ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง
ตอน: ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง
ลมกรรโชกแรงค่อยๆ เบาลงจนเหลือเพียงความพลิ้วไหวของอณูทรายเล็กเบาในอากาศ แต่ถึงกระนั้นละอองของทรายยังทำให้เกิดการระคายเคืองตาจนพร่ามัว แต่ผู้นำทางยังไม่ยอมหยุดก้าวเดิน ร่างเล็กกว่าเม้มปากฝืนไม่ยอมเป็นภาระ ไม่ว่าชายคนนี้จะเป็นใครการที่เขามาช่วยไว้ย่อมเป็นผู้มีบุญคุณ
“ฝืนเดินอีกนิดนะ ผมยังไม่แน่ใจว่าพวกมันยังตามมาอยู่หรือเปล่า”
ใบหน้าหลังผ้าโปร่งบางพยักหน้าพยายามก้าวต่อไปด้วยความอดทน เอวบางถูกปล่อยแล้วจับมือกันไว้แทนป้องกันการพลัดหลงกันในห้วงของพายุที่มองอะไรไม่ค่อยเห็น ซาเมราพอจะเดาได้ว่าเขากำลังพาออกมาห่างจากเส้นทางสายโบราณเพราะคนร้ายคงตามมาทางนั้นหลังจากพายุสงบกว่านี้
“น่าจะปลอดภัยแล้วล่ะ เดี๋ยวนั่งพักกันก่อนนะ” ธามินบอกแล้วดึงมือนุ่มเบาๆ ให้นั่งลง
ร่างเพรียวที่อ่อนล้านั่งลงอย่างหมดแรงพลางเหยียดขาออกไป ทุกส่วนในร่างกายเรียกร้องการพักผ่อน แต่มันคงไม่เกิดขึ้นหากยังไม่แน่ใจว่าพ้นจากผู้ร้ายแล้วจริงๆ น้ำจากกระเป๋าเป้ถูกเปิด ธามินยื่นขวดน้ำให้ตัวประกันที่เป็นอิสระแล้ว
“ค่อยๆ จิบแล้วล้างละอองทรายจากปากและตานะคุณเสียนะ”
หญิงสาวรินน้ำใส่ปากแล้วบ้วนทิ้งก่อนจะจิบให้พอหายคอแห้ง เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อครู่นึกว่าจะตายเพราะถูกพายุทะเลทรายเล่นงานเสียแล้ว น้ำถูกเทใส่ผ่ามืออีกนิดเพื่อล้างตาก่อนจะส่งขวดน้ำคืนให้ชายแปลกหน้าที่มาทันเวลาพอดี
“คุณเป็นใครหรือคะ ทำไมถึงมาช่วยฉันไว้”
ธามินพยายามองใบหน้าเบื้องหลังฮิญาบ แต่ไม่ถนัดนักเมื่อความมืดทำให้เห็นอะไรไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ถึงจะชัดคงได้คำตอบยากอยู่ดีเมื่อมีผ้าคลุมหน้าอำพรางใบหน้าของผู้หญิงไว้แบบนี้
“ผมเป็นทหารของชีคชามีลที่ได้ข่าวว่าองค์หญิงซาเมราหายตัวไป ถ้าคุณเป็นเป้าหมายที่ผมตามหา ภารกิจของผมคงลุล่วงเช่นเดียวกับองค์หญิงจะได้กลับวังภายในคืนนี้”
“คุณเป็นทหาร แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นองค์หญิงของประเทศนี้อย่างงั้นหรือคะ”
ธามินถอนใจเบาๆ พลางฟังเสียงแว่วหวานที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อน คล้ายกับผู้หญิงที่ลานวาดภาพ ถ้าสว่างกว่านี้เขาคงดูมือของเธอได้
“องค์หญิงอยู่วังชั้นใน ส่วนผมเป็นทหารไม่มีสิทธิ์เข้าไป จึงไม่เคยพบในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตอนนี้ตอบผมได้หรือยังครับว่าคุณเป็นใคร”
ซาเมราซ่อนความระแวงในดวงตาที่ความสลัวรางช่วยซ่อนเร้นไว้ เธอจะไว้ใจคนแปลกหน้าแล้วบอกฐานะที่แท้จริงได้อย่างไรกัน ถึงจะบอกว่าเป็นทหารของพี่ชาย แต่มีอะไรยืนยันได้บ้างว่าเขาพูดความจริง ชุดทหารในวังทำปลอมขึ้นมาง่ายจะตายไป
“ฉันชื่อว่าเซรา ไม่ใช่องค์หญิงที่คุณตามหาหรอกค่ะ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
ช่างน่าผิดหวัง แต่ธามินก็โล่งใจที่อย่างน้อยก็ช่วยคนเดือดร้อนมาได้ แต่ก็น่าสงสัยถ้าเธอเป็นหญิงสาวชาวบ้านเหตุใดถึงถูกลักพาตัว แล้วยังการไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้นอีก
“ผมชื่อธาม คุณกำลังจะไปที่ไหน ถ้าเป็นทางผ่านผมจะไปส่งแล้วตามหาองค์หญิงให้พบ ก่อนที่ท่านชีคจะกลับจากประพาสชายแดน”
ซาเมรายิ้มในความมืด ถึงจะถูกไล่ล่าเมื่อครู่แต่ว่าตอนนี้คงเรียกว่าปลอดภัยได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นเธออยากหนีพี่ชายสักวันสองวันเพราะคำพูดที่ได้ยินจากห้องหนังสือยังก้องในหูอย่างไรล่ะ
‘ไม่ว่าอย่างไรเมราก็ต้องแต่งงานกับคนที่คู่ควรนะพี่ฮาน ไม่ใช่ทำอะไรแผลงๆ ไปวันๆ แบบนี้ ผมคงต้องนัดให้พบกันสักครั้งเสียแล้วล่ะ’’
ไหนว่าจะไม่บังคับน้องสาวคนนี้ แต่ลับหลังพี่ชายกลับวางแผนจับคู่ ท่านชีคชามีลทำทุกอย่างเพื่อความมั่นคงของบัลลังก์ ต่างจากพี่ชาของเธอที่ทำทุกอย่างเพื่อน้องสาว เธอขอหายตัวมาสักพักก็แล้วกันเวลากลับวังจะได้มีข้อต่อรอง
“ฉันจะไปหมู่บ้านติดชายแดนน่ะ ถ้าคุณตามหาองค์หญิงก็ต้องไปทางนั้นใช่ไหม”
“คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าพบองค์หญิงก่อนผมจะไปส่งคุณจนถึงหมู่บ้านแห่งนั้นก็แล้วกัน ส่วนตอนนี้ผมคิดว่าควรเดินทางต่อกันแล้วล่ะ ก่อนที่คนร้ายจะตามมา ที่สำคัญผมเป็นห่วงองค์หญิงถ้าไปช่วยช้าคงเกิดเรื่องร้ายแรงแน่ๆ”
ซาเมราแอบยิ้มหลังผ้าฮิญาบ ถ้ารู้ว่าเธอพูดเท็จทหารคนนี้จะโมโหจนจับทุ่มพื้นหรือว่ากลัวหงอกันแน่ เอาไว้พรุ่งนี้ตอนสายๆ เธอค่อยบอกความจริงก็แล้วกันถ้าดูแล้วว่าไว้ใจได้ บางทีทหารคนอื่นๆ คงตามหาตัวเธออยู่กระมัง ตอนที่ถูกพาตัวออกมาจากรถเธอสลบไปก่อน หวังว่าคนขับรถกับนางกำนัลจะปลอดภัยดีกลับวังล่วงหน้าไปก่อนแล้ว อีกไม่กี่วันพี่ชายคงมารับน้องสาวด้วยตัวเอง ตอนนั้นล่ะที่เธอจะเสนอข้อต่อรองไม่ยอมแต่งงานกับใครบางคนที่พี่ชายหาให้เด็ดขาด
ปัญหามักพบเมื่อมันถูกมองข้ามในเวลาที่แก้ไขได้แล้วเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ธามินหาโทรศัพท์ในเป้สัมภาระไม่เจอซึ่งเป็นไปได้ว่ามันอาจจะร่วงอยู่ในรถ การติดต่อกับทหารในวังจึงไม่ง่ายเสียแล้วเพราะฉะนั้นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดเพื่อโทรศัพท์ส่งข่าว ถ้าองค์หญิงถูกลักพาตัวอย่างไรเสียผู้ลักพาย่อมต้องการอาหารและที่พัก
ธามินหยุดพักเมื่อเดินทางมาได้ระยะทางไกลพอสมควรและเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบตีห้าแล้ว เขาเปิดกระเป๋าเป้หยิบถุงใส่อุปกรณ์เต็นท์ออกมากางอย่างชำนาญ ซาเมรามองกระเป๋าใบใหญ่ของนายธามด้วยความทึ่ง ครั้นจะช่วยก็ไม่รู้ว่าทำยังไงเลยได้แต่นั่งมอง เต็นท์หลังเล็กถูกกางเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ลมพัดเบาๆ แต่หนาวยะเยือก เธอยกมือขึ้นมากอดอกไว้คลายหนาวได้บ้าง แต่ก็สั่นสะท้านอยู่ดี
“คุณเข้าไปนอนในเต็นท์แล้วกันนะ เดี๋ยวผมจะนอนข้างนอกเอง พอเช้าค่อยเดินทางกันต่อ” เขาปูผ้าไว้ข้างเต็นท์ผืนหนึ่งและเสื้อที่ใส่ก็หนาพอจะต้านความหนาวได้
“มันจะดีหรือคุณ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แล้วมาเอาเปรียบคุณอีก” เธอแย้งแม้ว่าความอุ่นในเต็นท์ช่างยั่วใจ
“มันคงดีกว่าผมเข้าไปนอนด้วยกันไม่ใช่หรือครับ นอนเถอะคุณเหนื่อยมามากแล้ว”
ซาเมราเม้มปากเพิ่งรู้ว่าความเป็นสุภาพบุรุษกับคำพูดที่ชวนโมโหคงไปกันได้ด้วยดี ถ้าอยู่ในวังเขาจะถูกทหารลากตัวไปลงโทษจนกว่าเธอจะพอใจ ธามแหวกเต็นท์ให้เธอเข้าไปแล้วยังใจดีช่วยรูดซิปปิดให้ด้วย แต่สายตาระแวงของซาเมรายังไม่วายแอบมองว่าทหารของพี่ชายนอนตรงไหน พอเห็นว่านอนข้างๆ เต็นท์ค่อยเบาใจว่าเขาคงหวังดีจริงๆ
“ทำไมคุณถึงเดินทางในทะเลทรายเพียงคนเดียวล่ะ ไม่กลัวเลยหรือไงครับ” ธามินถามขึ้นเมื่อยังสงสัยอยู่
ซาเมรากัดริมฝีปากเพราะเริ่มต้นด้วยการโกหกจึงต้องเสกสรรคำโกหกต่อไปจนกว่าจะบอกความจริงสินะ ไฟฉายที่ควานเจอในเต็นท์ถูกเอามากอดไว้ ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยนอนใกล้ผู้ชายแปลกหน้า ถึงจะไม่ได้นอนด้วยกันก็เถอะ แต่อย่างไรก็ไว้ใจไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันจะไปหาคนรักน่ะสิ แต่เพราะใจร้อนเกินไปเลยเกิดเรื่อง ฉันไม่นึกว่าจะถูกลักพาตัว บางทีอาจจับผิดตัวละมั้ง”
ธามินฟังแล้วไม่เชื่อนัก “นอนให้หลับได้แล้วครับ พรุ่งนี้ต้องเดินทางก่อนเช้ามืด พอใกล้เที่ยงก็พักเอาแรงจนบ่าย แล้วค่อยเดินทางต่อ”
กลางทะเลทรายที่สายลมกำลังทำให้เกิดเสียงอันน่าสะพรึงและวังเวง กลิ่นทรายแห้งๆ ทำให้ซาเมรารู้ว่าไม่ได้ฝันไป เธอรู้สึกกังวลว่านางกำนัลกับคนขับรถเป็นอย่างไรบ้าง อยากถามให้ได้ความแต่เขาคงจับโกหกได้ เต็นท์ไหวพะเยิบพะยาบ หญิงสาวขยับไปใกล้นายธามเพื่อความอุ่นใจ ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ธามินยังไม่หลับเพราะสายตากำลังมองท้องฟ้าที่ควรมีเครื่องบินออกมาตามหาองค์หญิงซาเมราตามพิกัดแผนที่ที่เขาได้แจ้งไป แต่ว่าเหตุใดจนถึงตอนนี้แล้วทำไมยังไม่มีทหารเดินทางมาค้นหาองค์หญิงสักคน เฮลิคอปเตอร์สักลำที่ต้องออกลาดตะเวนยังไม่มีด้วยซ้ำหรือว่าเป็นเพราะพายุทะเลทราย เขาหวังว่าพรุ่งนี้ทหารคงมาสมทบแล้วปูพรมหาองค์หญิงให้พบก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
ทหารเวรเดินกลับมาที่ห้องประชุมรวมเพื่อเซ็นชื่อก่อนกลับไปยังที่พักซึ่งอยู่นอกวัง ชุดเครื่องแบบถูกเปลี่ยนเป็นโตเบสีน้ำตาล ส่วนหมวกถูกเก็บใส่ล็อคเกอร์ เครื่องแบบที่ใส่แล้ววางไว้ในตะกร้ารอให้แม่บ้านนำไปซัก นายทหารนั่งรอเพื่อนที่ควรจะมาที่นี่เมื่อสิบนาทีก่อน แต่กลับเงียบกริบผิดปกติจึงเดินไปตามที่ห้องควบคุม บางทีเพื่อนอาจทำงานจนลืมเวลาทั้งที่ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้ว
ภายในห้องควบคุมปิดไฟเงียบ เขาเปิดสวิตช์ไฟแล้วมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอยังเปิดค้าง พลันสายตาก็เห็นของเหลวสีแดงละเลงเต็มพื้น ขายาวรีบเดินไปยังปลายเท้าที่ถูกซ่อนไว้หลังโต๊ะทำงาน
ศพ!
โทรศัพท์ภายในถูกกดโทรไปยังห้องของราชองครักษ์ซึ่งราเนียมาถึงตั้งแต่ตีห้า แต่กลับพบห้องที่ว่างเปล่า เธอรับสายแล้วฟังคำรายงานอย่างตั้งใจ
“มีการลอบสังหารที่ห้องควบคุมครับท่านราชองครักษ์”
ราเนียวางสายแล้วรีบไปยังห้องเกิดเหตุและสั่งให้จำกัดการเข้าออกรัศมีพื้นที่รอบวังเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าทหารที่ห้องควบคุมตายไปสองคน กล้องวงจรปิดถูกตรวจสอบในเวลาต่อมา หญิงสาวต่อสายตรงไปหามาลิค ธามินถูกโทรตามเช่นกันแต่ไม่มีสัญญาณหรือไม่เครื่องก็ปิดไปแล้ว ราเนียพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากมีทหารตายในวังพร้อมๆ กับหัวหน้านางกำนัลหายไปอย่างไร้ร่องรอย บางทีอาจจะเป็นฝีมือของพวกกบฏที่ยังแฝงตัวอยู่ในวังก็เป็นได้
แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี
“ฝืนเดินอีกนิดนะ ผมยังไม่แน่ใจว่าพวกมันยังตามมาอยู่หรือเปล่า”
ใบหน้าหลังผ้าโปร่งบางพยักหน้าพยายามก้าวต่อไปด้วยความอดทน เอวบางถูกปล่อยแล้วจับมือกันไว้แทนป้องกันการพลัดหลงกันในห้วงของพายุที่มองอะไรไม่ค่อยเห็น ซาเมราพอจะเดาได้ว่าเขากำลังพาออกมาห่างจากเส้นทางสายโบราณเพราะคนร้ายคงตามมาทางนั้นหลังจากพายุสงบกว่านี้
“น่าจะปลอดภัยแล้วล่ะ เดี๋ยวนั่งพักกันก่อนนะ” ธามินบอกแล้วดึงมือนุ่มเบาๆ ให้นั่งลง
ร่างเพรียวที่อ่อนล้านั่งลงอย่างหมดแรงพลางเหยียดขาออกไป ทุกส่วนในร่างกายเรียกร้องการพักผ่อน แต่มันคงไม่เกิดขึ้นหากยังไม่แน่ใจว่าพ้นจากผู้ร้ายแล้วจริงๆ น้ำจากกระเป๋าเป้ถูกเปิด ธามินยื่นขวดน้ำให้ตัวประกันที่เป็นอิสระแล้ว
“ค่อยๆ จิบแล้วล้างละอองทรายจากปากและตานะคุณเสียนะ”
หญิงสาวรินน้ำใส่ปากแล้วบ้วนทิ้งก่อนจะจิบให้พอหายคอแห้ง เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อครู่นึกว่าจะตายเพราะถูกพายุทะเลทรายเล่นงานเสียแล้ว น้ำถูกเทใส่ผ่ามืออีกนิดเพื่อล้างตาก่อนจะส่งขวดน้ำคืนให้ชายแปลกหน้าที่มาทันเวลาพอดี
“คุณเป็นใครหรือคะ ทำไมถึงมาช่วยฉันไว้”
ธามินพยายามองใบหน้าเบื้องหลังฮิญาบ แต่ไม่ถนัดนักเมื่อความมืดทำให้เห็นอะไรไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ถึงจะชัดคงได้คำตอบยากอยู่ดีเมื่อมีผ้าคลุมหน้าอำพรางใบหน้าของผู้หญิงไว้แบบนี้
“ผมเป็นทหารของชีคชามีลที่ได้ข่าวว่าองค์หญิงซาเมราหายตัวไป ถ้าคุณเป็นเป้าหมายที่ผมตามหา ภารกิจของผมคงลุล่วงเช่นเดียวกับองค์หญิงจะได้กลับวังภายในคืนนี้”
“คุณเป็นทหาร แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นองค์หญิงของประเทศนี้อย่างงั้นหรือคะ”
ธามินถอนใจเบาๆ พลางฟังเสียงแว่วหวานที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อน คล้ายกับผู้หญิงที่ลานวาดภาพ ถ้าสว่างกว่านี้เขาคงดูมือของเธอได้
“องค์หญิงอยู่วังชั้นใน ส่วนผมเป็นทหารไม่มีสิทธิ์เข้าไป จึงไม่เคยพบในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตอนนี้ตอบผมได้หรือยังครับว่าคุณเป็นใคร”
ซาเมราซ่อนความระแวงในดวงตาที่ความสลัวรางช่วยซ่อนเร้นไว้ เธอจะไว้ใจคนแปลกหน้าแล้วบอกฐานะที่แท้จริงได้อย่างไรกัน ถึงจะบอกว่าเป็นทหารของพี่ชาย แต่มีอะไรยืนยันได้บ้างว่าเขาพูดความจริง ชุดทหารในวังทำปลอมขึ้นมาง่ายจะตายไป
“ฉันชื่อว่าเซรา ไม่ใช่องค์หญิงที่คุณตามหาหรอกค่ะ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
ช่างน่าผิดหวัง แต่ธามินก็โล่งใจที่อย่างน้อยก็ช่วยคนเดือดร้อนมาได้ แต่ก็น่าสงสัยถ้าเธอเป็นหญิงสาวชาวบ้านเหตุใดถึงถูกลักพาตัว แล้วยังการไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้นอีก
“ผมชื่อธาม คุณกำลังจะไปที่ไหน ถ้าเป็นทางผ่านผมจะไปส่งแล้วตามหาองค์หญิงให้พบ ก่อนที่ท่านชีคจะกลับจากประพาสชายแดน”
ซาเมรายิ้มในความมืด ถึงจะถูกไล่ล่าเมื่อครู่แต่ว่าตอนนี้คงเรียกว่าปลอดภัยได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นเธออยากหนีพี่ชายสักวันสองวันเพราะคำพูดที่ได้ยินจากห้องหนังสือยังก้องในหูอย่างไรล่ะ
‘ไม่ว่าอย่างไรเมราก็ต้องแต่งงานกับคนที่คู่ควรนะพี่ฮาน ไม่ใช่ทำอะไรแผลงๆ ไปวันๆ แบบนี้ ผมคงต้องนัดให้พบกันสักครั้งเสียแล้วล่ะ’’
ไหนว่าจะไม่บังคับน้องสาวคนนี้ แต่ลับหลังพี่ชายกลับวางแผนจับคู่ ท่านชีคชามีลทำทุกอย่างเพื่อความมั่นคงของบัลลังก์ ต่างจากพี่ชาของเธอที่ทำทุกอย่างเพื่อน้องสาว เธอขอหายตัวมาสักพักก็แล้วกันเวลากลับวังจะได้มีข้อต่อรอง
“ฉันจะไปหมู่บ้านติดชายแดนน่ะ ถ้าคุณตามหาองค์หญิงก็ต้องไปทางนั้นใช่ไหม”
“คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าพบองค์หญิงก่อนผมจะไปส่งคุณจนถึงหมู่บ้านแห่งนั้นก็แล้วกัน ส่วนตอนนี้ผมคิดว่าควรเดินทางต่อกันแล้วล่ะ ก่อนที่คนร้ายจะตามมา ที่สำคัญผมเป็นห่วงองค์หญิงถ้าไปช่วยช้าคงเกิดเรื่องร้ายแรงแน่ๆ”
ซาเมราแอบยิ้มหลังผ้าฮิญาบ ถ้ารู้ว่าเธอพูดเท็จทหารคนนี้จะโมโหจนจับทุ่มพื้นหรือว่ากลัวหงอกันแน่ เอาไว้พรุ่งนี้ตอนสายๆ เธอค่อยบอกความจริงก็แล้วกันถ้าดูแล้วว่าไว้ใจได้ บางทีทหารคนอื่นๆ คงตามหาตัวเธออยู่กระมัง ตอนที่ถูกพาตัวออกมาจากรถเธอสลบไปก่อน หวังว่าคนขับรถกับนางกำนัลจะปลอดภัยดีกลับวังล่วงหน้าไปก่อนแล้ว อีกไม่กี่วันพี่ชายคงมารับน้องสาวด้วยตัวเอง ตอนนั้นล่ะที่เธอจะเสนอข้อต่อรองไม่ยอมแต่งงานกับใครบางคนที่พี่ชายหาให้เด็ดขาด
ปัญหามักพบเมื่อมันถูกมองข้ามในเวลาที่แก้ไขได้แล้วเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ธามินหาโทรศัพท์ในเป้สัมภาระไม่เจอซึ่งเป็นไปได้ว่ามันอาจจะร่วงอยู่ในรถ การติดต่อกับทหารในวังจึงไม่ง่ายเสียแล้วเพราะฉะนั้นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดเพื่อโทรศัพท์ส่งข่าว ถ้าองค์หญิงถูกลักพาตัวอย่างไรเสียผู้ลักพาย่อมต้องการอาหารและที่พัก
ธามินหยุดพักเมื่อเดินทางมาได้ระยะทางไกลพอสมควรและเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบตีห้าแล้ว เขาเปิดกระเป๋าเป้หยิบถุงใส่อุปกรณ์เต็นท์ออกมากางอย่างชำนาญ ซาเมรามองกระเป๋าใบใหญ่ของนายธามด้วยความทึ่ง ครั้นจะช่วยก็ไม่รู้ว่าทำยังไงเลยได้แต่นั่งมอง เต็นท์หลังเล็กถูกกางเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ลมพัดเบาๆ แต่หนาวยะเยือก เธอยกมือขึ้นมากอดอกไว้คลายหนาวได้บ้าง แต่ก็สั่นสะท้านอยู่ดี
“คุณเข้าไปนอนในเต็นท์แล้วกันนะ เดี๋ยวผมจะนอนข้างนอกเอง พอเช้าค่อยเดินทางกันต่อ” เขาปูผ้าไว้ข้างเต็นท์ผืนหนึ่งและเสื้อที่ใส่ก็หนาพอจะต้านความหนาวได้
“มันจะดีหรือคุณ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แล้วมาเอาเปรียบคุณอีก” เธอแย้งแม้ว่าความอุ่นในเต็นท์ช่างยั่วใจ
“มันคงดีกว่าผมเข้าไปนอนด้วยกันไม่ใช่หรือครับ นอนเถอะคุณเหนื่อยมามากแล้ว”
ซาเมราเม้มปากเพิ่งรู้ว่าความเป็นสุภาพบุรุษกับคำพูดที่ชวนโมโหคงไปกันได้ด้วยดี ถ้าอยู่ในวังเขาจะถูกทหารลากตัวไปลงโทษจนกว่าเธอจะพอใจ ธามแหวกเต็นท์ให้เธอเข้าไปแล้วยังใจดีช่วยรูดซิปปิดให้ด้วย แต่สายตาระแวงของซาเมรายังไม่วายแอบมองว่าทหารของพี่ชายนอนตรงไหน พอเห็นว่านอนข้างๆ เต็นท์ค่อยเบาใจว่าเขาคงหวังดีจริงๆ
“ทำไมคุณถึงเดินทางในทะเลทรายเพียงคนเดียวล่ะ ไม่กลัวเลยหรือไงครับ” ธามินถามขึ้นเมื่อยังสงสัยอยู่
ซาเมรากัดริมฝีปากเพราะเริ่มต้นด้วยการโกหกจึงต้องเสกสรรคำโกหกต่อไปจนกว่าจะบอกความจริงสินะ ไฟฉายที่ควานเจอในเต็นท์ถูกเอามากอดไว้ ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยนอนใกล้ผู้ชายแปลกหน้า ถึงจะไม่ได้นอนด้วยกันก็เถอะ แต่อย่างไรก็ไว้ใจไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันจะไปหาคนรักน่ะสิ แต่เพราะใจร้อนเกินไปเลยเกิดเรื่อง ฉันไม่นึกว่าจะถูกลักพาตัว บางทีอาจจับผิดตัวละมั้ง”
ธามินฟังแล้วไม่เชื่อนัก “นอนให้หลับได้แล้วครับ พรุ่งนี้ต้องเดินทางก่อนเช้ามืด พอใกล้เที่ยงก็พักเอาแรงจนบ่าย แล้วค่อยเดินทางต่อ”
กลางทะเลทรายที่สายลมกำลังทำให้เกิดเสียงอันน่าสะพรึงและวังเวง กลิ่นทรายแห้งๆ ทำให้ซาเมรารู้ว่าไม่ได้ฝันไป เธอรู้สึกกังวลว่านางกำนัลกับคนขับรถเป็นอย่างไรบ้าง อยากถามให้ได้ความแต่เขาคงจับโกหกได้ เต็นท์ไหวพะเยิบพะยาบ หญิงสาวขยับไปใกล้นายธามเพื่อความอุ่นใจ ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ธามินยังไม่หลับเพราะสายตากำลังมองท้องฟ้าที่ควรมีเครื่องบินออกมาตามหาองค์หญิงซาเมราตามพิกัดแผนที่ที่เขาได้แจ้งไป แต่ว่าเหตุใดจนถึงตอนนี้แล้วทำไมยังไม่มีทหารเดินทางมาค้นหาองค์หญิงสักคน เฮลิคอปเตอร์สักลำที่ต้องออกลาดตะเวนยังไม่มีด้วยซ้ำหรือว่าเป็นเพราะพายุทะเลทราย เขาหวังว่าพรุ่งนี้ทหารคงมาสมทบแล้วปูพรมหาองค์หญิงให้พบก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
ทหารเวรเดินกลับมาที่ห้องประชุมรวมเพื่อเซ็นชื่อก่อนกลับไปยังที่พักซึ่งอยู่นอกวัง ชุดเครื่องแบบถูกเปลี่ยนเป็นโตเบสีน้ำตาล ส่วนหมวกถูกเก็บใส่ล็อคเกอร์ เครื่องแบบที่ใส่แล้ววางไว้ในตะกร้ารอให้แม่บ้านนำไปซัก นายทหารนั่งรอเพื่อนที่ควรจะมาที่นี่เมื่อสิบนาทีก่อน แต่กลับเงียบกริบผิดปกติจึงเดินไปตามที่ห้องควบคุม บางทีเพื่อนอาจทำงานจนลืมเวลาทั้งที่ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้ว
ภายในห้องควบคุมปิดไฟเงียบ เขาเปิดสวิตช์ไฟแล้วมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอยังเปิดค้าง พลันสายตาก็เห็นของเหลวสีแดงละเลงเต็มพื้น ขายาวรีบเดินไปยังปลายเท้าที่ถูกซ่อนไว้หลังโต๊ะทำงาน
ศพ!
โทรศัพท์ภายในถูกกดโทรไปยังห้องของราชองครักษ์ซึ่งราเนียมาถึงตั้งแต่ตีห้า แต่กลับพบห้องที่ว่างเปล่า เธอรับสายแล้วฟังคำรายงานอย่างตั้งใจ
“มีการลอบสังหารที่ห้องควบคุมครับท่านราชองครักษ์”
ราเนียวางสายแล้วรีบไปยังห้องเกิดเหตุและสั่งให้จำกัดการเข้าออกรัศมีพื้นที่รอบวังเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าทหารที่ห้องควบคุมตายไปสองคน กล้องวงจรปิดถูกตรวจสอบในเวลาต่อมา หญิงสาวต่อสายตรงไปหามาลิค ธามินถูกโทรตามเช่นกันแต่ไม่มีสัญญาณหรือไม่เครื่องก็ปิดไปแล้ว ราเนียพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากมีทหารตายในวังพร้อมๆ กับหัวหน้านางกำนัลหายไปอย่างไร้ร่องรอย บางทีอาจจะเป็นฝีมือของพวกกบฏที่ยังแฝงตัวอยู่ในวังก็เป็นได้
แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี
บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2558, 10:00:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2558, 10:00:28 น.
จำนวนการเข้าชม : 900
<< ตอนที่ 2 ครึ่งแรก | ตอนที่ 3 ครึ่งแรก >> |