พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...

... พรหมลิขิตกระซิบรัก...

Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง

ตอน: ผมรักคุณ

นิ้วเรียวกดรีโมทเปิดทีวีเมื่อเห็นภาพของคนที่คิดถึงอยู่ในนั้น หลับตากลั้นความรู้สึกบางอย่างที่กำลังท่วมท้นเกินอดทนไว้ได้อีกต่อไป เสียงทุ้มกังวานแม้ไม่ต้องลืมตาก็ตรึงในโสตว่าคือเสียงเขาละครที่เขาเล่นกำลังออนแอร์

สักพักแล้วสินะที่เธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับนัมแทบงเลย เธอทำงานหนักขึ้นและเริ่มรับงานแปลของรายการทีวีที่ประธานนัมแนะนำมา ชีวิตเธอกำลังเข้าที่ ที่สำคัญเธอสนุกกับงานที่ทำมันทำให้เวลาที่จะเสียใจน้อยลง แต่พอได้เจอเขาอย่างไม่ทันตั้งตัววันนี้ความรู้สึกที่คิดว่าลืมมันได้แล้วกลับชัดเจน เธอไม่เคยลืมมันได้เลย

เขาดูผอมลงแต่มีกล้ามเนื้อมากขึ้นอาจเพราะบทบาทที่เขาได้รับใหม่นั้นเป็นตำรวจ สายตาที่เขามองเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกันทำเอาเย็นไปทั้งร่าง ถ้าพีมะไม่อยู่ตรงนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะออกมาจากที่นั่นได้ยังไง

“เขาคงลืมเธอไปแล้วสิ สายตาถึงว่างเปล่าขนาดนั้น เก่งจังเลยนะสมเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลนักแสดงยอดนิยม เย็นชาจริงๆ”

สมาท์โฟนรุ่นใหม่ถูกกดเปิดโดยสัมผัสซ้ำๆที่หน้าจอ สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอคืเจ้าของรอยยิ้มสดใส มันทำให้คนที่ดูปวดร้าว

“ใจร้ายจังนะ เกลียดกันจนไม่อยากเห็นหน้าเลยสินะกุมาริกา ยัยผู้หญิงใจร้าย”

เสียงเคาะประตูทำให้นัมแทบงลดสมาทโฟนในมือลง ลุกขึ้นนั่งกลางที่นอนอย่างรำคาญคนที่มาขัดจังหวะ มองเปิดประตูที่ถูกเปิดเข้ามาอย่างไม่ได้สนใจนัก

“มีอะไรรึเปล่าผมอยากพัก”

“ก็มีนะสิไม่งั้นฉันคงไม่มายืนตรงนี้หรอก ฉันจะไม่อยู่ไปญี่ปุ่นสองวันนายช่วยเข้าออฟฟิศแทนให้ด้วยเข้าใจไหม” นัมเยรินกอดอกพูดตรงกลางห้อง

นัมแทบงพยักหน้าทิ้งตัวลงกับเตียงนอนหันหลังให้ผู้เป็นพี่สาว จนเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดดวงตาเรียวที่ปิดสนิทเมื่อครู่กลับเปิดขึ้นมีประกายบางอย่างอยู่ในนั้น พูดกับตนเองอย่างหมายมาด

“จะได้รู้กันละทีนี้กัมมี่”

เลขายูแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆ น้องชายของท่านประธานก็เกิดอยากรู้ข้อความคอมเม้นท์ในอินเตอร์เน็ทที่เขียนเป็นภาษาไทยในเวบเพจของตนเองขึ้นมา ปกติไม่เห็นได้เคยสนใจให้แปลขนาดนี้ แต่นี่สั่งให้เธอเลือกแต่คอมเม้นท์จากแฟนคลับชาวไทยที่เขียนเป็นภาษาไทยอย่างเดียวแถมชวนเธอไปหาล่ามสาวถึงชั้นที่เธอทำงานแทนที่จะเรียกพบ

นัมแทบงมองผ่านกระจกใสที่ไม่ได้เอาที่ปิดลง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันตรงไปยังประตูห้องที่มีหญิงสาวร่างเล็กกำลังยิ้มหวานให้กับนักแสดงหน้าใหม่ที่เขาต้องระวังอยู่

“นูน่ากับฮยองไม่ได้คบกันแล้วใช่ไหมฮ่ะ” ฮามินแจเอ่ยถามเธอจนล่ามสาวรู้สึกอึดอัด

“คือ..”

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องของนายนะฮามินแจ วันนี้นายไม่มีงานรึไงถึงขึ้นมาห้องพักผู้สอนได้” นัมแทบงกอดอกยืนหน้านิ่งพร้อมราวีเต็มที

“คือ..ผมมาเทรนภาษาญี่ปุ่นพอเสร็จเห็นนูน่าอยู่ในห้องพอดีเลยมาคุยทั่วๆไปฮะ”

“ถ้าเสร็จธุระของนายแล้วก็ไปได้ ฉันมีงานจะให้คุณกุมาริกาทำ” ดวงตาเรียวมองนิ่งที่วงหน้าเนียนใสก่อนหันไปที่เลขาคนสนิทของพี่สาวตนเองส่งสายตารู้กันบางอย่าง

“เชิญคะคุณฮามินแจฉันกำลังจะลงไปพอดี ไปด้วยกันเลยไหมคะ”ยูจินเอ่ยถาม รอจนดาราหนุ่มเดินออกไปจึงหันมาก้มศีรษะเล็กน้อยทักทายกุมาริกา

หญิงสาวถอนหายใจนั่งลงเหมือนเมื่อครู่ มองร่างสูงที่ทิ้งตัวลงตรงโซฟารับแขกมุมห้องเช่นกันและกอดอกมองมาที่เธอโดยไม่พูดอะไรจนกุมาริกาหงุดหงิด

“เชิญคุณพูดธุระของคุณเลยคะ ฉันมีงานค้างอยู่ต้องรีบทำเหมือนกัน”

“เมื่อกี้ยังคุยสนุกเล่นไปทั่วอยู่เลยนี่ พอพี่มาบอกมีงานงั้นเหรอ” นัมแทบงเอ่ยประชดประชัน

“พูดเรื่องงานที่คุณจะให้ฉันทำมาดีกว่า เรื่องอื่นฉันจะถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องตอบ”

นัมแทบงร้อนเหมือนไฟลน ยิ่งกุมาริกาทำไม่สนใจมากเท่าไหร่เขายิ่งอยากพุ่งชน นี่สินะคนเขาถึงพูดกันว่า เวลา สายน้ำ ใจคน คือสิ่งที่รอไม่ได้ เชื่อไม่ได้ และก็หยั่งไม่ถึง

“คุณนั่งตรงนั้นแล้วต้องให้ผมอธิบายสิ่งที่ผมจะให้คุณทำด้วยการตะโกนงั้นเหรอ”

หญิงสาวกัดริมฝีปากข่มวาจาไม่ให้ต่อว่า ข่มใจไม่ให้สั่น ยิ่งกลัวก็ยิ่งเจ็บคำพูดของตากล้องหนุ่มแว๊บผ่านเข้ามา ร่างเล็กจึงลุกขึ้นเดินไปทรุดนั่งที่ปลายโซฟาทิ้งระยะห่างกับดาราหนุ่มจนทำให้นัมแทบงที่นั่งอยู่ปลายของโซฟาอีกด้านเป็นฝ่ายขยับเข้ามาเองอย่างรวดเร็ว และทำให้เธอตกใจผุดลุกขึ้นทันทีแต่ก็ต้องทรุดนั่งลงที่เดิมเพราะมือหนาดึงไว้เช่นกัน

“ปล่อย..คุณกำลังทำให้ฉันตกใจ”

“พี่จะปล่อยถ้ากัมมี่นั่งลง” เมื่อเห็นเธอพยักหน้า ดาราหนุ่มจึงคลายมือหยิบกระดาษขนาดA4ที่เตรียมไว้มายื่นให้

กุมาริกามองแผ่นกระดาษที่น่าจะปริ๊นมาจากบล็อกของเขา ไล่ดูข้อความที่เป็นภาษาไทยถามโดยไม่ได้มองใบหน้าชายหนุ่มสักนิด

“คุณอยากให้ฉันแปลมันให้ใช่ไหมคะหรือจะให้อ่านให้ฟังตรงนี้เลยถ้าคุณว่างสัก10นาทีก็พอ”

“มากว่า10นาทีก็ได้พี่ว่าง”

นัมแทบงลอบมองใบหน้าด้านข้างที่ยามนี้ยิ่งชัดขึ้นเพราะเจ้าของวงหน้าเนียนเก็บผมสั้นที่ปรกลงมาที่กรอบหน้าทัดไว้ที่ข้างหูโดยไม่รู้ตัวมัวแต่ก้มมองกระดาษที่เขาเอามาอ้าง

ดาราหนุ่มกางศอกลงกับโซฟาส่วนบนยันศีรษะมองเธอเงียบๆอย่างพิจารณาขายาวไขว่ทับกันไว้อย่างผ่อนคลายขึ้น ผมสั้นสีส้มเฉดน้ำตาลทำให้เธอดูสดใสกว่าเดิม เหมือนเธอจะผอมลงกว่าเดิมด้วย ไอ้หมอนั่นมันไม่ดูแลเธอมั่งรึไงเมื่อวานพี่สาวเขาก็บอกว่าเธอเหมือนจะไม่สบายหายรึยังนะ

“นูน่าบอกพี่ว่าเธอไม่สบายเหรอหายรึยัง”

กุมาริกาก้มหน้าเขียนอยู่สักครู่ก็เงยหน้าจากกระดาษแล้วยื่นมันคืนให้กับชายหนุ่มโดยไม่ตอบคำถาม “ฉันว่าคุณกลับไปอ่านเองแล้วกันคะฉันแปลให้หมดแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ”

ยังไม่ทันจะพูดจบ ริมฝีปากอิ่มก็ถูกประกบอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะดิ้นสุดแรงผละออกมาได้มองคนฉวยโอกาสที่ยังทำท่าเย็นชาใส่เธออยู่ดีอย่างโมโห

“ดูเหมือนว่าคุณจะติดการฉวยโอกาสมาจากบทละครมากไปนะคะ ฉันไม่ใช่นางเอกละครหรือนางแบบในสต๊อกของคุณ กรุณาอย่ามาทำลุ่มล่ามกับฉันอีก และถ้าเป็นไปได้ทำแบบเดิมตอนที่คุณหายไปโดยไม่ได้บอกสาเหตุนั่นแหละจะขอบคุณมาก”

หญิงสาวเดินออกไปแล้วไม่มีการแสดงอาการโกรธที่รุนแรง เธอไม่แม้จะยกมือขึ้นตบเขาทั้งที่เธอพูดว่าเขาฉวยโอกาส แต่กับพูดด้วยสายตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันว่างเปล่าจนน่าตกใจทวนประโยคสุดท้ายที่เธอบอกก่อนที่จะวิ่งตามร่างเล็กไป
เพราะเขารู้แล้วว่าสิ่งที่เธอบอกคือสิ่งสุดท้ายในโลกที่เขาจะทำ

“กัมมี่ หยุด พี่บอกให้หยุดไง”

ร่างเล็กกดปิดประตูลิฟท์ทันทีและยิ่งกดซ้ำๆเพื่อให้ประตูปิดก่อนที่ร่างสูงจะถึง แต่ดูเหมือนว่าอะไรๆจะไม่เต็มใจเป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงที่สะบัดหลังมือเพราะแรงกระแทกปิดของบานประตู ไหนจะต้องคว้าร่างบางไว้อีกเพราะเมื่อเขาเข้ามาเธอก็จะออกไปเช่นกัน เมื่อดึงเข้ามาอยู่ในลิฟท์ได้ชายหนุ่มก็กดปิดทันที ก่อนจะล็อคให้ลิฟท์ไม่ทำงานจนกุมาริกามองอย่างตกใจ

“นี่คุณจะทำอะไรกดล็อคแบบนี้ลิฟท์มันก็ไม่ทำงานนะสิ ปล่อยฉันนะ”

นัมแทบงใช้แรงทั้งหมดที่มีดันร่างเล็กจนติดผนังและใช้ร่างตนเองที่สูงใหญ่กักร่างเล็กให้พ้นมุมของกล้องวงจรปิด อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้เธอเสียหาย

“คุยกันก่อนที่พูดเมื่อกี้หมายความอย่างนั้นจริงๆเหรอที่ให้เราไม่ต้องเจอกันอีก ไม่ต้องทักทายกันอีก”

“ใช่”

“ทำไม”

กุมาริกามองสบดวงตาเรียวที่มองมานิ่ง นี่เขาจะเอายังไงกับเธออีก ปั่นหัวเธอมันสนุกมากใช่ไหม ยามรักใคร่ก็อ่อนหวานแต่พอไม่ต้องการก็ผลักไส

“มันเป็นความต้องการของคุณตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ ปล่อยสิ ถอยไปนะ”

“ไม่ถอยและพี่ก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไปด้วย ไม่ว่าไอ้ตากล้องหรือไอ้นายแบบหน้าไหนฉันก็ไม่ยอมทั้งนั้น” อารมณ์กรุ่นโกรธทำได้แค่ระบายออกมา

นัมแทบงไม่อยากอธิบายอะไรอีกมันมีแต่จะทำให้เขาทะเลาะกับเธอมากขึ้น ภาษากายจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ถูกนำมาใช้แม้ว่าอีกฝ่ายไม่ยินยอม จูบที่วาบหวาม ปลุกเร้า ครอบครอง และอยากเป็นเจ้าของ ทุกสิ่งที่เขาทำมันคือสิ่งที่เก็บไว้จนต้องแสดงออกด้วยวิธีนี้แทนคำพูดที่เขาไม่ถนัดแต่มันกับทำให้เธอยิ่งรู้สึกแย่น้ำตามากมายแทนความรู้สึกเจ็บปวดที่มี

นัมแทบงชะงักมองดวงตากลมโตที่เคยมองเขาอย่างอ่อนโยนแต่ตอนนี้มันอาบไปด้วยหยดน้ำตา

“ฉันเกลียดคุณนัมแทบง เราอย่าเจอกันอีกเลย จากวันนี้ไปฉันจะถือว่าไม่เคยรู้จักคุณ”แรงปะทะดังสนั่นจนใบหน้าหล่อสะเทือน

กุมาริกากดปลดล็อคและวิ่งออกจากลิฟท์ไปที่ประตูหนีไฟอย่างรวดเร็วทั้งสับสนกับสิ่งที่เขาทำ ทั้งเจ็บปวดกับความรู้สึกที่ยัง
คงมีเขาอยู่ตลอด ที่ผ่านมาคิดว่าอยู่ได้มันเพราะเธอหลอกตัวเองทั้งนั้น

ลิฟท์ถูกเปิดออกที่ชั้นถัดมาโดยมีพนักงานยืนอออยู่หลายคน เนื่องจากจู่ๆลิฟท์ก็เหมือนใช้การไม่ได้กดเท่าไหร่ก็ไม่ลงมาตามที่เรียก พนักงานจึงกดโทรศัพท์เรียกช่างเพราะคิดว่าลิฟท์ค้างแต่จู่ๆลิฟท์ก็ทำงาน

ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกร่างสูงของนัมแทบงก็เดินออกมา คนที่ยืนรอลิฟท์ต่างพากันแปลกใจว่าสิบกว่านาทีที่ลิฟท์ไม่ทำงานนั้นสาเหตุมาจากดาราหนุ่มหรือไม่ แต่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอยู่เสมอจึงไม่มีใครกล้าทัก

นัมแทบงหลับตาชั่วครู่ก่อนถอนหายใจระบายความอึดอัด หยิบสมาทโฟนในเสื้อโค้ทกดหาคนที่ต้องการก่อนกรอกเสียงสั่งการลงไป

“ยูจินชิ ตอนนี้เวลา13.45นาที ช่วยขึ้นไปที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยหน่อย นับย้อนหลังไปประมาณ10-15นาทีในลิฟท์ชั้น6ช่วยลบช่วงเวลานั้นทิ้งทั้งหมด ในระหว่างลบผมอยากให้คุณอยู่ที่นั่นด้วยช่วยตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีภาพที่จะทำให้คนที่อยู่ในนั้นเสียหายและผมหวังว่าคุณจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ให้พี่สาวผมฟังด้วย ผมไว้ใจคุณได้ใช่ไหม”

“ได้ค่ะเจ้านาย”

ยูจินเร่งฝีเท้าออกไปตามคำสั่งทันที ถึงเธอจะไม่รู้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงขั้นสั่งให้ลบและให้เธอตรวจสอบให้แน่ใจมันคงต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่นอน ดังนั้นเธอจึงขอให้หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยเท่านั้นที่เข้าไปเช็คพร้อมกับเธอ สิ่งที่เห็นทำให้เธออ้าปากค้างและรีบทำตามคำสั่งเพื่อป้องกันความเสียหายของผู้เป็นเจ้านาย รวมถึงขอให้หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยอย่าได้พูดต่อ

กุมาริกาทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ตรงขั้นบันไดราวกลับว่านี่คือการปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจ เธอร้องไห้เพราะไม่สามารถปรับทุกข์กับใครได้นอกจากระบายกับตนเอง

“คนที่ไม่รักกันเขาทำแบบนี้ไม่ได้หรอกนะคนเห็นแก่ตัว”

พัคโบราบิดเอวในการโพสเพื่อโชว์หุ่น แต่กลับขัดเขินเมื่อหันไปแล้วเจอพีมะยกกล้องถ่ายรูปหันมาทางตนเอง คนอื่นอาจจะไม่รู้แต่เธอรู้ว่าภาพที่ตากล้องมาดเซอร์กำลังจับจ้องคือตัวเธอ

แขนเรียวยกขึ้นโพสท่ากอดอกยกแขนข้างนึงโชว์ด้านที่มีกำไลอยู่ รอยยิ้มขี้เล่นถูกส่งไปยังมุมห้องมันคือโค้ดลับระหว่างเธอกับพีมะที่ไม่มีใครรู้

หลังเสร็จการซ้อมรอบสุดท้ายพัคโบราหยิบมือถือกดส่งข้อความบางอย่างถึงตากล้องหนุ่มที่อยู่มุมห้อง

“ฉันเสร็จแล้ว ไปกินข้าวกันนะ”

มุมปากยิ้มกว้างเมื่อมองข้อความที่ได้รับ พีมะมองหาคนส่งมาแต่ไม่พบจึงกดตอบกลับ

“ผมไม่ได้ว่างจะไปเที่ยวเล่นกับคุณนะ”

“แต่ว่าฉันหิว คุณไม่ว่างงั้นฉันชวนคนอื่นไปก็ได้” พัคโบราอมยิ้ม เอ่ยลาทีมงานคว้ากระเป๋าใบใหญ่ของตนเดินออกไปทางที่จอดรถ แต่ยังไม่ทันถึงก็เจอกับร่างสูงของตากล้องหนุ่มที่มาดักรออยู่

“ไหนว่าไม่ว่างไง ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้” พัคโบรามองยิ้มๆ

“ก็ตอนนี้ว่างแล้วไง” ตากล้องหนุ่มกวน

“ชิ...แล้วทำเป็นเล่นตัว”

พีมะดึงผ้าพันคอที่พันไว้ออกแล้วนำมันมาคลุมไว้ที่ต้นขาเรียว มองนางแบบสาวตาเขียว

“ผมว่าคุณควรจะนุ่งกางเกงยีนส์มากกว่านะถ้าจะขับรถ ที่สำคัญผมไม่อนุญาตให้คุณใส่ขาสั้นแล้วขับรถให้ผู้ชายคนอื่นนั่งเข้าใจไหม โบรา”

หางเสียงที่ชายหนุ่มใช้เรียกชื่อเธอมันทำให้พัคโบรารู้สึกพอใจ “ฉันชอบนะที่คุณเรียกชื่อฉันแบบนี้”

รอยยิ้มกว้างถูกส่งให้นางแบบสาวจริงจังเป็นครั้งแรกจนเธอต้องจอดรถข้างทางแล้วขอให้ชายหนุ่มทำมันอีกครั้ง “ฟันคุณสวยจังช่วยยิ้มให้ฉันอีกทีสิ ฉันชอบจัง”

“ยัยเพี้ยนที่จอดรถนี่แค่ต้องการให้ยิ้มให้เนี่ยนะ” พีมะดึงแก้มอิ่มอย่างอดใจไม่ไหว

พัคโบราถูแก้มตนเองไปมาเพราะความเจ็บจนตอนนี้แก้มขาวของเธอแดงเป็นจ้ำจนเห็นได้ชัด

“พีพีทำฉันเจ็บนะดูสิเป็นรอยแดงเลย” นางแบบสาวยกกระจกขึ้นส่องลูบผิวตรงที่เป็นรอยแดง

“บีฮาเน่โยว” พีมะเอ่ยคำขอโทษจนเจ้าของภาษายังแปลกใจ
##미안 해요 ผมขอโทษ##

“คุณขอโทษฉันเป็นภาษาของฉันเหรอ เก่งจัง” นางแบบสาวยิ้มแก้มปริ

“สอนผมสิคำที่คุณอยากให้ผมพูด” พีมะพูดด้วยแววตาหวาน จนหญิงสาวใจสั่นเพียงเพราะเขาบอกว่าอยากเรียนภาษาของเธอ

“อืม ฉันจะสอนคุณเอง” เสียงหัวเราะของคนมีความสุขดังก้องรถ

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของพีมะทำเอารอยยิ้มกว้างหุบลง พัคโบราเดาว่าปลายสายที่โทรเข้ามาคงเป็นล่ามสาวจากเมืองไทย เหลือบตามองคนที่กำลังคุยสายอยู่เป็นระยะๆ เสียงจากปลายสายที่เล็ดรอดออกมาดูเหมือนจะร้องไห้ แม้เธอไม่เข้าใจในภาษาไทยที่คนทั้งคู่พูดกัน แต่เธอก็เห็นสีหน้าห่วงใยจากใบหน้าเข้มและน้ำเสียงอ่อนโยนปลุกปลอบล่ามสาวอยู่ อดปวดแปลบไม่ได้จึงพูดออกไปอย่างที่คิด

“คุณอยากให้ฉันไปส่งไหม”

พีมะแปลกใจกับคำถามของพัคโบราสาวแต่ก็เข้าใจได้เองว่าเธออาจหึงหวงเขากับกัมมี่นั่นเอง

“คุณอยากไปส่งผมแล้วเหรอ เรายังไม่ได้กินข้าวกันเลยคุณหิวไม่ใช่เหรอ”

พัคโบราหันมองใบหน้าที่ชอบกวนเธออยู่เสมออย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเธอเห็นเขาดูกังวลในเรื่องของคนที่โทรมาแล้วทำไมเขาถึงยังใจเย็นอยู่ได้

“คุณไม่อยากไปปลอบเธอเหรอ ดูเหมือนเธอกำลังเสียใจเรื่องอะไรบางอย่างถึงฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณคุยกันแต่ฉันรับรู้ได้ว่าคุณห่วงเธอมาก”

“ใช่ กัมมี่กำลังเสียใจคุณพูดถูกและผมต้องไปหาเธอแน่ แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ อย่าเข้าใจผิดๆโดยที่ไม่ถาม คุณอยากให้ผมอธิบายใช่ไหม”

พีมะยิ้มพร้อมกับดึงแก้มอิ่มอย่างติดใจกับความเนียนนุ่มของมัน และเมื่อหญิงสาวพยักหน้าเขาก็ยิ่งยิ้มกว้าง

“ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันโบรา แค่คิดว่าคุณคงต้องน้อยใจแน่ๆถ้าผมรีบไปทันทีก็ทำให้ใจผมเย็นลง กัมมี่กับผมเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นในตอนนี้และที่นี่ก็มีแค่ผมที่เธอปรึกษาพูดคุยได้ ผมแค่อยากบอกคุณก่อนให้ชัดเจนไม่อยากให้คลุมเคลือจนคิดไปเอง” พีมะบอกทุกอย่างที่เขาคิดกับเธออย่างตรงไปตรงมาเพื่อเปิดใจ

“ฉันจะไปส่งคุณเองแล้วค่อยกลับบ้าน”

พีมะยิ้มให้กับนางแบบสาว ถึงเธอจะดื้อรั้นแบบเด็กเอาแต่ใจแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจ เธอแค่เชื่อมั่นในสิ่งที่เธอคิด ดังนั้นมันจึงไม่ยากที่เขาจะเปิดใจตัวเองบ้าง เพื่อให้เธอรับรู้ในสิ่งที่เธอยังขาดความเข้าใจและง่ายต่อการเข้าใจผิดเพียงเพราะความหึงหวง

“อย่ากินเยอะนะ อย่านอนดึกด้วย หลังการประกวดพรุ่งนี้จะพาไปเลี้ยงไม่ว่าแพ้หรือชนะก็ตาม”

“อืม... แล้วจะโทรหานะรับด้วยไม่งั้นจะปวดใจรู้ไหม” พัคโบราพูดอ้อน

ตากล้องหนุ่มเงยหน้าหัวเราะกับคำพูดตรงไปตรงมาของเธอพยักหน้าตอบ สงสัยเขาจะติดใจสาวขี้วีนช่างอ้อนเข้าแล้วสิ

“เข้าใจแล้วขับรถดีๆล่ะ”


ประเทศญี่ปุ่น...
ในเวลาเกือบเข้าอีกวัน..


นัมเยรินควานมือเปะปะไปตรงโต๊ะที่เธอจำได้ว่าวางโทรศัพท์ไว้ เสียงที่ปลุกเธอกลางดึกทำให้เธอหงุดหงิดแต่ไม่ประหลาดใจเท่ามันปรากฏหมายเลขคุ้นตาที่โทรมาในเวลาเกือบเข้าวันใหม่..

“ฮัลโหลมีอะไรโทรมาป่านนี้แทบง”

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วยผมรู้ว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว แต่ผมรอจนเช้าไม่ได้”

“นายเมารึเปล่าแทบงอยู่ที่ไหน อยู่กับผู้จัดการคิมรึเปล่า” นัมเยรินรู้สึกห่วงน้องชายขึ้นมาฉับพลัน

“ผมรักกัมมี่”

“ห๊ะ!! นายมาพูดบ้าอะไรตอนนี้” ประธานสาวแห่งนัม โมเดลรู้สึกเหมือนตาสว่างทันทีก่อนถอนหายใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้น ปัญหาที่เกิดมันไม่ใช่เรื่องของน้องชายเธอกับหลานสาวของกุลธีร์อย่างเดียว มันรวมถึงสัมพันธภาพของเธอกับกุลธีร์ก็ดูเหมือนจะจบลงไปด้วย

“แล้วนายมาบอกฉันทำไมแทบง ฉันเคยเตือนนายเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนะแต่นายไม่ฟังฉันเลย”นัมเยรินไม่อาจข่มใจไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่น้องชายตนเองได้

“ผมขอโทษ ผมเสียใจที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แต่ตอนนี้ได้โปรดรับฟังความรู้สึกผมด้วย ผมรู้แล้วว่าผมรักกัมมี่จริงๆ”

“นายบอกว่านายรักกัมมี่งั้นเหรอแล้วที่นายทำให้เธอเสียใจล่ะมันคืออะไรแทบง นายเอาความรู้สึกของกัมมี่มาล้อเล่นเพียงเพราะอยากรู้ว่านายรักเธอรึเปล่างั้นเหรอ นายปล่อยให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลงจนไม่เหลือแม้โอกาสให้แก้ตัว แล้วตอนนี้นาย
จะมาร้องขออะไร”

ปลายเสียงที่สั่นเครือของน้องชายคือสิ่งเดียวที่เยรินรับรู้ได้ว่ามันไม่ได้เสแสร้ง นัมแทบงกำลังเสียใจจริงๆ แต่คนที่จะตัดสินใจว่ายกโทษหรือไม่ ไม่ใช่เธอ...

“ผมเสียใจที่ปล่อยให้เวลาผ่านมาจนป่านนี้โดยไม่แก้ไขความรู้สึกผิด ผมสับสน หึงหวงเธอจนแทบบ้า ผมแน่ใจตัวเองว่าคงทำอะไรบ้าๆลงไปแน่ๆ ผมทนรับความว่างเปล่าจากสายตาเธอไม่ไหวแล้ว ยิ่งผมพยายามเข้าไปใกล้เธอตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกถึงกำแพงที่กัมมี่กั้นไว้ เธอกำลังกั้นทุกอย่างจากผม ได้โปรดช่วยผมด้วยจะให้ทำยังไงก็ได้แต่ช่วยให้กัมมี่ยกโทษให้ผมด้วย ผมรักเธอ..”

“แทบงนายบอกกัมมี่รึเปล่า สิ่งที่นายพูดกับฉัน”

“ผม...”

“พิสูจน์ในสิ่งที่นายยอมรับกับฉันสิแทบง แสดงความรู้สึกจริงๆของนายออกมาฉันเชื่อว่ากัมมี่ต้องเข้าใจ”

“ครับ ผมคิดว่าต้องไปปรับความเข้าใจกับเธอให้เรียบร้อย” นัมแทบงยิ้มกับโทรศัพท์เดินโซเซออกจากห้องของผู้จัดการส่วนตัวตรงที่เมาหลับไปก่อนแล้วตรงไปยังจุดหมายที่มีหญิงสาวอยู่

“ไม่นะแทบง ไม่ใช่ตอนนี้มันดึกมากแล้วแล้วนายก็เมาด้วย ผู้จัดการคิมล่ะอยู่ที่ไหนขอฉันคุยด้วยหน่อย..แทบง แทบง”

นัมเยรินเรียกชื่อน้องชายระรัว เมื่อปลายสายตัดสายไปแล้ว เมื่อกดกลับไปก็ไม่มีคนรับรวมถึงผู้จัดการคิมด้วย

“หวังว่านายจะไม่ทำให้เสียเรื่องนะแทบง”

เสียงออดหน้าห้องทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้นหันไปทางประตูแต่เมื่อคิดว่าคงเป็นตากล้องหนุ่มจึงลุกขึ้นจากอ่างน้ำหลังจากแช่มานานกว่าชั่วโมง คว้าเสื้อคลุมใส่เปิดประตูออกมาบอกกับตนเองว่าเธอต้องสดชื่นกว่านี้เพื่อนของเธอจะได้ไม่เป็นห่วง แต่
ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูออกไปดู ก็ปรากฏร่างสูงที่คุ้นตาอีกคนยืนอยู่แทน

“คุณมาได้ยังไง...นี่มันดึกแล้วนะคะคงไม่สะดวกในการต้อนรับฉันต้องการพักผ่อน” กุมาริกากระชับคอเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าหากันเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีกลิ่นเหล้าโชยมาปะทะจมูก

“พี่อยากคุยด้วย อยากอธิบายบางเรื่องให้กัมมี่เข้าใจ อยากขอโทษ” นัมแทบงเดินเข้าหา

“กลับไปเถอะคะ ถือว่าฉันขอร้อง ถ้าคุณเมาคุณก็แค่กลับไปนอน ฉันจะตามผู้จัดการคิมให้” กุมาริกาเดินไปหยิบมือถือที่หัว
เตียงเพื่อกดหมายเลขที่ต้องการแต่มันกลับถูกคว้าไปจากมือบางและโยนไปแถวข้างเตียง

“เกลียดพี่มากขนาดไม่อยากพูดกันเลยเหรอ”

“ฉันว่าเราคุยกันเข้าใจแล้ว ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะให้พีมะขึ้นมาเอาคุณออกไป” ล่ามสาวขู่ก่อนหันไปคว้าโทรศัพท์ภายในขึ้นมากดแต่กลับโดนคว้ามาทุ่มลงพื้นไม่ใยดี กุมาริกาถอยกรูดเมื่อร่างสูงเดินเข้าหาอย่างคุกคาม

“พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้นและจะไม่ออกจากห้องนี้ด้วยจนกว่าเราจะคุยกันเข้าใจ จากนี้พี่ขอห้ามไม่ให้ไอ้หน้าไหนเข้ามาในห้องอีกถ้าพี่ไม่อนุญาต เมื่อเย็นพี่ต้องอดทนแค่ไหนที่กัมมี่เอาแต่ขลุกอยู่กับไอ้ตากล้องบ้านั่นในห้อง กว่ามันจะออกไปก็เกือบสามทุ่มกัมมี่รู้ไหมว่าพี่คิดอะไร พี่เป็นบ้าอยู่หน้ากล้องCCTVแล้วก็มาโดนกัมมี่ไล่งั้นเหรอ”

“ก็แล้วแต่คุณจะคิดมันเรื่องของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์จับตาดูฉันแล้วคิดไปเอง ฉันจะย้ายออกจากที่นี่พรุ่งนี้ฉันจะให้พีมะหาที่อยู่ใหม่ให้..อื้อ..ปล่อย.”

ไม่มีคำพูดตัดพ้อใดๆหลุดจากปากอิ่มได้อีก เมื่อแรงดึงจากร่างสูงที่รั้งเอวบางเข้าหาตัว กดจูบลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนริมฝีปากอิ่ม ราวกับอยากหยุดคำพูดที่จะทำให้เขาต้องเสียใจ แม้ร่างเล็กจะดิ้นรนขัดขืนก็ไม่อาจต้านแรงอารมณ์ได้

มือหนาเกี่ยวดึงเสื้อคลุมอาบน้ำหลุดออกอย่างง่ายดาย ผิวเย็นหอมกรุ่นถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากอุ่นร้อน มือหนาลูบไล้ไปตามผิวเนียนที่ปราศจากสิ่งปกปิดแผ่วเบาก่อนเพิ่มน้ำหนักไปตามความรู้สึก

ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งอยากครอบครอง ยิ่งลิ้มลองยิ่งยากจะถอยห่าง แม้กุมาริกาจะต้านทานแต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความต้องการของตนเองได้ สีหน้าที่เธอไม่เคยได้เห็น ดวงตาเย็นชาอยู่เสมอตอนนี้ร้อนดั่งไฟ ร่างกายที่เพียรใกล้ชิดจนแทบไม่เหลืออณูที่ว่าง ยิ่งเธอถอยห่างเขาก็ยิ่งตามติดใกล้ชิด

ดวงตาที่มองเพียงเธอ ริมฝีปากร้อนที่ไล้แผ่วเบา เสียงกระซิบที่ดังก้องโสตประสาทเป็นคำพูดที่เธอฟังเข้าใจโดยไม่ต้องแปล มันซาบซึ้งที่ได้ยินเมื่อยามสุขสม เธอไม่ได้ฝันเขาบอกรักเธอ...และแสดงความรักที่มีต่อเธอจนรุ่งสางมีเพียงเสียงทุ้มที่ดังซ้ำๆในหูก้องอยู่อย่างนั้น

“ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ กุมาริกา”







ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ


ช่วยติดตามทุกคู่ด้วยนะคะ ^o^



พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2558, 12:07:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2558, 12:07:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 929





<< ผู้หญิงชัดเจน   สิ้นสุดการรอคอย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account