เสน่ห์รักคล้องใจ

Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน

ตอน: ตอนที่ 2

สวัสดีค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน ^^ อาทิตย์หนึ่งจะพยายามพาวินกับแพรมาส่งให้ได้อย่างน้อย 2 บทนะคะ

ฝากติดตามติชมเป็นกำลังใจด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^_^

** บทที่แล้วบรรยายใช้สรรพนามเรียกตัวเองของแม่นางเอกกับพระเอกว่า 'เธอ' แต่จะขอเปลี่ยนเป็นคำว่า 'หล่อน' แทนนะคะ
หากมีคำไหนตกหล่นผิดพลาดบอกกันได้นะคะ ^_<


เสน่ห์รักคล้องใจ ตอนที่ 2

“วินมีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่าคะ ดูสิ ทำหน้าเครียดเชียว” จีน่าเงยหน้าถามอัศวินที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดไม่พูดไม่จาหลังจากบทรักระหว่างเธอและเขาเพิ่งจบไป

“อืมม ก็นิดหน่อยน่ะ” อัศวินตอบเสียงเครียด

“คงไม่นิดหน่อยแล้วมั้งคะ ดูทำเสียงเข้าสิ อย่างกับไปโกรธใครมางั้นแหล่ะ วินบอกจีน่าได้ไหมคะว่าเรื่องอะไร”เขยิบตัวขึ้นนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่ม มือก็คอยซุกซนลูบไล้แผงอกเปลือยของเขาเล่น

“.....เรื่องที่แม่ผมป่วยนั่นแหล่ะ.....ท่านป่วยเป็นมะเร็ง” อัศวินตอบเสียงแผ่ว จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้แค่เครียดเรื่องอาการป่วยของมารดาเท่านั้น แต่ยังเครียดเรื่องแต่งงานกับยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นอีกด้วย

“อะไรนะคะ! ป่วยเป็นมะเร็ง ท่านออกจะแข็งแรงขนาดนั้น ไม่นึกเลยนะคะว่าจะมาเป็นมะเร็งได้ โถ วิน จีน่ารู้ว่าคุณรักแม่ขนาดไหน นี่คงจะเสียใจมากสินะคะที่รู้ว่าแม่คุณป่วยหนักแบบนี้” จีน่าพูดด้วยน้ำเสียงสงสารจับจิต แต่ปากกลับแอบเหยียดยิ้มด้วยความดีใจที่มารดาของอัศวินมาป่วยเป็นโรคร้ายที่ใคร ๆ ก็รู้ว่ารักษาหายยากขนาดไหน ‘หึ ตำแหน่งสะใภ้ตระกูลหิรัญทรัพย์ไพศาลคงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ แค่รอให้อีแก่นั่นตายเท่านั้นเอง’

“แต่ผมจะไม่ยอมให้แม่เป็นอะไรแน่ ยังไงผมก็จะรักษาแม่ให้หาย” เขาพูดด้วยความมั่นใจเต็มที่ เมื่อวานเขาได้คุยกับอาหมอที่เป็นเจ้าของไข้มารดาและบอกกับเขาว่า มารดาของเขายังมีทางที่จะหายจากโรคมะเร็งถ้าได้รับการรักษาและการดูแลที่ดี เพราะเป็นแค่ช่วงระยะแรกของมะเร็งเท่านั้น

“จีน่าก็ขอภาวนาให้แม่คุณหายป่วยเร็ว ๆ ด้วยนะคะ” เธอบอกเขาก่อนจะกอดกระชับร่างหนาของชายหนุ่มเพื่อให้กำลังใจ ‘ตายเร็ว ๆ ได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องมีตัวมารขัดขวางความสุข’

“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงแม่ผม” ยิ้มตอบหญิงสาวก่อนจะค่อย ๆ พลิกตัวทาบทับร่างบาง จากนั้นจึงก้มลงจูบริมฝีปากหยักได้รูปที่เผยอรอรับสัมผัสจากเขาอย่างนุ่มนวล แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้น มือประคองใบหน้าของเธอไว้ให้รับรสจูบเร่าร้อนจากเขา เสียงครางแหลมของเธอดังออกมาจากลำคอเมื่อมือใหญ่ของเขาเลื่อนมากอบกุมทรวงอกทั้งสองของเธอ หญิงสาวเริงร่ากับอารมณ์ที่พล่านเดือดอยู่ในอกและกำลังปะทุออกมาอยู่ร่อมร่อ ถ้าเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มไม่ดังขึ้นเสียก่อน

“วิน...อย่ารับนะคะ...จะ...จีน่าไม่ไหวแล้ว” จีน่าพูดเสียงหอบ รั้งร่างหนาที่ขยับจะไปรับโทรศัพท์เอาไว้

“เผื่อแม่ผมโทรมา” น้ำเสียงเขาเรียบเฉยเหมือนกับว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ร้อนแรงเลยสักนิด จากนั้นจึงพลิกตัวออกจากหญิงสาวแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียงมารับสาย

“ครับแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ตอนนี้วินอยู่ไหนลูก แม่เห็นว่าทุ่มกว่าแล้วยังไม่กลับ เลยโทรมาถาม นี่แม่ก็รอให้วินกลับมาจะได้ทานข้าวด้วยกัน” อมลวรรณเอ่ยถามลูกชาย หล่อนรู้ว่าตอนนี้อัศวินต้องอยู่ที่คอนโดแม่จีสตริงแน่ ๆ จึงโทรมาแกล้งบอกว่ารอเขาทานข้าวทั้งที่จริงหล่อนทานเรียบร้อยไปตั้งแต่หกโมงแล้ว

“โธ่ แม่รอผมทำไมครับ วันหลังถ้าเห็นผมยังไม่กลับก่อนหกโมงแม่ทานไปก่อนเลยนะ มาหิ้วท้องรอผมอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้ปวดท้องแล้วอาการก็จะยิ่งทรุดหนักเข้าไปอีก” อัศวินติงมารดา

“ก็แม่มีเรื่องจะคุยกับวินเรื่องวันพรุ่งนี้ด้วยน่ะสิ แล้ววินจะกลับกี่โมงล่ะลูก”

เรื่องยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นอีกแล้ว เขาไม่อยากจะแต่งงานกับยัยเด็กนั่นเลยพับผ่าสิ ถ้าเกิดพรุ่งนี้ไปเจอแล้วหน้าตางั้น ๆ สำหรับเขาแต่สวยสำหรับมารดา เขาคงไม่มีข้ออ้างที่จะหลีกเลี่ยงได้แน่ ๆ เพราะแค่หน้าตาพอไปวัดไปวาได้มารดาเขาก็ไม่ว่าอะไรแล้ว และยิ่งเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทด้วยอีก เขาคงต้องจำใจยอมแต่งงาน

คิดแล้วอัศวินก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ช่างมัน แต่ง ๆ ไปให้มารดาเขาสมหวังที่ได้เห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝา และพอแต่งงานไปแล้วเขาก็จะไม่สนใจยัยเด็กอัปลักษณ์นั่น ปล่อยให้เธออยู่บ้านได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเขา ส่วนตัวเขาก็จะยังคงคบกับจีน่าต่อไปเหมือนที่ผ่านมา

“เดี๋ยวผมกลับเลยก็ได้ครับ แต่แม่ไม่ต้องรอผมทานข้าวแล้วนะ ไม่งั้นผมจะไล่นางพยาบาลนั่นออกโทษฐานที่ไม่ดูแลแม่ให้ดี แค่ให้แม่ทานข้าวให้ตรงเวลายังทำไม่ได้” พูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน เดินนุ่งลมห่มฟ้าไปหยิบเสื้อผ้าที่พาดอยู่บนเก้าอี้

“อย่าไปโทษคุณนีเธอเลย แม่ดื้อจะรอวินเองแหล่ะ งั้นเดี๋ยวแม่จะรีบทานข้าวเดี๋ยวนี้เลย วินรีบกลับมานะลูก”

“ครับ แล้วผมจะรีบไป แค่นี้นะครับแม่” เขากดตัดสาย ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวม

“อะไรกัน วินจะกลับแล้วเหรอคะเพิ่งจะมาถึงเองนะ” จีน่าพูดน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มแต่งตัวและกำลังจะกลับ

“อืม ผมขอโทษแล้วกันนะ ไว้จะแวะมาใหม่” ว่าแล้วเขาก็เดินมายังจีน่าที่นั่งหน้าง้ำเอาผ้าคลุมหน้าอกอยู่ แล้วจูบเร็ว ๆ ที่แก้มและริมฝีปากบางเหมือนทุกครั้งเวลาที่เขาจะกลับ จากนั้นจึงหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์บนหัวเตียงเดินออกจากห้องนอนไป

“คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปนะวิน ได้ จีน่าไม่ง้อคุณก็ได้ เห็นอีแก่นั่นดีกว่าก็เชิญเลย” ทำปากพยักเพยิดไปยังประตูห้องที่ปิดไป จากนั้นจึงเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสะพายมาหยิบโทรศัพท์กดโทรออก

“ฮัลโหลที่รัก คุณอยู่ไหนคะ มาหาจีน่าหน่อยสิ ตอนนี้จีน่าเหง๊า เหงา” เธอกรอกเสียงหวานจ๋อยไปตามสาย

“ผมอยู่บริษัทน่ะ ตอนนี้ผมเซ็งมาก ๆ กำลังจะโทรหาคุณอยู่พอดีเลย งั้นรอผมสักครึ่งชั่วโมงนะ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ”

“รีบมานะคะที่รัก จีน่าจะอาบน้ำรอ” วางสายเสร็จก็ลุกจากเตียงเดินนวยนาดเข้าห้องน้ำไป


“ขอโทษจริง ๆ นะจ๊ะแพร เดี๋ยวพี่คงต้องรีบกลับเข้าบริษัทอีกรอบเพราะมีปัญหาเรื่องงานโฆษณาตัวใหม่ที่จะต้องไปพรีเซ้นจันทร์นี้น่ะ” อนุภัทรที่เพิ่งเดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารหลังจากไปเข้าห้องน้ำมาเอ่ยกับพิชชาภาด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย

“เหรอคะ ถ้างั้นพี่ภัทรรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวแพรโทรบอกให้คนขับรถที่บ้านมารับ” พิชชาภาหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ด แล้วยิ้มบอกกับชายหนุ่มคนรัก

“พี่ขอโทษนะจ๊ะ พี่อยากได้งานนี้มาก ๆ เลยอยากทำให้มันออกมาดี แพรอย่าโกรธพี่นะ” พลางเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวมาบีบเบาๆ

“แพรจะโกรธพี่ภัทรได้ยังไงล่ะคะ ก็มันจำเป็นหนิ” ถึงแม้ว่าเธอจะเสียดายอยู่บ้างที่อนุภัทรจะต้องกลับ ทั้งที่อยากจะอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้อีกนิด แต่เธอก็ตอบพร้อมรอยยิ้มเข้าใจ

“ขอบใจแพรมากนะจ๊ะที่เข้าใจพี่ พี่จะตั้งใจทำงานทำให้พ่อกับแม่แพรยอมรับในตัวพี่ให้ได้ ท่านจะได้ไม่ขัดขวางเรา แล้วแพรก็จะได้ไม่ต้องไปแต่งงานกับคนอื่น” อนุภัทรพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาสีหน้าเศร้าสลด

เมื่อวานเขาได้คุยโทรศัพท์กับพิชชาภา จึงได้รู้ว่าครอบครัวเธอจะให้แต่งงานกับอัศวิน เจ้าของโรงแรมหรูห้าดาวใจกลางกรุง และยังครอบคลุมไปถึง โรงแรมและรีสอร์ทในเครืออีกด้วย มันทำให้เขาทั้งโกรธและหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ มีใครที่ไหนไม่รู้จะมาคว้าขุมเงินขุมทองของเขาไปหน้าตาเฉย ทั้งที่เขาพยายามจีบเธออยู่หลายเดือน และไหนจะต้องทนกับครอบครัวเธอที่กีดกันเขาทุกวิถีทางอีก ไม่มีทางแน่ที่จะยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ

“แพรดีใจนะคะที่ได้ยินพี่ภัทรพูดแบบนี้ ยังไงแพรก็จะไม่ยอมแต่งงานกับเขาเด็ดขาดค่ะ พรุ่งนี้พ่อกับแม่นัดแพรให้ไปดูตัวกับครอบครัวฝ่ายนู้น แพรก็จะหาทางหลีกเลี่ยงไม่ไปให้ได้ค่ะ พี่ภัทรไม่ต้องห่วงนะคะ” พิชชาภาพูดให้ความมั่นใจกับชายหนุ่ม พร้อมกับบีบมือใหญ่อีกครั้งเพื่อให้กำลังใจ

“พอได้ยินอย่างนี้พี่ก็โล่งใจ แพรรู้ไหมว่าพี่เจ็บปวดแค่ไหนที่เมื่อวานแพรบอกว่าถูกบังคับให้แต่งงาน พี่คงทนไม่ได้ถ้าจะต้องเห็นแพรไปอยู่กินกับคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ พี่รู้ว่าครอบครัวแพรไม่ชอบหน้าพี่สักเท่าไร ฐานะพี่ก็ไม่ได้สูงส่งเหมือนคนที่พ่อกับแม่แพรหามาให้ พี่มันก็แค่เจ้าของบริษัทโฆษณาเล็ก ๆ ที่บังอาจไปรักดอกฟ้าอย่างแพร”เขาก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“พี่ภัทรอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ แพรรักพี่ภัทร แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ เรื่องฐานะอะไรแพรไม่เคยสนใจเลย ขอแค่พี่ภัทรรักแพร และแพรก็รักพี่ภัทรแบบนี้ แพรก็มีความสุขมากแล้วค่ะ” ใบหน้ารูปหัวใจของหญิงสาวมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ดวงตาสวยมีหยดน้ำตาคลอนิด ๆ

“พี่รักแพรนะ รักมากด้วย และก็จะรักแพรคนเดียวตลอดไป” อนุภัทรสบตาหญิงสาวอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือมากุม แล้วจรดริมฝีปากบนหลังมือเนียนนั้นเบา ๆ

“อุ๊ย พี่ภัทร ทำอะไรคะ อายเขา” พิชชาภาดึงมือออกทันทีที่ริมฝีปากอุ่นของอนุภัทรสัมผัสลงมา แก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นด้วยความอาย

“แพรนี่น่ารักจริง ๆ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พี่รักได้ยังไง” พูดพร้อมส่งยิ้มหวานบาดใจไปให้

“ไม่รีบกลับบริษัทแล้วเหรอคะ มัวแต่มานั่งปากหวานอยู่นั่นแหล่ะ” ใบหน้าหญิงสาวร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำชมจากปากชายคนรัก

“จ้า แล้วคืนนี้พี่จะโทรหาแล้วกันนะ น้อง ๆ”บอกหญิงสาวก่อนจะหันไปเรียกบริกร

“พี่ภัทรรีบไปเถอะค่ะ เรื่องค่าอาหารเดี๋ยวแพรจัดการเอง เพราะยังไงแพรก็ต้องนั่งรอให้คนขับรถมารับอยู่แล้ว”

“จะเอาอย่างนั้นเหรอ งั้นก็ได้ พี่ขอโทษแพรอีกครั้งนะจ๊ะ ที่ต้องทิ้งให้แพรนั่งอยู่คนเดียว งั้นพี่ไปก่อนนะ” เขารีบขอตัวพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ค่ะ ตั้งใจทำงานนะคะ” ยิ้มส่งชายหนุ่มที่เดินไปทางประตูร้านพร้อมโบกมือลา จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรตามคนขับรถให้มารับ

พิชชาภานั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะต่ออย่างมีความสุขหลังจากวางโทรศัพท์จากเด็กที่บ้าน เธอปลาบปลื้มเป็นที่สุดเมื่อได้ยินว่าอนุภัทรจะทำทุกอย่างเพื่อความรักของเขาและเธอ เมื่อเขาพูดแบบนี้แล้วเธอก็จะไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมแต่งงานกับไอ้พี่วินนั่นแน่ ๆ

ถึงแม้จะผ่านมาหลายปี แต่เธอก็จำหน้าหล่อเหลาของเขาได้ขึ้นใจ เพราะครั้งแรกที่เจอกัน เธอก็ตกหลุมรักเขาทันทีตามประสาเด็กสาวแรกรุ่น แม้อายุของเธอกับเขาจะห่างกันเกือบสิบปีก็ตาม แต่หลังจากเหตุการณ์ในคืนงานเลี้ยงส่งวันนั้น ความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีให้เขาก็พังครืนลงในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลงเหลือเพียงแต่ความชิงชังรังเกลียดในตัวผู้ชายคนนี้เท่านั้น

และก่อนที่เธอจะย้ายไปเรียนม.ปลายที่อเมริกา เธอได้ตัดสินใจให้มารดาพาเธอไปลบปานดำที่หน้าพร้อมกับรักษากระจนหายดี ร่างที่เคยอ้วนกลมบัดนี้แปรเปลี่ยนมาเป็นอวบอิ่มสมส่วนมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเธอจะไม่เพรียวบางเหมือนหุ่นนางแบบ แต่ก็เรียกได้ว่าหุ่นของเธอตอนนี้ อกเป็นอก เอวเป็นเอวไม่แพ้กัน

หลังจากนั้นเธอก็คอยดูแลรักษาตัวเองมาตลอดจนเรียนจบปริญญาตรีแล้วกลับมาช่วยบิดาทำงานที่เมืองไทย และได้พบรักกับอนุภัทรซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทโฆษณาที่เข้ามาพรีเซนต์ผลงานโฆษณาสินค้าบริษัทบิดาเธอ

เธอมีความสุขตลอดเวลาที่ได้คบหากับอนุภัทรจนเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเขาขอเธอแต่งงาน แต่ก็ถูกคนในครอบครัวเธอปฎิเสธ แถมเธอเองก็ยังถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่เธอเกลียดอีกด้วย แต่ถึงเธอจะถูกบังคับยังไงเธอก็จะไม่มีวันยอมเด็ดขาด เธอจะปฎิเสธหัวชนฝาเลยคอยดู



“ที่รัก....คุณช่าง....สุดยอด.....” จีน่าเปล่งเสียงออกมาด้วยความสุขเมื่อชายหนุ่มพาเธอมาถึงฝั่งฝัน ร่างเธออ่อนระทวยยืนแทบไม่อยู่ มือกอดคอเขาไว้เพื่อพยุงตัวเอง ซบหน้ากับอกกว้างหอบหายใจถี่กระชั้น

“หึ แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่มีรอบสองในอ่างอาบน้ำอย่างนี้หรอก” อนุภัทรหัวเราะเบา ๆ พูดยกยอความ สามารถในเชิงรักของตน ก่อนจะประคองร่างบางชื้นเหงื่อของหญิงสาวให้ยืนตรง ๆ จากนั้นจึงหันไปเปิดน้ำจากฝักบัว แล้วเอื้อมไปหยิบครีมอาบน้ำบนชั้นวางเหนืออ่างล้างหน้า

“ฝีมือร่วมรักของภัทรนี่ไม่เคยตกเลยนะ ไม่เจอกันเกือบเดือน ทำเอาจีน่าแทบคลั่ง” เธอชมชายหนุ่ม มือก็คอยลูบไล้แผ่นอกขาวซีดของเขาที่ตอนนี้มีครีมอาบน้ำทั่วตัว เธอทำให้มันเกิดฟองด้วยการหยิบฝักบัวที่วางอยู่บนพื้นอ่างอาบน้ำขึ้นมารดบนตัวเขาก่อนจะลูบไล้ร่างของชายหนุ่มอีกครั้ง

“จีน่าก็เหมือนกัน ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาเย๊อะเลย” พลางบีบครีมอาบน้ำลงบนฝ่ามือตัวเองแล้วชะโลมไปที่ร่างบางของหญิงสาวบ้าง มือใหญ่ลูบไล้ไปตามสัดส่วนโค้งเว้าจากสะโพกเรื่อยมายังเอวขอดก่อนจะเลื่อนมาหยุดอยู่ที่ทรวงอกเล็กแล้วฟ้อนเฟ้นเบา ๆ

“แล้วคุณไปอารมณ์บูดมาจากไหนล่ะ หืมม์”มือก็ยังคงคอยลูบไล้จากแผงอก ต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องของเขา

“อืมม....จีน่าจำยัยคุณหนูแพรที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ไหม ผมขอเธอแต่งงานแต่กลับถูกครอบครัวเธอ

ปฎิเสธ และเธอก็ถูกบังคับให้ไปแต่งงานกับคนอื่นที่มันรวยกว่าผม หึ พูดแล้วก็เจ็บใจนัก” อนุภัทรพูดด้วยน้ำเสียงเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสจากมือของหญิงสาวที่ลูบไล้เรือนร่างของเขาไปทั่ว ก่อนจะพูดรอดไรฟันเมื่อเอ่ยถึงผู้ชายที่มาขโมยขุมทรัพย์ของเขาไป

“อ๋อ แม่สาวทรงเสน่ห์ลูกเจ้าของครีมอาบน้ำนั่นน่ะเหรอคะ จีน่าจำได้และ รวยออกขนาดนั้นหลุดมือไปเสียดายแย่ แล้วคุณจะยอมเหรอ” พูดเสียงแหบพร่าเมื่อค่อยๆเลื่อนมือไปยังสะโพกของอนุภัทรแล้วบีบเบาๆที่แก้มก้น

“เรื่องอะไรผมจะยอม ผมว่าคงไม่ยากหรอกถ้าจะไม่ให้มีการแต่งงานระหว่างแพรกับนายอัศวินนั่นเกิดขึ้น เพราะดูเธอจะหลงผมเอาการอยู่เหมือนกัน แล้วยังบอกว่าเกลียดขี้หน้านายอัศวินนั่นอีก แค่ทำให้ยัยคุณหนูแพรตกเป็นของผมแค่นั้นก็สิ้นเรื่อง หึ” อนุภัทรแสยะยิ้มกับความคิดของตนเอง

“อัศวิน....คุณว่าคนที่ยัยคุณหนูแพรนั่นจะแต่งงานด้วยชื่ออัศวินเหรอ” จีน่าหยุดเล้าโลมชายหนุ่มทันที่ที่เขาหลุดชื่อที่เธอคุ้นหูออกมา จากนั้นจึงเงยหน้าถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าหูเธอไม่ได้เพี้ยนไป

“อือ อัศวิน หิรัญทรัพย์ไพศาล เจ้าของโรงแรมแกรนด์เอเชียไง ผมว่าคุณน่าจะรู้จักนะ ออกจะดัง” อนุภัทรบอกมือที่กอบกุมทรวงอกอยู่เลื่อนไปจับสะโพกเให้มาประชิดร่างเขา แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะขืนไว้

“เป็นไปไม่ได้ วินไม่เคยบอกฉันเลยนี่น่าว่าจะแต่งงาน คุณฟังมาผิดหรือเปล่า วินเขาต้องไม่ยอมแต่งง่าย ๆ แบบนี้แน่” จีน่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะเขาพร่ำบอกกับเธอหลายครั้งว่ายังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ แล้วอยู่ดี ๆ จะมาแต่งงานได้ยังไง เมื่อเย็นตอนชายหนุ่มมาหาที่ห้องก็ไม่เห็นพูดอะไรสักคำนี่นา

“ไม่ผิดหรอก เพราะแพรพูดชื่อนี้บ่อยมาก บอกว่าเกลียด ไม่อยากแต่งงานด้วย ผมจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ ว่าแต่จีน่าเถอะ มีอะไรหรือเปล่า...” เขาถามเมื่อเห็นว่าเธอทำสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินชื่ออัศวิน แต่แล้วเขาก็สะกิดใจเพราะช่วงที่คบกับจีน่าเมื่อหลายเดือนก่อนเธอบอกว่าเธอมีคู่นอนอยู่แล้ว เลยโพล่งถามออกไป

“คงเป็นคู่นอนคุณล่ะสิท่าถึงได้ดูเป็นกังวลขนาดนี้ แต่มันก็น่าอยู่หรอกนะ ออกจะรวยล้นฟ้าขนาดนั้น” อนุภัทรเบ้ปากเมื่อพูดถึงฐานะของอัศวิน เพราะมันทำให้เขาดูด้อยไปในทันที

“ใช่ เขาเป็นคู่นอนจีน่าเองแหล่ะ วินนะวิน ไม่ยอมบอกสักคำว่าจะแต่งงาน คอยดูนะ เจอคราวหน้าจะถามให้ได้เลยว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” จีน่ากัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยวที่ชายหนุ่มปิดบังเธอไว้

“คุณก็คงกำลังจะจับเขาอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ” อนุภัทรเอ่ยออกไปอย่างรู้ทันความคิดหญิงสาว

“ก็แน่ล่ะสิ รวยขนาดนั้นปล่อยไปก็โง่แล้ว อีกอย่างนะ ตอนนี้แม่เขาก็ป่วยเป็นโรคมะเร็ง คงอีกไม่นานหรอกที่อีแก่นั่นจะตาย ทีนี้เสี้ยนหนามตัวเบ้งก็จะหมดไป เอ๊ะ....” จีน่าขมวดคิ้วเมื่อนึกได้มาถึงตรงนี้ “ต้องเป็นความคิดอีแก่นั่นแน่ๆ เลยที่จะให้วินแต่งงาน เพราะวินเคยบอกว่าถูกแม่รบเร้าบ่อย ๆ เรื่องนี้ หนอย คิดจะกำจัดฉันเหรอ ไม่มีทางซะหรอกยัยแก่แร้งทึ้ง” จีน่ากำมัดข้างกายแววตาเกรี้ยวกราด น้ำเสียงโกรธแค้น

เมื่ออนุภัทรเห็นทีท่าของหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ทำให้เขานึกอะไรดี ๆ ออก

“คุณอยากได้นายวินนั่นมาอยู่ในกำมือไหมล่ะ” อนุภัทรถามเธอ ยื่นมือไปประคอบใบหน้าเรียวให้หันมาทางเขา

“คุณหมายความว่าไง” จีน่าทำหน้าสงสัย สบตาชายหนุ่มด้วยความอยากรู้

“ก็ในเมื่อเรามีเป้าหมายเดียวกัน แล้วทำไมเราไม่ร่วมมือทำให้สองคนนั้นไม่ได้แต่งงานกันล่ะ” ยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดที่มุมปากของอนุภัทร

“....นั่นสิเนอะ ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน หึ คุณนี่ช่างฉลาดจริง ๆ” จีน่าหยุดคิดชั่วครู่ก่อนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับไปให้ชายหนุ่ม มือที่กำแน่นข้างกายคลายออกก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนไปกอดคอเขาไว้ เบียดแนบลำตัวเข้ากับร่างของชายหนุ่ม

“งั้นหลังจากนี้เราค่อยมาคิดกันดีกว่าว่าจะทำยังไงกันดี...อืมม์” พูดเสร็จ พลางก็เลื่อนมือขึ้นมากอบกุมทรวงอกที่ยังคงลื่นไปด้วยฟองสบู่ ก่อนจะกดริมฝิปากตนเองเข้ากับริมฝีปากของหญิงสาวอย่างเร่าร้อน เพื่อปลุกเร้าไฟรักให้โหมกระพืออีกครั้งหลังจากที่มันได้มอดดับไปไม่นาน จากนั้นร่างที่เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำและฟองสบู่ของทั้งคู่ก็ลงไปนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำเริ่มบรรเลงเพลงรักอันเร่าร้อนยวนใจอีกครั้ง



“ยัยแพรเปิดประตูให้แม่เดี๋ยวนี้นะ!” รุ้งรวีเรียกลูกสาวที่อยู่ในห้องด้วยความโมโห หลังเพิ่งกลับจากโรงแรมของว่าที่ลูกเขยซึ่งใช้เป็นสถานที่ดูตัวระหว่างลูกสาวหล่อนและอัศวินลูกชายของเพื่อนรัก แต่แล้วหล่อนกลับต้องหน้าแตกยับเยินกลับมาบ้านพร้อมด้วยสามีและพิรภพลูกชายคนเล็ก เพราะลูกสาวคนเดียวของหล่อนเบี้ยวนัดไปไม่ดูตัวตามที่ตกลงกันไว้

“ยัยแพร! แม่บอกให้เปิดเดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินหรือไง!” หล่อนยังคงเคาะประตูพร้อมกับตะเบ้งเสียงเรียกดั่งลั่นเมื่อยังไม่มีวี่แววว่าคนในห้องจะมาเปิดประตู

“ตุ๊กตา ไขกุญแจห้องยัยแพรให้ฉันซิ” รุ้งรวีหันไปสั่งกับเด็กรับใช้

ตุ๊กตาสาวใช้ร่างเล็กรีบกุลีกุจอไขกุญแจห้องพิชชาภาตามคำสั่งเจ้านายทันที และพอเสียงคลิ๊กที่ลูกบิดประตูดังขึ้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คนในห้องเปิดประตูออกมา

“หึ...กว่าจะเปิดได้นะแม่ตัวดี มานี่เลยยัยแพร อธิบายให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้ว่าทำไมถึงไม่ไปตามนัด รู้ไหมว่าแม่กับคุณพ่อเสียหน้ามากแค่ไหน” รุ้งรวีเม้มปากบอกด้วยความโกรธ แล้วเข้าไปหยิกแขนพิชชาภาดึงเข้าไปในห้อง

“โอ๊ยยย แม่รุ้งอ่ะ แพรเจ็บนะ” พิชชาภาร้องโอดครวญ หน้าตาเหยเก ก่อนที่ร่างจะกระแทกลงบนเตียง

“ไม่ต้องมาทำเป็นโอดโอยเลยยัยแพร บอกมาาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมไม่ไปที่โรงแรม ไหนสัญญากับแม่เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพอพายัยเมย์ไปส่งโรงพยาบาลเสร็จเมื่อไรจะรีบไปทันที แต่นี่อะไร ปล่อยให้วรรณ กับตาวินรอเก้อเป็นชั่วโมง ๆ โทรเข้ามือถือทั้งของเราและของยัยเมย์ก็ไม่ติด จะโทรมาบอกแม่สักคำรึก็ไม่มี ทำอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนหา ยัยแพร” รุ้งรวีทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ลูกสาวบนเตียง แล้วหันไปตีหน้ายักษ์พูดรัวเป็นชุด

“ก็ตอนนั้นแบตมือถือมันหมดหนิคะ จะโทรไปบอกแม่รุ้งแพรก็จำเบอร์ไม่ได้เพราะเมมไว้อยู่ในเครื่อง ส่วนยัยเมย์รายนั้นแม่รุ้งก็รู้ว่าขี้ลืมขนาดไหน มือถือเขาเอาไว้พกกลับลืมทิ้งไว้ที่บ้าน แม่รุ้งเข้าใจแพรนะคะ ใช่ว่าแพรเองจะไม่ร้อนใจ แต่แพรไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ” พิชชาภาทำหน้าว่าเสียใจอย่างสุดซึ้งพร้อมกับปั้นแต่งเรื่องมากลบเกลือนความผิด แต่แอบยิ้มสะใจที่มุมปากเมื่อรู้ว่าทำให้อัศวินต้องเสียหน้าแค่ไหน

เธอปดกับมารดาไว้ว่าจะพาเมลิษาหรือเมย์เพื่อนสนิทที่จบจากอเมริกาด้วยกันไปส่งโรงพยาบาลเพราะเกิดปวดท้องรุนแรงกะทันหัน ทั้งที่จริงแล้วเธออยู่กับอนุภัทรตลอดบ่าย

ก่อนหน้านั้นเธอโกหกกับมารดาว่าจะไปเดินห้างเพื่อเลือกชุดใส่ไปดูตัวกับเมลิษาแล้วจะตรงไปยังโรงแรมทันที จึงบอกให้ทั้งสามคนล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งมารดาของเธอก็ไม่ระแคะระคายอะไรเมื่อเห็นว่าเธอกระตือรือร้นทำตัวเองให้ดูดีสำหรับการดูตัวที่จัดเตรียมไว้ให้ และเธอก็ได้โทรไปอ้อนวอนเพื่อนสนิทให้ยอมทำตามแผนหลบหนีการดูตัวครั้งนี้ของเธอเพื่อกันพลาดไว้เรียบร้อยแล้ว

“แล้วทำไมไม่รู้จักโทรเข้าบ้านให้เด็กโทรไปบอกแม่ก็ได้....อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้อีกน่ะ” รุ้งรวีกอดอก หรี่ตามองลูกสาว
พิชชาภาไม่พูดอะไรได้แต่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมพยักหน้าหงึก ๆ เป็นคำตอบ

“เฮ้อ...ให้มันได้ยังงี้สิ แทนที่สองคนจะได้ดูตัวกันให้เสร็จ ๆ แล้วก็รีบหาฤกษ์หายามแต่งงาน แต่กลับต้องมาเสียเวลาไปอีก ยัยแพรนะยัยแพร” รุ้งรวีถอนหายใจแล้วบ่นอุบ หันไปมองตัวต้นเหตุด้วยสีหน้าระเหี่ยใจ

“โธ่ แม่รุ้งคะ ก็มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่นา รู้ไหมคะถ้าแพรรอให้รถพยาบาลมารับยัยเมย์แทนที่จะไปส่งเองนะ ป่านนี้ยัยเมย์ไปนอนวัดแล้วล่ะค่ะ” พิชชาภาสวมกอดเอวรุ้งรวีอย่างประจบ ก่อนจะเงยหน้าทำตาโตบอกมารดาเสียงตื่นเต้นถึงความรุนแรงของอาการปวดท้องของเพื่อนสนิท ในใจก็ขอโทษขอโพยเพื่อนสาวที่ป่านนี้คงจะจามไม่หยุดเพราะเธอเอาหล่อนมาแช่งซะนี่

“อะไรกัน หนักขนาดนั้นเชียวเหรอ ยัยเมย์เป็นอะไรล่ะลูก” รุ้งรวีเอามือทาบอก ถามลูกสาวสีหน้าตกใจ

“ก็ยัยเมย์ใส่ติ่งแตกน่ะสิคะแม่รุ้ง ดีนะที่หมอบอกว่าพามาส่งทัน นี่ก็คงต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน” พูดเสร็จก็ทำสีหน้าสงสารเพื่อนสาวจับใจ

“ตายจริง สงสัยพรุ่งนี้แม่คงต้องไปเยี่ยมสักหน่อย”

“อุ๊ย แม่รุ้งไม่ต้องไปหรอกค่ะ”พิชชาภาร้องห้ามหน้าถอดสี “ยัยเมย์น่ะถึงต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันก็จริงแต่ว่าก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ยัยนั่นอึดจะตาย ตอนแพรเข้าไปเยี่ยมหลังผ่าตัดนะ ยังนอนยิ้มหราเลย” เธอรีบใส่สีตีไข่แต่งเรื่องเบี่ยงเบนมารดาทันที

“อ้อ...ยังงั้นเหรอ” รุ้งรวีขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้าเออออว่าเข้าใจ

“ค่ะ” เธอยิ้มตอบ หัวเราะแห้ง ๆ

“ตามใจ....ส่วนเรื่องดูตัวแม่ยังไม่ยอมง่าย ๆ หรอกนะ ยังไงก็ต้องให้เรากับตาวินเจอกันให้ได้” รุ้งรวีหันไปบอกลูกสาวสีหน้าจริงจัง

พิชชาภายักไหล่ ไม่สะทกสะท้านกับคำสั่งเฉียบขาดของมารดา เพราะถึงยังไงเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายนิสัยเสียพรรนั้น



ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่เคาเตอร์บาร์ในผับหรูแห่งหนึ่ง คนนึงอยู่ในชุดสูทดูดี ใบหน้าขาวหล่อแบบตี๋อินเตอร์ของเขากำลังอมยิ้มเก็บอาการสุดฤทธิ์เมื่อกำลังนั่งฟังผู้ชายตัวโตอีกคนข้าง ๆ ที่ตีหน้ายักษ์เล่าเหตุการณ์อันน่าชวนหัวเราะด้วยแววตาเอาเรื่อง

“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้วิน แกว่าถูกสาวชิ่งหนีไม่มาดูตัวงั้นเหรอ ฮ่า ๆ ๆ ขำว่ะ ฮิ ๆ ๆ” เมธีเงยหน้าขำก๊าก หัวเราะท้องขัดท้องแข็งเมื่อได้ฟังเรื่องที่อัศวินเพื่อนหนุ่มหน้าแตกเพราะสาวเจ้าไม่มาดูตัวตามนัดเมื่อหัวค่ำ

“ไอ้นี่หนิ หัวเราะอยู่ได้ เดี๋ยวปั๊ดยันโครมติดกำแพงซะเลย” อัศวินหันไปถลึงตาใส่ ยกเท้าขึ้นทำท่าว่าจะเตะเพื่อนหนุ่มให้กระเด็น แล้วหันมากระดกวิสกี้ที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วในมือจนหมด

“ฮ่า ๆ ๆโทษที ๆ ก็มันขำนี่หว่า ไม่อยากจะเชื่อว่าหนุ่มหล่อมาดขรึมที่สาว ๆ พากันกรี๊ดกร๊าดอย่างแก จะถูกปฎิเสธจากผู้หญิงได้ แถมหน้าตายังดูไม่จืดอีกต่างหาก ฮ่า ๆ ๆ” เมธีพูดกลั้วหัวเราะเพื่อนหนุ่มไม่หยุด

“เออ ไอ้ธี ขำเข้าไป อย่าให้ถึงตาฉันบ้างแล้วกัน จะหัวเราะให้ฟันหักหมดปากเลยคอยดู” หันไปทำหน้าพยักเพยิดเป็นเชิงฝากไว้ก่อน จากนั้นก็หันไปสั่งวิสกี้แก้วใหม่จากบาร์เทนเดอร์

อัศวินกัดฟันกรอดด้วยความโมโห เมื่อเขาอุตส่าห์ยอมลดตัวและยอมทำตามใจมารดาด้วยการไปดูตัวว่าที่เจ้าสาวของเขา แต่แล้วยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นกลับให้เขากับมารดานั่งรอเกือบชั่วโมงจนครอบครัวฝ่ายนั้นต้องเอ่ยขอโทษขอโพยเขากับมารดาเป็นการใหญ่

และมารดาเขาก็ไม่รู้ว่าติดใจอะไรยัยเด็กอ้วนอัปลักษณ์นั่นนักหนา บอกกับเขาว่าอยากให้เจอกันให้ได้ จนในที่สุดเขาก็ใจอ่อนรอยัยเด็กนั่นอีกนานเกือบชั่วโมง และคงเป็นเพราะหน้าตาโกรธเกรี้ยวของเขาตอนนั้นแทบจะหักคอใครสักคนได้ล่ะมั้ง เลยทำให้ทางฝ่ายครอบครัวยัยเด็กอัปลักษณ์บอกกับมารดาเขาว่าไว้ค่อยนัดให้เขากับยัยเด็กอัปลักษณ์เจอกันใหม่วันหลัง

“อะไรว๊า แค่ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้หลงเสน่ห์แกเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ แค่เนี๊ยทำเป็นหงุดหงิดไปได้” เมธีลากเสียงยาว ทำทีเป็นบ่น

“ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขาสวยพอที่จะเมินฉันได้ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับเป็นยัยเด็กอ้วนอัปลักษณ์นั่น กล้าคิดมาหยามหน้าคนอย่างไอ้วิน ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่อย่างเป็นสุข” เขากัดฟันพูดด้วยความเจ็บใจ มือที่จับแก้วเหล้าอยู่กำแน่น ก่อนจะยกขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วกระแทกลงบนเคาเตอร์บาร์อย่างแรง

“โอ้โหเฮ้ย ไอ้วิน แกโกรธเขาขนาดนั้นเลยเหรอวะ แค่ไม่มาตามนัดเนี่ยนะ” เมธีทำตาโต ถามเสียงสูงเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเพื่อนหนุ่ม

“ก็เออสิวะ แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครมาทำกับฉันฝ่ายเดียวแน่” เขาบอกด้วยใบหน้าเข่นเขี้ยว

“แล้วแกจะทำไงวะ” เมธีถามพลางกระดกแก้วเหล้าของตัวเองบ้าง

“ถ้าแม่ฉันอยากให้แต่งกับยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นมากนักล่ะก็ ฉันก็จะแต่ง”

“อะไรนะ เนี่ยเหรอวะวิธีของแก ฉันล่ะงง” เมธีขมวดคิ้วถาม

“ไม่ต้องงงไอ้ธี แค่แต่งงานไม่ได้หมายความว่าฉันต้องทำตัวเป็นสามีที่ดีนี่หว่า” เขาบอกเพื่อนหนุ่ม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดที่มุมปาก

“ไอ้วิน แกจะไม่ใจร้ายกับเขาไปหน่อยเหรอวะ” เมธีกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อฟังแผนของอัศวิน พยายามพูดให้เพื่อนเพลา ๆ ความโกรธลง

“อะไรไอ้ธี มองหน้าอย่างกับว่าบนหัวฉันมีเขางอกออกมางั้นแหล่ะ หึ ที่พูดน่ะหมายถึงว่าจะไม่สนใจยัยเด็กนั่นหลังจากแต่งงานต่างหากโว๊ย ปล่อยให้อยู่บ้านดูแลแม่ฉัน ส่วนฉันก็ไปหาสาวสวยๆ นอนกอด หรือไม่ก็ไปอยู่ที่คอนโดจีน่า นาน ๆ ก็กลับไปนอนบ้านทีเพื่อไม่ให้แม่ฉันสงสัย ก็แค่เนี๊ย ทำเป็นตกอกตกใจไปได้” เขาบอกพลางหัวเราะขำกับอาการหน้าเหวอของเพื่อนหนุ่ม

“อ่อ...ฉันก็นึกว่าแกจะ...นะ แต่ว่าแผนแกนี่ก็ร้ายไม่ใช่เล่น นอกจากจะทำให้แม่แกพอใจที่ลูกชายได้แต่งงานแล้วลูกสะใภ้ก็เป็นคนที่ตัวเองเลือก แถมแกก็ยังได้แก้เผ็ดยัยเด็กอัปลักษณ์อะไรนั่นอีก อย่างนี้สุภาษิตเขาว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะไอ้วิน” พูดกลั้วเสียงหัวเราะกับความคิดอันแยบยลของอัศวิน

ใช่ นอกจากจะทำให้มารดาเขาสมหวังแล้วเขายังได้แก้เผ็ดยัยเด็กนั่นอีกด้วย อัศวินยิ้มกว้างกับความคิดของตัวเอง แม้เขาจะเสียดายอยู่บ้างที่ต้องสละชีวิตความเป็นหนุ่มโสด แต่เขาก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายนักเพราะถึงยังไงเขาก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับหนุ่มโสดทั่วไปตามเดิม เพียงแต่ได้ขึ้นชื่อว่ามีเมียแล้วก็เท่านั้น
<><>><><><><><><>>><><><><><><><><><><><><><><>

คุณ lamyong คนเขียนไปปล่อยให้เป็นคู่กัดกันนานหรอกค่ะ เดี๋ยววินเจอแพรแล้วต้องแพ้เสน่ห์ความสวยของแพรแน่นอน อิอิ

คุณ Zephyr แม่อวดสรรพคุณขนาดนี้ จะกลับคำไหมน๊า ^v^

แล้วพบกันจันทร์หน้าค่ะ ^_<



เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ต.ค. 2558, 00:07:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2558, 00:07:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1411





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
กาซะลองพลัดถิ่น 15 ต.ค. 2558, 01:08:42 น.
ผีเน่ากับโลงผุจริง ๆ เลยนะ จีน่ากับภัทร
แพรกับวินก็ตามืดมัวมองไม่เห็นอะไร ๆ ตามที่ผู้ใหญ่แนะนำเลย
ดูซิว่า ใครจะตาสว่างก่อนกันระหว่างแพรกับวิน


lamyong 15 ต.ค. 2558, 09:56:49 น.
พี่วินไม่ชอบหน้าแพรขนาดนั้นเลยเหรอ เดี๋ยวเถอะ ไปเจอตัวจริงเขาแล้วจะรู้สึก หุหุ


Zephyr 17 ต.ค. 2558, 02:33:00 น.
มาป๊ะกันแบบบังเอิญนี่
พี่วินต้องเหลียวมองคอเคล้ดแน่ๆอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account