ความรัก...สีหมอก
Tags: ความรัก...สีหมอก,อิง,เอย,แก้วกุดั่น,กรรณิการ์,พัสสน,ก้องภพ
ตอน: บทที่ 27
บทที่ 27
คืนนั้น ก้องภพกลับบ้านดึกกว่าปกติแต่แก้วกุดั่นยังคอยการกลับมาของเขา
“คุณก้อง ดื่มมาหรือคะ”
แก้วกุดั่นถามเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยเข้าจมูก
“นิดหน่อย” เงียบไปครู่ ชายหนุ่มก็พูดต่อเหมือนไม่ชอบใจ “ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน เพิ่งหายไข้ไม่ใช่หรือเดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาอีกจะทำยังไง”
“ขอโทษค่ะ”
เพราะเข้าใจว่าก้องภพไม่พอใจ แก้วกุดั่นจึงออกปากพลางก้มหน้าด้วยไม่อยากให้เขาเห็นความเสียใจของเธอ
“ขอโทษทำไม”
แก้วกุดั่นคิดว่าคงอุปทานไปเองที่คิดว่าน้ำเสียงของก้องภพฟังแล้วอ่อนโยน แต่เพราะไม่อยากหลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำ เธอจึงฝืนยิ้ม
“อิงขอโทษที่ทำให้คุณก้องไม่พอใจ แต่อิง...มีเรื่องอยากคุยกับคุณก้อง”
บอกไปแล้วก็เห็นเขานิ่งไป แวบหนึ่งแก้วกุดั่นคิดว่าก้องภพมีทีท่าแปลก ๆ ราวกับลังเลไม่มั่นใจ ก่อนที่เธอจะได้ยินคำพูดของเขา
“ฉันไม่ได้โกรธ แค่...เป็นห่วง”
เพราะคำพูดตอนท้ายเบาจนแก้วกุดั่นคิดว่าคงหูฝาด ยิ่งเห็นก้องภพมองเธอครู่เดียวแล้วหันหน้าไปทางอื่นก็มั่นใจ
เธอฝันลม ๆ แล้ง ๆ ตามเคย คนอย่างเขานะหรือจะเป็นห่วงเธอ
หญิงสาวยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เธอไม่รู้เลยว่าทำให้คนที่ลอบมองใจหายเพราะรู้สึกได้ถึงความเศร้าและเจ็บปวด
“แล้วเรื่องที่อยากพูดมันสำคัญมากจนรอพรุ่งนี้เช้าไม่ได้เลยหรือ”
คำถามนั้นดึงแก้วกุดั่นออกจากความขมขื่น แล้วหวนนึกถึงสิ่งที่เห็นในห้องหนังสือ
“ค่ะ” แววตาของหญิงสาวสะท้อนความสับสนไม่เข้าใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความสะเทือนใจ หากชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเพราะมัววุ่นกับการดึงเนคไทออกจากคอเสื้อ
“อิงอยากรู้” พูดได้แค่นั้นแก้วกุดั่นก็รู้สึกถึงความตีบตันกลางลำคอ ต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเปล่งเสียงออกไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงก็พร่าสั่นไม่ต่างจากใจที่หวั่นไหว “ทำไม...คุณก้องถึงเก็บรูปใบนี้ไว้คะ”
วินาทีที่หันกลับมาเจอสิ่งที่แก้วกุดั่นชูให้ดูต่อหน้า ก้องภพรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่เข้าที่ร่างจนชาไปทั้งตัว
“ไปเอามาจากไหน”
น้ำเสียงแหบแห้งนั้นฟังแล้วเหมือนไม่ใช่เสียงของเขา
“อิง...เจอรูปใบนี้ในห้องหนังสือ บนโต๊ะ...ที่คุณก้องใช้ทำงาน”
ทั้งท่าทางของแก้วกุดั่นและน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นนั้นใครก็มองออกว่าหญิงสาวต้องใช้ความพยายามในการเปล่งเสียง ยิ่งน้ำตาที่หยาดหยดลงมาทำให้ก้องภพต้องหันหน้าหนีเพราะความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นตรงกลางใจ
“บอกอิงได้ไหมคะ คุณก้องเก็บรูปแม่ของอิงเอาไว้ทำไม”
แก้วกุดั่นยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่กลั่นจากใจร้าวราน อาจเป็นสัญชาตญาณหรือไม่ก็ความรู้สึกของเธอเอง ที่ผ่านมาจึงมักรู้สึกเสมอว่าก้องภพเหมือนมีเงาของใครคนหนึ่งซุกซ่อนไว้ในใจ ยังจำได้ไม่เคยลืมในวันแรกที่เขาครอบครองเธอ
“เป็นของฉัน แล้วทำให้ฉันลืมเขาไปเสียที”
ตอนนั้น เขาอยากลืมใคร
“ฉันอยากลืม ทำให้ฉันลืมนะอิง”
ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอจะทำให้ลืมใครคนนั้นไปได้
ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น
คำถามในใจนั้นส่งผลให้น้ำตายิ่งร่วงหล่น รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแตกสลายยามให้คำตอบนั้นด้วยตัวเอง
นั่นก็เพราะเธอ...ไม่ต่างจากรูปเงาของคนคนนั้น!
“คุณก้อง บอกอิงได้ไหมคะ ว่าทำไม...ถึงต้องเป็นอิง นั่นไม่ใช่เพราะ...แค่อิงอยู่ใกล้สุดอย่างที่บอก แต่เป็นเพราะยังมีเหตุผลอื่นอีก ใช่ไหมคะ”
“พอที!”
เสียงตวาดนั้นส่งผลให้แก้วกุดั่นนิ่งงัน หากหัวใจยังคงรวดร้าวเมื่อเห็นก้องภพจับจ้องรูปภาพในมือของเธอด้วยแววตาละม้ายคนโหยหาและอยากไขว่คว้าบางอย่างที่ไกลเกินเอื้อม
อาจด้วยความสะเทือนใจที่ได้รับรุนแรงจนแก้วกุดั่นหมดความยับยั้งชั่งใจ ความอดทนอดกลั้นที่เคยมีถูกทำลายในพริบตา จนหลุดคำถามที่ตั้งกับตัวเองมาหลายชั่วโมง
“คุณก้อง รักแม่ของอิงหรือคะ”
นาทีนั้น ความกดดันและเจ็บปวดจากความรู้สึกว่ากำลังถูกควักหัวใจออกมาชำแหละถูกหลอมรวมเข้ากับความสับสนจากเรื่องบางอย่างจนผลักดันให้อยากหลบไปหามุมนั่งครุ่นคิดตามลำพัง แต่เมื่อยังหาคำตอบไม่ได้จึงพึ่งเครื่องดื่มที่หวังว่าจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในจิตใจ และนั่นส่งให้ก้องภพไม่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองได้เหมือนยามปกติ จนโต้กลับเสียงเข้มเพื่อระบายความหนักหน่วงในหัวใจ
“ใช่!”
ยามนั้น ภาพจากอดีตเมื่อครั้งแรกเจอชมนาดก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ และปกปิดชายหนุ่มเอาไว้จนมองไม่เห็นปฏิกิริยาของคนที่ได้ฟังคำตอบของเขาว่ากำลังอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างจากคนกำลังช็อก
“ชมนาดเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกถึงความปรารถนาอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้รู้สึกได้มาก่อน ตั้งแต่วันแรกเธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปในหลุมลึก ที่ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่สามารถตะกายขึ้นมาได้ ฉันอยากอยู่ใกล้ อยากกอด อยากทำทุกอย่างอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำกับผู้หญิงที่เขาปรารถนา ถึงพยายามบอกกับตัวเองว่าเธอเป็นผู้หญิงของพ่อ แต่ไม่ว่ายังไง...ก็ยังหยุดไม่ให้ฉันต้องการเธอไม่ได้”
แก้วกุดั่นน้ำตาไหลพราก ถึงตอนนี้สายตาของก้องภพตรึงเธอเอาไว้ แต่เธอกลับรู้สึกว่าคนที่เขากำลังมองอยู่คงเป็นแม่ของเธอในความทรงจำของเขามากกว่า
“เพราะกลัวว่าหากยังอยู่ใกล้ฉันอาจควบคุมตัวเองไม่ได้จนเผลอทำเรื่องเลวร้าย ฉันจึงตัดสินใจบินไปเรียนต่อก่อนกำหนดเพราะคิดว่านั่นคงทำให้ฉันดีขึ้น” เงียบไปครู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มที่เหมือนหยันตัวเอง “แต่เอาเข้าจริงมันไม่ช่วยอะไรเลย ฉันยังคงนึกถึงชมนาด เธอเป็นเหมือนภาพฝันที่ฉันไม่มีวันเอื้อมถึง ไม่ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาก็ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกได้ถึงการเติมเต็ม”
ประโยคสุดท้ายส่งผลให้แก้วกุดั่นชาไปทั้งหน้าราวกับถูกตบ
“ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกได้ถึงการเติมเต็ม”
แม้แต่เธอ
หญิงสาวสะอื้น ความเจ็บปวดที่กำลังรู้สึกนั้นมากมายจนอดคิดไม่ได้ว่ายังมีอะไรที่ทำให้เจ็บปวดได้อีกไหม
ที่ผ่านมา แม่คือคนที่เธอรักและบูชามาตลอด กระทั่งภูมิใจเสมอมาที่มีหน้าตาถอดแบบมาจากท่าน แต่ตอนนี้เธอกลับนึกเสียใจที่มีหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกับมารดา
อาจดีกว่านี้ถ้าเธอไม่มีหน้าตาเหมือนแม่ เพราะเธอคงไม่ต้องตกลงมาในตำแหน่งที่เรียกว่าตัวแทน
ตัวแทนของแม่
แก้วกุดั่นรู้สึกว่าตอนนี้เธออาจไม่มีเหลือแม้กระทั่งหัวใจ เมื่อเทียบกับความแห้งผากของดวงตาและความรู้สึกชืดชาจนราวกับไร้ความรู้สึกใด ๆ
“แต่...” ยามนี้เหมือนก้องภพเริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ดูราวกับมาพร้อมความสับสนบางอย่าง “ไม่กี่วันก่อน ฉันคิดว่าที่ผ่านมาตัวเองอาจคิดหรือเข้าใจบางอย่างผิดมาตลอดเพราะ...ผู้หญิงคนหนึ่ง”
เหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่จนแก้วกุดั่นรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกอย่างรุนแรงในหัวใจ กระนั้นน้ำตาก็ไม่ไหลราวกับว่ามันกำลังย้อนกลับเข้ามาในหัวใจแทน หากหูยังคงรับฟังคำพูดที่เหมือนคมมีดกรีดเฉือนหัวใจ
“บางที จริง ๆ แล้วฉันอาจไม่ได้ต้องการใครหรือตัวแทนที่ไหน แต่คนที่ฉันต้องการคือตัวจริง...ตัวจริงที่ฉันเฝ้ารอมาทั้งชีวิต”
เขาคงเจอคนใหม่แล้ว
หญิงสาวให้ข้อสรุปนั้นกับตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น อิง...ต้องแสดงความยินดีด้วยใช่ไหมคะ”
แก้วกุดั่นยิ้มทั้งที่เห็นว่าก้องภพขมวดคิ้วราวกับไม่พอใจ แต่เธอไม่อยากสนใจอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไงก็ไม่ควรมีผลอะไรกับเธอ
เพราะเธอเองก็ไม่เคยมีผลอะไรต่อเขา...ไม่เคย
“หากคุณก้องมีผู้หญิงคนใหม่ งั้น...ปล่อยอิงไปได้ไหมคะ ในเมื่อตอนนี้...ตัวแทนคงไม่มีความจำเป็นแล้ว และอิงก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้วใช้ชีวิต...กับใครสักคน”
ใครสักคนที่ไม่ได้เห็นเธอเป็นเพียงแค่ตัวแทน
ประโยคนั้น แก้วกุดั่นบอกกับตัวเองเพียงในใจ ไม่ทันเห็นว่าก้องภพมีปฏิกิริยาเช่นไรกับคำพูดของเธอ
“เธอ...อยากไปจากฉันงั้นเหรอ”
แก้วกุดั่นเบือนหน้าหนี บอกตัวเองว่าครั้งนี้เธอจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเพ้อฝันโง่ ๆ อีก ถึงเห็นว่าในแววตาของก้องภพไม่ได้ทอประกายความผิดหวังอย่างเดียวแต่เหมือนปะปนความเจ็บปวดด้วย
คงเป็นความเจ็บปวดของเธอเองที่ทำให้ตาผ้าฟางเห็นว่าเขาก็มีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกันกับเธอ
“ปล่องอิงไป...นะคะ”
ถึงตอนนี้แก้วกุดั่นจึงรู้ว่าเข้าใจผิด เธอยังมีหัวใจและความรู้สึก อีกทั้งน้ำตาก็ไม่ได้เหือดแห้งเมื่อดูจากการฟ้องออกมาด้วยการไหลรินลงมาราวกับทำนบที่พังทลาย
“เธอ...คงเกลียดฉันมากเลยสินะ”
คำถามนั้นทำให้คนฟังสะอื้นหนัก พูดไม่ออกทั้งที่อยากปฏิเสธ ยิ่งคิดว่าเปล่าประโยชน์เพราะความรู้สึกของเธอคงไม่มีความหมายกับเขา แก้วกุดั่นจึงไม่พูดอะไร
เนิ่นนาน กว่าก้องภพจะขยับตัวราวกับว่าก่อนหน้านั้นถูกสาปให้กลายเป็นหิน และอีกพักใหญ่ที่ชายหนุ่มใช้ไปกับการจับจ้องแก้วกุดั่นราวกับอยากจดจำภาพนี้เอาไว้ ก่อนพูดประโยคที่คิดว่าคนฟังคงยินดี
“ได้สิ ถ้าเธออยากไปจากฉันนัก ฉันก็จะไม่รั้งเอาไว้”
ก้องภพแค่นยิ้มเมื่อเห็นแก้วกุดั่นซวนเซจากนั้นก็ทรุดลงไปนั่งกองบนพื้น วินาทีนั้นคิดได้เพียงว่าเธอคงดีใจจนเข่าอ่อน ความเจ็บปวดความผิดหวังที่ท่วมท้นใจทำให้รู้สึกชืดชากับทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเปล่งคำพูดออกมาอีกครั้งน้ำเสียงจึงเหมือนว่างเปล่าและเย็นชาในความรู้สึกของคนรับฟัง
“เพราะตอนนี้ ฉันไม่ต้องการตัวแทนแล้วเหมือนกัน”
______________________________________________
ขอบคุณสำหรับทุก LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
Zephyr - ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ย้อนหลังค่ะ ^^ ขอโทษนะคะที่หายไปนานมาก...ตอนนี้มาเฉลยแล้วนะคะว่าอะไรคือสิ่งที่แก้วกุดั่นเจอ ^__^
คืนนั้น ก้องภพกลับบ้านดึกกว่าปกติแต่แก้วกุดั่นยังคอยการกลับมาของเขา
“คุณก้อง ดื่มมาหรือคะ”
แก้วกุดั่นถามเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยเข้าจมูก
“นิดหน่อย” เงียบไปครู่ ชายหนุ่มก็พูดต่อเหมือนไม่ชอบใจ “ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน เพิ่งหายไข้ไม่ใช่หรือเดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาอีกจะทำยังไง”
“ขอโทษค่ะ”
เพราะเข้าใจว่าก้องภพไม่พอใจ แก้วกุดั่นจึงออกปากพลางก้มหน้าด้วยไม่อยากให้เขาเห็นความเสียใจของเธอ
“ขอโทษทำไม”
แก้วกุดั่นคิดว่าคงอุปทานไปเองที่คิดว่าน้ำเสียงของก้องภพฟังแล้วอ่อนโยน แต่เพราะไม่อยากหลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำ เธอจึงฝืนยิ้ม
“อิงขอโทษที่ทำให้คุณก้องไม่พอใจ แต่อิง...มีเรื่องอยากคุยกับคุณก้อง”
บอกไปแล้วก็เห็นเขานิ่งไป แวบหนึ่งแก้วกุดั่นคิดว่าก้องภพมีทีท่าแปลก ๆ ราวกับลังเลไม่มั่นใจ ก่อนที่เธอจะได้ยินคำพูดของเขา
“ฉันไม่ได้โกรธ แค่...เป็นห่วง”
เพราะคำพูดตอนท้ายเบาจนแก้วกุดั่นคิดว่าคงหูฝาด ยิ่งเห็นก้องภพมองเธอครู่เดียวแล้วหันหน้าไปทางอื่นก็มั่นใจ
เธอฝันลม ๆ แล้ง ๆ ตามเคย คนอย่างเขานะหรือจะเป็นห่วงเธอ
หญิงสาวยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เธอไม่รู้เลยว่าทำให้คนที่ลอบมองใจหายเพราะรู้สึกได้ถึงความเศร้าและเจ็บปวด
“แล้วเรื่องที่อยากพูดมันสำคัญมากจนรอพรุ่งนี้เช้าไม่ได้เลยหรือ”
คำถามนั้นดึงแก้วกุดั่นออกจากความขมขื่น แล้วหวนนึกถึงสิ่งที่เห็นในห้องหนังสือ
“ค่ะ” แววตาของหญิงสาวสะท้อนความสับสนไม่เข้าใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความสะเทือนใจ หากชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเพราะมัววุ่นกับการดึงเนคไทออกจากคอเสื้อ
“อิงอยากรู้” พูดได้แค่นั้นแก้วกุดั่นก็รู้สึกถึงความตีบตันกลางลำคอ ต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเปล่งเสียงออกไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงก็พร่าสั่นไม่ต่างจากใจที่หวั่นไหว “ทำไม...คุณก้องถึงเก็บรูปใบนี้ไว้คะ”
วินาทีที่หันกลับมาเจอสิ่งที่แก้วกุดั่นชูให้ดูต่อหน้า ก้องภพรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่เข้าที่ร่างจนชาไปทั้งตัว
“ไปเอามาจากไหน”
น้ำเสียงแหบแห้งนั้นฟังแล้วเหมือนไม่ใช่เสียงของเขา
“อิง...เจอรูปใบนี้ในห้องหนังสือ บนโต๊ะ...ที่คุณก้องใช้ทำงาน”
ทั้งท่าทางของแก้วกุดั่นและน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นนั้นใครก็มองออกว่าหญิงสาวต้องใช้ความพยายามในการเปล่งเสียง ยิ่งน้ำตาที่หยาดหยดลงมาทำให้ก้องภพต้องหันหน้าหนีเพราะความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นตรงกลางใจ
“บอกอิงได้ไหมคะ คุณก้องเก็บรูปแม่ของอิงเอาไว้ทำไม”
แก้วกุดั่นยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่กลั่นจากใจร้าวราน อาจเป็นสัญชาตญาณหรือไม่ก็ความรู้สึกของเธอเอง ที่ผ่านมาจึงมักรู้สึกเสมอว่าก้องภพเหมือนมีเงาของใครคนหนึ่งซุกซ่อนไว้ในใจ ยังจำได้ไม่เคยลืมในวันแรกที่เขาครอบครองเธอ
“เป็นของฉัน แล้วทำให้ฉันลืมเขาไปเสียที”
ตอนนั้น เขาอยากลืมใคร
“ฉันอยากลืม ทำให้ฉันลืมนะอิง”
ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอจะทำให้ลืมใครคนนั้นไปได้
ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น
คำถามในใจนั้นส่งผลให้น้ำตายิ่งร่วงหล่น รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแตกสลายยามให้คำตอบนั้นด้วยตัวเอง
นั่นก็เพราะเธอ...ไม่ต่างจากรูปเงาของคนคนนั้น!
“คุณก้อง บอกอิงได้ไหมคะ ว่าทำไม...ถึงต้องเป็นอิง นั่นไม่ใช่เพราะ...แค่อิงอยู่ใกล้สุดอย่างที่บอก แต่เป็นเพราะยังมีเหตุผลอื่นอีก ใช่ไหมคะ”
“พอที!”
เสียงตวาดนั้นส่งผลให้แก้วกุดั่นนิ่งงัน หากหัวใจยังคงรวดร้าวเมื่อเห็นก้องภพจับจ้องรูปภาพในมือของเธอด้วยแววตาละม้ายคนโหยหาและอยากไขว่คว้าบางอย่างที่ไกลเกินเอื้อม
อาจด้วยความสะเทือนใจที่ได้รับรุนแรงจนแก้วกุดั่นหมดความยับยั้งชั่งใจ ความอดทนอดกลั้นที่เคยมีถูกทำลายในพริบตา จนหลุดคำถามที่ตั้งกับตัวเองมาหลายชั่วโมง
“คุณก้อง รักแม่ของอิงหรือคะ”
นาทีนั้น ความกดดันและเจ็บปวดจากความรู้สึกว่ากำลังถูกควักหัวใจออกมาชำแหละถูกหลอมรวมเข้ากับความสับสนจากเรื่องบางอย่างจนผลักดันให้อยากหลบไปหามุมนั่งครุ่นคิดตามลำพัง แต่เมื่อยังหาคำตอบไม่ได้จึงพึ่งเครื่องดื่มที่หวังว่าจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในจิตใจ และนั่นส่งให้ก้องภพไม่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองได้เหมือนยามปกติ จนโต้กลับเสียงเข้มเพื่อระบายความหนักหน่วงในหัวใจ
“ใช่!”
ยามนั้น ภาพจากอดีตเมื่อครั้งแรกเจอชมนาดก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ และปกปิดชายหนุ่มเอาไว้จนมองไม่เห็นปฏิกิริยาของคนที่ได้ฟังคำตอบของเขาว่ากำลังอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างจากคนกำลังช็อก
“ชมนาดเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกถึงความปรารถนาอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้รู้สึกได้มาก่อน ตั้งแต่วันแรกเธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปในหลุมลึก ที่ไม่ว่าทำยังไงก็ไม่สามารถตะกายขึ้นมาได้ ฉันอยากอยู่ใกล้ อยากกอด อยากทำทุกอย่างอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำกับผู้หญิงที่เขาปรารถนา ถึงพยายามบอกกับตัวเองว่าเธอเป็นผู้หญิงของพ่อ แต่ไม่ว่ายังไง...ก็ยังหยุดไม่ให้ฉันต้องการเธอไม่ได้”
แก้วกุดั่นน้ำตาไหลพราก ถึงตอนนี้สายตาของก้องภพตรึงเธอเอาไว้ แต่เธอกลับรู้สึกว่าคนที่เขากำลังมองอยู่คงเป็นแม่ของเธอในความทรงจำของเขามากกว่า
“เพราะกลัวว่าหากยังอยู่ใกล้ฉันอาจควบคุมตัวเองไม่ได้จนเผลอทำเรื่องเลวร้าย ฉันจึงตัดสินใจบินไปเรียนต่อก่อนกำหนดเพราะคิดว่านั่นคงทำให้ฉันดีขึ้น” เงียบไปครู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มที่เหมือนหยันตัวเอง “แต่เอาเข้าจริงมันไม่ช่วยอะไรเลย ฉันยังคงนึกถึงชมนาด เธอเป็นเหมือนภาพฝันที่ฉันไม่มีวันเอื้อมถึง ไม่ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาก็ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกได้ถึงการเติมเต็ม”
ประโยคสุดท้ายส่งผลให้แก้วกุดั่นชาไปทั้งหน้าราวกับถูกตบ
“ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกได้ถึงการเติมเต็ม”
แม้แต่เธอ
หญิงสาวสะอื้น ความเจ็บปวดที่กำลังรู้สึกนั้นมากมายจนอดคิดไม่ได้ว่ายังมีอะไรที่ทำให้เจ็บปวดได้อีกไหม
ที่ผ่านมา แม่คือคนที่เธอรักและบูชามาตลอด กระทั่งภูมิใจเสมอมาที่มีหน้าตาถอดแบบมาจากท่าน แต่ตอนนี้เธอกลับนึกเสียใจที่มีหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกับมารดา
อาจดีกว่านี้ถ้าเธอไม่มีหน้าตาเหมือนแม่ เพราะเธอคงไม่ต้องตกลงมาในตำแหน่งที่เรียกว่าตัวแทน
ตัวแทนของแม่
แก้วกุดั่นรู้สึกว่าตอนนี้เธออาจไม่มีเหลือแม้กระทั่งหัวใจ เมื่อเทียบกับความแห้งผากของดวงตาและความรู้สึกชืดชาจนราวกับไร้ความรู้สึกใด ๆ
“แต่...” ยามนี้เหมือนก้องภพเริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ดูราวกับมาพร้อมความสับสนบางอย่าง “ไม่กี่วันก่อน ฉันคิดว่าที่ผ่านมาตัวเองอาจคิดหรือเข้าใจบางอย่างผิดมาตลอดเพราะ...ผู้หญิงคนหนึ่ง”
เหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่จนแก้วกุดั่นรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกอย่างรุนแรงในหัวใจ กระนั้นน้ำตาก็ไม่ไหลราวกับว่ามันกำลังย้อนกลับเข้ามาในหัวใจแทน หากหูยังคงรับฟังคำพูดที่เหมือนคมมีดกรีดเฉือนหัวใจ
“บางที จริง ๆ แล้วฉันอาจไม่ได้ต้องการใครหรือตัวแทนที่ไหน แต่คนที่ฉันต้องการคือตัวจริง...ตัวจริงที่ฉันเฝ้ารอมาทั้งชีวิต”
เขาคงเจอคนใหม่แล้ว
หญิงสาวให้ข้อสรุปนั้นกับตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น อิง...ต้องแสดงความยินดีด้วยใช่ไหมคะ”
แก้วกุดั่นยิ้มทั้งที่เห็นว่าก้องภพขมวดคิ้วราวกับไม่พอใจ แต่เธอไม่อยากสนใจอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไงก็ไม่ควรมีผลอะไรกับเธอ
เพราะเธอเองก็ไม่เคยมีผลอะไรต่อเขา...ไม่เคย
“หากคุณก้องมีผู้หญิงคนใหม่ งั้น...ปล่อยอิงไปได้ไหมคะ ในเมื่อตอนนี้...ตัวแทนคงไม่มีความจำเป็นแล้ว และอิงก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้วใช้ชีวิต...กับใครสักคน”
ใครสักคนที่ไม่ได้เห็นเธอเป็นเพียงแค่ตัวแทน
ประโยคนั้น แก้วกุดั่นบอกกับตัวเองเพียงในใจ ไม่ทันเห็นว่าก้องภพมีปฏิกิริยาเช่นไรกับคำพูดของเธอ
“เธอ...อยากไปจากฉันงั้นเหรอ”
แก้วกุดั่นเบือนหน้าหนี บอกตัวเองว่าครั้งนี้เธอจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเพ้อฝันโง่ ๆ อีก ถึงเห็นว่าในแววตาของก้องภพไม่ได้ทอประกายความผิดหวังอย่างเดียวแต่เหมือนปะปนความเจ็บปวดด้วย
คงเป็นความเจ็บปวดของเธอเองที่ทำให้ตาผ้าฟางเห็นว่าเขาก็มีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกันกับเธอ
“ปล่องอิงไป...นะคะ”
ถึงตอนนี้แก้วกุดั่นจึงรู้ว่าเข้าใจผิด เธอยังมีหัวใจและความรู้สึก อีกทั้งน้ำตาก็ไม่ได้เหือดแห้งเมื่อดูจากการฟ้องออกมาด้วยการไหลรินลงมาราวกับทำนบที่พังทลาย
“เธอ...คงเกลียดฉันมากเลยสินะ”
คำถามนั้นทำให้คนฟังสะอื้นหนัก พูดไม่ออกทั้งที่อยากปฏิเสธ ยิ่งคิดว่าเปล่าประโยชน์เพราะความรู้สึกของเธอคงไม่มีความหมายกับเขา แก้วกุดั่นจึงไม่พูดอะไร
เนิ่นนาน กว่าก้องภพจะขยับตัวราวกับว่าก่อนหน้านั้นถูกสาปให้กลายเป็นหิน และอีกพักใหญ่ที่ชายหนุ่มใช้ไปกับการจับจ้องแก้วกุดั่นราวกับอยากจดจำภาพนี้เอาไว้ ก่อนพูดประโยคที่คิดว่าคนฟังคงยินดี
“ได้สิ ถ้าเธออยากไปจากฉันนัก ฉันก็จะไม่รั้งเอาไว้”
ก้องภพแค่นยิ้มเมื่อเห็นแก้วกุดั่นซวนเซจากนั้นก็ทรุดลงไปนั่งกองบนพื้น วินาทีนั้นคิดได้เพียงว่าเธอคงดีใจจนเข่าอ่อน ความเจ็บปวดความผิดหวังที่ท่วมท้นใจทำให้รู้สึกชืดชากับทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเปล่งคำพูดออกมาอีกครั้งน้ำเสียงจึงเหมือนว่างเปล่าและเย็นชาในความรู้สึกของคนรับฟัง
“เพราะตอนนี้ ฉันไม่ต้องการตัวแทนแล้วเหมือนกัน”
______________________________________________
ขอบคุณสำหรับทุก LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
Zephyr - ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ย้อนหลังค่ะ ^^ ขอโทษนะคะที่หายไปนานมาก...ตอนนี้มาเฉลยแล้วนะคะว่าอะไรคือสิ่งที่แก้วกุดั่นเจอ ^__^
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2559, 09:07:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2559, 09:07:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1329
<< บทที่ 10 | บทที่ 28 >> |
Zephyr 17 เม.ย. 2559, 18:36:18 น.
โอ้ยยยยย ช่างคิดกันเองจังเลย
คุยกันก็คุยแบบประจันหย้าแต่ไม่สบตา
ว้ากกกก ขัดใจๆๆๆ
โอ้ยยยยย ช่างคิดกันเองจังเลย
คุยกันก็คุยแบบประจันหย้าแต่ไม่สบตา
ว้ากกกก ขัดใจๆๆๆ
LAM 26 เม.ย. 2559, 10:10:39 น.
เฮ่อ.....หนักใจแทนเลย ต่างคนต่างคิดกันไปเอง
เฮ่อ.....หนักใจแทนเลย ต่างคนต่างคิดกันไปเอง