ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 4 ครึ่งหลัง

ลมพัดหวีดหวิวและเย็นยะเยือกแม้ว่าจะล่วงเข้าสู่เวลาใกล้รุ่งเต็มที ธามินตื่นนอนด้วยความสดชื่นพลางสูดลมหายใจยาวความหนาวไม่สามารถทำร้ายร่างกายของเขาได้ เมื่อมองไปยังทะเลทรายเบื้องหน้าก็ค่อยเบาใจเมื่อไม่มีใครย่างกรายเข้ามา ร่างสูงลุกขึ้นมาก่อไฟเพื่อต้มกาแฟสำหรับกินกับขนมปังแห้งที่ซื้อมาจากบาซา แล้วเพื่อให้มีแรงในการเดินทางเขานำเนื้อแห้งออกมาย่างเพิ่มอีกอย่าง
ความหอมของเนื้อย่างช่วยปลุกคนที่หลับใหลให้ชะเง้อใบหน้าออกมาจากเต็นท์พลางทำจมูกร่อนประหนึ่งคนหิวโซ ธามินส่ายหน้าอดคิดไม่ได้ว่านี่หรือเจ้าหญิงของนัวเรด์ดีน
ซาเมราออกมาจากเต็นท์แล้วเดินไปสระน้ำพร้อมของใช้ที่จำเป็น นิ้วเท้าที่พันผ้าไว้ยังเจ็บอยู่บ้างทำให้เดินไม่ค่อยถนัดนัก เธอตักน้ำเย็นๆ ขึ้นมามาล้างหน้าและแปรงฟัน ธามินลุกขึ้นมองแล้วคลี่ยิ้มบางๆ อย่างน้อยเจ้าหญิงก็กินง่าย อยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก เขานึกว่าต้องต้มน้ำให้เธอแปรงฟันกับล้างหน้าเสียแล้ว
ไม่นานนักร่างเพรียวบางก็เดินกลับมาแล้วหาที่นั่งให้ตัวเองโดยยังมีไม้ท่อนเดิมอยู่ใกล้ เธอคิดจะถามอีตาธามว่าเจ็บหัวไหม แต่เขาไม่บ่นอะไรเลยเปลี่ยนใจไม่ถามให้เป็นเรื่องขึ้นมา
“วันนี้ถ้าเดินทางโดยไม่พักเลยภายในสามชั่วโมงก็น่าจะถึงหมู่บ้าน ผมจะรีบโทรหาทหารเรื่ององค์หญิงทันที แล้วหลังจากนั้นไม่เกินชั่วโมงองค์หญิงจะได้กลับวังครับ” ธามินบอกแผนคร่าวๆ เพื่อให้ซาเมราเตรียมใจไว้ว่าต้องเดินทางรวดเดียว
“ถ้านายตามคนที่อยู่กลุ่มกบฏต่อไปจะเจอที่กบดานของพวกมันใช่ไหม”
ธามินถ่วงเวลาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยอลูมิเนียมที่มีกาแฟกับน้ำตาลอยู่เล็กน้อยแล้วส่งให้คนแพ้ความหอมของกาแฟจนรอคำตอบได้แบบไม่บ่น หลังจากนั้นค่อยจัดการชงกาแฟให้ตัวเองบ้าง
“ผมหวังให้เป็นอย่างนั้นครับ ถ้าสามารถเจรจากับหัวหน้ากลุ่มได้ นัวเรด์ดีนอาจจะกลับมาสงบสุขได้อีกครั้ง”
“แล้วถ้าเจรจาไม่ได้หรือพวกกบฏไม่ยอมเจรจาล่ะ” เธอไม่คิดว่าการลักพาตัวจะจบลงด้วยการเจรจา มันต้องมีเหตุผลอื่นที่สำคัญกว่านั้น ป่านนี้พวกมันยื่นข้อเสนอกับพี่ชายแล้วหรือยังนะ
“ก็คงต้องสู้กันจนกว่าจะมีใครยอมแพ้หรือหยุดแค่นั้นเองครับ”
ธามินถอนใจเมื่อในอดีตพ่อของเขาก็เกือบถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกบฏเมื่อเป็นคนที่ขอให้หยุดการประหารเชื้อพระวงศ์ที่หลงผิด โดยยอมแลกกับการสละฐานันดรศักดิ์ หากการยิ่งใหญ่แล้วนอนยังระแวงจะยิ่งใหญ่ไปเพื่ออะไรกัน
“ถ้าพวกกบฏอยากได้ตัวฉันไปเพื่อข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง ทำไมจนถึงตอนนี้พวกมันถึงไม่ตามฉันมาอีกล่ะ นายไม่คิดว่ามันผิดปกติบ้างหรือ”
ธามินคิดว่าเขาคาดการณ์ถึงความผิดปกตินี้ได้ แต่ถ้าบอกไปจะทำให้องค์หญิงกังวลใจกลัวเปล่าๆ เรื่องใดที่ยังไม่เกิด มนุษย์มักคิดไปต่างๆ นานา แล้วค่อนไปทางร้ายมากกว่าดีเสียด้วย
“เดี๋ยวผมจะไปให้น้ำอูฐก่อน ถ้าเก็บเต็นท์เสร็จจะได้เดินทางก่อนรุ่งสางครับ”
ซาเมรายังไม่ได้ทันอนุญาตทหารปลายแถวก็เดินไปแล้ว หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่รอให้เธออนุญาตก่อน ที่ผ่านมาพอใครก็ตามรู้ว่าเธอเป็นใครก็พากันกลัวหงอหรือไม่ก็พินอบพิเทา แต่ธามกลับไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอมีอำนาจสั่งเป็นสั่งตายเขาได้ ตั้งแต่เธอเกิดมาเพิ่งเคยพบคนแบบนี้

เสียงกระดิ่งที่ผูกห้อยกับคออูฐดังเป็นจังหวะเดียวกันท่ามกลางความว่างเปล่าที่มีแต่ทรายกับท้องฟ้าซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนสีจากน้ำเงินเข้มเป็นฟ้าอ่อนและสีขาวโล่งกว้างในเวลาสาย ซาเมราพันฮิญาบให้แน่นขึ้นเพื่อกันฝุ่นทรายและความร้อน กีบเท้าของอูฐยามเดิมได้ตะกุยทรายขึ้นมา แต่เมื่อมองไปเบื้องหลังเพียงลมพัดเพียงวูบเดียวเท่านั้น ร่องรอยของการเดินทางก็หายไปทันตาราวกับธรรมชาติช่วยหลบการไล่ล่า
ซาเมราชั่งใจตัวเองว่าควรกลับวังไปแล้วลืมว่าเคยได้รู้เรื่องของกลุ่มกบฏที่ฆ่าพระบิดาหรือว่าไปหาพวกมันให้พบ เธอแค้นเหมือนกับพี่ชาย ครอบครัวของเธอเป็นผู้กระทำและถูกกระทำ เมื่อเยาว์วัยเธอเข้าใจว่าพระมารดาจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในตอนนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรมกันแน่
“เดี๋ยวผมจะพาองค์หญิงไปพักตรงนั้นนะครับ”
คนเหม่อสะดุ้งเกือบตกหลังอูฐถ้าแขนยาวๆ ไม่มาคว้าข้อมือเล็กไว้ เธอหันไปขอบใจเขาเสียงเบา ตรงนั้นของธามเป็นที่โล่งๆ ซึ่งมีหินก้อนใหญ่ตั้งตระหง่านประหนึ่งผู้เฝ้ามองทะเลทรายเวิ้งว้าง ก้อนหินช่วยบังแดดพอให้นั่งพักหลบร้อนได้ เนื้อย่างกับขนมปังเมื่อเช้ากลายเป็นอาหารกลางวันที่พอจะกินให้หายหิวได้
“ตอนอยู่ที่เมืองหลวงนายเคยพบพี่ชายของฉันบ้างไหม ชีคชามีลน่ะ” ซาเมราชวนคุยเพราะคงดีกว่าเงียบจนง่วง
“ก็...พบบ้างครับ แต่ไม่บ่อยนัก”
ซาเมราพยักหน้าคิดว่าธามคงเคยอยู่ในขบวนรับเสด็จของพี่ชายกระมัง ถึงจะเป็นทหารชั้นผู้น้อยแต่ก็มีความภักดีไม่อย่างนั้นคงไม่เสี่ยงตายมาช่วยเธอไว้ ผู้หญิงที่มากับเขาที่ลานวาดรูปเมื่อหลายคืนก่อนดูการแต่งตัวก็รู้ว่าลูกสาวเศรษฐี เธอคนนั้นช่างน่านับถือน้ำใจที่กล้าเปิดเผยว่าเป็นคนรักของทหารธรรมดาๆ
ธามินอิ่มแล้วจึงเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ ทว่าเมื่อมองไปในทะเลทรายพลันจุดที่เห็นไกลๆ ก็เริ่มชัดขึ้นแล้วตรงมายังร่มเงาที่เขาพาซาเมรามาพักหลบแดด ร่างสูงรีบเดินกลับมาทีเดิมแล้วสั่งเสียงเข้ม
“หลบก่อนองค์หญิง ถ้าผมไม่บอกให้ออกมาก็ห้ามออกมาเด็ดขาดนะครับ”
ซาเมรากำลังจะถามว่าให้หลบอะไรก็ไม่ทันเมื่อถูกผลักเข้าไปตรงกลางระหว่างอูฐสองตัว ของประดามีถูกเอามาคลุมทับจนมิดช่วยอำพรางร่างของเธอไว้จนน่าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนกระทั่งเสียงม้าและคนไม่ทราบจำนวนใกล้เข้ามา มีเพียงความคิดเดียวที่สว่างวาบในสมองของซาเมราเวลานี้
พวกกบฏ!

ข่าวดีแรกมาถึงพร้อมหัวหน้านางกำนัลที่ราเนียพบตัวแล้วแม้จะมีสภาพสะบักสะบอมเกือบตายเพราะเธอเข้าไปช่วยไว้ได้ในเวลาที่จวนเจียนเต็มที คนเจ็บถูกพานั่งเฮลิคอปเตอร์มาโรงพยาบาล หมอช่วยชีวิตอย่างเต็มความสามารถเพราะเป็นหาทางเดียวที่ชีคชามีลจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองคืนก่อน
ราเนียนั่งรออยู่ในห้องคนป่วยหลังจากรายงานความคืบหน้าให้ชีคชามีลทราบแล้ว ตอนนี้จึงเหลือแต่รอให้หัวหน้านางกำนัลฟื้นซึ่งหมอบอกเธอว่าไม่เกินห้าชั่วโมง นางกำนัลฟื้นขึ้นมาด้วยอาการขวัญผวาหวาดกลัวแล้วก็ร้องไห้ออกมาและมองไปรอบห้องอย่างไม่วางใจ
“ฉันเป็นคนที่ไปช่วยคุณไว้ จำฉันได้ไหมคะ ราชองครักษ์ของชีคชามีลยังไงล่ะ ถ้าเลือกได้ฉันคงอยากให้คุณได้พัก แต่ฉันรอไม่ได้จึงอยากให้คุณตั้งสติเพราะมีคำถามสำคัญที่คุณน่าจะตอบได้ ช่วยตอบฉันหน่อยนะคะ”
พยาบาลที่เข้ามาช่วยจับแขนและขาไม่ให้คนป่วยตกจากเตียงหรือทำร้ายตัวเองเพราะความหวาดกลัว ท่าที่ของหัวหน้านางกำนัลคลายความกลัวลงเพราะจำราเนียได้
“ตอนนี้องค์หญิงซาเมรากับราชองครักษ์ธามินหายตัวไป คุณหัวหน้านางกำนัลรู้ไหมคะว่าสองคนนั้นอยู่ที่ไหน แล้วทำไมคุณถึงนอนจมกองเลือดอยู่ที่บ้านส่วนตัว”
หัวหน้านางกำนัลครุ่นคิดแม้จะปวดหัวมาก “องค์หญิงไม่กลับวังตามเวลาปกติ ดิฉันเลยไปรบกวนให้ท่านราชองครักษ์ธามินช่วยตามหาและบอกว่าองค์หญิงไปทะเลทรายทางทิศตะวันตก หลังจากนั้นดิฉันมารอรถที่จะพาไปถนนคนเดินที่องค์หญิงชอบไปบ่อยๆ น่ะค่ะ แต่มีคนมากระชากตัวดิฉันเข้าไปในรถแล้วลงมือทำร้าย ดิฉันสลบไปจนมาฟื้นตอนที่คุณราเนียมาช่วยไว้ค่ะ”
ราเนียฟังแล้วก็กลุ้มใจไม่น้อยเมื่อคิดว่าเป็นไปได้ที่คนร้ายเป็นพวกเดียวกัน พวกมันแทรกซึมเข้ามาในวังได้ยังไง เธอสอบถามหัวหน้านางกำนัลอีกไม่กี่คำก็ปล่อยให้คนเจ็บได้พักผ่อน ระหว่างทางที่ขับรถกลับวังราเนียได้รับข่าวคืบหน้าว่ามาลิคพบศพคนขับรถ นางกำนัลประจำตัวองค์หญิงซาเมราและรถที่ถูกทรายทับจนเกือบหาไม่เจอ แต่ธามินไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ซึ่งมันผิดปกติมาก เธอกังวลใจเหลือเกินว่าเขาจะถูกชีคชามีลเข้าใจผิดว่าเป็นคนลักพาตัวองค์หญิงซาเมรา

ปืนประจำกายอยู่ที่สายรัดซึ่งโตเบตัวใหญ่สามารถซ่อนได้ ธามินเลื่อนมือไปสัมผัสด้ามปืนให้แน่ใจว่ามันยังอยู่ดีโดยที่สายตายังคงมองม้าสามตัวที่ควบมาทางนี้ จากภายนอกที่เขาเห็นพวกมันทุกคนแต่งกายด้วยโตเบสีดำและโพกหัวด้วยสะระบั่นสีขาวจนเห็นเพียงดวงตา ม้าหยุดห่างออกไปไม่กี่ก้าว สายตาของพวกมันมองมาราวกับกำลังหาบางอย่าง
“มาคนเดียวหรือท่าน” หนึ่งในผู้มาเยือนถาม
“ใช่แล้วครับท่าน ผมมาคนเดียวกำลังจะไปรับเจ้าสาวที่หมู่บ้านข้างหน้าน่ะ”
พวกมันพยักหน้าคลายความสงสัยว่าทำไมผู้ชายเดินทางคนเดียวแต่มีอูฐสองตัว ธามินยืนค้อมหลังตัวให้ดูหงอไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร แต่สายตาพิจารณาอย่างถี่ถ้วยจนมั่นใจว่าพวกมันไม่ใช่ตำรวจทะเลทราย แต่เป็นพวกบฏที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านต่างหาก
“มีคำสั่งจากในเมืองให้ตามหาผู้หญิงที่ลักขโมยเครื่องประดับขององค์หญิงซาเมราน่ะ บางทีท่านอาจจะเห็นนังหัวขโมยที่เป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย สูงเพรียวและมีผมสีดำสนิท ท่านเห็นผู้หญิงลักษณะแบบนี้บ้างไหม”
ซาเมรารู้ได้ทันทีว่าพวกมันกำลังตามหาเธออยู่ ธามินแสร้งทำหน้าคิดหนักแล้วทำตาโตเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เหมือนจะเห็นนะท่าน ที่บาซาเมื่อวานแน่ๆ เลย ป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นหนีไปถึงไหนไม่รู้แล้วล่ะ”
“งั้นรึ ท่านมั่นใจว่าเห็นแน่ๆ นะ”
ธามินเห็นสายตาของเจ้าหัวหน้าที่มองไปยังกองสัมภาระที่สุมอยู่ระหว่างอูฐสองตัว เขาเห็นบางสิ่งที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้นและพวกมันคงเห็นเช่นกัน
“นั่นรองเท้าของใครรึท่าน อย่างกับรองเท้าผู้หญิง ไหนบอกว่าเดินทางมาคนเดียว”
ซาเมราปิดปากหลับตาปี๋เพิ่งนึกได้ว่าถอดรองเท้าออกไว้ด้านนอก นายธามแย่แล้ว!
“รองเท้าสวยๆ ของว่าที่เจ้าสาวน่ะท่าน เมื่อเช้าตอนพักที่โอเอซิสร้าง ผมซุ่มซ่ามทำมันตกน้ำแล้วไม่มีเวลาตากก็ต้องมาตากตอนนี้แหละ ถ้าได้เจอว่าที่เจ้าสาวแล้วรองเท้าเหม็นหึ่งคงงอนผมแน่ๆ เลยท่าน”
พวกมันยังมองกองสัมภาระอย่างสงสัยพอแน่ใจว่าไม่มีอะไรจริงๆ ก็หมดความสนใจ เจ้าคนหัวหน้ายกมือขวาขึ้นชี้ไปยังหมู่บ้านที่เห็นอยู่ลิบๆ ก่อนจะจากไปโดยไร้คำลา ธามินเห็นดาวสามแฉกที่ข้อมือด้านในของเจ้าหัวหน้าเด่นชัดถึงได้รู้ตอนนี้เองว่าพวกกบฏมีสายไปทั่วทะเลทราย
“พวกมันไปกันหมดแล้ว องค์หญิงออกมาได้แล้วครับ”
ซาเมราผลักสัมภาระประดามีออกไปแล้วลุกขึ้นมามองฝุ่นทรายที่คลุ้งห่างออกไปอย่างหวาดเสียว ถ้าช้าอีกนิดเดียว คงแย่แน่ๆ ธามหันมามองแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นผมสีดำขลับยาวสวยลอดผ่านออกมาจากปลายผ้าฮิญาบ
“จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมคงต้องทำบางอย่างกับผมยาวสลวยขององค์หญิง”
“ฉันไม่ยอมตัดผมเด็ดขาดนะนายธาม” ซาเมรายืนกรานพร้อมกับคว้าไม้มาถือไว้
ธามินย่างสามขุมเข้ามาใกล้แล้วจับไม้ในมือของซาเมราไว้จึงเกิดการยึดยื้ออยู่ชั่วอึดใจก่อนที่ไม้จะกระเด็นห่างออกไปไกล หญิงสาวถอยหลังด้วยความกลัวสุดขีดเมื่อมือหนาคว้าหมับที่ข้อมือเล็กอย่างไม่กลัวอาญา

ชามีลเพิ่งคิดได้ว่าบางครั้งธรรมชาติที่กว้างใหญ่ก็เป็นบททดสอบของมนุษย์และทุกอย่างมีเหตุผลในการเกิดสิ่งใดๆ ก็ตาม หากซาเมราไม่เดินทางไปถ่ายรูปเพื่อเปิดแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถนำเงินเข้าประเทศด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าตัวเป็นคอลัมน์นิสหนังสือท่องเที่ยวของนัวเรด์ดีนแล้วเกิดเหตุลักพาตัว เขาคงไม่รู้ว่าพวกกบฏยังคงโหยหาอิสรภาพทั้งที่สิ่งเหล่านั้นประชาชนนัวเรด์ดีนได้รับไปทุกคนแล้ว
รายงานการค้นหาองค์หญิงซาเมราในรอบสามชั่วโมงอยู่บนโต๊ะทรงงานของชีคชามีล เขาอ่านแล้วก็เกิดความสงสัยเพราะยิ่งค้นหาจนได้เบาะแสต่างๆ มากขึ้นกลับยิ่งน่าสับสนเพราะเบาะแสไม่ไปในทางทิศเดียวกันทำให้ต้องพิจารณาให้ดี เล่ห์กลมากมายทำให้เกิดความไขว้เขวและเสียเวลาหากตัดสินใจผิดพลาด
“ทำไมถึงอยู่คนละทิศละทางแบบนั้น โทรศัพท์ของธามินอยู่ทางทะเลทรายด้านตะวันออก แต่ศพคนขับรถกับรถกลับไปอยู่ทะเลทรายด้านตะวันตก คนลงมือต้องการอะไรกันแน่”
“นั่นสิพระองค์ ถ้าธามินไปตามหาองค์หญิง ไม่น่าจะผิดไปคนละทิศแบบนั้นนี่นา” ยาซินเองก็ไม่เข้าใจ
ชามีลถอนใจยังไม่อยากคิดว่าธามินเป็นคนวางแผนลักพาตัวซาเมรา แต่ทำไมเบาะแสทั้งหมดถึงชวนให้คิดว่าเขาอาจถูกทรยศจากคนใกล้ตัวอยู่ก็เป็นได้
“แต่ราเนียบอกว่าหัวหน้านางกำนัลขอให้ธามินไปตามหาองค์หญิงที่ทะเลทรายทิศตะวันตกนี่ครับ แล้วทำไมโทรศัพท์ของธามินถึงไปอยู่ที่ทิศตะวันออกได้ล่ะ ผมสับสนไปหมดแล้ว”
“ผมคิดว่าต้องมีใครโกหกหรือไม่ก็เป็นการถ่วงเวลาเพื่อไม่ให้ทหารไปพบเมราได้ง่ายๆ” วรองค์สูงลุกขึ้นเมื่อไม่อาจรอเงียบๆ ได้อีกต่อไป “เตรียมเครื่องบินเล็ก ผมจะไปบินสำรวจ รอไปเรื่อยๆ คงไม่มีประโยชน์อะไร”
ยาซินยังไม่ทันได้ทัดทานเพราะหันมาอีกทีร่างสูงก็เดินลิ่วไปแล้ว เขารีบโทรหาทหารนักบินให้เตรียมเครื่องบินเล็ก ถ้าชีคชามีลไปถึงลานหน้าวังเมื่อไหร่เครื่องบินต้องพร้อมเท่านั้น

เครื่องบินเล็กที่ชีคชามีลเสด็จมาเดินทางไปยังทะเลทรายฝั่งตะวันตกก่อน ใกล้ๆ กันมีเครื่องบินทหารอีกสองลำที่กำลังลาดตระเวนอยู่ก่อนแล้วในตอนนี้จึงรับหน้าที่คุ้มกันเครื่องบินพระที่นั่งอีกอย่าง ทะเลทรายเบื้องล่างกว้างใหญ่แม้จะกำหนดพื้นที่ของการค้นหาไว้ที่ห้าร้อยตารางไมล์สำหรับวันนี้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการตามหาใครสักคนอยู่ดี
ชีคชามีลใช้กล้องส่องทางไกลซูมหาไปยังทะเลทรายโดยที่ไม่มีโอกาสเห็นว่าห่างออกไปหลายร้อยไมล์ อูฐสองตัวเดินตามกันมาในยามที่แสงแดดอ่อนแรงลงเพราะพระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะจากไปแล้วมอบหน้าที่ให้ดวงจันทร์ ซาเมรานั่งอูฐตามธามไปเรื่อยๆ จนเข้าไปสู่หมู่บ้านที่เกือบจะเป็นหมู่บ้านร้างเพราะมีชาวบ้านไม่หนาตานัก สีหน้าแต่ละคนหม่นเศร้าไร้ซึ่งสรรพเสียงแห่งความสุข
ธามินลงจากหลังอูฐแล้วจูงมันแทนพลางขยิบตาให้ซาเมราทำตามเพื่อที่จะกลมกลืนเหมือนนักเดินทางทั่วไปชาวบ้านมองผู้มาเยือนไม่มีใครส่งเสียงทักทาย หญิงสาวยกมือขึ้นมาจับฮิญาบที่ยามนี้ผมถูกถักเปียแล้วม้วนเป็นมวยไว้ด้านหลังอย่างกังวลว่าจะมีใครสงสัย ธามินสังเหตเห็นแสงไฟที่มาจากเครื่องปั่นไฟทำให้หมู่บ้านไม่วังเวงจนเกินไปนัก
“มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่หรือเปล่าน่ะนายธาม ทำไมมันถึงเงียบเหมือนเมืองร้างจัง” หญิงสาวกระซิบถามเสียงเบา
ธามินรู้สึกไม่ต่างจากซาเมรา หมู่บ้านที่อุดมสมบูณ์มีรายได้จากการทำของพื้นเมืองและมีสายแร่ให้ขายจนพ่อค้ามั่งคั่งกลายเป็นแห้งแล้งมองไม่เห็นน้ำที่ไหลมาในหมู่บ้าน เมื่อมองลึกเข้าไปเขาเห็นของพื้นเมืองยังพอมีขายแต่บางตา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เอาไว้กลับเข้าเมืองได้เมื่อไหร่ผมจะรายงานให้เจ้าหน้าที่มาแก้ไข”
ซาเมราเห็นด้วยพลางเดินธามที่รับหน้าที่จูงอูฐทั้งสองตัว ทั้งสองได้ห้องพักหลังจากถามหามาสามที่ สองตึกแรกปิดร้างไร้ผู้คน ส่วนตึกที่สามดูไม่ต่างกันนักเพียงแต่ยังเปิดบริการ กุญแจถูกยื่นมาให้ธามินเมื่อเขาส่งเงินไปตามจำนวนที่เจ้าของห้องร้องขอ ตึกนี้มีเพียงสองชั้น มีผู้พักรายอื่นอีกหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจเพราะเงียบเหลือเกิน

ธามินไขเปิดห้องของซาเมราก่อนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยแม้ว่าห้องของเขาจะอยู่ติดกัน ภายในมีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ดูทันสมัยพร้อมสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้อย่างตู้ เตียง ห้องน้ำและโทรศัพท์ เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อกดโทรออกโดยมีซาเมรานั่งลุ้นอยู่ข้างๆ แต่เพียงไม่กี่วินาทีก็วางหูโทรศัพท์ทั้งที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอลองกดโทรออกบ้างถึงได้เข้าใจ
“ให้มันได้อย่างนี้สิโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ ทำยังไงดีล่ะนายธาม”
ราชองครักษ์หนุ่มนิ่งคิดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินลงมาชั้นล่างเพื่อมองหาเจ้าของตึก ซาเมราเดินมาธามมาอย่างไม่เข้าใจนักว่าเขาจะทำอะไร จู่ๆ เขาก็คว้าเอวของเธอไว้ก่อนจะหลบวูบที่มุมตึก
“มีอะไรหรือนายธาม”
ธามินชี้ให้ซาเมราเห็นม้าที่กำลังควบออกไปจากหมู่บ้าน สีของโตเบและสะระบั่นทำให้เขาพอจะเดาสาเหตุที่ทำให้หมู่บ้านนี้ตกอยู่ในความหวาดกลัวแล้ว พอพวกกบฏไปจนหมดแล้วเขารีบพาเธอกลับมาในห้องโถงจึงเห็นชายเจ้าของตึกออกมาจากที่ซ่อนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“ทำไมโทรศัพท์ถึงโทรออกไม่ได้ล่ะครับ” ธามินถาม
“ตู้เก็บคู่สายถูกทำลายไปเมื่อวันก่อนน่ะคุณ ถ้าคุณจะโทรศัพท์ ก็ใช้โทรศัพท์มือถือของผมแทนแล้วกันนะ แต่ผมคงต้องคิดค่าโทรไม่รวมกับค่าห้องนะครับ”
ธามินจ่ายเงินเป็นค่าน้ำใจเจ้าของตึกแล้วพาซาเมราเดินมาที่ลานเล็กๆ ด้านหลังตึกที่ปลอดผู้คน เขากดเบอร์แล้วโทรออกรอเพียงไม่นานปลายสายก็รับ มาลิคมองเบอร์ด้วยความสงสัย
“มาลิค ฉันเองนะ”
แค่ได้ยินเสียงมาลิคก็จำได้ทันทีว่าเป็นธามิน เขารีบส่งสัญญาณมือให้เครื่องบินลอยตัวในอากาศยังไม่ต้องเคลื่อนด้วยเกรงว่าเสียงจะดังจนพลาดได้ยินสิ่งสำคัญ
“นายอยู่ที่ไหน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทำไมฉันติดต่อไม่ได้เลย”
ธามินได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินกำลังทำงานจึงคาดว่ามาลิคอาจลาดตระเวนอยู่แถวๆ นี้ก็ได้
“ฉันอยู่ที่หมู่บ้าน M1 ในแผนที่ทหาร”
มาลิครีบจด “แล้วองค์หญิงซาเมราล่ะ พระองค์อยู่กับนายใช่ไหมธาม”
“นายเข้าใจถูกต้องแล้ว ตอนนี้องค์หญิงยังปลอดภัยดี นายรีบมาให้เร็วที่สุดได้ไหม สถานการณ์ที่นี่ไม่น่าวางใจเท่าไหร่ ฉันจะดูแลองค์หญิงจนกว่านายจะมารับ”
“ได้อยู่แล้ว ฉันจะไปถึงหมู่บ้าน M1 ภายในครึ่งชั่วโมง ฉันดีใจมากนะที่นายไม่ได้เป็นอะไร”
ธามินวางสายรู้สึกโล่งที่ติดต่อมาลิคได้เสียที ซาเมราแบมือขอโทรศัพท์จากธามเพราะต้องการโทรหาพี่ชายบ้าง เธอรับโทรศัพท์มากดโทรออกรอเพียงไม่กี่วินาทีปลายสายก็กดรับ ทว่ายังไม่มีโอกาสได้พูดเธอก็ต้องกระโจนหลบเมื่อมีบางอย่างพุ่งเข้าใส่จากผู้ชายสามคนอยู่ที่บนหลังคา ธามินคว้าซาเมราให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งหาที่กำบัง
“พวกมันรู้แล้ว” เขาบอกน้ำเสียงกังวลเนื่องจากจำนวนคนจู่โจมที่มากกว่าทำให้รับมือลำบาก
ซาเมราวิ่งหนีสุดชีวิตไปพร้อมๆ กับธามที่ยิงปืนออกไปสะกัดพวกที่กำลังลงมาไล่ล่า ฉับพลันลูกดอกก็พุ่งมาใส่หลังมือของซาเมราทำให้เธอตะโกนใส่โทรศัพท์เพิ่งรู้ว่ายังถือไว้ก่อนมันจะล่วงลงพื้น
“ช่วยด้วยพี่ชา พวกมันจะพาตัวเมราไปแล้ว”
ชิ้นส่วนของโทรศัพท์กระจายเกลื่อนส่งผลให้สายถูกตัดไปอย่างกะทันหัน ชามีลรีบโทรกลับมาแต่ก็ติดต่อน้องสาวไม่ได้แล้วทำให้เขาไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นต่อไปจากนั้น โชคดีที่มาลิคโทรมารายงานเรื่องที่เขาเพิ่งติดต่อกับธามินได้ทำให้ชามีลยังพอมีความหวัง คำสั่งถูกประกาศออกไปให้เครื่องทหารบนน่านฟ้าทุกลำมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน M1 เพียงนาทีเดียวเท่านั้นเครื่องบินทุกลำก็มีเป้าหมายเดียวกัน
แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2558, 09:45:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2558, 09:45:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 853





<< ตอนที่ 4 ครึ่งแรก   ตอนที่ 5 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account