ความรัก...สีหมอก
Tags: ความรัก...สีหมอก,อิง,เอย,แก้วกุดั่น,กรรณิการ์,พัสสน,ก้องภพ
ตอน: บทที่ 10
บทที่ 10
“ฉัน...เป็นผู้หญิงของคุณหรือคะ”
คำถามที่มาพร้อมกับสีหน้าราวกับไม่เชื่อนั้นทำให้พัสสนนิ่วหน้าก่อนตั้งคำถามอย่างไม่ชอบใจ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่อยากเป็นผู้หญิงของฉันหรือไง”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวหลบตา ก่อนพูดขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
“ตอบมาสิ เป็นผู้หญิงของฉันไม่ดีตรงไหน”
“ฉัน...” เด็กสาวมีสีหน้าราวกับกำลังสับสน “ฉันจำไม่ได้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของคุณ”
ความหงุดหงิดของพัสสนพลันจางหายแล้วถูกแทนที่ด้วยความเห็นใจเมื่อเห็นความหม่นหมองบนใบหน้าอ่อนเยาว์ หากเพียงครู่ดวงตาสีน้ำทะเลก็เปล่งประกายระยิบระยับ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันทบทวนความจำให้ดีไหม”
โดยไม่รอฟังคำตอบ ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงไปขบริมฝีปากของคนเจ็บอย่างต้องการจะแกล้งเล่น หากเมื่อเด็กสาวเบิกตากว้างพลางเผยอปากออกราวกับจะเชิญชวนในความรู้สึก พัสสนก็หลงลืมตนเมื่อแทรกปลายลิ้นเข้าไปแสวงหาความหอมหวาน อารมณ์หวามเริ่มเพริดจนเผลอตัวเรียกร้องหนักขึ้นหากเมื่อผละริมฝีปากออกแล้วซุกไซร้ไปตามข้างลำคอ เขาก็ได้ยินเสียงสั่นพร่าที่สะท้อนถึงความตื่นกลัว
“อย่าค่ะ...”
ต้องใช้เวลาอีกครู่กว่าพัสสนจะรู้ว่านั่นคือเสียงของคนเจ็บ หลังจากสบถย่างหัวเสียกับการหลงลืมตน เขาจึงหักใจยุติการรุกราน
ชายหนุ่มยังคงนิ่วหน้า ในขณะที่เด็กสาวเอาแต่ก้มหน้า
“ขอโทษ ฉันลืมไปว่าเธอยังไม่สบาย”
พัสสนยิ้มนิด ๆ เมื่อคนเจ็บยอมเงยหน้าขึ้นมามองราวกับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดของเขา หากเมื่อเห็นเธอยิ้มปากสั่น ในหัวใจก็เหมือนรู้สึกได้ถึงรสชาติละมุนของขนมที่ก่อให้เกิดความอ่อนหวานและอ่อนโยนคละเคล้ากัน
“เอย”
อาจเพราะเธอนึกสงสัยว่าทำไมเขาเรียกแล้วเงียบไป พัสสนจึงได้ยินคำถาม
“คุณเรียกฉันทำไมคะ”
“ฉันอยากให้เธอแทนตัวเองว่าเอย” เมื่อเห็นท่าทางอึ้งงันของคนบนเตียง ชายหนุ่มก็ยิ้มก่อนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ได้ไหม”
วูบหนึ่งพัสสนนึกสงสัย ระหว่างเขากับเด็กสาวใครจะแปลกใจมากกว่ากันหากเธอล่วงรู้ความรู้สึกของเขา
ทั้งที่พบกันไม่นาน แถมเขายังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่เก็บตกมาจากความเข้าใจผิดมีชื่อจริงว่าอะไร แต่เธอก็ทำให้เขานึกเอ็นดูและอยากปกป้อง จนตัดสินใจจะเก็บเอาไว้กับตัว
แม้ยังไม่ได้การตอบรับ ชายหนุ่มก็ไม่ละความพยายามเพื่อให้ได้อย่างใจต้องการ
“เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยสินะ ฉันชื่อพัสสน ต่อไปเอยเรียกฉันว่าคุณพอลนะ”
เมื่อยังคงมีความเงียบตอบกลับมา ชายหนุ่มก็นิ่วหน้า
“เป็นอะไร หรือไม่มีเสียงอีกแล้ว”
อาจด้วยเด็กสาวนึกเกรงว่าเธอจะทำให้เขาโกรธ จึงยอมเปิดปากพูด
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ลองเรียกคุณพอลซิ”
อาจเป็นเพราะความหวาดกลัว หรือไม่ก็ด้วยเหตุผลอื่น ไม่นานนักพัสสนก็ได้อย่างที่ต้องการ
“คุณพอล”
“น่ารัก งั้นพูดซิ...เอยรักคุณพอล”
พัสสนยิ้มกว้างขึ้น เมื่อครั้งนี้เด็กสาวทำตาโตมองเขาแทน
“พูดสิ ถ้าไม่พูดจะถูกคุณพอลทำโทษนะ”
“คุณพอล...”
เมื่อเห็นคนเจ็บทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้อมบอระเพ็ด ชายหนุ่มก็หัวเราะอย่างอดไม่อยู่
“โอเค เปลี่ยนใหม่ก็ได้...” เงียบไปนิดเมื่อจับจ้องเด็กสาวที่กำลังมองเขาด้วยแววตาเหมือนรอคอยกึ่งกังวล “บอกคุณพอล ว่าเอยจะเป็นของคุณพอลคนเดียว”
หลังจากนิ่งรออยู่ครู่หนึ่งเด็กสาวก็ยังเอาแต่บีบมือแน่นไม่ยอมพูด ชายหนุ่มจึงปั้นหน้าดุ
“คุณพอลจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเอยยังไม่ยอมพูดอีก อย่ามาหาว่าคุณพอลใจร้ายนะ”
พัสสนนึกขำเมื่อเห็นคนเจ็บทำหน้าตาตื่น หลังจากยิ้มนิด ๆ เจ้าตัวจึงเริ่ม
“หนึ่ง”
คราวนี้เขาเห็นเธอเริ่มทำหน้าแหย
“สอง”
เด็กสาวหลับตาแน่นหลังจากเขาทำท่าจะก้มหน้าลงไปหา
“เอยจะเป็นของคุณพอล”
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อเด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ แม้นึกสงสารหากยังไม่พอใจนัก
“ยังพูดไม่ครบ พูดใหม่ เอยจะเป็นของคุณพอลคนเดียว”
เขาเห็นเธอเม้มปากแน่นขณะมองตอบด้วยแววตาเหมือนจะต่อต้าน
“ถ้าดื้อ ต่อไปเอยจะไม่มีโอกาสพูดอีกแล้วนะ”
พัสสนรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังวูบไหวเมื่อเห็นเด็กสาวมีอาการสั่นสะท้าน นึกโกรธตัวเองจนคิดจะเปลี่ยนใจ แต่ไม่ทันอีกฝ่าย
“เอย...จะเป็นของคุณพอล...คนเดียว”
ทั้งน้ำเสียงสั่น ๆ และอาการสะท้านของคนเจ็บส่งผลให้ใจของชายหนุ่มแกว่ง จนต้องดึงร่างเล็กเข้ามากอด
“น่ารัก” เงียบไปนิดเมื่อให้รางวัลด้วยจูบเบา ๆ ตรงหน้าผาก พัสสนจึงพูดต่อเสียงอ่อนโยนขณะเกยคางลงบนศีรษะอีกฝ่าย
“ต่อไป เอยต้องเป็นเด็กดีของคุณพอลนะ”
วันรุ่งขึ้น แก้วกุดั่นทั้งโกรธและไม่เข้าใจเมื่อรู้ว่าก้องภพมีคำสั่งไม่ให้เธอออกไปไหน
“แต่อิงมีเรียนนะคะ”
แก้วกุดั่นถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าของแม่บ้านใหญ่ พอเดาได้ว่าป้ารัตน์ก็คงอึดอัดเพราะได้รับคำสั่งมา
“ป้าก็ไม่รู้จะช่วยยังไง คุณก้องกำชับนักหนาว่าห้ามหนูอิงออกไปข้างนอก”
“แต่คุณก้องไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ แล้ววันนี้อิงก็นัดทิวาไว้ว่าจะลองไปหาเพื่อน ๆ ของเอยดู เผื่อจะมีใครได้ข่าวเพิ่ม”
“นั่นละคะ คุณก้องห้ามเด็ดขาดเลยไม่ให้เพื่อนคนนี้ของหนูอิงมาที่นี่อีก”
“อะไรนะคะ!”
เย็นวันนั้น ก้องภพไม่แปลกใจแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแก้วกุดั่นมานั่งรอในโถงกลางบ้าน
“ทำไมคุณก้องทำแบบนี้คะ”
แม้ถูกแก้วกุดั่นตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หากก้องภพยังคงยิ้มได้ถึงแม้รอยยิ้มนั้นแฝงความเย็นชาจนอาจทำให้คนมองนึกหวาดหวั่น
“หมายถึงเรื่องที่ฉันห้ามเพื่อนสนิทของเธอมาที่บ้านหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ อิงหมายถึงเรื่องที่คุณก้องไม่ให้อิงออกไปข้างนอก”
“แล้วเธอจะออกไปไหนล่ะ”
เขาเห็นเธอทำหน้าแปลกใจ
“อิงก็ต้องไปเรียนสิคะ หรือคุณก้องลืมไปแล้วว่าอิงยังเรียนไม่จบ”
เมื่อครั้งนี้ไม่ได้รับคำตอบ เส้นความอดทนของแก้วกุดั่นก็เหมือนถูกตัดขาดจนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นหากยังสั่นนิด ๆ
“คุณก้องไม่มีสิทธิ์กักขังอิงนะคะ”
สิ้นสุดคำพูดนั้น หญิงสาวก็ถูกกระชากตัว
“สิทธิ์!”
ชายหนุ่มคำรามในลำคอ ประกายวาววับที่สาดส่องมาจากดวงตาคมเข้มนั้นให้ความรู้สึกน่ากลัวจนคนถูกมองสะท้านไปทั้งตัว
“ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งตอนนี้ก็เถอะถ้าฉันอยากลากเธอขึ้นห้องก็ยังได้ จะลองดูไหมล่ะ!”
“คุณก้อง...”
ก้องภพเบือนหน้าหนีเมื่อถูกแก้วกุดั่นมองมาด้วยแววตาเหมือนเธอกำลังเจ็บปวดและผิดหวัง
ทำไมต้องมองเขาแบบนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
ชายหนุ่มนึกแย้ง หากก็ถูกผลักดันจากความสับสนในใจจนยอมปล่อยมือ กระนั้นยังไม่มองหน้า
“จากนี้ ถ้ามีเรียนก็ออกไปพร้อมกัน ฉันจะไปส่ง”
จบคำบอกนั้น ก้องภพก็ผละจากไปท่ามกลางความอึ้งงันของแก้วกุดั่น
__________________________________________________
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
ปิ่นนลิน : 555 คุณพอลนึกอะไรไม่ออกไง
“ฉัน...เป็นผู้หญิงของคุณหรือคะ”
คำถามที่มาพร้อมกับสีหน้าราวกับไม่เชื่อนั้นทำให้พัสสนนิ่วหน้าก่อนตั้งคำถามอย่างไม่ชอบใจ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่อยากเป็นผู้หญิงของฉันหรือไง”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวหลบตา ก่อนพูดขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
“ตอบมาสิ เป็นผู้หญิงของฉันไม่ดีตรงไหน”
“ฉัน...” เด็กสาวมีสีหน้าราวกับกำลังสับสน “ฉันจำไม่ได้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของคุณ”
ความหงุดหงิดของพัสสนพลันจางหายแล้วถูกแทนที่ด้วยความเห็นใจเมื่อเห็นความหม่นหมองบนใบหน้าอ่อนเยาว์ หากเพียงครู่ดวงตาสีน้ำทะเลก็เปล่งประกายระยิบระยับ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันทบทวนความจำให้ดีไหม”
โดยไม่รอฟังคำตอบ ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงไปขบริมฝีปากของคนเจ็บอย่างต้องการจะแกล้งเล่น หากเมื่อเด็กสาวเบิกตากว้างพลางเผยอปากออกราวกับจะเชิญชวนในความรู้สึก พัสสนก็หลงลืมตนเมื่อแทรกปลายลิ้นเข้าไปแสวงหาความหอมหวาน อารมณ์หวามเริ่มเพริดจนเผลอตัวเรียกร้องหนักขึ้นหากเมื่อผละริมฝีปากออกแล้วซุกไซร้ไปตามข้างลำคอ เขาก็ได้ยินเสียงสั่นพร่าที่สะท้อนถึงความตื่นกลัว
“อย่าค่ะ...”
ต้องใช้เวลาอีกครู่กว่าพัสสนจะรู้ว่านั่นคือเสียงของคนเจ็บ หลังจากสบถย่างหัวเสียกับการหลงลืมตน เขาจึงหักใจยุติการรุกราน
ชายหนุ่มยังคงนิ่วหน้า ในขณะที่เด็กสาวเอาแต่ก้มหน้า
“ขอโทษ ฉันลืมไปว่าเธอยังไม่สบาย”
พัสสนยิ้มนิด ๆ เมื่อคนเจ็บยอมเงยหน้าขึ้นมามองราวกับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดของเขา หากเมื่อเห็นเธอยิ้มปากสั่น ในหัวใจก็เหมือนรู้สึกได้ถึงรสชาติละมุนของขนมที่ก่อให้เกิดความอ่อนหวานและอ่อนโยนคละเคล้ากัน
“เอย”
อาจเพราะเธอนึกสงสัยว่าทำไมเขาเรียกแล้วเงียบไป พัสสนจึงได้ยินคำถาม
“คุณเรียกฉันทำไมคะ”
“ฉันอยากให้เธอแทนตัวเองว่าเอย” เมื่อเห็นท่าทางอึ้งงันของคนบนเตียง ชายหนุ่มก็ยิ้มก่อนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ได้ไหม”
วูบหนึ่งพัสสนนึกสงสัย ระหว่างเขากับเด็กสาวใครจะแปลกใจมากกว่ากันหากเธอล่วงรู้ความรู้สึกของเขา
ทั้งที่พบกันไม่นาน แถมเขายังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่เก็บตกมาจากความเข้าใจผิดมีชื่อจริงว่าอะไร แต่เธอก็ทำให้เขานึกเอ็นดูและอยากปกป้อง จนตัดสินใจจะเก็บเอาไว้กับตัว
แม้ยังไม่ได้การตอบรับ ชายหนุ่มก็ไม่ละความพยายามเพื่อให้ได้อย่างใจต้องการ
“เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยสินะ ฉันชื่อพัสสน ต่อไปเอยเรียกฉันว่าคุณพอลนะ”
เมื่อยังคงมีความเงียบตอบกลับมา ชายหนุ่มก็นิ่วหน้า
“เป็นอะไร หรือไม่มีเสียงอีกแล้ว”
อาจด้วยเด็กสาวนึกเกรงว่าเธอจะทำให้เขาโกรธ จึงยอมเปิดปากพูด
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ลองเรียกคุณพอลซิ”
อาจเป็นเพราะความหวาดกลัว หรือไม่ก็ด้วยเหตุผลอื่น ไม่นานนักพัสสนก็ได้อย่างที่ต้องการ
“คุณพอล”
“น่ารัก งั้นพูดซิ...เอยรักคุณพอล”
พัสสนยิ้มกว้างขึ้น เมื่อครั้งนี้เด็กสาวทำตาโตมองเขาแทน
“พูดสิ ถ้าไม่พูดจะถูกคุณพอลทำโทษนะ”
“คุณพอล...”
เมื่อเห็นคนเจ็บทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้อมบอระเพ็ด ชายหนุ่มก็หัวเราะอย่างอดไม่อยู่
“โอเค เปลี่ยนใหม่ก็ได้...” เงียบไปนิดเมื่อจับจ้องเด็กสาวที่กำลังมองเขาด้วยแววตาเหมือนรอคอยกึ่งกังวล “บอกคุณพอล ว่าเอยจะเป็นของคุณพอลคนเดียว”
หลังจากนิ่งรออยู่ครู่หนึ่งเด็กสาวก็ยังเอาแต่บีบมือแน่นไม่ยอมพูด ชายหนุ่มจึงปั้นหน้าดุ
“คุณพอลจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเอยยังไม่ยอมพูดอีก อย่ามาหาว่าคุณพอลใจร้ายนะ”
พัสสนนึกขำเมื่อเห็นคนเจ็บทำหน้าตาตื่น หลังจากยิ้มนิด ๆ เจ้าตัวจึงเริ่ม
“หนึ่ง”
คราวนี้เขาเห็นเธอเริ่มทำหน้าแหย
“สอง”
เด็กสาวหลับตาแน่นหลังจากเขาทำท่าจะก้มหน้าลงไปหา
“เอยจะเป็นของคุณพอล”
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อเด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ แม้นึกสงสารหากยังไม่พอใจนัก
“ยังพูดไม่ครบ พูดใหม่ เอยจะเป็นของคุณพอลคนเดียว”
เขาเห็นเธอเม้มปากแน่นขณะมองตอบด้วยแววตาเหมือนจะต่อต้าน
“ถ้าดื้อ ต่อไปเอยจะไม่มีโอกาสพูดอีกแล้วนะ”
พัสสนรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังวูบไหวเมื่อเห็นเด็กสาวมีอาการสั่นสะท้าน นึกโกรธตัวเองจนคิดจะเปลี่ยนใจ แต่ไม่ทันอีกฝ่าย
“เอย...จะเป็นของคุณพอล...คนเดียว”
ทั้งน้ำเสียงสั่น ๆ และอาการสะท้านของคนเจ็บส่งผลให้ใจของชายหนุ่มแกว่ง จนต้องดึงร่างเล็กเข้ามากอด
“น่ารัก” เงียบไปนิดเมื่อให้รางวัลด้วยจูบเบา ๆ ตรงหน้าผาก พัสสนจึงพูดต่อเสียงอ่อนโยนขณะเกยคางลงบนศีรษะอีกฝ่าย
“ต่อไป เอยต้องเป็นเด็กดีของคุณพอลนะ”
วันรุ่งขึ้น แก้วกุดั่นทั้งโกรธและไม่เข้าใจเมื่อรู้ว่าก้องภพมีคำสั่งไม่ให้เธอออกไปไหน
“แต่อิงมีเรียนนะคะ”
แก้วกุดั่นถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าของแม่บ้านใหญ่ พอเดาได้ว่าป้ารัตน์ก็คงอึดอัดเพราะได้รับคำสั่งมา
“ป้าก็ไม่รู้จะช่วยยังไง คุณก้องกำชับนักหนาว่าห้ามหนูอิงออกไปข้างนอก”
“แต่คุณก้องไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ แล้ววันนี้อิงก็นัดทิวาไว้ว่าจะลองไปหาเพื่อน ๆ ของเอยดู เผื่อจะมีใครได้ข่าวเพิ่ม”
“นั่นละคะ คุณก้องห้ามเด็ดขาดเลยไม่ให้เพื่อนคนนี้ของหนูอิงมาที่นี่อีก”
“อะไรนะคะ!”
เย็นวันนั้น ก้องภพไม่แปลกใจแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแก้วกุดั่นมานั่งรอในโถงกลางบ้าน
“ทำไมคุณก้องทำแบบนี้คะ”
แม้ถูกแก้วกุดั่นตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หากก้องภพยังคงยิ้มได้ถึงแม้รอยยิ้มนั้นแฝงความเย็นชาจนอาจทำให้คนมองนึกหวาดหวั่น
“หมายถึงเรื่องที่ฉันห้ามเพื่อนสนิทของเธอมาที่บ้านหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ อิงหมายถึงเรื่องที่คุณก้องไม่ให้อิงออกไปข้างนอก”
“แล้วเธอจะออกไปไหนล่ะ”
เขาเห็นเธอทำหน้าแปลกใจ
“อิงก็ต้องไปเรียนสิคะ หรือคุณก้องลืมไปแล้วว่าอิงยังเรียนไม่จบ”
เมื่อครั้งนี้ไม่ได้รับคำตอบ เส้นความอดทนของแก้วกุดั่นก็เหมือนถูกตัดขาดจนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นหากยังสั่นนิด ๆ
“คุณก้องไม่มีสิทธิ์กักขังอิงนะคะ”
สิ้นสุดคำพูดนั้น หญิงสาวก็ถูกกระชากตัว
“สิทธิ์!”
ชายหนุ่มคำรามในลำคอ ประกายวาววับที่สาดส่องมาจากดวงตาคมเข้มนั้นให้ความรู้สึกน่ากลัวจนคนถูกมองสะท้านไปทั้งตัว
“ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งตอนนี้ก็เถอะถ้าฉันอยากลากเธอขึ้นห้องก็ยังได้ จะลองดูไหมล่ะ!”
“คุณก้อง...”
ก้องภพเบือนหน้าหนีเมื่อถูกแก้วกุดั่นมองมาด้วยแววตาเหมือนเธอกำลังเจ็บปวดและผิดหวัง
ทำไมต้องมองเขาแบบนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
ชายหนุ่มนึกแย้ง หากก็ถูกผลักดันจากความสับสนในใจจนยอมปล่อยมือ กระนั้นยังไม่มองหน้า
“จากนี้ ถ้ามีเรียนก็ออกไปพร้อมกัน ฉันจะไปส่ง”
จบคำบอกนั้น ก้องภพก็ผละจากไปท่ามกลางความอึ้งงันของแก้วกุดั่น
__________________________________________________
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
ปิ่นนลิน : 555 คุณพอลนึกอะไรไม่ออกไง
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2558, 10:17:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2558, 14:35:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 1406
<< บทที่ 9 | บทที่ 27 >> |
ปิ่นนลิน 2 ต.ค. 2558, 14:27:53 น.
หนุ่มๆเผด็จการกันมาก
ยังดีที่พี่พอลยังใจดี
แต่อิตาคุณก้องนี่ ... น่าเบิดกะโหลกมากกก
หนุ่มๆเผด็จการกันมาก
ยังดีที่พี่พอลยังใจดี
แต่อิตาคุณก้องนี่ ... น่าเบิดกะโหลกมากกก
ปอยอะนะ 2 ต.ค. 2558, 16:52:55 น.
Zephyr 2 ต.ค. 2558, 22:48:11 น.
แต่ละหนุ่ม ทำตัวดี้ดี
แต่ละหนุ่ม ทำตัวดี้ดี