ยกเลิก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 5

เมื่อมีอุปสรรค ความรักไม่เป็นไปอย่างที่ฝัน วันที่ฉันและเขาต้องหันหลังให้กัน ใครจะคิดว่าจะมีวันนั้น ...ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ปีสี่กำลังวุ่นอยู่กับการออกฝึกงานนอกพื้นที่และเตรียมสอบเพื่อจบภาคการศึกษาสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย กระแสคู่จิ้นระหว่างแอนดี้และนางเอกคู่บุญ ที่ผู้จัดแทบจะเตรียมละครให้เรื่องชนเรื่อง เพราะเล่นคู่กันแล้ว...เปรี้ยงทุกเรื่อง..โกยเรทติ้งกระจุยทิ้งช่องคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่น ทำให้ระยะทางระหว่างเราไกลกัน...และยิ่งห่างออกไปเหมือนเส้นตรงที่ถูกขีดออกไปคนละด้าน..
.เมื่อก่อนฉันเป็นคนประเภทเอาแต่ใจ(โดยไม่ดูหนังหน้าว่ามันคู่ควรมั้ย) แค่เห็นว่าเขาเล่นละครคู่กันแล้วดังมาก ในใจก็หวั่นไหว และยิ่งรู้ว่าพวกเขาเป็นคู่จิ้นในจอที่ใครๆก็เชียร์ให้จิ้นนอกจอด้วยก็ยิ่งหึงอย่างหน้ามืด ถึงขนาดยื่นคำขาดไม่ให้เขารับละครกับนางเอกคนนี้อีก! ตอนแรกเขาก็คอยอธิบายเหตุผลให้ฉันเข้าใจว่าเป็นเรื่องงาน กระแสก็คือกระแส...เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง แต่ความหึงกลับบดบังการรับรู้ความจริงของฉันจนหมดสิ้น
“..มันก็แค่คำแก้ตัวที่นายอยากให้ฉันสบายใจใช่มั้ย...ไม่รู้ล่ะยังไงนายก็ต้องเลือก..ระหว่างฉันกับผู้หญิงคนนั้น!!” เขาคงยังพยายามอธิบายให้ฉันเข้าใจ..แต่คราวนี้มันไม่เป็นผล ยังไงเขาก็ต้องเลือก ฉันต่อว่าเขาอย่างบ้าคลั่ง...ทำตัวเหมือนปีศาจร้ายแม้กระทั่งตอนนี้ตัวเองยังจำได้ไม่หมดเลยว่าว่าอะไรเขาไปบ้าง...แต่ที่แน่ๆต้องมีอะไรที่ทำให้ความอดทนของเขาหมดลง
“...ฉันไม่เคยบอกว่า..เรา..เป็นแฟนกัน!!..”
เป็นความรู้สึกเจ็บปวดเดียวที่จดจำได้หลังจากที่ฉันได้ตัดสินใจก้าวออกมาจากบ้านหลังนั้น...ข้อดีอย่างหนึ่งของการเกิดมาเป็นฉันคือรักตัวเอง เรื่องของโดมช่วยสอนฉันว่าฉันควรรักตัวเองยังไง ฉันจึงหันมาทุ่มเททุกอย่างให้กับเรื่องเรียน และสิงร่างอยู่ที่หอพักทุกวันหยุดไม่กลับไปที่บ้านแอนดี้อีกเลย

ในที่สุดฉันก็ไม่ทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวัง ฉันเรียนจบนำใบปริญญามาให้พ่อกับแม่ได้สมใจ และยังสอบใบอนุญาตของวิชาชีพได้อีกด้วย ฉันได้เข้าทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันเลือกที่จะไม่สนใจและติดตามผลงานของแอนดี้อีกเลย จึงไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ฉันรู้อยู่อย่างเดียวว่าหน้าที่ของฉันมีอะไร
แต่เส้นทางระหว่างเรามันคงเริ่มที่จะไม่ใช่เส้นตรงอีกแล้ว ปลายของเส้นทางทั้งสองข้างจึงได้ถูกขีดมาเจอะกันอีกครั้ง วันนั้นเป็นวันบันทึกเทปรายการของที่ทำงานเพื่อใช้ออกอากาศในวันเปิดรับบริจาคของโรงพยาบาล สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้ส่งทีมนักแสดงมาร่วมแสดงเพื่อช่วยโปรโมทและเชิญชวนให้มาบริจาคกัน และวันนั้นก็เป็นวันที่เส้นทางของฉันกับแอนดี้มาบรรจบกัน
ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจเขา เขาก็ทำเป็นไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน แต่เขาช่างเล่นละครได้เก่งเหมือนเดิมเพราะเล่นบทไม่รู้จักกันระหว่างเราได้แนบเนียนมาก ตรงข้ามกับฉันที่ต้องเก็บกดความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านให้มันอยู่แต่ข้างใน..แต่มันก็ไม่เลวร้ายจนเกินไปนักเมื่อดูเหมือนว่างานนี้จะมีซุปตาร์คนเดียวที่มาร่วมงานคือเขา นอกนั้นเป็นทีมงานล้วนๆ ทุกคนต่างสนใจและสาละวนอยู่กับงานของตัวเองจนไม่มีใครสนใจความผิดปกติเล็กๆที่เกิดขึ้นในกอง ฉันต้องสวมบทบาทพยาบาลที่คอยดูแลชายหนุ่มคนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่วันที่เขาได้รับการวินิจฉัยจนกระทั่งเสียชีวิตลง เรื่องราวถูกสร้างขึ้นจากเรื่องจริง..เพียงแต่คนไข้ที่จากโลกนี้ไปแล้วนั้นถูกแสดงโดยเขา! ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำสั่นกำแพงที่ฉันพยายามสร้างขึ้นจนสะเทือน...หลายครั้งที่บทบังคับให้ฉันต้องเข้าไปประคองเขา มองหน้าเขา สบตาเขาในระยะใกล้...ฉันไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนฉันหรือเปล่า...
ความหวั่นไหวเกือบทำงานของมันสำเร็จถ้าหาก ใครคนนั้นไม่โผล่เข้ามา กว่าจะถ่ายทำเสร็จเวลาก็ล่วงไปเกือบค่อนคืน พวกทีมงานต่างทะยอยกลับกันไปเกือบหมดเหลือเพียงสองสามคนซึ่งเป็นคนของโรงพยาบาลเองที่อยู่เคลียร์สถานที่ให้เรียบร้อย ใครคนหนึ่งในพวกเขาบอกให้ฉันรีบกลับได้แล้วเพราะรู้ว่าฉันต้องกลับคนเดียวเวลานี้เป็นช่วงเปลี่ยนเวรดึกยังพอมีคนประปรายถ้าดึกกว่านี้อาจจะไม่ปลอดภัย ฉันขอบคุณพวกเขาที่เป็นห่วงพร้อมกับเดินไปกดลิฟท์ลงไปชั้นล่าง เสียงฝีท้าวที่เดินตามหลังมาถึงไม่หันไปมองก็รู้ได้ว่าเป็นใคร เขายืนเงียบๆอยู่อย่างนั้น ข้างหลังของฉัน สิ่งหนึ่งที่เวลาเปลี่ยนเขาไม่ได้คือความเงียบ ทุกครั้งที่เราเคยมีปัญหากันถ้าเห็นว่าเรื่องราวจะบานปลายเขามักจะใช้ความเงียบสยบทุกสิ่งเสมอ...และคนที่อึดอึดทนไม่ได้ทุกครั้งก็คือฉัน..ในอดีต...ซึ่งไม่ใช่ตอนนี้...ประตูลิฟท์เปิดออกพร้อมกับร่างหญิงสาวคนหนึ่ง สายตาที่ถูกแต่งแต้มไว้งดงามมองผ่านฉันราวเป็นแค่อากาศธาตุ ใบหน้างดงามราวเทพธิดายิ้มเยื้อนทันทีที่สบตากับเขา...คนที่ยืนข้างหลังฉัน ร่างงดงามในชุดหรูโผเข้าไปกอดเขาอย่างไม่ขัดเขินราวกับทำกันจนชิน
หล่อนคือนางเอกคู่จิ้นคนนั้นของเขานั่นเอง ไม่น่าเชื่อว่าตัวจริงหล่อนจะสวยและงดงามขนาดนี้ ไม่มีอะไรในตัวฉันที่สู้หล่อนได้เลย แม้แต่องค์ประกอบทุกอย่างที่เป็นฉัน..และกระแสสังคม...หัวใจของฉันหล่นตุ๊บลงไปทันที ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันคิดว่าฉันสามารถลืมเขาได้...แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่ใช่..ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่อยู่กับเขาในวันนี้...ความกังวลอยากรู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนฉันมั้ย..และความรู้สึกตอนเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในตอนนี้มันบอกว่าฉันไม่เคยตัดเขาไปจากใจได้เลย เรื่องสมัยโน้นไม่ว่าใครผิดหรือถูกก็ตามถ้าเพียงเขาพูดสักคำฉันก็พร้อมจะกลับไป..เขาก็ไม่พูด..ฉันอยากจะบอกเขาว่าฉันในตอนนั้นต่างกับฉันในตอนนี้แล้วนะ การได้ดูแลคนไข้ได้เห็นความเป็นไปของชีวิตทำให้ฉันรู้ว่าชีวิตมนุษย์นี้สั้นนักและเวลาทีเหลือสำคัญแค่ไหน เราควรจะมีไว้เพื่อทำสิ่งดีๆมากกว่าจะมาโกรธเกลียดกัน...ขออย่างเดียว...โอกาสที่จะได้คุยกันเท่านั้น...
...ฉันลงจากแทกซี่ด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวไหล่สองข้างห่อคู้ หัวใจเจ็บปวดอย่างที่ไม่คิดว่าจะเจ็บได้เท่า..ระยะทางจากที่ลงจากรถถึงหน้าประตูรั้วของหอพักห่างเพียงแค่ไม่กี่ก้าวแต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันห่างไกลเหลือเกิน...ภาพในอดีตลอยเข้ามาในความคิด..ยิ่งนึกก็ยิ่งเสียดาย..ฉันทำตัวของฉันเองจะโทษใครได้...เพชรอยู่ในมือฉันยังปล่อยให้หลุดมือได้..แล้วตอนนี้เพชรเม็ดนั้นก็มีคนที่คู่ควรแล้ว ฉันจะมานั่งเรียกร้องขอคืนได้อย่างไร...ฉันควรจะทำใจให้ได้สิ...ไม่ใช่แค่ควรแต่ต้องทำให้ได้ด้วย..เพียงแต่ตอนนี้ขอเวลาให้กับความอ่อนแอของตัวเองก่อนจะได้มั้ย แล้วน้ำตาแห่งความอ่อนแอก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...ฉันหันหลังให้กับประตูทันทีที่น้ำตาร่วงแหมะ เพราะไม่อยากให้รปภ.หน้าหอเข้าใจผิด และในเสี้ยววินาทีที่หันออกมานั่นเองที่ทำให้ตัวฉันปะทะเข้ากับร่างแข็งแรงที่ยืนซ้อนหลังอยู่อย่างไม่ตั้งใจ...เปิดโอกาสให้ใครคนนั้นสวมกอดฉันเต็มร่าง...สายฝนที่เริ่มเทกระหน่ำจนตาพร่าพรางก็ไม่สามารถทำลายความชัดเจนของใบหน้าที่ก้มลงมาได้...หากแต่มันคงจะชะล้างความคิดที่จะตัดเขาออกไปจนหมดสิ้น เพราะหลังจากนั้นฉันก็มานั่งอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง....
....ฉันนั่งยิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจกที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกของฉันอย่างเบามือ ถึงผมของฉันจะสั้นและใช้เวลาไม่นานก็แห้งโดยแทบไม่ต้องใช้ไดร์เป่าผมแต่เขาก็ยังอุตส่าห์...มีน้ำใจ ตอนออกจากบ้านคราวนั้นฉันขนเสื้อผ้าออกไปจนหมดไม่เหลือสักชิ้น...เขาก็ยังใจดีให้ยืมเสื้อผ้าใส่ เขาดีกับฉันขนาดนี้แล้วฉันทำอะไรเพื่อเขาบ้าง ที่ผ่านมาฉันมีแต่ความระแวงให้เขาเท่านั้น...ตอนนี้ฉันพัฒนาแล้ว...มันจะเป็นแค่อดีต..การกลับมาเข้าใจกันครั้งนี้ของเราไม่ได้เกิดจากการอธิบายของเขาหรอกนะ (เพราะเขาคงจะขี้เกียจมานั่งร่ายเรื่องราวที่เขาเคยอธิบายมาแล้วหลายรอบในครั้งกระนู้น) เขาคงได้เรียนรู้แล้วเช่นกันว่าจะเอาชนะฉันได้ด้วยวิธีไหน.......(เป็นความลับของเราสองคน)
.....ฉันไม่เคยรู้เลยว่าตลอดเวลาที่จากกันทำให้เขาก็ได้เรียนรู้ตัวเองเช่นกัน ฉันไม่เคยรู้เลยว่าคำว่าไม่เคยเป็นแฟนกันของเขาในตอนนั้นมันหมายความว่าระหว่างเรามันเป็นมากกว่านั้น! ฉันไม่เคยรู้เลยว่าตลอดเวลาเขาอยู่ข้างๆฉันเสมอ ถ้าเพียงสักครั้งที่ฉันจะแง้มหน้าต่างห้องนอนชะเง้อดูที่นอกระเบียงหอพักฉันก็จะได้เห็นเขายืนอยู่ที่ริมรั้วนั่นทุกคืน ถ้าหากฉันจะติดตามข่าวคราวของเขาสักนิดฉันก็จะได้รู้ว่าเขาไม่ได้รับงานละครอีกเลยหลังจากจบละครเรื่องนั้น ถ้าหากฉันจะสนใจเรื่องราวรอบตัวสักนิดฉันก็จะรู้ว่าที่ฉันมีโอกาสมาร่วมอัดรายการของทางโรงพยาบาลในวันนี้ก็เป็นเพราะพระเอกคนนี้ขอมา ถ้าฉันจะหันหลังกลับไปสบตาเขาตอนอยู่หน้าลิฟท์สักนิดฉันก็จะได้เห็นความหวั่นไหวทุกอย่างในแววตานั้น ถ้าฉันจะอยู่รอเขาสักนิดฉันก็จะได้ยินเขาเคลียร์ปัญหาคาใจกับดาราคู่ขวัญคนนั้นว่าเขาไม่สามารถรับความรักจากผู้หญิงคนไหนได้อีกแล้ว และถ้าฉันจะรู้จักมองกระจกส่องหลังของแทกซี่สักนิดฉันก็จะได้เห็นว่ามีเขาขับรถตามมาส่งฉันด้วย...และนั่นคือคำตอบทั้งหมดของคำถามที่ว่า เขามายืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร....
...ฉันรู้แต่ว่าคำว่า “กลับบ้านกันเถอะ” ที่เขาบอกได้ทำลายกำแพงระหว่างเราลงแล้ว และมันก็ทำให้ฉันเห็นแล้วว่าเส้นทางของเราที่ถูกขีดออกคนละด้านไม่ใช่คนละด้านของเส้นตรง แต่เป็นคนละด้านของเส้นโค้งเพื่อมาบรรจบเป็นวงกลมวงเดียวกันต่างหาก
.



ผู้หญิง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2558, 22:59:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2558, 22:59:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 725





<< 4   6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account