เสน่ห์รักคล้องใจ

Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน

ตอน: ตอนที่ 3

สวัสดีค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน ^^ มาส่งนิยายล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันค่ะ ตอนนี้พี่วินกับแพรก็จะได้เจอกันแล้ว ดูสิว่าทั้งสองคนจะมีปฎิกิริยายังไงบ้าง อิอิ

ฝากติดตามผลงานและติชมกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :)


เสน่ห์รักคล้องใจ ตอนที่ 3

“แพรบอกแล้วไงคะว่าแพรไม่แต่งกับพี่วิน แม่รุ้งได้ยินไหมคะ ว่าแพรไม่แต่ง!!” พิชชาภาร้องลั่นห้องทำงานของบิดา น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลอาบแก้ม หลังจากมารดายื่นคำขาดว่าเธอจะต้องแต่งงานกับอัศวินโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่เธอพร่ำบอกกับมารดาว่าทางฝ่ายชายนั้นเกลียดเธอตั้งแต่เด็ก ๆ และคงไม่มีทางที่เขาจะยอมแต่งงานกับเธอแน่

เธออยากจะตะบันหน้าหล่อ ๆ ของอัศวินนักเมื่อมารดาบอกกับเธอด้วยสีหน้าปลื้มปิติว่าชายหนุ่มตกลงที่จะแต่งงานกับเธอแม้ว่าจะยังไม่ได้พบกันตอนนี้ก็ตาม เพราะอย่างไรก็เคยเห็นหน้าคาดตากันแล้วเมื่อหลายปีก่อน และโอกาสที่จะได้เจอกันอีกก่อนแต่งงานก็ยังมี ซึ่งเธอเองก็งงไปกับคำบอกเล่าของมารดาเช่นกัน เขาจะอยากมาแต่งงานกับเธอทำไมทั้งที่ตอนนั้นเขาเองที่ทำท่าขยะแขยงเธอจะแย่

“แต่ยังไงแพรก็ต้องแต่ง! เพราะแม่เตรียมหาฤกษ์หายามกับวรรณไว้เรียบร้อยแล้ว และเราก็ลงความเห็นกันว่าจะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด คือสิ้นเดือนหน้า เพราะฉะนั้นแพรเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้เลย” รุ้งรวีไม่สนใจเสียงแว๊ด ๆ ของลูกสาว หล่อนพูดด้วยเสียงเฉียบขาดบอกเกี่ยวกับแผนการแต่งงานที่เร็วปานสายฟ้าแล่บ

หล่อนกับอมลวรรณไม่อยากปล่อยเวลาให้เนินนาน กลัวว่าอัศวินจะเปลี่ยนใจ และกลัวว่าพิชชาภาจะพยายามหาทางหนีการแต่งงานเหมือนกับคราวที่ดูตัวครั้งนั้นอีก ดังนั้นหล่อนจึงตัดสินใจให้ทั้งคู่แต่งงานกันให้เร็วที่สุด

“สิ้นเดือนหน้า! ถ้างั้นก็แค่อีกเดือนกว่า ๆ เองหนิคะ” พิชชาภาตาโตด้วยความตกใจ ร้องเสียงหลง

“ไม่เร็วไปเหรอรุ้ง พี่ว่าอีกสักสามสี่เดือนก็ได้หนิ” ปิยวัตน์ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแย้งภรรยา แม้เขาจะเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้แต่ใจหนึ่งก็นึกสงสารลูกสาวที่ต้องถูกคลุมถุงชน แต่เขาก็มั่นใจว่าผู้ชายที่ตนและภรรยาเลือกมาเป็นคู่ครองจะทำให้ลูกสาวเขามีความสุขมากกว่านายอนุภัทรที่คอยแต่จะปอกลอกลูกสาวเขาอย่างแน่นอน

“ไม่เร็วหรอกค่ะพี่วัฒน์ ใจจริงรุ้งอยากให้ยัยแพรแต่งวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ” รุ้งรวีหันไปบอกกับสามี ก่อนจะหันมาพูดกับลูกสาวที่นั่งน้ำตานองหน้าอยู่ข้าง ๆ

“หยุดร้องได้แล้วยัยแพร จะเสียอกเสียใจอะไรนักหนา เดี๋ยวพอเย็นนี้เลิกงานไปสตูดิโอกับแม่เตรียมตัดชุดแต่งงาน เข้าใจที่แม่พูดไหม” เธอถามลูกสาวเสียงดุ

“แพรไม่ไปค่ะ! แพรบอกแล้วไงคะว่าแพรไม่แต่งกับพี่วิน! ถ้าจะให้แพรแต่งแพรก็จะแต่งงานกับพี่ภัทรคนเดียวเท่านั้น!” พิชชาภาแผดเสียงสะอื้นค้านมารดา

“ไม่มีทางที่แม่จะยอมให้เราแต่งกับนายภัทรนั่นเด็ดขาด!” รุ้งรวีขึ้นเสียง “ต่อให้แพรร้องไห้คร่ำครวญจะเป็นจะตายยังไงแม่ก็ไม่มีวันยอมรับผู้ชายอย่างนั้นมาเป็นลูกเขยตระกูลกมลประดิษฐ์ของเราแน่นอน!”

“หึ ผู้ชายอย่างนั้นเหรอคะ พี่ภัทรเขาทั้งรักแพร เทิดทูญแพร ดีกับแพรทุกอย่าง ทำไมทุกคนถึงได้เอาแต่ดูถูกชอบใส่ร้ายพี่ภัทรกันนัก” เธอพูดทั้งน้ำตา มองมารดาสลับกับบิดาด้วยความน้อยใจ “เป็นเพราะว่าพี่ภัทรเขาจนใช่ไหมคะ เพราะเขาไม่รวยเหมือนไอ้พี่วินนั่นใช่ไหมคะ ทุกคนถึงได้พากันรังเกียจพี่ภัทร!” พูดเสร็จก็เอามือขึ้นปาดน้ำตา

“พี่วัฒน์คะ รุ้งว่ามาถึงขั้นนี้แล้วให้ยัยแพรรู้ความจริงไปเลยดีกว่าว่าอะไรเป็นอะไร ยัยแพรจะได้ตาสว่างและจะได้เลิกคอยหาว่าพวกเราไปตั้งแง่รังเกียจนายภัทรอะไรนั่นสักที” รุ้งรวีหันไปพูดกับสามีด้วยความเหนื่อยใจในความดื้อรั้นของลูกสาว ถ้าให้รู้ความจริงเสียตั้งแต่วันนี้บางทีลูกสาวหล่อนอาจจะยอมเปิดใจให้อัศวินก็เป็นได้

“ก็ดีเหมือนกัน พี่ก็ชักจะทนไม่ไหวแล้ว หลงกันจนไม่ลืมหูลืมตา” ปิยวัฒน์เองก็เห็นด้วยกับภรรยาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“นี่คุณพ่อกับแม่รุ้งพูดเรื่องกันอะไรคะ ความจริงอะไร” พิชชาภาขมวดคิ้วมองหน้าทั้งสองสลับกันไปมาอย่างสับสน

“ก็ความจริงเกี่ยวกับนายภัทรสุดที่รักเราไง” รุ้งรวีพูดเสียงประชดใส่ลูกสาว แล้วกอดอกสะบัดหน้าหันไปทางสามีซึ่งตอนนี้เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เซฟและกำลังหมุนรหัสปลดล็อค ไม่ถึงนาทีประตูตู้เซฟก็เปิดออก เขาหยิบเอาซองสีน้ำตาลที่ซ้อนอยู่กับกองเอกสารสำคัญอื่น ๆ ออกมา ก่อนจะปิดตู้เซฟแล้วเดินมาทางภรรยาและลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

“นี่คือรูปถ่ายที่พ่อให้คนไปสืบมาเกี่ยวกับนายภัทรช่วงสามสี่เดือนก่อน เอาไปดูซะ แพรจะได้รู้สักทีว่านายภัทรอะไรนั่นไม่ได้ดีอย่างที่ลูกคิด” ปิยวัฒน์บอกพร้อมยื่นซองสีน้ำตาลให้ลูกสาว แล้วนั่งลงข้าง ๆ ภรรยา

พิชชาภารับซองนั้นมาอย่างงง ๆ เธอเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ออกจากแก้ม ก่อนจะค่อย ๆ เปิดผนึกซองสีน้ำตาลหยิบเอารูปถ่ายหลายใบที่อยู่ในนั้นออกมา

มือเธอเริ่มสั่นระริก หัวใจเธอบีบรัดด้วยความเจ็บปวดเมื่อรูปถ่ายแต่ละใบในมือล้วนเป็นภาพของอนุภัทรกับหญิงสาวในอริยาบทที่คล้ายคู่รักกัน แถมยังเป็นรูปถ่ายคู่กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า มือของชายหนุ่มโอบกอดเอวของผู้หญิงในรูปอย่างสนิทสนม บางภาพมีการหอมแก้มและหัวร่อต่อกระซิกกัน

และรูปที่ทำให้เธอถึงกับต้องตาโตตะลึงในการกระทำของอนุภัทรผู้ชายที่เธอรักและไว้ใจที่สุด นั่นก็คือรูปถ่ายที่อนุภัทรกำลังยืนจูบกับผู้หญิงในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยอยู่หน้าโรงแรมม่านรูด มือของเขาเกาะกุมสะโพกของหญิงสาวอย่างน่าเกลียด น้ำอุ่น ๆ เต้นระริกที่ดวงตาก่อนจะร่วงเผาะหยดบนรูปถ่ายบาดตาบาดใจนั่น

เธอมั่นใจผู้ชายในรูปคืออนุภัทรไม่ผิดแน่ ทั้งหน้าตารูปร่างและทรงผมเหมือนกันทุกอย่าง และที่เธอมั่นใจสุด ๆ จนถึงกับต้องขยำรูปถ่ายในมือด้วยความร้าวราน นั่นก็คือสร้อยข้อมือเงินซึ่งเป็นลวดลายเดียวกันกับที่เธอสั่งทำขึ้นเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา!

“ทำไมพี่ภัทรทำกับแพรแบบนี้ ทำไม....” พิชชาภาพึมพำร้องไห้ปริ่มแทบขาดใจ มือกำรูปถ่ายในมือไว้แน่น ศีรษะของเธอเริ่มปวดตุบ ๆ ภาพมารดาและบิดาที่มองมายังเธอด้วยความเห็นใจตรงหน้าเริ่มพร่ามัว

เธอสลัดศีรษะเบา ๆ สองสามที่เพื่อไล่ความปวด แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่นานเธอก็รู้สึกว่าทุกอย่างรอบกายมืดสนิท และก่อนที่สติของเธอจะดับวูบ เธอได้ยินเสียงบิดากับมารดาร้องเรียกเธอด้วยความตกใจ



พิชชาภาปรือตาขึ้นตื่นเมื่อเธอได้กลิ่นของยาดมอยู่ที่ปลายจมูก เสียงตื่นเต้นของมารดาร้องเรียกบิดาบอกว่าเธอฟื้นแล้วดังอยู่ใกล้ ๆ พอเธอเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของมารดาอยู่ตรงหน้า น้ำตาของเธอก็ไหลโดยอัตโนมัติ เธอยันกายลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดหล่อนพร้อมกับปล่อยโฮอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้อีกต่อไป

“โถ ยัยแพร อย่าไปเสียน้ำตาให้กับผู้ชายแบบนี้เลยลูก ในเมื่อเขาไม่จริงใจกับเรา เราก็อย่าไปรักเขาให้ชอกช้ำหัวใจ หยุดร้องนะลูกนะ” รุ้งรวีโอบกอดลูกสาวพลางเลื่อนมือขึ้นลูบผมยาวหยักเป็นคลื่นของหญิงสาวเพื่อปลอบใจ หล่อนเองก็ถึงกับน้ำตาไหลเพราะสงสารลูกสาวที่ต้องมาถูกผู้ชายหลอกเพียงเพราะความไร้เดียวสาไม่ทันคนของเธอ

“ทำไมพี่ภัทรเขาถึงได้ใจร้ายกับแพรอย่างนี้ ทั้งที่แพรรักเขามากจนเชื่อใจหมดทุกอย่าง แต่กลับมาหักหลังทรยศแพรได้ลงคอ….” พิชชาภาตัดพ้อชายหนุ่ม น้ำตายังคงไหลไม่หยุด

“พ่อว่าแพรรีบตัดใจจากนายภัทรแล้วเลิกติดต่อกับเขาซะตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า เพราะถ้าแพรไม่รีบตัดใจและทำตัวเองให้เข้มแข็ง เกิดนายภัทรนั่นมาพูดจาง้อขอคืนดีด้วยมีหวังแพรอาจจะใจอ่อนยอมให้นายนั่นกลับมาหลอกเราได้อีกนะลูก” ปิยวัฒน์พยายามพูดหว่านล้อมให้ลูกสาวตัดใจจากอนุภัทร์โดยเร็ว

“จริงอย่างที่พ่อเขาว่านะแพร นายภัทรนั่นคบกับแพรเพราะหวังจะรวยทางลัด รักแพรไม่ได้ครึ่งหนึ่งอย่างที่แพรรักเขาสักนิด เพราะฉะนั้นแม่ว่าแพรรีบตัดใจจากนายภัทรนั่นซะ แล้วลองคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานกับตาวินให้ดี ๆ อีกที” รุ้งรวีรีบเออออตามสามีทันทีพร้อมกับพูดเข้าประเด็นเรื่องแต่งงานกับอัศวินเพื่อหวังให้ลูกสาวทำตามความตั้งใจของเธออย่างไม่มีเกี่ยงงอน

พิชชาภาคลายอ้อมกอดจากมารดา แล้วใช้ความคิดทวบทวนถึงสิ่งที่มารดากับบิดาพูด ซึ่งก็จริงอย่างที่ท่านทั้งสองบอก ตั้งแต่คบหากันมามีแต่เธอเท่านั้นที่มักจะคอยออกเงินอยู่ตลอดเวลา ทั้งค่าอาหาร ค่าดูหนัง หรือแม้กระทั่งค่าเสื้อผ้าของเขาเธอก็จ่ายให้อยู่บ่อย ๆ

และเธอเองก็ไม่ได้เฉลียวใจหรือเอะใจเลยสักนิดว่าชายหนุ่มหวังคบกับเธอก็เพราะเงิน อาจจะเป็นเพราะเธอรักเขามากเลยพยายามทุ่มเทให้เขาสุด ๆ เพื่อให้เขาพอใจ แต่สุดท้ายเขากลับเหยียบย่ำความรักของเธอจมดิน ทรยศเธอด้วยการคบผู้หญิงมากหน้าหลายตา พิชชาภาคิดด้วยความปวดใจ

“ว่าไงแพร จะยอมทำตามอย่างที่พ่อกับแม่ขอร้องได้หรือเปล่า” รุ้งรวีถามด้วยแววตาคาดหวัง พยายามทำน้ำเสียงให้อ่อนโยนที่สุด

“เรื่องพี่ภัทร...แพรคงต้องใช้เวลา แต่แพร...แพรจะพยายามตัดใจให้ได้ค่ะ” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้น้ำตาเธอก็พาลจะไหล “เพราะยังไงแพรก็รับเรื่องที่เขาไปมีผู้หญิงคนอื่นไม่ได้” เธอบอกเสียงแผ่ว เช็ดน้ำตาที่ไหลมาตามแก้ม

“ส่วนเรื่องพี่วิน...แพรไม่แต่งได้ไหมคะแม่รุ้ง พ่อ” เธอมองมารดาและบิดาอย่างขอความเห็นใจ เพราะเธอรู้ว่าครอบครัวเธออยากให้แต่งงานกับอัศวินเพื่อกีดกั้นเธอกับอนุภัทร แต่เมื่อมารู้ความจริงแบบนี้เรื่องแต่งงานก็คงไม่จำเป็น และเธอเองก็ไม่อยากแต่งงานกับอัศวินอยู่แล้วด้วย

“ทำไมล่ะแพร แม่ไม่เห็นว่าตาวินเขาจะไม่ดีตรงไหนเลยหนิลูก อีกอย่างแม่ว่าถ้าแพรแต่งงานกับตาวินซะ นายภัทรนั่นก็จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเราอีกไง ใช่ไหมคะพี่วัฒน์” รุ้งรวีพูดกับลูกสาวเสร็จกันหันไปหากองหนุนมาช่วยกันหว่านล้อมลูกสาว

“แต่พ่อว่าถ้าแพรไม่อยากแต่งกับวินก็ไม่เป็นไรนะลูก” ปิยวัฒน์บอกคนละความเห็นกับภรรยา

“พี่วัฒน์!” รุ้งรวีหันขวับไปตีหน้ายักษ์ใส่สามีทันที

“ฟังพี่พูดให้จบก่อนสิรุ้ง” เขาพูดให้ภรรยาใจเย็น ก่อนจะหันไปพูดกับพิชชาภา “พ่อรู้ว่าแพรกับวินไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีจู่ ๆ จะให้มาแต่งงานกันกะทันหันแบบนี้มันก็ใช่เรื่องอยู่ แต่ที่พ่อกับแม่ตัดสินใจอย่างนั้นก็เพราะไม่อยากให้แพรแต่งงานกับนายภัทรนั่น ซึ่งพ่อคิดว่าแพรเองก็คงรู้ แต่ตอนนี้เมื่อแพรรู้เรื่องความเจ้าชู้ไม่จริงใจของนายภัทรนั่นและยืนยันว่าจะตัดใจจากเขา พ่อก็ไม่อยากฝืนเรื่องแต่งงานกับวิน” ปิยวัฒน์ยิ้มบอกกับลูกสาว ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ โดยที่มีสายตามองค้อนจากภรรยาส่งมาเป็นระยะ ๆ

“แต่เรื่องที่แม่พูดก็มีเหตุผลนะแพร ถึงแพรจะตัดใจและเลิกติดต่อกับนายภัทรแต่คนหิวเงินอย่างนั้นคงตามตื๊อแพรไม่เลิกแน่ พ่อเลยคิดว่าอย่างน้อยถ้าแพรหมั้นกับตาวินไว้ก่อน แล้วรอให้แน่ใจว่านายภัทรจะเลิกยุ่งกับเราจริง ๆ มันก็ไม่เสียหายหนิลูก แพรเองก็จะได้ลองคบหาศึกษาดูใจวินเขาด้วยไง” ปิยวัฒน์บอกกับลูกสาวด้วยเหตุผล และเขาก็คิดว่าวิธีนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีทีสุดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้

“ที่จริงหมั้นกันไว้ก่อนก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะแต่งงานกะทันหันแบบนี้คนอื่นอาจคิดไปว่ายัยแพรท้องก่อนแต่งก็ได้ ว่าไงหืมยัยแพร แค่หมั้นเฉย ๆ ยังไม่ต้องแต่ง และหลังจากนั้นถ้าแพรคิดว่าตาวินยังไม่ใช่ จะถอนหมั้นแม่กับพ่อก็ไม่ว่า” รุ้งรวีสนับสนุนความเห็นสามี แล้วหันไปถามลูกสาวที่นั่งทำหน้าว่าคิดหนัก

พิชชาภาครุ่นคิดคำพูดของทั้งคู่แล้วก็ต้องถอนใจ ถึงมันจะมีเหตุผลก็จริงแต่เธอก็ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับอัศวินผู้ชายที่เธอเกลียดเข้าไส้อยู่ดี

แต่ถึงแม้เธอจะหมั้นกับอัศวินก็ใช่ว่าเธอจำเป็นต้องเจอหน้าเขาตลอดเวลานี่ เขาเองก็คงยุ่งอยู่กับงานของเขา ส่วนเธอเองก็มีงานของเธอ อีกอย่างการหมั้นครั้งนี้ก็ยังจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากผู้ชายไร้หัวใจอย่างอนุภัทรได้อีกด้วย

“แพรเอาเก็บไปคิดดูคืนนี้ก่อนก็ได้นะ แล้วค่อยมาบอกแม่พรุ่งนี้ เพราะแม่จะได้ไปบอกกับวรรณว่าเปลี่ยนจากงานแต่งมาเป็นงานหมั้นแทน” รุ้งรวีให้เวลาลูกสาวหนึ่งคืนสำหรับการตัดสินใจเรื่องหมั้น เธอรู้ว่าอมลวรรณเพื่อนเธอต้องเข้าใจหากเธออธิบายความจริงให้ฟัง แต่กับกวินทร์เธอรู้ว่าเขาคงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ๆ

“แพรให้คำตอบแม่รุ้งวันนี้เลยก็ได้ค่ะ” เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยการตัดสินใจของตนเองออกมา

“แพรจะหมั้นกับพี่วินค่ะ”



“แม่ว่าไงนะ! ยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นจะเปลี่ยนมาขอหมั้น!” อัศวินที่ดื่มกาแฟอยู่ถึงกับสำลักจนเกือบหกรดหนังสือพิมพ์ที่ถืออยู่ในมือ แล้วโพล่งออกมาเสียงดัง

“เอ๊ะ ตาวินหนิ! บอกกี่ครั้งแล้วให้พูดถึงน้องเขาดี ๆ แล้วแพรเขาก็ไม่ได้อัปลักษณ์อย่างที่วินว่าด้วย” อมลวรรณเอ็ดลูกชายที่ชอบใช้สรรพนามไม่สุภาพกับพิชชาภา แล้วรีบแก้ต่างให้ลูกสาวเพื่อนรักทันที ความจริงหล่อนอยากให้ลูกชายปากดีได้เห็นรูปถ่ายของพิชชาภาที่รุ้งรวีให้มาตอนที่เจอกันครั้งล่าสุด แต่คิด ๆ แล้วหล่อนรอให้อัศวินไปเจอกับพิชชาภาตัวเป็น ๆ เลยจะดีกว่า เพราะหล่อนเองก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าลูกชายตัวแสบจะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นว่าพิชชาภาไม่ได้อัปลักษณ์อย่างที่ตัวเองคิด แล้วหล่อนก็แทบจะทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว

“จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะครับแม่ แต่ที่ผมอยากรู้คือยัยเด็กอัป...เอ่อ ยัยน้องแพรอะไรของแม่นั่นยังสติดีอยู่หรือเปล่า ผู้ชายเขาถึงขั้นยอมแต่งงานด้วยแล้วยังจะเรื่องมากมามงมาหมั้นให้เสียเวลา เสียตังค์ทำไมกัน ประสาท ป่ะเนี่ย” อัศวินพูดอย่างหัวเสีย ความอยากอาหารหายไปในพริบตา

ทำไมยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นถึงได้เรื่องมาก มากเรื่องอะไรอย่างนี้นะ สวยก็ไม่สวยแล้วยังจะเล่นตัวอยู่ได้ แล้วมารดาเขาก็อีกคน ยังไม่เลิกเทิดทูนยัยเด็กอัปลักษณ์อะไรนี่เสียที นี่ถ้าเขาไม่เห็นว่ามารดาป่วยเป็นโรคร้ายเลยอยากจะเอาใจด้วยการแต่งงานตามที่มารดาเขาขอร้องนะ ป่านนี้เขาก็คงได้ออกไปเริงร่าหาความสำราญเหมือนเช่นทุกครั้งไปนานแล้ว

“คำก็อัปลักษณ์ สองคำก็อัปลักษณ์ คอยดูเถอะ พอถึงเวลาเจอน้องเขาจริง ๆ แล้วเราจะสะอึก เชอะ” เบ้ปากพูดเสียงสะบัดใส่ลูกชาย แล้วหันไปหยิบแก้วนมขึ้นมาดื่ม

“ไม่มีทางอ่ะ เพราะสเป๊กผมมันต้องแบบสาวลูกครึ่งอินเตอร์คร๊าบบ อย่างยัยน้องแพรอะไรนั่นหน้าก็จืดชืด แถมยังอ้วนอืดผมหยิกเป็นยัยหมูตอนหัวฟู แค่คิดว่าจะต้องแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงแบบนั้นผมก็แทบจะขนลุกเพราะความสยองแล้วครับ บรื๊ออ” อัศวินส่ายหัวดิ๊ก ทำหน้าขนพองสยองเกล้าเมื่อนึกถึงว่าจะต้องแต่งงานกับพิชชาภา

“ตายแล้วตาวิน พูดจาน่าเกลียดจริง ๆ เลย นี่ถ้าพ่อแม่เขารู้เข้าว่าเราไปว่าลูกสาวเขาแบบนั้นนะ มีหวังเราได้ถูกเลาะฟันร่วงหมดปากแน่” อมลวรรณถลึงตาดุลูกชาย

“แหม แม่ก็อย่าให้เขารู้สิครับว่าผมแอบนินทาลูกสาวเขา” แทนที่จะสำนึกกลับยักไหล่ทำหน้าทะเล้น

“พอ ๆ ๆ ยิ่งพูดยิ่งลามปามใหญ่แล้วเรา” อมลวรรณถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวกับความทะเล้นของลูกชาย

“ตกลงวินหมั้นกับหนูแพรไว้ก่อนนะลูก ส่วนเรื่องแต่งงานค่อยว่ากันทีหลังว่าจะเอายังไง เพราะถ้าเกิดคบกันแล้วไม่ชอบใจกันแม่ก็ไม่อยากบังคับ” อมลวรรณบอก อย่างน้อยในตอนนี้ให้อัศวินได้หมั้นกับพิชชาภาไว้ก่อนตามคำขอของรุ้งรวีเพื่อกันจีน่าให้ออกห่าง ส่วนที่หล่อนพูดไปว่าไม่บังคับเรื่องแต่งงานเพราะหล่อนมั่นใจว่าลูกชายหล่อนจะต้องชอบพิชชาภาและตกลงแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน

“แม่พูดอย่างนี้หมายความว่าผมไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับยัยน้องแพรอะไรนั่นใช่ไหมครับ แค่หมั้นเฉย ๆ ใช่ไหมครับ” อัศวินตาโตรีบถามมารดาด้วยความตื่นเต้น เพราะถ้ามารดาเขาต้องการแค่หมั้นกับยัยเด็กอัปลักษณ์เฉย ๆ เรื่องแผนแก้เผ็ดนั่นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป และเขาก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเอาปี๊บคลุมหัวเพราะมีเมียหน้าตาอัปลักษณ์อย่างยัยเด็กแพรอะไรนั่น

“ย่ะ ที่ยอมเนี่ยเพราะสงสารหนูแพรเขาหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด เพราะแม่ไม่อยากจะพาลูกสาวเพื่อนรักมาทิ้งให้อยู่กินกับผู้ชายปากเสียอย่างเรา” หล่อนเบ้ปากพูดด้วยท่าทางหมั่นไส้ลูกชายเต็มที่ หล่อนรู้ว่าที่อัศวินตกปากรับคำจะแต่งงานกับพิชชาภานั้นเป็นเพราะต้องการทำตามที่เธอขอร้อง

“อย่างผมเนี่ยต้องเรียกว่าปากดีต่างหาก” เขาแก้คำที่มารดาใช้แล้วหัวเราะเสียงดัง

“ปากคุณสุนัขล่ะสิไม่ว่า” อมลวรรณทำปากขมุบขมิบว่าลูกชาย

“แม่ว่าอะไรสุ สุ นะครั๊บ?” อัศวินถามเสียงสูง แกล้งทำหน้าสงสัย แต่กลับอมยิ้มที่มุมปาก

“เปล๊า” อมลวรรณยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“อ้อ แล้วไป....” เขาพยักหน้าหงึก ๆ แต่ปากก็ยังฉีกยิ้มไม่หุบ

“ยิ้มอะไรตาวิน ไม่รีบกินเข้าล่ะ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก” อมลวรรณเงยหน้าจากชามเข้าต้มขึ้นมามองค้อนลูกชายแล้วเร่งให้กินอาหารเช้าให้เสร็จ

“ผมไม่กินแล้วล่ะครับ เดี๋ยวไปทำงานเลยดีกว่า” พูดเสร็จก็ลุกขึ้นพับหนังสือพิมพ์วางบนเก้าอี้แล้วเดินไปหามารดาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก้มลงหอมแก้มทั้งสองของหล่อนฟอดใหญ่

“ผมไปทำงานก่อนนะครับแม่” เขาบอกมารดาก่อนจะหันไปพูดกับสุปรานีพยาบาลที่เขาจ้างมาดูแลมารดาซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ

“คุณนี ฝากดูแลแม่ผมดี ๆ ด้วยนะครับ”พูดเสร็จและกำลังจะเดินออกจากห้องอาหารไป

“เดี๋ยวตาวิน” อมลวรรณหันไปเรียกลูกชายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมพูดเรื่องหนึ่งไป

“ครับแม่”

“วันเสาร์นี้ทำตัวให้ว่างด้วยนะ เพราะแม่จะพาเราไปงานครบรอบวันแต่งงานรุ้งกับคุณวัฒน์ที่บ้านโน้น เราจะได้เจอกับหนูแพรเขาสักที” เธอสั่งสีหน้าจริงจัง การทำให้ทั้งคู่พบกันคราวนี้หล่อนจะไม่ให้พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อให้ต้องฉุดกระชากลากถูลูกชายตัวแสบหล่อนก็จะต้องพาอัศวินไปงานนี้ให้ได้ เพราะหล่อนคุยกับรุ้งรวีไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะประกาศการหมั้นของทั้งคู่ในวันนั้นไปด้วยเลย แต่หล่อนจะไม่บอกอัศวินเรื่องนี้เพราะรู้ว่าลูกชายจะต้องหาทางเลี่ยงไม่ไปอย่างแน่นอน

“เฮ้อ...ก็ไปเจอกันวันหมั้นเลยไมได้เหรอครับแม่ ยังไงผมก็หมั้นกับน้องแพรอะไรของแม่อยู่แล้วล่ะ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไป
เจอให้เสียเวลา” อัศวินถอนใจเฮือกใหญ่ ทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อมารดาพยายามจะให้เขาไปเจอยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นให้ได้

“ไปเจอน้องเขาสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยหนิลูก อีกอย่างวินจะปล่อยให้แม่ไปคนเดียวเหรอ เผื่อแม่เกิดหน้ามืดเป็นลมขึ้นมาแล้วใครจะช่วย” อมลวรรณทำหน้าเศร้าหยิบเอาเรื่องสุขภาพของหล่อนมาอ้างเพราะรู้ว่าลูกชายเป็นห่วงหล่อนมากขนาดไหน

“โธ่ แม่ก็ แค่นี้ไม่เห็นต้องงอนเลย ตกลงวันเสาร์นี้ผมไปเป็นเพื่อนแม่ก็ได้ โอเคไหมครับ” บอกพลางเดินไปนั่งยอง ๆ ข้างมารดา ยิ้มเอาใจ

“ขอบใจวินมากนะลูกที่ยอมตามใจแม่ แม่รู้ว่าวินรำคาญที่แม่คอยจูจี้เรื่องแต่งงานกับวินบ่อย ๆ”

อมลวรรณยิ้มเศร้า ๆ บอกลูกชาย “แม่ไม่ควรจะมาบังคับจิตใจวินเพื่อความสบายใจของแม่ แต่ครั้งนี้ถือว่าแม่ขอร้องวินเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกันนะลูกนะ พอให้คนแก่ที่ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งได้มีความหวังขึ้นมาบ้าง” หล่อนบอกเสียงสั่นพลางลูบผมลูกชายด้วยความรัก

“ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ให้แม่พูดถึงเรื่องตาย” อัศวินพูดน้ำเสียงดุกลาย ๆ จับมืออวบของมารดาที่ลูบผมเขาอยู่ขึ้นมากุมไว้

“แม่ก็รู้ว่าหนิครับว่าผมไม่เคยขัดใจแม่เลยสักครั้ง เพียงแต่เรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนสองคน ถ้าเกิดแม่ให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงสักคนที่รู้จักกันเพียงไม่นาน ซึ่งผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบชีวิตใครตอนนี้ แล้วแม่ลองคิดดูสิครับ ว่าคนที่น่าสงสารที่สุดจะเป็นใครถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนที่จะมาเป็นภรรยาผม” เขาให้เหตุผล

“ที่วินพูดมามันก็ถูก แต่วินก็รู้ว่าหัวอกของคนเป็นแม่ก็อยากที่จะเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา แล้ววินเองก็ไม่ยอมคบกับใครจริง ๆ จัง ๆ สักที แม่ก็เลยอดไม่ได้ที่จะหาผู้หญิงดี ๆ มาให้วินเลือก แต่วินก็ไม่ถูกใจใครสักคน พอมาคราวหนูแพรนี่แม่ก็เห็นว่าวินเคยรู้จักน้องเขามาก่อน หวังว่าจะทำให้วินสนใจขึ้นมาบ้าง แต่วินก็กลับว่าน้องเขาเสีย ๆหาย ๆ จนแม่ล่ะกลัวว่าถ้าแต่งงานกันไปก็คงจะเหมือนอย่างที่วินว่า” พูดเสร็จก็พ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“แม่เลยปรึกษากับรุ้งว่าให้วินกับหนูแพรหมั้นกันไว้ก่อน พอให้มีเวลาได้คบหาดูใจกันสักพัก แล้วหลังจากนั้นถ้าวินไม่อยากแต่งงาน แม่ก็จะไม่ห้าม” พูดน้ำเสียงปลงตก

เมื่ออัศวินเห็นมารดามีสีหน้าเศร้าสลดก็รีบพูดปลอบทันที “แม่อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ใช่ว่าผมจะไม่แต่งงานสักหน่อย เพียงแค่แม่อยากเห็นหลานเร็ว ๆ แต่ผมยังอยากใช้ชีวิตโสดอยู่ก็เท่านั้น แต่เพื่อให้แม่มีความสุข ผมรับรองนะครับว่าผมจะแต่งงานก่อนสิ้นปีนี้แน่นอน”

พูดเสร็จเขาก็อยากจะกระโดดเอาหัวโม่งกำแพงสักพันครั้ง แล้วชกปากตัวเองอีกสักร้อยที ไอ้วินเอ๊ยไอ้วิน อุตส่าห์หลุดจากบ่วงผูกคอมาได้ไม่ทันไรแต่ปากก็ดันหาเรื่องเอาบ่วงกลับมาผูกคอตัวเองใหม่ซะอย่างนั้น และไอ้สิ้นปีนี้มันก็แค่อีกไม่กี่เดือนเองนี่หว่า

“จริงเหรอลูก” อมลวรรณหันไปถามอัศวินสีหน้าตื่นเต้น “แม่ดีใจนะที่ได้ยินวินพูดอย่างนี้ ถึงแม้แม่จะไม่รู้ว่าวินจะทำได้อย่างที่ปากว่าหรือเปล่า” หล่อนผ่อนเสียงลง แกล้งทำสีหน้าไม่แน่ใจ หล่อนรู้ว่านิสัยอย่างอัศวิน ลองใครพูดหยามเขาเพียงนิดเดียว เขาจะต้องตีโพยตีพายทันที และก็อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด

“อ้าว ไหงแม่พูดเงี๊ย ผมบอกแล้วว่าจะแต่งงานก่อนสิ้นปี ก็ต้องแต่ง ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว” อัศวินย้ำความมั่นใจให้กับมารดาสีหน้าจริงจัง ทั้งที่ในใจก่นด่าความปากพล่อยของตัวเองไม่หยุด

“อ้าว ก็แม่เห็นวินบ่นว่ายังไม่อยากแต่งงาน แต่กลับมาสัญญากับแม่ว่าจะแต่งก่อนสิ้นปี แล้วจะให้แม่เชื่อได้ไงว่าวินจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ” หล่อนทำหน้าเหรอหรา ตอกย้ำคำพูดเดิมไปอีก

“แม่ก็คอยดูแล้วกันว่าผมจะแต่งงานก่อนสิ้นปีนี้อย่างที่พูดไว้หรือเปล่า”

“แล้วแม่จะคอยดู อ้อ อย่าลืมที่นัดกับแม่วันเสาร์นี้ด้วยนะ รีบไปทำงานเถอะไป เดี๋ยวจะสาย”

“ไม่ลืมหรอกครับ งั้นผมไปทำงานก่อนนะ” เขายิ้มบอก ยื่นหน้าไปหอมแก้มยุ้ยของมารดาอีกครั้งแล้วลุกขึ้น เดินหน้าเซ็งออกจากห้องอาหารไป



“โว๊ยยย อยากจะบ้า โทรเท่าไรก็มีแต่ฝากข้อความ ฝากข้อความ ยัยนั่นเป็นอะไรของเขากันวะ” อนุภัทรโวยวายลั่นห้องทำงาน กำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น เมื่อพยายามโทรหาพิชชภาเท่าไรก็โทรไม่ติด เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่ปิดมือถือหนีตลอด

เขาพยายามติดต่อพิชชาภามาหลายวัน ทั้งโทรหา ทั้งส่งข้อความ ถึงขนาดไปดักรอที่บริษัท บางวันก็แอบไปซุ่มจอดรถรออยู่แถวบ้าน แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาหัวของเธอโผล่มาให้เห็น ซึ่งนั่นทำให้เขาแน่ใจว่าต้องเป็นเพราะครอบครัวของเธอพยายามกันเขาให้ออกห่าง แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ เพราะในช่วงที่มีปัญหาเรื่องที่เธอถูกบังคับให้แต่งงาน เขาก็ยังคงติดต่อและพบเธอได้อยู่เหมือนเดิม แต่ไม่กี่วันมานี้ อยู่ ๆ ก็ขาดการติดต่อกับเธอเสียดื้อ ๆ

หรือว่ายัยคุณหนูนั่นจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับไอ้เจ้าของโรงแรมนั่นแล้วนะ เพราะถ้ายังรักและอยากแต่งงานกับเขาอยู่จริง ต่อให้ครอบครัวเธอกีดกันไม่ให้ติดต่อกับเขาแค่ไหน เธอก็ต้องหาทางพบกับเขาจนได้เหมือนกับครั้งที่เธอหนีการดูตัวมาอยู่กับเขา

อนุภัทรกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ กำมือที่ถือโทรศัพท์ไว้แน่น เขาจะไม่ยอมนั่งเฉย ๆ ปล่อยให้ขุมสมบัติหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาแน่ เขาจะต้องหาทางรู้ให้ได้ว่าตกลงเธอตัดสินใจแต่งงานตามคำสั่งครอบครัวหรือไม่ และคนที่พอจะช่วยเขาเรื่องนี้ได้ก็มีอยู่คนเดียว
<><><><><><><><><><>><><><><><><><><><><><><><><>

คุณ กาชะลอพลัดถิ่น สวัสดีค่ะ ไม่ได้ทักทายกันนานเลยสบายดีนะคะ ^^ อีกไม่นานเกินรอความจริงจะเผยให้ทั้งแพรกับวินได้ตาสว่างแน่นอนค่ะ อิอิ

คุณ lamyong พี่วินจำแต่ภาพลักษณ์เดิม ๆ จนไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สวยขึ้นได้ ^^

คุณ Zephyr ตอนหน้าก็ได้จะรู้แล้วค่ะว่าวินจะคลอเคล็ดไหม อิอิ ^^



เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2558, 10:52:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2558, 10:52:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1384





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
lamyong 18 ต.ค. 2558, 11:09:28 น.
บางทีก็น่าจะตบปากพี่วินสักทีสองทีนะคะคุณแม่ ปากคอเลาะร้ายนัก แต่ก็ยอมให้อภัยนิดนึงเพราะถึงจะปากสุนัขแต่เป็นผู้ชายรักแม่ดูอบอุ๊นอบอุ่นมากกกก อร๊ายยยย


Zephyr 21 ต.ค. 2558, 19:41:27 น.
พี่วินปากเสียชีวิตไม่รุ่งเรืองนะ
เผลอๆอายุไม่ยืนเพราะปากด้วย
เตือนนะๆๆๆ ระวังเหอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account