ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 5 ครึ่งแรก



เครื่องบินห้าลำที่กำลังร่อนลงจอดทำให้ละอองทรายฟุ้งกระจายราวกับเกิดพายุขึ้นที่หมู่บ้าน M1 บ้านที่ปลูกเป็นตึกไม่กระทบกระเทือนต่อแรงลมมหาศาลนั้น มีเพียงหน้าต่างที่กระแทกเปิดปิดจนคนในบ้านพากันออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความแตกตื่นโกลาหล ทหารสิบกว่านายเข้ามาเคลียร์พื้นที่ประหนึ่งมีบุคคลสำคัญมาที่นี่อย่างไรอย่างนั้น
มาลิคเป็นคนนำทีมค้นหาองค์หญิงซาเมรากับธามินตามพิกัดสุดท้ายของสัญญาณโทรศัพท์ซึ่งอยู่หน้าตึกหลังหนึ่ง ทว่าเมื่อพวกเขาไปถึงกลับไม่พบใครแม้แต่คนเดียว แต่พบซากโทรศัพท์ที่ชิ้นส่วนพังยับเยินใช้การไม่ได้แล้ว ชายชราเจ้าของตึกถูกควบคุมตัวออกมาเพื่อให้มาลิคสอบถาม
“เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนโทรศัพท์เครื่องนี้ถูกโทรออกมาหาผม คุณเห็นผู้ชายกับผู้หญิงที่ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้บ้างไหม ถ้าเห็นแล้วตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ที่ไหน”
ชายชราตัวสั่นงันงกเมื่ออยู่กลางวงทหารหลายสิบนายที่ถือปืนจริง ใครจะไปคิดว่าแขกรายแรกของวันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่โตขนาดนี้
“ผมไม่รู้หรอกครับ ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่นั้นอยากใช้โทรศัพท์มือถือ ผมก็ให้ยืมไป พอหายมานานผมก็ออกมาตาม แต่กลับพบแต่โทรศัพท์ที่ตกเกลื่อนพื้นเท่านั้น”
“แบ่งคนเข้าไปค้นในตึก ห้ามมองข้ามสิ่งที่พบเด็ดขาด” มาลิคสั่งงาน แต่ยังไม่ปล่อยชายเจ้าของตึก
ทหารกรูเข้าไปในตึกท่ามกลางชาวบ้านที่มามุงกันอย่างสงสัย พลันเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นมีคนขานบอกว่าชีคชามีลเสด็จ ชายร่างสูงสง่างามในชุดโตเบสีขาวขลิบทองเปิดเผยใบหน้าเดินเข้ามา ทหารอารักขาพากันก้มหน้าลงทำความเคารพรวมทั้งมาลิค ชาวบ้านเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าลงทำความเคารพด้วยความดีใจชีคมาเยี่ยมประชาชนที่นี่ผสานเสียงร้องทุกข์เซ็งแซ่
ชีคชามีลซ่อนความร้อนใจไว้ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้ชาวบ้าน ถึงจะร้อนใจอยากตามหาน้องสาวมากแค่ไหน แต่หน้าที่แห่งชีคย่อมมาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ สายตาที่เต็มไปด้วยความเมตตามองไปยังใบหน้าทุกข์ตรมที่พอจะมีรอยยิ้มบ้างเมื่อรู้ว่าชีคของพวกเขาไม่เคยทิ้งประชาชน
“พาตัวแทนชาวบ้านที่ต้องการร้องทุกข์มาตรงนี้ ผมอยากถามไถ่ด้วยตัวเองสักหน่อย”
เก้าอี้ธรรมดากลายเป็นเก้าอี้มูลค่ามหาศาลเมื่อชีคชามีลประทับอยู่ที่นั่น ชาวบ้านที่เดือดร้อนเข้ามาแสดงความเคารพแล้วนั่งลงอย่างสำรวม
“มีปัญหาอะไรในหมู่บ้านอย่างนั้นหรือ บอกมาให้รู้ ผมจะได้แก้ไข และลงโทษข้าราชการที่ละเลยต่อหน้าที่”
“น้ำในหมู่บ้านกินไม่ได้เลยครับท่านชีค สัตว์พากันล้มตายเพราะกินน้ำจากโอเอซิสท้ายหมู่บ้าน จนตอนนี้จะกลายเป็นหมู่บ้านร้างอยู่แล้วครับ”
ชามีลพยักหน้าแล้วมองไปยังยาซิน “ช่วยบอกทหารให้เก็บตัวอย่างน้ำแล้วส่งไปที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ทีนะนาซิน ผลวิเคราะห์ต้องออกมาภายในวันพรุ่งนี้ก่อนสิบโมงตรง หลังจากรู้นั้นให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบมาพิจารณาและดำเนินการแก้ปัญหา ถ้าภายในหนึ่งสัปดาห์ยังไม่เห็นความคืบหน้าผมจะลงโทษ”
ใบหน้าของชาวบ้านที่ร้องทุกข์คลายความเครียดเพราะชีครับปากจะช่วยแล้ว ปัญหาต่างๆ จะหมดไปในเร็ววัน พวกเขาหวังให้เป็นอย่างนั้น “ชาวบ้านทุกคนจะไม่ลืมการช่วยเหลือจากท่านชีค ขอบคุณท่านชีคมากครับ”
ชามีลยกมือรับรู้ความซึ้งใจนั้นและรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยประชาชน ทหารที่ขึ้นตรวจสอบบนตึกลงมากันหมดแล้วและกำลังรายงานให้มาลิครู้ กระเป๋าเป้ของธามินถูกถือมาวางหน้าพระพักต์พร้อมเสบียงที่ยังเหลืออยู่บ้าง
“ธามมาที่นี่แน่นอนครับ แต่ตอนนี้น่าจะไม่อยู่แล้ว เพราะถ้าอยู่ต่อให้ใกล้ตายธามก็ต้องพาเป้าหมายมาส่งจนได้”
ชามีลฟังแล้วเสียดายโอกาสที่จะได้พบน้องสาวคลาดกันชั่วเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น “จัดกำลังทหารออกค้นหาให้ทั่วหมู่บ้าน จนกว่าจะแน่ใจว่าธามินกับเป้าหมายไม่อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ นะมาลิค”
“ครับ ท่านชีค”
“ยาซินจัดเตรียมที่พัก ยังจะไม่มีใครกลับเมืองหลวงในคืนนี้จนกว่าจะพบเบาะแสต่อไป”
ที่ปรึกษาวัยดึกรีบไปจัดการตามรับสั่ง มาลิคกระจายทหารออกไปค้นหาโดยมีชาวบ้านพากันช่วยอีกแรงด้วยความเต็มใจ จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด ชีคชามีลมีคำสั่งให้เครื่องบินออกบินลาดตระเวน แสงไฟส่องลงมาเบื้องล่างสะท้อนลอนทรายทว่าไร้ซึ่งร่องรอยของการเดินทางด้วยรถยนต์ในรัศมีสิบกิโลไมล์
ชีคชามีลไม่อยากจะเชื่อว่าเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นธามินกับซาเมราจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับถูกนำไปซ่อน เสียงร้องขอให้ช่วยจากน้องสาวช่างบาดหัวใจของพี่ชายนัก ขอเพียงให้ได้ตัวซาเมรากลับคืนมาหลังจากนั้นเขาจะกวาดล้างกบฏให้สิ้นซาก



รถโฟร์วีลกำลังวิ่งฝ่าทะเลทรายไปในยามค่ำคืนโดยท้ายรถมีผ้าคอยเกลี่ยทรายไม่ให้ทิ้งร่องรอยของล้อเอาไว้ให้ใครติดตามมาถูก ภายในรถมีระบบนำทาง GPS ที่ดัดแปลงมาเพื่อให้สามารถเดินทางในความมืดและไม่มีถนนที่แน่ชัด สามารถบอกได้ว่าพื้นที่ตรงไหนมีเนินทรายสูงเท่าภูเขาที่ควรเลี่ยง
สองร่างหลับใหลจากฤทธิ์ยาสลบถูกจับมานอนเคียงกันตรงเบาะหลังคนขับซึ่งถูกพับจนราบเหมือนที่นอน รอยสักดาวสามแฉกเด่นหราที่ข้อมือด้านในของผู้ลักพา การนัดหมายกับคนของ ‘คูเซย์’ เกิดขึ้นทันทีเมื่อได้ตัวประกันมาอย่างหวุดหวิดหลังจากเสียเวลาไปหลายวัน งานนี้จะเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา
“ทำไมต้องเอาผู้ชายมาด้วย แค่ผู้หญิงคนเดียวก็พอแล้ว” คนช่วยมองทางถามเจ้าคนขับรถที่วางแผนทุกอย่าง
“จะทิ้งศพให้ใครตามหรือไงเล่า อีกประเดี๋ยวจอดรถฆ่ามันแล้วทิ้งศพไว้ พรุ่งนี้แร้งก็มาทำลายหลักฐานหมดแล้ว”
ไม่มีเสียงทัดทานและยังต่างพากันหัวเราะชอบใจเมื่องานใกล้สำเร็จ ธามินนอนนิ่งลืมตาโพลงนอนฟังเมื่อฟื้นมาได้สักพักแล้ว เขาคลำหาปืนที่พกติดตัวเสมอแต่ไม่พบ พวกมันคงค้นตัวและเอาปืนไปแล้ว เขาเลื่อนมือไปจับมือเย็นเฉียบของซาเมราไว้แล้วค่อยโล่งใจเมื่อยังมีชีพจร
ธามินมองนาฬิกาที่เป็นเข็มทิศก็พบว่าพวกมันขับรถเบี่ยงมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จากแผนที่ถ้าตรงไปเรื่อยๆ จะถึงชายแดนที่เครื่องบินทหารเคยพบกองกำลังติดอาวุธ แต่พอทหารลงไปสำรวจกลับไม่พบมนุษย์แม้แต่คนเดียวกลายเรื่องน่ากังขาว่าคนมากมายไปหลบซ่อนที่ไหน
รถถูกชะลอความเร็วให้ช้าลงๆ จนกระทั่งหยุดนิ่ง ธามินอยากลุกขึ้นดูว่าพวกมันพามาถึงที่ไหนแล้วเพราะรู้ดีว่ากำลังจะถูกฆ่าแล้วทิ้งไว้ให้แร้งกากิน
“จอดรถทำไมวะ”
“ขอพักกินกาแฟก่อนไม่ได้หรือไง ขับจนถึงเช้าก็ใช่ว่าจะถึงที่หมายนี่หว่า หลบเครื่องบินติดตามได้แล้ว ก็น่าจะได้พักกันบ้าง” คนขับรถเปิดประตูลงไปยืดแข้งยืดขา
“แล้วสองคนนั้น...”
“อีกนานกว่าจะฟื้น เผลอๆ พรุ่งนี้ยังไม่ฟื้นด้วยซ้ำ”
ประตูอีกฝั่งเปิดตามแล้วงับไว้ไม่ได้ปิดสนิทด้วยเกรงว่าอากาศจะไม่พอให้ตัวประกันหายใจ ธามินค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้วเพ่งมองไปยังสองร่างที่กำลังช่วยกันก่อไฟเพื่อให้ความอบอุ่นเนื่องจากอากาศที่หนาวมากในเวลาเที่ยงคืน
ธามินหันกลับมามองที่พวงมาลัยก็พบว่ากุญแจรถไม่อยู่ในเบ้าเสียบ เขาโหย่งตัวไปเปิดคอนโซลหน้ารถจึงเห็นว่ามีปืนอยู่ในนั้นและมันได้กลับมาหาเจ้าของแล้ว เขาต้องปลุกซาเมราแล้วพาหนีก่อนที่พวกมันจะกลับมา
“ซาเมราตื่นเร็วเข้าก่อนที่จะไม่มีโอกาสให้หนี ได้ยินไหม ซาเมราๆๆ”
ซาเมรายังนิ่งไม่ไหวติงจนธามินคิดว่าหากรอจนเธอฟื้นขึ้นมาเองคงช้าเกินไป ร่างสูงขยับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างคนขับเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะปล้นรถคันนี้
ร่างสูงคู้กายค่อยๆ เปิดประตูรถและกลิ้งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เงาวูบวาบของแสงไฟสะท้อนให้เห็นเป็นเงาของกบฏสองคนที่หวังปลิดชีพเขาและลักพาตัวองค์หญิงไปเพื่อข้อต่อรองบางอย่าง พวกมันกำลังจิบกาแฟจากกระป๋องอย่างสบายใจทว่ายังมีอาวุธอยู่ใกล้มือ
“ถ้าชีคไม่ยอมต่อรองแลกเปลี่ยนตัวประกันจะทำยังไงกันดีล่ะ”
“ต้องรอ ‘คูเซย์’ สั่ง ฉันตัดสินใจเองไม่ได้หรอก” ชายที่เป็นหัวหน้าบอก “รีบๆ กินเข้าไปกาแฟน่ะ จะได้ไปเก็บไอ้ผู้ชายที่พามาแล้วทิ้งมันไว้เสียที่นี่แหละจะได้ไม่เสียเวลาอีก”
คูเซย์งั้นหรือ? ธามินไม่เคยได้ยินชื่อของผู้นำกบฏคนนี้มาก่อน มีใครในเชื้อพระวงศ์ที่น่าจะมีชื่อย่อว่าคูเซย์บ้างไหม แต่ก่อนจะหาคำตอบได้เขาคงต้องลงมือแล้วเพราะเจ้าคนที่เป็นลูกน้องกำลังเดินกลับไปที่รถทั้งที่ยังกินกาแฟไม่หมดด้วยซ้ำ เขาไม่รอช้าชิงลงมือในระหว่างที่สองคนนั้นอยู่ห่างกันทันที
“ปัง...ปัง!?!”
ลูกน้องล้มลงเมื่อกระสุนชำแรกเข้าไปที่ต้นขาและสีข้าง เจ้าคนที่เป็นหัวหน้ากระโจนเข้าบังแล้วยิงมายังต้นทางของกระสุน ธามินกระโจนหลบหางตาทันเห็นปลายกระบอกปืนที่เล็งมาจะยิงซ้ำ แต่ช้ากว่าปลายขาของเขาที่ตวัดถีบจนปีนของมันกระเด็นหวือห่างออกไปไกล
“ถ้าแน่จริงมาสู้กันสิ ไม่ใช่ลอบกัดแบบนี้” คนเลวร้องขอความเป็นธรรม
“ลอบกัดงั้นรึ ใครกันแน่” ธามินย้อนถามพร้อมกับโยนปืนประจำตัวห่างออกไปหลายก้าว “เข้ามา ถ้ายังใช้วิธีของลูกผู้ชายเป็น”
กันจาร์เล่มหนึ่งโยนมาให้ ในขณะที่เจ้าหัวหน้าเดินไปคว้ากันจาร์มาจากบั้นเอวของลูกน้องแล้วควงโดยใช้มือเพียงข้างเดียวอย่างชำนาญ ธามินมองคู่ต่อสู้และย่อตัวเพื่อเตรียมพร้อมสู่การโจนจ้วงในจังหวะที่เหมะสม ตามองตาแน่วแน่เพราะในการต่อสู้ครั้งนี้อาจพลาดพลั้งถึงแก่ความตายได้ทุกเมื่อ ทั้งสองเดินเป็นวงกลมเพื่อหาจังหวะ จนกระทั่งเจ้าหัวหน้ากระโจนเข้าหาก่อน ธามินเพียงเบี่ยงตัวหลบและใช้จังหวะนั้นจ้วงกันจาร์ใส่คู่ต่อสู้ที่ไหล่ขวาทำให้เลือดไหลเป็นทางจนมาถึงข้อมือที่พ้นจากโตเบสีดำ
พอได้แผลเจ้าหัวหน้าระวังตัวมากขึ้นไม่ผลีผลามเข้าหา ธามินพลิ้วกายไปหาคู่ต่อสู้พุ่งตรงไปยังไหล่ซ้ายและทะยานร่างออกมาโดยเร็วเป็นผลให้คราวนี้ต่างคนต่างได้แผล
“จะยอมแพ้หรือยัง” ธามินถาม
ไม่มีเสียงตอบเพราะธามินถูกจู่โจมซ้ำ แต่เขาหลบทันแล้วรุกกลับในจังหวะต่อมา เจ้าหัวหน้าล้มลงอย่างหมดท่าในสภาพเลือดโทรมกาย การต่อสู้เป็นอันสิ้นสุด
ธามินเดินไปเก็บปืนและค้นกุญแจรถจากตัวเจ้าหัวหน้าจนพบแล้วหันหลังมุ่งหน้าไปที่รถ ปืนอีกกระบอกส่องตรงมาข้างหลัง ทว่ายังไม่ทันได้ลั่นไกก็ถูกธามินยิงสวนกลับ
“ปัง...”
กระสุนทะลุผ่านผ่ามือของคนลอบกัดที่สะบัดเร่าด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเจ้าหัวหน้าที่พ่ายแพ้เต็มไปด้วยความแค้นและเกลียดชัง
“ลูกผู้ชายต้องไม่ลอบกัด ไม่ยิงข้างหลัง จำใส่สมองไว้” ธามินคำรามลั่น
ธามินเข้าไปนั่งในรถแล้วหันไปมองร่างที่นอนนิ่งอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นซาเมรายังคงไม่ฟื้น รถถูกสตาร์ตแล้วขับออกไป เจ้าหัวหน้าฝืนความเจ็บปวดลากขามาหาลูกน้องที่เจ็บพอกัน แต่มันกลับนอนมองไฟท้ายรถที่กำลังหายไปจากสายตาแถมยังยิ้มกว้าง
“ยิ้มอะไรวะ ไม่เห็นหรือไง ตัวประกันถูกพาไปแล้ว เสียแผนหมด แล้วจะบอกคูเซย์ยังไงล่ะทีนี้”
เสียงหัวเราะมาก่อนคำตอบ “มันไปได้ไม่ไกลหรอกลูกพี่”
เจ้าหัวหน้าเขม้นมองจนกระทั่งลูกน้องบอกว่าทำอะไรลงไปในตอนที่เขากำลังสู้กับผู้ชายคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกไม่กี่วันพวกมันจะตายกลางทะเลทรายถ้ามุ่งหน้าไปยังชายแดน ถ้าพวกมันฉลาดการไปโอเอซิสซิวายังมีความหวังที่จะรอดชีวิต เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็แค่รอแล้วจับตัวประกันกลับมาอีกครั้ง

ธามินขับรถตะลุยฝ่าทะเลทรายไปโดยเลือกย้อนกลับไปยังหมู่บ้าน M1 แทนการมุ่งหน้าไปชายแดน ไฟหน้าไม่เปิดอาศัยดูเส้นทางจาก GPS จากในรถเอาเพราะคิดอย่างไม่ประมาทว่าพวกมันอาจจะเรียกให้คนอื่นตามมาล่าต่อก็ได้ เขาหันไปมองซาเมราบ่อยครั้ง เธอยังคงหลับสนิท ถ้าสภาพร่างกายแข็งแรงอีกสักสามชั่วโมงเธออาจฟื้น
มีบางอย่างผิดปกติจนธามินสังเกตเห็นอย่างเกย์น้ำมันลดลงอย่างรวดเร็วทั้งที่ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ด้วยความสงสัยเขาจึงจอดรถแล้วหยิบไฟฉายมาส่องสำรวจถังน้ำมันรถถึงได้พบว่ามีการหยดของน้ำมันลงบนทราย เขาพยายามค้นหาของที่พอจะนำมาอุดถังน้ำมันที่รั่วได้บ้าง แต่นอกจากผ้า กระดาษ ไฟฉายและปืนแล้ว ไม่มีอะไรอีกเลย
เมื่อพิจารณาจากน้ำมันที่เหลือซึ่งน่าจะพอให้รถวิ่งไปได้อีกไม่เกินยี่สิบไมล์ ธามินจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางไปที่โอเอซิสฟารุกแทน แม้ว่าจะต้องระวังกลุ่มกบฏและโจรทะเลทรายมากขึ้นแต่ยังดีกว่าต้องมาตายกลางทะเลทรายเพราะรถน้ำมันหมด รถแล่นเรื่อยๆ ไม่เร่งเครื่องมากนักจนผ่านไปสองชั่วโมงเศษน้ำมันก็หมดถัง เขาลงมาจากรถแล้วปลุกซาเมราอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“ซาเมราตื่นเถอะ ต้องรีบเดินทางต่อแล้ว”
ไม่มีเสียงตอบเช่นเคย ธามินยื่นนิ้วไปอังที่จมูกของซาเมราก็พบว่ายังหายใจเป็นปกติ แต่ให้ปลุกเท่าไหร่ก็ยังไม่ตื่น บางทีฤทธิ์ยาสลบที่ได้รับไปคงมากจริงๆ เมื่อไม่อาจรอได้ ร่างเพรียวจึงถูกแบกขึ้นหลังของธามิน มือทั้งสองข้างของเขาถือสัมภาระที่พอจะขนมาได้จากในรถแล้วเดินเท้าต่อไปและพักบ้างเป็นระยะ ห้าไมล์ไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ แต่มันเป็นทางรอดทางเดียวที่เหลืออยู่ เขาหวังว่าจะเดินทางไปถึงโอเอซิสฟารุกก่อนแสงแรกของตะวัน

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ต.ค. 2558, 09:52:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2558, 09:52:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 837





<< ตอนที่ 4 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 5 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account