~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 21 .. ใจที่เคลือบแคลง



เพลิงกัลป์วางมือจากงานเอกสารหลังจากทราบว่า เชดส์ไปหาซายน์แล้วทั้งคู่ก็ออกมาด้วยกัน ซึ่งเขาก็นึกขอบคุณสรัลรีที่คอยส่งข่าว ความเคลื่อนไหวของหนุ่มลูกครึ่งที่ไม่น่าไว้ใจคนนั้นอยู่เสมอ

ท่านประธานรู้คคาดเดาไว้ไม่ผิดเลยว่า คนที่พอจะไว้ใจได้อย่างเชดส์ยังมีบางสิ่งปิดบังเขา แต่มันกลับมีลับลมคมในมากกว่าที่คิด

ความสงสัยทำให้เขาทำทีเป็นวางใจ แต่พอทราบแน่ชัดว่า คนที่เคยช่วยชีวิตไว้ติดต่อคบค้ากับบุรุษซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปชัดเจน ย่อมทำให้เกิดความแคลงใจต่อทั้งสองคนอีกเป็นเท่าตัว

ดังนั้น คนเดียวที่จะไขข้อข้องใจให้แก่เพลิงกัลป์ได้ คงมีแต่หนุ่มเดรดล็อคคนเดียวเท่านั้น

ชายหนุ่มขับโฟร์วีลออกจากโรงแรม มาจอดเทียบฟุตปาธที่ผู้รับผิดชอบพื้นที่กำหนดไว้ แทนที่จะเลยไปจอดที่โรงเก็บเรือของรู้ค นั่นเป็นเพราะไม่อยากย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา

เพลิงกัลป์ก้าวลงจากรถปิดประตูแรงพอสมควร พยายามทำใจให้นิ่งและหนักแน่น ไม่ว่าหลังจากนี้จะได้พบหรือได้ยินอะไรจากเชดส์ก็ตาม

เขายังมีความเชื่อที่ว่า ทุกคนย่อมมีเหตุผลต่อสิ่งที่ทำลงไป

แต่ถ้าไม่ .. เชดส์ก็จะได้รู้จักเพลิงกัลป์ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เหมือนกับที่เขากำลังจะได้รู้จักอีกฝ่าย ว่าประสงค์ดีหรือร้ายต่อเขากันแน่

สายตามุ่งมั่นมองตรงไปข้างหน้า แต่ละก้าวนั้นดูคล่องแคล่วงว่องไว หากหนักแน่นมั่นคงทุกครั้งที่ย่างลงบนพื้น ที่หมายปรากฏชัดเจน เหลือเพียงระยะไม่กี่เมตรก็จะไปถึงร้านขายของที่ระลึก ซึ่งก็ได้เพลิงกัลป์นี่ล่ะเป็นคนออกทุนให้

ทว่า ผู้มาเยือนกลับต้องระทึกตึกตักในใจเสียเอง จนต้องเบี่ยงกายหลบมุมเพื่อให้พ้นสายตากลุ่มคนที่เดินออกมาจากร้านนั้น

กลุ่มคนที่เพลิงกัลป์เห็นด้วยตามี ๓ คน เพียงแต่ ๑ ใน ๓ คนนี้ ... เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะมาอยู่ท่ามกลางผู้ชายถึงสองคน
คนหนึ่งร่างสูงเพรียวผิวคล้ำ ทรงผมเป็นเอกลักษณ์ คือ เชดส์

ส่วนอีกคน เป็นหนุ่มลูกครึ่งดูกำยำล่ำสันด้วยมัดกล้าม ยืนเคียงข้างทั้งยังยกแขนโอบไหล่หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม

ซายน์กับมัสลิน!

เพลิงกัลป์เขม้นมองเป็นจ้องเขม็ง แทบไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเผลอกำหมัดแน่นตั้งแต่เมื่อใด

อึดใจเดียวชายหญิงคู่นั้น ก็แยกตัวจากเชดส์ไปทางสถานีอนามัยของเกาะลาลัล โดยมีหนุ่มเร้กเก้สไตล์โบกมือไล่หลังก่อนหันกลับเข้าร้าน

ชายหนุ่มเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นกี่นาทีเขาก็ไม่ได้ใส่ใจนับ เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันเหมือนมีอะไรร้อนๆปะทุในอก พร้อมจะระเบิดและเผาผลาญสิ่งที่อยู่ใกล้ให้ไหม้เป็นจุณ

แต่ยังก่อน ... เชดส์คือเป้าหมายแรกที่ทำให้เขาตามมาพบที่นี่ 'คนอื่น' ค่อยเป็น 'คิว' ต่อๆไป

เพลิงกัลป์จึงได้แต่ข่มกลั้นและสะกดใจเอาไว้ เพื่อรอเวลา ...

ใช่ เขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือเลยเชียวล่ะ







มัสลินเดินเคียงศรตฤณมาจนถึงจักรยานยนต์เคเอสอาร์คันกะทัดรัด ที่จำได้ว่าเป็นคันเดียวกันที่ 'อาป่าน' ของเธอเคยพาขี่ไปกินข้าวคราวนั้น แต่ก็เป็นชั่วครู่ที่มันสามารถดึงความสนใจจากเธอได้

ระหว่างที่ศรตฤณเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ควานหากุญแจรถ หญิงสาวที่ยืนรออยู่ข้างๆก็เปรยขึ้นมาเบาๆ

"อาป่านจะไม่บอกลินินจริงๆหรือคะ ว่าอาป่านกำลังทำอะไรอยู่"

น้ำเสียงใสแต่แผ่วลงราวกระซิบ บอกให้คนฟังรู้ว่าคนพูดค่อนข้างระมัดระวังตัวไม่ต่างกัน ชายหนุ่มถอนใจยืดตัวตรงเหลียวมองมายังหลานสาวคนเดียวของเขา

"แล้วลินินจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ ... เอาเป็นว่า ลินินอยู่เฉยๆไม่ต้องสนใจหรอกว่า อากำลังทำอะไร"

"ได้ไงคะ ..."

มัสลินย้อนถามเสียงแหวอย่างเผลอตัว จนต้องเหลียวมองโดยรอบว่ามีใครมองมาทางพวกเธอหรือเปล่า

"หรืออาป่าน ... กำลังทำอะไรที่เสี่ยง ... ทำอะไรที่มันอันตราย"

คำถามคาดคั้นเอาเรื่องจากหญิงสาว ทำให้เธอได้เห็นในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น เมื่อศรตฤณปรายสายตาดุเป็นเชิงปราม ปราศจากคำอธิบายให้กระจ่าง หากมีผลมากพอจะทำให้มัสลินเงียบลงได้แต่ก็ยังมีเสียงพึมพำเล็ดลอดมา พร้อมกับเอื้อมมือมาแตะข้อศอกอีกฝ่ายอย่างขอลุแก่โทษในที

"เอ่อ ... ลินินขอโทษค่ะ ... ลินินเป็นห่วงอาป่านนี่คะ ... ลินินไม่มีใครอีกแล้วที่เป็นครอบครัว ..."

ศรตฤณคลายความเคร่งขรึมลง แววอ่อนโยนคืนสู่นัยน์ตาอีกครั้ง เขาหันกายมาเผชิญหน้ากับหลานสาว และจากหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เหมือนเขาจะเห็นเธอเป็นเพียงเด็กหญิงที่ถูกปล่อยให้อ้างว้างโดดเดี่ยว ไม่ใช่มัคคุเทศก์ผู้คล่องแคล่วอย่างที่เคยได้ฟัง คราวไถ่ถามถึงหน้าที่การงานอีกแล้ว

คนเป็นอาถอนหายใจยาวกับคำพูดที่แสดงความรู้สึกชัดเจนของมัสลิน เพราะมีอย่างหนึ่งที่ผิดไปไกลจากความเป็นจริงมากมายนัก

"ลินิน ... พี่ทิว ... พ่อของลินินก็ยังอยู่นะ แล้วเขาก็รอลินินมาตลอด ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจบ้าง"

มือที่แตะข้อศอกอาหนุ่มตกลงทันที ก่อนจะเบือนหน้ามองไปทางอื่นไม่ยอมสบตา ... เพื่อบอกให้เขาเข้าใจเช่นกันว่า เธอไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินชื่อของคนๆนั้น

ศรตฤณอ่านอากัปกิริยาของมัสลินได้ปรุโปร่ง แต่เขาก็ยังคงย้ำคำเดิมเพื่อยืนยันคำพูดอย่างหนักแน่น

"ถ้าลินินบอกว่า เป็นห่วงอา ... พี่ทิว ... เขาก็เป็นห่วงลูกสาวของเขาไม่แพ้กันนั่นล่ะ"

"อาป่านอย่ามาแก้ต่างแทนพี่ชายของอาป่านเลยค่ะ ... อาป่านไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนที่เขา ... ช่างเถอะ ลินินไม่อยากพูดถึง"

"อาว่า เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้วล่ะ ... แต่ยังไม่ใช่วันนี้ ... ไป เดี๋ยวอาไปส่งที่เราที่รู้ค อีกสักวันสองวันถ้าอาเสร็จธุระ อาจะแวะไปหา"

อาหนุ่มไม่เปิดโอกาสใดๆให้หลานสาวอีก ซึ่งก็ไม่ต่างกันเมื่อมัสลินมีท่าทีมึนตึง กลบเกลื่อนกิริยาอาการที่ไม่สมควรแสดง รวมถึงคำพูดที่พาดพิงไปยังพ่อของเธอ

เธอรู้แก่ใจ ... แต่ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะฝังความคิดมาเนิ่นนานแล้วว่า ทอทิว ... คือต้นเหตุที่ทำให้มารดาของเธอล้มป่วยจนเสียชีวิต

มัสลินยึดโยงความคิดของตน กล่าวโทษและยกความผิดให้พ่อมาตลอด ... ทั้งที่รู้ว่า มันไม่จริง!

เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่ในภวังค์ของแต่ละคน การเคลื่อนไหวจึงเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทั้งศรตฤณและมัสลินจึงไม่ทันได้รู้ตัวว่า พวกเขากำลังถูกเฝ้ามองจากใครบางคน







"ไปไหนมาลินิน ... เรากับคุณฟ้าไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ ... แล้วมานั่งทำมิวสิคอะไรตรงนี้"

รัศมิทัตทักถามเชิงกระเซ้า เมื่อเห็นมัสลินนั่งรับลมทะเลอยู่หน้าหาด แต่พอย่อตัวชะโงกหน้ามองเพื่อสาวให้ชัดๆ สถาปนิกหนุ่มก็ต้องย่นคิ้วเข้าหากันทันที พลางขยับตัวลงนั่งข้างๆด้วยความเป็นห่วง

"เป็นอะไรไป หน้าตาไม่ดีเลย ... ไหน มีใครทำอะไรบอกมา เดี๋ยวเราจะไปจัดการให้"

"เปล่า ... ไม่มีอะไรหรอก แล้วที่บอกตามหาเรามีอะไรเหรอ"

มัสลินระบายความอึดอัดที่เก็บกักไว้จนเต็มออกไป สีหน้าท่าทางเหนื่อยหน่ายไม่อาจปกปิดมันไว้ให้พ้นสายตารัศมิทัตได้ทัน แต่ก็ยังตอบปฏิเสธไปอย่างแกนๆ ก่อนเบี่ยงประเด็นเป็นถามแทน

รัศมิทัตทำหน้าบอกให้รู้ว่าคิดอย่างไรพร้อมกับพูดออกมา ตามประสาคนรักเพื่อน ... แต่เรื่องนี้คงต้องพึ่งที่ปรึกษาอย่างพายพัดด้วยอีกคน

"จริงอ่ะ ... ไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่เอาเหอะ เราไม่เซ้าซี้แล้วกัน ... อ้อ แล้วที่ตามหาเนี่ยเพราะว่า ค่ำนี้คุณฟ้าจะพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมสุดหรูบนเกาะลาลัล ... เตรียมตัวไว้ให้ดีๆล่ะ"

"อะไรนะ ... โรงแรมสุดหรู ? ... อย่าบอกนะว่า พี่ฟ้าจะพาไป ..."

ท่าทางเนือยๆกับอารมณ์เซื่องซึมดูจะหายไปกะทันหัน หลังจากฟังจุดประสงค์ของเพื่อนชายคนสนิท

หญิงสาวหันมาตาโตอ้าปากค้าง ขยับปากพูดชื่อโรงแรมนั้นโดยไม่ออกเสียง ซึ่งคนนั่งข้างๆก็มองดูปฏิกิริยานั้นอย่างนึกขำ ยิ่งพออ่านริมฝีปากได้ว่า เป็นสถานที่เดียวกันกับที่จะไป ก็พยักหน้าช้าๆรับรองว่า ... ถูกต้อง ใช่แล้ว

"เฮ้ย ... ทัต นายไปบอกพี่ฟ้าเลย เราไม่ไปเป็นกอขอคอ ... นายกับพี่ฟ้าหรอก โรงแรมหรูๆ บรรยากาศดีๆแบบนั้น มันเหมาะกับคู่รักมากกว่า"

"ได้ไง นี่พวกเราตั้งใจชวนไปดูคู่แข่งนะ ไม่ได้ให้เธอไปเป็นกองขี้ควาย ... ไอ้เรื่องโรแมนติกน่ะ แค่มีคุณฟ้า ให้เป็นที่ไหน คนอย่างทัตก็จัดให้ได้อยู่แล้ว"

"เอ๊ะ ... ไอ้เพื่อนปากดี มาว่าเราเป็นกองขี้ควาย ... เออ ไป เราไปแน่ คอยดู อย่ามามองกอขอคอ คนนี้ตาปรอยแบบมองพี่ฟ้าก็แล้วกัน"

สถาปนิกหนุ่มยิ้มกริ่มหลังจากประสบความสำเร็จ ในการทำให้ไกด์สาวผู้เพื่อนกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

เขาไม่รู้หรอกว่า ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับมัสลินบ้าง แต่อาการเซื่องซึมว้าเหว่เหล่านั้น มันช่างไม่เหมาะกับคนเข้มแข็งที่รัศมิทัตรู้จักแม้แต่นิดเดียว

"เราน่ะ คงไม่หรอก ... เพราะมีคุณฟ้าให้มองแล้ว แต่คนอื่น ... ก็ไม่รู้สินะ"

รัศมิทัตหยอดแถมท้ายพร้อมหลิ่วตาพลางยักไหล่ แล้วลุกขึ้นปัดทรายออกจากกางเกง ก่อนหันหลังเดินกลับไปยังส่วนที่เป็นออฟฟิศ โดยไม่ลืมย้ำกับมัสลินเชิงท้าทายกลั้วเสียงหัวเราะว่า

"ทุ่มหนึ่งนะ ... มาเจอกันตรงล็อบบี้ เราจะคอยดูกองขี้ควาย จะทำให้ใครตาปรอยได้มั่ง ฮ่าๆ"







มัสลินโล่งใจขึ้นมานิดว่า คิดไม่ผิดจริงๆที่ยัดชุดสำหรับออกงานมาด้วยสองชุด แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นแค่ชุดลำลองไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่า แบบชุดราตรียาวกรอมเท้าลากชายกรุยกราย

หญิงสาวชั่งใจอยู่อึดใจใหญ่ในกับเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ไปดินเนอร์ค่ำนี้ ก่อนจะเลือกเดรสสีครีมจับสม็อครับช่วงอกด้วยผ้าชีฟองบางเบา ผสานการตัดเย็บซับด้านในเป็นผ้าซาตินเนื้อเรียบลื่น ต่อเนื่องส่วนลำตัวมีความยาวจากใต้อกไปถึงชายผ้าทิ้งระยะแค่เข่า ซึ่งเวลามาอยู่บนเรือนร่างก็ดูพลิ้วไปมาตามการเคลื่อนไหว พอๆกับแนบชิดสัดส่วนยามหยุดนิ่งอวดรูปทรงไม่น้อย

ต่างหูมุกถูกใช้เป็นเครื่องประดับอย่างเข้าชุดกัน ก่อนที่มัสลินจะเก็บรวบผมกึ่งเกล้ากึ่งปล่อย ไม่รัดตึงแน่นจนอึดอัดศีรษะราวตั้งใจไม่ทำให้เป็นทรงผมไปงานพิธีจนเกินไป แต่ที่ต้องเก็บไม่ปล่อยสยายเพราะไม่อยากให้ผมยาวๆของเธอระเกะระกะ หากสถานที่ที่จะไปต้องนั่งโต้ลมเคล้าเสียงคลื่น ที่ใครๆต่างต้องการความโรแมนติกยามค่ำคืน

มัสลินแต่งแต้มใบหน้าด้วยสีสันอ่อนบาง เน้นดวงตาที่คมสวยให้ดูสวยซึ้งยิ่งขึ้น ริมฝีปากทาลิปสติกสีส้มอ่อน จนแทบเป็นสีเดียวกับกลีบปากนุ่มช่วยให้ยิ่งเต็มอิ่มดูสดใสชวนมอง

น้ำหอมกลิ่นอ่อนที่วางบนโต๊ะเคียงเครื่องสำอาง ถูกนำมาแตะแต้มตามแอ่งชีพจร แค่พอให้ละมุนกรุ่นความหอมบางเบา เนื่องจากเธอไม่ค่อยชอบกลิ่นฉุนจัดอย่างที่สาวๆหลายคนมักเลือกใช้

เมื่อมายืนมองกระจกที่ส่องเงาสะท้อนกลับมา มัสลินเห็นหญิงสาวรูปร่างระหง ในชุดเดรสสีครีมสมตัว ซึ่งเธอคิดว่าดูดีเท่าที่จะหาได้แล้ว

รองเท้าสานยกส้นเล็กน้อยมีผ้าผูกยึดรอบข้อเท้าคู่นี้ที่มัสลินตั้งใจสวมใส่ไปนี้ เธอคิดว่าเองว่าจะช่วยรั้งสายตาคนอื่นไม่ให้เธอดูเป็นสาวมากจนเกินไป ไม่แน่ใครเห็นอาจจะคิดว่าเด็กกะโปโลริแต่งตัวด้วยซ้ำ

พอคิดอย่างนี้ เธอก็อดยิ้มขันตัวเองไม่ได้ เพราะคงไม่สามารถหักล้างคำปรามาสจากรัศมิทัต ที่ยั่วล้อเอาไว้ตอนมาชักชวนเมื่อบ่าน

“เอาเถอะ ... ไม่ได้แต่งไปให้ใครมองนี่นา”

กระเป๋าสะพายใบน้อยสีขาวที่ไว้ใส่ของจุกจิกจิปาถะ ถูกเทเอาสิ่งต่างๆภายในนั้นออกชั่วคราว แล้วเธอก็ใส่โทรศัพท์มือถือ กับของอีกสองสามอย่างลงไป เท่านี้ก็พร้อมแล้วสำหรับดินเนอร์ ณ โรงแรมสุดหรูท้ายเกาะลาลัล






หญิงสาวในชุดสีครีมออกจากห้องเดินมายังล็อบบี้ กะว่าจะมารอรัศมิทัตกับเวหาก่อนเวลาสักหน่อย และอาจฆ่าเวลาด้วยการนั่งคุยกับนิกร ที่วันนี้เขาเข้างานควบกะเช้าบ่ายต่อเนื่อง เพราะพนักงานลดจำนวนลงจากที่เคยมีเต็มอัตรา ก็เหลือสลับมาทำงานในช่วงโลว์ ซีซั่น ไม่กี่คน

แต่พอเธอก้าวเข้ามาหยุดยืนบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ คนที่คาดว่าจะได้พบกลับไม่อยู่ประจำตำแหน่ง

มีชาวต่างชาติสูงวัยสองคนที่พักแบบลอง เทอม ลงจากบันไดผ่านล็อบบี้เห็นมัสลินเข้า ก็ส่งยิ้มทักทายพร้อมกับเอ่ยชมเป็นภาษาอังกฤษ ที่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มเขินๆ แต่เธอก็ตอบกลับไปเป็นภาษาที่สื่อสารให้พวกเขาเข้าใจได้ว่า 'เธอขอบคุณ'

มัสลินเริ่มเหลียวซ้ายแลขวามองหาเพื่อนสนิทและรุ่นพี่ ที่ป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ทั้งที่ใกล้ถึงเวลานัดเต็มที หรือไม่ทั้งสองคนอาจเปลี่ยนใจไปตามลำพังกะทันหันแล้วลืมบอกเธอ

หญิงสาวยืนคิดหาเหตุผลของความล่าช้า ไปจนถึงขั้นว่า ใกล้ได้เวลาขนาดนี้เธอคงหมดสิทธิ์เป็นกอขอคออย่างที่พูดดักคอรัศมิทัตไว้

แม้จะเก้อไปบ้างที่อุตส่าห์แต่งตัวมา แต่คิดอีกแง่ก็ดีแล้วที่จะไม่ต้องไปขัดความสุขของเพื่อนกับคนรักสาวรุ่นพี่ของเธอ

มัสลินส่ายหน้ายิ้มๆ ก้มมองตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะพูดติดตลกเพราะคงไม่มีใครได้ยินว่า

“เฮ้อ นายทัต ... ยกตำแหน่งแม่สายบัวให้ แทนกองขี้ควายเหรอเนี่ย”

“มาช้าแล้วยังบ่นอะไร”

เสียงห้วนเข้มดังมาจากด้านหลัง ทำให้มัสลินที่กำลังขำตัวเองถึงกับสะดุ้ง แล้วหันขวับไปยังแหล่งที่มาทันที

เพลิงกัลป์ก้าวพ้นออกมาจากห้องทำงานในส่วนของฟร้อนท์ ออฟฟิศ ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของเวหา แต่ก็คงไม่แปลกอะไร ถ้าหากพี่
ชายของผู้จัดการฝ่ายต้อนรับส่วนหน้า จะเข้ามาตรวจตราตามความพอใจ

เรื่องนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ผิดจากสิ่งที่เห็นเบื้องหน้ามัสลินเมื่อท่านประธานรู้ค เดินมาหยุดยืนห่างจากหญิงสาวแค่ครึ่งเมตร จนเธอสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติจากเครื่องแต่งกาย ที่ดูเป็นทางการขึ้นกว่าการแต่งกายลำลองที่คุ้นชิน

แต่มัสลินกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม นั่นคือพยายามไม่สนใจบุคลิกที่ฉายชัดถึงความมีเสน่ห์ ผิดไปจากก่อนหน้านี้ ซึ่งเธอจงใจปิดตาปิดใจไม่มอง และไม่คิดจะรับรู้ แล้วกล่าวตำหนิเพลิงกัลป์โดยแกล้งทำเป็นลืมว่า เขาเป็นใคร ตำแหน่งหน้าที่ระดับสำคัญแค่ไหน ... ก็ไม่สน

“คุณนั่นล่ะ อยู่ดีๆก็เสียงดัง”

“ถ้าไม่ส่งเสียง แล้วเข้ามาเงียบๆ เธอก็คงพูดไม่ต่างกันเท่าไหร่มั้ง”่

มัสลินหน้าตึงอย่างช่วยไมไ่ด้ เมื่ออีกฝ่ายเกิดจะรู้เท่าทันความคิด ... ถ้าเขามาเงียบๆ เธอคงว่าว่า มาไม่ให้สุ้มให้เสียง

พอยอมรับกับตัวเองก็เห็นจริงดังเขาว่า จากสีหน้าตึงๆก็คลายลง มุมปากยกขึ้นคล้ายจะอมยิ้มน้อยๆ ก่อนปรับให้เรียบนิ่งดุจเดิม ปรายสายตาที่ตกแต่งมาอย่างดีมองเพลิงกัลป์ เอ่ยคำชนิดไม่ยอมลดลาวา่ศอกอยู่ดี

“แล้วเมื่อกี้ ที่คุณว่าฉันมาช้า ... ทำไมหรือคะ พูดยังกับว่า คุณกำรอฉันอยู่อย่างนั้นล่ะ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

คำตอบรับพร้อมก้มลงมองมัสลินด้วยสายตาคมกริบ แปรความรู้สึกตกใจเป็นคลางแคลงอย่างไม่ยากเย็นนัก

เกิดอะไรขึ้น ... แล้วรัศมิทัตกับเวหาไปไหน?

มัสลินกำลังจะอ้าปากถามถึงคนที่นัดหมายเธอ เพลิงกัลป์ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า

“อย่ามัวโอ้เอ้ ... นี่เลยเวลานัดมา ... ๑ นาทีแล้ว ให้คนอื่นรอนานกว่านี้ เสียมารยาท ... รู้มั้ย”

“เอ๊ะ ... คุณเพลิงกัลป์ ฉันมารอเพื่อนฉัน ... ไม่ได้ให้คุณมารอเสียหน่อย แต่ถ้าการมารอแล้วไม่พบใครจนเลยเวลา ให้คนอื่นมาต่อว่าแบบนี้ ... มันไม่เกินไปหน่อยหรือคะ”

เพลิงกัลป์นิ่วหน้าจนคิ้วย่นเข้าหาแทบจะชิดกัน เริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ซึ่งเขาน่าจะเข้าใจตั้งแต่นาทีแรกที่เวหามาบอกเขาแล้วว่า จะไปสำรวจคิง เซอร์เพนท์ค่ำนี้ โดยการยกดินเนอร์มื้อหรูมาเป็นฉากบังหน้า

มาถึงตอนนี้ ชายหนุ่มเข้าใจแจ่มแจ้งทีเดียว ... เวหาตั้งใจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกยกฝูง

ยัยน้องสาวตัวแสบ ... ไว้จบคืนนี้กลับมาก่อนเถอะ ค่อยชำระความทุกคดี !

สายตาของเพลิงกัลป์ไม่ได้ละไปจากดวงหน้าเอาเรื่องของมัสลิน ชายหนุ่มเพิ่งได้พินิจพิจารณาเธอใกล้ๆ หลังจากต่อปากต่อคำมาพอสมควร

แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อบ่ายก็แทรกเข้ามาระหว่างนั้น ... ภาพที่ซายน์โอบกอดมัสลินอย่างสนิทสนม

ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในสมอง นัยน์ตาเข้มเพ่งมองหญิงสาวที่เขายอมรับโดยดุษฎีว่า คืนนี้ เธอดูแปลกแตกต่างไปจากที่เคยเห็น

สมมติ ... ถ้าเขาจะลองเข้าใกล้มัสลินให้มากกว่านี้ล่ะ ?

“เอาล่ะ ... ฉันรับปากฟ้าไว้ ว่าจะอาสาพาเธอไปเอง เพราะอยากให้สองคนนั้นทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ... ทีนี้ เราจะไปกันได้หรือยัง ... ลินิน”

มัสลินเลิกคิ้วประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือของเพลิงกัลป์ เมื่อไม่กี่วินาทีเขายังเกรี้ยวกราดดุดันใส่เธออยู่เลย

นี่เขาเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงได้พูดดีกับเธอจนน่าตกใจ ... แถมมาเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนมอีก

ความสงสัยคงฉายออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอมากเกินไป ทำให้เพลิงกัลป์ขยับเข้ามาหาจนเหลือระยะห่างน้อยกว่าครึ่งเมตร เรียกว่าแทบจะชิดกันจนมัสลินเผลอก้าวถอยหลัง หวังเพิ่มความห่างอีกสักหน่อยก็ยังดี

เพลิงกัลป์มอง ‘ยัยเด็กอวดดี’ ที่เขาตั้งฉายาให้ไม่วางตา พอเธอถอยห่างอาภรณ์ที่สวมใส่ก็พลิ้วไหวตามไปด้วย

ชายหนุ่มคงไม่รู้ตัวเองหรอกว่า สายตาที่กำลังจับจ้องหญิงสาวนั้น เป็นเช่นไร

มีแต่มัสลิน ... ที่พอเหลือบมองสบตา ก็รู้สึกราวกับว่า ร่างกายนี้มีปฏิกิริยากับนัยน์ตาคมกริบคู่นั้น เพราะเธอรับรู้ได้ว่ามันสะเทิ้นขัดเขิน คล้ายถูกสะกดให้ไม่สามารถทำตามคำสั่งของเจ้าของได้อีกแล้ว

แถมหัวใจยังพานสั่นสะท้านจนยากจะระงับไว้ ... ให้สงบนิ่งอย่างที่เคยเป็น จนหญิงสาวต้องแอบปรามตัวเองในใจ

เธอเป็นอะไรของเธอ ... มัสลิน










*******************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอขอบคุณการกดไลค์กำลังใจฮะ


คุณkaelek : ยิ่งกว่าไปท่วมอีกมั้งฮะ งานนี้ ... ได้เห็นอะไรดีๆ เต็มตาเลย หุหุ ... ขอบคุณ คุณ kaelek เช่นกันฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2558, 09:48:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2558, 09:48:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1105





<< ใยเส้นที่ 20 .. ความสงสัย   ใยเส้นที่ 22 .. สิ่งที่ต้องสำรวจ >>
kaelek 12 ต.ค. 2558, 11:30:49 น.
เก็บไม้เก็บมือ เก็บสายตาหน่อยนะคะคุณไฟ!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account