รักร้าวในแผลใจ
กลับมาอีกครั้งกับนิยายรัก (สีเทา)

คราวนี้ขอนำเสนอนิยายเรื่อง









รักร้าวในแผลใจ

รักที่กลายเป็นยาพิษแสนขมขื่น



หวังเพียงว่านักอ่านทุกท่านจะชอบนะคะ

ฝากติดตามและเม้นต์ให้กำลังนักเขียนแถวหลังคนนี้ด้วยนะ



ติดตามนิยายกรงแก้วได้ที่
https://www.facebook.com/NiyayKrngKaew?ref=hl




































Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 3 เหตุเกิดที่สวนดอกไม้

บทที่ 3

เหตุเกิดที่สวนดอกไม้

เช้านี้เมฆามาทำงานเช้าตามปกติแต่ที่ไม่ปกติคือผู้หญิงที่มายืนรอพบอยู่ในห้องทำงาน เท้าหนาเดินมาวางกระเป๋าที่โต๊ะทำงานก่อนจะส่งสายตามองยังเอมมี่ที่มาในชุดเดรสสั้นเสมอหูสีแดงสดที่ยังนั่งเงียบมองจ้องหน้าเขาอยู่ สุดท้ายก็ต้องเป็นคนเอ่ยปากถามออกมาเมื่อเธอไม่ยอมพูดอะไร

“คุณมีธุระอะไรเหรอเปล่า ถึงมาหาผมแต่เช้า”

“เอมมี่นึกว่าคุณจะไม่คุยกับเอมมี่แล้วซะอีก” เอมมี่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมายืนพิงที่ขอบโต๊ะ สายตามองชายหนุ่มนิ่ง

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” คนพูดถามไปแต่สายตาตอนนี้จดจ่อกับแฟ้มเอกสารตรงหน้า ได้ยินเสียงเอมมี่ดังมา

“ก็เมื่อคืน คุณเอาแต่เงียบ เอมมี่ถามว่าคุณหายไปไหนมา คุณก็ไม่ตอบแถมพอมาส่งเอมมี่ถึงบ้านคุณก็ไม่ยอมลงมาอีกบอกจะรีบกลับท่าเดียว เอมมี่ก็เลยคิดว่าคุณงอนเอมมี่ที่ไปเต้นรำกับชายอื่น”

เมฆาวางปากกาลงบนแผ่นกระดาษก่อนเงยหน้ามองหญิงสาวที่กำลังให้ความสำคัญตัวเองผิดไป ใช่ เขาควงเธอออกงานมากกว่าควงผู้หญิงคนอื่นแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะรู้สึกพิเศษมากกว่าผู้หญิงคนไหน

“ผมไม่ได้งอนคุณและก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยถ้าคุณจะไปมีใคร เพราะผมกับคุณเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“แต่เอมมี่รักคุณนะคะ” เอมมี่รู้สึกเสียหน้ามากแต่ก็ใจสู้พูดแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา

“แต่ผมไม่รักคุณและก็คงไม่รักใครอีก”

เอมมี่หน้าเสียเป็นรอบที่สอง รีบเอาใจด้วยการขยับมานั่งบนตักชายหนุ่ม มือเล็กสองข้างยกขึ้นโอบต้นคอเขาโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจกลับยอมให้เธอทำเช่นนั้นได้เหมือนอย่างทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาและนั่นก็ทำให้เธอเข้าใจมาตลอดว่าเมฆาเองก็มีจิตพิศวาสให้เช่นกัน

“เมฆค่ะ ถึงเอมมี่จะเคยรู้ว่าคุณอกหักจนไม่อยากรักใครอีกแต่เอมมี่ก็รักคุณมากนะคะ รักและอยากอยู่ดูแลคุณ” เอมมี่ว่านล้อม ใช้มารยาหญิงทุกรูปแบบที่เธอเคยงัดใช้กับสามีคนก่อนๆ แต่สำหรับเมฆา เธอหวังสูงว่าจะได้แต่งงานกับเขาและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่มีอะไรมาขวาง ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่หลงเหลือความรู้สึกรักผู้หญิงคนไหนอีกและนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอขอเพียงแค่ได้แต่งงานกับเขาก็นับว่าเป้าหมายที่วางไว้บรรลุแล้ว

นิ้วเรียวไล้ไปตามแก้มสากๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาต่ำเรื่อยๆ ผ่านซอกคอก่อนจะมาจบที่หน้าอกของเขา ยังไม่พอใบหน้าที่แต่งแต้มจัดก็กำลังจะโน้มเข้าใกล้เขาและจูบหนักหน่วงแล้วหากไม่มีอะไรมาขวางเสียก่อน

“ปล่อยพี่เมฆเดี๋ยวนี้นะ” พลอยชมพูตะโกนมาก่อนจะเข้าไปแยกร่างเอมมี่ออกจากเมฆาเมื่อชายหนุ่มยังนั่งนิ่งราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวในการมาของเธอ หญิงสาวโอบรอบคอชายหนุ่มอย่างถือสิทธิ์เอียงหน้ามาหาเอมมี่ที่ยืนทำหน้าร้อนรน

“คุณพ่อส่งพลอยมาช่วยงานพี่เมฆค่ะ ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาเชิญออกไปจากห้องนี้ได้แล้วเพราะพี่น้องเขาจะทำงาน” พลอยชมพูพูดน้ำเสียงเย่อหยิ่ง

“เมฆค่ะ” เอมมี่เรียกเมฆาเสียงอ่อน

“กลับไปก่อนเถอะเอมมี่ ตอนนี้ผมมีงานต้องทำ” เมฆาเอ่ยจบก็ก้มลงอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ เหลือเพียงพลอยชมพูที่กำลังยืนจ้องหน้าเอมมี่อย่างเอาเรื่อง ฝ่ายเอมมี่จึงทำได้แต่สะบัดตัวเดินออกจากห้องไป

หลังจากเอมมี่ออกจากห้องแล้วพลอยชมพูก็เริ่มเอาเรื่องกับคนที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนด้วยการดึงแฟ้มบนโต๊ะของพี่ชายมาถือไว้ แล้วจับคางสากให้เงยหน้ามองเธอ

“พี่เมฆ...” พลอยชมพูอ้าปากจะพูดแต่ถูกดักไว้ก่อน

“หยุดเลยนะพลอยถ้าคิดจะมาเทศน์พี่แทนคุณพ่อ”

“ก็รู้อยู่นี่ค่ะว่าคุณพ่อจะต้องโกรธที่พี่เมฆยังไปข้องแวะกับยัยแม่หม้ายกินผัวคนนั้น” พูดพลางเอาแฟ้มลงบนโต๊ะก่อนจะมานั่งทำใจเย็นที่เก้าฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย

“เขาเป็นเพื่อนพี่คนหนึ่งและพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขา”

“แต่ยัยนั่นคิดค่ะ พลอยมองแปบเดียวก็รู้เลยว่าผู้ชายคนต่อไปที่ยัยนั่นคิดจะจับคือพี่เมฆ บอกตรงๆ พลอยไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเอามากๆ เลย”

“ไหนว่าจะมาช่วยพี่ทำงานไง พี่เห็นเราเอาแต่บ่นโน่นนี่จนตอนนี้พี่ไม่มีสมาธิทำงานแล้วนะ” เมฆาไม่อยากฟังน้องสาวบ่นต้องหาเรื่องอื่นมาคุยแต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นชี้โพรงให้กระรอก

“งั้นลองไปหาสมาธิเอาจากข้างนอกดูไหมคะ เดี๋ยวพลอยพาไป” พลอยชมพูว่ายิ้มๆ เริ่มรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา มองหน้าพี่ชายที่กำลังจ้องหน้าเธออย่างจับผิด



สุดท้ายเธอก็สามารถลากพี่ชายสุดหล่อออกมาถึงที่หมายจนได้ โดยที่ๆ หญิงสาวเลือกเป็นร้านเค้กเพิ่งเปิดใหม่แต่เป็นสาขาที่เท่าไรนั้นเธอเองก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าเจ้าของร้านคือผู้หญิงที่พลอยชมพูเลือกแล้วว่าจะให้มาเป็นพี่สะใภ้ของตัวเอง

“อ้าวพลอย ลมอะไรหอบมาจ้ะ” ชิดชมหรือแต้ว สาวสวยหวานกำลังดูออเดอร์จากลูกค้าที่สั่งมาก่อนจะหันไปสั่งให้ลูกน้องจัดการต่อส่วนตัวก็ออกมาต้อนรับแขกคนสำคัญ

“อ้าวคุณเมฆก็มาด้วยหรือคะ” เอ่ยด้วยความรู้สึกแปลกใจอย่างมากเพราะนานๆ จะได้เห็นเขาว่าง

“ลมคิดถึงไงถึงหอบเอาพลอยกับพี่เมฆมาหาพี่แต้วถึงร้าน” พลอยชมพูเริ่มทำหน้าที่เป็นแม่สื่อแม่ชักเพราะรู้ว่าชิดชมอดีตรุ่นพี่ที่มหาลัยของเธอแอบชอบเมฆาอยู่และที่สำคัญฐานะของชิดชมก็ไม่ได้ต่ำต้อยตรงกันครอบครัวเธอเป็นตระกูลเก่าแก่

“คุณแต้วอย่าไปฟังยัยพลอยมากนะครับ ผมแค่มาหาที่สงบทำงานไม่คิดว่ายัยพลอยจะพามาที่นี่” เมฆาพูดตรงๆ ไม่อยากตั้งความหวังให้ใครโดยเฉพาะผู้หญิงดีๆ แบบชิดชมซึ่งเธอน่าจะได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าเขา

“นี่แนะพี่เมฆ” พลอยชมพูแกล้งหยิกไปที่ต้นแขนพี่ชายเบาๆ “โทษฐานที่ชอบพูดทำร้ายจิตใจผู้หญิงดีนัก วันหลังถ้าจะพูดแบบนี้ไม่ต้องพูดก็ได้นะคะ”

ชิดชมเพียงยิ้มก่อนจะออกความคิดเห็น

“งั้นลองไปนั่งหลังร้านดูไหมคะ เงียบไม่มีคนเดินเพ่นพ่านแถมลมพัดเย็นสบายดีอีกด้วย คือแต้วเพิ่งจ้างคนมาแต่งสวนนะคะ คิดว่าที่เงียบๆ แบบนั้นคุณเมฆน่าจะชอบ”

“งั้นผมขอรบกวนนะครับ” เมฆาเอ่ยแล้วเดินจากไป ทิ้งสองสาวยืนอยู่ด้วยกัน

พลอยชมพูเห็นชิดชมหน้าเจื่อนก็รีบปลอบใจ

“อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ ยังไงพลอยก็เชียร์พี่แต้วเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะเหมาะสมจะเป็นภรรยาพี่เมฆเท่าพี่แต้วอีกแล้ว”

“แต่บางทีพี่ชายน้องพลอยอาจจะไม่ชอบพี่ หรือไม่เขาก็คงยังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น” ชิดชมน้ำเสียงดูเศร้า จากที่พลอยชมพูเล่ามา เหมือนเมฆาจะยังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่

“คนไหนคะ อ๋อ คนที่ทำให้พี่เมฆอกหักนะเหรอคะ พี่แต้วเลิกคิดไปได้เลยค่ะเพราะพี่ชายพลอยไม่ใช่คนโง่ที่จะกลับไปหาผู้หญิงเหลอกลวง อีกอย่างป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นคงไปหลอกผลาญเงินใครที่ไหนอีกก็ไม่รู้” พลอยชมพูเอ่ย



สวนหลังร้าน มีคนจัดสวนอยู่สองคนกำลังช่วยกันลงแปลงดอกไม้อย่างขะมักเขม้น โดยคอนเซ็ปของเจ้าของร้านคือต้องการสวนดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมคงเอกลักษณ์แบบไทยๆ ทางคนจัดสวนจึงเลือกลงดอกไอริสซึ่งมีกลิ่นหอมชวนน่าหลงใหลและที่สำคัญตามตำนานกรีก ดอกไอริสเป็นดอกไม้นำโชคซึ่งเหมาะแก่เจ้าของร้านที่ทำมาค้าขายที่สุด

“บี เดี๋ยวบีลงดอกไม้ไปพลางๆ นะ พี่จะเอาดอกไม้ท้ายรถไปส่งให้ลูกค้านะ ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว พี่ไปแปบเดียวเดี๋ยวกลับมาช่วยบีต่อ” ยอดกล้าเอ่ย ความจริงลูกน้องของเขาไม่ได้มีเพียงสิรินภาเพียงคนเดียว จะเรียกว่ามีนับสิบคนเลยก็ว่าได้แต่เพราะเธอเป็นคนที่เขาไว้ใจและความมุ่งมั่น ขยันขันแข็งทำให้มองไม่ใครที่จะเหมาะสมทำงานละเอียดแบบนี้เท่าสิรินภาอีกแล้ว

“ที่สำคัญร้านนี้เป็นร้านลูกค้าเก่าแก่ของเรา พี่ไม่อยากให้พลาด”

“พูดแบบนี้เหมือนว่าบีไม่เป็นมืออาชีพ” สิรินภาลุกขึ้นจากแปลงดอกไม้แล้วหรี่ตาพูดในมือมีส้อมพรวนดินถืออยู่ อีกฝ่ายหัวเราะขบขัน

“พี่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นสักหน่อยเพียงแค่เปรยให้ฟังเฉยๆ เพราะพี่รู้ว่าบีเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว”

สิรินภายิ้ม

“งั้นพี่กล้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้บีจัดการเองรับรองว่าจะไม่ทำให้เสียชื่อพี่กล้า”

ยอดกล้าพยักหน้าแล้วเดินจากไป

สิรินภามองจนลับก่อนจะก้มลงมาพรวนดินใหม่ วันนี้เธอตั้งใจว่าจะลงแปลงดอกไอริสให้เสร็จเพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ อย่างน้อยๆ ถ้าวันนี้ลงแปลงเสร็จพรุ่งนี้จะได้ทำงานอย่างอื่นต่อแต่ระหว่างที่กำลังคิดอะไรอยู่เพลิน ก็เหมือนรู้สึกเหมือนกำลังถูกมอง ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแต่ยังไม่กล้าหันหลังมอง ทำใจคิดสักพักสุดท้ายก็ตัดสินใจหันกลับไปถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“ว้าย” เสียงของเธอมีแค่นั้นเพราะเมื่อร่างเล็กทำท่าจะล้มกลับมีมือหนาเข้ามาดึงไว้จนตอนนี้ตัวหญิงสาวก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา ดวงตาหวานเบิกกว้างอย่างตกใจ ปากอิ่มสั่นระริก มือสองข้างจิกไปบนแขนของอีกฝ่ายแต่เหมือนเขาจะไม่รู้สึกเจ็บอย่างใดกลับรั้งเธอไว้แน่นกว่าเดิม

“คนที่เท่าไรล่ะ” ปากหนากระซิบถาม ดวงตาวาวโรจน์ราวกับโกรธเธอมาเป็นชาติ ใช่ สามปีกับการจมปลักอยู่กับอดีตที่แสนเจ็บปวดและวันนี้ทุกอย่างกำลังจะคลี่คลายโดยฝ่ายที่ทำเขาเจ็บจะต้องเจ็บมากกว่า

สิรินภาใจเต้นตุบๆ เพราะไม่คิดว่าจะได้มาพบเมฆา เขาคนที่เธอคิดถึงมาตลอดสามปีและเขาคนที่เธอต้องทำทุกทางเพื่อไม่ให้เจอหน้ากัน แม้จะทรมานแค่ไหนแต่เธอก็ต้องทำ

“นี่คงจะมีเยอะจนตอบไม่ได้สินะว่าผู้ชายคนเมื่อกี้มันคนที่เท่าไรของเธอ” เมฆากัดฟันพูด ครั้งแรกที่ได้ประชันหน้ากันแบบที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าเป็นใคร เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธออย่างถนัดตา

“จะเป็นคนที่เท่าไรมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่” สิรินภาตอบไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา

“ใครเป็นพี่เธอ ฉันมีน้องสาวแค่คนเดียว”

สิรินภาใจหล่นไปถึงตาตุ่มกับคำพูดที่แสนเฉยชาไร้ความรู้สึกของเขา หากเธอเป็นสิรินภาคนก่อนป่านนี้หญิงสาวคงร้องไห้หนักไปแล้วไม่ใช่แค่มองจ้องหน้าเขาตอบเหมือนอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้

“งั้นคุณตามฉันมาทำไม”

“ใครว่าฉันตามเธอ สำคัญตัวผิดหรือเปล่า เธอต่างหากจะตามมาหลอกหลอนฉันไปจนถึงเมื่อไร ทำไมไม่หายไปเหมือนสามปีที่แล้ว อ๋อหรือว่าเงินหมด”

“คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันเองก็ไม่ได้คิดที่จะมายุ่งเกี่ยวกับคุณ แม้แต่หน้าฉันก็ไม่อยากจะเจอ” ปากว่ามือพยายามสะบัดออกจากการเกาะกุมจากเขาแต่เหมือนยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งกอดเธอแน่นมากขึ้น

“งั้นหรอ ไม่อยากเจอจริงๆ เหรอ” คนถามยั่วโทสะด้วยการโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ จนจมูกของเขาเกือบแตะไปที่จมูกโด่งๆ ของเธอ พอหญิงสาวคิดจะหันหน้าหนีเขาก็จับคางเธอให้หันมา

“ตอบมาสิว่าเธอไม่อยากเจอฉันจริงๆ” ยังคงถามคำถามนั้นเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้หลอกลวงเขามาโดยตลอดและไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ถือเป็นคำโกหกทั้งสิ้น

สิรินภากลืนน้ำลาย เหมือนกำลังถูกพิพากษา แต่การพิพากษาแบบนี้มันค่อนข้างทำร้ายจิตใจเธอเกินไป หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเปิดปากเตรียมพูด

“ฉัน...”

จังหวะนั้นเมฆาก็ก้มลงขโมยจูบหญิงสาวทันที เพราะเขาบอกแล้วว่าไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ทุกอย่างที่ออกมาจากปากของสิรินภาถือเป็นคำโกหกทั้งสิ้น แรงดิ้นของอีกฝ่ายกระตุ้นให้เขาต้องจูบเธอให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นจนกระทั่งแรงดิ้นนั้นขาดหายไปเหลือเพียงร่างบอบบางที่อ่อนระทวยในอ้อมแขนของเขา

“อยากรู้จริงว่าจูบของฉันเป็นจูบที่เท่าไรของเธอ” เมฆาถอนจุมพิตแล้วเอ่ยพูดเชิงดูถูกแม้จะรู้สึกแปลกๆ กับการจูบตอบสนองที่ไม่เอาไหนของเธอแต่เขาก็ไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะยังอินโนเซ็นในเรื่องแบบนี้อยู่

หากเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ถูกเธอทิ้งคงจะคิดว่าจูบนี้เป็นจูบแรกของเธอแล้ว

“คุณ” สิรินภายืนตัวสั่นเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอจนตอนนี้ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้เขากำลังจะถูกทำลายโดยตัวของเขาเอง

“น่าเสียดาย อุตส่าห์เอาเงินจากพ่อฉันมาตั้งสิบล้าน แต่ชีวิตของเธอไม่เห็นจะมีอะไรดีเลยสักนิด หรือว่าเอาเงินไปปรนเปรอผู้ชายจนหมดแล้วล่ะ”

“เพี๊ยะ”

เมฆาหันไปตามแรงตบแต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะต่อว่าเธอ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาก่อน

“นี่เธอทำอะไรพี่ชายฉันนะ” พลอยชมพูวิ่งตรงเข้ามาก่อนจะจัดการผู้หญิงที่มาทำพี่ชายของเธอเจ็บ

“เพี๊ยะ”

สิรินภาถูกตบหน้าจนรู้สึกชา พอหันไปมองเห็นเมฆายืนยิ้มก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าซ้ำ หญิงสาวเม้มปากทำใจแข็งสู้มองหน้าผู้หญิงที่เพิ่งตบหน้าเธอ

“นี่เธอเป็นใคร กล้าดียังไงมาตอบหน้าพี่ชายฉัน”

“ไม่มีอะไรหรอกยัยพลอย” เมฆาช่วยแก้ตัวแต่สายตาที่มองสิรินภารู้สึกสะใจ

“ไม่มีได้ยังไงค่ะก็พลอยเห็นอยู่ว่าแม่นี่ตบหน้าพี่ ตกลงเธอตบหน้าพี่ชายฉันทำไม” พลอยชมพูหันมาเอ่ยกับพี่ก่อนจะแสดงกริยาแรงๆ ด้วยการผลักผู้หญิงตรงหน้าแล้วจบด้วยคำถามเอาเรื่อง

สิรินภาเงียบ เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดีหากพูดความจริงว่าถูกพี่ชายเขาลวนลามก็อาจจะถูกตบหน้าซ้ำอีกหรือหากพูดโกหกก็กลัวว่าเมฆาจะปักใจเชื่อว่าเธอเป็นคนไม่ดี

“มีอะไรกันเหรอคะ”

ชิดชมตั้งใจเอาขนมและน้ำมาเสิร์ฟให้เมฆารีบตรงเข้ามาถามด้วยความตกใจเพราะเสียงของพลอยชมพูดดูโกรธมากและที่สำคัญหญิงสาวก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นยิ่งมาเห็นสีหน้าท่าทางของสิรินภาก็ยิ่งอยากรู้เป็นที่สุด

“คุณบีเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไหมหน้าซีดจัง”

สิรินภาไม่ตอบได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วเลื่อนสายตาไปมองหน้าเมฆาอย่างน้อยใจ เขาทำราวกับเธอเป็นใครก็ไม่รู้หนำซ้ำยังยืนเฉยปล่อยให้น้องสาวเขามาตบหน้าเธอ

“แค่เรื่องเข้าใจผิดนะ” เมฆาตอบในที่สุด เห็นสิรินภาจ้องหน้าอย่างผิดหวัง คงคิดว่าเขาจะพูดความจริงนะสิ เสียใจด้วยเพราะในเมื่อเธอหลอกลวงเขา ทำไมชายหนุ่มจะทำเหมือนที่เธอทำกับเขาบ้างไมได้

“ยัยนี่ตบหน้าพี่เพราะเรื่องเข้าใจผิดนะหรือคะ” พลอยชมพูยังไม่เลิกโวยวาย

“ใช่ คือคุณบีเธอกำลังลงดอกไม้ในแปลงอยู่นะ พี่แค่จะเดินไปดูแต่เผอิญไม่ได้ให้สุ่มให้เสียงเธอตกใจคิดว่าพี่จะมาลวนลาม ก็เลยเป็นอย่างที่พลอยเห็น” เมฆาพูดหน้าตาย ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิดที่โกหกไปแบบนั้น

“แค่จะเดินไปดูแปลงดอกไม้เองถึงกับลงไม้ลงมือ นี่สงสัยคุณคงดูละครมากไปหน่อยหรือไม่ก็คงคิดระแวงคนไปทั่วอย่างกับไปทำผิดอะไรมา” พลอยชมพูดเหน็บ รู้สึกไม่ชอบหน้าผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาดื้อๆ

“พี่ว่าเรากลับกันเถอะพลอย” เมฆาเอ่ยเพราะตอนนี้เขายังไม่อยากให้เรื่องมันแดง จะเอาคืนคนบางคนแค่วันเดียวคงไม่สาสม ในเมื่อเธอทำให้เขาทุกข์ทนมาเป็นปีๆ ชายหนุ่มก็จะทำให้เธอเจ็บปวดและทุกข์ทนไม่แพ้เขาเช่นกัน

เอาให้สาสม เอาให้ทุกข์ทรมาน เหมือนอย่างที่เขาเคยเป็น

“ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ คุณเมฆเลยไม่ได้ทำงาน” ชิดชมเอ่ยเสียงเศร้า เห็นเมฆายิ้ม

“ช่างมันเถอะครับ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมคิดอะไรได้” สายตาคมเผลอมองมาที่สิรินภาแต่แค่แวบเดียวก็หันไปยิ้มให้ชิดชมก่อนจะพาร่างน้องสาวเดินจากไป

“คุณบี โอเคใช่ไหมคะ” ชิดชมหันมาหาสิรินภาพลางจับมืออีกฝ่ายแล้วถามเสียงอ่อนเมื่อเห็นเธอเงียบก็พลอยรู้สึกเป็นห่วง เพราะสิรินภาคนนี้คือคนสำคัญที่ทำให้เพื่อนชายที่คิดจะโสดตลอดชีวิตอย่างยอดกล้ายอมเปลี่ยนความคิด

“ค่ะ บีโอเคส่วนเรื่องแปลงดอกไม้ บีจะทำให้เสร็จวันนี้นะคะพรุ่งนี้จะได้ไปแต่งอย่างอื่นต่อ”

“ค่ะ แล้วกล้าไปไหนล่ะคะ ทำไมปล่อยคุณบีทำอยู่คนเดียว”

“ออกไปทำธุระนะคะ”

“แย่จัง นี่ถ้ากล้าอยู่คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” ชิดชมบอกนึกตำหนิเพื่อนหนุ่มที่หายออกไปในจังหวะพอดิบพอดีแบบนี้



หน้าร้านเค้กสองร่างเดินมาถึงรถก่อนปากหนาจะเอ่ยขึ้นทั้งยังไม่ทันได้ขึ้นมานั่งในรถ

“พรุ่งนี้เรามาร้านเค้กคุณแต้วอีกนะ”

พลอยชมพูชะงักเท้าหันมามองหน้าพี่ชายด้วยความสงสัย ปกติต้องว่านล้อมถึงจะยอมมาแต่คราวนี้มาแปลก ไม่ต้องว่านล้อม ไม่ต้องบังคับแถมยังเอ่ยปากออกมาเอง

“นี่พลอยหูฟาดไปหรือเปล่า พรุ่งนี้พี่เมฆจะมาร้านพี่แต้วอีก”

“ก็พี่แค่รู้สึกไม่ดี มาร้านคุณแต้วแต่กลับไปสร้างความวุ่นวาย พี่แค่อยากแสดงความรับผิดชอบ” เมฆาพูดแล้วเดินเข้ามานั่งในรถประจำที่คนขับ มีน้องสาวตามมานั่งข้างคนขับทีหลัง

“งั้นก็รับผิดชอบพี่แต้วด้วยการคบกับเธอสิค่ะ”

“นั่นมันมากไป” พูดขณะสตาร์ทรถ

“โธ่ ก็พลอยชอบพี่แต้วนี่ค่ะ เธอทั้งสวยทั้งเก่ง ชาติตระกูลก็ดี ผู้หญิงดีๆ แบบนี้หายากนะคะ” ปากว่ามือหยิบสายมาคาดเข็มขัด

“เลิกเป็นแม่สื่อแม่ชักได้แล้ว พี่ไม่ชอบ”

“ตามใจ อยากให้คุณพ่อจับคลุมถุงชนกับผู้หญิงอื่นก็เอา พลอยไม่ช่วยพูดให้แล้ว” พลอยชมพูพูดแดกดันใส่พี่ชายแล้วหันไปมองทางอื่น มีเมฆามองอยู่อย่างเมินๆ แล้วขับรถไป



พรรณนากำลังทำอาหารอยู่ในครัว มื้อเที่ยงวันนี้เมฆินทร์บิดาเมฆาบ่นอยากกินซุปกระดูกวัวก็เลยต้องลงมือเข้าครัวตั้งแต่ยังไม่เที่ยง แต่ขณะกำลังทำอยู่นั้นได้ยินเสียงรถดังอยู่หน้าบ้านจึงชะเง้อมองผ่านหน้าต่างเล็กๆ เห็นเป็นรถของพลอยชมพูจึงหันมาสั่งสาวใช้ช่วยทำต่อส่วนตัวก็ออกไปรอรับลูกสาว

พลอยชมพูเดินหน้าบึ้งเข้ามาด้านในถึงห้องโถงเจอมารดาดักถาม

“เป็นอะไรล่ะยัยพลอย ไปหาคุณเมฆที่ทำงานไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาทำหน้าบึ้งแบบนี้ล่ะ”

พลอยชมพูหันมามองหน้ามารดาเห็นนั่งอยู่จึงเข้ามานั่งคุยด้วย

“ก็พี่เมฆนะสิค่ะแม่ พลอยอุตส่าห์เชียร์พี่แต้วให้กลับไม่สนใจ พี่แต้วดีขนาดนั้นเดี๋ยวก็มีผู้ชายอื่นมาแย่งตัดหน้าไปหรอก คิดแล้วยังโมโหไม่หายแทนที่จะชอบพี่แต้วกลับไปตีสนิทกับยัยแม่หม้ายกินผัวนั่น”

“ทำไมพูดจาไม่น่ารักแบบนี้ล่ะ แล้วใครแม่หม้ายกินผัว” พรรณนาถามลูกสาวคนเดียว

“จะใครซะอีกละค่ะ ก็ยัยเอมมี่นมซิลิโคนนั่นไง”

“นี่ยัยพลอยไปว่าเขาแบบนั้นได้ยังไง น่าเกลียด” พรรณนาเอ็ดลูกสาว ไม่เคยชอบใจเลยสักครั้งที่พลอยชมพูพูดจาว่าร้ายคนอื่นแต่เพราะเธอถูกสอนมาให้เป็นคนแบบนั้น นางเลยได้แต่ทำใจ บางเรื่องถ้าเตือนได้ก็เตือน

“ก็พลอยไม่ชอบยัยนั่นนี่ค่ะ แต่พี่เมฆก็ยังยุ่งเกี่ยวกับยัยแม่หม้ายนั่น”

“นี่ไอ้เมฆมันยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอ”

สองสาวหันไปมองพร้อมกันเห็นชายสูงวัยนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าดุดันมองจ้องมาที่พลอยชมพูก่อนจะถามคำถามออกมาอีกครั้ง

“ยังไงยัยพลอย พ่อถามทำไมไม่ตอบ”

“เออคุณค่ะ” พรรณนาขยับปากจะพูดแต่ถูกห้าม

“เธอไม่ต้องพูดเลย แทนที่จะเป็นหูเป็นตากลับปล่อยให้ไอ้เมฆมันไปยุ่งกับผู้หญิงมีราคีคนนั้น”

“พ่อค่ะ อย่าไปว่าแม่ของพลอยสิ พลอยก็ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนแม่อยู่นี่ไง” พลอยชมพูพูดปกป้องเพราะเธอไม่อยากให้บิดาต่อว่ามารดาอีก

“ดี แล้วอย่าให้ผู้หญิงมีตำหนิพวกนั้นมายุ่งวุ่นวายกับพี่ชายเราอีกเด็ดขาด เพราะไอ้เมฆกำลังมีชีวิตที่ดีอยู่แล้วและพ่อก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย” เมฆินทร์ตอบดวงตาดุดันแน่นิ่ง



กรงแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2558, 02:03:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2558, 02:03:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1102





<< บทที่ 2 สัญญารักร้าว   บทที่ 4 เรื่องบาดหมางใจ >>
กรงแก้ว 3 ต.ค. 2558, 13:42:15 น.


Zephyr 3 ต.ค. 2558, 15:20:30 น.
พ่อต้องเป็นกนึ่งในปมแน่ๆ


กรงแก้ว 10 ต.ค. 2558, 00:40:34 น.
อันนี้ต้องมาติดตามอ่านตอนต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account