ตราบฟ้าไร้ดาว
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนาม ผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น
ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้
น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ


‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’

‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’

‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’


วรินรำไพ หรือ เอ๋ย หญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้ว
นอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น


“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”

น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”

“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”

ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน

“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”

ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”

กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย

และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”


ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อค
ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’
ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจ
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย



“นรกสำหรับคุณไง!”

เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง

“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”

“...”

“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”

ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น

“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”

“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”

“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”

“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”

“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง

“โอ๊ย!!!”

จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”

ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”

“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”

“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”

เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง

“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”

“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”


ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่า
สาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ
และมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อ
จนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง


“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”

พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน

“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”

ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”

“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”

ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน


อติรัตน์ จิระธนานนท์
ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ
ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้น
นอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์


“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”

“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ

“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”

“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”

“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”

“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”

“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”

“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”




==========================================================

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

หนึ่งคอมเม้นต์คือหนึ่งแรกผลักดันและกำลังใจของคนเขียนนะคะ
แต่ยินดีต้อนรับนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ

นิยายของกันเกราเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับ สนพ. ยินดีจะลงให้อ่านจนจบเรื่องค่ะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำสัญญาแล้ว ขออนุญาตลงแค่ครึ่งเดียวนะคะ

ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เรื่อยมา
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ความจริงที่จำต้องเปิดใจ ๒ ๑๐๐%

“เรือลำนี้พี่หินบอกว่าจะกลับมาช่วยเอ๋ยทำค่ะ แต่เอ๋ยก็ต้องทำคนเดียวเพราะไม่มีพี่หินแล้ว”

“คุณเอามาให้ฉันทำไมล่ะคะ” ดลยาเสียงอ่อนลงทันที ขณะสายตามองไปยังเรือ

“เพราะตอนนี้เอ๋ยรู้แล้ว ว่าจะไม่มีพี่หินกลับมาดูมันแล้ว เอ๋ยเลยอยากให้คุณย่าเก็บไว้ อย่างน้อยๆ คุณร๊อกที่หน้าเหมือนพี่หินก็อาจจะได้ดูมันบ้าง ตอนที่พวกคุณแต่งงานกันไปแล้ว”

“ทำไมคุณไม่เอาไปให้เขาเอง แล้วทำไมคุณไม่บอกเขาเรื่องพี่หินล่ะคะ”

“เอ๋ยไม่อยากไปพบเขาค่ะ ในเมื่อเขาไม่ใช่พี่หินของเอ๋ยแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เอ๋ยจะพาตัวเองไปใกล้เขา เพราะรังแต่จะทำให้คุณย่าโกรธและเกลียดเอ๋ยมากไปกว่านี้เท่านั้น ที่ผ่านมาเอ๋ยรู้ว่าตัวเองผิด รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากที่แอบไปคุยกับเขาลับหลังคุณย่า”

“...” ดลยาพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำนี้

“แต่เอ๋ยก็อยากขอความเห็นใจจากคุณย่าค่ะ ได้โปรดเข้าใจ เห็นใจหัวอกของคนที่พลัดพรากจากคนที่ตัวเองรัก และรอคอยให้เขากลับมาถึงสิบสองปีด้วยนะคะ มันเป็นช่วงเวลาที่เอ๋ยเป็นทุกข์ค่ะ ทุกข์จนไม่รู้จะทุกข์ยังไง และไม่อยากจะบอกให้ใครได้รู้”

“แต่การที่คุณไม่บอกอะไรกับใคร ยิ่งจะทำให้ความทุกข์อัดแน่นนะคะ สักวันความทุกข์มันก็จะระเบิดออกมา แล้วจะฆ่าคุณเอง”

“ความตายคือสิ่งเดียวที่เอ๋ยรออยู่ในชีวิตนี้ค่ะ เพราะถ้าไม่มีพี่หินชีวิตของเอ๋ยก็เหมือนไม่มีความหมายอะไร คุณย่าโชคดีแล้วค่ะ ที่จะได้อยู่กับคนที่คุณย่ารักและเขาก็รักคุณย่า”

“แต่เขาก็พาตัวเข้าไปใกล้ชิดคุณ”

“นั่นเป็นเพราะเอ๋ยเป็นฝ่ายยอมไปใกล้เขาด้วย แต่ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วค่ะ เอ๋ยสัญญากับคุณย่าไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าคุณย่าไม่อยากให้เอ๋ยไปพบเขาอีก เอ๋ยก็จะไม่ขอพบเขาไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ขอให้คุณย่าสบายใจได้ค่ะ”

“...”

ไม่รู้อะไรดลใจให้สาวผู้มีเมตตาเชื่อในคำพูดนี้จนหมดสิ้น

“เอ๋ยขออวยพรให้คุณย่ามีความสุขกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้านี้นะคะ และได้โปรดจงยกโทษให้คนสิ้นคิดอย่างเอ๋ย ที่ทำอะไรลงไปเพราะความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ด้วยนะคะ เอ๋ยขอแค่นี้ค่ะ”

“...”

แต่มันยากยิ่งที่ดลยาจะบอกออกไปตอนนี้ เพราะใจยังรับไม่ได้ และยังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเรื่องที่ได้รับรู้มาเป็นจริงหรือถูกแต่งแต้มขึ้นกันแน่ จึงเลือกที่จะนั่งจ้องมองของขวัญที่ตัวไม่แน่ใจว่าอยากได้อยู่เท่านั้น

วริญรำไพรู้ในวินาทีนี้เอง ว่าคำขอโทษของตัวเองไร้ผล จึงค่อยๆ เดินผละจากไปทั้งที่ยังมีน้ำตานองหน้า เมื่อและตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าทำตามสัญญาที่ให้กับคนข้างหลังไว้

แต่สาวที่พลาดหวังในรักก็บอกกับตัวเองว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว แม้ในใจจะเจ็บช้ำกับวินาทีที่จะต้องตัดคนหน้าเหมือนพี่หินออกไปจากใจให้ได้ และต้องได้ไม่ว่าจะยากลำบากสักแค่ไหน



“เอ๋ย! พรุ่งนี้ให้หนิงไปถ่ายที่บางแสนแทนนะ ส่วนเอ๋ยไปถ่ายงานแต่งคุณย่า และไปถึงต้องอย่างช้าตีห้าด้วยนะ จะได้ช่วยอินดูความเรียบร้อยด้วย หกโมงพี่จะตามไป”

แต่สาวที่สมหวังในรักก็เพิ่มความยากลำบากมาให้อีกโดยไม่รู้ตัว เมื่อเจ้านายที่เพิ่งได้รับโทรศัพท์ว่าให้ช่างภาพคนเดิมไปถ่ายในงานแทนคนที่ไปเมื่อวานที่ไปถ่ายวันเตรียมงาน

“โห! แม่คุณร๊อกกับแม่คุณย่าทำกับเอ๋ยขนาดนั้น สุยังจะให้ไปอีกเหรอ”

รัชชาอดไม่ได้ที่จะแย้ง เพราะตัวเองถือว่าอายุเยอะสุดในบริษัทก็ว่าได้ แถมยังเห็นวินาทีที่ช่างภาพผู้เงียบขรึมถูกตบเต็มสองตา

“ทำไงได้ล่ะพี่ติ้ง ในเมื่อคุณย่าขอมา สุก็ต้องทำตาม เอ๋ยคงทำได้นะเพื่องานเพื่อเงินจะได้เอามาต่อยอดให้บริษัทเราไง”

“ค่ะพี่สุ”

แม้อยากจะเอ่ยปากปฏิเสธออกไปยังไง แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะนี่คืองานคือหน้าที่ที่จะต้องทำ จะต้องแยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว

และแม้จะเป็นข่าวร้ายของตัวเอง แต่มองในแง่ดี นี่ก็ถือเป็นการแทนคำยกโทษที่ดลยามีให้ก็เป็นได้ วริญรำไพจึงบอกกับตัวเองแน่วแน่อีกครั้ง ว่าจะทำงานออกมาให้ดีที่สุด

“เป็นกรรมของเอ๋ย แต่เป็นบุญของหนิงแล้วล่ะที่ไม่ต้องไปทำงานนี้”

“ทำไมล่ะพี่หนิง”

อินทิราที่รู้ดีแกล้งแหย่พร้อมรอยยิ้ม ทำเอารุ่นพี่มองตาขวาง เบะปากออกมาอย่างไม่ชอบใจ

“โห! แค่ไปเมื่อวานหนิงก็อยากจะกลับทันทีเลย คุณรัตน์กับคุณพรนี่สมที่จะเกี่ยวดองกันเลยนะพี่ เรื่องมาก เจ้ายศเจ้าอย่าง โน่นก็แตะไม่ได้ นี่ก็จับไม่ได้ เวลามองคนก็มองด้วยหางตา พอมองตรงๆ ก็ส่งสายตาเหยียดหยามมาให้ซึ่งๆ หน้า” ปันจิราโอดครวญทันที

“น้ำสักหยด ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีสั่งให้คนรับใช้ทำมาเลี้ยงพวกเราเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ด้วย” แซ้งบ่นบ้าง เพราะเมื่อวานรอข้าวจากอินทิราเกือบถึงบ่ายสาม เมื่อมีงานด่วนต้องให้ทำก่อน

“ลูกค้าซุปเปอร์วีไอพีของพี่สุโดยแท้เลยน้อ ขี้เหนียวเว่อร์เป็นพิเศษ” ซันบ่นบ้างเพราะทำงานคู่กันกับแซ้ง

“ใช่! น่าจะจัดงานที่โรงแรมทั้งตอนเช้าและเย็นไปเลย จะได้ไม่ต้องคอยระวังว่าจะทำของอะไรตกแตกบ้าง เพราะชิ้นไหนๆ คุณรัตน์ก็บอกว่าราคาเป็นแสนเป็นล้านทั้งนั้น อินล่ะไม่อยากเข้าไปใกล้เลย กลัวทำแตกแล้วต้องใช้หนี้หัวบาน”

“อุ๊ย! ทำที่โรงแรมหมด ก็อดอวดคฤหาสน์ราคาสองสามร้อยล้านน่ะยะยัยอิน วันนี้เห็นอวดใหญ่เลยว่าห้องนั่นหมดเท่านั้น ห้องนี้หมดเท่านี้ ฉันได้ฟังแล้วก็ โอ๊ย!!! หมั่นไส้คนรวย” รัชชาเอาด้วยบ้าง เพราะอัดอั้นมาทั้งวัน ทำเอาทุกคนในที่ประชุมหัวเราะออกมาด้วยความขำ

“พอได้แล้วยัยหนิง มานินทีลูกค้าของพี่ได้ยังไง เริ่มประชุมเลย แต่เดี๋ยว! ก่อนจะลืม พี่ขอเน้นกับอินก่อนนะ ว่าช่วยกำชับเด็กที่จะดูแลคุณย่ากับคุณร๊อกด้วย ว่าห้ามเสิร์ฟน้ำเย็นให้คุณร๊อกเด็ดขาด ตั้งแต่งานเช้ากระทั่งงานเย็น”

“ทำไมล่ะสุ” รัชชาสงสัย

“ก็คุณย่าโทรมาบอกว่าแกไม่สบาย มีไข้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้ก็เห็นว่าคุณย่าจะพาไปฉีดยานะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงลุกขึ้นมาแต่งงาน”

“โห! จะแต่งทั้งทียังไม่สบายอีก มิน่าวันนี้ไม่เห็นแกทั้งวันเลย” อินทิราเพิ่งคิดขึ้นได้

“ใช่ๆ แกนอนทั้งวัน พี่ติ้งก็ช่วยแต่งหน้าให้แกจัดกว่าปกติหน่อยก็แล้วกัน เอ๋ยก็ใช้กล้องโปรแกรมแต่งช่วยทีนะถ้าหน้าแกซีด แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก แล้วเอ๋ยก็ต้องตามถ่ายตั้งแต่ตอนแต่งหน้ากระทั่งถึงตอนส่งตัวเข้าห้องหอเลยนะ”

“ค่ะ”

เพราะรู้ดีว่าต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้เจ้านายจะไม่ย้ำก็ตามที “วันรุ่งขึ้นพี่ก็ให้เข้าออฟฟิศสายได้ตามเคย เพราะต้องอยู่ดึก เอารถมาจอดที่นี่แล้วนั่งรถตู้ไปนะจะได้ช่วยอินดูด้วยว่าขาดหรือลืมอะไร”

“ค่ะ”

==========================================

สวัสดีค่ะรีดที่น่ารักของกันเกรา

แวะมาแจ้งข่าวค่ะ พรุ่งนี้กันเกราจะต้องพาสามีไปขึ้นเขียง เบื้องต้นคุณหมอบอกว่าจะต้องนอนรักษาตัวใน รพ. หลังผ่าตัดราวสองอาทิตย์

การอัพพี่หินกับน้องเอ๋ย อาจจะขาดหายไปบ้างนะคะ อาจจะวันเว้นวัน แล้วแต่สถานการณ์จะพาไปค่ะ เพราะใน รพ. ใช้ไม่มีเน็ท ต้องใช้จากมือถือ แล้วมันก็อืดอย่างแรงกว่าจะโพสต์อะไรแต่ละที สามชาตค่ะ

จังแจ้งมาให้รีดรู้ไว้ เผื่อมีใครคิดถึงหรือสงสัยว่าหายไปไหนค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ยิ้มมมมมมมมมมมมม



กันเกรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2558, 18:34:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2558, 18:34:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 925





<< ความจริงที่จำต้องเปิดใจ ๑๐๐%   รู้ก็เมื่อสายไป ๑๐๐% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account