ความรัก...สีหมอก

Tags: ความรัก...สีหมอก,อิง,เอย,แก้วกุดั่น,กรรณิการ์,พัสสน,ก้องภพ

ตอน: บทที่ 7

บทที่ 7


หลังจากใช้เวลาชั่วโมงเศษไปกับการตระเวนถามหา ทั้งก้องภพและแก้วกุดั่นก็ได้ข้อสรุปว่าคนสุดท้ายที่เจอกรรณิการ์คือเจ้าของร้านขายยาในซอยข้างมหาวิทยาลัย ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับมาขึ้นรถ

ก้องภพถอนหายใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้แก้วกุดั่นกำลังนั่งร้องไห้เงียบ ๆ

“หยุดร้องเถอะ”

“อิงกลัว”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของแก้วกุดั่นแลดูน่าสงสารจนก้องตัวต้องดึงตัวมากอด

“ไม่ต้องกลัว เราต้องเจอน้องสาวของเธอแน่”

“จริง ๆ นะคะ คุณก้องต้องช่วยอิงหาน้องนะคะ”

ชายหนุ่มเกือบตกปากรับคำ แต่วินาทีนั้นเหมือนถูกปิศาจเข้าสิง

“ฉันจะช่วยหา แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

ก้องภพรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดตัวแข็งขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอจะผละตัวออกห่างแล้วจับจ้องเขา

“ข้อแลกเปลี่ยน”

ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีเมื่อเศษเสี้ยวในใจนึกละอาย หากยังคงพูดด้วยน้ำเสียงไม่บอกความรู้สึก

“ฉันจะช่วยตามหาน้องเธอ ถ้าเธอ...ยอมเป็นของฉัน”

“คุณก้อง!”

เพราะอยากรู้ว่าเธอกำลังมองเขาแบบไหน ก้องภพจึงยอมหันกลับมา แต่หัวใจเหมือนถูกบีบจากแววตาของแก้วกุดั่นที่ฟ้องว่าเธอกำลังเจ็บปวด

“ทำไม...คุณก้องถึงใจร้ายได้ขนาดนี้คะ”

น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อของเธอ ยิ่งให้ความรู้สึกราวกับมีใครทิ้งก้อนหินลงมาบนอก แต่ก้องภพก็ไม่เปลี่ยนใจ

เขาพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ต้องไม่มีครั้งที่สอง!

“เลือกมา จะให้ฉันช่วยตามหาน้องเธอ หรือว่าไม่”

“คุณก้อง”

แก้วกุดั่นเสียงสั่น รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะสลาย

ยังไง น้องของเธอก็สำคัญที่สุด

“วันที่เจอเอย วันนั้น...อิงจะเป็นของคุณก้อง”

แม้ตัดสินใจแล้ว แต่แก้วกุดั่นก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้ ทั้งเจ็บปวดและรู้สึกไร้ค่าเมื่อคิดว่าสิ่งที่ก้องภพต้องการมีเพียงแค่นี้


ค่ำวันนั้น พัสสนพบว่าเด็กสาวตัวร้อนจัด ชายหนุ่มรีบเดินลงไปชั้นล่างพลางส่งเสียงเรียกลูกน้อง

“สายฟ้า! พายุ!”

สองหนุ่มหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกันแต่ต่างตรงที่คนหนึ่งมีใบหน้ายิ้มแย้มอีกคนหน้าตาเฉยชาจนเกือบบึ้งตึง รีบเดินเข้าไปหาเจ้านายของตน

“มีอะไรครับคุณพอล”

“พายุ โทร. ตามหมอชัช บอกให้รีบมาที่นี่เดี๋ยวนี้”

คนเป็นนายออกคำสั่ง สีหน้ายังคงเคร่งเครียดจากความกังวลใจ

“คุณพอลครับ เมื่อครู่คุณนภาโทร. มาแจ้ง ขอยกเลิกคนที่นัดไว้ครับ”

คำรายงานของสายฟ้า ส่งผลให้พัสสนนิ่วหน้า

“ยกเลิก” ชายหนุ่มทวนคำ “เกิดอะไรขึ้น”

“กุหลาบสีชมพู รหัสของผู้หญิงคนที่คุณนภาจะส่งมารับใช้คุณพอล มีปัญหากับคนรักที่สะกดรอยตามมาครับ ทั้งคู่ทะเลาะกันเธอถูกแทง”

“ถ้าอย่างนั้น” พัสสนหรี่ตาพลางครุ่นคิด “คนที่อยู่ข้างบนเป็นใคร”

“คุณหมอชัชบอกว่าจะรีบมาครับ”

พัสสนหันไปมองเมื่อพายุเดินกลับเข้ามารายงานผลของคำสั่งก่อนหน้านั้น หลังจากนิ่งไปครู่จึงออกคำสั่งใหม่

“พายุ ฉันอยากรู้ว่าคนที่เราพากลับมาเป็นใคร”

“ครับ คุณพอล”

หลังจากพายุขานรับก็รีบเดินออกไป ไม่นานแฝดผู้พี่จึงตามออกไปบ้าง

เมื่ออยู่เพียงลำพัง พัสสนก็ครุ่นคิดถึงสาวน้อยที่หลับอยู่ในห้องของเขา

งั้นปุกปุยก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณนภาเตรียมไว้ให้

เมื่อหวนนึกถึงท่าทีตื่น ๆ ของอีกฝ่าย รวมถึงท่าทางที่เหมือนจะต่อต้านเขา ชายหนุ่มก็นิ่วหน้า

ให้ตาย! ทำไมเขาถึงมองไม่ออกนะว่าเธอไม่ใช่

ทว่า เมื่อคิดถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ ดวงตากลมโตที่มีแววตื่นกลัว ริมฝีปากเล็ก ๆ สีชมพู พัสสนก็ยิ้ม

ก็เพราะตอนนั้นเขากำลังหน้ามืดตามัวเพราะอยากได้ตัวเธอนะสิ

ชายหนุ่มถอนหายใจ หากใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม

ไม่ว่ายังไง ตอนนี้เธอเป็นของเขาแล้ว และจากนี้ก็ไม่มีวันไปเป็นของใครได้อีก!

นั่นคือการตัดสินใจของพัสสนก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน


“ผมฉีดยาให้แล้ว จากนี้ไข้คงลดลง แต่ยังต้องให้กินยาอีกวันสองวันถึงจะหายเป็นปกติ”

พัสสนพยักหน้ารับคำบอกของหมอชัช ชายวัยห้าสิบซึ่งเป็นแพทย์ประจำตระกูลพฤกษ์พนา รอจนอีกฝ่ายออกไปจากห้องแล้ว จึงเดินเข้าไปหาคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง

เมื่อยื่นมือไปแตะหน้าผากเด็กสาวแล้วสัมผัสได้กับความอุ่นจนเกือบร้อน ชายหนุ่มก็ถอนหายใจ

หรือเขารุนแรงเกินไป

ชายหนุ่มคิดเมื่อหวนนึกถึงตอนเข้าครอบครองเธอ รู้ดีว่าไม่ได้อ่อนโยนนักเพราะตอนนั้นอารมณ์กำลังพุ่งสูงแต่เมื่อมาทบทวนตอนนี้เขาก็แปลกใจ

เพราะตื่นเต้นอย่างนั้นหรือที่รู้ว่าเธอบริสุทธิ์ จะว่าไปเขาก็ห่างจากสาวอ่อนหัดมานานแล้วเนื่องจากเด็กของคุณนภา เอเย่นต์สาวใหญ่ซึ่งทำธุรกิจหาผู้หญิงมาบริการให้กับคนมีเงิน ส่วนใหญ่มีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มากพอตัว

และที่เขาเลือกใช้บริการของคุณนภาทุกครั้ง ก็เพราะชื่อเสียงรับประกันเรื่องความปลอดภัยจากโรคร้ายที่อาจติดมาในภายหลัง

ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็กในสังกัดของคุณนภา งั้นเขาก็จะเก็บเธอเอาไว้

พัสสนยิ้ม พลางตัดสินใจว่าจะยกเลิกไม่ให้พายุสืบเรื่องของเด็กสาวอีก


หลายชั่วโมงหลังจากนั้น กรรณิการ์ก็รู้สึกตัวพร้อมกับความร้าวระบมตามร่างกาย

เมื่อทบทวนความจำแล้วนึกออกว่าเกิดอะไรขึ้น ความขมขื่นและสะเทือนใจพากันกลั่นตัวเป็นหยดน้ำก่อนไหลกลิ้งลงมาตามสองข้างแก้ม

แต่เมื่อสะอื้นไห้ กรรณิการ์ก็ยิ่งปวดใจกับสภาพไม่มีเสียงของตัวเอง

เธออยากตาย

เด็กสาวฝืนพยุงตัวขึ้นทั้งที่ยิ่งปวดหัว ก่อนเอื้อมมือหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วกระแทกกับขอบโต๊ะจนแตก บางส่วนกระเด็นตกลงไปบนพื้น

มือเล็กสั่นระริกยามกำเศษแก้วในมือ ก่อนหลับตาพลางยกมืออีกข้างขึ้น ความเศร้าหมองหดหู่ทำให้ไม่ได้ยินเสียงประตูที่ถูกผลักเข้ามา

“ทำบ้าอะไร!”

เสียงตวาดนั้นมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่กระโจนมาแย่งเศษแก้วไปจากมือ กระนั้นคมแก้วก็บาดเข้ากับอุ้งมือจนเด็กสาวเผลอร้องเพราะความเจ็บแปลบ

“มันน่านัก!”

ทั้งน้ำเสียงที่เหมือนคำรามในลำคอและแววตาซึ่งจับจ้องมาราวกับอยากจะฆ่าให้ตาย ทำให้กรรณิการ์เผลอหดตัวด้วยความหวาดหวั่น

พัสสนโมโหจัดจนร่ำ ๆ อยากบีบคอเด็กสาวเมื่อนึกถึงตอนที่เข้ามาทันเห็นว่าเธอกำลังจะกรีดข้อมือ ทั้งโกรธและใจหายเมื่อคิดว่าแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ลงไปเดินเล่น เขาเกือบจะเสียเธอไปตลอดชีวิต

ชายหนุ่มกัดฟันแน่นเมื่อเห็นอุ้งมือเด็กสาวมีเลือดซึม หลังจากกระชากมือเล็กขึ้นมาดูแล้วสบถอย่างหงุดหงิด ร่างสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรก็หันหลังเดินตรงไปห้องน้ำ ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กที่ชุบน้ำมาพอชุ่ม

พัสสนไม่พูดอะไรเมื่อเดินเข้าไปดึงมือของเด็กสาวแล้วจับหงาย ก่อนใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเลือดที่เกิดจากการถากกับเศษแก้ว หลังจากกดแช่ไว้ชั่วครู่จนแน่ใจว่าเลือดหยุดแล้วจึงโยนผ้าลงไปบนโต๊ะข้างเตียง

“อยากตายนักหรือ!”

ยากไม่น้อยกว่าจะเค้นเสียงถามได้ แต่เมื่อสิ่งที่ได้รับคืออาการสะอึกสะอื้นโดยไม่มีเสียง ชายหนุ่มก็ยิ่งหัวเสียจนคว้าต้นแขนอีกฝ่ายแล้วจับเขย่า

“ตอบมาสิ อยากตายนักหรือ!”

กรรณิการ์รู้สึกเหมือนจะเป็นลม เมื่อถูกชายหนุ่มกระชากตัวแล้วจับเขย่าอย่างไม่ปรานี ความปวดหัวทวีจนส่งผลให้น้ำตาไหลอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนที่เธอจะเห็นเขาทำท่าชะงักจากนั้นก็ผลักเธอลงไปบนเตียง

ความเงียบเข้ามาปกคลุมพักใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ไม่กราดเกรี้ยวอย่างเมื่อครู่

“เธอเป็นใบ้หรือ”

แม้อยากบอกว่าไม่ใช่ แต่เพราะพยายามเปล่งเสียงแล้วยังไม่มีผลกรรณิการ์จึงใช้วิธีส่ายหน้าแทน หากนั่นเหมือนทำให้เขาไม่พอใจเมื่อดูจากการขมวดคิ้ว

“ถ้าไม่เป็นใบ้ แล้วทำไมถึงไม่พูด”

ความอึดอัดและเจ็บปวดกับสภาพของตัวเองทำให้กรรณิการ์ก้มหน้าลง

“หรือไม่อยากพูดกับฉัน”

น้ำเสียงเข้มจัดที่เหมือนจะเอาเรื่องนั้นดึงเด็กสาวให้รีบเงยขึ้นมอง ก่อนส่ายหน้าเพราะกลัวชายหนุ่มเข้าใจผิด ซึ่งนั่นอาจทำให้เธอเจอกับเรื่องเลวร้ายมากกว่าเดิม

“ไม่ได้เป็นใบ้ แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูด...”

กรรณิการ์เห็นชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิดหลังจากหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจับจ้องเธออย่างพิจารณาราวกับจะค้นหาสิ่งที่ซุกซ่อนไว้

“หรือว่า...เพราะไม่สบายก็เลยไม่มีเสียง”

ข้อสรุปที่ใกล้เคียงทำให้เด็กสาวโล่งอกจนเผลอยิ้ม

พัสสนรู้สึกถึงอาการกระตุกของหัวใจในวินาทีที่สายตาปะทะเข้ากับรอยยิ้มสดใส

น่ารัก

ความคิดนั้นทำให้เกิดรอยยิ้ม นึกเอ็นดูจนห้ามใจไม่ได้ต้องคว้าร่างเล็กมากอด

“แม่กระต่ายบื้อใบ้ ถ้ายังขืนดิ้นอีกฉันจะจับกินละนะแล้วจะไม่สนด้วยว่าเธอกำลังไม่สบาย”

ชายหนุ่มยิ้มกว้างกว่าเดิม นึกขำเพราะเดาว่าคำขู่ของเขาคงได้ผล เมื่อดูจากร่างเล็กที่ก่อนหน้านั้นดิ้นรนเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้กลับสงบนิ่งถึงแม้เนื้อตัวยังสั่นสะท้าน

“น่ารัก”

หลังจบคำพูดตามความรู้สึก ชายหนุ่มก็ต่อด้วยรางวัลเป็นจูบหนัก ๆ ตรงหน้าผาก แต่เหมือนจะทำให้คนได้รับรางวัลยิ่งตัวสั่น จนต้องถอนหายใจเพื่อระงับความรู้สึกอยากกอดรัดฟัดเหวี่ยงเด็กสาวที่เขานึกค่อนว่า ‘แม่กระต่ายขี้ตื่น’

ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดด้วยความเสียดาย

“ตื่นแล้วก็ดี จะได้กินข้าวกินยา”

เมื่อเห็นคนบนเตียงทำตาปริบ ๆ พัสสนก็ยิ้มอีกครั้ง

“รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปยกมาให้”

หากเมื่อหันหลัง ความคิดที่วูบผ่านเข้ามาทำให้ชะงักจนต้องหันกลับไปมองเด็กสาวอีกครั้ง

“แล้วห้ามทำอะไรบ้า ๆ อีกล่ะ ไม่งั้นละก็...ต่อให้ตายไปแล้วฉันก็จะเอาเธอไปเป็นอาหารของนก!”

จบคำขู่ที่คิดว่าน่ากลัว พัสสนจึงเดินออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกสบายใจขึ้น


ความร้อนใจที่ยังไม่ได้ข่าวน้องสาวทำให้แก้วกุดั่นกินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อถึงตอนเย็นเธอก็เฝ้ารอก้องภพเพื่อถามข่าว

“คุณก้อง ได้ข่าวเอยหรือยังคะ”

ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา แก้วกุดั่นก็หน้าสลด กรรณิการ์หายไปแค่วันเดียวก็จริงแต่ในความรู้สึกของเธอราวกับเป็นปี

“อิงขอโทษถ้าทำให้คุณก้องรำคาญ แต่อิงห่วงน้อง”

“ฉันเข้าใจ”

ชายหนุ่มเงียบไปครู่ ก่อนพูดต่อ

“ฉันสั่งให้คนเร่งหาอยู่ อากุนทรก็ขอให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยอีกทาง คิดว่าน่าจะได้ข่าวเร็ว ๆ นี้”

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวบอกเสียงสั่น นึกภาวนาว่าขอให้คำพูดของเขาเป็นจริง

“ได้ยินป้ารัตน์บอกว่าเธอไม่ค่อยกินข้าว”

“อิงกินไม่ลงค่ะ”

“ยังไงก็ต้องฝืนกิน”

จบคำบอก ก้องภพก็ฉวยมือแก้วกุดั่นแล้วดึงเข้าไปในบ้าน

“คุณก้อง จะพาอิงไปไหนคะ”

“กินข้าว ฉันหิวแล้ว”

“แต่อิงยังไม่หิวค่ะ”

“งั้นก็ไปนั่งกินเป็นเพื่อนฉัน”

“ไปนั่งเป็นเพื่อนหรือคะ”

“ใช่ มีปัญหาอะไร”

“เปล่าค่ะ อิงแค่...ที่ผ่านมาไม่เคยกินข้าวที่ตึกใหญ่”

“ถ้าอย่างนั้น ต่อไปเธอมากินข้าวที่นี่”

“คะ”

แก้วกุดั่นแทบไม่เชื่อหู

“ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนี้”

“คุณก้องจะให้อิงมากินข้าวด้วยจริง ๆ หรือคะ”

“ใช่ ฉันเบื่อที่ต้องกินข้าวคนเดียว”

ฟังแล้วแก้วกุดั่นก็นึกผิดหวัง

ทั้งที่เธอใจเต้นแรงตอนได้ยินเขาชวนกินข้าว แต่เขาก็แค่...เบื่อที่ต้องกินข้าวคนเดียว


__________________________________________________________



แปะตอนใหม่ ^__^



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่ให้กันค่ะ



ปิ่นนลิน : ฮ่าาาา น้องเอยโชคร้าย ถูกเข้าใจผิดซะงั้น



พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2558, 10:50:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2558, 10:50:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1360





<< บทที่ 6   บทที่ 8 >>
ปิ่นนลิน 26 ก.ย. 2558, 15:41:16 น.
สงสารทั้งพี่และน้องเลย

ขอให้พอลใจดีกับหนูเอยนะ
คุณก้องก็นะ เอาแต่ใจไปแล้ว!


Zephyr 27 ก.ย. 2558, 23:48:58 น.
น่าเตะทั้งคุณก้องคุณพอลเลย


LAM 26 พ.ย. 2558, 14:23:27 น.
สนุกมาก ๆ ค่ะ รอลุ้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account