รักร้าวในแผลใจ
กลับมาอีกครั้งกับนิยายรัก (สีเทา)
คราวนี้ขอนำเสนอนิยายเรื่อง
รักร้าวในแผลใจ
รักที่กลายเป็นยาพิษแสนขมขื่น
หวังเพียงว่านักอ่านทุกท่านจะชอบนะคะ
ฝากติดตามและเม้นต์ให้กำลังนักเขียนแถวหลังคนนี้ด้วยนะ
ติดตามนิยายกรงแก้วได้ที่
https://www.facebook.com/NiyayKrngKaew?ref=hl
คราวนี้ขอนำเสนอนิยายเรื่อง
รักร้าวในแผลใจ
รักที่กลายเป็นยาพิษแสนขมขื่น
หวังเพียงว่านักอ่านทุกท่านจะชอบนะคะ
ฝากติดตามและเม้นต์ให้กำลังนักเขียนแถวหลังคนนี้ด้วยนะ
ติดตามนิยายกรงแก้วได้ที่
https://www.facebook.com/NiyayKrngKaew?ref=hl
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 7 ความสุขที่ไม่พึงปรารถนา
บทที่ 7
ความสุขที่ไม่พึงปรารถนา
พลอยชมพูในชุดกีฬากางเกงขาสั้นสะพายกระเป๋าใบใหญ่กำลังเดินลงมาจากห้องด้วยท่าทีรีบร้อน เพราะวันนี้มีนัดกับชิดชมและไม่อยากเสียเวลาจากรถติดหากออกจากบ้านช้ากว่านี้
“จะไปไหนแต่เช้านะพลอย หมู่นี้หนูไม่ค่อยอยู่ทานข้าวกับแม่เลยนะ”
พลอยชมพูหันมาตามเสียงเรียกของมารดาเห็นยืนถือตะหลิวอยู่หน้าห้องครัว เข้าใจในทันทีว่ากำลังหมกมุ่นกับการทำอาหารอยู่และคงเพราะเห็นเธอเดินผ่านจึงออกมาทักก่อน หญิงสาวส่งยิ้มให้มารดาไม่ลืมเดินมาสวมกอดอย่างหลวมๆ
“แหม แม่ก็มีพ่ออยู่ทานด้วยแล้วนี่คะ”
“แล้วตกลงจะออกไปไหนแต่เช้า”
“ไปว่ายน้ำค่ะ พลอยนัดพี่แต้วไว้แล้ว ไม่อยากไปสายกลัวรถติด งั้นพลอยไปนะคะแม่” ว่าเสร็จ เธอก็รีบออกไปไม่รอให้มารดาพูดเพราะกลัวจะยืดยาวและหญิงสาวก็อาจจะไปสาย
ที่ฟิตเนส พลอยชมพูเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำสีทึบข้างๆ มีร่างของชิดชมในชุดว่ายน้ำสีเหมือนกันเดินอยู่เป็นเพื่อนด้วย โดยทั้งสองเห็นตรงกันเลือกที่นั่งริมสระซึ่งเป็นเก้าอี้ไม้สองตัว
“นึกยังไงคะถึงชวนพี่ออกมาว่ายน้ำที่นี่”
พลอยชมพูยิ้มให้คนถามขณะกำลังชโลมครีมกันแดดทั่วตัว ก่อนมาเธอก็ทาแล้วหนหนึ่งแต่พอเจอแดดจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องลงมือทาครีมกันแดดอีกทีกลัวเหมือนกันว่าผิวขาวๆ ของเธอจะหมองคล้ำหมด
“ก็ไม่มีอะไรหรอกคะ พลอยแค่รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยอยากมาผ่อนคลาย” ทาเสร็จก็ยื่นโลชั่นกันแดดให้ชิดชมแต่อีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมทั้งลุกขึ้นยืน
“งั้นน้องพลอยว่ายน้ำไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบ”
“ได้ค่ะ อย่าไปนานนะพลอยเหงา” พลอยชมพูอ้อนเห็นชิดชมยิ้มแล้วเดินจากไป ส่วนเธอตอนนี้ก็ได้เวลาโชว์ลวดลายในสระน้ำขนาดใหญ่นี่แล้ว คิดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนบิดแขนไปมาสองสามครั้งก่อนจะตรงมายืนที่ขอบสระ สวมหมวกและแว่นตากันน้ำพร้อมเสร็จสรรพจึงกระโดดตัวลงน้ำทันที
น้ำในสระกระจายเป็นบริเวณกว้าง ดีหน่อยที่วันนี้คนไม่ค่อยเยอะทำให้พลอยชมพูว่ายอย่างสบายอารมณ์ไม่ต้องหงุดหงิดกับตอนที่มีคนแย่งกันลงว่ายพร้อมกันเพราะมันจะดูอึดอัดมาก ด้วยอารมณ์ที่สุดชิลเหมือนได้ปลดปล่อยทำให้ไม่ได้คิดอะไร ร่างเล็กว่ายมาแตะขอบสระก่อนจะหันตัวเข้าหาน้ำแล้วเอาหลังพิงขอบสระที่ทำด้วยปูน ใบหน้าหวานเงยขึ้นท้าแดดยามเช้าแต่ระหว่างที่อารมณ์กำลังล่องลอยไปตามจินตนาการอยู่นั้น ได้มีบางอย่างพุ่งเข้ามากระแทกด้านหน้าอย่างจัง
“โอ๊ย” พลอยชมพูร้องลั่นก่อนจะผลักคนที่ว่ายมาชนเธอออกห่าง ออกจะโมโหที่อีกฝ่ายว่ายไม่ดูตาม้าตาเรือแถมเลือกตำแหน่งชนซะดีเสียด้วย เธอถอดแว่นแล้วจ้องหน้าผู้ชายที่เพิ่งถูกตนผลักแล้วถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขาอย่างถนัด
“นาย”
อีกฝ่ายถอดแว่นแล้วมองมาทางเธอแปลกๆ หญิงสาวเห็นสายตาที่แสดงออกว่าตกใจไม่แพ้กันก่อนจะเห็นเขาทำหน้าเหมือนโลกจะแตกซะให้ได้
“อีกแล้วหรอ”
“อะไร” เผลอถามออกไปทันทีที่หมอนั่นพูด
“ก็เจอคุณทีไรผมซวยทุกที แล้วเมื่อกี้หัวผมไปชนอะไรหวังว่าคงไม่ใช่...”
พลอยชมพูมองไปตามสายตาที่เขาจ้องมาถึงกับโมโหแล้วเอามือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเอง ‘ก็ใช่นะสิ หัวนายชนหน้าอกฉันเข้าเต็มๆ เลย’ เผลอบ่นอยู่ในใจ พอเห็นสายตาชวนคิดลึกของอีกฝ่าย ปากอิ่มก็รีบต่อว่าทันที
“ไอ้ลามก นายนี่มันทุเรศที่สุดเลย”
“ก็คงไม่เหมือนคุณหรอก ซาดิส ชอบใช้กำลัง เจอคุณทีไรผมเจ็บทุกที”
“งั้นหรอ นี่แนะ” พลอยชมพูยกมือขึ้นหยิกต้นแขนทันที เห็นอีกฝ่ายดิ้นหนีแล้วถามเสียงสูง
“มาตีผมทำไมเนี่ย”
“ก็นายบอกเองว่าฉันซาดิส เจอฉันแล้วนายเจ็บตัวทุกที นี่ไง ฉันทำให้นายเจ็บแล้วไง” เมื่อพูดจบก็แค่ยักคิ้วใส่แต่ไม่คิดว่าเขาจะตำหนิ
“หนอยแน่ ทำผมเจ็บแล้วยังไม่ขอโทษอีก คราวนี้ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ดีเลยจะได้เอาคืนซะทีเดียว”
พลอยชมพูตาโตที่พอเขาพูดจบก็เริ่มว่ายมาหาเธอ พอออกแรงว่ายหนีกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งของเขา ไม่ว่าสิ่งที่ฝ่ายนั้นคิดจะทำคืออะไรแต่มันก็ไม่ดีกับตัวเธอทั้งนั้น สายตาที่ดูตื่นตระหนกและยิ่งสะดุ้งเมื่อมือหนาๆ แตะมาที่ไหล่ของเธอ
“นี่นายจะทำอะไร จะบ้าเหรอ ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ปากสั่นเอ่ยออกไป รู้สึกผวากับสิ่งที่เขาจะทำกับเธอ หากเป็นจริงอย่างที่คิดคงได้อายชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่ พลอยชมพูใจเต้นรัวสองมือก็พลันตบตีชายหนุ่มไม่ยั้งแต่ดูเขาสิ ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
เมื่อหมดหนทางหนีก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปยังไงดี ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าไอ้หนวดที่กำลังเลื่อนหน้ามาใกล้ๆ ตอนนี้คิดจะแกล้งอะไรเธอแต่ด้วยสัญชาตญาณความของลูกผู้หญิงจำต้องรีบหลบหน้าหนี
“นี่ๆ ทำอะไรกันนะ”
เหมือนฟ้ามาโปรด พลอยชมพูหันไปตามเสียงทั้งที่ตอนแรกกำลังจะจนมุมต่อไอ้หน้าหนวดคนนี้แล้วแต่พอได้ยินเสียงชิดชมแค่นั้นแหละ ตัวเธอเหมือนมีเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันที มือเล็กผลักเขาเต็มเหนี่ยวจนร่างหนากระเด็นจมน้ำก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกทีให้เห็นครึ่งตัวท่าทางโมโหจัดแต่เธอหรือจะกลัว หญิงสาวเชิดหน้าใส่คนตรงหน้าก่อนจะว่ายมาขึ้นสระอย่างสบายใจฉ่ำโดยที่นายหน้าหนวดยังคงปั้นหน้าบึ้งตึงอยู่
“นี่ตกลงสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ”
นั่นเป็นเสียงของชิดชมแต่พลอยชมพูเพียงแค่ยักไหล่ไม่ได้ตอบอะไรส่วนฝ่ายนั้นก็เงียบเหมือนกันเพราะกำลังดูดน้ำกาแฟจากหลอด ตอนนี้เราทั้งสามอยู่ที่ร้านขายเครื่องดื่มข้างฟิตเนต
“นี่ ถามอีกครั้งรู้จักกันใช่ไหม”
“ไม่” เป็นการตอบที่ประสานเสียงกันจริงๆ
“อืม เชื่อแล้วว่าไม่รู้จักกันจริงๆ” ชิดชมเอ่ยพลางส่งสายตาไปยังหนุ่มสาวที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกันส่วนเธอก็นั่งอยู่กึ่งกลางราวกับเป็นกรรมการให้คนทั้งสองยังไงยังงั้นเพราะดูท่ามวยคู่นี้คงไม่ยอมจบง่ายๆ
“พี่แต้วค่ะ พลอยไม่คิดเลยนะคะว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายแบบนี้หลงเหลืออยู่อีก” พลอยชมพูเริ่มเปิดฉากพูดเห็นสายตาของยอดกล้าที่มองมาก็พอเดาออกว่าพร้อมจะแย้งกับคำพูดของเธอ
“ผู้ชายหล่อๆ แถมหุ่นยังน่าเจี๊ยะแบบผมนะเหรอ ก็จริงที่คุณว่านะผู้ชายแบบนี้ไม่ค่อยมีเหลือเท่าไรแล้ว”
“ยี้ทุเรศ พูดมาได้ไม่อายผี” พลอยชมพูแควะ รู้สึกพะอืดพะอมทำท่าอยากจะอ้วกเมื่อฟังคำพูดนั้นจบ มันน่าทุเรศสิ้นดีนอกจากจะหน้าหนวดแล้วยังหลงตัวเองเป็นที่สุด
“ก็น้อยกว่าคุณแหละ ซาดิส จิตวิปริตถึงชอบใช้กำลังทำร้ายคนอยู่เรื่อย”
“นี่นาย” พลอยชมพูตาโตชักสีหน้าไม่พอใจแต่พอจะอ้าปากต่อว่าก็ถูกชิดชมร้องห้ามเสียก่อน
“เออ พอกันเถอะค่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” ชิดชมพูดขึ้นส่งสายตาติติงมาทางเพื่อนหนุ่ม “ตัวก็เหมือนกันนะ เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว ขอให้เลิกแล้วต่อกันเถอะนะ” เอ่ยจบก็หันมามองหน้าเพื่อนรุ่นน้องส่งสายตาเว้าวอน
“ถือว่าพี่ขอร้องนะคะน้องพลอย”
พลอยชมพูยังมีเคืองแต่เพื่อเห็นแก่ชิดชมจึงยอมสงบปากแต่ไอ้หน้าหนวดกลับท้าทายมาด้วยคำพูดประโยคหนึ่ง
“เลิกก็ได้แต่ต้องหลังจากแข่งว่ายน้ำให้เสร็จก่อนแต่จะกล้าแข่งกับผมหรือเปล่าล่ะ ถ้าคุณชนะผมยอมคลานเหมือนหมามาขอโทษคุณเลย แถมยอมให้คุณโขกสับใช้งานได้หนึ่งวันเต็มๆ แต่ถ้าคุณแพ้ คุณต้องตกเป็นทาสรับใช้ผมหนึ่งวันเต็มๆ เอาไหม”
นอกจากจะเหม็นขี้หน้าแล้วพลอยชมพูยังรู้สึกเหม็นขี้ปากหมอนี่อีกด้วย พูดมาได้ว่ากล้าท้าดวลไหม แน่ละในเมื่อคนอย่างเธอไม่เคยกลัวใครหน้าไหนต่อให้เป็นเพศพ่อก็เถอะ ท้ามาก็ท้าไปไม่ยอมให้เสียชื่อหรอก สายตาเอาเรื่องจ้องมองคนท้าดวลแล้วเชิดหน้าพูด
“จะมั่นใจมากเกินไปหรือเปล่า ไม่รู้หรือไงว่าฉันนะเคยเป็นแชมป์นักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัย”
“งั้นก็ดีเลย แบบนี้คุณก็คงจะรับคำท้าของผมได้อย่างไม่กลัวสินะ”
“ใช่ ฉันรับคำท้า” พูดออกไปโดยไม่ต้องคิดมาก
“แต่พี่ว่าน้องพลอยลองคิดดูอีกทีนะคะ” ชิดชมแย้งมาสีหน้าไม่สู้ดี
พลอยชมพูอดน้อยใจไม่ได้ที่แม้แต่รุ่นพี่ที่เคารพรักเหมือนพี่สาวแท้ๆ ยังไม่เชื่อเลยว่าเธอจะชนะ
“ตัวไม่ต้องพูดเลย คุณพลอยเป็นถึงแชมป์นักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัยเชียวนะ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก” ยอดกล้าเอ่ย สายตาที่มองยังพลอยชมพูอย่างท้าทายไม่เท่านั้นเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงอวดดีอวดเก่งคนนี้จะเก่งอย่างที่โอ้อวดหรือเปล่า
“ใช่ พี่แต้วค่ะ เป็นพยานให้พลอยด้วยแล้วก็นับเวลารอดูอีกตาหนวดนี่คลานท่าหมามาขอโทษพลอยได้เลย” พลอยชมพูว่าสายตาเหลือบมาทันเห็นคนหน้าหนวดกำลังหัวเราะหึหึ ให้ตายสิ เธออยากเอามือตบปากเขานัก
ฝ่ายชิดชมได้แต่ยิ้มแหยงๆ ด้วยรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้แต่ก็แอบลุ้นอยู่ไม่น้อยว่าเกมนี้จะมีพลิกแพลง
สายของวันนี้เมฆากำลังยืนรอคนมาเปิดประตูรั้วหลังจากกดกริ่งไปได้สักพัก และคาดหวังว่าคนที่มาเปิดประตูจะเป็นสิรินภาเพราะก่อนลงจากรถได้เห็นอบเชยกับเด็กสองคนกำลังนั่งแท็กซี่ออกไปข้างนอก
“มาหาใครครับ”
ความคิดของเมฆาวูบหายไปทันทีที่เสียงแหลมๆ ดังขึ้น เขาก้มมองไปยังเบื้องล่างเห็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักความสูงเท่าเอวชายหนุ่มซึ่งกำลังจ้องหน้านัยน์ตาใสปิ้ง พลอยทำให้คิดแผนบางอย่างออกมา ร่างหนาย่อตัวลงก่อนจะยิ้มทักทายไปให้เด็กชายตัวน้อยเห็นยิ้มตอบกลับมา หากไม่เคยอ่านประวัติของสิรินภามาก่อนคงไม่รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกเลี้ยงของเธอ
“อามาหาแม่บีครับ ว่าแต่คนนี้หนึ่งหรือสองครับ” เมฆาถามด้วยความงงเนื่องจากเด็กคนนี้มีฝาแฝดอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันมากจนแยกไม่ออก หากไม่สนิทสนมกันจริงๆ คงเรียกสลับตัวเป็นแน่
“สองครับ”
“อ๋อ น้องสองนี่เอง อาซื้อของเล่นมาให้ด้วยนะ อยู่ในรถเต็มเลย อยากได้ไหมครับ” ล่อเด็กน้อยด้วยของเล่นราคาแพง ใช่ การลงทุนด้วยของมีราคามักได้ผลดีเกินคาดเสมอ เขาคิดเช่นนั้น
“ไม่เอาครับ เพราะมามี้บอกว่าไม่ให้เอาของคนแปลกหน้า”
ประโยคนั้นทำให้เขาต้องคิดใหม่เพราะแม้แต่เด็กน้อยก็ยังปฏิเสธรับของจากเขา เมฆาฝืนยิ้มมือหนายกมาแตะไหล่บางสองข้างเอ่ยอย่างใจเย็น
“แต่อาไม่ใช่คนแปลกหน้า อาคือแฟนมามี้ของน้องสอง”
“แฟน เป็นยังไงครับ”
นัยน์ตาใสซื่ออดทำให้เขาขำไม่ได้ นั่นสิ เด็กอายุแค่นี้จะรู้จักคำว่าแฟนได้ยังไง ปากหนาฉีกยิ้มอีกครั้งพยายามหาคำง่ายๆ มาอธิบาย
“แฟนก็คือคนที่จะดูแลมามี้สองไงละครับ อ้อแล้วก็จะดูแลหนึ่ง สองและน้องด้วย” อธิบายอย่างใจเย็นเพื่อสร้างความเข้าใจให้เด็ก ที่สำคัญเป้าหมายของเมฆาคืออยากปลูกฝั่งเด็กๆ ให้ยอมรับเขาเป็นพ่อบุญธรรมเพื่ออะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้น
“สองครับ”
สิรินภาเดินออกมาตามเพราะเห็นเด็กชายสองหายไปนานจนน่าสงสัยก่อนจะตกใจตื่นที่เห็นยืนคุยกับเมฆาหน้าบ้าน จึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเดินตรงเข้าไปหา
“คุณเมฆ”
“เรียกพี่เมฆเหมือนเดิมสิครับบี” เมฆารีบตีสนิทด้วยการอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ท่าทางสองจะชอบเขาเพราะไม่ดิ้นไม่ต้านต่อการกระทำสักนิดกลับกันยอมกอดคอเขาง่ายๆ ชายหนุ่มยิ้มทักทายเอ่ยกับหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังมองมาแปลกๆ
ที่ห้องรับแขกเมฆานั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟาสีขาวโดยมีร่างของเด็กชายสองกำลังเล่นของที่ชายหนุ่มซื้อมาให้
“พี่แวะมาเยี่ยมนะครับ เป็นห่วงเห็นเมื่อวานบีออกไปแบบนั้น”
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”
“พี่อบพาหนึ่งกับหนูน้อยไปตลาดค่ะ ส่วนสองให้อยู่เป็นเพื่อนบีที่บ้าน” สิรินภาตอบเสียงเรียบ ยังรู้สึกแปลกๆ ที่เขามาหาเธอที่บ้าน
“เด็กๆ น่ารักจังนะครับ ไม่น่าละบีถึงอยู่กินกับผู้ชายคนนั้น” เมฆาว่าพลางมองไปยังเด็กน้อยที่กำลังเล่นของเล่นอยู่เงียบๆ
“แล้วพี่เมฆมาหาบีถึงบ้านมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
เมฆายิ้ม ส่งสายตาหวานมายังหญิงสาวที่นั่งตรงหน้า
“พี่มาเพราะพี่คิดถึงบี เมื่อวานที่บีออกไปแบบนั้นรู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงบีมากแค่ไหน”
“บีขอโทษค่ะ ที่ต้องกลับก่อนเพราะกลัวว่าพี่อบจะเป็นห่วง”
“แล้วเรื่องของเราล่ะ บีจะว่าไงถ้าเราจะกลับมาคบกันอีก” เมฆาเข้าเรื่อง
สิรินภาเหมือนช๊อก คำพูดของเขาแปลกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไหนจะการกระทำที่ดูอ่อนโยนผิดกับตอนแรกที่เจอกันจนวันนี้เขาก็พูดประโยคที่ทำให้หญิงสาวต้องคิดหนัก หญิงสาวผ่อนลมหายใจก่อนจะตอบออกไป
“บีลองมาคิดดูแล้ว เรื่องของเรามันคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้บีมีภาระมากมายที่ต้องจัดการไหนจะต้องดูแลเด็กๆ ทั้งสามและบีก็ไม่อยากมีปัญหากับคุณพ่อของพี่เมฆอีก ที่สำคัญบีไม่เหมาะกับพี่ หวังว่าพี่เมฆคงจะเข้าใจบี”
“ที่บีปฏิเสธพี่เพราเหตุผลพวกนี้งั้นหรือ”
“บีแค่ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้ แค่รู้ว่าพี่เมฆยังมีความรู้สึกดีๆ ให้บี แค่นี้บีก็ดีใจมากแล้ว หากต้องกลับไปคบกับพี่ใหม่บีคงละอายใจจนไม่กล้าจะสู้หน้าใคร”
“แต่พี่ไม่สน ขอเพียงให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม พี่ยอมทิ้งทุกอย่างหรือว่าเราจะกลับไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศสตามเดิมก็ได้ พี่ตามใจบี”
“แต่บีทำไม่ได้ค่ะ บีจะทิ้งเด็กๆ ให้พี่อบดูแลคนเดียวไม่ได้ เด็กๆ กำพร้าพ่อไปแล้วคนหนึ่งส่วนแม่ก็ไม่เคยมาดูดำดูดีอีกเลย ดังนั้นบีไม่อาจจะละทิ้งหน้าที่พ่อแม่ไปของเด็กๆ ได้หรอกค่ะ”
เมฆารู้สึกโมโหในใจ คิดว่าแผนการที่วางไว้มันจะไม่มีปัญหาแต่เปล่าเลย สิรินภาละเอียดอ่อนเกินไปเพราะเธอไม่ได้แค่เห็นแก่ตัวเท่านั้นแต่เธอเล่นตัวชะมัด เมฆาคิดในใจ
“วันนี้รู้สึกดีจริงๆ ที่มีคนมาช่วยงาน” ประโยคนั้นทำให้พลอยชมพูต้องเงยหน้าขึ้นจากแปลงดอกไม้แล้วมองหน้าคนพูดเห็นชัดว่ากำลังยิ้มหน้าบาน โมโหไม่หายที่เสียค่าโง่แข่งกับอีตาหนวดนี่
“นายจะแกล้งฉันหรือไง” ปากอิ่มถามกลับ แววตาอาฆาตอีกฝ่ายยักไหล่โค้งตัวมานิดแล้วตอบหน้าตาย
“แกล้ง ใครแกล้งคุณ ก็คุณแพ้ผมเอง”
“ก็แล้วทำไมนายไม่บอกว่าเป็นนักกีฬาเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัยซ้อน นี่ถ้าพี่แต้วไม่บอกฉันก็คงโง่อยู่อีกนาน”
“บอกได้ไงก็คุณไม่ถามนี่” ยอดกล้าว่าเสียงเยาะๆ ก่อนจะเริ่มออกคำสั่ง “ไม่ต้องอู้เลย ไปยกกระถางตรงนั้นมาให้หน่อยสิ” มือชี้ไปที่กระถางใบใหญ่
“หา”
“จะไม่ทำก็ได้นะ ผมจะได้รู้ว่าผู้หญิงอย่างคุณมันพูดจากลับไปกลับมา ตลบตะแลงไม่มีความจริงใจ แล้วผมจะได้ไปบอกชิดชมว่าให้เลิกคบกับคุณไปเลย”
พลอยชมพูกรี๊ดร้องในใจ เจ็บใจที่เสียรู้แถมยังโดนอีตานี่แกล้งใช้งานหนักๆ อีก เท้าเล็กเดินไปยังที่วางกระถางก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
ยอดกล้ามองหน้าบูดเบี้ยวของพลอยชมพูแล้วอดขำไม่ได้ แกล้งออกคำสั่งไปอีก
“ใส่ดินใส่ปุ๋ยด้วย”
พลอยชมพูเม้มปากอยากจะด่าชายหนุ่มแต่ก็จนใจเพราะคนอย่างเขาด่าไปก็มีแต่เจ็บใจเปล่าๆ ก็เห็นอยู่ว่าอีตาหนวดนี่หน้าตายสุดๆ
“ทำให้มันไวๆ หน่อยสิคุณ” ยอดกล้าว่าแล้วหัวเราะคิกๆ
ที่คอนโดเมฆา วิทยาเปิดประตูเข้ามาก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเจ้าของยืนกอดอกมองเขานิ่งแถมสายตาที่จ้องมานั้นทำเอาคนถูกมองรู้สึกร้อนๆ วาบๆ ชอบกล
“อ้าว อยู่คอนโดด้วยหรอ” วิทยาทักเพื่อนแล้วทำหน้าเก้อๆ กังๆ เมื่อเมฆาไม่ยอมตอบคำถาม ยังคงจ้องหน้าเขานิ่ง “นี่หน้าฉันมันมีอะไรผิดปกติเหรอ แกถึงได้จ้องเอาจริงเอาจังขนาดนั้น” คนพูดเริ่มอยู่ไม่สุขเดินมาหยิบขวดน้ำเปล่าแล้วดื่มไปจนเหลือครึ่งขวดหันมาทางเพื่อนยังเห็นจ้องอยู่ จึงถามออกไปด้วยท่าทีห้วนจัด
“มีอะไรจะพูดก็พูดมาไม่ต้องมามองหน้าฉันด้วยสายตาแบบนั้น เห็นแล้วมันสยอง” วิทยาว่าเดินมานั่งฟุบที่เก้าอี้ เห็นเมฆาเดินมานั่งตรงข้าม
“ก็เรื่องที่ฉันให้แกไปสืบมาไง ได้ความไปถึงไหนแล้ว”
“แกนี่ใจร้อนไม่เบาเลยนะ ได้เรื่องแล้วอ้อเสื้อผ้าที่ฉันยืมแกคราวก่อน เอามาคืนแล้วนะแต่อยู่ในรถเดี๋ยวไปเอามาให้” วิทยามีนอกเรื่องแต่ดูคนฟังจะไม่ค่อยชอบใจนัก
“ตั้งไว้นั้นแหละ อย่าลีลาน่าเล่าเรื่องที่ฉันให้แกสืบมาก่อน”
วิทยามองหน้าเพื่อนแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบบางอย่างแล้วโยนไปให้เพื่อน “ไม่ลงไม่เล่ามันแล้ว แกเอาไปดูเองละกัน”
เมฆาเปิดอ่านเอกสารที่อยู่ในซองสีน้ำตาลอย่างคร่าวๆ ไล่สายตาผ่านตัวอักษรเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดตรงบรรทัดหนึ่ง โยนเอกสารลงบนโต๊ะ
“พอจะติดต่อผู้หญิงคนนั้นได้ไหม”
“ใคร” วิทยาถามสีหน้ามึนงง
“สุรีย์”
ยอดกล้ากำลังยืนโบกไม้โบกมือให้สาวที่สตาร์ทรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็วก่อนจะหันมายิ้มแป้นแล้นให้เพื่อนหญิงที่ยืนมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยพึงพอใจนัก
“ตัวก็เหลือเกินนะ ไปแกล้งน้องพลอยแบบนั้น” ชิดชมว่าแล้วเดินเข้ามานั่งในร้าน โดยมีเพื่อนหนุ่มเดินตามเข้ามา
“ก็ยัยนั่นมันน่าแกล้งนี่ ยิ่งเห็นตอนที่ทำงานงกๆ ตามคำสั่งนะ ขำชะมัด” ยอดกล้าว่า เข้ามานั่งเก้าอี้ที่ว่าง ยังขำไม่หายที่พลอยชมพูถูกเขาใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้นตอนได้เห็นสีหน้าของหญิงสาวก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ขำไปเถอะ สักวันจะขำไม่ออก” ชิดชมว่าเห็นยอดกล้ายักคิ้วใส่
ตกค่ำที่บ้านสิรินภา หลังจากร่วมรับประทานอาหารภายในครอบครัวกันเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานทำให้หญิงสาวที่กำลังล้างจานอยู่นั้นต้องเหลียวหน้ามามองเห็นน้องหนึ่งกำลังกวาดขยะโดยมีเด็กหญิงน้อยถือโกยขยะอยู่ใกล้ๆ ส่วนน้องสองก็กำลังช่วยป้าของตนเช็ดโต๊ะอย่างขะมักเขม้น ทั้งสามส่งสายตาและหัวเราะใส่กันพลอยทำให้ผู้ใหญ่อย่างเธอมีความสุขไปด้วย
รอยยิ้มหวานขงสิรินาภาผุดขึ้นที่มุมปาก แม้ชีวิตจะเคยตกต่ำมามากแค่ไหนแต่การมีครอบครัวดี มีคนที่รักและเป็นห่วงเราอย่างจริงใจ มันทำให้ความเสียใจที่ก่อตัวมาก่อนหน้าสลายลงไป พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่คนในครอบครัวแต่คืออากาศที่ช่วยต่อลมหายใจให้เธอ
“พี่อบค่ะ เดี๋ยวบีเอาขยะไปทิ้งก่อนนะคะ” สิรินภาหอบถุงขยะมาถือไว้ไม่ลืมหันมาบอกอบเชยที่กำลังยืนเช็ดโต๊ะอาหารอยู่
“สองไปด้วย” เด็กชายสองพูดจบก็วิ่งมาช่วยถือถุงขยะด้วย เงยหน้ายิ้มตาหวานให้มามี้
ไม่นานสองร่างก็เดินต้อยๆ กันออกมาถึงหน้าบ้านโดยเด็กชายสองช่วยเปิดฝาถังขยะให้แต่ทุลักทุเลเพราะตัวเตี้ยกว่าถัง สิรินภายิ้มขำเมื่อเด็กตัวเล็กๆ ยังมีแก่จิตแก่ใจช่วย หญิงสาวจึงช่วยเด็กน้อยเปิดเองก่อนจะยัดถุงดำใส่ถังขยะแล้วปิดฝากลับเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย
“ไหนมามี้ดูมือหน่อยสิครับ เลอะไหม” สิรินภาเอ่ยเสียงอ่อนเห็นเด็กชายสองยื่นมือมา เธอยิ้มให้พร้อมกับปัดสิ่งสกปรกออกจากมือหนูน้อยเบาๆ
ประตูรั้วกำลังจะปิดล๊อกด้วยแม่กุญแจแต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือหนึ่งเข้ามาจับมือสิรินาภาไว้ หญิงสาวสะดุ้งตกลงทำแม่กุญแจร่วมตกพื้น ดวงตาหวานเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้าถนัด ชายคนหนึ่งไม่รู้ถูกอะไรเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด หญิงสาวใจเต้นรัวไม่ลืมลากน้องสองมากอดไว้
“ช่วยด้วยครับคุณ ผมถูกทำร้าย ตอนนี้พวกมันกำลังตามผมมา ช่วยผมด้วย ช่วยด้วย...ช่วย...” เสียงผู้ชายคนนั้นขาดหายไปในที่สุดพร้อมกับร่างหนาที่ทรุดลงตรงหน้า สิรินภายิ่งตกใจยกมือขึ้นปิดตาเด็กชายสองเกรงว่าภาพเลือดเต็มตัวจะทำหนูน้อยกลัว
ความสุขที่ไม่พึงปรารถนา
พลอยชมพูในชุดกีฬากางเกงขาสั้นสะพายกระเป๋าใบใหญ่กำลังเดินลงมาจากห้องด้วยท่าทีรีบร้อน เพราะวันนี้มีนัดกับชิดชมและไม่อยากเสียเวลาจากรถติดหากออกจากบ้านช้ากว่านี้
“จะไปไหนแต่เช้านะพลอย หมู่นี้หนูไม่ค่อยอยู่ทานข้าวกับแม่เลยนะ”
พลอยชมพูหันมาตามเสียงเรียกของมารดาเห็นยืนถือตะหลิวอยู่หน้าห้องครัว เข้าใจในทันทีว่ากำลังหมกมุ่นกับการทำอาหารอยู่และคงเพราะเห็นเธอเดินผ่านจึงออกมาทักก่อน หญิงสาวส่งยิ้มให้มารดาไม่ลืมเดินมาสวมกอดอย่างหลวมๆ
“แหม แม่ก็มีพ่ออยู่ทานด้วยแล้วนี่คะ”
“แล้วตกลงจะออกไปไหนแต่เช้า”
“ไปว่ายน้ำค่ะ พลอยนัดพี่แต้วไว้แล้ว ไม่อยากไปสายกลัวรถติด งั้นพลอยไปนะคะแม่” ว่าเสร็จ เธอก็รีบออกไปไม่รอให้มารดาพูดเพราะกลัวจะยืดยาวและหญิงสาวก็อาจจะไปสาย
ที่ฟิตเนส พลอยชมพูเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำสีทึบข้างๆ มีร่างของชิดชมในชุดว่ายน้ำสีเหมือนกันเดินอยู่เป็นเพื่อนด้วย โดยทั้งสองเห็นตรงกันเลือกที่นั่งริมสระซึ่งเป็นเก้าอี้ไม้สองตัว
“นึกยังไงคะถึงชวนพี่ออกมาว่ายน้ำที่นี่”
พลอยชมพูยิ้มให้คนถามขณะกำลังชโลมครีมกันแดดทั่วตัว ก่อนมาเธอก็ทาแล้วหนหนึ่งแต่พอเจอแดดจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องลงมือทาครีมกันแดดอีกทีกลัวเหมือนกันว่าผิวขาวๆ ของเธอจะหมองคล้ำหมด
“ก็ไม่มีอะไรหรอกคะ พลอยแค่รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยอยากมาผ่อนคลาย” ทาเสร็จก็ยื่นโลชั่นกันแดดให้ชิดชมแต่อีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมทั้งลุกขึ้นยืน
“งั้นน้องพลอยว่ายน้ำไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบ”
“ได้ค่ะ อย่าไปนานนะพลอยเหงา” พลอยชมพูอ้อนเห็นชิดชมยิ้มแล้วเดินจากไป ส่วนเธอตอนนี้ก็ได้เวลาโชว์ลวดลายในสระน้ำขนาดใหญ่นี่แล้ว คิดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนบิดแขนไปมาสองสามครั้งก่อนจะตรงมายืนที่ขอบสระ สวมหมวกและแว่นตากันน้ำพร้อมเสร็จสรรพจึงกระโดดตัวลงน้ำทันที
น้ำในสระกระจายเป็นบริเวณกว้าง ดีหน่อยที่วันนี้คนไม่ค่อยเยอะทำให้พลอยชมพูว่ายอย่างสบายอารมณ์ไม่ต้องหงุดหงิดกับตอนที่มีคนแย่งกันลงว่ายพร้อมกันเพราะมันจะดูอึดอัดมาก ด้วยอารมณ์ที่สุดชิลเหมือนได้ปลดปล่อยทำให้ไม่ได้คิดอะไร ร่างเล็กว่ายมาแตะขอบสระก่อนจะหันตัวเข้าหาน้ำแล้วเอาหลังพิงขอบสระที่ทำด้วยปูน ใบหน้าหวานเงยขึ้นท้าแดดยามเช้าแต่ระหว่างที่อารมณ์กำลังล่องลอยไปตามจินตนาการอยู่นั้น ได้มีบางอย่างพุ่งเข้ามากระแทกด้านหน้าอย่างจัง
“โอ๊ย” พลอยชมพูร้องลั่นก่อนจะผลักคนที่ว่ายมาชนเธอออกห่าง ออกจะโมโหที่อีกฝ่ายว่ายไม่ดูตาม้าตาเรือแถมเลือกตำแหน่งชนซะดีเสียด้วย เธอถอดแว่นแล้วจ้องหน้าผู้ชายที่เพิ่งถูกตนผลักแล้วถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขาอย่างถนัด
“นาย”
อีกฝ่ายถอดแว่นแล้วมองมาทางเธอแปลกๆ หญิงสาวเห็นสายตาที่แสดงออกว่าตกใจไม่แพ้กันก่อนจะเห็นเขาทำหน้าเหมือนโลกจะแตกซะให้ได้
“อีกแล้วหรอ”
“อะไร” เผลอถามออกไปทันทีที่หมอนั่นพูด
“ก็เจอคุณทีไรผมซวยทุกที แล้วเมื่อกี้หัวผมไปชนอะไรหวังว่าคงไม่ใช่...”
พลอยชมพูมองไปตามสายตาที่เขาจ้องมาถึงกับโมโหแล้วเอามือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเอง ‘ก็ใช่นะสิ หัวนายชนหน้าอกฉันเข้าเต็มๆ เลย’ เผลอบ่นอยู่ในใจ พอเห็นสายตาชวนคิดลึกของอีกฝ่าย ปากอิ่มก็รีบต่อว่าทันที
“ไอ้ลามก นายนี่มันทุเรศที่สุดเลย”
“ก็คงไม่เหมือนคุณหรอก ซาดิส ชอบใช้กำลัง เจอคุณทีไรผมเจ็บทุกที”
“งั้นหรอ นี่แนะ” พลอยชมพูยกมือขึ้นหยิกต้นแขนทันที เห็นอีกฝ่ายดิ้นหนีแล้วถามเสียงสูง
“มาตีผมทำไมเนี่ย”
“ก็นายบอกเองว่าฉันซาดิส เจอฉันแล้วนายเจ็บตัวทุกที นี่ไง ฉันทำให้นายเจ็บแล้วไง” เมื่อพูดจบก็แค่ยักคิ้วใส่แต่ไม่คิดว่าเขาจะตำหนิ
“หนอยแน่ ทำผมเจ็บแล้วยังไม่ขอโทษอีก คราวนี้ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ดีเลยจะได้เอาคืนซะทีเดียว”
พลอยชมพูตาโตที่พอเขาพูดจบก็เริ่มว่ายมาหาเธอ พอออกแรงว่ายหนีกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งของเขา ไม่ว่าสิ่งที่ฝ่ายนั้นคิดจะทำคืออะไรแต่มันก็ไม่ดีกับตัวเธอทั้งนั้น สายตาที่ดูตื่นตระหนกและยิ่งสะดุ้งเมื่อมือหนาๆ แตะมาที่ไหล่ของเธอ
“นี่นายจะทำอะไร จะบ้าเหรอ ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ปากสั่นเอ่ยออกไป รู้สึกผวากับสิ่งที่เขาจะทำกับเธอ หากเป็นจริงอย่างที่คิดคงได้อายชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่ พลอยชมพูใจเต้นรัวสองมือก็พลันตบตีชายหนุ่มไม่ยั้งแต่ดูเขาสิ ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
เมื่อหมดหนทางหนีก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปยังไงดี ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าไอ้หนวดที่กำลังเลื่อนหน้ามาใกล้ๆ ตอนนี้คิดจะแกล้งอะไรเธอแต่ด้วยสัญชาตญาณความของลูกผู้หญิงจำต้องรีบหลบหน้าหนี
“นี่ๆ ทำอะไรกันนะ”
เหมือนฟ้ามาโปรด พลอยชมพูหันไปตามเสียงทั้งที่ตอนแรกกำลังจะจนมุมต่อไอ้หน้าหนวดคนนี้แล้วแต่พอได้ยินเสียงชิดชมแค่นั้นแหละ ตัวเธอเหมือนมีเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันที มือเล็กผลักเขาเต็มเหนี่ยวจนร่างหนากระเด็นจมน้ำก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกทีให้เห็นครึ่งตัวท่าทางโมโหจัดแต่เธอหรือจะกลัว หญิงสาวเชิดหน้าใส่คนตรงหน้าก่อนจะว่ายมาขึ้นสระอย่างสบายใจฉ่ำโดยที่นายหน้าหนวดยังคงปั้นหน้าบึ้งตึงอยู่
“นี่ตกลงสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ”
นั่นเป็นเสียงของชิดชมแต่พลอยชมพูเพียงแค่ยักไหล่ไม่ได้ตอบอะไรส่วนฝ่ายนั้นก็เงียบเหมือนกันเพราะกำลังดูดน้ำกาแฟจากหลอด ตอนนี้เราทั้งสามอยู่ที่ร้านขายเครื่องดื่มข้างฟิตเนต
“นี่ ถามอีกครั้งรู้จักกันใช่ไหม”
“ไม่” เป็นการตอบที่ประสานเสียงกันจริงๆ
“อืม เชื่อแล้วว่าไม่รู้จักกันจริงๆ” ชิดชมเอ่ยพลางส่งสายตาไปยังหนุ่มสาวที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกันส่วนเธอก็นั่งอยู่กึ่งกลางราวกับเป็นกรรมการให้คนทั้งสองยังไงยังงั้นเพราะดูท่ามวยคู่นี้คงไม่ยอมจบง่ายๆ
“พี่แต้วค่ะ พลอยไม่คิดเลยนะคะว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายแบบนี้หลงเหลืออยู่อีก” พลอยชมพูเริ่มเปิดฉากพูดเห็นสายตาของยอดกล้าที่มองมาก็พอเดาออกว่าพร้อมจะแย้งกับคำพูดของเธอ
“ผู้ชายหล่อๆ แถมหุ่นยังน่าเจี๊ยะแบบผมนะเหรอ ก็จริงที่คุณว่านะผู้ชายแบบนี้ไม่ค่อยมีเหลือเท่าไรแล้ว”
“ยี้ทุเรศ พูดมาได้ไม่อายผี” พลอยชมพูแควะ รู้สึกพะอืดพะอมทำท่าอยากจะอ้วกเมื่อฟังคำพูดนั้นจบ มันน่าทุเรศสิ้นดีนอกจากจะหน้าหนวดแล้วยังหลงตัวเองเป็นที่สุด
“ก็น้อยกว่าคุณแหละ ซาดิส จิตวิปริตถึงชอบใช้กำลังทำร้ายคนอยู่เรื่อย”
“นี่นาย” พลอยชมพูตาโตชักสีหน้าไม่พอใจแต่พอจะอ้าปากต่อว่าก็ถูกชิดชมร้องห้ามเสียก่อน
“เออ พอกันเถอะค่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” ชิดชมพูดขึ้นส่งสายตาติติงมาทางเพื่อนหนุ่ม “ตัวก็เหมือนกันนะ เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว ขอให้เลิกแล้วต่อกันเถอะนะ” เอ่ยจบก็หันมามองหน้าเพื่อนรุ่นน้องส่งสายตาเว้าวอน
“ถือว่าพี่ขอร้องนะคะน้องพลอย”
พลอยชมพูยังมีเคืองแต่เพื่อเห็นแก่ชิดชมจึงยอมสงบปากแต่ไอ้หน้าหนวดกลับท้าทายมาด้วยคำพูดประโยคหนึ่ง
“เลิกก็ได้แต่ต้องหลังจากแข่งว่ายน้ำให้เสร็จก่อนแต่จะกล้าแข่งกับผมหรือเปล่าล่ะ ถ้าคุณชนะผมยอมคลานเหมือนหมามาขอโทษคุณเลย แถมยอมให้คุณโขกสับใช้งานได้หนึ่งวันเต็มๆ แต่ถ้าคุณแพ้ คุณต้องตกเป็นทาสรับใช้ผมหนึ่งวันเต็มๆ เอาไหม”
นอกจากจะเหม็นขี้หน้าแล้วพลอยชมพูยังรู้สึกเหม็นขี้ปากหมอนี่อีกด้วย พูดมาได้ว่ากล้าท้าดวลไหม แน่ละในเมื่อคนอย่างเธอไม่เคยกลัวใครหน้าไหนต่อให้เป็นเพศพ่อก็เถอะ ท้ามาก็ท้าไปไม่ยอมให้เสียชื่อหรอก สายตาเอาเรื่องจ้องมองคนท้าดวลแล้วเชิดหน้าพูด
“จะมั่นใจมากเกินไปหรือเปล่า ไม่รู้หรือไงว่าฉันนะเคยเป็นแชมป์นักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัย”
“งั้นก็ดีเลย แบบนี้คุณก็คงจะรับคำท้าของผมได้อย่างไม่กลัวสินะ”
“ใช่ ฉันรับคำท้า” พูดออกไปโดยไม่ต้องคิดมาก
“แต่พี่ว่าน้องพลอยลองคิดดูอีกทีนะคะ” ชิดชมแย้งมาสีหน้าไม่สู้ดี
พลอยชมพูอดน้อยใจไม่ได้ที่แม้แต่รุ่นพี่ที่เคารพรักเหมือนพี่สาวแท้ๆ ยังไม่เชื่อเลยว่าเธอจะชนะ
“ตัวไม่ต้องพูดเลย คุณพลอยเป็นถึงแชมป์นักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัยเชียวนะ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก” ยอดกล้าเอ่ย สายตาที่มองยังพลอยชมพูอย่างท้าทายไม่เท่านั้นเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงอวดดีอวดเก่งคนนี้จะเก่งอย่างที่โอ้อวดหรือเปล่า
“ใช่ พี่แต้วค่ะ เป็นพยานให้พลอยด้วยแล้วก็นับเวลารอดูอีกตาหนวดนี่คลานท่าหมามาขอโทษพลอยได้เลย” พลอยชมพูว่าสายตาเหลือบมาทันเห็นคนหน้าหนวดกำลังหัวเราะหึหึ ให้ตายสิ เธออยากเอามือตบปากเขานัก
ฝ่ายชิดชมได้แต่ยิ้มแหยงๆ ด้วยรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้แต่ก็แอบลุ้นอยู่ไม่น้อยว่าเกมนี้จะมีพลิกแพลง
สายของวันนี้เมฆากำลังยืนรอคนมาเปิดประตูรั้วหลังจากกดกริ่งไปได้สักพัก และคาดหวังว่าคนที่มาเปิดประตูจะเป็นสิรินภาเพราะก่อนลงจากรถได้เห็นอบเชยกับเด็กสองคนกำลังนั่งแท็กซี่ออกไปข้างนอก
“มาหาใครครับ”
ความคิดของเมฆาวูบหายไปทันทีที่เสียงแหลมๆ ดังขึ้น เขาก้มมองไปยังเบื้องล่างเห็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักความสูงเท่าเอวชายหนุ่มซึ่งกำลังจ้องหน้านัยน์ตาใสปิ้ง พลอยทำให้คิดแผนบางอย่างออกมา ร่างหนาย่อตัวลงก่อนจะยิ้มทักทายไปให้เด็กชายตัวน้อยเห็นยิ้มตอบกลับมา หากไม่เคยอ่านประวัติของสิรินภามาก่อนคงไม่รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกเลี้ยงของเธอ
“อามาหาแม่บีครับ ว่าแต่คนนี้หนึ่งหรือสองครับ” เมฆาถามด้วยความงงเนื่องจากเด็กคนนี้มีฝาแฝดอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันมากจนแยกไม่ออก หากไม่สนิทสนมกันจริงๆ คงเรียกสลับตัวเป็นแน่
“สองครับ”
“อ๋อ น้องสองนี่เอง อาซื้อของเล่นมาให้ด้วยนะ อยู่ในรถเต็มเลย อยากได้ไหมครับ” ล่อเด็กน้อยด้วยของเล่นราคาแพง ใช่ การลงทุนด้วยของมีราคามักได้ผลดีเกินคาดเสมอ เขาคิดเช่นนั้น
“ไม่เอาครับ เพราะมามี้บอกว่าไม่ให้เอาของคนแปลกหน้า”
ประโยคนั้นทำให้เขาต้องคิดใหม่เพราะแม้แต่เด็กน้อยก็ยังปฏิเสธรับของจากเขา เมฆาฝืนยิ้มมือหนายกมาแตะไหล่บางสองข้างเอ่ยอย่างใจเย็น
“แต่อาไม่ใช่คนแปลกหน้า อาคือแฟนมามี้ของน้องสอง”
“แฟน เป็นยังไงครับ”
นัยน์ตาใสซื่ออดทำให้เขาขำไม่ได้ นั่นสิ เด็กอายุแค่นี้จะรู้จักคำว่าแฟนได้ยังไง ปากหนาฉีกยิ้มอีกครั้งพยายามหาคำง่ายๆ มาอธิบาย
“แฟนก็คือคนที่จะดูแลมามี้สองไงละครับ อ้อแล้วก็จะดูแลหนึ่ง สองและน้องด้วย” อธิบายอย่างใจเย็นเพื่อสร้างความเข้าใจให้เด็ก ที่สำคัญเป้าหมายของเมฆาคืออยากปลูกฝั่งเด็กๆ ให้ยอมรับเขาเป็นพ่อบุญธรรมเพื่ออะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้น
“สองครับ”
สิรินภาเดินออกมาตามเพราะเห็นเด็กชายสองหายไปนานจนน่าสงสัยก่อนจะตกใจตื่นที่เห็นยืนคุยกับเมฆาหน้าบ้าน จึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเดินตรงเข้าไปหา
“คุณเมฆ”
“เรียกพี่เมฆเหมือนเดิมสิครับบี” เมฆารีบตีสนิทด้วยการอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ท่าทางสองจะชอบเขาเพราะไม่ดิ้นไม่ต้านต่อการกระทำสักนิดกลับกันยอมกอดคอเขาง่ายๆ ชายหนุ่มยิ้มทักทายเอ่ยกับหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังมองมาแปลกๆ
ที่ห้องรับแขกเมฆานั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟาสีขาวโดยมีร่างของเด็กชายสองกำลังเล่นของที่ชายหนุ่มซื้อมาให้
“พี่แวะมาเยี่ยมนะครับ เป็นห่วงเห็นเมื่อวานบีออกไปแบบนั้น”
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”
“พี่อบพาหนึ่งกับหนูน้อยไปตลาดค่ะ ส่วนสองให้อยู่เป็นเพื่อนบีที่บ้าน” สิรินภาตอบเสียงเรียบ ยังรู้สึกแปลกๆ ที่เขามาหาเธอที่บ้าน
“เด็กๆ น่ารักจังนะครับ ไม่น่าละบีถึงอยู่กินกับผู้ชายคนนั้น” เมฆาว่าพลางมองไปยังเด็กน้อยที่กำลังเล่นของเล่นอยู่เงียบๆ
“แล้วพี่เมฆมาหาบีถึงบ้านมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
เมฆายิ้ม ส่งสายตาหวานมายังหญิงสาวที่นั่งตรงหน้า
“พี่มาเพราะพี่คิดถึงบี เมื่อวานที่บีออกไปแบบนั้นรู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงบีมากแค่ไหน”
“บีขอโทษค่ะ ที่ต้องกลับก่อนเพราะกลัวว่าพี่อบจะเป็นห่วง”
“แล้วเรื่องของเราล่ะ บีจะว่าไงถ้าเราจะกลับมาคบกันอีก” เมฆาเข้าเรื่อง
สิรินภาเหมือนช๊อก คำพูดของเขาแปลกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไหนจะการกระทำที่ดูอ่อนโยนผิดกับตอนแรกที่เจอกันจนวันนี้เขาก็พูดประโยคที่ทำให้หญิงสาวต้องคิดหนัก หญิงสาวผ่อนลมหายใจก่อนจะตอบออกไป
“บีลองมาคิดดูแล้ว เรื่องของเรามันคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้บีมีภาระมากมายที่ต้องจัดการไหนจะต้องดูแลเด็กๆ ทั้งสามและบีก็ไม่อยากมีปัญหากับคุณพ่อของพี่เมฆอีก ที่สำคัญบีไม่เหมาะกับพี่ หวังว่าพี่เมฆคงจะเข้าใจบี”
“ที่บีปฏิเสธพี่เพราเหตุผลพวกนี้งั้นหรือ”
“บีแค่ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้ แค่รู้ว่าพี่เมฆยังมีความรู้สึกดีๆ ให้บี แค่นี้บีก็ดีใจมากแล้ว หากต้องกลับไปคบกับพี่ใหม่บีคงละอายใจจนไม่กล้าจะสู้หน้าใคร”
“แต่พี่ไม่สน ขอเพียงให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม พี่ยอมทิ้งทุกอย่างหรือว่าเราจะกลับไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศสตามเดิมก็ได้ พี่ตามใจบี”
“แต่บีทำไม่ได้ค่ะ บีจะทิ้งเด็กๆ ให้พี่อบดูแลคนเดียวไม่ได้ เด็กๆ กำพร้าพ่อไปแล้วคนหนึ่งส่วนแม่ก็ไม่เคยมาดูดำดูดีอีกเลย ดังนั้นบีไม่อาจจะละทิ้งหน้าที่พ่อแม่ไปของเด็กๆ ได้หรอกค่ะ”
เมฆารู้สึกโมโหในใจ คิดว่าแผนการที่วางไว้มันจะไม่มีปัญหาแต่เปล่าเลย สิรินภาละเอียดอ่อนเกินไปเพราะเธอไม่ได้แค่เห็นแก่ตัวเท่านั้นแต่เธอเล่นตัวชะมัด เมฆาคิดในใจ
“วันนี้รู้สึกดีจริงๆ ที่มีคนมาช่วยงาน” ประโยคนั้นทำให้พลอยชมพูต้องเงยหน้าขึ้นจากแปลงดอกไม้แล้วมองหน้าคนพูดเห็นชัดว่ากำลังยิ้มหน้าบาน โมโหไม่หายที่เสียค่าโง่แข่งกับอีตาหนวดนี่
“นายจะแกล้งฉันหรือไง” ปากอิ่มถามกลับ แววตาอาฆาตอีกฝ่ายยักไหล่โค้งตัวมานิดแล้วตอบหน้าตาย
“แกล้ง ใครแกล้งคุณ ก็คุณแพ้ผมเอง”
“ก็แล้วทำไมนายไม่บอกว่าเป็นนักกีฬาเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัยซ้อน นี่ถ้าพี่แต้วไม่บอกฉันก็คงโง่อยู่อีกนาน”
“บอกได้ไงก็คุณไม่ถามนี่” ยอดกล้าว่าเสียงเยาะๆ ก่อนจะเริ่มออกคำสั่ง “ไม่ต้องอู้เลย ไปยกกระถางตรงนั้นมาให้หน่อยสิ” มือชี้ไปที่กระถางใบใหญ่
“หา”
“จะไม่ทำก็ได้นะ ผมจะได้รู้ว่าผู้หญิงอย่างคุณมันพูดจากลับไปกลับมา ตลบตะแลงไม่มีความจริงใจ แล้วผมจะได้ไปบอกชิดชมว่าให้เลิกคบกับคุณไปเลย”
พลอยชมพูกรี๊ดร้องในใจ เจ็บใจที่เสียรู้แถมยังโดนอีตานี่แกล้งใช้งานหนักๆ อีก เท้าเล็กเดินไปยังที่วางกระถางก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
ยอดกล้ามองหน้าบูดเบี้ยวของพลอยชมพูแล้วอดขำไม่ได้ แกล้งออกคำสั่งไปอีก
“ใส่ดินใส่ปุ๋ยด้วย”
พลอยชมพูเม้มปากอยากจะด่าชายหนุ่มแต่ก็จนใจเพราะคนอย่างเขาด่าไปก็มีแต่เจ็บใจเปล่าๆ ก็เห็นอยู่ว่าอีตาหนวดนี่หน้าตายสุดๆ
“ทำให้มันไวๆ หน่อยสิคุณ” ยอดกล้าว่าแล้วหัวเราะคิกๆ
ที่คอนโดเมฆา วิทยาเปิดประตูเข้ามาก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเจ้าของยืนกอดอกมองเขานิ่งแถมสายตาที่จ้องมานั้นทำเอาคนถูกมองรู้สึกร้อนๆ วาบๆ ชอบกล
“อ้าว อยู่คอนโดด้วยหรอ” วิทยาทักเพื่อนแล้วทำหน้าเก้อๆ กังๆ เมื่อเมฆาไม่ยอมตอบคำถาม ยังคงจ้องหน้าเขานิ่ง “นี่หน้าฉันมันมีอะไรผิดปกติเหรอ แกถึงได้จ้องเอาจริงเอาจังขนาดนั้น” คนพูดเริ่มอยู่ไม่สุขเดินมาหยิบขวดน้ำเปล่าแล้วดื่มไปจนเหลือครึ่งขวดหันมาทางเพื่อนยังเห็นจ้องอยู่ จึงถามออกไปด้วยท่าทีห้วนจัด
“มีอะไรจะพูดก็พูดมาไม่ต้องมามองหน้าฉันด้วยสายตาแบบนั้น เห็นแล้วมันสยอง” วิทยาว่าเดินมานั่งฟุบที่เก้าอี้ เห็นเมฆาเดินมานั่งตรงข้าม
“ก็เรื่องที่ฉันให้แกไปสืบมาไง ได้ความไปถึงไหนแล้ว”
“แกนี่ใจร้อนไม่เบาเลยนะ ได้เรื่องแล้วอ้อเสื้อผ้าที่ฉันยืมแกคราวก่อน เอามาคืนแล้วนะแต่อยู่ในรถเดี๋ยวไปเอามาให้” วิทยามีนอกเรื่องแต่ดูคนฟังจะไม่ค่อยชอบใจนัก
“ตั้งไว้นั้นแหละ อย่าลีลาน่าเล่าเรื่องที่ฉันให้แกสืบมาก่อน”
วิทยามองหน้าเพื่อนแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบบางอย่างแล้วโยนไปให้เพื่อน “ไม่ลงไม่เล่ามันแล้ว แกเอาไปดูเองละกัน”
เมฆาเปิดอ่านเอกสารที่อยู่ในซองสีน้ำตาลอย่างคร่าวๆ ไล่สายตาผ่านตัวอักษรเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดตรงบรรทัดหนึ่ง โยนเอกสารลงบนโต๊ะ
“พอจะติดต่อผู้หญิงคนนั้นได้ไหม”
“ใคร” วิทยาถามสีหน้ามึนงง
“สุรีย์”
ยอดกล้ากำลังยืนโบกไม้โบกมือให้สาวที่สตาร์ทรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็วก่อนจะหันมายิ้มแป้นแล้นให้เพื่อนหญิงที่ยืนมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยพึงพอใจนัก
“ตัวก็เหลือเกินนะ ไปแกล้งน้องพลอยแบบนั้น” ชิดชมว่าแล้วเดินเข้ามานั่งในร้าน โดยมีเพื่อนหนุ่มเดินตามเข้ามา
“ก็ยัยนั่นมันน่าแกล้งนี่ ยิ่งเห็นตอนที่ทำงานงกๆ ตามคำสั่งนะ ขำชะมัด” ยอดกล้าว่า เข้ามานั่งเก้าอี้ที่ว่าง ยังขำไม่หายที่พลอยชมพูถูกเขาใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้นตอนได้เห็นสีหน้าของหญิงสาวก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ขำไปเถอะ สักวันจะขำไม่ออก” ชิดชมว่าเห็นยอดกล้ายักคิ้วใส่
ตกค่ำที่บ้านสิรินภา หลังจากร่วมรับประทานอาหารภายในครอบครัวกันเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานทำให้หญิงสาวที่กำลังล้างจานอยู่นั้นต้องเหลียวหน้ามามองเห็นน้องหนึ่งกำลังกวาดขยะโดยมีเด็กหญิงน้อยถือโกยขยะอยู่ใกล้ๆ ส่วนน้องสองก็กำลังช่วยป้าของตนเช็ดโต๊ะอย่างขะมักเขม้น ทั้งสามส่งสายตาและหัวเราะใส่กันพลอยทำให้ผู้ใหญ่อย่างเธอมีความสุขไปด้วย
รอยยิ้มหวานขงสิรินาภาผุดขึ้นที่มุมปาก แม้ชีวิตจะเคยตกต่ำมามากแค่ไหนแต่การมีครอบครัวดี มีคนที่รักและเป็นห่วงเราอย่างจริงใจ มันทำให้ความเสียใจที่ก่อตัวมาก่อนหน้าสลายลงไป พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่คนในครอบครัวแต่คืออากาศที่ช่วยต่อลมหายใจให้เธอ
“พี่อบค่ะ เดี๋ยวบีเอาขยะไปทิ้งก่อนนะคะ” สิรินภาหอบถุงขยะมาถือไว้ไม่ลืมหันมาบอกอบเชยที่กำลังยืนเช็ดโต๊ะอาหารอยู่
“สองไปด้วย” เด็กชายสองพูดจบก็วิ่งมาช่วยถือถุงขยะด้วย เงยหน้ายิ้มตาหวานให้มามี้
ไม่นานสองร่างก็เดินต้อยๆ กันออกมาถึงหน้าบ้านโดยเด็กชายสองช่วยเปิดฝาถังขยะให้แต่ทุลักทุเลเพราะตัวเตี้ยกว่าถัง สิรินภายิ้มขำเมื่อเด็กตัวเล็กๆ ยังมีแก่จิตแก่ใจช่วย หญิงสาวจึงช่วยเด็กน้อยเปิดเองก่อนจะยัดถุงดำใส่ถังขยะแล้วปิดฝากลับเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย
“ไหนมามี้ดูมือหน่อยสิครับ เลอะไหม” สิรินภาเอ่ยเสียงอ่อนเห็นเด็กชายสองยื่นมือมา เธอยิ้มให้พร้อมกับปัดสิ่งสกปรกออกจากมือหนูน้อยเบาๆ
ประตูรั้วกำลังจะปิดล๊อกด้วยแม่กุญแจแต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือหนึ่งเข้ามาจับมือสิรินาภาไว้ หญิงสาวสะดุ้งตกลงทำแม่กุญแจร่วมตกพื้น ดวงตาหวานเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้าถนัด ชายคนหนึ่งไม่รู้ถูกอะไรเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด หญิงสาวใจเต้นรัวไม่ลืมลากน้องสองมากอดไว้
“ช่วยด้วยครับคุณ ผมถูกทำร้าย ตอนนี้พวกมันกำลังตามผมมา ช่วยผมด้วย ช่วยด้วย...ช่วย...” เสียงผู้ชายคนนั้นขาดหายไปในที่สุดพร้อมกับร่างหนาที่ทรุดลงตรงหน้า สิรินภายิ่งตกใจยกมือขึ้นปิดตาเด็กชายสองเกรงว่าภาพเลือดเต็มตัวจะทำหนูน้อยกลัว
กรงแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2558, 13:06:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2558, 13:06:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 1057
<< บทที่ 6 แรงหึง | บทที่ 8 ส่วนที่ขาดหาย >> |