ดวงจิตสื่อรัก
Tags: ไม่ใช่แนวตบจูบเป็นเรื่องที่แต่งจากประสบการณ์เรื่องจิตวิญญาณ
ตอน: ตอนที่ 19
ตอนที่ 19
อมรินทร์ในฐานะวิทยากรรับเชิญกำลังเพลินกับการบรรยายในงานสัมมนาจิตเวชพลันเขาก็สัมผัสได้ถึง
คลื่นพลังงานแห่งความสุขสดชื่นของกีรกันตากับคำพูดที่ว่าจะให้รางวัลตอบแทนความน่ารักของเขาสักหน่อย
จนเผลอยิ้มขำออกมาโดยไม่รู้ตัว คนที่กำลังเพลินกับการฟังบรรยายต่างทำหน้างงๆ คิดว่าจิตแพทย์หนุ่มทำ
งานหนักจนเพี้ยนเขาจึงรู้ตัวรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติและบรรยาต่อจนจบ กว่างานสัมมนาจะเลิกก็เกือบสามทุ่ม
เขาจึงได้กลับเพราะมีคนสนใจซักถามต่อหลายรายและให้เขาช่วยรักษาในบางราย
ระหว่างทางขับรถกลับเขาเห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งขายดอกไม้อยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัวริมทางใกล้ๆทาง
ขึ้นสถานีรถไฟฟ้าซึ่งไม่ใช่จุดที่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก ดอกไม้กับพวงมาลัยยังเหลืออยู่มาก เขานึกสงสัย มืดแล้ว
ทำไมหญิงชรายังนั่งขายดอกไม้อยู่ อีกสักพักฝนคงตกเห็นตั้งเค้ามาตั้งแต่ออกจากโรงแรม น่าจะรีบเก็บของกลับ
บ้าน ลูกหลานไปไหนทำไมปล่อยให้คนแก่หากินงกๆ หรือว่ายังเล็กอยู่ น่าสงสารแท้ เขามีจิตคิดช่วยจึงหักพวง
พวงมาลัยพารถเข้าจอดข้างทาง แล้วเดินไปหาหญิงชรา คิดจะเหมาหมดเพื่อช่วยให้หญิงชราได้กลับบ้านก่อน
ฝนจะมา
หญิงชราเห็นเขาเดินมาก็ยิ้มนัยน์ตาเย็นยะเยือกไม่ใช่นัยน์ตาฝ้าฟางอย่างคนชราแต่เป็นนัยน์ตาเพชร
ฆาตในคราบคนแก่ที่กำลังรอคอยเวลาสังหารเหยื่อ ในเวลานั้นอมรินทร์ถูกความเมตตาสงสารเข้าครอบงำจิต
และเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะคิดสงสัยเพราะเขาใช้พลังจิตในการรักษาคนไปเยอะ จึงไม่สามารถสัมผัสถึง
ภัยร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
“ยายครับ ดึกแล้ว สักพักฝนคงตกทำไมยังนั่งขายอยู่ครับ” เขาก้มตัวลงถามหญิงชรา
“ทำไงได้ล่ะคุณ ถ้ายายไม่ขายจะเอาอะไรกิน ขายไม่หมดก็ต้องทิ้ง เก็บไว้ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็เหี่ยวหมด
ขายไม่ได้อยู่ดี ” เพชรฆาตในคราบหญิงชราบ่นอย่างน่าเห็นใจ
“แล้วลูกหลานยายล่ะครับ” เขายังคงถามต่อ
“โอ๊ย อย่าไปหวังอะไรกับมันเลย ทุกวันนี้ยังขอเงินยายกินเลย” คราวนี้เสียงหญิงขราบ่นหนักเข้าไปอีก
อมรินทร์ไม่วิจารณ์อะไร เขาหยิบพวงมาลัยไหว้พระมาขึ้นมาดูพวงหนึ่ง
“พวงเท่าไหร่ครับยาย”
“สามสิบบาท คุณจะรับกี่พวงดีล่ะ” หญิงชราถามเงยหน้าขึ้นมองเขาตาเป็นประกาย
“งั้นผมเหมาหมด รวมทั้งดอกไม้ที่เหลือด้วยครับ ยายจะได้กลับบ้านไปพัก” เขาบอกแต่แทนที่หญิงชรา
จะยิ้มดีใจกลับหัวเราะหึหึ
“ช่างใจดีจริงนะ หมออาม เชิญไปใจดีต่อในเมืองผีเถอะ” อมรินทร์จึงรู้ว่าไหล่ซ้ายด้านหลังถูกกระสุน
ยิงเข้าแล้วหากไม่ใช่จากเพชรฆาตในคราบหญิงชราแต่มีอีกคนขณะเดียวกันก็ถูกกระสุนอีกนัดที่ไหล่ขวาด้าน
หน้าจากเพชรฆาตตรงหน้าซึ่งใช้ปืนที่ซ่อนในช่อดอกไม้ยิง ความจริงมันกะจะยิงทะลุหัวใจแต่เขาเบี่ยงตัวหลบทัน
อมรินทร์เจ็บแต่พยายามตั้งสติไม่ให้ตื่นตระหนกและรีบใช้เท้าเตะถาดดอกไม้ใส่เพชรฆาตตรงหน้าก่อน
วิ่งไปที่ถนนซึ่งมีรถวิ่งผ่านไปมาบางตา พวกมันไม่ได้มีแค่คนเดียวแต่มากันสามคน เขาจะต้องไปถึงโรงพยาบาล
ก่อนจะหมดสติสูญเสียการควบคุมเพราะเลือดออกมากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่แดงไปหมด พวกมันกะจะยิงเขา
จากระยะไกลอีกครั้งแต่เขาเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เล็งไม่ถนัดเพราะเป้าไม่นิ่ง ให้ไปไล่ล่ายิงกลางถนน
จะประเจิดประเจ้อไป ไม่ต้องไปล่าให้เสียเวลาก็ได้ ปล่อยไปสักพักก็ล้มลงกลางถนนให้รถเหยียบอยู่ดี ถูกยิงตั้ง
สองแผลเลือดออกมากด้วย ไม่รอดแน่ แต่พวกมันก็คาดผิดอยู่ดีๆก็มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างมารับอมรินทร์ไป พวก
มันจึงรีบขึ้นรถขับตาม
“พี่ซิ่งเลยผมไม่ไหวแล้ว แวะโรงพยาบาลข้างหน้าด่วน” อมรินทร์บอกคนขับมอเตอร์ไซด์ซึ่งงงกับตัวเอง
ทำไมต้องทำตามที่ชายหนุ่มบอกและเลี้ยวเข้ามาถนนเส้นนี้ด้วย ยิ่งเห็นร่างชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือด ดูแล้วไม่น่า
จะรอด ยิ่งไม่คิดจะแวะรับแต่กลับพารถเข้าจอดรับเฉย แถมเวลานี้ยังสวมวิญญาณตีนผีอีก บิดคันเร่งขับรถปาด
ซ้ายปาดขวาอย่างไม่กลัวตายหรือถูกตำรวจจับ
อมรินทร์กำลังสะกดจิตคนขับ เขาต้องรีบหนีให้พ้นพวกนักฆ่าก่อน ไม่ให้พวกมันตามทัน ไม่นานนัก
รถมอเตอร์ไซด์ก็มาจอดหน้าโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณครับพี่ นี่ครับไม่ต้องทอน ผมขอโทษด้วย” อมรินทร์ยื่นแบงค์พันให้คนขับซึ่งทำท่างงๆว่าเขา
ขอโทษอะไร ยิ่งเห็นเขาเดินได้ปกติทั้งที่เลือดเต็มตัวยิ่งแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเงินแล้วขับออกไป
ไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่น คราวนี้คนขับกลับเป็นตัวของตัวเอง
อมรินทร์เดินเข้ามาในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทั้งคนไข้กับคนที่ไม่ใช่คนไข้ เห็นสภาพเขา
แล้วต่างตกใจ สักพักก็มีเสียงร้องอย่างตกใจของสาวสวยคนหนึ่งดังขึ้น
“ตายแล้ว ! ใครก็ได้ช่วยทีคะ หมออมรินทร์ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสค่ะ อามคะ คุณต้องไม่เป็นอะไรนะคะ”
ศวิตารีบเข้าไปประคองทำตัวสนิทสนม โชคดีที่เธอมาเยี่ยมคนรู้จักที่นี่และยังมีนักข่าวสาวชื่อดังอยู่ด้วยเพราะ
เธอนัดให้เจอที่นี่เพื่อให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับงานสังคมสงเคราะห์ที่ทำ
อมรินทร์สัมผัสได้ถึงความยุ่งยากที่จะตามมาในอนาคตแต่ร่างกายเขาเริ่มทนไม่ไหวเพราะเสียเลือดมาก
แม้จะพยายามข่มอาการเจ็บด้วยพลังจิตไว้ก็ตาม สุดท้ายก็ต้องล้มโชคดีมีบุรุษพยาบาลตัวใหญ่มารับร่างสูงใหญ่
ของเขาไว้ทันไม่อย่างนั้นศวิตาแย่แน่ จากนั้นทั้งหมอและพยาบาลต่างพากันวิ่งให้วุ่นไปยังห้องผ่าตัด ขณะที่ศวิตา
คอยอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าวิตกกังวลจนนักข่าวสาวที่มาด้วยกับพยาบาลต่างเข้าใจว่าจิตแพทย์คนดังต้องเป็นคน
รู้ใจของสาวไฮโซคนสวยที่กำลังโด่งดังในเวลานี้แน่
“คุณจุงคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คนดีๆอย่างหมออมรินทร์ต้องปลอดภัยแน่ค่ะ แหม..คุณจุงปิดเรื่องคน
รู้ใจมานาน ที่แท้ก็เป็นจิตแพทย์คนเก่งนี่เอง คุณจุงกับหมออมรินทร์เหมาะสมกันมากนะคะ ใจบุญใจกุศลด้วย
กันทั้งคู่” นักข่าวสาวเข้าใจว่าศวิตาเป็นห่วงอมรินทร์จึงพูดปลอบใจ
“พี่ติ๊ก เข้าใจผิดใหญ่แล้วค่ะ จุงกับหมออามเป็นแค่เพื่อนกัน ยังไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นค่ะ” ศวิตาทำที
เป็นพูดแก้ตัวกับนักข่าวสาวกลัวเป็นข่าวทั้งที่ใจจริงต้องการให้เป็นข่าวดังเพื่อใครบางคนเห็นเข้าจะได้กรี๊ดสลบ
เพราะเข้าใจผิดและตามมาด้วยการเลิกราแล้วเธอจะเป็นคนช่วยดามหัวใจให้เขาเอง
“แค่เพื่อนจริงเหรอคะ สวยน่ารักอย่างคุณจุงคงไม่มีใครคิดเป็นแค่เพื่อนหรอกค่ะ” นักข่าวสาวพยายาม
เจาะหาข้อมูลแม้จะรู้ว่าไม่ค่อยเหมาะนักระหว่างนาทีเป็นตายของอีกคน
“จุงเพิ่งรู้จากพี่ติ๊กนี่เอง จุงขอตัวก่อนนะคะ หมอออกมาแล้ว จุงอยากรู้ว่าอามเป็นอย่างไรบ้าง”
ศวิตารีบเดินรี่เข้าไปหาหมอเมื่อเห็นประตูห้องผ่าตัดเปิดออก
“หมออมรินทร์ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องห่วง แต่ต้องพักอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวัน โชคดีที่กระสุนยิง
ไม่ถูกที่สำคัญ สบายใจได้ครับ” นายแพทย์อาวุโสบอกให้ทราบโดยที่ศวิตาไม่ต้องถาม
“จริงเหรอคะหมอ ขอบคุณมากค่ะ” ศวิตามีสีหน้ายินดีและยิ้มออก
“จริงครับ หมอขอตัวก่อน” นายแพทย์อาวุโสตอบแล้วเดินจากห้องผ่าตัดไป เวลาต่อมาบุรุษพยาบาลก็
เข็นเตียงคนไข้ไปพักในห้องพิเศษที่โรงพยาบาลจัดไว้โดยมีศวิตาตามไปด้วย นักข่าวสาวแอบเก็บภาพไว้หลาย
ภาพ พรุ่งนี้จะเป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งแน่ รับรองขายดี
===========================
กีรกันตานั่งสวดมนต์ในห้องก่อนนอน รู้สึกห่วงอมรินทร์ขึ้นมาเฉยๆโดยไม่มีสาเหตุ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้
มาก่อน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา วันนี้ทั้งวันเขาตัดขาดการติดต่อกับเธอ ปกติถ้าตัวไม่มาก็จะโทรมาชวนคุย
ตอนกลางคืน รู้สึกใจไม่ดีเลย วันนี้จัดเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตก็ได้ เจอแต่เรื่องร้ายๆ ขออย่าให้เขาเป็นอะไรไปอีก
คนเลย ขณะที่เธอกำลังวุ่นวายใจอยู่นั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดออกโดยปฏิภาณนั่นเอง
“สงสัยพี่ต้นนอนไม่หลับแน่ คิดหาเพื่อนคุยล่ะซี” กีรกันตาทักพี่ชายอย่างรู้ทัน ทุกครั้งที่พี่ชายนอนไม่หลับ
เธอจะเดือดร้อนเพราะต้องอยู่คุยเป็นเพื่อนจนกว่าจะง่วง บางทีก็ล้มตัวลงนอนหลับไปโดยไม่รู้ตัวปล่อยให้พี่ชาย
พูดคนเดียวไปก่อนแต่พี่ชายก็ไม่เคยบ้าพูดคนเดียวสักที
“พี่เป็นห่วงข้าวต่างหาก กลัวว่าจะเครียดเรื่องงานจนนอนไม่หลับ” พี่ชายหาข้ออ้าง
“เรื่องงานข้าวปล่อยทิ้งไว้ที่ทำงานนานแล้ว ขืนพกปัญหาที่ทำงานกลับมาบ้านด้วย ชีวิตจะหาความสุข
ได้จากที่ไหนกันคะ ข้าวมีพี่ต้นเป็นตัวอย่างแล้วไม่ขอทำตามเด็ดขาด” กีรกันตาอ้างคนตรงหน้า บ่อยไปที่เห็น
ปฏิภาณทำหน้าเครียดๆในบ้าน มันทำให้เธอพลอยเครียดไปด้วย
“พี่เคยทำให้ข้าวเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าแต่พี่ระวังตัวเองเถอะ พรุ่งนี้จะคอยดูคนทำหน้าอมทุกข์เพราะ..”
ปฏิภาณหยุดไปเฉยๆเมื่อรู้ตัว ไม่อยากให้น้องสาวนอนไม่หลับ เขาอยากเห็นภาพสดใสมีชีวิตชีวาของน้องสาว
มากกว่าสิ่งอื่น พรุ่งนี้ก็มีทางดำเนินของมันเอง เก็บวันคืนอันสดชื่นของวันนี้ไว้ก็พอ
“พี่ต้นทำไมไม่พูดต่อให้จบ จะเกิดอะไรขึ้นกับข้าวพรุ่งนี้เหรอ” กีรกันตาคาดคั้นทันที เธอรู้ว่าพี่ชาย
สามารถรู้อะไรล่วงหน้าได้พอๆกับอมรินทร์
“เปล่า ไม่มีอะไร พี่คงเบลอไปหน่อย อินกับหนังที่ดู ดึกแล้วข้าวนอนเถอะ” เขารีบแก้ตัว
“พี่ชายเรามาแปลกแฮะ ได้ค่ะ ไม่ซักแล้ว นอนก็ได้ กู๊ดไน้ท์ค่ะ” เธอจบคำพูดด้วยการหอมแก้ม
พี่ชายเบาๆ ปฏิภาณดึงตัวน้องสาวมากอดก่อนก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ
“น้องหลับฝันดีนะน้องสาวจอมจุ้น” เขาบอกด้วยน้ำสียงอ่อนโยน
“ฝันดีแน่ค่ะ พี่ต้นให้พร ขอตัวนอนก่อนนะคะพี่ชายที่แสนดีของข้าว” กีรกันตายิ้มให้ก่อนเดินไปที่เตียง
แล้วล้มตัวลงนอน ปฏิภาณปิดไฟให้ก่อนออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้น้องสาวจะเป็นอย่างไร
เมื่อเห็นข่าวหน้าหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ สิ่งที่เขาวิตกคืออารมณ์หญิง แม้กีรกันตาจะฉลาดและมีเหตุผลแต่กับ
เรื่องของหัวใจบางครั้งก็ทำให้คนฉลาดเป็นคนที่โง่ที่สุด คนมีเหตุผลก็ขาดเหตุผลได้
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นดังคาด หนังสือพิมพ์กับสื่อออนไลน์ต่างพากันพาดหัวลงข่าวจิตแพทย์หนุ่มคนดังถูกลอบ
ยิงบาดเจ็บสาหัสโชคดีที่หมอช่วยชีวิตไว้ทันและมีภาพอมรินทร์ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัดโดยมีศวิตาเดินตามเฝ้า
ดูอย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใยแถมเขียนเชียร์กันด้วย
กีรกันตายังไม่เห็นข่าวเพราะเธอตื่นสาย วันนี้เป็นวันหยุด พอตื่นมาก็รีบโทรหาอมรินทร์ก่อน รู้สึกห่วง
เขาอย่างบอกไม่ถูกโดยไม่ทราบสาเหตุผิดกับทุกวันที่เขาจะเป็นฝ่ายโทรมาปลุกเธอ เสียงเพลงรอสายในมือถือ
ดังเกือบสองนาทียังไม่มีคนรับจึงเปลี่ยนใจยกเลิกการโทรแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวก่อนออกไปหา
อาหารเช้าทาน ออกมานอกห้องก็เจอปฏิภาณนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจนั่งรอที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว
บนโต๊ะยังมีหนังสือพิมพ์วางอยู่อีกหลายฉบับซึ่งเป็นปกติของพี่ชายเธออยู่แล้วที่มักจะอ่านหนังสือพิมพ์หลายๆ
ฉบับในตอนเช้าแทนการเสพข่าวออนไลน์ ซึ่งเวลาไปทำงานก็ต้องเปิดดูหรือไม่เลขาก็จัดการให้เอง
“เป็นสาวเป็นนางนอนไม่อายตะวันอย่างนี้หนุ่มที่ไหนจะกล้ามาขอ สงสัยพี่ต้องรับเลี้ยงเราไปตลอด
ชีวิตแน่ เฮ่อ!ไม่น่ามีน้องกับเขาเลย” ปฏิภาณแกล้งบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายราวกับเป็นภาระหนักอกที่ต้องรับ
ผิดชอบน้องสาวคนเดียวได้อย่างน่าหมั่นไส้นัก
“โหย...พี่ต้น ได้ไง อยู่ดีๆก็เบื่อน้องสาวคนดีแสนน่ารักคนนี้ ไม่ต้องห่วงค่ะ ยังไงๆก็ขายออกแน่นอน
อยู่ที่ว่าจะตกลงปลงใจเมื่อไหร่เพราะมีคนโชคร้ายคิดเลี้ยงข้าวแทนพี่ต้นแล้วค่ะ” กีรกันตาได้ทีโวเสียเลยแต่พอ
จะเดินไปหยิบน้ำมะเขือเทศมาดื่มสายตาก็สะดุดกับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งจึงหยิบขึ้นมาอ่าน จากนั้นก็นิ่งเงียบ
ไปพักหนึ่งก่อนวางกลับที่เดิม เดินไปหยิบจานมาตักอาหารทานอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา พออิ่มก็เดินเข้าห้อง
นี่สิ..สิ่งที่ปฏิภาณกลัว กีรกันตาไม่พูด ไม่โวยวายฟูมฟายให้เห็นแต่ทำตัวเฉยเมยไร้ความจนเขาคาด
เดาอารมณ์ไม่ถูก แม้จะพยายามจับคลื่นจิตของเธอ แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความราบเรียบคล้ายท้องทะเลอันสงบ
ก่อนคลื่นสึนามิกำลังจะมา เขารู้..ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ได้สั่นคลอนความรู้สึกที่มีต่ออมรินทร์ไม่มากก็น้อย
เห็นทีเขาคงปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้
==================
ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาล อมรินทร์ซึ่งนอนไม่ได้สติตั้งแต่เข้ามาในโรงพยาบาลก็เริ่มขยับนิ้ว
ก่อนเปลือกตาอันหนักอึ้งจะลืมขึ้น จิตแพทย์หนุ่มใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก่อนกวาดสายตาไปรอบๆห้องซึ่งไม่พบสิ่ง
ใดนอกจากสายน้ำเกลือที่แขนจึงหลับตาลงอีกครั้งพลันก็รับรู้ถึงเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจจนแทบอยากจะ
ลุกออกจากห้องเสียตอนนี้เลยถ้าสภาพร่างกายอำนวยและไม่รู้สึกปวดแผลจากการผ่าตัดเอากระสุนออก
นี่คงเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกระมัง ที่ทำได้ก็แค่ข่มจิตข่มใจและพยายามทำสมาธิเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยทางกาย
ก่อน เขาใช้เวลาไม่นานจิตก็นิ่งสงบเป็นสมาธิจึงไม่รู้ถึงการเปิดประตูเข้ามาของสาวสวยแต่งตัวทันสมัยราวกับออก
มาจากแคทวอร์ค หญิงสาวเข้ามาพร้อมพยาบาลในห้องคนไข้พลางจ้องมองร่างสูงใหญ่ใบหน้าซูบซีดที่หลับไม่ได้
สติบนเตียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนหันมาถามพยาบาล
“คุณพยาบาลเมื่อไหร่จะรู้สึกตัวคะ ไหนหมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ทำไมอามยังไม่ฟื้นอีก“ ศวิตา
รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยแม้จะพยายามรักษาน้ำเสียงไม่ให้ห้วนก็ตาม ให้เธอมานั่งเฝ้าคนเจ็บไม่ได้สตินานๆเบื่อตาย
แต่ไม่ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดมากแค่ไหนเธอก็ต้องทนเพราะต้องอาศัยจังหวะนี้บีบบังคับอมรินทร์ให้ยอมรับเธอ
เป็นคนรักทางอ้อม จากข่าวที่ออกไป อมรินทร์คงปฏิเสธไม่ออกแน่ต่อให้กีรกันตาจะกล่าวหาว่าเธอแย่งคนรัก
ก็คงไม่มีใครเชื่อ คิดแล้วมันสะใจพิลึก ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่เธอหมายตาแล้วไม่ได้ จะมีเว้นก็แต่กรณีของ
จิตแพทย์หนุ่มคนดังที่คิดว่ายากแต่ก็เหมือนโชคช่วยที่เธอมาเจอเขาถูกยิงบาดเจ็บสาหัสในโรงพยาบาล เธอไม่สน
หรอกใครคิดปองร้ายเขา สนอย่างเดียวให้เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเธอจนปฏิเสธไม่ออกและพยายามเล่นบทนาง
เอกแสนดีให้คนอื่นเห็น
“คุณศวิตาใจเย็นๆนะคะ รับรองค่ะวันนี้หมออามต้องฟื้นแน่ ดิฉันขอตัวไปตามหมอมาตรวจอาการให้คน
ไข้ก่อนค่ะ” พยาบาลสาวหาเรื่องออกจากห้องไม่อยากอยู่ขืนอยู่อาจได้เห็นคุณศวิตานางฟ้าของเด็กๆกลายเป็น
แม่มดก็ได้ ถ้าไม่บังเอิญได้ยินเสียงเกือบตะคอกกับแววตาเอาเรื่องของศวิตาเข้าเลยชักแหยงๆไม่ค่อยสนิทใจกับ
สิ่งที่เห็นตามข่าวสังคมเกี่ยวกับสาวสวยคนนี้ที่มักชื่นชมในความดี
หลังพยาบาลไปแล้วศวิตาก็หันกลับไปสนใจอมรินทร์อีกครั้ง ดวงตาสวยคมทอดมองร่างสูงใหญ่ที่เข้าใจ
ว่าหลับไม่ได้สติแล้วยิ้ม ผู้ชายคนนี้ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ ใบหน้ายามหลับนั้นนิ่งสงบก็จริงแต่เครื่องหน้าทุกอย่างดูเข้ม
ไม่ว่าจะเป็นคิ้วหนาเข้มได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ปากได้รูป ทุกอย่างดูรับกับใบหน้า ชวนให้มองได้ไม่เบื่อผิดกับ
คนหล่อทั่วไป ยิ่งพิศยิ่งหลงใหลจนเธออดใจไม่ไหวก้มหน้าลงไปหมายจะสัมผัสใบหน้าชวนฝันที่ยังคงหลับไม่ได้
สติอยู่ ขณะที่เรียวปากอิ่มเคลือบลิปบางสีสวยจวนเจียนสัมผัสถูกใบหน้าอีกฝ่าย เสียงคนเจ็บก็พึมพำขึ้น
“ข้าว อย่าเข้าใจผิด” เธอจึงรีบขยับใบหน้าออกห่าง
“ผู้ชายโง่งี่เหง้ายัยนั่นมีดีอะไรถึงได้เพ้อหาอยู่ได้ ก็แค่ยัยหน้าจืดโง่ๆคนหนึ่งที่ชอบอวดเก่ง ไม่รู้รักชอบเข้า
ไปได้ยังไง หมอสิ้นคิด” ศวิตาเผลอก่นด่าด้วยหงุดหงิดในอารมณ์แต่พอได้ยินเสียงประตูเปิดก็รีบปั้นหน้าเศร้า
มองคนเจ็บบนเตียงด้วยแววห่วงใยกังวล
“ขอหมอดูอาการคนเจ็บหน่อยครับ คุณศวิตา”นายแพทย์อาวุโสเอ่ยราวกับจะขออนุญาตก็ไม่ปาน
ศวิตารู้ดี ทุกคนเกรงใจเธอ เพราะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวใคร การมีพ่อมากอิทธิพลมันดีอย่างนี้เอง
“คุณหมอคะ อามยังไม่รู้สึกตัวเลยนะคะ จุงเกรงว่า” เธอจงใจเรียกอมรินทร์อย่างสนิทสนมเพื่อตอกย้ำ
ความเข้าใจของทุกคน นึกดีใจที่กีรกันตาไม่โผล่มาประกาศตัวก่อน คิดดูแล้วก็น่าแปลก คู่อริของเธอไม่มาดูดำ
ดูดีคนรักตัวเอง หรือว่าแผนเธอใช้ได้ผล ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงเถอะ
“สบายใจได้ครับคุณศวิตา อีกไม่เกินชั่วโมงคงรู้สึกตัว ถ้ารู้สึกตัวแล้วหมอรบกวนช่วยกดปุ่มเรียกพยา
บาลให้ด้วย แล้วหมอจะมาดูอีกที” จากนั้นทั้งหมอกับพยาบาลก็ไปตรวจคนไข้ห้องอื่นต่อไป
ศวิตาจ้องมองคนเจ็บบนเตียงอย่างหงุดหงิด เกิดมาเธอไม่เคยต้องรอคอยใคร มีแต่คนรอคอยเธอแต่กลับ
ต้องมานั่งเฝ้าอมรินทร์ให้รู้สึกตัวตามลำพังเพียงเพื่อให้ได้เขามาครอบครองและเอาชนะผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอ
เกลียดนักหนา ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดในอารมณ์ จนต้องบ่นออกมาดังๆ
“โอ๊ย เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวเสียทีนะ หลับอยู่ได้ จะบ้าตายอยู่แล้ว” ไม่เพียงแต่ในอดีตที่ศวิตาต้องหงุดหงิด
งุ่นง่านกับจิตแพทย์หนุ่มเพียงเพราะอยากเอาชนะคุณนิ่มที่ใครๆยกย่องนัก ปัจจุบันก็ไม่ต่าง เธอไม่รู้แต่คนที่
แสร้งหลับไม่ได้สติบนเตียงรู้แถมรู้อีกด้วยว่าต่อให้เธอพยายามมากแค่ไหนก็ไม่มีวันชนะคุณนิ่มได้เพราะในใจ
เขามีแต่น้องนิ่มเท่านั้นและฉลาดพอที่จะรู้ว่าหญิงใดควรค่าแก่การรักด้วย
อมรินทร์ไม่ประสงค์ที่จะลืมตาในเวลานี้ เขากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่มีคนหวังดีส่งมาขัดตา
ทัพไว้ก่อนนางเอกตัวจริงจะยอมมาดูแลเขา จึงต้องปล่อยให้ศวิตางุ่นง่านไปก่อน
=====================
กีรกันตานั่งนิ่งบนเตียง ดวงตาคู่สวยทอดมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เธอเก็บกักความรู้สึก
ผิดหวัง วิตกเป็นห่วง ไม่แน่ใจ เจ็บใจ ที่ประดังเข้ามาในใจนับจากวินาทีแรกที่เห็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์กับ
ภาพข่าวไว้ภายใต้ท่าทีอันเรียบเฉยไม่อยากให้พี่ชายรู้ ในที่สุดเธอก็แพ้ ถูกผู้หญิงคนนั้นแย่งเขาไปจนได้ ที่ผ่าน
มาเธอโง่เอง หลงคิดว่าเขาเป็นคนมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ สุดท้ายก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป แม้เธอพยายามคิดใน
แง่บวก ว่าเขาคงไม่รู้เรื่องเพราะเจ็บหนักและอาจเป็นการเจอกันโดยบังเอิญก็ได้แต่ภาพข่าวมันฟ้องชัดๆ เรื่องคง
ไม่บังเอิญขนาดนั้น ลับหลังเธอเขามีศวิตาอยู่เคียงข้างตลอดเวลา แล้วทำไมต้องมาทำดีกับเธอด้วย เธอเจ็บปวด
ใจจนบอกไม่ถูกที่ถูกผู้ชายหลอก ทำไมเธอถึงโง่อย่างนี้ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บนัก
‘ทำไมพี่อามต้องทำกับข้าวแบบนี้ ทำไมต้องเป็นยัยจุงโก๊ะ ทำไมต้องหลอกข้าว’ เธอได้แต่คร่ำครวญ
ในใจ หากไม่มีน้ำตาสักหยด ต่อให้เจ็บปวดใจแค่ไหนก็ไม่มีวันหลั่งน้ำตาเพราะผู้ชายหลอกลวงเป็นอันขาด
พลันก็เหมือนมีเสียงแทรกขึ้นมาพูดแก้ตัวกับเธอในใจ
‘น้องนิ่ม เข้าใจพี่ผิดอีกแล้ว ต่อให้ผกาแก้วพยายามมากเพียงไร ใจพี่นั้นมิมีวันแปรเปลี่ยน’ เธอรีบหันไป
มองรอบๆคิดว่ามีใครพูดกับเธอแต่ไม่พบแม้แต่เงาใครสักคนในห้องนอกจากตัวเอง ทว่าน้ำเสียงกับคำพูดนั้นช่าง
คุ้นนักและเหมือนเธอจะเคยรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้มาแล้ว แต่เมื่อไรกัน ทำไมถึงนึกไม่ออกเอาเสียเลย รู้แต่ว่า มันนาน
มากนานจนลืมเลือนไปก็ว่าได้ เป็นไปไม่ได้เธอคงเสียใจจนสติฟั่นเฟือนหูถึงได้แว่วหรือไม่ก็เกิดจิตหลอนไปเอง
ยิ่งคิดกีรกันตาก็ยิ่งสับสนมึนงงกดดันวุ่นวายใจจนบอกไม่ถูกดังนั้นเธอจึงพยายามหลับตาทำใจให้สงบ
แต่พอหลับตาก็เห็นแต่ภาพบาดตาบาดใจที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์แทนที่จะห่วงอาการบาดเจ็บของอมรินทร์
กลับมีอารมณ์ผิดหวังเจ็บปวดเศร้าเสียใจเหมือนเดิม เธอกำลังถูกพิษรักเล่นงานจนขาดสติที่จะคิดไตร่ตรองให้รอบ
คอบเลยตกเป็นทาสของอารมณ์เศร้าอยู่ตลอดเวลากระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงของปฏิภาณ
“ข้าว ขอพี่คุยอะไรด้วยหน่อย” ได้ยินแล้วเธออยากปฎิเสธแต่อะไรบางอย่างทำให้ต้องเดินไปเปิดประตู
ห้องแทน
====================
ปฏิภาณเห็นอาการน้องสาวแล้ว ส่ายหน้าช้าๆ อยากบอกว่า ‘เป็นเอามาก’
“พี่ต้น มีอะไรก็บอกมา ถ้าเรื่องหมออาม ข้าวไม่คิดจะฟัง” กีรกันตาดักคอพี่ชายไว้ก่อน แถมยังพูดถึง
อมรินทร์อย่างห่างเหินอีก
“พี่เพิ่งรู้ว่ามีน้องสาวแสนงอนไร้เหตุผลกับเขาด้วย” ปฏิภาณต่อว่าน้องสาวแสนงอนเล็กน้อย
“พี่ต้น ถ้าว่างนักก็ชวนพี่วิวไปเที่ยวก็ได้ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้าว” กีรกันตาพาลไม่เลือกแม้แต่
พี่ชายที่เธอรักและเคารพมาตลอดยังกล้าเหวี่ยงใส่
ทว่าปฏิภาณเข้าใจ น้องสาวเขากำลังตกอยู่ในอารมณ์ผิดหวังเจ็บแค้นอย่างแรง จึงทำให้ขาดเหตุผล
และดื้อได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ล่ะน้า...พิษรัก ไม่เคยมีใครมีความสุขกับความรักไปตลอดหากจิตใจไม่มั่นคง
และขาดความเชื่อมั่นในกันและกัน เพราะรักมักตามมาด้วยคำว่า ‘ของเราเสมอ’ คนเราเมื่อคิดว่าตัวเองเป็น
เจ้าของสิ่งใด มักจะทุกข์เพราะของสิ่งนั้นเสมอหากพบว่าของสิ่งนั้นแปรเปลี่ยนไป เห็นทีถ้าไม่รีบพูดให้คนพาล
เพราะรักเป็นพิษได้คิด สงสัยเขาคงต้องมีน้องสาวเจ้าอารมณ์พาลไม่เลือกไปตลอดชีวิตแน่
“ข้าว พี่ว่าข้าวไปส่องกระจกดูตัวเองก่อนดีกว่า จะได้รู้ว่าตัวเองน่ากลัวแค่ไหน ผิดหวัง แค้นหมออาม
แล้วมาลงกับพี่มันไม่ถูกนา” ปฏิภาณต่อว่าก็จริงทว่าใบหน้ากลับเต็มไปรอยยิ้มขันมากกว่า
กีรกันตาไม่เข้าใจ ทำไมพี่ชายดูจงใจยั่วเธอนัก แถมยังยิ้มขำอีก มีอะไรน่าขำนัก...สักพักก็เข้าใจ
‘จริงสินะ พี่ต้นมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เหมือนพี่อามคืออ่านใจคนได้และรู้ว่าอะไรจะเกิดต่อไปถ้าอยากรู้’
เธอเริ่มคิดได้ ดวงตาคู่สวยจ้องมองพี่ชายครู่ใหญ่
“ข้าวยอมพี่ต้นแล้ว พี่ต้นอยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ ข้าวจะไม่พาลอีกแล้ว” ในที่สุดเธอก็ฉุกคิดได้
“อยากนี้สิถึงสมกับเป็นน้องสาวคนดีของพี่ ไปนั่งคุยกันที่เตียง” พูดจบก็โอบไหล่น้องสาวพาไปนั่งที่
เตียงส่วนตัวเองก็ลากเก้าอี้ ที่โต๊ะหนังสือมานั่งหน้าเตียง ดวงตาดำใหญ่ทอดมองใบหน้าหม่นหมองของน้องสาว
แล้วถอนใจ ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พูดจะได้ผลหรือไม่ อย่างไรเสียก็ต้องลอง
“ฟังให้ดีๆนะข้าว ถ้าหมออามหลอกข้าวจริง และมีใจกับผู้หญิงคนนั้น ทำไมเขาต้องลงทุนช่วยข้าวมา
ตลอด ข้าวอยู่เวรกลางคืนก็ไปอยู่เป็นเพื่อนทั้งที่ตัวเองเหนื่อยจะแย่ เรื่องที่ข้าวถูกใส่ความที่โรงพยาบาลอีก
ขนาดตัวเองติดธุระมาช่วยไม่ได้ยังวานเพื่อนให้ช่วยดูแลแทน มีอีกเรื่องที่ข้าวยังไม่รู้ ตอนข้าวเข้าทำงานที่โรง
พยาบาลวันแรก ไม่แปลกใจหรือ อยู่ดีๆทำไมคุณวิมลถึงพาตัวมารู้จักข้าวและให้ความช่วยเหลือคอยเป็นพี่เลี้ยง
ให้ ข้าวรู้มั้ย..หมออามใช้เวลานานแค่ไหนในการสืบหาไหว้วานคนมาช่วยเหลือข้าวเรื่องงาน เขารู้ว่าข้าวต้อง
ผจญกับอะไรแต่บอกไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เจอคุณวิมลซึ่งเป็นภรรยาหม้ายของเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาเคยช่วยชีวิตจึงวาน
ให้ช่วยดูแลข้าว ถ้าข้าวยังไม่เชื่อว่าหมออามรักและคอยปกป้องข้าวมากแค่ไหน มีอีกเรื่องที่พิสูจน์ได้ ตอนข้าวถูก
รถชนจนวิญญาณออกจากร่าง ทำไมคุณปู่เจาะจงให้หมออามมาดูแลข้าวแทนที่จะเป็นพี่หรือท่านเอง ข้าวก็รู้
คุณปู่ไม่เคยมองคนผิด ท่านต้องมั่นใจในตัวหมออามถึงได้ส่งจิตไปเรียกหมออามมาช่วยข้าว เขาดีกับข้าวจน
เว่อร์ผิดคน ข้าวยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน พี่คิดว่าข้าวแย่มากและโง่มากด้วยถ้ามองไม่ออก แค่เห็นข่าว
บนหน้าหนังสือพิมพ์ก็ด่วนสรุปเรื่องทั้งหมด เก็บมาคิดเองเออเอง คนรักกันจริงเขาจะไม่สนใจเรื่องอื่นในยามที่คน
รักได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่น้องสาวพี่กลับไม่ห่วงชีวิตคนรักเอาเสียเลย มัวแต่สนใจผู้หญิง
อีกคนที่บังเอิญอยู่ด้วยในช่วงที่เขาบาดเจ็บช่วยตัวเองไม่ได้ ถ้าพี่เป็นหมออาม พี่คงผิดหวังในตัวข้าวและเสียใจ
ที่ข้าวไม่เชื่อใจเขา ไม่ให้โอกาสเขาได้ชี้แจง หมออามไม่น่ามาชอบผู้หญิงโง่ๆขาดเหตุผลอย่างข้าวเลย”
ปฏิภาณว่าแรงๆในตอนท้าย กีรกันตายังคงนิ่งเหมือนเดิมและไม่เอ่ยอะไรออกมาเป็นเวลานาน ก่อนเดิน
ไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วทำท่าจะออกจากห้องเลยสร้างความมึนงงให้คนเป็นพี่อย่างมาก สักพักก็เข้าใจ
“ข้าวจะไปโรงพยาบาล” กีรกันตาบอกสั้นๆ แต่ปฏิภาณรู้ จริงๆแล้วน้องสาวต้องการไปดูแลอมรินทร์
ชดเชยให้เขาและต้องการไปปกป้องสิทธิ์อันพึงมี ไม่อย่างนั้นเธอต้องเสียผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตไปแน่ หวังว่า
คงไม่ไปบู๊กันต่อหน้าหมอให้คนเจ็บปวดหัวเล่นนะ ช่วยตัวเองก็แล้วกันนะหมออาม ไว้เขาจะตามไปเยี่ยมหลัง
พบท่านรัฐมนตรีที่บ้านแล้ว
=================
คณินเห็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์แล้วหงุดหงิดนัก ไอ้หมอคนนี้มันดวงแข็งจริงๆ อุตส่าห์วางแผนมา
อย่างดียังรอดได้อีก ซ้ำร้ายลูกสาวคนโปรดยังไปอยู่ดูแลใกล้ชิดอีก จึงทำให้เขาส่งคนไปเก็บที่โรงพยาบาลไม่ได้
รอให้ออกจากโรงพยาบาลก่อนเถอะ ค่อยจัดการ จริงสิ...โรงพยาบาลนั้นมีเส้นสายของวรพจน์อยู่ กำจัดด้วยวิธี
นี้ไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีวางยา เรื่องนี้ให้วรพจน์สานต่อเองดีกว่า คิดแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือกดหาทันที
“คุณพจน์ เห็นข่าวหรือยัง” คณินไม่ได้บอกว่าข่าวอะไรเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องรู้
“เห็นแล้ว เจ็บใจนักมันรอดอีกจนได้ทั้งที่คนของคุณอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดี ไอ้หมอนี่มันแมวเก้าชีวิต
หรือไงนะ ฆ่าไม่ตายสักที นี่ผมกะจะส่งคนไปช่วยซ้ำที่โรงพยาบาล ติดที่ลูกสาวคุณ ไม่อยากให้ได้รับอันตราย”
วรพจน์เองก็เจ็บใจไม่น้อยที่อมรินทร์รอดอีกจนได้
“ไม่ต้องห่วง ผมมีวิธีที่ดีกว่านั้น ยิ่งอยู่โรงพยาบาล ยิ่งดี”
“วิธีอะไรคุณคณิน”
“คุณลืมไปแล้วสิ โรงพยาบาลนั้นมีคนของคุณอยู่นี่ แถมเป็นหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมที่คุณขยันออกทุน
ให้ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ เป็นการสมนาคุณลูกค้ากับเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวก้องกับการพิจารณา
รับซื้อยาเข้าโรงพยาบาล คิดออกรึยัง จะเก็บหมอจอมแส่ยังไง”
“ใช่ จริงด้วย ทำไมผมลืมได้นะ เห็นทีต้องนำยาตัวใหม่ไปเสนอโรงพยาบาลไว้ใช้รักษาหมอจอมแส่คน
ดีของสังคมหน่อยจะได้หลับสบายไปตลอดชีวิต ฮ่า! ฮ่า!“ ขึ้นชื่อว่าคนชั่ว ยอมทำสิ่งชั่วร้ายได้ง่ายกว่าทำความดี
“ผมไม่แนะนำให้เอาถึงชีวิตนะ ผมแค่ต้องการสั่งสอน แต่ถ้าคุณแค้นนักก็ตามใจ ทำแล้วเผื่อจะจะสบาย
ใจขึ้น เส้นทางทำมาหากินจะได้สะดวก ขอให้โชคดี ผมจะช่วยภาวนา” คณินเตือนราวกับเขาเป็นคนดีนักหนาจน
คนปลายสายเกิดอาการหมั่นไส้แต่ปากกลับบอกว่า
“ขอบคุณที่ช่วยเตือน ผมจะสั่งสอนแค่เบาะๆก็พอ ไม่ถึงกับตายหรอก”
“ขอบใจที่ให้เกียรติ ผมขอตัวไปพบท่านนายกหน่อย ต้องไปช่วยเตือนความจำท่าน ดูเหมือนท่านจะ
ลืมสิ่งที่ผมเสนอให้ย้ายคุณบรรพตออกจากคลัง” คณินจบการสนทนาพร้อมรอยยิ้มเย็นๆ ดูท่านายกคนนี้จะไม่
ฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร หลายเรื่องที่คนของเขาขอไปไม่เคยได้รับการตอบสนอง เห็นทีจะเอาไว้ไม่ได้แล้ว
คิดงัดข้อกับเขา ก็อย่าอยู่เลย
88888888888888888888888888888888888888888888888888888
เรื่องกำลังเข้มข้น แต่คนแต่งไม่ว่าง ขออภัยที่มาลงให้ช้าค่ะ
ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2558, 17:32:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2558, 17:32:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1144
<< ตอนที่ 18 | ตอนที่ 20 >> |
sunflower 25 ต.ค. 2558, 19:03:18 น.
หมออาม โคตรๆน่ารัก / รอติดตามอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หมออาม โคตรๆน่ารัก / รอติดตามอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
เพลงใบไม้ 31 ต.ค. 2558, 12:57:36 น.
ขอบคุณค่ะ แม้จะไม่ใช่แนวที่ส่วนใหญ่ชอบแต่ขอแต่งตามใจชอบ จะรีบมาลงให้จบ แล้วจะต่อเรื่องใหม่ให้
ขอบคุณค่ะ แม้จะไม่ใช่แนวที่ส่วนใหญ่ชอบแต่ขอแต่งตามใจชอบ จะรีบมาลงให้จบ แล้วจะต่อเรื่องใหม่ให้
ยัยตัวนุ่มนิ่ม 6 พ.ย. 2558, 01:15:56 น.
รอตอนต่อไปค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ
ผักหวาน 13 พ.ย. 2558, 15:50:49 น.
มาช่วยลุ้นตัวโก่งค่ะ
มาช่วยลุ้นตัวโก่งค่ะ