ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๒๘ .. สานต่อ



เหตุการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเมฆพัด จนหัวหน้าทีมวิจัยอย่างด็อกเตอร์เหม กาญจนรักษ์ หรืออาจารย์เหมของลูกศิษย์ เอ่ยปากกับทแกล้วให้มาพูดกับเขาว่า ควรจะหาเวลาพักบ้าง ถึงงานที่ทำจำสำคัญแค่ไหน แต่ถ้าผู้ร่วมงานไม่มีกะจิตกะใจให้ ผลของมันจะออกมาดีได้อย่างไร

คำพูดของอาจารย์ทุกคำถูกถ่ายทอดแก่ชายหนุ่ม ซึ่งได้แต่รับฟัง และพอเขาตั้งใจจะอธิบายเหตุผลต่อหน้านักวิจัยหนุ่มใหญ่รุ่นพี่ มันก็พานให้นึกถึงวันที่ต้องไปรับรถดอดจ์สีดำทะมึนคันนั้นคืนมา

วันจันทร์ที่ควรจะเป็นเช้าเริ่มต้นการทำงาน เริ่มต้นกิจวัตรในชีวิตประจำวันอย่างสดใส เหมือนคนอื่นๆ

แต่มันกลับดูมืดมนลงทันตา เมื่อได้เห็นกับตาในความจริงที่เขาไม่สามารถยอมรับได้

ความผิดหวัง ความขุ่นมัว และความเสียใจ ประเดประดังเข้ามา จนจำแทบไม่ได้ว่า ตัวเองขับรถดอดจ์กลับมาคืนทแกล้วได้อย่างไร

แม้ตัวของเมฆพัดจะลงแรงทำงาน ร่างกายทำหน้าที่ของมันไปโดยอัตโนมัติ หากแต่ความคิดกลับฉายภาพชายหนุ่มหญิงสาว เดินหัวเราะต่อกระซิกกันออกมาจากบ้านหลังใหญ่ ที่เขาฝากรถคลาสสิกของรุ่นพี่ไว้ที่นั่น

เภตรากับผู้ชายคนอื่น ... ในบ้านของเธอ !

ซึ่งก่อนหน้านี้ แม้แต่ตัวเขา ยังไม่เคยได้รับสิทธิ์ ให้เหยียบย่างเข้าไปอย่างผู้ชายคนนั้นเลย



นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาได้ ๓-๔ วัน ที่ชายหนุ่มพยายามประคับประคองอารมณ์ของตนไม่ให้ระเบิดขึ้นมา หากแต่วันนี้ต่อให้เขาขบกรามจนปวดแก้มเพียงใด มันก็ยากจะระงับความโกรธที่คุกรุ่นได้

เมฆพัดลงจากรถตู้โดยสารหน้ามหาวิทยาลัย ตั้งใจจะสะพายกระเป๋าเป้คู่ใจเดินเท้าจนกว่าจะถึงบ้าน อย่างน้อยก็เพื่อปรับความรู้สึกที่หดหู่ไม่ให้ปรากฏต่อหน้าแม่ของเขา

ตลอดระยะทางในหัววนเวียนถึงคำพูดของเภตรา หลังจากที่เธอเดินไปส่งบุรุษแปลกหน้าที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด

'ถ้าพี่พัดมีเวลา เภาอยากคุยเรื่องระหว่างเราให้จบเสียที'

คำพูดที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน เมื่อเมฆพัดถามขึ้นมาว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ให้เข้าไปในบ้านได้อย่างไร แล้วเขาก็ได้รับประโยคเหล่านี้แทนคำตอบ

หากว่าไม่ติดงานและต้องรีบนำรถมาคืนทแกล้ว คงได้ 'คุยเรื่องระหว่างเรา' แบบตัวต่อตัวจนกระจ่างไปแล้ว

ที่เมฆพัดทำได้คือ เร่งกลับมาสะสางงานที่ศูนย์วิจัย แต่สุดท้ายก็ถูกหัวหน้าทีมวิจัยสั่งพักงาน จนกว่าเขาจะเรียกศักยภาพและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่เคยมี กลับคืนมาได้เหมือนเดิม

ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะกลับบ้านเพื่อมาหากำลังใจ และคำปรึกษาจากผู้เป็นแม่

เพราะคิดว่า อย่างน้อย ละอองชลน่าจะช่วยกอบกู้ความรู้สึกย่ำแย่ของเขาให้ดีขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันคงจะดีกว่าการไปพบเภตราด้วยความรู้สึกขุ่นข้อง หรืออารมณ์ที่อาจจะรุนแรงจนไม่อาจควบคุมได้

การเดินจากหน้าปากซอย ถือเป็นวิธีผ่อนคลายตัวเองเท่าที่เมฆพัดจะทำได้ในยามนี้ ถึงจะสลัดความกลัดกลุ้มออกไปไม่หมด แต่ก็พอจะหยุดมันไว้ได้สักพัก

นักวิจัยหนุ่มที่ไม่เคยยอมบอกครอบครัวอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว กลับต้องหยุดนิ่งยืนมองรถยนต์ซีดานสีดำ อยู่ตรงหน้ารั้วบ้านตัวเองด้วยความสนเท่ห์

รถใคร?

เมฆพัดย่นคิ้วพลางใช้ความคิด ถึงความน่าจะเป็นว่า อาจเป็นใครสักคนหรือญาติฝั่งโน้นที่ตัดขาดกันไป นับตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่แยกทางกัน โดยที่ฝ่ายหลังไม่เคยปริปากพูดถึงสาเหตุอีกเลย

แล้วเจ้าตัวก็ต้องโคลงศีรษะเสียเอง ว่าช่างคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง เพราะใช่ว่าญาติทางฝั่งแม่จะไม่มี

แต่ถึงมีก็เหมือนไม่มีล่ะน่า ชายหนุ่มหัวเราะหึในลำคอราวกับหยันสิ่งที่คิด ... จะเป็นใครก็ช่าง เข้าไปในบ้านก็รู้เอง

แต่ละย่างก้าวของบุตรชายของบ้าน แสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่เต็มภาคภูมิ กระทั่งเดินมาถึงรถยนต์คันที่ทำให้เขาสงสัย ก็เหลือบไปเห็นรถสีครามหม่นอีกคันที่ถูกบังไว้ ซึ่งเขาจดจำได้ดีว่า เขารู้จักเจ้าของรถคันนี้แน่นอน

เมฆพัดคลี่ยิ้มออกมาได้เมื่อรู้ว่า องก์อัมพุทก็อยู่ที่นี่

นอกจากกำลังใจที่กำลังต้องการอย่างยิ่งยวดจากมารดา ... น้องสาวคนเดียวก็เปรียบเป็นความหวังของเขาด้วยเช่นกัน

องก์อัมพุทอาจรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับเภตราก็ได้ ... รวมไปถึงผู้ชายหุ่นสำอาง ที่ดูขัดตาและขัดใจเขาเหลือเกิน

บุตรชายคนเดียวของบ้านละสายตาจากรถยนต์ทั้งสองคัน เตรียมสาวเท้าไปทางบันไดหน้าตัวเรือน แต่ความเคลื่อนไหวบริเวณใต้ถุน กลับดึงดูดความสนใจให้ก้าวไปทางนั้น

แล้วเมฆพัดก็ได้เห็นว่า องก์อัมพุทยืนหันหลังให้เขา เธอกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ แต่ท่าทางของน้องสาว ทำให้คนเป็นพี่ชายรู้สึกไม่ชอบมาพากล จนต้องร้องถามออกไป

"ยัยพุด ... ทำอะไรน่ะ"




องก์อัมพุทจำเสียงเรียกชื่อเธอได้แน่นอน และอารามตกใจกับคำถามราวจับผิด ทำให้เธอรีบดึงมือออกจากการเกาะกุมของวิชชุ์วิธูอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากถูกเข้าใจไปในทางเสื่อมเสีย

หญิงสาวจึงไม่ทันสังเกตว่า สีหน้าของชายหนุ่มที่เมื่อครู่ยังมีความอบอุ่นจากมือนุ่มนิ่ม แล้วจู่ๆก็หายไปกลางอากาศนั้น เป็นอย่างไร
ความสนใจทั้งหมดทั้งมวลขององก์อัมพุทในตอนนี้ พุ่งตรงไปยังจุดๆเดียว นั่นคือ คนที่เรียกชื่อเธอ

"พี่พัด"

เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เสียงที่เรียกชื่อพี่ชายพร้อมๆกับที่หันหน้ากลับไปนั้นอยู่ในระดับกี่เดซิเบล แต่มันก็คงจะดังไม่พอเพราะเห็นกับตาว่า เมฆพัดกำลังย่างสามขุมปรี่มาทางยังใต้ถุนที่ยืนอยู่

"พี่ถามว่า ทำอะไร ... อ่าว คุณ ... มาทำอะไรที่นี่"

เมฆพัดย้ำถามน้องสาว แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเดินเข้ามาใกล้ ก็ได้พบผู้ชายอีกคนนั่งอยู่บนเตียง จึงเผลอทักถามออกไปอย่างคนลืมตำรามารยาท เพราะความที่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาแล้ว จากเหตุการณ์เข้าใจผิดไม่กี่วันก่อนหน้า

"สวัสดีครับ"

องก์อัมพุทมองหน้าพี่ชายเลิกลั่ก แอบหวั่นในใจว่า เมฆพัดจะเห็นอะไรไม่ดีไม่งามหรือไม่ แต่พอหันมาทาง 'พี่วิชชุ์' หลังจากฝ่ายนี้เอ่ยทักทายผู้มาใหม่ก่อน กลับรู้สึกได้ว่า แม้น้ำเสียงที่ใช้ดูเหมือนการผูกไมตรี แต่ดวงตาคลับคล้ายจะฉายแววประหลาดอ่านได้ยากพิกล

"สวัสดีครับ เอ่อ ... คุณ ใช่คุณวิชชุ์ ที่เคยเป็นอาจารย์ยัยพุด หรือเปล่าครับ"

"ครับ"

คำถามพาซื่อของเมฆพัดมีผลกับคนบางคนแน่นอน และหนึ่งในนั้นคือผู้ที่ตอบรับคำถามเสียงราบเรียบ โดยมีองก์อัมพุทลอบสังเกตปฏิกิริยาของ 'อดีตอาจารย์บรรณารักษ์' อีกคน

อย่างน้อยตอนนี้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า เมื่อแรกที่พี่ชายของเธอตะโกนนำก็แค่ส่งเสียงให้รู้ตัวเท่านั้น ซึ่งเธอเพิ่งคิดได้ว่า ถ้ามองจากจุดที่เมฆพัดเดินเข้ามา และเธอเองก็ยืนต่อหน้าวิชชุ์วิธู อาจเป็นไปได้ว่า มุมที่ยืนอยู่นี้เป็นมุมอับและบังสายตา เมฆพัดจึงไม่น่าจะรู้เห็นอะไรที่เกิดขึ้นระหว่าง
'ศิษย์เก่าสาวกับอดีตอาจารย์หนุ่ม' ถนัดนัก

"ไงยัยพุด ... ไม่เห็นบอกพี่เลยว่าจะกลับบ้าน"

องก์อัมพุทชำเลืองไปทางวิชชุ์วิธูแวบหนึ่งก่อนหันมาสบตาคนถาม เห็นได้ชัดเจนว่าเมฆพัดยังรอคำตอบ หลังจากทักทายกับอาคันตุกะที่ไม่ธรรมดาผู้ซึ่งกำลังมองพี่ชายของเธอคนนี้ ด้วยสายตาที่ไม่ต่างไปจากเมื่อครู่

"เค้าไม่รู้นี่ว่าจะติดต่อพี่พัดยังไง โทร.ไปก็ไม่มีสัญญาณบ้าง ปิดเครื่องบ้าง"

"เออ ... ใช่ ลืมไป มือถือพี่แบตมันเสื่อมนะ ยังไม่ได้ซื้อ ... ยุ่งๆด้วย"

คำสุดท้ายของเมฆพัดแปร่งหูคนฟัง ชวนให้คิดว่าคนพูดต้องมีเรื่องยุ่งยากกังวลใจ ทั้งที่ท่าทีของเขาที่แสดงออกก็ดูเป็นปกติดี ... พยายามให้ดูปกติมากเกินไป

"มีอะไรหรือเปล่าพี่พัด บอกเค้าได้นะ"

สรรพนามแทนตัวที่คุ้นเคยขององก์อัมพุท คือความตั้งใจในการสื่อว่าห่วงใยให้พี่ชายของเธอรับรู้ แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเธอจะมีปัญหาไม่เข้าใจกัน แต่ความเป็นพี่เป็นน้อง ย่อมรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่

แต่คนเป็นน้องสาวอาจไม่ทันเฉลียวใจว่า ยังมีบุคคลที่สามได้ยินสิ่งที่เธอถ่ายทอดให้ผู้ชายอีกคนฟังต่อหน้าต่อตา และมีความรู้สึกอย่างไรต่อการสนทนานั้น

เพราะในความคิดขององก์อัมพุทตอนนี้ ... คนในครอบครัวต้องมาก่อนคนอื่นเสมอ




วิชชุ์วิธูปล่อยให้สองพี่น้องขึ้นไปหามารดาของพวกเขา ส่วนตัวเองพอไม่รู้จะทำอะไร เห็นบนเตียงใหญ่มีหมอนขวานวางบนเสื่อพับเสร็จสรรพ ก็จัดแจงปูเสื่อเท่าที่ขนาดของมันจะอำนวย ... ราวคุ้นเคยกับคนในบ้านนี้นานแรมปี

อดีตอาจารย์หนุ่มเหลียวหน้าเหลียวหลัง แล้ววางหมอนขวานในทิศทางเหมาะเจาะ สายลมที่โชยพัดผ่านใต้ถุนเรือนสัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย อาจเพราะรอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ทำให้ความร้อนระอุยามบ่ายเบาบางลง

"เงี้ยว"

เจ้าจันส่งเสียงเบาๆจากในตะกร้าของมัน คล้ายต้องการจะเรียกให้ใครสักคนสนใจ จนวิชชุ์วิธูอดยิ้มไม่ได้เมื่อหันมาหาเจ้าแมวน้อย

"ไงเจ้าจัน แกก็จะบอกว่าโดน 'เจ้าของ' ทิ้งเหมือนฉันสินะ ... มานี่มา"

ชายหนุ่มเปิดปากตะกร้าที่เขาจับมันใส่ไปในนี้ แล้วปิดไว้ตอนที่คุยกับองก์อัมพุท ทุกอย่างกำลังจะลงตัวและมีทีท่าจะสานต่อจากอดีตที่ขาดช่วง ติดก็ตรงที่พี่ชายของเธอก้าวเข้ามาสกัดกั้นรอยต่อนั้น ซึ่งเขาไม่รู้ว่าถูกหรือผิดจังหวะดี

ขณะเดียวกันถ้าหากเขามองไม่ผิด อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกว่า พี่ชายของอดีตศิษย์สาว มีเรื่องไม่สบายใจคับอก และท่าทางคงไม่พ้นเรื่องของหญิงสาวเพื่อนบ้าน ที่วันนั้นความบังเอิญอีกเช่นกัน ทำให้ได้เห็นว่า เพื่อนขององก์อัมพุทเชื้อเชิญผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปในบ้าน

เหตุที่เรื่องราวของคนอื่นเข้ามาอยู่ในความรับรู้ได้ ก็เพราะรั้วรอบที่ขอบชิดติดกันนี่ล่ะ ถ้าเขาไม่ทราบมาก่อนว่า ใครมีความสัมพันธ์กับใครแบบไหน มันก็คงจะผ่านเลยไปอย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาใส่ใจ

ทั้งหมดนี้มาติดขัดตรงที่ว่า หญิงสาวข้างบ้านเกี่ยวข้องกับพี่ชายขององก์อัมพุท ... และ ‘หนูพุด’ คนที่เขาห่วงใยที่สุด

วิชชุ์วิธูจับเจ้าจันขึ้นมานอนพาดบนตักของเขา จากนั้นก็ขยับตัวเองเอนหลังพิงหมอนขวาน ปรับให้เข้าที่เข้าทางจนรู้สึกสบาย เขาจึงเริ่มลูบหัวกลมๆที่มีขนนุ่มๆปกคลุม พลางก้มลงเปรยเบาๆกับเจ้าแมวน้อยที่แหงนหงายหน้าส่ายหัวคลอเคลียกับมืออ่อนโยน ราวปรึกษาหารือแก่กัน

"หวังว่า พี่ชายของหนูพุด คงไม่ทำให้หนูพุดกลุ้มใจไปด้วยอีกคนนะ"

"เงี้ยว"



"มานี่เลย ... พี่พัด"

องก์อัมพุททั้งลากทั้งจูงเมฆพัดหลังจากพากันขึ้นไปหาละอองชล ทักทายถามไถ่ครู่ใหญ่มารดาก็ออกปากถามถึงแขกที่มาเยือน แล้วไล่ให้ลูกสาวลงมาดูแล 'อาจารย์' เสียก่อน ส่วนเวลาของแม่กับลูก หรือพี่กับน้องยังมีอีกมาก

แต่พอคล้อยหลังละอองชลซึ่งแยกไปพักผ่อนยามบ่ายในห้อง องก์อัมพุทที่แอบเป็นห่วงพี่ชายก็ดึงดันอยากรู้เหตุผลที่คาใจให้ได้ จึงพากันลงบันไดหลังเรือนด้านที่เป็นสวนไม้ผลต้นใหญ่ เพื่อคุยกันสองคนให้รู้เรื่องเสียที

"เอ้า ... แม่ให้ไปดูแลอาจารย์ไง ลากพี่มานี่ทำไม"

"พี่วิชชุ์นะไม่น่าห่วงเท่าพี่พัดนี่นา"

"อะไร ... เขาเป็นอาจารย์ไม่ใช่หรือไง ไปเรียกเขาเป็นพี่เป็นเชื้อ สนิทกันมากรึไงน่ะเรา"

แก้มนวลปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้มผิวเีนียน คล้ายจะระเรื่อซับสีเลือดจางๆ จากคำทักท้วงแกมหยอกเย้าของเมฆพัด องก์อัมพุททำได้แค่สะบัดมือที่จับจูงพี่ชายทิ้ง ก้มหน้าก้มตางุบงิบตอบเสียงเบาแก้เก้อ

"เคยเป็น ... ตอนนี้ไม่ใช่"

"อย่าบอกนะ ... ว่า เป็นอาจารย์คนนี้ ที่พุด ..."

เมฆพัดเลิกเย้าแหย่น้องสาวโดยปริยาย พอย้อนทบทวนกลับไปก็พอจะนึกได้ว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว องก์อัมพุทเคยทำให้พี่ชายอย่างเขาสงสัย ถึงพฤติกรรมเข้าห้องสมุด จนไปถึงช่วยงานในห้องสมุด ตลอดระยะเวลา ๑ ปีก่อนจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย

อะไรที่สร้างแรงจูงใจให้น้องสาวของเขาได้ขนาดนั้น

เขายังแอบคิดเล่นๆในใจในเรื่องนี้ว่า หรือน้องสาวจะไปแอบชอบใครที่ห้องสมุด

แต่มันก็นานมาก กอปรกับมีเรื่องของเภตราเข้ามา ทำให้เขาเลิกสนใจเรื่องของน้องสาวตัวเองไปเลย

"เรื่องของเค้า ... ช่างก่อนเถอะพี่พัด เค้าอยากรู้เรื่องพี่พัดกับเภา ... ทำไมไม่ยอมบอกอะไรกันบ้างเลย ทำอย่างกับไม่เห็นเค้าเป็นน้อง"

องก์อัมพุทถามอย่างใจคิด แม้แรกฟังจะเหมือนคนงอแง แต่ก็ไร้ความแง่งอนหมดสิ้น และเมื่อเห็นว่าจู่ๆเมฆพัดก็เงียบไป เธอจึงถือโอกาสเปลี่ยนประเด็นให้พ้นตัว เพราะหยั่งอารมณ์ของเขาได้ว่า เกิดอาการราวกับลมเพลมพัดแบบนี้

เมฆพัดดึงให้ตัวเองกลับมายังปัจจุบัน คำถามขององก์อัมพุทบ่งบอกให้เขารู้ว่า น้องสาวหายโกรธหายงอน เรื่องระหว่างเขากับเภตราแล้ว

"พี่ดีใจนะ ที่พุดกลับมาเป็นพุดคนเดิม ... พุดอารมณ์ร้ายๆแบบนั้นน่ะ ไม่น่ารักเลย ... รู้มั้ย"

"แหม ... พี่พัด ลองเป็นพี่พัด พี่พัดจะยิ้มร่าได้ไหมล่ะคะ ถ้าคนที่เรารักแอบซ่อนปิดบังเรา ทั้งๆที่เราไว้ใจเขาทุกอย่าง ... มันไม่ต่างกับการถูกทรยศหักหลังเลยนะคะ"

ทรยศหักหลัง ... ความรู้สึกนี้สินะ ที่กำลังเกิดขึ้นในใจเมฆพัด แต่เขาพยายามปฏิเสธมัน เพื่อรอฟังความจริงจากคนที่เขารัก

"พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น ... พี่เชื่อว่าเภาเองก็คิดแบบพี่ แต่พี่ก็ไม่รู้เหตุผลของเภาเหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่อยากบอกใคร หรือให้พี่บอกใคร ... เรื่องของเรา"

"อ้าว ทำไมคะ ... หรือว่า"

องก์อัมพุทนิ่วหน้าใช้ความคิด ลืมความรู้สึกยามเกรี้ยวกราดของตนเสียสนิท ความจริงจากปากของเมฆพัดที่เพิ่งได้ยิน ทำให้เธอนึกกังวลและระลึกถึงอะไรบางอย่างที่เภตราเคยมาปรับทุกข์คราวสิ้นหวังจากพี่ชายคนนี้

"หรือว่า ... เภาโกรธพี่พัด ที่ปฏิเสธเภาตอนนั้น เลยจะมาเอาคืน ... ว้า สงสัยคิดมากไป คงไม่ใช่หรอกเนอะ"

"เดี๋ยวก่อนพุด ... หมายความว่ายังไง เรื่องตอนนั้นมันนานแล้วนะ อีกอย่าง พี่ก็หวังดี ทั้งๆที่พี่ดีใจขนาดไหน ก็ยังต้องห้ามใจตัวเอง แล้วเภาจะมาคิดเล็กคิดน้อย ด้วยการเอาตัวเข้าแลก ... คิดอะไรเลอะเทอะ"

น้องสาวยิ้มแหยทันทีเมื่อพี่ชายตำหนิจริงจังกับความคิดเหลวไหลเลื่อนเปื้อนของเธอ แต่การคาดเดาแบบส่งเดช กลับไปฝังแน่นในหัวของคนห้าม

แม้ปากจะปราม แต่ใครจะยับยั้งความคิดนั้นได้

"พุด ... พุดก็โตพอจะเข้าใจชีวิต เรื่องของพี่กับเภา มันอาจจะถูกมองว่าไม่เหมาะ ไม่ควร ไม่ถูกต้อง ซึ่งพี่ก็รู้ดีมาตลอด ... พี่เคยแปลกใจ ทำไมเภาไม่เรียกร้อง ในขณะที่พี่อยากรับผิดชอบใจจะขาด"

"เข้าใจค่ะ ... ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ ... แล้วรับผิดชอบนี่ พี่พัดตั้งใจจะแต่งงานกับเภา ... หรือคะ"

"ก็ใช่น่ะสิ เมียพี่ทั้งคนนะ"

องก์อัมพุทถึงกับหน้าแดงก่ำเป็นตำลึงสุก พอได้ยินเมฆพัดยอมรับหนักแน่น ประกาศความรู้สึกโจ่งแจ้ง ด้วยถ้อยคำจำเพาะเรียกเพื่อนรักของเธออย่างสนิทชิดเชื้อในความสัมพันธ์ เป็นการยืนยันว่า พี่ชายจริงจังมั่นคงกับเภตรา ไม่เปลี่ยนเป็นอื่นแน่นอน

แต่ความจริงอีกข้อก็มาสะกิดความยินดีให้หลีกทาง ในเมื่อเพื่อนรักและพี่สะใภ้โดยพฤตินัย มีเรื่องค้างคาที่ต้องสะสางกับครอบครัว

"แล้วแบบนี้เภาจะแก้ปัญหาคู่หมั้นคู่หมายยังไง ... เภาจะบอกพ่อกับแม่ยังไงล่ะคะ"

เมฆพัดนิ่งไปหลังจากได้ฟังคำแสลงหู 'คู่หมั้นคู่หมาย' คนเป็น ... สามีตัวจริงยืนอยู่ตรงนี้ ยังจะมีไอ้หน้าไหนมาเป็นคู่หมายได้อีก

ความคิดพลันวาบไปถึงผู้ชายมาดดีดูสะอ้าน ที่เภตราต้อนรับขับสู้อย่างดี ... หรือจะเป็นคนนั้น คนที่รู้สึกคุ้นๆ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก

"เฮ้อ ... นี่ถ้าเค้ายังไม่รู้ว่า พี่ชายตัวเองกับเพื่อนสนิทไปถึงไหนต่อไหน ก็คงเชียร์เภาให้ลองเปิดใจเรื่องคุณมัตติก์ไปแล้ว"

"เดี๋ยวก่อนพุด ... ที่พูดมาหมายความว่ายังไง"

องก์อัมพุทเกือบผงะถอยหลัง เมื่อเมฆพัดถลันเข้ามาหาจนเธอไม่ทันตั้งตัว ความตกใจทำให้ลืมสิ่งที่พูดไปชั่วขณะ งุนงงว่าพี่ชายหมายถึงอะไร

"คะ ... อะไรคะ หมายความว่ายังไงของพี่พัด"

"ก็นายมัตติก์อะไรนั่นไง"

"อ๋อ ... เอ่อ ... คุณมัตติก์ เป็นคู่หมาย ... หมายถึง ว่าที่คู่หมาย ที่คุณน้าพักตรา เอ่อ ... คุณแม่ของเภาจะส่งมาให้ดูตัวกันค่ะ"

คำพูดตะกุกตะกักขององก์อัมพุท คล้ายฟืนที่คอยสุมไฟในอกของเมฆพัดทีละท่อน ... ทีละท่อน

เมฆพัดถามกระชั้น และคิดว่าคงอดทนรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ได้แล้ว เพราะหัวใจมันร้อนรุ่มดังมีเชื้อค่อยๆปะทุ แล้วอารมณ์ที่โหมกระพือ ก็คงจะลุกลามเป็นเปลวเพลิงเผาไหม้ความรู้สึกในไม่ช้า

"พุด ... กุญแจรถอยู่ไหน พี่ขอยืมหน่อย"

"พี่พัด แล้วพี่พัดจะไปไหน ..."

องก์อัมพุทละล่ำละลักถาม ไม่คิดว่าการบอกเล่าสู่กันฟัง จะก่อให้เกิดปฏิกิริยามากมายถึงเพียงนี้

"จะไปไหน ... ก็ไปหาเมียพี่น่ะสิ พี่ไม่ยอมให้ไอ้หน้าไหนมาฉกเมียพี่ไปหรอก"










*****************************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอขอบคุณการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ต.ค. 2558, 10:30:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2558, 10:30:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1032





<< บทที่ ๒๗ .. นาทีที่เริ่มต้น   บทที่ ๒๙ .. 'โอกาส' ใช่ว่ามีกันได้บ่อย >>
ปอยอะนะ 10 ต.ค. 2558, 11:42:28 น.


kaelek 10 ต.ค. 2558, 13:07:59 น.
พี่พัดใจร้อนจุงเบย..เข้าทางพี่วิชพอดี รับหนูพุดกลับด้วยกัน หึหึ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account