ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๒๙ .. 'โอกาส' ใช่ว่ามีกันได้บ่อย



วิชชุ์วิธูรู้สึกตัวตื่นพร้อมๆกับเจ้าจันที่ผงกหัวจ้องมองไปทางปลายเตียง เพราะเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้น โดยมีองก์อัมพุทกำลังยืนหันหลังให้ชายหนุ่มกับลูกแมวลายเมฆ

ชายหนุ่มแปลกใจเหมือนกันว่า ใครจะไปไหน แต่ไม่เท่ากับที่ตนเองเผลอหลับไม่รู้ตัว เขายันตัวเองเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถจากเอนกับหมอนขวานเป็นนั่งหลังตรง โดยไม่ลืมจับเจ้าจันลงก่อนเพราะมันก็หลับคาอกเขาเช่นกัน

ลูกแมวขนนุ่มตัวนิ่มอ้าปากหาวเหยียดขาหน้าและขาหลัง แล้วสลัดตัวเองก่อนนั่งจุมปุ๊กข้างคนที่มันใช้เป็นเบาะรองนอน

“เงี้ยว”

เจ้าจันเปล่งเสียงคล้ายเรียกใครสักคน พลางก้มหัวยกเท้าหน้าซ้ายขึ้น จึงเริ่มใช้ลิ้นสากสีชมพูเลียขนตั้งแต่บริเวณนั้น กระทั่งแทบจะทั่วทั้งตัวของมัน

“ตื่นแล้วหรือเจ้าจัน ... พี่วิชชุ์ด้วย”

วิชชุ์วิธูเห็นองก์อัมพุทเหลียวกลับมาทางพวกเขา เมื่อรถยนต์สีครามหม่นถอยพ้นรัศมีรถซีดานสีดำของเขา วงล้อหักเลี้ยวก่อนผู้ขับจะพามันเคลื่อนทะยานไปข้างหน้า ลับหายไปจากสายตาและแนวเขตรั้วบ้าน

“พี่เผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย ...”

ชายหนุ่มออกตัวหากยั้งคำถามที่สงสัยว่าใครขับรถออกไป พร้อมกับตบท้ายทอยเบาๆตามด้วยลูบต้นคอไปมา เพื่อคลายปวดเมื่อยที่เพิ่งรู้สึกได้พอๆกับแก้เก้อ ที่มานอนเอกเขนกหมดสภาพถึงบ้านของคนที่เขา ‘รู้สึกพิเศษ’ มาเนิ่นนาน

“พุดเดินมากับพี่พัด ก็เห็นพี่วิชชุ์หลับอยู่กับเจ้าจันค่ะ เลยไม่อยากกวน”

“คุณพัด? ... ที่ขับรถออกไปนั่นหรือเปล่า”

“ค่ะ ... พอดีมีเรื่อง ... นิดหน่อย”



วิชชุ์วิธูพยักหน้ารับทราบเท่าที่องก์อัมพุทบอก ตอนนี้เขาไม่อยากฟังเรื่องของใครทั้งนั้น เพราะบรรยากาศแสนสบายนี้ทำให้เขาผ่อนคลาย จนลดละความระมัดระวังตัวที่เคยมีลงได้อย่างเหลือเชื่อ

อดีตอาจารย์บรรณารักษ์นึกอะไรได้ แม้ไม่อยากรู้แต่ก็นิ่งเฉยไม่ได้ จึงเอ่ยถามถึงสวัสดิภาพในการเดินทางของคนเคยเป็นศิษย์ร่วมสถาบันกันมา

“คงสำคัญมาก ... แล้ว หนูพุดจะกลับยังไงล่ะ ถ้าเกิดพี่ชายหนูพุดเอารถมาคืนไม่ทัน”

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น ... หน้าปากซอยคิวรถตู้เยอะแยะ พุดกลับได้ ... สบายมาก

องก์อัมพุทตอบยิ้มๆ ยิ่งเห็นวิชชุ์วิธูขมวดคิ้วราวไม่เชื่อเท่าใดนัก เธอจึงสำทับรับรองอย่างจริงจัง

เมื่อไม่มีอะไรจะพูด หญิงสาวจึงเบนสายตาที่รู้สึกว่าสานสบกับคนตรงหน้านานเกินไปมาทางเจ้าจัน และเห็นว่ามันยังเลียทำความสะอาดขนไม่เลิก จึงขยับเท้าก้าวเข้ามาใกล้ๆเตียงไม้แล้วหย่อนกายลงนั่ง

“ไงเจ้าจัน ... หิวยังจ๊ะ บ่ายกว่าแล้ว”

“จริงด้วยสิ ... พี่คงต้องเตรียมตัวกลับเหมือนกัน ...”

วิชชุ์วิธูบอกพลางชำเลืองหญิงสาวที่เอาแต่สนใจแมวมากกว่าคน จึงลองหยั่งเชิงดูว่า เธอจะมีปฏิกิริยาต่อเขาบ้างหรือไม่

ชายหนุ่มเห็นเธอชะงักมือที่กำลังลูบหัวเจ้าตัวน้อย เอียงเสี้ยวหน้าด้านข้างมาทางเขา ถามเสียงอ่อนเบาจนทำให้คนฟังแทบปฏิเสธให้รู้แล้วรู้รอด

“จะกลับแล้วหรือคะ”

“ถ้าพี่บอกว่า ไม่อยากกลับล่ะ ... หนูพุดจะว่ายังไง”

คนตั้งท่าจะกลับเขยิบตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ราวกับเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินคำถามอ่อนโยนของเขา ที่ตั้งใจจะให้เป็นคำออดอ้อนอ่อนหวานที่สุด

“เอ่อ ...”

เพียงเท่านี้หัวใจของวิชชุ์วิธูก็แช่มชื่นคับพองในอก ยิ่งองก์อัมพุทขัดเขินหลบสายตาขณะคุยกัน ด้วยการก้มหน้าหมายซ่อนริ้วระเรื่อที่แต้มพวงแก้มเนียน เสมองเจ้าจันเหมือนมันจะช่วยเธอได้ เขายิ่งมั่นใจว่าตนเองคิดไม่ผิดที่ให้โอกาสตัวเอง เพื่อเริ่มต้นสิ่งที่เคยระลึกเสมอมาว่ามันเป็นไปไม่ได้

วันนี้ชายหนุ่มได้คำตอบสำหรับตัวเองมากพอแล้ว ... เป็นคำตอบที่สร้างความมั่นใจแก่เขามากพอ

พอที่จะขอคำตอบจากผู้หญิงตรงหน้า ... ที่เขาไม่เคยลืมเลย

การรอคอยในวันและเวลาที่เหมาะสม นำความอิ่มเอมมาสู่วิชชุ์วิธู ... เช่นนี้เอง




“จะกลับแล้วหรือคะอาจารย์ ... น่าจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน”

ละอองชลที่หลบไปเอนหลังมาพักหนึ่งเอ่ยขึ้น ขณะวิชชุ์วิธูเข้ามาลาเธอบนเรือน โดยมีองก์อัมพุทนั่งไม่ห่างจากทั้งมารดาและชายหนุ่มคนเดียวในตอนนี้

“ครับ ... ผมมารบกวนคุณอามื้อกลางวันแล้ว จะอยู่ถึงมื้อเย็นก็กระไรอยู่”

“แหม ... ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอกค่ะ บ้านนี้ยินดีต้อนรับเสมอ ... ไม่ว่าใคร”

สตรีสูงวัยพูดทั้งรอยยิ้มบ่งบอกอัธยาศัยได้เป็นอย่างดี หากแต่พอจบคำทิ้งท้าย เธอกลับชำเลืองไปทางบุตรีคนเล็กแล้วอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

วิชชุ์วิธูยิ้มกว้างตอบผู้ใหญ่ที่เมตตาอาทรเขา และถ้าเขาจะตอบแทนบ้างท่านคงไม่ขัด ด้วยการ ...

“เอ่อ ... คุณอาครับ พอดีว่าบ้านคุณพ่อผมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถ้าวันนี้คุณพัดยังไม่กลับ ผมเกรงว่า พรุ่งนี้หนูพุดจะเดินทางลำบาก ถ้ายังไงผมขออนุญาตมารับหนูพุดได้ไหมครับ”

“พี่วิชชุ์”

“เอ๊ะ ... อะไรกันลูก ... พี่ชายเราเอารถไปไหน”

องก์อัมพุทหันมาขึงตาดุใส่วิชชุ์วิธูและเรียกชื่อเขาเบาๆเหมือนปราม เพราะจู่ๆเขาก็ขออะไรแปลกๆขึ้นมา พร้อมกับที่ละอองชลมองหน้าชายหนุ่มสลับกับลูกสาวของเธอ หลังจากถามถึงเมฆพัดที่คนเป็นแม่เพิ่งนึกได้ว่า ไม่เห็นหน้าลูกชายอีกคนเสียแล้ว

“เอ่อ ... พี่พัด ... ยืมรถไปธุระค่ะ ...”

“ธุระอะไรกัน ... นี่ล่ะน้า แม่บอกให้ซื้อรถใช้เองก็บ่ายเบี่ยง ต้องคอยยืมคนนั้นที คนนี้ที ... ดูเถอะ กลับมาเมื่อไร แม่ต้องคุยกับพัดให้รู้เรื่อง”

วิชชุ์วิธูเลยพลอยได้เป็นส่วนหนึ่งของการรับฟังเรื่องในครอบครัว ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่า สิ่งที่ตนทำลงไปจะมีผลกระทบต่อใครหรือเปล่า

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ...”

สตรีสูงวัยเกริ่นนำอย่างตัดสินใจได้ว่า ทางใดจะดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ อาจจะดูเป็นการรบกวนคนอื่นอยู่บ้าง แต่ท่าทางคนที่เธอหมายตาก็กระตือรือร้นไม่น้อย ถึงกับเสนอทางเลือกมาแล้ว ติดอยู่แต่ทางนี้ว่า คิดเห็นเป็นประการใด

“รอดูพรุ่งนี้ก่อนนะคะ ... ถ้ายัยพุดไม่สะดวกจริงๆ อิฉันอาจจะต้องรบกวนอาจารย์ ถึงตอนนั้นจะให้ยัยพุดติดต่อไป ... นะคะ”

แม้ละอองชลจะไม่รับปากกับคนเสนอ แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่บอกก็ทำให้วิชชุ์วิธูเข้าใจได้ไม่ยากว่า ผู้เป็นแม่ย่อมต้องระมัดระวังแทนลูกสาวของตนอยู่บ้าง ... ไม่มากก็น้อย

อดีตอาจารย์หนุ่มที่มารดาของศิษย์เก่ายังยกย่องเขาอยู่ ยอมรับการตัดสินใจนั้นแต่โดยดีเพราะตระหนักในเหตุผลที่สื่อออกมาเป็นคำพูดแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ให้เขาเสียหน้าใดๆกับความหวังดีอย่างจริงใจจริงๆ

วิชชุ์วิธูอดเหลือบมององก์อัมพุทไม่ได้ เขาเห็นเธอนั่งทำสีหน้าลำบากใจบอกไม่ถูก แต่ไม่เป็นไรรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ก็ไม่เห็นว่า จะเสียหายตรงไหน

ชายหนุ่มคงไม่ได้คิดไปเองหรอกว่า เขาก็เป็นที่เอ็นดูและเมตตาของผู้ใหญ่บ้านนี้เหมือนกัน





เมฆพัดขับรถของน้องสาวออกมาได้ครึ่งชั่วโมงก่อนจะหยุดจอดข้างทาง พยายามติดต่อหาเภตราด้วยอุปกรณ์สื่อสารไร้สายตกรุ่น ทว่า ปลายสายกลับมีแต่เสียงฝากข้อความ

“ปิดเครื่องทำไมเภา ...”

นักวิจัยหนุ่มหัวเสียขึ้นมาทันที หลังจากที่หงุดหงิดอยู่แล้วตั้งแต่คุยกับองก์อัมพุท

มากมายหลายเรื่องที่ทับถมจนต้องขุดคุ้ยมาขบคิด นับตั้งแต่เรื่องราวคราวนั้น ... เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว

ไม่ ... เขาไม่เชื่อหรอกว่า ผู้หญิงที่อยู่เหนือเขาแทบจะทุกอย่าง จะกล้าทำอะไรบ้าบิ่น แค่เพื่อเอาชนะ

เพราะถ้าหาก ... มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ... ที่ผ่านมานั่น ระหว่างเขากับเธอ ... มันคืออะไร

เมฆพัดโยนโทรศัพท์มือถือรุ่นปุ่มกดทิ้ง ยกมือกุมพวงมาลัยบีบแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนหลังมือ

วูบหนึ่ง ... ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่า ที่เภตราไม่ยอมติดต่อมาเสียที และไม่ยอมรับสาย เพราะกำลังจะทิ้งเขา แล้วไปกับไอ้ว่าที่คู่หมั้นคู่หมายล่ะ ... นี่พอจะเป็นเหตุให้เธอประวิงเวลาหาเหตุผลตีจากเขาได้แบบสวยงามใช่ไหม

เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ทำไมถึงคิดได้แต่เรื่องราวที่สร้างความเจ็บปวดให้ตัวเอง

ตอนช่ออัญชันทิ้งเขาไป ... ยังไม่รู้สึกเจ็บร้าวเท่านี้

แค่คิดว่า เภตราไม่รักเขา เหมือนที่เขารัก ... มันก็เกินจะทนแล้ว




รถยนต์สีครามหม่นเคลื่อนเข้ามาด้วยความเร็วไม่มากนัก ก่อนจะชะลอหน้ารั้วบ้านหลังใหญ่ ที่เมฆพัดประเมินจากสายตาคาดว่ามีเนื้อที่มากกว่าบ้านของเขา ๓-๔ เท่าตัว

ชายหนุ่มไม่ได้ดับเครื่องยนต์และลงจากรถทันทีที่จอด แต่ใช้วิธีกระแทกส้นมือลงไปตรงกลางพวงมาลัย จนเสียงแตรรถดังสนั่นภายนอก

โชคดีที่รั้วบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ เป็นรั้วไม้ระแนงเน้นความโดดเด่นสวยงาม เนื่องจากมาตรฐานความปลอดภัยที่ค่อนข้างเข้มงวด ...

ซึ่งคงไม่เป็นความจริงเท่าไรนัก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถมาอยู่ตรงนี้ได้

เมฆพัดรอไม่นานเลย เมื่อร่างกลมกลึงสมส่วนวิ่งเหยาะๆ เข้ามาอยู่ในครองสายตา ... รอยยิ้มสดใสร่าเริงเช่นนี้ของเภตรา ที่ระยะหลังเขาแทบไม่ได้เห็น

ประตูรั้วค่อยๆเลื่อนเปิดกว้างเพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนเข้าไปได้ และชายหนุ่มก็ไม่รอช้าให้เจ้าของบ้านหลังใหญ่เห็นว่า คนขับรถคันนี้เป็นใคร

หนุ่มนักวิจัยไม้พะยูงเหยียบคันเร่ง จนรถพุ่งไปข้างหน้ารวดเร็วก่อนเหยียบเบรกกะทันหัน รถยนต์ที่ไม่ใช่ของเขาจึงมาหยุดต่อท้ายพาหนะของเจ้าของบ้านที่จอดอยู่มากกว่าหนึ่งคัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญว่าจะต้องใส่ใจรถมากกว่าคน

ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์มองกระจกส่องหลัง เห็นแล้วว่าหญิงสาวปิดประตูรั้วเรียบร้อย หันกลับรีบวิ่งมาที่รถ ... เป็นไปได้ที่เภตราอาจจะกำลังคิดว่า คนที่ขับรถมานี่ คือองก์อัมพุทเพื่อนรักของเธอ ...

พอเภตราวิ่งเข้ามาในระยะ เมฆพัดจึงคลายล็อกเปิดประตูก้าวลงมายืน พร้อมๆกับได้ยินเสียงเรียกชื่อบอกให้รู้ว่า เขาคิดไม่ผิดจริงๆ

“พุด ... เอ่อ ... พี่พัด ... แล้วพุดล่ะคะ อยู่ไหน”

“อยู่บ้าน”

ชายหนุ่มตอบคำสั้นๆเสียงห้วน พลางสังเกตสีหน้าที่เผือดลงของหญิงสาว มันทำให้เขาเข้าใจว่า นอกจากตนจะไม่เป็นที่ต้อนรับ ผู้หญิงของเขายังมีอะไรปิดบังอยู่อีก

เภตรามองเมฆพัดอย่างคาดไม่ถึงว่า จะเป็นเขาไปได้ เพราะที่เธอเห็นและจำได้ขึ้นใจ ... ทั้งยี่ห้อ และสีรถนั้นเป็นของเพื่อนเธอ ไม่เช่นนั้นคงไม่กุลีกุจอออกมารับหน้าเช่นนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ ... บ้านหลังนี้ใช่ว่ามีเพียงแค่เธอเพียงลำพัง และการมาอย่างกะทันหันของเมฆพัด อาจก่อปัญหาเพิ่มจากที่กำลังจะคลี่คลายลงตัว ให้ยุ่งยากขึ้นมาอย่างไม่ควรจะเป็น!

“ทำไมไม่รับสายพี่”

คำถามขึ้นเสียงแสดงความขุ่นเคืองอย่างไม่ปิดบังของเมฆพัด แม้จะไม่ได้ตะโกนแต่มันก็ดังจนทำให้เภตราตกใจได้ เพราะในสมองของเธอพยายามคิดที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจนลืมอารมณ์ของเขาไปสนิท

ความกดดันทำให้หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่อยากให้คนที่กำลังขู่เข็นเอาแต่ใจ ตะคอกใส่เธอไม่ฟังอีร้าค่าอีรมใดๆเห็นรอยรื้นในดวงตา ... ที่มันเอ่อคลออย่างช่วยไม่ได้เพราะความน้อยใจ

“เภา ... พี่ถาม ทำไมไม่ตอบ ... หันมานี่”

เมฆพัดไม่ยอมให้เภตรายืนเงียบโดยไม่มีทีท่าจะตอบโต้ เขาขยับตัวก้าวขาเข้ามาประชิด ยกมือทั้งสองจับต้นแขนสองข้างของหญิงสาวแน่น แต่ยังยับยั้งอารมณ์คุกรุ่นไม่ให้ใช้แรงที่มีเขย่าตัวเธอไว้ได้

“ทำไมเภา ... เดี๋ยวนี้หน้าพี่ก็ไม่อยากมอง ... มันเกิดอะไรขึ้น ช่วยบอกพี่หน่อยสิเภา”

“ปล่อยนะพี่พัด .. เภาเจ็บ”

ชายหนุ่มผ่อนแรงที่กำรอบต้นแขน แต่ยังไม่ปล่อยตามที่หญิงสาวร้องขอ หากสิ่งเดียวที่ทำให้ความดุดันพังทลาย หัวใจอ่อนยวบในพริบตา เพราะหยาดน้ำสองหยด ร่วงหล่นเป็นเม็ดลงมาโดนข้อมือของเขาตอนเธอก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เภา ...”

เมฆพัดครางเรียกชื่อเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง ก่อนรวบตัวเภตราเข้ามาในอ้อมอกและโอบกอดรัดแน่นราวของรักของหวงที่สุดในชีวิต

“เภากำลังจะทำให้พี่เป็นบ้า ... รู้ตัวมั้ย”

ชายหนุ่มไม่รู้ว่า จะเรียกประโยคเหล่านี้เป็นคำสารภาพ จากก้นบึ้งหัวใจลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีต่อผู้หญิงที่เขารัก ให้เธอรับรู้ได้มากแค่ไหน

นับจากนี้ต่อให้คนในอ้อมกอดต้องการสิ่งใด หากให้ได้ ... เขายอมทุกอย่าง




เภตราไม่อาจผลักไสหรือต่อต้านการกระทำของเมฆพัดได้เลย เพราะใจของเธอก็โหยหาเขาไม่แพ้กัน ถ้าเป็นไปได้นาทีนี้ขอให้มีแต่เธอและเขาสองคนก็พอแล้ว

แต่ความจริงคือสิ่งที่ต้องเผชิญ เมื่อมีเสียงร้องอย่างตกอกตกใจดังขึ้นไม่ห่างจากจุดที่ทั้งสองคนยืนกอดกันแนบชิด

“นั่นจะทำอะไรลูกสาวฉันน่ะ ... หา!”

นับเป็นเสียงที่เรียกสติของเภตราให้กลับมาได้ฉับพลัน เธอดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากวงแขนของเมฆพัด ก่อนที่อะไรๆจะดูแย่ไปกว่านี้

“ปล่อยก่อนค่ะ พี่พัด ... นะคะ เภาขอร้อง”

“นั่นใคร? ... คุณแม่เหรอ ... ดี พี่จะได้จัดการเรื่องของเราให้เรียบร้อยเสียที”

ชายหนุ่มพูดตามที่คิด อีกทั้งไม่มีทีท่าจะปล่อยเรือนร่างที่เขาเคยกกกอดแนบกายให้เป็นอิสระ เพราะความรู้สึกบางอย่างกระตุ้นเตือนว่า ...

หากวันนี้เขาปล่อยให้เภตราหลุดมือไป ... เขาอาจต้องสูญเสียเธอไปตลอดชีวิต

“เภา ... แล้วคุณเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาลวนลามลูกสาวฉันถึงในบ้าน”

พักตราแทบจะถลันเข้าใส่ชายหนุ่มราวแม่เสือหวงลูก เธอมาถึงตัวสองหนุ่มสาวอย่างว่องไว จนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเมฆพัดด้วยแล้ว ดูท่าว่าจะกลายเป็นโจรผู้ร้ายไปได้ในนาทีนี้

เภตราฉวยจังหวะที่เมฆพัดละล้าละลังถอนตัวจากอ้อมกอดของเขา ขยับตัวไปหาแม่ของเธอละล่ำละลักพูดหวังแก้ไขความเข้าใจเสียใหม่

“แม่คะ ... เดี๋ยวค่ะแม่ ฟังหนูก่อน”

“มีอะไรต้องฟังยัยเภา ... ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ต้องไปปกป้องทำไม”

ทุกคำพูดของผู้ใหญ่ที่เมฆพัดได้ยิน แสดงออกชัดเจนว่า เขากำลังติดลบในสายตาของคนที่สามารถชี้เป็นชี้ตายอนาคตที่จะมีร่วมกับเภตราได้

นักวิจัยหนุ่มตัดสินใจเอ่ยแทรกขึ้น ระหว่างที่ผู้หญิงของเขายังไม่รู้ว่าจะให้คำตอบแม่ของเธออย่างไร

“สวัสดีครับ ... คุณแม่ ...”

“ใครแม่คุณ”

เมฆพัดชะงักมือที่จะประกบพนมทำความเคารพแม่ภรรยาตามพฤตินัย คำถามตวัดเสียงห้วนสั้นไม่ต่างไปจากที่เขาใช้กับเภตราแม้แต่น้อย

“แม่เภา ... ก็เหมือนแม่ผมนั่นล่ะครับ”

เภตราอยากจะกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก่อนนั้นเธอต้องจัดการปิดปากเมฆพัดให้ได้เสียก่อน ก็ดูสิ มีอย่างที่ไหน กล้ามาต่อปากต่อคำกับแม่ของเธอแบบนั้น

หมดกัน ... หมดแล้ว โอกาสที่กว่าจะคิดได้ มันจะพังเพราะคนเจ้าอารมณ์ตรงหน้านี่ล่ะ

“เอ๊ะ ... พูดกันไม่รู้เรื่อง คงต้องเรียก รปภ. หมู่บ้านแล้วล่ะ ... ไม่สิ ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยคอยดู”

“แม่คะ ... เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ ... พี่พัด เภาขอนะคะ วันนี้กลับไปก่อน”

“ว่าไงนะเภา ... ลูกเรียกเขาว่ายังไงนะ”

พักตราดูท่าจะไม่ยอมอย่างที่พูดจริงๆ แต่ก็ต้องมาสะดุดหูกับการเรียกชื่อสนิทสนม ระหว่างลูกสาวเธอกับผู้ชายปากดี ... ดีทั้งปาก ทั้งการกระทำ ดีจนน่าจะส่งตัวให้ตำรวจจริงๆ

เมฆพัดพอจะรู้ตัวแล้วว่าล้ำเส้นมากแค่ไหน และคงไม่ดีแน่ถ้าต้องถอยกลับไปโดยทิ้งภาระไว้ที่เภตรา เขาจึงรวบรวมสติยกมือขึ้นไหว้อีกครั้งเพื่อขอลุแก่โทษพักตรา

“ผมต้องขอโทษคุณ .. น้านะครับ ที่เสียมารยาท ... ผมชื่อเมฆพัด ... เป็น ...”

“พี่ชายยัยพุดค่ะแม่ ... พี่พัดเป็นพี่ชายคนเดียวของเพื่อนสนิทหนู ... ใช่ไหมคะ ... พี่พัด”

เภตราชิงพูดกลบเกลื่อนก่อนที่เมฆพัดจะเอ่ยอะไรที่ไม่ควรออกมา คำถามกึ่งบังคับกึ่งอ้อนวอนทำให้ชายหนุ่มจำใจพยักหน้าโดยไม่ปริปาก ทั้งที่ใจของเขาตะโกนสุดเสียง ... ถ้าจะมีใครสักคนได้ยิน

ไม่ใช่ ... เขาเป็นยิ่งกว่านั้น ... มากกว่าแค่พี่ชายของเพื่อน

เขาเป็นสามีของเภตรา ... เป็นลูกเขยของคุณแม่ต่างหาก !









**********************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอขอบคุณการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ


คุณปอยอะนะ : ขอบคุณฮะ ^__^

คุณkaelek : ความใจร้อน อาจนำหายนะมาสู่ ก็ .. เป็น .. ได้ ... ขอบคุณฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2558, 19:28:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2558, 19:28:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1155





<< บทที่ ๒๘ .. สานต่อ   บทที่ ๓๐ .. หมดเวลา >>
kaelek 17 ต.ค. 2558, 19:53:07 น.
เห่ย!! พี่พัด นายต้องไปคุยพี่วิชเยอะๆ นะ พี่วิชรู้จักวิธีพูดเข้าหาผู้ใหญ่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account