พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...

... พรหมลิขิตกระซิบรัก...

Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง

ตอน: คำสั่งพิเศษ

กล่องสีชมพูสองกล่องถูกวางไว้ที่หน้ากระจก กุมาริกาลืมไปเลยว่าเธอก็ได้ของขวัญจากการทำงานดีมาด้วยเหมือนกัน เธอยิ้มและเลือกจะเปิดกล่องที่ได้รางวัลมาก่อนจากฮามินแจ สร้อยคอรูปดาวงั้นเหรอ

“น่ารักจัง แจกเบอร์โทรศัพท์พร้อมIDด้วยแฮะ หมายความว่าให้เราส่งไปขอบคุณเขางั้นเหรอ”กุมาริกาขมวดคิ้ว

มือเรียววางสร้อยลงในกล่องเดิมเลือกหยิบอีกกล่องมาเปิดดูแต่ต้องประหลาดใจเพราะสิ่งที่ได้รับจากนัมแทบงเหมือนฮามินแจไม่มีผิด ต่างตรงที่กุมาริกาเลือกของเจ้าของกล่องสุดท้ายเท่านั้นเอามาสวมใส่โดยไม่รู้ว่าจะมีผลอย่างไรกับอนาคต

สร้อยคอรูปดาวถูกสวมใส่ลงบนคอระหง ดวงตากลมมองชื่นชมสิ่งที่สวมผ่านกระจก นึกถึงการ์ดใบเล็กที่ใส่ลงมาในถุงด้วย มีข้อความที่อ่านแล้วทำให้ใจอดเต้นแรงไม่ได้

“พี่อยากเห็นกัมมี่ใส่มันบ่อยๆ” ไวเท่าความคิดกุมาริกาหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายบางอย่างแล้วกดส่งมันผ่านแอพพลิเคชั่นสื่อสาร

ณ.ประเทศเกาหลีใต้

ร่างสูงยกขายาวพาดกับเก้าอี้อีกตัวด้านหน้ากึ่งนั่งกึ่งนอน กดแอพพลิเคชั่นที่มีใบหน้าใสขึ้นมาดูถอนหายใจ บ่นพึมพำกับหน้าจอสมาทโฟนที่มีรูปของร่างเล็กกำลังส่งยิ้มสดใสส่งมาให้อยู่ “จริงๆเล้ยให้ตายซิยัยเด็กบ้าฉันบอกให้เธอติดต่อฉันมาด้วยไง”

“นายเป็นอะไรของนายนะแทบง ทะเลาะกับโทรศัพท์ก็ได้นะไปเตรียมตัวได้แล้วนายมีถ่ายแบบบ่าย2 นะ” ผู้จัดการคิมบอกถึงกำหนดการ

“ก็กำลังจะไปนี่ไง” เสียงข้อความที่ดังขึ้นทำเอาร่างสูงที่หมุนตัวเดินไปหันกลับมาแทบไม่ทัน รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นทำเอาคนที่มองอยู่ถึงกับขนลุกที่จู่ๆรอยยิ้มเทวดาก็ปรากฏทั้งที่ยังไม่ใช่เวลา ใครนะที่ทำให้ปีศาจนอนหลับได้ในเวลาตื่น

“ฉันชอบมากค่ะ จะใส่มันอย่างดี ขอบคุณนะคะ”

ข้อความที่ปรากฏทำเอาโหนกแก้มของดาราหนุ่มยกสูงขึ้นในทันที รอยยิ้มกว้างค้างไว้ยามเมื่อดูหน้าจอสมาทโฟน กดพิมพ์ยุกยิกแล้วส่งกลับไป

“มันเหมาะกับเธอนะต้องขอบใจพี่ที่ทำให้คอสั้นๆของเธอดูยาวขึ้นมาทันตา พี่เลือกได้ดีใช่ไหม”

กุมาริกาพ่นลมระงับอารมณ์โกรธที่ถูกยั่วโมโห เนื่องจากข้อความที่ตอบกลับมาทำให้คนอ่านส่งหน้ายู่ให้กับโทรศพท์แทนประหนึ่งคนส่งอยู่ตรงหน้า

เสียงข้อความเข้าถูกตอบกลับมาอีกครั้งหน้าจอปรากฎอิโมติคอนรูปกระต่ายถือค้อนฟาดพื้นดุ๊กดิ๊ก เรียกรอยยิ้มจากคนเปิดดูไม่ขาดไปจากหน้า

“ฮยองวันนี้อยากกินอะไรผมเลี้ยงเอง” นัมแทบงถามอย่างอารมณ์ดี

“ห๊ะ!!นายถามฉันเหรอว่าอยากกินอะไร นายนอนไม่พอรึเปล่า ดูมึนๆนะคิดยังไงอยากจะเลี้ยงฉัน” ผู้จัดการคิมบอกงงๆมองร่างสูงที่หันหลังเดินไป

เสียงกรี๊ดของกีรติทำให้หลายคนหันไปมองร่างสูงหน้าคุ้นที่ปรากฏตัวในมาดใหม่ ผมยาวที่เคยประบ่าตอนนี้ถูกตัดซะสั้น ไรหนวดที่เคยมีเสมอจนแทบจะเป็นโลโก้ของช่างภาพหนุ่มด้วยก็ถูกกำจัดซะจนเกลี้ยงเกลาทำให้แปลกตา

“ต๊าย!!พ่อเทพบุตรของเจ๊ ตัดผมโกนหนวดเกลี้ยงเกลาซะหล่อกว่านายแบบที่จะถ่ายอีกแกว่าไหมปุยฝ้าย”

“หายไปวันทำหน้าใสมาเลยนะแกต้องอย่างงี้ซิ ค่อยสมเป็นแกหน่อย”ปารีย์ยกนิ้วให้

พีมะยกมือขึ้นลูบท้ายทอยไปมาขัดเขินที่มีคนในบริษัทให้ความสนใจตนเองเพราะสิ่งที่เขาทำเขาแค่อยากเปลี่ยนตัวเองเพื่อกุมาริกาเท่านั้นและคำตอบของเธอมันก็ทำให้หัวใจเขาแช่มชื่น

“อืม หล่อขึ้นจมเลยพี เห็นที่เขาต้องบอกอากุลว่าไม่ต้องจ้างนายแบบแล้วแต่ให้หาตากล้องใหม่ไปเลยดีกว่า”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกแค่กัมมี่ชอบพีก็ดีใจที่ตัดสินใจตัด ผมสั้นก็สบายดีทำความสะอาดง่ายแต่มันโล่งคอไปหน่อยยังไม่ชินมั้ง” พีมะบอกเขิน

“ดีจะตาย เจ๊ว่าแล้วว่าพีของเจ๊นะหล่ออยู่แล้ว ถ้าได้ดูแลตัวเองสักหน่อยขี้คร้านสาวๆจะตามเป็นพรวน” กีรติเอื้อมมือไปคว้าแขนตากล้องหนุ่มมาคล้องไว้

“พอเลยเจ๊ไม่วายลวนลามมัน ปากว่ามือถึงนะเราเนี่ย”ปารีย์คว้ามือดึงแขนคอสตูมร่างยักษ์ออก

“ไม่ต้องตามเป็นพรวนก็ได้แค่คนแถวนี้สนใจมากกว่าเดิมก็พอ”พีมะมองสบตากลมอย่างพยายามจะสื่อความในใจ

“ทำงานกันได้แล้วเดี๋ยวอากุลมาจะบ่นหาเรื่องตัดเงินอีกนะ” กุมาริกาตัดบทยิ้มเจื่อนส่งให้ รู้สึกอึดอัดในสายตาแปลกๆที่เธอพึ่งเริ่มสังเกตนับตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาสามปีกว่า

“เย็นนี้กินข้าวด้วยกันนะ พีเลี้ยงเอง” ตากล้องหนุ่มเอ่ยชวน

“ได้สิแต่ไม่ชวนสองคนนู่นด้วยเหรอเดี๋ยวได้งอนกันพอดี”กุมาริกาบุ้ยปากไปที่สองสาวต่างเพศที่กำลังหันหลังหยิบจับงานของตัวเองดูวุ่นวาย

“เราอยากไปกับกัมมี่สองคนนี่ ไหนบอกจะไปกินข้าวด้วยกันไง” พีมะทวงสัญญา

“งั้นก็ได้ พีไปทำงานเถอะเดี๋ยวจะโดนบ่นทั้งคู่เจอกันตอนเลิกงานแล้วกัน” กุมาริกายิ้ม

หลังเสร็จจากพักกลางวันสองสาวคู่ซี้ก็เดินมุ่งไปที่ห้องคอสตูมเพื่อเอาผลไม้ที่ซื้อมาไปฝากกีรติที่วันนี้มีถ่ายแบบติดกันสองปกทำให้ไม่มีเวลาไปกินข้าว ปารีย์และกุมาริกามองหน้ากันเมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นกีรติกับเพื่อนสาวประเภทสองในแผนกกำลังวี้ดว้ายมุงดูหน้าจอคอมพิวเตอร์กันอยู่

“อุ้ยตายว้ายกรี๊ด....ฉากละครเรื่องใหม่สามีฉัน Deep kiss อกอีเกิ้นจะแตกนี่ขนาดภาพไม่เคลื่อนไหวนะ ถ้าเคลื่อนไหวจะขนาดไหน”กีรติยกมือทาบอก

“โอ๊ะ!!นางเอกน่ารักอ่ะ เป็นนักร้องใช่ป่ะเจ๊ อิจฉานางจัง” เสียงจากหนึ่งในทีมงานทำหน้าเศร้า

“นั่นสิ สามีฉันนางมีบทจูบกับนางเอกทุกเรื่องเลย เห็นเงียบๆเขาว่าร้ายลึกจะตายเจ๊ละช้อบ ชอบ” กีรติบอกชอบใจ

“นี่ฉันเพิ่งรู้นะว่านัมแทบงเป็นสามีเจ๊” ปารีย์พูดหยอกเสียงดัง มองดูภาพที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอคือดาราหนุ่มจากเกาหลีที่มาเยือนK magazineเมื่อคราวก่อนกำลังจูบปากหญิงสาวแสนสวยที่ถ่ายละครคู่กัน

“นังบ้า!!จู่ๆก็พูดมาเงียบๆตกใจหมด” กีรติตีแขนของปารีย์ด้านที่ใกล้ตัว

“นางเอกคนนี้คราวที่แล้วก็จูบกับลีมินโฮใช่ป่ะ ฉันล่ะอิจฉานางจริงๆได้จูบแต่กับผู้ชายหล่อๆว่าไหมกัมมี่ แทบงก็อีกมีแต่บทจูบทุกเรื่องเลยปากเปื่อยหมดกันพอดี” ปารีย์หันไปบอกร่างเล็กข้างตัว

“แกเป็นไรกัมมี่หน้าแดงแจ๊ดยังกะโดนจูบซะเองงั้นแหละ” ปารีย์มองใบหน้าใสที่มีเห่อแดงไปทั่วใบหน้า
“บ้า บ้า สิแก ฉันไปทำงานก่อนนะ งานฉันเยอะด้วยวันนี้” กุมาริกาเอ่ยอึกอักก่อนหันหลังเดินออกไป

“กัมมี่มันแปลกๆนะปุยฝ้ายแกว่าไหม..ทำเป็นไร้เดียงสา” กีรติบอกขำๆ

“มันก็ไร้เดียงสาจริงๆแหละเคยคบกับใครที่ไหนกัน มีแต่คนมาจีบ เห็นฉากจูบแบบนี้เลยอายมั้ง” ปารีย์หัวเราะกับอาการของเพื่อน แต่ก็หุบยิ้มเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

“หรือมันจะเคยแล้วว่ะ” ปารีย์หันมองร่างเล็กนึกสงสัย

กุมาริกาเดินเอามือลูบหน้าตนเอง “ทำไมจู่ๆถึงรู้สึกร้อนแบบนี้นะ โอ๊ะ!!ขอโทษค่ะ”

“เบบี๋เหม่ออะไรอ่ะ หน้าไปโดนอะไรมาถึงเอามือลูบแบบนั้นแล้วไปไหนมาเหรอ” พีมะนึกขำกับอาการของคนตรงหน้า

“เปล่า...ไม่มีไรไปเม้าท์กับเจ๊เกิ้นมาน่ะวันนี้อากาศมันร้อนนะว่าไหม ไปก่อนนะ” กุมาริกาเปลี่ยนเดินฉับๆไปยังห้องทำงานของตนเองอย่างรวดเร็ว

“ร้อนเนี่ยนะพีว่าบริษัทนี้ยังกับอยู่แอตแลนติกสิไม่ว่า พนักงานใส่เสื้อหนาวในออฟฟิศแทบทุกคน” พีมะบ่นกับตนเองมองดูหญิงสาวที่มีอาการแปลกๆ ขำๆ

กุมาริกาถอนหายใจทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ประจำตัวของตนเองนึกถึงรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของแผนกคอสตูม ยกมือลูบริมฝีปากอิ่มอย่างเผลอไผล เธอเองก็เคยจูบกับเขามาแล้วเหมือนกัน ร่างเล็กสลัดศีรษะไปมาอย่างพยายามจะระงับความคิดในหัว

“นายก็คงแทบลืมมันไปว่าเคยจูบกับฉันมั้ง เชอะ..แถมยังจูบกับผู้หญิงคนอื่นไปทั่ว โอ๊ะนี่ฉันกำลังโกรธอะไร”
เสียงข้อความเข้าทำให้เธอหยิบมากดดู ชื่อเจ้าของข้อความทำเอาใจเต้นแรงเข้าไปอีกเดือนกว่าแล้วสินะที่เธอกับเขายังคง
ส่งข้อความถึงกันอย่างต่อเนื่อง จนคล้ายเธอเสพความเคยชินต้องคุยกับเขาทุกวันอย่างน้อยวันละครั้งกุมาริกาทำจมูกย่นกับข้อความ

“เห็นหน้าฟีดในอินเตอร์เน็ตมีรูปฉากจูบเยอะเลยกัมมี่เห็นรึยังที่ไทยเป็นข่าวรึเปล่า..อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ” ประโยคไม่ยาวที่พิมพ์ทั้งคำถามและคำสั่งที่แสนอบอุ่นทำให้ล่ามสาวยิ้มอย่างเป็นสุข

“อื้ม ฉันเห็นแล้วโอป้าจูบได้ดีนี่เป็นธรรมชาติมากเลย อากาศเปลี่ยนแล้วระวังเป็นหวัดนะคะ” ล่ามสาวยิ้มกับข้อความที่พิมพ์ก่อนกดส่ง

แม้จะอยู่ไกลกันคนละประเทศแต่กุมาริกากลับรู้สึกว่าตนเองสนิทกับดาราหนุ่มมากขึ้นไปอีก อาจเพราะการสื่อสารที่ทำให้ระยะทางดูใกล้ขึ้น ช่วงนี้เธอก็ยิ่งสนุกกับงานรวมถึงเหนื่อยน้อยลงเพราะรุ่นพี่จิราที่ลาคลอดกลับมาทำงานปกติแล้ว

“กัมมี่วันนี้ไปหาของอร่อยๆกินกันไหม พี่ได้บัตรส่วนลดร้านอาหารมา แบบว่าสามีไม่ว่างอ่ะไปกินด้วยกันนะ” จิราเอ่ยชวน

“ลาบปากสุดๆพี่จี๊ดไปอยู่แล้ว ของแพงด้วยนะเนี่ยใครจะไม่สน”กุมาริกาหัวเราะร่วน

“เห็นเราแล้วคิดถึงไอ้ตัวเล็กที่บ้าน พี่ยังบอกสามีพี่ว่าอยากให้ลูกสาวพี่โตมาสวยเก่งแล้วก็ฉลาดเหมือนเราเลย” จิราบอกยิ้มๆ

“โห...พี่จี๊ดก็ชมเขาเกินไป พี่จี๊จี๊ดก็ทั้งสวยและเก่งอยู่แล้วนี่คะ”

“จ้า..แล้วคนสวยเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที พี่เห็นมีอยู่หนุ่มตามเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นเนี่ยเมื่อไหร่จะใจอ่อนจ๊ะ” จิราเอ่ยแซว

“พี่จี๊ดเขากับนายพีเป็นเพื่อนกันเท่านั้นแหละค่ะ พีเขาสาวเยอะจะตายไป ขืนเขามองน้ำตาคงได้เช็ดหัวเข่ากันพอดี” กุมาริกาบอกติดตลกแต่ก็ต้องเงียบกับเสียงที่ตอบกลับมาจนต้องหันไปยิ้มแก้เก้อ

“ก็ลองมองดูก่อนสิแล้วจะรู้ว่าน้ำตาไม่มีทางเช็ดหัวเข่า เอ้านี่ปุยฝ้ายให้เอามาให้ ช่วยแปลสตอรี่บอร์ดให้หน่อย” พีมะเอแผ่นสตอรี่บอร์ดตีลงที่ศีรษะเล็กเบาๆแล้วเดินจากไป มันก็เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่เธอปฏิเสธพีมะ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเหมาะจะเป็นเพื่อนเธอมากกว่า

“พีไม่ยอมแพ้หรอก เบบี๋ไม่อยากมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นเหรอไม่ต้องมาห้ามหรือหาเหตุผลมาทำให้เรารู้สึกแย่ไปกว่านี้หรอก ถ้าเราเหนื่อยเราจะหยุดเองเข้าใจนะ”

นั่นคือสิ่งที่พีมะบอกกับเธอหลังจากกินมื้อเย็นด้วยกัน จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ตากล้องหนุ่มก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมปกติไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจหรืออึดอัดกับความรู้สึกที่เขามีให้ ไม่ได้หลบหน้ายังคงหยอกล้อเธอเหมือนเดิมกุมาริการู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ

“วันนี้เรามีของอร่อยกินกันนะพี นายสนใจไปด้วยกันไหม ชวนพีไปด้วยกันนะพี่จี๊ด” กุมาริกาเอ่ยชวนก่อนหันไปขออนุญาติเจ้าของส่วนลด

“ได้สิพี่ว่าจะชวนปุยฝ้ายกับเกิ้นอยู่แล้วไปกันเยอะๆ สนุกดีออก” จิรานึกสนุก

“ไปสิเราจะพลาดของอร่อยได้ไง..” พีมะบอกเหตุผลง่ายๆ

“อยู่นี่กันเองหนุ่มสาวบอสให้หาค่ะ คุณกัมมี่คุณพีมะเมื่อตอนบ่ายพี่กดมาหาที่โต๊ะไม่อยู่กันบอสเรียกพบค่ะ”เลขาหน้าห้องกุลธีร์บอก

“ตอนนี้เลยเหรอค่ะพี่ดาว”

“งานเข้าอีกไหมล่ะสงสัยจะเป็นผมแน่เลย” พีมะโอด

“ช่วงนี้ฉันก็สายตลอดเหมือนกัน สงสัยจะถูกดุแน่ๆ” กุมาริกาทำปากเบ้

“งั้นก็ไปพบบอสก่อนเหอะเดี๋ยวพี่ไปบอกสองสาวต่างไซส์นั่นเอง”จี๊ดบอกขำๆ

เสียงตอบรับให้เข้ามาได้ทำให้พีมะและกุมาริกาถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้คนทั้งคู่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

“สงสัยจะงานใหญ่แน่เลยถอนหายใจพร้อมกันแบบนี้” พีมะบอกติดตลก

“มาพร้อมกันก็ดีนั่งเลยๆ” กุลธีร์บอกกระตือรือร้นจนคนเข้ามาใหม่ต้องมองหน้ากันผิดสังเกต

“มีอะไรครับบอส” พีมะเลิกคิ้ว

“นั่นสิดูอารมณ์ดีแปลกๆ” กุมาริกาก็พลอยมองจับพิรุจไปด้วย

“เอ้า!นี่รายละเอียดเอาไปดูกัน บริษัทเราได้รับการว่าจ้างให้เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับการประกวดซุปเปอร์โมเดล หน้าที่ของนายพีมะคือเก็บรูปภาพบรรยากาศของการประกวดทั้งก่อนประกวดและวันประกวดปีนี้จัดที่โซล” กุลธีร์กอดอกอธิบายยืดยาว

“โซล เกาหลีนะเหรอครับแล้วผมต้องอยู่ที่นั่นกี่วันบอส” พีมะรู้สึกตื่นเต้นกับงานใหม่

“3-4เดือนจนกว่างานประกวดจะเสร็จ” กุลธีร์ยักไหล่

“แค่ถ่ายรูปทำไมนานจัง อีกอย่างภาษานี่ผมไม่กระดิกเลยนะมีปัญหาแน่” ตากล้องหนุ่มทำหน้าเหมือนกินยาขม

“แกไม่ตายหรอกน่า ฉันหาตัวช่วยไว้ให้แล้ว ที่เป็นเดือนก็เพราะว่าเราต้องเก็บรายละเอียดทุกขั้นตอนให้เขาตั้งแต่เขารับสมัคร คัดตัว เก็บตัว รอบตัดสินนายมีหน้าที่แค่ทำงานไม่ดีเหรอไงคราวนี้นายได้เที่ยวนานเลยนะ” กุลธีร์โปรยยาหอม ก่อนมองหน้าหลานสาวสุดที่รักอมยิ้มแล้วพูดต่อ

“กัมมี่จะเป็นผู้ช่วยในการแปลให้แก เพราะตอนนี้คุณจี๊ดกลับมาทำงานแล้วคงไม่ยุ่งเท่าไหร่ อีกอย่างเราก็มีงานที่กัมมี่ต้องไปทำด้วยอยู่แล้ว”

“งั้นผมก็ไม่มีปัญหาครับบอส” พีมะยิ้มกว้างแค่มีเธอไปด้วยงานที่น่าเบื่ออาจจะสนุกขึ้นมาก็ได้

“ดีมาก...อ่อเมื่อถึงที่นู่นเพื่อนของฉันจะช่วยดูแลที่พักให้เธอทั้งคู่ประธานนัมไงเพราะสังกัดนัมโมเดลก็ส่งนางแบบเข้าร่วมด้วยเหมือนกันรวมถึงเธออยากได้นายไปถ่ายภาพให้นางแบบในสังกัดเธอด้วย ฉะนั้นฉันมีเวลาให้พวกนายเคลียร์งาน 1 อาทิตย์ก่อนออกเดินทาง”

“อะไรนะอากุล/บอส” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันแตกตื่น นี่เรื่องบ้าชัดๆ

“แต่ผมยังติดงานอยู่เลยนะ คิวยาวถึงต้นเดือนหน้าด้วย” ตากล้องหนุ่มเริ่มหงุดหงิดกับคำสั่งกระชั้นชิด

“หนูก็ต้องเป็นล่ามให้ทางคุณศิครินทร์ไม่ใช่เหรอคะ” กุมาริกาบอกหน้ายุ่ง

“ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนั้นฉันจัดการหาคนแทนไว้เรียบร้อยแล้ว งานนี้มันสำคัญกว่าพวกนายต้องขอบคุณฉันสิไม่ว่า เพราะงั้นเริ่มเคลียร์งานตัวเองกันได้ ณ บัด NOW เอาล่ะหมดคำพูดแล้วพวกนายไปได้” กุลธีร์ปัดมือไล่ไม่สนใจอารมณ์ขุ่นมัวของคนทั้งคู่ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี

ตลอดทางที่เดินออกมาจากห้องกุลธีร์ พีมะลอบมองใบหน้าหวานที่ดูมีความสุขเมื่อรู้ว่าจะได้ไปที่นั่น จนต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ

“พีไม่อยากไปเหรอมีอะไรรึเปล่าบอกเราได้นะ” กุมาริกาหันหาตากล้องหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ

“เปล่าหรอก เราดีใจที่จะได้ไปทำงานกับเบบี๋นะ แต่ทำไมในอกเรามันโหวงเหวงไม่รู้ คล้ายๆมันเป็นสัญญาณเตือนว่าเราอาจเสียเบบี๋ไปตลอดกาลเพราะคนที่นั่น” จบคำพีมะก็เดินจากไป

กุมาริกามองตามตากล้องหนุ่มไปด้วยความไม่สบายใจ เธอไม่อยากให้เขาเสียใจ ไม่อยากสูญเสียมิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อน
ด้วย เธอควรจะระวังความรู้สึกดีใจของตัวเองให้มากกว่านี้

“ขอโทษนะพี”
เมื่อสาวๆรวมตัวกันความเอะอะก็ตามมาทันที กุมาริกา ปารีย์ กีรติ จิราคุยกันอย่างสนุกสนานออกรสออกชาติ

“เสียดายอ่ะไอ้พีเล่นตัวไม่ยอมมาซะงั้น น่าจะมาฉลองเลยทีเดียวว่าไหมเจ๊”ปารีย์ออกความคิดเห็น

“ทำไมบอสไม่ส่งฉันไปหากินที่โน่นบ้าน ฉันอยากได้ผู้ชายผิวขาว ล่ำๆบ้าง”กีรติทำหน้าเพ้อฝัน

“พอเลยทั้งคู่แหละกัมมี่มันกลุ้มใจอยู่ก็มาชวนนอกเรื่องซะได้” จี๊ดบ่นยิ่งมองเห็นใบหน้าหวานข้างตัวดูเป็นกังวลก็อึดอัดแทน

“เฮ้อ!ก็จะทำไงได้ล่ะ ไอ้พีมันชอบแกนี่หว่าพอรู้ว่าแกจะได้เจอโจทย์เก่าก็หงอยเป็นธรรมดา ปล่อยมันไปเหอะคิดมากไปได้แกก็ไม่ได้ไปคบกับนัมแทบงสักหน่อย ยังไม่เลิกบ้าอีกไอ้หมอนั่น” ปารีย์ปลอบ

“อืม” กุมาริการู้สึกถึงริมฝีปากแห้งทันทีที่ต้องพูดถึงใครอีกคน

เธอเองก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟังแม้แต่เพื่อนสนิทจนถึงเรื่องที่ทุกวันนี้เธอยังคงคุยกับนัมแทบงอยู่เหมือนเดิม

“จะว่าไปพีมะนี่มันก็ขี้หวงเหมือนเด็กชะมัด แม้แต่ดาราที่จับต้องไม่ได้มันก็ยังหึงไม่รู้เรื่อง” กีรตินึกขำ

“อาจจะได้เจอกันมั่งก็ได้นะเจ๊ กัมมี่มันไปทำงานอยู่ในบริษัทของพี่สาวเขาสงสัยงานนี้ไอ้พีลมออกหูชัวร์แล้วอย่าลืมถ่ายรูป

ดาราหล่อๆหรือหาข่าวส่งมาบ้างนะจ๊ะ” ปารีย์บอกแต่หางเสียงดูขบขัน

“เสียดายจังไม่น่าไปคลอดลูกเลยพี่เลยตกข่าว ไม่ยักรู้ว่ากัมมี่เป็นข่าวกับซุปตาร์เกาหลีด้วย”จิราเอ่ยแซว

“โธ่พี่จี๊ดแม้แต่กระทู้หัวข้อที่แฟนคลับคุยกันยังมีคอมเม้นท์ค่อนแคะกัมมี่เต็มไปหมด ว่ากัมมี่เอาหน้าไปใกล้เกินหน้าที่บ้าง
แหละ คิดจะอ่อยแทบงบ้างแหละ อิจฉาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ที่น่ารักตลกๆก็มีนะ บอกว่าจะตั้งใจเรียนภาษามาเป็นล่ามบ้างจะได้ใกล้ชิดซุปตาร์กับเขาบ้าง”ปารีย์เจียระไน

“แกก็พูดเกินไปปุยฝ้าย ก็แค่ความคิดเห็นเราทำแค่หน้าที่ของเราจะไปใส่ใจทำไม” กุมาริกาย่นจมูก

“พี่ว่าช่วงที่พี่ไม่อยู่สนุกกันน่าดู น่าอิจฉาเห็นทีพี่ต้องขยันเพิ่มขึ้นแล้วสิพวกเราว่าไหม...ชนแก้ว” จิรายกแก้วขึ้นนำก่อนที่ทุกคนจะยกตามและอวยพรให้เธอกันอย่างสนุกสนาน กุมาริกามองภาพความสุขแล้วก็คิดกับตนเองอีกหกเดือนข้างหน้าเธอจะเป็นยังไงนะ…





พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2558, 22:11:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2558, 12:05:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 802





<< ปรับความเข้าใจ   การเดินทาง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account