ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 2 ครึ่งแรก

ตอนที่ 2

คนร้ายหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าธามินจะวนเวียนสำรวจในบริเวณนั้นอยู่นานก็ตาม เขาสงสัยว่าเป็นการดักทำมิดีมิร้ายหรือว่ามีจุดประสงค์อื่นกันแน่ พอกลับมาที่เดิมแล้วไม่เห็นช่างวาดรูปอยู่ตรงนั้นก็ค่อยเบาใจ เรื่องที่อยากถามเลยต้องเก็บก่อนพรุ่งนี้เขาจะมาที่นี่อีกครั้งเพื่อให้ได้คำตอบที่สงสัย ร่างสูงเดินกลับมาที่ลานวาดรูปเห็นนาอินหน้างอเมื่อรอนานเกือบครึ่งชั่วโมง
“แล้วเพื่อนของพี่ธามล่ะคะ ไม่เห็นมาด้วยกันเลยค่ะ”
นาอินมองหาแต่ไม่เห็นใคร แต่ธามินกลับเหงื่อพราวราวกับไปออกกำลังกายมาแม้สีหน้าจะปกติไร้แววพิรุธก็ตาม จากที่เธอคิดว่าเขาตามช่างวาดคนนั้นไปคงไม่ใช่กระมัง
“ขอโทษที่พี่หายไปนาน ตอนนี้พี่คงต้องพาอินกลับบ้านแล้วล่ะ”
ธามินเดินนำทางนาอินไปยังรถแล้วพาไปส่งที่บ้าน หญิงสาวนิ่งเงียบด้วยความผิดหวังเพราะวาดฝันกับเดทแรกเอาไว้มาก แต่ทุกอย่างกลับผิดพลาดบรรยากาศไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงการเป็นคู่รักสักนิด เธออยากถามเหลือเกินว่าเขาลืมทิชาได้แล้วหรือยัง แต่กลัวคำตอบจนไม่กล้าแม้จะเอ่ยคำ
รถจอดที่หน้าบ้านซึ่งนาซีฟมารอรับลูกสาวอยู่ก่อนแล้ว ธามินลงไปทักทายเพื่อนสนิทของพ่อไม่กี่คำก็ขอตัวกลับ ทุกอย่างที่ทำบอกชัดว่าเขายังคงรักษาระดับความสัมพันธ์กับนาอินไว้และไม่มีความคืบหน้าให้เธอคาดหวังได้

เพื่อคลายความสงสัยเรื่องแหวนที่มีลักษณะของคนในราชวงศ์เท่านั้นที่จะใช้ได้ ธามินจึงมาที่ถนนคนเดินอีกครั้ง แม้ว่าวันนี้จะมีร้านค้าบางตากว่าเมื่อวานมาก เป้าหมายของเขามีเพียนลานวาดภาพที่มีช่างวาดมานั่งวัดภาพรับเงินบริจาคอยู่เช่นเดิม เขามองหาช่างวาดเจ้าของแหวนแปลกตาไปทั่วบริเวณนั้น
ช่างวาดชายมองลูกค้าด้วยสายตาแปลกใจเพราะจำได้ว่ามาเมื่อวาน เขายิ้มให้พลางพูดเชื้อเชิญตามารยาท
“เชิญนั่งครับ”
ธามินนั่งลงแล้วถามแทนการมองหา “ผมอยากวาดรูปกับช่างวาดคนเดิม วันนี้ช่างวาดคนนั้นมาหรือเปล่า”
“ไม่มาครับ ปกติแล้วแอลจะมาแค่วันพุธเท่านั้น ขอโทษด้วยครับ” กระดาษวาดแผ่นใหม่ถูกขึงบนเฟรม
“ผมอยากรู้ว่าแอลเป็นใคร คุณพอจะบอกผมได้ไหมครับ”
สีหน้าของช่างวาดหนุ่มมองธามินอย่างไม่ไว้ใจนัก แม้การแต่งตัวจะบ่งบอกถึงฐานะที่ดีกว่า แต่การถามหาสตรีที่ไม่รู้จักย่อมไม่ควร
“แอลมาขอร่วมวาดภาพ ผมเห็นว่าฝีมือดีเลยให้ร่วมทีม ส่วนเป็นใครมาจากไหนผมไม่เคยก้าวก่ายหรอกครับ”
ภาษากายของช่างวาดชายบอกแทนคำพูดว่าไม่ได้โกหก งานอาสาสมัครคงมาด้วยใจไม่มีใครอยากสืบประวัติให้ยุ่งยาก ธามินมองหาอีกรอบก็ลุกขึ้นอย่างเสียดายที่มาแล้วไม่พบเป้าหมาย
“ผมไม่ได้มีเจตนาจะก้าวก่ายหรอกแค่มีบางอย่างที่อยากถามช่างวาดคนนั้นเท่านั้นเอง ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวนเวลา”
“ไม่เป็นไรครับ ขอให้โชคดี”
ธามินเดินจากมาเพื่อหาที่นั่งในร้านน้ำชาแล้วมองจากตึกสูงลงไปยังลานวาดภาพ ช่างวาดที่ชื่อแอลยังไม่มาอยู่ดีแม้จะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม ถึงเป็นเพียงความสงสัยจากเบาะแสเล็กน้อย แต่เขาคงปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้เพราะคนของกบฎยังคงแฝงตัวไปทั่วนัวเรด์ดีน

สัปดาห์ต่อมาราชองครักษ์ทั้งสามเข้ามาทำงานในวังตามกำหนดโดยพร้อมเพรียง โดยมีการแบ่งตารางเวลาให้มีเวลาพักผ่อนและมีวันหยุดที่มีการแจ้งล่วงหน้า ทุกคนต้องทำงานผลัดกันคนละแปดชั่วโมงในหนึ่งวัน โดยราเนียทำหน้าที่ในเวลากลางวัน ส่วนธามินกับมาลิคสลับเวลากันหลังจากสี่โมงเย็นจนกระทั่งวันใหม่
ธามินปลีกเวลาไปตามหาช่างวาดแอลในวันพุธต่อมาโดยเฝ้ามองอยู่ที่ร้านน้ำชาบนตึกสูง สายตาจดจ้องไปยังลานวาดภาพและรออย่างใจจดใจจ่อ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดอบายะห์สีฟ้าอ่อนเดินมาที่ลานวาดพร้อมอุปกรณ์ เขาวางเงินแล้วรีบลงจากลิฟต์ไปอย่างรวดเร็ว ขายาวก้าวไปแล้วนั่งลงตรงหน้าหญิงสาวอบายะห์สีฟ้าแล้วเรียกอย่างจงใจไม่ให้คนน่าสงสัยทันได้ตั้งตัว
“แอล...”
หญิงสาวคนนั้นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาทันที จนถูกเรียกซ้ำนั่นล่ะถึงได้รู้สึกตัวว่าถูกเรียกอยู่
“ฉันไม่ใช่แอลหรอกค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอยากให้วาดภาพหรือเปล่าคะ”
สายตาคมมองไปยังนิ้วนางข้างขวาก็ไม่พบแหวนสักวง อีกทั้งน้ำเสียงหวานละมุนหูช่างต่างไป แอลไม่ได้พูดเสียงเบาไร้ความมั่นใจแบบนี้
“ขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ เพื่อเป็นการขออภัยช่วยวาดภาพผมได้ไหม”
ช่างวาดหญิงพยักหน้าแล้วขึงกระดาษ ธามินนั่งให้ช่างวาดสาววาดภาพพลางมองไปทั่วบริเวณ ทุกคนทำงานของตัวเองไปไร้ซึ่งพิรุธ แต่ก็น่าสงสัยอยู่ดีเพราะคราวก่อนช่างวาดชายบอกเขาว่าแอลมาทุกวันพุธ แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่มาล่ะ จนกว่าจะได้คำตอบว่าทำไมแหวนล้ำค่าของราชวงศ์มาอยู่ที่นิ้วของช่างวาดธรรมดาอย่างไรเขาคงต้องส่งคนมาตามความเคลื่อนไหวของคณะวาดภาพเสียแล้ว

ธามินรีบขับรถกลับมาที่วังหลังจากมาลิคเดินทางไปชายแดนทางทิศใต้พร้อมกับชีคชามีลเนื่องจากได้รับข่าวสำคัญ เขานั่งอ่านเอกสารอย่างเงียบๆ ในห้องทำงาน การเป็นราชองครักษ์ไม่ได้มีหน้าที่คอยถือปืนระวังภัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องศึกษางานจากชีคด้วย เพื่อที่เวลาชีคสั่งงานลงมาจะเข้าใจและปฏิบัติได้ทันที
ทหารที่เฝ้าตามประตูต่างๆ เงียบกริบ แต่มั่นใจได้ว่าไม่มีใครหลับในหน้าที่ ธามินเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อหาข้อมูลถึงได้เห็นว่าตรงหน้าจอมีโพสต์อิทติดไว้ ไม่มีใครทำแบบนี้นอกจากสาวสวยเพียงคนเดียวในหน่วยราชองครักษ์ ราเนียบอกว่านัดสาวสวยไว้ให้เขาในวันพรุ่งนี้ ธามินส่ายหน้าไม่รู้จะหัวเราะหรือโกรธราเนียดี โพสต์อิทถูกเก็บแล้วไฟล์งานของชีคที่ต้องศึกษาก็ถูกเปิด เขาอ่านทุกตัวอักษรแล้วทำความเข้าใจ
ผ่านไปเกือบชั่วโมงธามินยังคงอ่านแผนงานขยายท่อส่งก๊าซที่ชีคชามีลต้องการให้ห่างไกลออกจากชุมชนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ถ้าท่อส่งก๊าซชำรุดหรือเกิดการระเบิด ประชาชนจะได้ไม่ล้มตายอย่างที่เคยเกิดมาแล้วเมื่อห้าปีก่อน ถึงจะต้องลงทุนมากขึ้น แต่คุ้มค่าหากรักษาชีวิตของประชาชนไว้ได้
...ก๊อกๆๆ
ผนังห้องด้านหน้าเป็นกระจกใสและธามินไม่ได้ปิดผ้าม่านทำให้เห็นว่าใครมาเคาะประตูห้องในเวลาดึกมากแล้ว
“เชิญเข้ามาได้ครับ”
หัวหน้านางกำนัลผู้เคร่งครัดกฎระเบียบเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ดวงตาทั้งคู่มองธามินด้วยความไม่สบายใจมือทั้งสองข้างประสานกันดูกระสับกระส่าย
“ขออภัยที่รบกวนท่านราชองครักษ์นะคะ พอดิฉันมีเรื่องสำคัญมากจริงๆ ค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือครับบอกผมมาได้เลย”
“คือ...องค์หญิงซาเมราหายไปค่ะ ดิฉันเป็นห่วงมากเพราะเลยจากเวลาที่ควรเดินทางกลับมาเกือบชั่วโมงแล้ว จึงอยากรบกวนท่านราชองครักษ์ไปตรวจความเรียบร้อย บางทีอาจจะมีปัญหาระหว่างการเดินทางกลับค่ะ”
ธามินพยักหน้าเข้าใจที่มาของความร้อนใจแล้ว “มีใครไปกับองค์หญิงบ้างหรือครับ แล้วองค์หญิงได้ติดต่อคุณหัวหน้านางกำนัลก่อนจะมาหาผมบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ได้ติดต่อมาเลยค่ะ มีเพียงคนขับรถและนางกำนัลเท่านั้นที่ตามเสด็จ องค์หญิงบอกว่าจะไปหมู่บ้านกลางทะเลทรายทางฝั่งตะวันตกเพื่อถ่ายรูปนำไปลงหนังสือนิตยสาร แต่ก็ไม่เคยผิดเวลาถึงขนาดนี้ พอติดต่อไปก็ไม่มีสัญญาแล้วล่ะค่ะ” สีหน้าของหัวหน้านางกำนัลเหมือนอยากร้องไห้
ราชองครักษ์หนุ่มลุกขึ้นแล้วออกจากห้องพร้อมอาวุธที่จำเป็นต้องใช้ก่อนขับรถกระบะโฟร์วีลสี่ประตูที่คล่องตัวสำหรับเดินทางในทะเลทรายออกไป ระหว่างทางธามินโทรหามาลิคเพื่อนำความไปกราบทูลชีคชามมีล แต่กลับติดต่อไม่ได้อาจอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ รถมุ่งหน้าออกนอกวังแล้วบ่ายหน้าไปยังทะเลทรายฝั่งตะวันตก เขายังคิดในแง่ดีกว่าอาจรถเสียระหว่างทาง แต่ถ้าเป็นสาเหตุนี้ก็น่าจะติดต่อคนในวังไม่น่าเงียบหายไป

เกือบครึ่งชั่วโมงในทเลทรายผ่านไปโดยที่ธามินยังไม่พบใครหรืออะไรที่จะบอกได้ว่าองค์หญิงผิดเวลาเพราะสาเหตุใด ทะเลทรายในยามดึกช่างเงียบกริบ วังเวงและมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งทางใจสำหรับการเดินทางเพียงลำพัง เบื้องหน้าช่างเวิ้งว้างราวกับไร้จุดจบของลอนทรายที่แสงไฟสาดถึง แม้ไม่ได้เปิดกระจกรถยังได้ยินเสียงนกกลางคืน
ธามินลดความเร็วของรถโฟร์วีลลงเมื่อเข้าสู่พื้นที่ซึ่งมีเนินทรายสูงราวกับภูเขาหากไม่ชำนาญเส้นทางอาจชนเข้าได้ มีนักเดินทางมากมายที่รถตกเนินทรายหรือถูกทรายทับถมจนตายอยู่ในรถ เขาเห็นเงาตะคุ่มของบางอย่างที่แสงไฟหน้ารถสาดไป พอเลื่อนกระจกรถลงเสียงโหยหวนราวกับปีศาจยามราตรีก็แว่วแผ่วมา เขาจอดรถแล้ววิ่งไปยังเสียงน่าสนใจนั้น แสงไฟจากรถอีกคันถูกปิดกั้นด้วยทรายที่ปิดทับจากลมแรงๆ เมื่อครู่ ร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กับผืนทราย ส่วนคนที่ส่งเสียงมีเลือดอาบเต็มใบหน้า สภาพรถยับเยินเหมือนตกเนินทรายจนเดินทางต่อไม่ได้
“ช่วยด้วย...ช่วยองค์หญิงด้วย” เสียงนั้นพร่าต่ำด้วยความเจ็บปวด
ธามินเดินไปหาร่างบอบบางที่นอนแน่นิ่งก็พบว่ายังมีลมหายใจเพียงสลบไปเท่านั้น เขากลับมานั่งชันเข่าใกล้ๆ กับคนขับรถช่วยประคองร่างนั้นขึ้นมาแล้วถาม
“ไม่ต้องกลัวนะผมเป็นองครักษ์ประจำองค์ชีค บอกผมทีว่าเกิดอะไรขึ้น องค์หญิงหายไปไหน ไม่ได้ติดอยู่ในรถใช่ไหมครับ”
คนขับส่ายหน้าพยายามเค้นเสียงพูดออกมา “มีคนกลุ่มหนึ่งเข้าขับรถมาไล่ล่าพร้อมอาวุธ ผมควบคุมรถไม่ได้เลยถูกเบียดจนตกเนินทราย แล้วองค์หญิงก็ถูกลักพาตัวไปแล้วท่านองครักษ์ ได้โปรดช่วยพาองค์หญิงกลับมาทีเถิด”
“พวกมันไปทางไหนแล้ว ช่วยบอกทางผมที”
คนขับรถชี้ไปยังทิศใต้ ธามินมองแล้วก็แปลกใจเพราะตรงจุดที่พบรถไม่ใช่ทางกลับวัง เส้นทางการถูกลักพาตัวช่างผิดแผกเนื่องจากทะเลทรายทางทิศใต้เป็นเหมือนดินแดนมรณะที่ไม่มีใครใช้สัญจร เขารีบโทรหาทหารที่ดูแลความเรียบร้อยในวังแทนเพื่อสั่งงาน อีกไม่นานคนเจ็บจะถูกพาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
“รอก่อนนะ อีกไม่นานจะทหารเดินทางมาช่วย เดี๋ยวผมจะไปตามหาองค์หญิงก่อน”
ธามินวิ่งกลับมาที่รถแล้วขับรถมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายทิศใต้อย่างเร่งรีบเพราะถ้ารอเฮลิคอปเตอร์ตรวจการอาจไม่ทันเวลา ทว่าคล้อยหลังไปไม่นาน คนขับรถและนางกำนัลก็ฆ่าด้วยผู้มาเยือนรายใหม่บนหลังอาชาสีดำสนิทก่อนที่คนกลุ่มนั้นจะเดินทางฝ่าทะเลทรายไปทางทิศใต้เพื่อตามไปคุ้มกันตัวประกันให้ถึงที่หมาย

ธามินขับรถไปตามทิศใต้จนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา แต่พบรอยรถที่วิ่งมาก่อนหน้านี้และจงใจทิ้งรอยโค้งไปโค้งมาให้เกิดความสับสน เขามองรอยรถเหล่านั้นแล้วพยายามคาดการณ์ว่าองค์หญิงจะถูกพาตัวไปตรงจุดไหนในดินแดนมรณะตามแผนที่ที่ชาวทะเลทรายเรียกในอดีต ตามเส้นทางนี้จะมีหมู่บ้านอยู่ประปรายก่อนไปถึงรุบอ์ อัลคอลี (Rub' al Khali) ซึ่งที่นั่นมีมีโรงแรมขนาดใหญ่อยู่ แต่มันไกลมากคนร้ายคงไม่เสี่ยงไปในที่พลุกพล่านแบบนั้น
ธามินจอดรถไว้ที่ตีนเนินทรายสูงแล้วปีนขึ้นไปพร้อมกล้องส่องทางไกลเพื่อมองจากมุมบนที่อาจจะเห็นเป้าหมายสำหรับการเดินทางได้ เขาเห็นแสงไฟดวงเล็กๆ จากรถที่กำลังจอดนิ่งอยู่บนเส้นทางโบราณที่เบดูอินใช้เพื่อค้าขาย แต่ตอนนี้เลิกใช้ไปแล้วเพราะแห้งแล้งเกินไป ประกอบกับพบเส้นทางใหม่ที่มีโอเอซิสให้แวะพักตลอดทาง เขารีบกลับมาที่รถแล้วขับตามไปพร้อมกับปิดไฟหน้ามองเพียงปลายทางรางๆ เท่านั้น
เมื่อถึงระยะใกล้พอธามินก็จอดรถแล้วค่อยๆ เข้าไปดูให้แน่ใจว่าองค์หญิงซาเมราอยู่ในรถคันนั้นหรือไม่ ร่างสูงคู้เขาลงฟังเสียงห้าวๆ ที่แว่วมาอย่างตั้งใจ
“ใกล้จะเสร็จหรือยังล่ะวะ แค่เปลี่ยนยางทำไมใช้เวลานานเหลือเกิน”
“ใกล้เสร็จแล้วล่ะน่ะ ใครจะคิดว่ายางจะรั่วระหว่างทางเล่า แกก็เฝ้าตัวประกันให้ดีเถอะ” ชายที่กำลังสาละวนกับล้อรถสั่ง
ธามินเห็นชายอีกสองคนดูลาดเลาทั้งซ้ายและขวา คนเปลี่ยนยางอีกหนึ่งรวมเป็นสามคน เขาเปิดกระเป๋าเป้ที่คล้องไหล่แล้วหยิบปืนและเข็มยาสลบออกมา หากกำลังคนน้อยกว่าต้องตัดกำลังฝ่ายตรงข้าม เขาเล็งก่อนยิงเข็มยาสลบอันเล็กออกไปอย่างเงียบกริบ คนร้ายคลำที่ลำคอก่อนจะล้มทั้งยืนเพียงไม่กี่วินาที
“เป็นอะไรกันวะง่วงนอนมากหรือไง ทำไมพากันเงียบหรือว่าหลับไปแล้ววะ”
ชายที่เปลี่ยนยางตะโกนถามแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เมื่อรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลจึงหยิบปืนออกมาแล้วย่อกายลงใช้รถเป็นที่กำบัง ธามินขยับเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วกระแทกส้นรองเท้าใส่กระจกจนแตกแล้วกลิ้งตัวไปใต้ท้องรถ คนร้ายรู้ทันเข้ามามาคว้าบานประตูที่กำลังเปิดแล้วใช้ร่างเพรียวภายใต้อบายะห์สีดำสนิทเป็นโล่ชีวิต
“ออกมาสิวะ อย่าเอาแต่ลอบกัด” คนร้ายกระโกนลั่น ขาก็กระทุ้งร่างที่นอนสลบไหล “ลุกขึ้นมาสิวะ”
“พวกแกจับตัวฉันมาทำไม” ตัวประกันถามอย่างใจเย็นเมื่อมั่นใจว่ามีใครมาช่วยแล้ว
“หุบปาก”
ธามินกลิ้งตัวอย่างรวดเร็วไปอีกด้านของรถ ในจังหวะที่คนร้ายกำลังจ่อปืนอยู่ที่ขมับของร่างเล็กกว่า เขาปาลูกดอกใส่ทำให้แขนของคนร้ายสะบัดออกด้วยความเจ็บ ตัวประกันเลยกระแทกศอกใส่หน้าคนร้ายแล้วรีบกระโจนห่างออกมาก่อนจะเกิดการตะลุมบอนในวินาทีนั้น
ธามินใช้เข่ากระแทกจนคนร้ายลงไปนอนจุก แต่มันยังไม่ยอมง่ายๆ เมื่อปืนถูกใช้ยิงใส่ผู้จู่โจม ธามินคว้าร่างเพรียวมาแต่เกิดเสียหลักทำให้ต้องกลิ้งหนีกระสุนพร้อมๆ กับที่เขายิงตอบโต้ไปบ้าง
“ทางนั้น!” เสียงของตัวประกันบอกพร้อมกับชี้ไปยังแสงไฟที่สาดลงมา
ห่ากระสุนจากปืนหลายกระบอกยิงเข้าใส่ จุดประสงค์บอกชัดว่าไม่ได้ต้องการฆ่าเพียงแต่สะกัดไม่ยอมให้หนีไปได้ ธามินคว้าข้อมือกลมกลึงไว้แน่นแล้วดึงให้วิ่งด้วยกันมาที่รถซึ่งถูกอำพรางไว้ด้วยเงามืดของสันทราย คนร้ายสตาร์ตรถจะตามมา แต่ช้ากว่าเขาที่เหยียบคนเร่งให้รถทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เสียงปืนยังตามติดมาไม่ลดละอย่างไม่ยอมให้ตัวประกันหลุดมือไปง่ายๆ
เกิดการไล่ล่ากลางทะเลทรายซึ่งพยานมีเพียงดวงจันทร์และดาวพร่างพราย ธามินใช้เพียงแสงอันสลัวรางของจันทราพาตัวประกันหนี แล้วพอสบโอกาสก็หักเลี้ยวหลบไปหลังสันทรายเพื่อสลัดให้หลุดจากการจี้ติด วิธีนี้ดูเหมือนจะได้ผลไม่มีเห็นใครตามมาแล้ว
ธามินขับรถต่อไปโดยคงระดับความเร็วไว้ แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นอีกจนได้เมื่อลมนอกตัวรถกระแทกใส่ราวกับเกิดพายุลูกใหญ่ ละอองของฝุ่นทรายคลุ้งจนแสงจันทร์ไม่อาจช่วยให้เห็นทางได้ รถสั่นคลอนราวกับใครมาเขย่า ดวงตาของตัวประกันบ่งบอกความความกลัวภายในใจ
“รีบคาดเข็มขัด! ผมกำลังขับรถเข้าหาพายุทะเลทรายจะไปทางอื่นคงไม่ทันแล้ว” ธามินสั่งเร็วๆ แล้วจับพวงมาลัยรถเอาไว้แน่น อีกไม่นานรถจะหมุนปัดจนควบคุมไม่ได้
ตัวประกันที่พึ่งรอดมาหมาดๆ รีบรัดเข็มขัดเมื่อเห็นว่ารถยังขับฝ่าดงเม็ดทรายที่กลายเป็นกระสุนต่อไป คงมีเพียงคนบ้าหรือไม่ก็กล้าจนน่ากลัวเท่านั้นที่จะขับรถฝ่าใจกลางพายุทะเลทรายได้ แต่ชายคนนี้ทำมันโดยที่ไม่กลัวแม้แต่น้อย มือบางประสานกันไว้เพราะรู้สึกกลัวจับได้ แล้วพลันรถก็จอดนิ่ง เธอหันไปมองผู้ช่วยเหลือที่มองมาเช่นกัน
“คงฝ่าต่อไปไม่ได้แล้ว รถอาจจะถูกพัดลอยไปได้ แต่เบาใจว่าคงไม่เป็นอะไรในตอนนี้เพราะรถผ่านใจกลางของพายุมาแล้ว”
ตัวประกันพยักหน้ามือยังประสานกันเช่นเดิมเนื่องจากรถยังไหวโยน เม็ดทรายจำนวนมหาศาลกำลังทับทมล้อมรถไว้ ธามินเก็บสัมภาระที่จำเป็นอย่างใจเย็นจนกระทั่งกระจกบานหน้าไม่มีที่เหลือให้เห็นอะไรนอกจากเม็ดทรายละเอียดมากมาย เขาสวมแว่นตาแล้วยื่นมือหนาไปผูกฮิญาบของตัวประกันที่ยังไม่แน่ใจว่าใช่องค์หญิงที่ตามหาหรือเปล่าให้แน่น
“ลงจากรถ...ทางนี้”
ธามินปลดล็อคแล้วกระแทกให้บานประตูเปิดออกแล้วแทรกตัวออกไป บานประตูถูกจับให้เปิดค้างไว้รอจนตัวประกันออกมาจึงปล่อยมือแล้วคว้าแขนเรียวให้วิ่งตามกันไป
เม็ดทรายกระแทกใส่ตัวจนซาเมรารู้สึกเจ็บแต่ยังหยุดวิ่งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงตายอยู่ใต้ทรายและไม่มีใครรู้อีกเลยว่ามีศพอยู่ที่นี่ ลมแรงๆ ทำให้เกือบเซถลาถ้าชายคนนี้ไม่คว้าเอวแล้วพาฝ่าพายุออกมาด้วยกัน

ลมแรงได้หอบละอองทรายพัดผ่านและค่อยๆ เบาลงหลังจากผ่านไปสิบห้านาที ผู้ไล่ล่าและม้าได้ที่หลบใต้ซอกหินที่งอกออกมาจากทราย โดยมีรถกำบังอีกชั้นทำให้ไม่ทุลักทะเลนัก หลายคนพากันถอนใจฮึดฮัดอยากออกไปไล่ล่า แต่ไม่อาจทำได้ดังใจเพราะรู้ดีว่าการอยู่ท่ามกลางพายุที่เต็มไปด้วยทรายซึ่งแปรสภาพเป็นกระสุนเม็ดละเอียดย่อมนำบาดแผลจำนวนไม่น้อยมาให้และอาจถึงตายได้
“เอายังไงต่อดีล่ะ พอมีพายุทะเลทรายทุกอย่างก็เลยผิดแผนไปหมด” เจ้าคนโดนลูกดอกถาม ป่านนี้คนของเขาที่สลบเหมือดคงถูกทรายถมทับจนตายไปแล้ว
ใบหน้าภายใต้ฮิญาบสีดำครุ่นคิด “ต้องรอจนกว่าพายุทะเลทรายสงบ ถ้าพวกมันยังรอดก็ต้องจับตัวมาให้ได้ แต่ถ้ามันตายแล้ว คงต้องกลับไปปรึกษากัน”
ทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วย ทุกแผนย่อมมีว่องโหว่ แล้วตอนนี้แผนที่คิดว่าวางมาดีกลับไม่เป็นดังหวัง ตัวประกันหายไปในพายุทะเลทราย ถ้าตายแล้วก็ไร้ประโยชน์กลายเป็นเสียเวลาตามหาอีก
“แล้วทหารของชีคล่ะ ป่านนี้คงออกมาตามหากองค์หญิงซาเมรากันแล้ว”
เรียวปากสวยภายใต้ผ้าสีดำยิ้มเหี้ยม “มันจะเจอแต่ศพของคนขับรถกับนางกำนัลขององค์หญิงซาเมราน่ะสิ”
กระโจมถูกกางอย่างง่ายๆ เมื่อคืนนี้คงเดินทางต่อไม่ได้แล้ว แต่พรุ่งนี้การตามหาซาเมราจะเริ่มต้นก่อนเช้ามืดเพราะแผนยังต้องดำเนินต่อไปเพื่อเป้าหมายของกลุ่มกบฏ ยกเว้นเสียแต่ว่าซาเมราตายไปแล้ว

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ต.ค. 2558, 09:30:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ต.ค. 2558, 09:30:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 924





<< ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account