรุนแรง น้ำใสก็เอ่อคลอในดวงตาจากความชอกช้ำใจ
ตั้งแต่วันที่เผชิญหน้ากันในห้องหนังสือจนถึงตอนนี้ ทุกคำพูดและการกระทำของก้องภพทำให้แก้วกุดั่นคิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก
เขาเกลียดเธอ
แรงบีบตรงหัวไหล่เหมือนเพิ่มขึ้นจนแก้วกุดั่นเริ่มทนไม่ไหว
“คุณก้อง ปล่อยอิงเถอะค่ะ อิงเจ็บ”
แก้วกุดั่นใจสั่นเมื่อเห็นว่าคำขอร้องนั้นส่งผลให้ก้องภพเอาแต่จับจ้อง เธอคงไม่หวั่นไหวและนึกกลัวถ้าไม่เห็นว่าเขากำลังก้มหน้าลงมา
“อย่านะคะ”
ก่อนจะเกิดเหตุซ้ำรอยในห้องหนังสือ แก้วกุดั่นก็เบือนหน้าหนีแต่ยังช้าเกินไปจนทำให้สัมผัสอุ่นประทับลงข้างแก้มแทน กระนั้นก็ยังทำให้ประหม่าและอึดอัด
“อยู่นิ่ง ๆ”
คำสั่งนั้นเหมือนเป็นคำสาปจนแก้วกุดั่นไม่กล้าดิ้นรนอีก กระทั่งเมื่อก้องภพยื่นมือมาตรึงท้ายทอย
จูบหนักหน่วงที่เหมือนจะช่วงชิงลมหายใจถูกประทับลงมาทันทีที่เธอกำลังคิดจะห้าม
แก้วกุดั่นสั่นไปทั้งตัวเมื่อก้องภพผละริมฝีปากออกแล้วซุกไซ้ไปตามซอกคอและหัวไหล่ ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจจนต้องร้องขอ
“คุณก้อง อย่าทำแบบนี้ อิงกลัว”
ในที่สุดคำพูดของเธอก็ไปกระทบโสตประสาทของเขาเมื่อดูจากการที่ก้องภพหยุดการรุกราน แต่ดวงตาที่เหมือนมีทั้งความขุ่นมัวและความต้องการบางอย่างนั้นก็ยังทำให้แก้วกุดั่นตัวสั่นสะท้าน
“ไปซะ”
ถึงแม้สัมผัสได้ถึงความเย็นชาทั้งจากน้ำเสียงและแววตา แต่แก้วกุดั่นก็นึกโล่งอกจนเกือบร้องไห้เมื่อรีบเดินไปเปิดประตูห้องแล้วก้าวออกไป
อารมณ์พลุ่งพล่านที่ยังตกค้างทำให้ก้องภพต้องกำมือแน่น ห้ามใจตัวเองไม่ให้ตามไปกระชากตัวแก้วกุดั่นแล้วทำอย่างที่ต้องการ
เขาอยากได้เธอ
ชายหนุ่มยอมรับ ยิ่งอยู่ใกล้ ได้กอดได้จูบ สัญชาตญาณดิบในตัวก็เหมือนถูกกระตุ้น
แค่หน้าตาที่เป็นพิมพ์เดียวกันอย่างนั้นหรือ เขาจึงเกือบลืมตัวจะกดเธอลงกับพื้นแล้วปลดปล่อยความต้องการของร่างกาย
หลังจากสลัดศีรษะแรง ๆ ราวกับจะขับไล่บางอย่างที่หนักอึ้ง ภาพวันวานเมื่อเขายื่นข้อเสนอให้กับแก้วกุดั่นก็ผุดขึ้น ชายหนุ่มแค่นยิ้มเมื่อหมายมาดอยู่ในใจ
ไม่ว่าคำตอบเป็นแบบไหน เธอเป็นของใครไม่ได้นอกจากเขาคนเดียว!
“เอยจะว่ายังไง ถ้า...พรุ่งนี้พวกเราต้องไปจากบ้านหลังนี้”
เพราะความวุ่นวายใจ ค่ำวันนั้นเมื่อเข้าไปในห้องนอน แก้วกุดั่นจึงตั้งคำถามกับน้องสาว
“พรุ่งนี้หรือคะ”
แก้วกุดั่นสะท้านใจเมื่อเห็นกรรณิการ์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นึกเดาได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ยินคำตอบ
“เอย...ไม่อยากไปเลยค่ะ พวกเราอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว ทำไมเราต้องไปด้วยคะ”
แก้วกุดั่นรู้ กรรณิการ์กำลังไม่เข้าใจ แต่เธอก็พูดไม่ออกเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง
ถ้าบอกว่าเธอไม่อยากขายตัวเพื่อแลกกับการอยู่ที่นี่ น้องสาวของเธอคงรับไม่ได้
หากเป็นอย่างนั้น เธอก็คงรับไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าต้องเห็นกรรณิการ์พูดไม่ได้เพราะจิตใจถูกกระทบกระเทือน
“พี่...แค่สมมุติน่ะ”
แก้วกุดั่นบอกพลางฝืนยิ้ม นึกโล่งใจเมื่อเห็นกรรณิการ์เลิกทำหน้าเศร้า พลันคำพูดของมารดาที่พร่ำบอกให้เธอดูแลและปกป้องน้องก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ ทำให้หญิงสาวตัดสินใจ
เธอยินดีแลกความสุขทั้งหมด เพื่อรักษารอยยิ้มของน้องเอาไว้
กลางดึกคืนนั้น เมื่อไม่อาจข่มตาหลับแก้วกุดั่นจึงลงมาเดินเล่นในสวน
ท่ามกลางความเงียบเหงา หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังบนโลกกว้างใหญ่ ความขมขื่นและหดหู่ยิ่งเกาะกินหัวใจเมื่อนึกถึงวันพรุ่งนี้
“เธอต้องเป็นผู้หญิงของฉัน!”
น้ำตาจากความสะเทือนใจรินไหลเมื่อคำพูดของก้องภพผุดขึ้นจากความทรงจำ
“ถ้าอย่างนั้น เธอกับน้องเตรียมออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย!”
ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจริง ๆ
หญิงสาวสะอื้นก่อนทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้า จากนั้นก็เอาแต่ร้องไห้
วันรุ่งขึ้น เมื่อลงมาจากตึกใหญ่ ก้องภพนึกแปลกใจเพราะไม่เห็นลุงเอกยืนรอข้างรถยนต์เหมือนทุกวัน กำลังมองไปรอบ ๆ เพื่อหาใครสักคนก็เห็นลุงเอกกำลังเดินมาจากสวนข้างบ้าน
“ขอโทษครับ ผมแวะเอายาไปให้หนูเอย”
ชายหนุ่มนิ่วหน้า ก่อนถาม
“ยาอะไร”
“ยาแก้ปวดครับ เมื่อครู่หนูเอยมาบอกว่าหนูอิงเธอบ่นปวดหัวแต่ที่บ้านไม่มียา ผมเลยไปขอจากแม่รัตน์แล้วเอาไปให้”
“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่ทราบครับ เจอแต่หนูเอย หนูอิงคงยังนอนอยู่ในห้อง”
วูบหนึ่ง ก้องภพนึกห่วงแต่วินาทีถัดมาเขาก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปเถอะ เช้านี้ผมมีประชุมเดี๋ยวไม่ทัน”
หากเมื่อลุงเอกเดินมาเปิดประตูตอนหลังให้ ก้องภพก็มองไปทางที่ทอดสู่ตึกเล็กครู่หนึ่ง ก่อนหักใจก้าวขึ้นไปนั่งบนรถยนต์
“พี่เอย ลุกมากินข้าวก่อนค่ะจะได้กินยา”
แก้วกุดั่นฝืนพยุงตัวขึ้นมาพิงหัวเตียงเมื่อได้ยินเสียงเรียกซึ่งมาพร้อมกลิ่นอาหารที่โชยเข้าจมูก ก่อนจับจ้องน้องสาวซึ่งกำลังเดินถือถาดอาหารมาวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง
“ข้าวต้มปลาค่ะพี่อิง ป้ารัตน์ฝากคนมาให้แล้วยังบอกด้วยว่าให้พี่อิงกินเยอะ ๆ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็โทร. ไปบอก”
พี่สาวเพียงแต่ยิ้ม ขณะที่น้องสาวยังพูดต่อ
“กินข้าวต้มแล้วพี่อิงก็กินยาสองเม็ดนะคะ จะได้หายเร็ว ๆ”
แก้วกุดั่นหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดตอนท้ายนั้น ก่อนหลับตาเพราะอาการแสบเคือง
“ปวดหัวมากหรือคะ”
คำถามนั้นตามติดมาทันทีราวกับกรรณิการ์จับจ้องเธอทุกอิริยาบถ ทำให้แก้วกุดั่นต้องลืมตาแล้วฝืนยิ้มให้
“เปล่าจ้ะ”
หญิงสาวบอกปัดเพราะไม่อยากให้น้องกังวล หากในใจนึกถึงตอนอยู่ในสวนหลังบ้าน
เมื่อคืนคงเพราะร้องไห้มากไป
“แล้วพี่อิงจะไปเรียนไหวหรือคะ”
“บางทีพี่อาจไม่ไป”
ขอเวลาเธอทำใจอีกนิด
หญิงสาวคิดเมื่อนึกถึงช่วงเย็นที่เธอต้องให้คำตอบกับก้องภพ
“ดีค่ะ เอยก็อยากให้พี่อิงนอนพัก”
“แล้วเอยล่ะ ป่านนี้ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ”
“เอยอยากอยู่ดูแลพี่อิงค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่ไม่เป็นอะไรมาก เอยไปเรียนเถอะไม่ต้องห่วงพี่”
เห็นน้องสาวทำท่าอิดออด แก้วกุดั่นก็ยิ้มให้ก่อนสำทับ
“เชื่อพี่ ไปเรียนเถอะ”
เมื่อกรรณิการ์เดินออกไปจากห้องแล้ว แก้วกุดั่นก็ถอนหายใจ
วันนี้แล้วสินะที่ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไป
แม้บอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจ แต่เมื่อถึงตอนบ่ายความกังวลก็รุมเร้าจนก้องภพทนไม่ไหวต้องโทร.ถามอาการของแก้วกุดั่นกับป้ารัตน์ พอรู้ว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไรมากความหนักอึ้งที่กดทับในอกตั้งแต่เช้าก็เบาบาง
คนอยู่บ้านเดียวกัน ถ้าไม่ใส่ใจเลยก็คงแล้งน้ำใจไปหน่อย
นั่นคือเหตุผลที่ชายหนุ่มให้กับตัวเอง ก่อนเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะพลางครุ่นคิด
ดูท่า วันนี้เขาคงไม่ได้คำตอบ
กระนั้น เสี้ยวหนึ่งในใจก็นึกสงสัย
หรือแก้วกุดั่นจะป่วยการเมือง
ความคิดนั้นก่อให้เกิดรอยยิ้มตรงมุมปากเมื่อนึกเยาะอยู่ในใจ
ถึงคิดจะหนีก็คงได้แค่ชั่วคราว เพราะไม่ว่ายังไงเขาไม่มีวันปล่อยเธอ!
เพราะความเป็นห่วง เลิกเรียนแล้วกรรณิการ์จึงคิดจะแวะร้านขายยาซึ่งอยู่ในซอยข้างมหาวิทยาลัยเพื่อซื้อยาไปให้พี่สาว ระหว่างทางเห็นชายหญิงราวสิบคนกำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกล ด้วยความอยากรู้เธอจึงถามกับเจ้าของร้านยาจนได้ความว่าก่อนหน้านี้มีชายหญิงทะเลาะกันจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ฝ่ายชายใช้มีดแทงฝ่ายหญิงก่อนจะหลบหนี ในขณะที่พลเมืองดีโทร.เรียกรถพยาบาลให้มารับตัวคนเจ็บ
เมื่อก้าวออกมาจากร้าน กรรณิการ์ก็พบว่ากลุ่มคนพากันสลายตัวไปจนหมด ขณะจะเดินตรงไปปากซอยที่ทอดสู่ถนนใหญ่เพื่อไปขึ้นรถประจำทาง เธอก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนพื้น
กุหลาบสีชมพู
เด็กสาวนึกแปลกใจ ความอ่อนโยนในจิตใจบวกกับความชื่นชอบดอกไม้ ทำให้เจ้าตัวอดไม่ได้ต้องก้มลงไปเก็บ
คงมีใครทำหล่นเอาไว้
กรรณิการ์คิดพลางจับจ้องดอกไม้ในมือ หากเมื่อกำลังจะเดินต่อ รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามา
หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งด้วยความแปลกใจเพราะรู้สึกว่ารถคันนี้เหมือนตั้งใจวิ่งมาจอดเทียบตรงหน้าเธอ เด็กสาวก็ตัดสินใจจะเดินต่อ
ในตอนนั้นเอง ประตูด้านข้างคนขับก็เปิดออก
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดและกางเกงสีขาวซึ่งกำลังก้าวลงมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้เด็กสาวต้องยิ้มตอบเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงอยากถามทาง
ทว่าเสี้ยวนาทีถัดมา คนที่มีรอยยิ้มเป็นมิตรก็กระชากตัวเด็กสาว ในขณะที่อาศัยความว่องไวเปิดประตูทางตอนหลังไปด้วย ก่อนจับร่างเล็กยัดเข้าไปข้างใน จากนั้นจึงเปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่งด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เหมือนเดิม
ไม่กี่วินาที รถยนต์คันนั้นก็แล่นออกไปจากซอยโดยปราศจากพยานรู้เห็นเหตุการณ์
______________________________________________________
ตอนใหม่มาแล้วค่ะ ^__^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
ปิ่นนลิน : เน๊อะ..คุณก้องเนี่ยใจร้ายจริง ๆ อ่ะ แต่ดูท่าจะน้อยกว่าคนที่สร้างคุณก้องขึ้นมา ฮ่าาาา
Zephyr : ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ย้อนหลังค่ะ..ฮ่าาาาา ถ้าอยากตบเฮียก้องวันไหน นัดพันวลีด้วยนะคะ จะได้ไปร่วมด้วยช่วยกัน
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2558, 10:31:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2558, 11:05:56 น.
จำนวนการเข้าชม : 1401
<< บทที่ 4 | บทที่ 6 >> |
ปิ่นนลิน 24 ก.ย. 2558, 16:25:53 น.
อ้าวๆๆๆ น้องเอยโดนจับไปไหนแล้วว
พี่ก้องนี่ขัดใจจริงๆ อ่อนโยนหน่อยก็ไม่เป็นนะ!
อ้าวๆๆๆ น้องเอยโดนจับไปไหนแล้วว
พี่ก้องนี่ขัดใจจริงๆ อ่อนโยนหน่อยก็ไม่เป็นนะ!