ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 6 ครึ่งแรก

ตอนที่ 6

อาหารเช้าพ่วงกลางวันของธามินกับซาเมรากลายเป็นกล้วยห่ามๆ ที่หาได้จากท้ายสระซึ่งมีดงกล้วยอยู่บ้าง กล้วยถูกย่างไฟจนหอมในระหว่างที่ธามินนำน้ำมาต้มใส่ถุงหนังสัตว์ไว้เพื่อดื่มระหว่างการเดินทาง ซาเมรากินกล้วยย่างหมดไปสามลูกถึงจะไม่ชอบรสฝาดเท่าไหร่ แต่น้ำใจของคนหาอาหารให้น่าซึ้งใจจนมองข้ามเรื่องของรสชาติได้
หลังจากนอนพักเอาแรงไปสองชั่วโมงในเที่ยง พอธามินตื่นมาก็เริ่มคิดวางแผนใหม่เมื่อเส้นทางของเขาเปลี่ยนไปจากแผนเดิมมาก การกลับไปยังหมู่บ้าน M1 คงเป็นไปไม่ได้เพราะมันไกลเกินกว่าจะเดินเท้า อีกทั้งซาเมราคงไม่ไหวแน่ๆ เพราะฉะนั้นจึงเหลือเพียงทางเดียวเท่านั้นนั่นคือไปหาท่านชาฮานที่โรงพยาบาลชายแดน
ธามินขยับมานั่งใกล้ๆ ซาเมราที่เมินมองไปทางอื่นทันที ไม่รู้เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจถึงได้ไม่ยอมมองหน้ากันแบบนี้
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาด้วยครับองค์หญิง ช่วยหันมาหน่อยได้ไหม”
ซาเมราหันมามองธามนิดหนึ่งแล้วก็รีบเมินไปทางต้นกระถินเหลือง มันเป็นเรื่องของความบังเอิญที่เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ภาพเปลือยเปล่าของเขาสลัดหลุดไปจากความสมอง ตอนนี้เลยมองหน้าเขาไม่ได้อย่างไรล่ะ
“ก็พูดมาสิ นายจะคุยเรื่องการเดินทางในคืนนี้ใช่ไหมล่ะ”
“องค์หญิงเดาถูก ที่ใครๆ บอกว่าองค์หญิงประเทศนัวเรด์ดีนฉลาดแสดงว่าพูดเรื่องจริง”
คนถูกชมทำหน้าเฉยพลางยักคิ้วกวนๆ ใส่ แต่ยังไม่กล้าหันมามองหน้าธามอยู่ดี
“ตอนนี้คงต้องเริ่มจากนายมีความคิดยังไงก็พูดออกมาให้หมด ฉันจะได้ตัดสินใจเรื่องเส้นทางได้ถูก”
“อีกยี่สิบไมล์ องค์หญิงจะผ่านอีกสองหมู่บ้าน ก่อนถึงโรงพยาบาลที่ชายแดน พระเชษฐาขององค์หญิงเป็นหมออยู่ที่นั่น”
ซาเมราฟังแล้วคิดตาม เธอจะขอความช่วยเหลือจากพี่ชาฮานได้ถ้าเดินทางไปถึงที่นั่น แต่พวกกบฏจะไม่ไปดักรอระหว่างทางหรอกหรือ
“แล้วถ้าไม่ไปทางนั้นล่ะ นายมีทางเลือกให้ฉันอีกไหม เส้นนี้นายจะเหนื่อยเป็นสองเท่านอกจากดูแลชีวิตตัวเอง แล้วยังต้องดูแลชีวิตของฉันด้วย พวกกบฏคงเดาแผนนี้ได้เหมือนกัน”
สายตาของธามินอ่อนโยนลง ซาเมราไม่ได้คิดถึงแค่ตัวเองแต่ยังคิดถึงเขาด้วย “อีกเจ็ดสิบไมล์จะไปถึงแผ่นดินใหญ่และสิบห้าไมล์ต่อจากนั้นจะไปถึงวังฝ่ายในขององค์หญิงครับ ผมคิดว่าระยะทางขนาดนั้นต่อให้ผู้ชายที่แข็งแรงที่สุดก็เดินไม่ไหวหรอกครับ”
หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจถ้าเดินเท้ากันไปอีกกี่วันจะถึงแผ่นดินใหญ่ละนั่น หนทางที่ธามให้เธอเลือกสุดท้ายก็เหลือแค่ทางเดียวเท่านั้น
“จริงๆ แล้วนายอยากไปชายแดนมากกว่าใช่ไหมล่ะ เผื่อว่าจะพบที่กบดานของพวกกบฏ ฉันเดาถูกใช่ไหม”
ธามินยิ้มออกมาเมื่อถูกรู้ทัน “ใช่ครับ ผมอยากไปชายแดน แต่ก็เป็นห่วงองค์หญิงด้วย”
ซาเมราหันมามองคนบอกว่าห่วงทำให้คำพูดร้ายๆ แกมรู้ทันเลยชะงักอยู่แค่ปลายลิ้น ครั้นจะหันหน้าหนีก็ไม่อยากเสียฟอร์มอีก
“ถ้างั้นก็ไปชายแดนแล้วหาที่กบดานของพวกกบฏด้วยกัน ที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยได้ช่วยงานพี่ชายเท่าไหร่ หวังว่าการเสี่ยงครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า ตอนนี้ฉับกับนายมีเป้าหมายเดียวกันแล้วนะ”
ธามินค่อยโล่งอกเพราะคิดว่าซาเมราคงยืนกรานจะกลับวังให้มากกว่า แต่พวกกบฏคงรอลงมือที่หมู่บ้านสักแห่งซึ่งเป็นทางผ่านเพราะฉะนั้นเขาต้องหาวิธีรับมือเอาไว้ก่อน
“ก่อนเดินทางในคืนนี้องค์หญิงควรปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อความปลอดภัยครับ”
“ก็ได้ เรื่องแค่นี้สบายมาก แต่ฉันมีปัญหาบางอย่างที่นายอาจลืมไป” จริงๆ แล้วเธอเองก็เพิ่งคิดได้เมื่อครู่ตอนที่บอกว่าจะไปชายแดนนั่นแหละ
“ปัญหาอะไรครับ”
“พอถึงหมู่บ้านจะหาที่พักได้ยังไงล่ะในเมื่อไม่มีเงินเลยสักเหรียญ นายพอจะบอกฉันได้ไหม”
ธามินหัวเราะออกมานึกว่าเรื่องอะไรใหญ่โตเสียอีก มือหนาควานเข้าไปในสาบเสื้อ ปมผ้าสะระบั่น และรองเท้าที่ใส่แล้วหยิบเงินออกมา แม้จะดูเหมือนน้อยในตอนแรกแต่พอมารวมๆ กันก็มีเงินมากพอสำหรับซื้ออาหารและดำรงชีวิตจนถึงชายแดน ซาเมราทึ่งไม่น้อยที่ธามรอบคอบมากถึงว่าไม่ได้ทุกข์ร้อนอย่างเธอเลย
“ฉันมีอีกคำถามที่อยากถามนาย อย่าเพิ่งบอกว่ารำคาญฉันนะ”
องครักษ์หนุ่มกอดอกรอฟังไม่อยากถอนใจให้ซาเมราค้อนใส่
“ที่บอกว่าฉันต้องปลอมเป็นผู้ชาย หมายความรวมถึงต้องตัดผมยาวๆ ของฉันหรือเปล่า”
เสียงหัวเราะนำมาก่อนคำตอบแม้จะถูกค้อนตาคว่ำ “ผมไม่ยุ่งกับผมสวยๆ ขององค์หญิงหรอกครับ ไม่อยากถูกสั่งประหาร”
ซาเมราถอนใจโล่งอก แต่ถ้าธามยืนกรานให้ตัดผมเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง เธอจะไม่ยอมได้อย่างไรต่อให้ผมสวยแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตคนหรอก เธอคิดในใจได้ แต่ไม่มีทางพูดออกไปเด็ดขาดเพราะไม่อยากให้เขาเปลี่ยนใจ

พระอาทิตย์คล้อยต่ำแสงแดดเริ่มราโรยพร้อมกับทะเลทรายร้อนระอุค่อยๆ อุ่นพอให้การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้งในเวลาเกือบห้าโมงเย็น เป้าหมายคือหมู่บ้านที่ห่างออกไปราวๆ ห้าไมล์ ซาเมราพันสะระบั่นปิดหน้าไว้อย่างมิดชิดจนเหลือเพียงดวงตาทั้งสองข้าง อีกทั้งเปลี่ยนมาใส่ชุดโตเบสีดำที่ธามได้มาจากรถของพวกกบฏ แม้แขนเสื้อและชายผ้าจะยาวไปมากจนทำให้เธอเหมือนตัวเล็กกระจ้อยร่อยก็ตาม
ของใช้ที่จำเป็นถูกรวมอยู่ในผ้าที่ผูกกันไว้เป็นเหมือนย่ามใบใหญ่ ซาเมราขอช่วยถือของเล็กๆ น้อยๆ อย่างกล้วยสองหวีซึ่งธามบอกว่าพรุ่งนี้จะเหลืองพอกินได้โดยที่ไม่ต้องเอาไปย่างและน้ำต้มสุกในถุงหนังสัตว์ที่เวลาดื่มจะได้กลิ่นสาบนิดๆ แต่เธอทนได้
ธามินกับซาเมราเดินกันมาจนถึงตีสามกระโจมชั่วคราวก็ถูกตั้งขึ้นโดยใช้ไม้กระถินที่ตัดมาค้ำยันพอหลับนอนได้ ผ้าที่เหลืออีกผืนถูกปูข้างกระโจมโดยมีร่างสูงนอนลงอย่างเหนื่อยล้าตรงนั้น
“นายธาม...” เสียงของซาเมรามาพร้อมกันลมเย็นๆ ที่ทำให้หนาวสั่น
“มีอะไรหรือครับองค์หญิง” น้ำเสียงธามินเหมือนคนใกล้หลับเต็มที
“ข้างนอกหนาวมากหรือเปล่า”
“อากาศก็หนาวเป็นปกตินั่นแหละครับ เหมือนคืนก่อนๆ”
ซาเมราลุกขึ้นมานั่งแล้วเงียบไป ธามินนอนฟังอย่างสงสัย เพียงครู่เดียวเท่านั้นคนถามก็โผล่หน้ามามองเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าเธอไม่ควรเอาเปรียบธามอย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้
“ในกระโจมที่นายตั้งก็กว้างดีนะ คงไม่เป็นไรถ้านายจะเข้ามานอนคนละฝั่งอย่างเงียบๆ แบบที่สุภาพบุรุษพึงให้เกียรติสุภาพสตรี”
ธามินลุกขึ้นแล้วเข้ามานอนในกระโจมด้วยความอยากลองใจซาเมรา หญิงสาวเขยิบไปนอนอีกฝั่งแล้วตะแคงหน้ามองมา มือข้างหนึ่งถือไม้ไว้เพื่อความอุ่นใจ จนกระทั่งหลับเพียงชั่วเวลาสั้นๆ จากความเหนื่อยล้า
คนแกล้งหลับไปก่อนหันมายิ้มกว้างเพราะความรู้สึกละมุ่นอุ่นเกิดขึ้นกลางใจ ธามินลุกขึ้นแล้วเดินเสียงเบากลับไปนอนนอกกระโจมดังเดิม แม้ความอุ่นในนี้จะยั่วใจแต่คงหลับตาลงไม่ได้ถ้าต้องนอนใกล้ซาเมรา

ธามินนอนมองแสงอาทิตย์แรกที่กำลังส่องลงมายังทะเลทรายกว้างใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเมื่อได้ยินเสียงฟ่อๆ อยู่ไม่ไกล พอเดินหาก็เห็นงูเง่าตัวใหญ่ขดตัวแผ่แม่เบี้ย ไม้ที่ซาเมรากอดแทนหมอนข้างกลายเป็นอาวุธของเขาทันใด เซเมรางัวเงียตื่นเมื่อธามคว้าไม้ออกไปจากกระโจม เธอมองตามอย่างสงสัยแล้วรีบตามไป
ซาเมราเห็นธามกำลังตวัดงูสีดำมะเมื่อมที่ใหญ่เท่าข้อมือให้ออกห่างจากกระโจม เธอถอยหลังกรูดแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากงูที่กำลังเลื้อยหนีไปตัวนั้น ธามินหันมาเห็นใบหน้าซีดเผือดของเธอเข้าพอดีเลยเดินมาหาแล้วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนอยากปลอบ
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะองค์หญิง เห็นไหมงูมันเลื้อยไปโน่นแล้ว”
ซาเมราได้แต่พยักหน้าพลางนั่งลงเพราะขาอ่อนเปลี้ย ธามินนั่งลงข้างๆ แล้วเทน้ำใส่แก้วอลูมิเนียมส่งน้ำมาให้ เธอมือสั่นจนเขาต้องจับมือไว้จนน้ำจ่อถึงปาก
“องค์หญิงแบมือสิครับ จะได้ล้างหน้าเสียเลย”
มือบอบบางแบออกแล้วล้างหน้าว่าง่ายอาจเพราะยังคงกลัวงูไม่หาย ตอนเด็กๆ ซาเมราเคยถูกงูกัด พี่ชายเป็นคนมาช่วยแล้วตีงูตัวนั้นจนตาย แต่ความทรงจำในวัยเด็กยังคงฝังใจมาจนถึงตอนนี้ บางทีความเย็นของน้ำคงทำให้ความกลัวหายไปได้เร็วขึ้นหรือไม่ก็เป็นเพราะสายตาห่วงใยของนายธาม เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“เดี๋ยวผมจะไปก่อไฟ เช้านี้องค์หญิงกินกล้วยต้มแล้วกันนะครับ”
ซาเมราพยักหน้าหงึกๆ มองธามใช้กิ่งไม้แห้งๆ ของกระถินที่เขามัดมาแล้วทำสายคล้องไว้บนหลังมาเป็นเชื้อเพลิง หลายวันที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าเขามีความชำนาญในการเดินทางกลางทะเลทราย เธอเสียอีกที่ด้อยประสบการณ์
ธามินทุกอย่างเสร็จอย่างรวดเร็ว ซาเมรากินกล้วยไปสามลูกถึงได้อิ่ม เขากินเท่ากันทั้งๆ ที่ตัวใหญ่กว่า กล้วยต้มที่เหลือถูกห่อเก็บไว้ในห่อผ้าสำหรับมื้อกลางวัน เธอช่วยเขาเก็บกระโจมชั่วคราวด้วยความอยากทำมีเสียงหัวเราะเป็นระยะเมื่อเขาแกล้งสะบัดทรายใส่ทำให้แก้มซีดเซียวกลับมาซับสีเลือดอีกครั้งก่อนจะเริ่มเดินทาง

ทหารเริ่มกลับมายังเครื่องบินเล็กและรถยนต์เพื่อเดินทางกลับตามคำสั่งของมาลิคที่คิดว่าหมู่บ้าน M1 และรัศมีสามสิบไมล์ไม่มีเบาะแสให้ตามอีกแล้ว เป็นเรื่องที่ผิดคาดสำหรับเขาทั้งที่คิดว่าธามินน่าจะทิ้งร่องรอยไว้แต่คราวนี้กลับไม่พบอะไรเลย
มาลิคเดินไปที่เครื่องบินเล็กคิดว่าก่อนกลับจะบินวนไปยังโอเอซิสที่ใกล้ที่สุดเผื่อจะพบร่องรอยอะไรบ้าง เขาขึ้นมานั่งบนเครื่องพลางมองไปที่หน้าต่างก็เห็นทหารคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาหาราวกับมีเรื่องสำคัญบางอย่าง มีเสียงพูดคุยเบาๆ ก่อนที่ทหารนายนั้นจะได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้ามาเพื่อมอบของบางอย่างให้มาลิค
“ผมพบกระดาษแผนที่ในห้องที่ราชองครักษ์ธามินมาเช่าไว้ครับท่านราชองครักษ์มาลิค”
มาลิครับกระดาษแผนที่มาคลี่ออกแล้วพลิกดูทั้งด้านและด้านหลัง เขาเห็นรูปวาดของใครสักคนที่มีรอยสักดาวสามแฉกที่ข้อมือซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพวกกบฏแล้วเมื่อรวมกับจุดต่างๆ ที่ธามินมาร์คไว้บนแผนที่ทำให้เขาเริ่มเข้าใจ
มาลิคยิ้มออกเป็นครั้งแรกเมื่อเห็นเส้นทางที่ธามินเดินทางมาก่อนที่จะหายตัวไปพร้อมกับองค์หญิงซาเมรา ถ้ากบฏมุ่งหน้ามาทางนี้แล้วตรงไปเรื่อยๆ ย่อมถึงชายแดนที่เครื่องบินทหารพบกองกำลังลึกลับ แผนการเดินทางที่เขาคิดไว้ถูกเปลี่ยนทันที ทหารทั้งหมดถูกสั่งให้มารวมตัวกันเพื่อฟังคำสั่งใหม่จากมาลิค

เซเมรารู้สึกว่าเท้าพองจนเดินแล้วเจ็บแต่ยังอดทนเดินต่อไปเพราะไม่อยากเป็นภาระของธาม เหงื่อไหลซึมจนสะระบั่นเปียกชื้นเช่นเดียวกับโตเบสีดำที่เธอใส่ แม้จะมีข้อดีเพราะทำให้เย็นสบายอยู่ข้างใน แต่มันวูบวาบชอบกลเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว แม้ลมจะพัดผ่านมาบ้าง แต่ไม่ช่วยให้สบายตัวเท่าไหร่นักเมื่อมันเป็นลมร้อนๆ ราวกับถูกอบในตู้ซาวน่า
ธามินหันมามองซาเมราบ่อยครั้งด้วยรู้จากท่าทางว่าเธอเหนื่อยจนอยากจะหยุดพัก แต่เขายังให้พักไม่ได้เนื่องจากการอยู่ในที่โล่งแจ้งง่ายต่อการถูกพบตัวได้ง่าย
“อดทนหน่อยนะครับองค์หญิง ถ้าผ่านเนินทรายตรงนี้ไป อีกไมล์เดียวก็จะถึงหมู่บ้านแล้ว”
ซาเมราพยักหน้าพลางยกหลังมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อ “โอเค นายเดินนำไปก่อนก็ได้ ฉันเดินช้าทำให้นายเสียเวลา”
คนนำทางหันมายิ้มให้ในความอดทนของผู้ร่วมทาง แขนของธามินอ้อมไปด้านหลังร่างที่เดินโงนเงนไม่มั่นคงนักแล้วโอบไว้ ซาเมรามองการกระทำของธามอย่างสงสัยไม่ได้ระแวงอย่างที่แล้วมา
“ผมแค่อยากช่วยประคองให้องค์หญิงเดินได้สะดวกขึ้นเท่านั้นเองครับ”
ซาเมราเดินง่ายขึ้นและเหนื่อยในการก้าวขาน้อยลง แต่เพียงไม่นานดวงตาของเธอก็พร่า แต่พอสะบัดใบหน้าก็กลับมามองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น ธามินยื่นถุงน้ำที่เหลือไม่มากมาให้เธอจิบพอแก้กระหายแล้วเดินต่อไป เพียงครู่เดียวเท่านั้นซาเมราก็ยิ้มกว้างพลางชี้นิ้วออกไปด้วยความดีใจสุดขีด แต่พอวินาทีต่อมากลับถอนใจอย่างหงุดหงิด
“ฉันเห็นน้ำในสระใหญ่มากเลยล่ะธาม แต่มันคือภาพลวงตาใช่ไหม”
ธามินมองตามไปเห็นเพียงทะเลทรายที่มีละอองทรายปลิวเบาหวิวในอากาศ เขาควรพาองค์หญิงไปถึงหมู่บ้าน ก่อนที่พายุทะเลทรายจะมาในคืนนี้
“อย่าไปสนใจเลยครับ ริมฝีปากขององค์หญิงเริ่มแตกแล้ว ดื่มน้ำอีกสักนิดดีกว่า”
ซาเมราดื่มน้ำด้วยความเกรงใจเพราะธามแทบไม่ได้ดื่มเท่าไหร่เลย สะระบั่นที่เปียกชื้นถูกเขาคลายปมเพื่อที่จะสะบัดฝุ่นทรายออกแล้วพันกลับให้ เธอยิ้มให้เขาแทนคำขอบคุณในความใส่ใจแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
“ถ้าไม่มีนาย ฉันคงตายไปตั้งแต่ถูกจับตัวแล้ว กลับวังไปเมื่อไหร่ ฉันจะขอให้พี่ชายเลื่อนยศให้นายก็แล้วกันนะแล้วก็ซื้อบ้านให้หลังนึงเป็นการตอบแทน”
ธามินหัวเราะ “ผมมีบ้านอยู่แล้วนี่ครับ”
“ก็เผื่อนายแต่งงานไงล่ะ จะได้ไม่ต้องไปผ่อนให้เหนื่อย” คนใจดีค้อนใส่ ทำไมต้องให้เธออธิบายด้วยก็ไม่รู้ เขาไม่คิดจะสร้างฐานะให้ผู้หญิงที่มาด้วยกันเลยหรือไง
“มาที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ ถ้ายังอยู่บ้าน ผมคงถูกจับแต่งงาน คิดๆ แล้วมาตามล่าหากบฏแล้วก็ได้ช่วยองค์หญิงยังดีเสียกว่า”
ซาเมราขมวดคิ้วใส่ธามนี่เธอเข้าใจผิดเรื่องผู้หญิงที่มากับเขาในคืนนั้นไปเองน่ะสิ ว่าแต่เขาพูดจริงๆ หรือ
“ฉันไม่ได้เป็นภาระให้นายแน่ๆ นะ ที่ผ่านมาฉันไม่ได้ช่วยงานนายเท่าไหร่เลย”
“องค์หญิงไม่เป็นภาระสำหรับผมเลยครับ” ถ้าซาเมราเป็นเจ้าหญิงหยิบโหย่งเขาคงหนักใจ ที่ผ่านมาเธอแค่ระแวงจนน่าโมโหในบางครั้งเท่านั้น
เสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นจากคนที่แรงจะเดินยังแทบไม่มี ธามินหันมาพลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“จริงของนาย มาตามล่าหากบฏเสียดีกว่าถูกจับแต่งงาน ถ้าฉันยังอยู่ในวัง พี่ชายคงหว่านล้อมหรือไม่ก็วางแผนให้ฉันแต่งงานเหมือนกัน”
ธามินพยักหน้าพอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง “ชีคชามีลต้องหาสุภาพบุรุษที่ดีมาให้องค์หญิงเลือกอยู่แล้ว ทำไมองค์หญิงถึงไม่ชอบล่ะครับ เป้าหมายของผู้หญิงไม่ใช่การแต่งงานหรอกหรือ”
“ก็ฉันไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นนี่นา ถ้าต้องแต่งงานเพื่อให้บัลลังก์ของพี่ชายมั่นคง ฉันก็ยอมทำนะ แต่ขอเวลาอิสระได้ทำสิ่งที่อยากทำสักปีสองปีก่อน แล้วค่อยยอมแต่งงาน ถึงมันจะไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของฉันก็เถอะ”
ธามินเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้ซาเมราอยากมีอิสระก่อน พี่น้องคู่นี้จริงๆ แล้วก็น่าจะดื้อพอกัน คนพี่ยังไม่ยอมแต่งงานเพราะอยากทำงานก่อน แม้จะถูกกดดันจากเชื้อพระวงศ์ที่พยายามเสนอให้ลูกสาวตัวเองมาเป็นพระชายา
“ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมกับองค์หญิงรอดพ้นการจับคู่ ช่างน่าบังเอิญเสียจริง”
“นั่นสิ ฉันว่าพื้นมันโคลงเคลงจังล่ะ นายรู้สึกไหม ทะเลทรายเกิดแผ่นดินไหวได้หรือเปล่า” ซาเมราสะบัดหน้าหลายทีแล้วพื้นก็ยังสั่นไม่หาย แถมลมพัดโชยมาทีเดียวยังหนาวจนขนลุก
“พื้นไม่ได้โคลงเคลงสักหน่อย องค์หญิงกำลังจะเป็นลมต่างหากล่ะครับ”
ยังไม่ทันขาดคำร่างเพรียวที่โงนเงนก็เอนพับใส่ร่างหนา ธามินกระหวัดอุ้มซาเมรามาแนบอก คราวก่อนที่บอกว่าเธอว่าตัวหนักจริงๆ แล้วเขาหมดแรงมากกว่า เนินทรายอีกฝั่งชันทำให้พอจะมีเงาให้พัก เขารีบเดินไปที่นั่นพร้อมสัมภาระ น้ำที่เหลือน้อยนิดชโลมลงบนใบหน้าซีดเซียวของเธอซึ่งปลอดสะระบั่นออกแล้ว หญิงสาวสั่นสะท้านแต่เพียงไม่นานอ้อมแขนอบอุ่นก็กอดประคองไล่ความหนาวออกให้ด้วยความห่วงใย

แล้วจะมา up ต่อนะคะ

อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ต.ค. 2558, 09:41:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2558, 09:41:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 845





<< ตอนที่ 5 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account