พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: คนงอนกับคนตาม
ร่างสูงดึงปีกหมวกลงบังใบหน้าไว้เล็กน้อยก้าวขายาวเร่งรีบเข้าตัวที่พัก โดยมีผู้จัดการคิมเดินแกมวิ่งตามมาติดๆเอ่ยเรียกขณะที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิด
“นี่นายจะทิ้งฉันรึไง จะรีบยังไงนายก็ควรจะรอฉันสิ” ผู้จัดการคิมกรอกตากับท่าทางไม่สนใจของดาราหนุ่ม
เสียงลิฟท์หยุดลงที่ชั้น5 ไฟอัตโนมัติเริ่มทำงานทันทีเมื่อมีฝีเท้าผ่านเซนเซอร์ทั้งชั้นเงียบสนิทเพราะเป็นที่รับรองส่วนตัว
นัมแทบงกดออดที่หน้าห้องแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ใบหน้านิ่งยิ่งดูนิ่งเข้าไปอีกเมื่อเทียบกับอารมณ์ถอนหายใจแรง เอื้อมมือไปกดรหัสผ่านหน้าบานประตูแทน
“ตือ ดือ ดึ๊ด”
เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าประตูถูกปลดล๊อคเรียบร้อยแล้วเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของคนร่างสูง นัมแทบงเดินไปหยุดอยู่กึ่งกลางห้องหันมองรอบพื้นที่สี่เหลี่ยมคิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่ากรอบรูปของเขาบนโต๊ะมุมห้องถูกคว่ำลงทั้ง3กรอบ
นัมแทบงยิ้มจับมันตั้งขึ้นตามเดิม มุมปากยกขึ้นอีกครั้งเมื่อหันไปทางห้องส่วนตัวของตนเองที่เคยใช้นอน หมุนตัวไปตามทางที่เขาก็คิดว่าเธอคงจัดการไม่ต่างกัน
“แทบงนายเข้าไปไม่ได้นะเผื่อคุณล่ามกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่” คิมเซจุนตะโกนห้าม
“ฮยองไม่เห็นเหรอว่าเราเข้ามายืนตรงนี้สักพักแล้วยังไม่มีวี่แววว่ากัมมี่จะออกมาเลยมันหมายความว่าเธอไม่อยู่ไม่เข้าใจเหรอ” นัมแทบงพูดด้วยใบหน้านิ่ง
ก้านโยกประตูสแตนเลสถูกกดลงบานประตูก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ตาเรียวมองไปจุดที่คิดไว้เป็นไปตามคาดกรอบรูปที่เป็นรูปเขาถูกคว่ำลงทั้งสองอัน
“เด็กจริงๆเลย โกรธฉันมากเลยเหรอกัมมี่”
ดาราหนุ่มหยิบกรอบรูปมาตั้งเหมือนเดิมก่อนล้วงหยิบสมาทโฟนของตนเองขึ้นมากดข้อความส่งอีกครั้ง
“อยู่ที่ไหน กลับมาห้องสิพี่รออยู่”
ทันทีที่กุมาริกาเปิดเครื่องเสียงข้อความดังติดต่อกันจนเธอกลัวว่าเครื่องจะค้างไปซะก่อน กดไล่ดูข้อความแล้วย่นจมูกโดยอัตโนมัติราวกับว่าดาราหนุ่มอยู่ตรงหน้า เมื่อพีมะขอตัวไปเข้าห้องน้ำเธอจึงหาที่นั่งตรงข้างทางก่อนตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว
“ฉันมาเดินหาของกินอยู่แถวที่พักนี่แหละคุณกลับไปเถอะฉันจะไปเดินเล่นกันนิดหน่อยคงอีกนานกว่าจะกลับ”
ข้อความที่ปรากฏทำเอาดาราหนุ่มถึงกับร้อนรนเดินผล่านเป็นหนูติดจั่น ก่อนนัยย์ตาเรียวจะฉายประกายบางอย่างเอาสองมือล้วงกระเป๋าเดินลิ่วไปที่หน้าประตู
“ฮยองเราไปเดินรอบถนนอิแทวอนกัน”
“อะไรนะ...นายจะบ้ารึไง แถวนั้นคนเยอะจะตาย นายอยากโดนรุมทึ้งรึไง” ผู้จัดการคิมเผลอตะโกน
“ถ้าฮยองไม่ไปก็ลงไปพักได้เลย เดี๋ยวผมกลับเอง” นัมแทบงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ได้ยังไงเล่า นี่นายจะหาเรื่องเดือดร้อนนะนี่มันจะทุ่มแล้วด้วยนั่นมันเขตชุมชนนายมั่นใจได้ยังไงว่าจะหาพวกเขาเจอ”
ผู้จัดการคิมจ้องตาโตเมื่อนิ้วของแทบงจิ้มไปที่หน้าจอมือถือเพื่อเรียกดูคู่สัญญาณGPS
“พรุ่งนี้นายค่อยเจอเธอก็ได้นี่” ผู้จัดการคิมเสนอทางออก ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ผมจะไปคนเดียว” เสียงทุ้มที่ตอบมานิ่งกลับมาทำเอาผู้จัดการคิมเงียบกริบเอาสองมือปิดปากตนเองแทบจะวิ่งตามร่างสูงที่เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก
“อิแทวอนขึ้นชื่อเรื่องย่านที่ไม่เคยหลับใหลแทบจะเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงคนเกาหลีเรียกย่านนี้ว่าย่านชาวต่างชาติ เห็นไหมมีร้านอาหารไทยด้วย ถ้านายคิดถึงบ้านเรามานั่งกินก็ได้แต่ราคาไม่เบาเลยนะ” กุมาริกาหัวเราะร่วน
“เบบี๋เรียนที่นี่นานไหม” ตากล้องหนุ่มเอ่ยถาม
“ไม่นานนะเรียนภาษาประมาณ1ปี แล้วก็อยู่เที่ยวนิดหน่อยแต่ไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกเราพักแถวฮงแด แล้วก็เที่ยวแถวที่พักมากกว่าแต่ก็มาเที่ยวที่นี่อยู่หลายครั้ง”
“แล้วไม่เคยเจอหมอนั่นเลยเหรอ” พีมะถามจ้องดวงตากลม
“ใคร..อ่อ นัมแทบงนะเหรอ...เคยสิในทีวีไง”กุมาริกาหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นสีหน้าอยากรู้ของช่างภาพหนุ่ม ถามตัวเองยามเมื่อมองใบหน้าตากล้องหนุ่มทำไมเธอไม่รักเขานะทั้งที่พีมะออกจะแสนดีกับเธอขนาดนี้
“เบบี๋อย่ากวนสิ เราแปลกใจที่บอสก็รู้จักกับพี่สาวเขาดีแต่ทำไมถึงเพิ่งเคยเจอเขาล่ะ”
“ตอนเรามาเรียนที่นี่ก็ไม่ได้ใช้สิทธิอะไรแล้วก็เคยเจอประธานนัมแค่สองครั้งเองมั้งตอนที่อากุลมาเยี่ยมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านัมแทบงคือน้องชายของประธานนัม”
“อ่อ...เข้าใจแล้ว”
“อยากรู้อะไรอีกไหมล่ะ”กุมาริกาเอ่ยเย้ามองดูใบหน้าอีกฝ่ายที่กำลังเขินปนขำ
ร่างสูงกดปีกหมวกลงต่ำเพราะเริ่มมีคนมองเขามากขึ้น พยายามก้าวเท้าตามคนทั้งคู่ให้ทันแต่ก็ดูเหมือนเริ่มลำบากและต้องยอมแพ้ในที่สุดเมื่อเขาเริ่มถูกรุมล้อมและผู้จัดการคิมเริ่มกั้นแขนดันเขาไปจากที่ตรงนั้น
“ฉันบอกนายแล้วว่าอย่ามา นายเด่นขนาดนี้จะไม่มีคนจำได้ก็แปลกแล้ว หยุดเดินทำไมเล่าเดี๋ยวแฟนคลับนายก็ตามมาทันหรอก”
นัมแทบงหันมองหนุ่มสาวที่อยู่ห่างไปไม่ถึง500เมตร ข้างหน้ากำลังชี้ชวนดูของขายข้างทางอย่างสบายใจ เธอจะรู้ไหมว่าเขาต้องลำบากแค่ไหนในการเดินหาเธอจนเจอ กุมาริกาหันไปมองกลุ่มคนทางด้านหลังจนทำให้พีมะหยุดเดินหันไปมองด้วย
“เกาหลีมุงเหรอมีอะไร ดารามาเหรอไง” พีมะมองไปที่กลุ่มคนทางด้านหลัง
“ไม่รู้สิมองไม่เห็น ตัวเองสูงก็มองทีสิ” กุมาริกาบอกหน้ามุ่ยที่เห็นอีกฝ่ายขำ
“ไม่เห็นอ่ะคนมุงเพียบเลยรู้แต่ว่าผู้.....”พีมะชะงักคำพูดทันที ด้านหลังของผู้ชายที่ถูกกันออกไปนั่นมันคุ้นตาจริงๆจนเผลอคว้ามือบางมากุมแน่น
“ใครเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกันเห็นแต่ข้างหลัง เราจับมือไว้ดีกว่าคนเยอะ”พีมะบอกยิ้มๆ เขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะรู้สึกแพ้ เสียงข้อความเข้าทำให้กุมาริกาดึงมือที่ถูกจับจูงไว้ออกอย่างสุภาพ
“กลับบ้านได้แล้ว พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกในสิบห้านาที!!” ล่ามสาวทวนประโยคข้อความที่ปรากฏ กรอกตากับมุกเด็กน้อยของคนส่ง
“มีอะไรเหรอ ฝนที่ไหนตก” พีมะถามแปลกใจ
“อ่อ..พยาการณ์อากาศน่ะข้อความันเด้งเตือนขึ้นมาบอกว่าฝนกำลังจะตกในอีก15นาที งั้นเรากลับกันเถอะนี่ก็สามทุ่มกว่าแล้วพรุ่งนี้จะได้ไม่ง่วง” กุมาริกาเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“พยากรณ์อากาศเนี่ยนะ” พีมะทวน รู้มาว่าพยากรณ์อากาศเกาหลีตรงมากเลยเลือกจะเชื่อร่างเล็กที่จูงมือเขาไปอีกทางเพื่อกลับที่พัก ตากล้องหนุ่มกระชับมือบางแน่นขึ้น มองซีกหน้าด้านข้างใบหน้าใส เขาจะใช้เวลาที่มีพิสูจน์ตัวเองให้เธอรับรู้ความรู้สึกที่เขามีให้อย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว
“ส่งแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องออกมาหรอก เห็นไหมว่าชั้นนี้วงจรปิดเพียบเลยสบายใจได้”
พีมะชะโงกมองบรรยากาศโดยรอบของชั้นที่หญิงสาวพัก อดทึ่งไม่ได้กับเทคโนโลยีของประเทศนี้มันเจ๋งสำหรับเขาหลายอย่างยกเว้นห้องน้ำ เขาชอบสายฉีดก้นไทยแลนด์มากกว่าน้ำที่พ่นออกมาเองแบบนั้น
“อย่างสวย...นี่ไม่ใช่ชั้นพนักงานแบบเราแน่ เงียบดีจัง มีแค่3ห้องเองเหรอ”
“อืม..มันเป็นที่พักรับรองน่ะ เราได้อยู่ห้องVIPไง อิจฉาดิ” กุมาริกาพูดติดตลกเพื่อไม่ให้ตากล้องหนุ่มคิดมาก
“จ้า จะอิจฉาหลานเจ้าของบริษัทได้ยังไง กระผมมันแค่พนักงานธรรมดาเอง” พีมะยิ้มแล้วทำเป็นหน้าสลดดูเจียมตัว แล้วสองเสียงก็หัวเราะประสานกัน
“ลงไปได้แล้วกดลิฟท์ค้างไว้แบบนั้นเดี๋ยวคนเขาใช้ลิฟท์ด่ากันพอดี Good night”หญิงสาวโบกมือ
“ฝันดีเบบี๋ ฝันถึงเราบ้างก็ดี”
ภาพหน้าจอที่ใช้ดูกล้องวงจรปิดทำเอาซุปตาร์หนุ่มต้องไล่ลมร้อนออกจากริมฝีปากอีกครั้ง เอามือนวดวนไปทั่วหว่างอก ปากก็พึมพำเบาๆโดยมีผู้จัดการคิมส่ายหัวพูดตาม “relax…relax”
กุมาริกาสะดุดตาตรงมุมห้อง กรอบรูปที่เธอจำได้ว่าคว่ำลงเองกลับมือ ทำไมตอนนี้มันถึงได้ตั้งอยู่ทั้งสามกรอบ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน มองไปที่ประตูห้องนอนก้าวไปอย่างรวดเร็ว ตากลมจ้องไปที่มุมหัวเตียง
“หน๋อยแน่!!มันจะมากไปแล้วนะไม่ต้องมายิ้มเลย” หญิงสาวบ่นคนในรูปประหนึ่งเจ้าตัวมายืนตรงหน้า มองดูกระดาษใบใหญ่มีมือถือที่เธอได้รับมาตอนเย็นทับไว้ มองดูข้อความในกระดาษทำเอาเกือบใจอ่อน
To gummy
โกรธที่พี่ไม่ได้ไปรับเหรอ อย่าเกเรเป็นเด็กสิ ใช้มือถือเครื่องนี้นะจะได้ทำให้เราอยู่ใกล้กันมากขึ้นไง
PS.ไม่คิดถึงเจ้าของรูปรึไงคว่ำลงหมดทุกอันแบบนี้ หายโกรธนะ”
Taebong
“คนบ้า” กุมาริกาวางกระดาษลงบนโต๊ะที่วางโคมไฟ หยิบมือถือขึ้นมาดู เมื่อกดไปที่หน้าจอตากลมเบิกกว้าง ภาพวอลเปเปอร์หน้าจอกลายเป็นรูปนัมแทบงที่ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มเทวดาและมันปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอให้ใจสั่นจนเผลอพูดกับตนเอง
“คิดถึงสิคนบ้า”
ร่างสูงของนัมแทบงมีเพียงผ้าขนหนูพันไว้รอบเอว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำก่อนจามติดกันถึงสองครั้งจนเจ้าตัวต้องรีบเป่าผมด้วยไดร์เพราะกลัวไม่สบาย เสียงข้อความเข้าจึงเหลือบมองไปทางมือถือแต่เมื่อนึกถึงคนที่ส่งมารอยยิ้มกว้างก็เปิดออกก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่ออ่านข้อความ
“ห้ามเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติอีกนะ”
“เด็กน้อย” ซุปตาร์หนุ่มยิ้มกับข้อความที่ตนเองกดส่งตอบกลับไป
“จะโทรหา”
กุมาริกากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แต่เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะโทรหาก็รู้สึกเหมือนใบหน้าตัวเองกำลังเห่อร้อน พิมพ์ตอบแบบตัดบทไป
“ไม่... เหนื่อยจะนอน”
“เด็กดื้อ ฝันดีนะแล้วพบกันพรุ่งนี้”
ภาพอิโมติคอนกระต่ายนอนหลับถูกส่งมาแทนที่ นัมแทบงยิ้มนึกถึงใบหน้าใสที่มีรอยยิ้มเสมอ
พีมะลืมตาโพรงมองเพดาน หนุนศีรษะด้วยแขนสองข้างของตัวเอง สีหน้าครุ่นคิดถึงร่างสูงที่เห็นเมื่อตอนค่ำ “ทำไมไอ้ดารานั่นถึงอยู่ที่นั่นหรือว่ามันตามกัมมี่ไป ไม่มั้งเป็นไปไม่ได้ มันไม่มารับด้วยซ้ำ”
พีมะนึกถึงความเป็นไปได้ของร่างสูงที่พบระหว่างเดินเที่ยวกับกุมาริกา ดีว่าเธอตัวเล็กจึงมองไม่เห็น หมอนั่นสูงพอๆกันกับเขา แค่ด้านหลังใครก็เหมือนกันได้น่า ตากล้องหนุ่มพลิกตัวก่อนหลับไปเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
“นี่นายจะทิ้งฉันรึไง จะรีบยังไงนายก็ควรจะรอฉันสิ” ผู้จัดการคิมกรอกตากับท่าทางไม่สนใจของดาราหนุ่ม
เสียงลิฟท์หยุดลงที่ชั้น5 ไฟอัตโนมัติเริ่มทำงานทันทีเมื่อมีฝีเท้าผ่านเซนเซอร์ทั้งชั้นเงียบสนิทเพราะเป็นที่รับรองส่วนตัว
นัมแทบงกดออดที่หน้าห้องแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ใบหน้านิ่งยิ่งดูนิ่งเข้าไปอีกเมื่อเทียบกับอารมณ์ถอนหายใจแรง เอื้อมมือไปกดรหัสผ่านหน้าบานประตูแทน
“ตือ ดือ ดึ๊ด”
เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าประตูถูกปลดล๊อคเรียบร้อยแล้วเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของคนร่างสูง นัมแทบงเดินไปหยุดอยู่กึ่งกลางห้องหันมองรอบพื้นที่สี่เหลี่ยมคิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่ากรอบรูปของเขาบนโต๊ะมุมห้องถูกคว่ำลงทั้ง3กรอบ
นัมแทบงยิ้มจับมันตั้งขึ้นตามเดิม มุมปากยกขึ้นอีกครั้งเมื่อหันไปทางห้องส่วนตัวของตนเองที่เคยใช้นอน หมุนตัวไปตามทางที่เขาก็คิดว่าเธอคงจัดการไม่ต่างกัน
“แทบงนายเข้าไปไม่ได้นะเผื่อคุณล่ามกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่” คิมเซจุนตะโกนห้าม
“ฮยองไม่เห็นเหรอว่าเราเข้ามายืนตรงนี้สักพักแล้วยังไม่มีวี่แววว่ากัมมี่จะออกมาเลยมันหมายความว่าเธอไม่อยู่ไม่เข้าใจเหรอ” นัมแทบงพูดด้วยใบหน้านิ่ง
ก้านโยกประตูสแตนเลสถูกกดลงบานประตูก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ตาเรียวมองไปจุดที่คิดไว้เป็นไปตามคาดกรอบรูปที่เป็นรูปเขาถูกคว่ำลงทั้งสองอัน
“เด็กจริงๆเลย โกรธฉันมากเลยเหรอกัมมี่”
ดาราหนุ่มหยิบกรอบรูปมาตั้งเหมือนเดิมก่อนล้วงหยิบสมาทโฟนของตนเองขึ้นมากดข้อความส่งอีกครั้ง
“อยู่ที่ไหน กลับมาห้องสิพี่รออยู่”
ทันทีที่กุมาริกาเปิดเครื่องเสียงข้อความดังติดต่อกันจนเธอกลัวว่าเครื่องจะค้างไปซะก่อน กดไล่ดูข้อความแล้วย่นจมูกโดยอัตโนมัติราวกับว่าดาราหนุ่มอยู่ตรงหน้า เมื่อพีมะขอตัวไปเข้าห้องน้ำเธอจึงหาที่นั่งตรงข้างทางก่อนตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว
“ฉันมาเดินหาของกินอยู่แถวที่พักนี่แหละคุณกลับไปเถอะฉันจะไปเดินเล่นกันนิดหน่อยคงอีกนานกว่าจะกลับ”
ข้อความที่ปรากฏทำเอาดาราหนุ่มถึงกับร้อนรนเดินผล่านเป็นหนูติดจั่น ก่อนนัยย์ตาเรียวจะฉายประกายบางอย่างเอาสองมือล้วงกระเป๋าเดินลิ่วไปที่หน้าประตู
“ฮยองเราไปเดินรอบถนนอิแทวอนกัน”
“อะไรนะ...นายจะบ้ารึไง แถวนั้นคนเยอะจะตาย นายอยากโดนรุมทึ้งรึไง” ผู้จัดการคิมเผลอตะโกน
“ถ้าฮยองไม่ไปก็ลงไปพักได้เลย เดี๋ยวผมกลับเอง” นัมแทบงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ได้ยังไงเล่า นี่นายจะหาเรื่องเดือดร้อนนะนี่มันจะทุ่มแล้วด้วยนั่นมันเขตชุมชนนายมั่นใจได้ยังไงว่าจะหาพวกเขาเจอ”
ผู้จัดการคิมจ้องตาโตเมื่อนิ้วของแทบงจิ้มไปที่หน้าจอมือถือเพื่อเรียกดูคู่สัญญาณGPS
“พรุ่งนี้นายค่อยเจอเธอก็ได้นี่” ผู้จัดการคิมเสนอทางออก ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ผมจะไปคนเดียว” เสียงทุ้มที่ตอบมานิ่งกลับมาทำเอาผู้จัดการคิมเงียบกริบเอาสองมือปิดปากตนเองแทบจะวิ่งตามร่างสูงที่เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก
“อิแทวอนขึ้นชื่อเรื่องย่านที่ไม่เคยหลับใหลแทบจะเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงคนเกาหลีเรียกย่านนี้ว่าย่านชาวต่างชาติ เห็นไหมมีร้านอาหารไทยด้วย ถ้านายคิดถึงบ้านเรามานั่งกินก็ได้แต่ราคาไม่เบาเลยนะ” กุมาริกาหัวเราะร่วน
“เบบี๋เรียนที่นี่นานไหม” ตากล้องหนุ่มเอ่ยถาม
“ไม่นานนะเรียนภาษาประมาณ1ปี แล้วก็อยู่เที่ยวนิดหน่อยแต่ไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกเราพักแถวฮงแด แล้วก็เที่ยวแถวที่พักมากกว่าแต่ก็มาเที่ยวที่นี่อยู่หลายครั้ง”
“แล้วไม่เคยเจอหมอนั่นเลยเหรอ” พีมะถามจ้องดวงตากลม
“ใคร..อ่อ นัมแทบงนะเหรอ...เคยสิในทีวีไง”กุมาริกาหัวเราะเสียงใสเมื่อเห็นสีหน้าอยากรู้ของช่างภาพหนุ่ม ถามตัวเองยามเมื่อมองใบหน้าตากล้องหนุ่มทำไมเธอไม่รักเขานะทั้งที่พีมะออกจะแสนดีกับเธอขนาดนี้
“เบบี๋อย่ากวนสิ เราแปลกใจที่บอสก็รู้จักกับพี่สาวเขาดีแต่ทำไมถึงเพิ่งเคยเจอเขาล่ะ”
“ตอนเรามาเรียนที่นี่ก็ไม่ได้ใช้สิทธิอะไรแล้วก็เคยเจอประธานนัมแค่สองครั้งเองมั้งตอนที่อากุลมาเยี่ยมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านัมแทบงคือน้องชายของประธานนัม”
“อ่อ...เข้าใจแล้ว”
“อยากรู้อะไรอีกไหมล่ะ”กุมาริกาเอ่ยเย้ามองดูใบหน้าอีกฝ่ายที่กำลังเขินปนขำ
ร่างสูงกดปีกหมวกลงต่ำเพราะเริ่มมีคนมองเขามากขึ้น พยายามก้าวเท้าตามคนทั้งคู่ให้ทันแต่ก็ดูเหมือนเริ่มลำบากและต้องยอมแพ้ในที่สุดเมื่อเขาเริ่มถูกรุมล้อมและผู้จัดการคิมเริ่มกั้นแขนดันเขาไปจากที่ตรงนั้น
“ฉันบอกนายแล้วว่าอย่ามา นายเด่นขนาดนี้จะไม่มีคนจำได้ก็แปลกแล้ว หยุดเดินทำไมเล่าเดี๋ยวแฟนคลับนายก็ตามมาทันหรอก”
นัมแทบงหันมองหนุ่มสาวที่อยู่ห่างไปไม่ถึง500เมตร ข้างหน้ากำลังชี้ชวนดูของขายข้างทางอย่างสบายใจ เธอจะรู้ไหมว่าเขาต้องลำบากแค่ไหนในการเดินหาเธอจนเจอ กุมาริกาหันไปมองกลุ่มคนทางด้านหลังจนทำให้พีมะหยุดเดินหันไปมองด้วย
“เกาหลีมุงเหรอมีอะไร ดารามาเหรอไง” พีมะมองไปที่กลุ่มคนทางด้านหลัง
“ไม่รู้สิมองไม่เห็น ตัวเองสูงก็มองทีสิ” กุมาริกาบอกหน้ามุ่ยที่เห็นอีกฝ่ายขำ
“ไม่เห็นอ่ะคนมุงเพียบเลยรู้แต่ว่าผู้.....”พีมะชะงักคำพูดทันที ด้านหลังของผู้ชายที่ถูกกันออกไปนั่นมันคุ้นตาจริงๆจนเผลอคว้ามือบางมากุมแน่น
“ใครเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกันเห็นแต่ข้างหลัง เราจับมือไว้ดีกว่าคนเยอะ”พีมะบอกยิ้มๆ เขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะรู้สึกแพ้ เสียงข้อความเข้าทำให้กุมาริกาดึงมือที่ถูกจับจูงไว้ออกอย่างสุภาพ
“กลับบ้านได้แล้ว พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกในสิบห้านาที!!” ล่ามสาวทวนประโยคข้อความที่ปรากฏ กรอกตากับมุกเด็กน้อยของคนส่ง
“มีอะไรเหรอ ฝนที่ไหนตก” พีมะถามแปลกใจ
“อ่อ..พยาการณ์อากาศน่ะข้อความันเด้งเตือนขึ้นมาบอกว่าฝนกำลังจะตกในอีก15นาที งั้นเรากลับกันเถอะนี่ก็สามทุ่มกว่าแล้วพรุ่งนี้จะได้ไม่ง่วง” กุมาริกาเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“พยากรณ์อากาศเนี่ยนะ” พีมะทวน รู้มาว่าพยากรณ์อากาศเกาหลีตรงมากเลยเลือกจะเชื่อร่างเล็กที่จูงมือเขาไปอีกทางเพื่อกลับที่พัก ตากล้องหนุ่มกระชับมือบางแน่นขึ้น มองซีกหน้าด้านข้างใบหน้าใส เขาจะใช้เวลาที่มีพิสูจน์ตัวเองให้เธอรับรู้ความรู้สึกที่เขามีให้อย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว
“ส่งแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องออกมาหรอก เห็นไหมว่าชั้นนี้วงจรปิดเพียบเลยสบายใจได้”
พีมะชะโงกมองบรรยากาศโดยรอบของชั้นที่หญิงสาวพัก อดทึ่งไม่ได้กับเทคโนโลยีของประเทศนี้มันเจ๋งสำหรับเขาหลายอย่างยกเว้นห้องน้ำ เขาชอบสายฉีดก้นไทยแลนด์มากกว่าน้ำที่พ่นออกมาเองแบบนั้น
“อย่างสวย...นี่ไม่ใช่ชั้นพนักงานแบบเราแน่ เงียบดีจัง มีแค่3ห้องเองเหรอ”
“อืม..มันเป็นที่พักรับรองน่ะ เราได้อยู่ห้องVIPไง อิจฉาดิ” กุมาริกาพูดติดตลกเพื่อไม่ให้ตากล้องหนุ่มคิดมาก
“จ้า จะอิจฉาหลานเจ้าของบริษัทได้ยังไง กระผมมันแค่พนักงานธรรมดาเอง” พีมะยิ้มแล้วทำเป็นหน้าสลดดูเจียมตัว แล้วสองเสียงก็หัวเราะประสานกัน
“ลงไปได้แล้วกดลิฟท์ค้างไว้แบบนั้นเดี๋ยวคนเขาใช้ลิฟท์ด่ากันพอดี Good night”หญิงสาวโบกมือ
“ฝันดีเบบี๋ ฝันถึงเราบ้างก็ดี”
ภาพหน้าจอที่ใช้ดูกล้องวงจรปิดทำเอาซุปตาร์หนุ่มต้องไล่ลมร้อนออกจากริมฝีปากอีกครั้ง เอามือนวดวนไปทั่วหว่างอก ปากก็พึมพำเบาๆโดยมีผู้จัดการคิมส่ายหัวพูดตาม “relax…relax”
กุมาริกาสะดุดตาตรงมุมห้อง กรอบรูปที่เธอจำได้ว่าคว่ำลงเองกลับมือ ทำไมตอนนี้มันถึงได้ตั้งอยู่ทั้งสามกรอบ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน มองไปที่ประตูห้องนอนก้าวไปอย่างรวดเร็ว ตากลมจ้องไปที่มุมหัวเตียง
“หน๋อยแน่!!มันจะมากไปแล้วนะไม่ต้องมายิ้มเลย” หญิงสาวบ่นคนในรูปประหนึ่งเจ้าตัวมายืนตรงหน้า มองดูกระดาษใบใหญ่มีมือถือที่เธอได้รับมาตอนเย็นทับไว้ มองดูข้อความในกระดาษทำเอาเกือบใจอ่อน
To gummy
โกรธที่พี่ไม่ได้ไปรับเหรอ อย่าเกเรเป็นเด็กสิ ใช้มือถือเครื่องนี้นะจะได้ทำให้เราอยู่ใกล้กันมากขึ้นไง
PS.ไม่คิดถึงเจ้าของรูปรึไงคว่ำลงหมดทุกอันแบบนี้ หายโกรธนะ”
Taebong
“คนบ้า” กุมาริกาวางกระดาษลงบนโต๊ะที่วางโคมไฟ หยิบมือถือขึ้นมาดู เมื่อกดไปที่หน้าจอตากลมเบิกกว้าง ภาพวอลเปเปอร์หน้าจอกลายเป็นรูปนัมแทบงที่ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มเทวดาและมันปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอให้ใจสั่นจนเผลอพูดกับตนเอง
“คิดถึงสิคนบ้า”
ร่างสูงของนัมแทบงมีเพียงผ้าขนหนูพันไว้รอบเอว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำก่อนจามติดกันถึงสองครั้งจนเจ้าตัวต้องรีบเป่าผมด้วยไดร์เพราะกลัวไม่สบาย เสียงข้อความเข้าจึงเหลือบมองไปทางมือถือแต่เมื่อนึกถึงคนที่ส่งมารอยยิ้มกว้างก็เปิดออกก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่ออ่านข้อความ
“ห้ามเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติอีกนะ”
“เด็กน้อย” ซุปตาร์หนุ่มยิ้มกับข้อความที่ตนเองกดส่งตอบกลับไป
“จะโทรหา”
กุมาริกากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แต่เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะโทรหาก็รู้สึกเหมือนใบหน้าตัวเองกำลังเห่อร้อน พิมพ์ตอบแบบตัดบทไป
“ไม่... เหนื่อยจะนอน”
“เด็กดื้อ ฝันดีนะแล้วพบกันพรุ่งนี้”
ภาพอิโมติคอนกระต่ายนอนหลับถูกส่งมาแทนที่ นัมแทบงยิ้มนึกถึงใบหน้าใสที่มีรอยยิ้มเสมอ
พีมะลืมตาโพรงมองเพดาน หนุนศีรษะด้วยแขนสองข้างของตัวเอง สีหน้าครุ่นคิดถึงร่างสูงที่เห็นเมื่อตอนค่ำ “ทำไมไอ้ดารานั่นถึงอยู่ที่นั่นหรือว่ามันตามกัมมี่ไป ไม่มั้งเป็นไปไม่ได้ มันไม่มารับด้วยซ้ำ”
พีมะนึกถึงความเป็นไปได้ของร่างสูงที่พบระหว่างเดินเที่ยวกับกุมาริกา ดีว่าเธอตัวเล็กจึงมองไม่เห็น หมอนั่นสูงพอๆกันกับเขา แค่ด้านหลังใครก็เหมือนกันได้น่า ตากล้องหนุ่มพลิกตัวก่อนหลับไปเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2558, 13:08:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2558, 08:05:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 943
<< การเดินทาง | คิดถึง >> |