แกะรอยกามเทพ (รีไรต์)
'เทวานิรมิต' โรงแรมหรูกลางกรุงที่ใครเขาว่างดงามดุจเทวดารังสรรค์
แต่ทำไมหญิงสาวบ้านนาคนหนึ่งจึงบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจจากมา
เป็นหน้าที่ของพี่สาวที่ต้องกลับไปสืบหาความจริงจากสมุดบันทึกของน้อง
1 ใน 3 ชายในบันทึกผู้เกี่ยวพันกับเทวานิรมิต
'ทัดเทพ' ผู้บริหารหนุ่มซึ่งมีข่าวหย่าร้างกับภรรยา
'อัครวินท์' หัวหน้าแผนกผู้สุขุม อ่อนโยน
และ 'นายเจ๋ง' ช่างซ่อมบำรุงปากเสียที่เคยมีปากเสียงกับน้องเธอ
ไม่มีใครน่าไว้ใจสักคน...ในสถานที่ดุจต้องคำสาปสวรรค์แห่งนี้ 'เทวานิรมิต'
fb page : http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
แต่ทำไมหญิงสาวบ้านนาคนหนึ่งจึงบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจจากมา
เป็นหน้าที่ของพี่สาวที่ต้องกลับไปสืบหาความจริงจากสมุดบันทึกของน้อง
1 ใน 3 ชายในบันทึกผู้เกี่ยวพันกับเทวานิรมิต
'ทัดเทพ' ผู้บริหารหนุ่มซึ่งมีข่าวหย่าร้างกับภรรยา
'อัครวินท์' หัวหน้าแผนกผู้สุขุม อ่อนโยน
และ 'นายเจ๋ง' ช่างซ่อมบำรุงปากเสียที่เคยมีปากเสียงกับน้องเธอ
ไม่มีใครน่าไว้ใจสักคน...ในสถานที่ดุจต้องคำสาปสวรรค์แห่งนี้ 'เทวานิรมิต'
fb page : http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๘ + อัพเดตข่าวท้ายเรื่องค่ะ
๘
ริมถนนสัญจรในซอยติดกับโรงเรียนเต็มไปด้วยรถยุโรปราคาแพงของผู้ปกครองที่มารอรับ ทิวบุญมาหยุดยืนยังหน้ารั้วโรงเรียนชื่อดังใจกลางเมืองซึ่งเริ่มมีเด็กนักเรียนทยอยออกมาแล้ว บางคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กชายพัทธดนย์ ลูกของเจ้านายที่เธอเคยเจอครั้งหนึ่ง
หญิงสาวตัดสินใจเดินไปหาคุณครูซึ่งคอยยืนตรวจตราดูแลนักเรียนอยู่ข้างรั้ว ก่อนถามถึงคนที่ตนมารับ
"ดิฉันมารับเด็กชายพัทธดนย์ ปอห้าทับสองค่ะ"
"อ๋อ น้องพัทธ์ คุณพ่อโทรมาแจ้งแล้วค่ะว่าจะให้ตัวแทนมารับ" แกเอ่ยอย่างรู้จักทั้งพ่อและเด็กดี
เธอยื่นบัตรแข็งให้คุณครูท่านนั้นดู อีกฝ่ายเพียงมองผ่านแล้วยิ้มรับอย่างไว้ใจ
"เมื่อกี้ครูเห็นแกแวบๆ ที่ข้างสนามบาสฯ นะคะ"
ทิวบุญกล่าวขอบคุณก่อนเดินสวนนักเรียนและผู้ปกครองเข้าไปข้างใน สนามบาสเก็ตบอลที่ว่าหาไม่ยากสักนิด ด้วยอยู่ห่างจากรั้วโรงเรียนเข้ามาเท่านั้น มีนักเรียนมัธยมกำลังเล่นกีฬาอยู่กลางแจ้ง ที่เด็กสุดเห็นจะเป็นคนนั่งเดาะลูกบาสอยู่ข้างอัฒจันทร์ ตาก็จับจ้องมองรุ่นพี่เล่นอยู่ในสนามไปพลาง
เธอมั่นใจว่าไม่ผิดคนแน่ จากใบหน้าที่มีแววหล่อเหลาจากความงามของพ่อแม่คนละครึ่ง หญิงสาวนึกสนุกพอที่จะก้าวไปเงียบๆ เธอเคาะแย่งลูกบาสมาจากคนเหม่อลอยอย่างง่ายดาย
"เฮ้ย" เด็กชายอุทานพลางหันขวับมอง
ทิวบุญยิ้มให้เมื่ออีกฝ่ายอ้าปากมองตาค้าง เธอเดาะลูกบาสไปพลางเชื่อมสัมพันธไมตรี
"คุณพ่อให้มารับครับ"
"พี่เป็นใคร" แกถามหน้าซื่อตาใส
แหม เด็กเรียกว่าพี่ ฟังแล้วลื่นหูจริงๆ
"พี่ชื่อทิว เป็นเลขาฯ พ่อของหนู วันนี้คุณทัดเทพติดประชุมเลยให้พี่มารับแทน"
หญิงสาวส่งคืนลูกบาสให้พร้อมกับค้นหาบัตรผู้ปกครองของพ่อเด็กออกมาให้แกดู
"นี่ไง หลักฐานยืนยัน"
เด็กชายรับมาดูสลับกับมองหน้าพี่สาวคนสวยอีกครั้งอย่างไม่สิ้นความสงสัยง่ายๆ
"แล้วถ้าพี่ขโมยมาจากพ่อของพัทธ์ล่ะ"
ทิวบุญหัวเราะพรืด เธอย่อตัวลงนั่งบนรองเท้าส้นสูงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กช่างจินตนาการ
"โธ่ น้องคะ คุณพ่อของหนูน่ะหรือจะเพลี่ยงพล้ำให้ใครมาขโมยของของเขาไปได้ เนอะ"
ดวงตากลมโตหรี่ลงอย่างครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงปรากฏรอยยิ้มเผล่บนใบหน้าไร้เดียงสานั้น ก่อนจะค่อยเลือนหายไปอีกคราราวยังมีเรื่องคาใจ
"อ้ะ มีคำถามอะไรอีก ถามมาได้เลย"
พัทธดนย์สั่นศีรษะ ยู่หน้าขึ้นมาจนปากแทบย่นติดจมูก
"ให้พี่พิมพ์กลับด้วยได้ไหมครับ พี่พิมพ์ปวดท้อง นอนอยู่ในห้องพยาบาล"
"พี่พิมพ์คือใครหรือครับ" ทิวบุญเป็นฝ่ายฉงนบ้าง
"พี่ของพัทธ์เอง แต่พี่พิมพ์อยู่กับแม่ลัก แต่แม่ไม่มารับสักที"
จริงด้วยสิ เธอเพิ่งนึกได้ว่าเจ้านายตนมีลูกสองคน แต่ก็แทบไม่เคยได้ยินเขาหรือใครเอ่ยถึงลูกสาวคนโตเลย
"เอาสิ เราไปรับพี่พิมพ์ที่ห้องพยาบาลกันนะ"
ร่างระหงลุกยืนเต็มความสูง เธอไม่มีทางเลือกนี่นะ จะอยู่รอแม่เด็กที่นี่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเมื่อไร ขืนกลับช้า มัวทำตัวเป็นพี่สาวแสนดีก็จะถูกเจ้านายต่อว่าอีก สู้พาเด็กทั้งสองกลับไปด้วยกันแล้วหาหมายเลขติดต่อลักขณาที่ออฟฟิศน่าจะเป็นการดีที่สุด
คนสมใจคือเด็กชายที่ชูมือขึ้นกลางอากาศด้วยความดีใจ แกรีบคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นสะพายหลัง ก่อนเดินนำเธอไปทางอาคารเรียน
...........................
ห้องที่เด็กชายวัยสิบขวบพามาอยู่บนชั้นสองของอาคารเรียน ประตูกระจกหน้าห้องซึ่งมีสติ๊กเกอร์เครื่องหมายกาชาดสีเขียวถูกกั้นทึบด้วยผ้าม่านจนไม่อาจมองเห็นภายใน นักเรียนตัวน้อยเคาะประตูก่อนผลักเข้าไป มีเตียงสนามสี่เตียงตั้งอยู่ในห้องนั้น พร้อมด้วยผ้าม่านสำหรับรูดกั้นระหว่างเตียง
ผู้มาใหม่ทั้งสองพร้อมใจกันพนมมือไหว้คุณครูประจำห้องพยาบาล เด็กชายพุ่งไปยังเตียงริมสุดแล้วโดยที่เธอต้องตอบคำถามสายตาหลังกรอบแว่นของสตรีวัยกลางคนซึ่งมองมาอย่างแปลกใจ
"ดิฉันมารับน้องพิมพ์ค่ะ น้องเป็นยังไงบ้างคะ"
"อ้อ พิมพ์ชนกบอกว่าปวดท้องค่ะ ครูให้ทานยาธาตุไปแล้วอย่างทุกที แกเลยขอนอนพักก่อน"
"อย่างทุกที..." เธอทวนคำ
"ค่ะ ครูประจำชั้นของแกสังเกตว่าตั้งแต่เทอมนี้พิมพ์ชนกมักบอกว่าปวดท้องเวลามีการทดสอบบางวิชาในห้องเรียน" คุณครูลดเสียงบอก "อยากให้คุณแม่ลองพูดคุยกับแกดูนะคะ บางทีเด็กอาจเครียดหรือกดดันมากเกินไป"
ทิวบุญหน้าเหวอเมื่อถูกเข้าใจผิดไปเช่นนั้น คงไม่แปลกที่คุณครูในห้องพยาบาลจะไม่รู้จักหน้าค่าตาผู้ปกครองเด็กนักเรียน
"ดิฉันเป็นเลขาฯ ของคุณทัดเทพ พ่อของเด็กๆ น่ะค่ะ จะเรียนให้คุณทัดเทพทราบถึงความห่วงกังวลของคุณครูอย่างแน่นอน"
คุณครูวัยกลางคนยิ้มแห้ง ต่อเมื่อพัทธดนย์ร้องโวยวายตกอกตกใจ ผู้ใหญ่ทั้งสองจึงรีบก้าวไปหลังม่านกั้นเตียง
"พี่พิมพ์! พี่พิมพ์เป็นอะไร เลือด..."
วูบหนึ่งทิวบุญไพล่ไปคิดถึงน้องสาวของตัวเอง ประสบการณ์เลวร้ายนั้น...ขนาดไม่เกิดขึ้นกับตัวเธอยังยากจะลืมอารมณ์ความรู้สึก ณ ขณะนั้นได้ลง
หญิงสาวต้องตั้งสติพลางมองตามมือป้อมที่ชี้ไปยังรอยโลหิตหยดหนึ่งบนผ้าปูเตียงขาวสะอาด แล้วก็ค่อยถอนใจโล่งอก เธอพอทราบสาเหตุอาการปวดท้องของเด็กหญิงแล้วล่ะ เว้นเสียแต่เจ้าตัวที่หน้าเสียไปกับน้องชาย
"ไม่เป็นไรนะคะ เลือดจากรอบเดือนน่ะ น้องพิมพ์ไปห้องน้ำไหวหรือเปล่า" เธอบอกอ่อนโยน
"แต่พิมพ์ยังไม่มีเมนส์" แกตอบเสียงเบาอย่างกระดากอาย
"ไม่มีก็มีครั้งแรกได้นี่คะ" คุณครูประจำห้องพยาบาลทำความเข้าใจกับเด็กหญิงอีกแรง
"เดี๋ยวดิฉันพาแกไปห้องน้ำก็ได้ค่ะ" ทิวบุญรับอาสา ดูท่าลูกสาวคนโตของเจ้านายจะยังไม่ประสา "พัทธ์ครับ ขึ้นไปเอากระเป๋านักเรียนของพี่พิมพ์มานะ แล้วเดี๋ยวจะได้กลับกันเนอะ"
เด็กชายพัทธดนย์รับคำแข็งขัน ทั้งยังช่วยประคองพลางปลอบโยนพี่สาวให้เชื่อใจเธอระหว่างพาไปส่งยังห้องน้ำหญิงบนชั้นเดียวกัน
“พี่พิมพ์ไม่ต้องกลัวนะ พี่หน้าแปลกคนนี้เป็นเลขาฯ คุณพ่อ เล่นบาสฯ เก่งมากด้วย” น้องชายกระซิบบอกพี่สาวระหว่างทาง
ทิวบุญได้แต่กลั้นหัวเราะอย่างอ่อนใจ กระทั่งเหลือเธอกับเด็กหญิงลำพัง หญิงสาวจึงเปิดกระเป๋าหยิบของใช้ส่วนตัวของผู้หญิงออกมา ส่งให้คนที่ยืนรออยู่ในห้องน้ำซึ่งแง้มประตูเปิดไว้
"พิมพ์ใช้เป็นนะคะ แค่แปะด้านกาวลงไป ไม่ยากเนอะ"
คนพูดน้อยผงกศีรษะ กระนั้นใบหน้าซึ่งได้เค้าบิดามาเต็มๆ ก็จวนเจียนจะร้องไห้แหล่ไม่ร้องแหล่ จนเธอต้องยิ้มปลอบใจก่อนดึงประตูปิดให้แก
ทิวบุญยืนรอหน้าห้องน้ำครู่หนึ่ง ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง เด็กหญิงมองสบเธอเต็มตาครั้งแรก แต่เพียงวูบเดียวก็หลบตา เสียงใสเอ่ยถามสั่นเครือ
"กระโปรงพิมพ์จะเปื้อนไหมคะ"
แค่เพียงแรกรู้จัก หญิงสาวก็นึกรักและเอ็นดูเด็กคนนี้เสียแล้ว ดูแกช่างอ่อนต่อโลก บริสุทธิ์ดังผ้าขาวเสียจริง และมีท่าทางเหมือนหวาดกลัวโลกรอบตัวตลอดเวลา
"เอาอย่างนี้ดีไหม ถ้าน้องพิมพ์กลัวพี่ให้ยืมเสื้อสูทก่อนก็ได้ค่ะ"
เธอถอดเสื้อคลุมสีดำทับชุดเดรสของตนออก ก่อนจะวาดรอบเอวเล็กของเด็กหญิงและมาผูกแขนเสื้อสองข้างข้างหน้า
"จิ๊กโก๋ดีออก แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วเนอะ"
"เดี๋ยวเสื้อพี่เปื้อน"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เปื้อนก็ซักได้" เธอบอกพลางกุมมือให้อีกฝ่ายเบาใจ
รอยยิ้มประหม่าค่อยคลี่ปรากฏบนใบหน้าผุดผาดสมวัย เมื่อเด็กหญิงยังจับมือเธอไว้แผ่วเบา ทิวบุญก็ไม่ปล่อยมือจากแกเช่นกัน
..........................
เลขาฯ สาวทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ หรือออกจะเกินหน้าที่เสียด้วยซ้ำเมื่อพาเด็กทั้งสองมาส่งยังเทวานิรมิตหลังการประชุมเสร็จสิ้นได้ไม่นาน
ทัดเทพรออยู่ในห้องทำงานด้วยความกระวนกระวายใจ ขณะที่ลูกชายถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะ เขาก็หมุนเก้าอี้หันข้างมารับร่างอ้วนป้อมที่พุ่งตรงมาหาจนเก้าอี้เลื่อนถอยไปตามแรง
ชายหนุ่มหัวเราะห้าวกังวาน ก่อนจะหันมองคนที่ตามเข้ามาพร้อมกับเลขานุการของเขา ผู้เป็นพ่อผุดลุกยืน เขาก้าวตรงไปดึงเด็กหญิงเข้าสู่อ้อมกอดพลางระดมจูบทั่วดวงหน้าน้อยๆ อย่างแสนรักแสนคิดถึง คนนอกที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นพลอยเต็มตื้นกับการแสดงความรักต่อลูกของบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก
"พ่อคิดถึงน้องพิมพ์ค่ะ" เขาพูดคะขากับลูกสาวได้ไม่ติดขัด
"พิมพ์ก็คิดถึงคุณพ่อ"
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอย่างสุดกลั้น จนผู้เป็นพ่อต้องยกตัวลูกสาววัยสิบสองปีขึ้นอุ้มไปนั่งตักด้วยกันบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
ทิวบุญถอยออกมาพร้อมกับดึงประตูปิด เธอควรประวิงเวลาโทรถึงลักขณาออกไปดีหรือไม่นะ เพื่อให้พ่อลูกได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
...................
ทัดเทพรับฟังเรื่องเล่าจากลูกชายหญิงของตนถึงคนที่เพิ่งออกไป แล้วก็นึกชื่นชมเลขาฯ ของเขาว่าช่างเก่งรอบด้านเสียจริง ดูเจ้าหล่อนจะเข้ากับลูกๆ เขาได้ดี โดยเฉพาะตาพัทธ์ที่แสดงความชื่นชมออกนอกหน้า ส่วนพิมพ์ชนกก็นั่งฟังบนตักผู้เป็นพ่อนิ่ง เมื่อถามจึงจะตอบสักคำถึงความใจดีของอีกฝ่าย
เขาไม่อยากคิดว่าเธอทำดีกับเด็กทั้งสองเพียงเพราะเป็นลูกเจ้านาย เท่าที่รู้จักมาเขาไม่คิดว่าเจ้าหล่อนเป็นคนเช่นนั้น แต่ความชื่นชมในน้ำใจหญิงสาวก็ถูกแทนที่ด้วยความขุ่นเคืองในตัวภรรยา เธอหายไปไหน ทำไมไม่ยอมมารับลูกทั้งที่เลยเวลา
ชายหนุ่มตัดสินใจกดโทรศัพท์ แม้จะอยากอยู่กับลูกสาวเพียงใด แต่ก็เป็นความผิดของผู้เป็นแม่ที่ปล่อยปละละเลย เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงต้องการฟ้องหย่า นอกเหนือจากเรื่องในอดีตที่เธอทำเจ็บแสบ เขายังต้องการเรียกร้องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกทั้งสองมาเป็นของตน
ทว่ายังไม่ทันกดโทรออกก็มีสายเข้ามาเสียก่อน ชื่อผู้โทรเข้าทำให้ต้องกดรับทันที
"พี่เทพ น้องพิมพ์อยู่กับพี่ใช่ไหมครับ"
'ลลิต' น้องชายภรรยาที่ร่วมประชุมเมื่อเช้าโทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"ใช่" พี่เขยตอบเสียงแข็ง
"โอ โล่งอกไปที พอดีพี่ลักฝากผมรับน้องพิมพ์ งั้นเดี๋ยวผมไปรับที่เทวานิรมิตนะครับ"
"ลักขณาไปไหน ทำไมไม่ไปรับลูก" เขาซักเอากับน้องภรรยา
ปลายสายตะกุกตะกักพร้อมกับเงียบไป ทัดเทพนึกรู้คำตอบ คงไม่พ้นที่เดิมที่โปรดปรานของเจ้าหล่อน บ่อนใหญ่ของประเทศบนเกาะแห่งหนึ่งนั่นเอง
"พี่ลักไม่ได้ไปเล่นหรอกครับ เธอไปดูงานแทนพ่อ"
ทัดเทพไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพ่อตาของเขาคงคุยถึงตั้งแต่ตอนพักประชุมแล้ว คนบ้านนั้นเขารักเจ้าหล่อนกันทุกคน คงไม่เป็นไรหรอกหากความรักนั้นจะไม่ทำให้คนอื่นหรือแม้แต่ลูกหลานตัวเองแท้ๆ ต้องพลอยเดือดร้อนเช่นนี้
"เป็นความผิดผมเองครับ ไม่คิดว่าจะติดประชุมยาว แล้วนี่ใครไปรับเด็กๆ ให้พี่เทพครับ อ้อ หรือเป็นคุณทิว ผมไม่เห็นเธอเข้าประชุมช่วงบ่าย"
คำพูดนั้นสะกิดหูคนฟังนัก เขานึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยผิดใจกับชายหนุ่มผู้นี้เลยสักครั้ง ต่อให้ตนกำลังมีปัญหาระหองระแหงกับพี่สาวอีกฝ่ายก็ตาม
เขาไม่ตอบและยังถือโอกาสรั้งลูกไว้กับตัว "เอาเป็นว่าให้พิมพ์อยู่กับพี่ก่อน แม่เขามาเมื่อไรค่อยให้มารับแล้วกัน"
"ครับพี่ พรุ่งนี้วันหยุดพอดี พาหลานไปเที่ยวก็ดีเหมือนกัน" ลลิตตอบอย่างเป็นพวกพี่เขยเต็มตัว
"ฮื่อ ก็ว่าอย่างนั้น"
เขาบอกลาปลายสาย ก่อนดวงตาเคร่งขรึมเมื่อครู่จะกลับมาทอประกายระยับเมื่อหันมองลูกทั้งสองคน ทัดเทพจุมพิตแก้มใสของบุตรสาวอีกครั้ง แล้วจึงบอกข่าวดีกับพวกแกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี
"ใครอยากไปทะเลกับพ่อ ยกมือ!"
แขนป้อมชูขึ้นกลางอากาศพร้อมกับที่เจ้าตัวกระโดดเหย็ง ขณะที่แขนเรียวเล็กของพิมพ์ชนกชูขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อบิดาก้มหอมแก้มอีกครั้ง เด็กหญิงก็ยิ้มเอียงอายพลางกอดคอท่านไม่ปล่อย
ชายหนุ่มยื่นแขนอีกข้างออกไปหาบุตรชายที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่กลางห้อง เมื่อเจ้าตัวอ้วนวิ่งมาหาก็ดึงมากอดรัดไว้อีกคน
"พ่อครับ เราชวนพี่ทิวไปด้วยได้ไหม พัทธ์ชอบพี่เขา" คนเจ้าแผนการเสนอ "พี่พิมพ์ก็ชอบพี่ทิวเหมือนพัทธ์ใช่ไหม"
พี่สาวผงกศีรษะกับบ่าผู้เป็นพ่อ แกตอบสั้นๆ อย่างเห็นด้วย "อื้ม"
ทัดเทพหรี่ตาครุ่นคิดตาม จะว่าไปก็เป็นความคิดที่ดี เพราะแต่เดิมเขาตั้งใจจะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ไปออกรอบและพักผ่อนยังต่างจังหวัดกับมิสเตอร์กัวอยู่แล้ว กระทั่งได้ตัวลูกสาวมาอยู่ด้วยจึงคิดจะพาพวกแกไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าแม่เลขาฯ คนเก่งไปด้วย เขาคงหมดห่วงทั้งเรื่องลูกและหุ้นส่วนต่างชาติคนนั้น เพราะไม่ว่าทางไหนเจ้าหล่อนก็ประสานได้ดี
"งั้นพิมพ์กับพัทธ์รอพ่อในห้องนะ พ่อออกไปคุยกับเขาก่อน"
ชายหนุ่มขยิบตาให้ลูก เด็กๆ พร้อมใจขยิบตาข้างหนึ่งตามอย่างรู้กัน
.......................
ผู้บริหารหนุ่มเปิดประตูออกจากห้องทำงานไปเห็นร่างระหงในชุดเดรสแขนกุดสีดำกำลังยืนเก็บแฟ้มเอกสารต่างๆ เข้าตู้วาง เขาชะงักไปนิดหนึ่งกับทรวดทรงเพรียวบาง อ่อนช้อยงดงามด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างสตรี
ทัดเทพไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นพ่อพระ เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อสตรีเพศ ในเมื่อแยกกันอยู่และกำลังจะหย่ากับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาก็ไม่ได้มีใครอีกเลย กระทั่งเสน่ห์ ความเป็นตัวของตัวเองของหญิงสาวผู้นี้สะดุดใจเขาตั้งแต่เมื่อแรกเจอบนห้างสรรพสินค้า ยิ่งรู้จักนิสัยใจคอเธอก็ยิ่งถูกชะตา และเขารู้ตัวดีว่าความรู้สึกนี้พัฒนาได้ไม่ยากเลย
ชายหนุ่มชักสายตากลับมาไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายหันมอง แม้จะหน้าม้านราวเด็กแอบขโมยของแล้วถูกจับได้ แต่เขาก็หาเรื่องมากลบเกลื่อนได้ด้วยประสบการณ์
"ขอบคุณที่ช่วยยัยพิมพ์ แล้วก็เสื้อนั่น...ผมจะขอซื้อต่อ"
ทิวบุญยิ้มมุมปากพลางโคลงศีรษะอ่อนใจ
"ฉันไม่รังเกียจหรอกค่ะ ซักมาคืนก็พอ"
แปลกที่เจ้านายอย่างเขายากจะหาเรื่องมาโต้แย้งกับเธอ ทัดเทพยืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานเลขาฯ สาว ปรายตามองคนที่ยืนหอบแฟ้มเต็มแขนข้างหนึ่งอยู่หน้าตู้เอกสาร ก่อนเขาจะเปลี่ยนมาเรื่องสำคัญ
"เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ ผมจะพูดธุระกับคุณเรื่องพรุ่งนี้ คุณไปหัวหินกับเราได้ไหม"
"เรา... ใครบ้างคะ แล้วทำไมฉันต้องไป"
"มีผม พิมพ์ พัทธ์ มิสเตอร์กัว แล้วก็เลขาฯ ของเขา เยอะพอไหม"
"เกินพอค่ะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ "คุณจะให้ฉันไปพบที่ไหนคะ กี่โมง"
เธอจำต้องตกลงอย่างช่วยไม่ได้ ก็มันเป็นหน้าที่ของเธอนี่นะ ทำทุกอย่างตามความต้องการของเจ้านาย แล้วก็ต้องทำได้ดีเสียด้วย
"คุณจองสนามกอล์ฟช่วงบ่ายให้มิสเตอร์กัวไม่ใช่หรือ คุณมารอที่นี่สักเก้าโมงก็ได้ เดี๋ยวผมมารับ"
ทิวบุญแสร้งเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อหู เมื่อคนยื่นข้อเสนอโคลงศีรษะอ่อนใจจึงค่อยหลุดเสียงหัวเราะในลำคอออกมา
"เตรียมเสื้อผ้าด้วยล่ะ ผมจะค้างคืนหนึ่ง ไม่ขับรถกลับมาส่งหรอกนะ"
"ค่ะบอสสส" เธอลากเสียงพลางเก็บแฟ้มสุดท้ายใส่ตู้
หญิงสาวเดินมานั่งประจำยังโต๊ะทำงานอีกครั้ง โดยมีชายหนุ่มยืนกอดอกพิงโต๊ะเธออยู่ที่เดิม ต่อเมื่อสาวเจ้าเลิกคิ้ว ทัดเทพจึงค่อยรู้สึกตัวว่าวันนี้เขาปล่อยให้ความรู้สึกที่มีต่อเธอเพริศไปไกล โดยเฉพาะเมื่อเธอคือคนที่พาลูกทั้งสองของเขากลับมา ภาพลักษณ์ผู้หญิงแกร่งของเธอทำให้เขาวางใจ เชื่อมั่นว่าจะปกป้อง ดูแลเด็กทั้งสองได้ดี
"ทิว ขอบคุณคุณมากนะเรื่องยัยพิมพ์ ผมไม่รู้จะพูดคำไหน แต่ผมมั่นใจว่าผมคงทำได้ไม่ดีเท่าคุณ"
ดวงตาคมกล้าทอประกายขอบคุณลึกซึ้ง เขาไม่ต้องพูดคำไหนทิวบุญก็พอทราบถึงความดีใจ เต็มตื้นของคนที่ได้ของรักกลับมา เขารักลูกมาก ข้อนั้นเธอได้เห็นด้วยตาก็วันนี้ และเธออยากรู้แค่ว่าเขาจะรักลูกคนอื่นมากพอจะไม่ทำลายดวงใจพ่อแม่ดวงอื่นเช่นกันไหม
เธอภาวนาว่าไม่ใช่ อย่าเป็นเขาเลย
..............................
แอร๊ยยย มุมมุ้งมิ้งเริ่มมา และมุมร้อนฉ่ากำลังจะตามมาเช่นกันค่า
บอกเลยว่าบรรยากาศเป็นใจมากกกกก จะเป็นยังไงต้องติดตามนะคะ > <
ส่วนวันนี้แพรวมีข่าวมาขออัพเดต 2 ข่าวค่ะ
ข่าวแรกก็คือออ ตอนนี้ e-book โซ่พิสุทธิ์ ก็ได้รับสายสะพายขายดีที่ meb แล้ววว
แพรวขอบคุณทุกยอดโหลดมากๆ นะคะ ที่ทำให้โซ่พิสุทธิ์มาได้ไกลขนาดนี้
และอีกข่าวคือ... ใครที่สั่งจองหนังสือเข้ามา แพรวและกรองอักษรส่งหนังสือให้ทุกคนแล้วนะคะ
ที่สำคัญ โซ่พิสุทธิ์กำลังจะวางแผงที่ร้านนายอินทร์วันที่ 17 ต.ค.นี้ด้วยค่า
ฝากติดตามอุดหนุนเค้าด้วยน้าาา
ริมถนนสัญจรในซอยติดกับโรงเรียนเต็มไปด้วยรถยุโรปราคาแพงของผู้ปกครองที่มารอรับ ทิวบุญมาหยุดยืนยังหน้ารั้วโรงเรียนชื่อดังใจกลางเมืองซึ่งเริ่มมีเด็กนักเรียนทยอยออกมาแล้ว บางคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กชายพัทธดนย์ ลูกของเจ้านายที่เธอเคยเจอครั้งหนึ่ง
หญิงสาวตัดสินใจเดินไปหาคุณครูซึ่งคอยยืนตรวจตราดูแลนักเรียนอยู่ข้างรั้ว ก่อนถามถึงคนที่ตนมารับ
"ดิฉันมารับเด็กชายพัทธดนย์ ปอห้าทับสองค่ะ"
"อ๋อ น้องพัทธ์ คุณพ่อโทรมาแจ้งแล้วค่ะว่าจะให้ตัวแทนมารับ" แกเอ่ยอย่างรู้จักทั้งพ่อและเด็กดี
เธอยื่นบัตรแข็งให้คุณครูท่านนั้นดู อีกฝ่ายเพียงมองผ่านแล้วยิ้มรับอย่างไว้ใจ
"เมื่อกี้ครูเห็นแกแวบๆ ที่ข้างสนามบาสฯ นะคะ"
ทิวบุญกล่าวขอบคุณก่อนเดินสวนนักเรียนและผู้ปกครองเข้าไปข้างใน สนามบาสเก็ตบอลที่ว่าหาไม่ยากสักนิด ด้วยอยู่ห่างจากรั้วโรงเรียนเข้ามาเท่านั้น มีนักเรียนมัธยมกำลังเล่นกีฬาอยู่กลางแจ้ง ที่เด็กสุดเห็นจะเป็นคนนั่งเดาะลูกบาสอยู่ข้างอัฒจันทร์ ตาก็จับจ้องมองรุ่นพี่เล่นอยู่ในสนามไปพลาง
เธอมั่นใจว่าไม่ผิดคนแน่ จากใบหน้าที่มีแววหล่อเหลาจากความงามของพ่อแม่คนละครึ่ง หญิงสาวนึกสนุกพอที่จะก้าวไปเงียบๆ เธอเคาะแย่งลูกบาสมาจากคนเหม่อลอยอย่างง่ายดาย
"เฮ้ย" เด็กชายอุทานพลางหันขวับมอง
ทิวบุญยิ้มให้เมื่ออีกฝ่ายอ้าปากมองตาค้าง เธอเดาะลูกบาสไปพลางเชื่อมสัมพันธไมตรี
"คุณพ่อให้มารับครับ"
"พี่เป็นใคร" แกถามหน้าซื่อตาใส
แหม เด็กเรียกว่าพี่ ฟังแล้วลื่นหูจริงๆ
"พี่ชื่อทิว เป็นเลขาฯ พ่อของหนู วันนี้คุณทัดเทพติดประชุมเลยให้พี่มารับแทน"
หญิงสาวส่งคืนลูกบาสให้พร้อมกับค้นหาบัตรผู้ปกครองของพ่อเด็กออกมาให้แกดู
"นี่ไง หลักฐานยืนยัน"
เด็กชายรับมาดูสลับกับมองหน้าพี่สาวคนสวยอีกครั้งอย่างไม่สิ้นความสงสัยง่ายๆ
"แล้วถ้าพี่ขโมยมาจากพ่อของพัทธ์ล่ะ"
ทิวบุญหัวเราะพรืด เธอย่อตัวลงนั่งบนรองเท้าส้นสูงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กช่างจินตนาการ
"โธ่ น้องคะ คุณพ่อของหนูน่ะหรือจะเพลี่ยงพล้ำให้ใครมาขโมยของของเขาไปได้ เนอะ"
ดวงตากลมโตหรี่ลงอย่างครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงปรากฏรอยยิ้มเผล่บนใบหน้าไร้เดียงสานั้น ก่อนจะค่อยเลือนหายไปอีกคราราวยังมีเรื่องคาใจ
"อ้ะ มีคำถามอะไรอีก ถามมาได้เลย"
พัทธดนย์สั่นศีรษะ ยู่หน้าขึ้นมาจนปากแทบย่นติดจมูก
"ให้พี่พิมพ์กลับด้วยได้ไหมครับ พี่พิมพ์ปวดท้อง นอนอยู่ในห้องพยาบาล"
"พี่พิมพ์คือใครหรือครับ" ทิวบุญเป็นฝ่ายฉงนบ้าง
"พี่ของพัทธ์เอง แต่พี่พิมพ์อยู่กับแม่ลัก แต่แม่ไม่มารับสักที"
จริงด้วยสิ เธอเพิ่งนึกได้ว่าเจ้านายตนมีลูกสองคน แต่ก็แทบไม่เคยได้ยินเขาหรือใครเอ่ยถึงลูกสาวคนโตเลย
"เอาสิ เราไปรับพี่พิมพ์ที่ห้องพยาบาลกันนะ"
ร่างระหงลุกยืนเต็มความสูง เธอไม่มีทางเลือกนี่นะ จะอยู่รอแม่เด็กที่นี่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเมื่อไร ขืนกลับช้า มัวทำตัวเป็นพี่สาวแสนดีก็จะถูกเจ้านายต่อว่าอีก สู้พาเด็กทั้งสองกลับไปด้วยกันแล้วหาหมายเลขติดต่อลักขณาที่ออฟฟิศน่าจะเป็นการดีที่สุด
คนสมใจคือเด็กชายที่ชูมือขึ้นกลางอากาศด้วยความดีใจ แกรีบคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นสะพายหลัง ก่อนเดินนำเธอไปทางอาคารเรียน
...........................
ห้องที่เด็กชายวัยสิบขวบพามาอยู่บนชั้นสองของอาคารเรียน ประตูกระจกหน้าห้องซึ่งมีสติ๊กเกอร์เครื่องหมายกาชาดสีเขียวถูกกั้นทึบด้วยผ้าม่านจนไม่อาจมองเห็นภายใน นักเรียนตัวน้อยเคาะประตูก่อนผลักเข้าไป มีเตียงสนามสี่เตียงตั้งอยู่ในห้องนั้น พร้อมด้วยผ้าม่านสำหรับรูดกั้นระหว่างเตียง
ผู้มาใหม่ทั้งสองพร้อมใจกันพนมมือไหว้คุณครูประจำห้องพยาบาล เด็กชายพุ่งไปยังเตียงริมสุดแล้วโดยที่เธอต้องตอบคำถามสายตาหลังกรอบแว่นของสตรีวัยกลางคนซึ่งมองมาอย่างแปลกใจ
"ดิฉันมารับน้องพิมพ์ค่ะ น้องเป็นยังไงบ้างคะ"
"อ้อ พิมพ์ชนกบอกว่าปวดท้องค่ะ ครูให้ทานยาธาตุไปแล้วอย่างทุกที แกเลยขอนอนพักก่อน"
"อย่างทุกที..." เธอทวนคำ
"ค่ะ ครูประจำชั้นของแกสังเกตว่าตั้งแต่เทอมนี้พิมพ์ชนกมักบอกว่าปวดท้องเวลามีการทดสอบบางวิชาในห้องเรียน" คุณครูลดเสียงบอก "อยากให้คุณแม่ลองพูดคุยกับแกดูนะคะ บางทีเด็กอาจเครียดหรือกดดันมากเกินไป"
ทิวบุญหน้าเหวอเมื่อถูกเข้าใจผิดไปเช่นนั้น คงไม่แปลกที่คุณครูในห้องพยาบาลจะไม่รู้จักหน้าค่าตาผู้ปกครองเด็กนักเรียน
"ดิฉันเป็นเลขาฯ ของคุณทัดเทพ พ่อของเด็กๆ น่ะค่ะ จะเรียนให้คุณทัดเทพทราบถึงความห่วงกังวลของคุณครูอย่างแน่นอน"
คุณครูวัยกลางคนยิ้มแห้ง ต่อเมื่อพัทธดนย์ร้องโวยวายตกอกตกใจ ผู้ใหญ่ทั้งสองจึงรีบก้าวไปหลังม่านกั้นเตียง
"พี่พิมพ์! พี่พิมพ์เป็นอะไร เลือด..."
วูบหนึ่งทิวบุญไพล่ไปคิดถึงน้องสาวของตัวเอง ประสบการณ์เลวร้ายนั้น...ขนาดไม่เกิดขึ้นกับตัวเธอยังยากจะลืมอารมณ์ความรู้สึก ณ ขณะนั้นได้ลง
หญิงสาวต้องตั้งสติพลางมองตามมือป้อมที่ชี้ไปยังรอยโลหิตหยดหนึ่งบนผ้าปูเตียงขาวสะอาด แล้วก็ค่อยถอนใจโล่งอก เธอพอทราบสาเหตุอาการปวดท้องของเด็กหญิงแล้วล่ะ เว้นเสียแต่เจ้าตัวที่หน้าเสียไปกับน้องชาย
"ไม่เป็นไรนะคะ เลือดจากรอบเดือนน่ะ น้องพิมพ์ไปห้องน้ำไหวหรือเปล่า" เธอบอกอ่อนโยน
"แต่พิมพ์ยังไม่มีเมนส์" แกตอบเสียงเบาอย่างกระดากอาย
"ไม่มีก็มีครั้งแรกได้นี่คะ" คุณครูประจำห้องพยาบาลทำความเข้าใจกับเด็กหญิงอีกแรง
"เดี๋ยวดิฉันพาแกไปห้องน้ำก็ได้ค่ะ" ทิวบุญรับอาสา ดูท่าลูกสาวคนโตของเจ้านายจะยังไม่ประสา "พัทธ์ครับ ขึ้นไปเอากระเป๋านักเรียนของพี่พิมพ์มานะ แล้วเดี๋ยวจะได้กลับกันเนอะ"
เด็กชายพัทธดนย์รับคำแข็งขัน ทั้งยังช่วยประคองพลางปลอบโยนพี่สาวให้เชื่อใจเธอระหว่างพาไปส่งยังห้องน้ำหญิงบนชั้นเดียวกัน
“พี่พิมพ์ไม่ต้องกลัวนะ พี่หน้าแปลกคนนี้เป็นเลขาฯ คุณพ่อ เล่นบาสฯ เก่งมากด้วย” น้องชายกระซิบบอกพี่สาวระหว่างทาง
ทิวบุญได้แต่กลั้นหัวเราะอย่างอ่อนใจ กระทั่งเหลือเธอกับเด็กหญิงลำพัง หญิงสาวจึงเปิดกระเป๋าหยิบของใช้ส่วนตัวของผู้หญิงออกมา ส่งให้คนที่ยืนรออยู่ในห้องน้ำซึ่งแง้มประตูเปิดไว้
"พิมพ์ใช้เป็นนะคะ แค่แปะด้านกาวลงไป ไม่ยากเนอะ"
คนพูดน้อยผงกศีรษะ กระนั้นใบหน้าซึ่งได้เค้าบิดามาเต็มๆ ก็จวนเจียนจะร้องไห้แหล่ไม่ร้องแหล่ จนเธอต้องยิ้มปลอบใจก่อนดึงประตูปิดให้แก
ทิวบุญยืนรอหน้าห้องน้ำครู่หนึ่ง ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง เด็กหญิงมองสบเธอเต็มตาครั้งแรก แต่เพียงวูบเดียวก็หลบตา เสียงใสเอ่ยถามสั่นเครือ
"กระโปรงพิมพ์จะเปื้อนไหมคะ"
แค่เพียงแรกรู้จัก หญิงสาวก็นึกรักและเอ็นดูเด็กคนนี้เสียแล้ว ดูแกช่างอ่อนต่อโลก บริสุทธิ์ดังผ้าขาวเสียจริง และมีท่าทางเหมือนหวาดกลัวโลกรอบตัวตลอดเวลา
"เอาอย่างนี้ดีไหม ถ้าน้องพิมพ์กลัวพี่ให้ยืมเสื้อสูทก่อนก็ได้ค่ะ"
เธอถอดเสื้อคลุมสีดำทับชุดเดรสของตนออก ก่อนจะวาดรอบเอวเล็กของเด็กหญิงและมาผูกแขนเสื้อสองข้างข้างหน้า
"จิ๊กโก๋ดีออก แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วเนอะ"
"เดี๋ยวเสื้อพี่เปื้อน"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เปื้อนก็ซักได้" เธอบอกพลางกุมมือให้อีกฝ่ายเบาใจ
รอยยิ้มประหม่าค่อยคลี่ปรากฏบนใบหน้าผุดผาดสมวัย เมื่อเด็กหญิงยังจับมือเธอไว้แผ่วเบา ทิวบุญก็ไม่ปล่อยมือจากแกเช่นกัน
..........................
เลขาฯ สาวทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ หรือออกจะเกินหน้าที่เสียด้วยซ้ำเมื่อพาเด็กทั้งสองมาส่งยังเทวานิรมิตหลังการประชุมเสร็จสิ้นได้ไม่นาน
ทัดเทพรออยู่ในห้องทำงานด้วยความกระวนกระวายใจ ขณะที่ลูกชายถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะ เขาก็หมุนเก้าอี้หันข้างมารับร่างอ้วนป้อมที่พุ่งตรงมาหาจนเก้าอี้เลื่อนถอยไปตามแรง
ชายหนุ่มหัวเราะห้าวกังวาน ก่อนจะหันมองคนที่ตามเข้ามาพร้อมกับเลขานุการของเขา ผู้เป็นพ่อผุดลุกยืน เขาก้าวตรงไปดึงเด็กหญิงเข้าสู่อ้อมกอดพลางระดมจูบทั่วดวงหน้าน้อยๆ อย่างแสนรักแสนคิดถึง คนนอกที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นพลอยเต็มตื้นกับการแสดงความรักต่อลูกของบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก
"พ่อคิดถึงน้องพิมพ์ค่ะ" เขาพูดคะขากับลูกสาวได้ไม่ติดขัด
"พิมพ์ก็คิดถึงคุณพ่อ"
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอย่างสุดกลั้น จนผู้เป็นพ่อต้องยกตัวลูกสาววัยสิบสองปีขึ้นอุ้มไปนั่งตักด้วยกันบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
ทิวบุญถอยออกมาพร้อมกับดึงประตูปิด เธอควรประวิงเวลาโทรถึงลักขณาออกไปดีหรือไม่นะ เพื่อให้พ่อลูกได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
...................
ทัดเทพรับฟังเรื่องเล่าจากลูกชายหญิงของตนถึงคนที่เพิ่งออกไป แล้วก็นึกชื่นชมเลขาฯ ของเขาว่าช่างเก่งรอบด้านเสียจริง ดูเจ้าหล่อนจะเข้ากับลูกๆ เขาได้ดี โดยเฉพาะตาพัทธ์ที่แสดงความชื่นชมออกนอกหน้า ส่วนพิมพ์ชนกก็นั่งฟังบนตักผู้เป็นพ่อนิ่ง เมื่อถามจึงจะตอบสักคำถึงความใจดีของอีกฝ่าย
เขาไม่อยากคิดว่าเธอทำดีกับเด็กทั้งสองเพียงเพราะเป็นลูกเจ้านาย เท่าที่รู้จักมาเขาไม่คิดว่าเจ้าหล่อนเป็นคนเช่นนั้น แต่ความชื่นชมในน้ำใจหญิงสาวก็ถูกแทนที่ด้วยความขุ่นเคืองในตัวภรรยา เธอหายไปไหน ทำไมไม่ยอมมารับลูกทั้งที่เลยเวลา
ชายหนุ่มตัดสินใจกดโทรศัพท์ แม้จะอยากอยู่กับลูกสาวเพียงใด แต่ก็เป็นความผิดของผู้เป็นแม่ที่ปล่อยปละละเลย เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงต้องการฟ้องหย่า นอกเหนือจากเรื่องในอดีตที่เธอทำเจ็บแสบ เขายังต้องการเรียกร้องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกทั้งสองมาเป็นของตน
ทว่ายังไม่ทันกดโทรออกก็มีสายเข้ามาเสียก่อน ชื่อผู้โทรเข้าทำให้ต้องกดรับทันที
"พี่เทพ น้องพิมพ์อยู่กับพี่ใช่ไหมครับ"
'ลลิต' น้องชายภรรยาที่ร่วมประชุมเมื่อเช้าโทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"ใช่" พี่เขยตอบเสียงแข็ง
"โอ โล่งอกไปที พอดีพี่ลักฝากผมรับน้องพิมพ์ งั้นเดี๋ยวผมไปรับที่เทวานิรมิตนะครับ"
"ลักขณาไปไหน ทำไมไม่ไปรับลูก" เขาซักเอากับน้องภรรยา
ปลายสายตะกุกตะกักพร้อมกับเงียบไป ทัดเทพนึกรู้คำตอบ คงไม่พ้นที่เดิมที่โปรดปรานของเจ้าหล่อน บ่อนใหญ่ของประเทศบนเกาะแห่งหนึ่งนั่นเอง
"พี่ลักไม่ได้ไปเล่นหรอกครับ เธอไปดูงานแทนพ่อ"
ทัดเทพไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพ่อตาของเขาคงคุยถึงตั้งแต่ตอนพักประชุมแล้ว คนบ้านนั้นเขารักเจ้าหล่อนกันทุกคน คงไม่เป็นไรหรอกหากความรักนั้นจะไม่ทำให้คนอื่นหรือแม้แต่ลูกหลานตัวเองแท้ๆ ต้องพลอยเดือดร้อนเช่นนี้
"เป็นความผิดผมเองครับ ไม่คิดว่าจะติดประชุมยาว แล้วนี่ใครไปรับเด็กๆ ให้พี่เทพครับ อ้อ หรือเป็นคุณทิว ผมไม่เห็นเธอเข้าประชุมช่วงบ่าย"
คำพูดนั้นสะกิดหูคนฟังนัก เขานึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยผิดใจกับชายหนุ่มผู้นี้เลยสักครั้ง ต่อให้ตนกำลังมีปัญหาระหองระแหงกับพี่สาวอีกฝ่ายก็ตาม
เขาไม่ตอบและยังถือโอกาสรั้งลูกไว้กับตัว "เอาเป็นว่าให้พิมพ์อยู่กับพี่ก่อน แม่เขามาเมื่อไรค่อยให้มารับแล้วกัน"
"ครับพี่ พรุ่งนี้วันหยุดพอดี พาหลานไปเที่ยวก็ดีเหมือนกัน" ลลิตตอบอย่างเป็นพวกพี่เขยเต็มตัว
"ฮื่อ ก็ว่าอย่างนั้น"
เขาบอกลาปลายสาย ก่อนดวงตาเคร่งขรึมเมื่อครู่จะกลับมาทอประกายระยับเมื่อหันมองลูกทั้งสองคน ทัดเทพจุมพิตแก้มใสของบุตรสาวอีกครั้ง แล้วจึงบอกข่าวดีกับพวกแกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี
"ใครอยากไปทะเลกับพ่อ ยกมือ!"
แขนป้อมชูขึ้นกลางอากาศพร้อมกับที่เจ้าตัวกระโดดเหย็ง ขณะที่แขนเรียวเล็กของพิมพ์ชนกชูขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อบิดาก้มหอมแก้มอีกครั้ง เด็กหญิงก็ยิ้มเอียงอายพลางกอดคอท่านไม่ปล่อย
ชายหนุ่มยื่นแขนอีกข้างออกไปหาบุตรชายที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่กลางห้อง เมื่อเจ้าตัวอ้วนวิ่งมาหาก็ดึงมากอดรัดไว้อีกคน
"พ่อครับ เราชวนพี่ทิวไปด้วยได้ไหม พัทธ์ชอบพี่เขา" คนเจ้าแผนการเสนอ "พี่พิมพ์ก็ชอบพี่ทิวเหมือนพัทธ์ใช่ไหม"
พี่สาวผงกศีรษะกับบ่าผู้เป็นพ่อ แกตอบสั้นๆ อย่างเห็นด้วย "อื้ม"
ทัดเทพหรี่ตาครุ่นคิดตาม จะว่าไปก็เป็นความคิดที่ดี เพราะแต่เดิมเขาตั้งใจจะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ไปออกรอบและพักผ่อนยังต่างจังหวัดกับมิสเตอร์กัวอยู่แล้ว กระทั่งได้ตัวลูกสาวมาอยู่ด้วยจึงคิดจะพาพวกแกไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าแม่เลขาฯ คนเก่งไปด้วย เขาคงหมดห่วงทั้งเรื่องลูกและหุ้นส่วนต่างชาติคนนั้น เพราะไม่ว่าทางไหนเจ้าหล่อนก็ประสานได้ดี
"งั้นพิมพ์กับพัทธ์รอพ่อในห้องนะ พ่อออกไปคุยกับเขาก่อน"
ชายหนุ่มขยิบตาให้ลูก เด็กๆ พร้อมใจขยิบตาข้างหนึ่งตามอย่างรู้กัน
.......................
ผู้บริหารหนุ่มเปิดประตูออกจากห้องทำงานไปเห็นร่างระหงในชุดเดรสแขนกุดสีดำกำลังยืนเก็บแฟ้มเอกสารต่างๆ เข้าตู้วาง เขาชะงักไปนิดหนึ่งกับทรวดทรงเพรียวบาง อ่อนช้อยงดงามด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างสตรี
ทัดเทพไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นพ่อพระ เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อสตรีเพศ ในเมื่อแยกกันอยู่และกำลังจะหย่ากับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาก็ไม่ได้มีใครอีกเลย กระทั่งเสน่ห์ ความเป็นตัวของตัวเองของหญิงสาวผู้นี้สะดุดใจเขาตั้งแต่เมื่อแรกเจอบนห้างสรรพสินค้า ยิ่งรู้จักนิสัยใจคอเธอก็ยิ่งถูกชะตา และเขารู้ตัวดีว่าความรู้สึกนี้พัฒนาได้ไม่ยากเลย
ชายหนุ่มชักสายตากลับมาไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายหันมอง แม้จะหน้าม้านราวเด็กแอบขโมยของแล้วถูกจับได้ แต่เขาก็หาเรื่องมากลบเกลื่อนได้ด้วยประสบการณ์
"ขอบคุณที่ช่วยยัยพิมพ์ แล้วก็เสื้อนั่น...ผมจะขอซื้อต่อ"
ทิวบุญยิ้มมุมปากพลางโคลงศีรษะอ่อนใจ
"ฉันไม่รังเกียจหรอกค่ะ ซักมาคืนก็พอ"
แปลกที่เจ้านายอย่างเขายากจะหาเรื่องมาโต้แย้งกับเธอ ทัดเทพยืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานเลขาฯ สาว ปรายตามองคนที่ยืนหอบแฟ้มเต็มแขนข้างหนึ่งอยู่หน้าตู้เอกสาร ก่อนเขาจะเปลี่ยนมาเรื่องสำคัญ
"เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ ผมจะพูดธุระกับคุณเรื่องพรุ่งนี้ คุณไปหัวหินกับเราได้ไหม"
"เรา... ใครบ้างคะ แล้วทำไมฉันต้องไป"
"มีผม พิมพ์ พัทธ์ มิสเตอร์กัว แล้วก็เลขาฯ ของเขา เยอะพอไหม"
"เกินพอค่ะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ "คุณจะให้ฉันไปพบที่ไหนคะ กี่โมง"
เธอจำต้องตกลงอย่างช่วยไม่ได้ ก็มันเป็นหน้าที่ของเธอนี่นะ ทำทุกอย่างตามความต้องการของเจ้านาย แล้วก็ต้องทำได้ดีเสียด้วย
"คุณจองสนามกอล์ฟช่วงบ่ายให้มิสเตอร์กัวไม่ใช่หรือ คุณมารอที่นี่สักเก้าโมงก็ได้ เดี๋ยวผมมารับ"
ทิวบุญแสร้งเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อหู เมื่อคนยื่นข้อเสนอโคลงศีรษะอ่อนใจจึงค่อยหลุดเสียงหัวเราะในลำคอออกมา
"เตรียมเสื้อผ้าด้วยล่ะ ผมจะค้างคืนหนึ่ง ไม่ขับรถกลับมาส่งหรอกนะ"
"ค่ะบอสสส" เธอลากเสียงพลางเก็บแฟ้มสุดท้ายใส่ตู้
หญิงสาวเดินมานั่งประจำยังโต๊ะทำงานอีกครั้ง โดยมีชายหนุ่มยืนกอดอกพิงโต๊ะเธออยู่ที่เดิม ต่อเมื่อสาวเจ้าเลิกคิ้ว ทัดเทพจึงค่อยรู้สึกตัวว่าวันนี้เขาปล่อยให้ความรู้สึกที่มีต่อเธอเพริศไปไกล โดยเฉพาะเมื่อเธอคือคนที่พาลูกทั้งสองของเขากลับมา ภาพลักษณ์ผู้หญิงแกร่งของเธอทำให้เขาวางใจ เชื่อมั่นว่าจะปกป้อง ดูแลเด็กทั้งสองได้ดี
"ทิว ขอบคุณคุณมากนะเรื่องยัยพิมพ์ ผมไม่รู้จะพูดคำไหน แต่ผมมั่นใจว่าผมคงทำได้ไม่ดีเท่าคุณ"
ดวงตาคมกล้าทอประกายขอบคุณลึกซึ้ง เขาไม่ต้องพูดคำไหนทิวบุญก็พอทราบถึงความดีใจ เต็มตื้นของคนที่ได้ของรักกลับมา เขารักลูกมาก ข้อนั้นเธอได้เห็นด้วยตาก็วันนี้ และเธออยากรู้แค่ว่าเขาจะรักลูกคนอื่นมากพอจะไม่ทำลายดวงใจพ่อแม่ดวงอื่นเช่นกันไหม
เธอภาวนาว่าไม่ใช่ อย่าเป็นเขาเลย
..............................
แอร๊ยยย มุมมุ้งมิ้งเริ่มมา และมุมร้อนฉ่ากำลังจะตามมาเช่นกันค่า
บอกเลยว่าบรรยากาศเป็นใจมากกกกก จะเป็นยังไงต้องติดตามนะคะ > <
ส่วนวันนี้แพรวมีข่าวมาขออัพเดต 2 ข่าวค่ะ
ข่าวแรกก็คือออ ตอนนี้ e-book โซ่พิสุทธิ์ ก็ได้รับสายสะพายขายดีที่ meb แล้ววว
แพรวขอบคุณทุกยอดโหลดมากๆ นะคะ ที่ทำให้โซ่พิสุทธิ์มาได้ไกลขนาดนี้
และอีกข่าวคือ... ใครที่สั่งจองหนังสือเข้ามา แพรวและกรองอักษรส่งหนังสือให้ทุกคนแล้วนะคะ
ที่สำคัญ โซ่พิสุทธิ์กำลังจะวางแผงที่ร้านนายอินทร์วันที่ 17 ต.ค.นี้ด้วยค่า
ฝากติดตามอุดหนุนเค้าด้วยน้าาา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ต.ค. 2558, 16:38:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2558, 16:38:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1105
<< บทที่ ๗ | บทที่ ๙ HOT! >> |

เปลวหอม 14 ต.ค. 2558, 21:35:52 น.
เป็นเลขาที่เชื่อฟังเจ้านายดีมาก ๆ ค่ะ ให้ไปไหนทำอะไรก็ไป อิอิ ไปทะเลซะด้วย สายลม แสงแดด และสองเรา
เป็นเลขาที่เชื่อฟังเจ้านายดีมาก ๆ ค่ะ ให้ไปไหนทำอะไรก็ไป อิอิ ไปทะเลซะด้วย สายลม แสงแดด และสองเรา


ภาพิมล_พิมลภา 18 ต.ค. 2558, 16:01:30 น.
คุณเปลวหอม - ไปเที่ยวทะเลด้วยกันตอนหน้านะคะ
คุณเปลวหอม - ไปเที่ยวทะเลด้วยกันตอนหน้านะคะ