ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง
ตอน: ตอนที่ 7 ครึ่งแรก
ตอนที่ 7
ธามินได้ที่หลบซ่อนเป็นโกดังเล็กๆ ซึ่งพ่อค้าสร้างไว้สำหรับเก็บของที่ต้องใช้ประจำอย่างพวกโครงเหล็กกับผ้าสำหรับขึ้นเป็นแผงขายของ วันนี้คงไม่มีตลาดทำให้หมู่บ้านเล็กๆ ที่เห็นเงียบกว่าที่คิด ซาเมรากลับมามีแรงเมื่อได้พักประกอบกับอากาศร้อนจากไปแล้วแทนที่ด้วยอากาศเย็นสบาย
ธามินเฝ้าสังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเสียงห้าวทุ้มของชายหลายคนออกมาจากที่พักแห่งหนึ่งแล้วเดินมายังคอกเก็บอูฐ เพียงครู่เดียวคนพวกนั้นก็เดินทางจากไปพร้อมอูฐสี่ตัว ธามินรู้สึกว่าลมพัดแรงพาละอองเม็ดทรายเข้ามาเป็นระยะและเริ่มกระชั้นขึ้นย่อมหมายถึงว่าเขาคงรอให้แน่ใจได้เพียงเท่านี้
สะระบั่นของซาเมราถูกพันปกปิดใบหน้าโดยที่ธามินช่วยผูกปมผ้าให้มัดตายเพื่อจะได้แน่ใจว่าหากใครกระชากก็ไม่หลุดมาโดยง่าย
“ถ้าเข้าไปในหมู่บ้านแล้วองค์หญิงต้องเป็นใบ้ แต่หูไม่ได้หนวกนะครับ ถ้าพูดออกมาต้องมีคนรู้แน่ๆ ว่าองค์หญิงไม่ใช่ผู้ชาย” ธามินย้ำอีกครั้ง
ซาเมราเผลอพยักหน้า ก่อนจะนึกได้ว่าใครเป็นนายกันแน่เลยค้อนใส่ธาม
“รับรองน่า ฉันไม่พลาดแน่นอน แล้วถ้ามีคนถามว่าฉันเป็นใคร นายจะบอกว่ายังไงดีล่ะ”
ธามินนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะไม่ทันคิดเรื่องนี้มาก่อน “พี่น้องกันน่ะสิครับ ถ้าเป็นอย่างอื่นคงถูกสั่งประหารอีก”
ซาเมราค้อนใส่ “นายคงคิดว่าฉันโหดเหี้ยมมากเลยใช่ไหม”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย” ธามินยิ้มให้ซาเมราอย่างเอาใจก่อนจะชี้ไปยังทางเล็กๆ ที่จะพาเข้าไปในหมู่บ้านได้ “รีบไปกันดีกว่าครับ ถ้าเข้าทางท้ายหมู่บ้านคงไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่”
ธามินเดินนำพลางยื่นแขนให้ซาเมราจับไว้จะได้ไม่ลื่นล้มจากพื้นที่แฉะเพราะใกล้คอกอูฐ บ้านหลังใหญ่ที่ยังเปิดไฟจากตะเกียงคือปลายทาง เขาบอกเธอว่าในทุกหมู่บ้านมักจะมีโรงแรมสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เช่าพักเพื่อเสริมการท่องเที่ยว
ซาเมราเห็นผู้ชายหลายคนนั่งคุยกันอยู่ข้างหน้าเลยเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นพวกกบฏอีก เธอลุ้นระทึกถอนใจเกือบจะโล่งอกเมื่อธามพาเดินผ่านผู้ชายตรงนั้นมาได้ อีกทั้งยังไม่มีใครเข้ามาล้อมจับหรือยิงเข็มยาสลบใส่ อีกไม่กี่ก้าวจะไปถึงที่หมายแล้ว พลันลมพัดแรงขึ้นจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิดตาป้องกันละอองทราย ธามินก้มหน้าลงกระซิบเสียงเบาใกล้ๆ
“พายุทะเลทรายกำลังมาต้องรีบแล้วองค์หญิง”
ซาเมราไม่สนใจพายุแค่อยากเข้าไปในโรงแรมให้ได้ก่อนมากกว่า นายธามยังคงเดินเงียบๆ ไม่สะทกสะท้าน ทั้งๆ ที่เธอรู้สึกได้ว่ามีคนจ้องมองอยู่ด้านหลัง
“หยุดนะโว้ยไอ้สองคนนั้นน่ะ แล้วหันมาช้าๆ”
“ทำยังไงดีล่ะธาม” ซาเมราถามเริ่มใจไม่ดีแล้ว
“หันหน้าไปก่อน องค์หญิงอย่าพูดอะไรเด็ดขาด ที่เหลือผมจัดการเอง” จากน้ำเสียงที่ได้ยินทำให้ธามินสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเจ้าคนที่ออกไปตามหาเขากับซาเมราเมื่อตอนเย็นนั่นเอง
ทั้งสองหันไปช้าๆ มองชายสองคนที่ยืนจังก้าอย่างไม่ไว้วางใจ ธามินสัมผัสปืนประจำกายเพื่อความแน่ใจว่าหากต้องสู้กันก็จะไม่เสียเปรียบ
แสงจากไฟฉายส่องหน้าของผู้มาเยือนยามวิกาล หนวดเคราครึ้มที่แก้มและคางทำให้เสมือนใบหน้าของธามินถูกอำพรางไว้ ในขณะที่ซาเมราก้มหน้างุดดูไม่มีพิษภัยอะไร
“พวกคุณกำลังจะไปไหน ถ้าจะไปโรงแรมนั้น มาโรงแรมทางนี้ดีกว่านะ ราคาถูกกว่าและมีแถมอาหารเช้าให้ด้วย”
ซาเมราลอบถอนใจ ที่แท้ก็พวกเรียกแขกเท่านั้นเอง ว่าแต่นายธามจะตัดสินใจยังไง ถ้าไม่ไปจะถูกสงสัยหรือเปล่า
“โรงแรมของพวกคุณอยู่ตรงไหน พอดีผมเห็นโรงแรมนั้นอยู่ใกล้ๆ เลยอยากไปถามหาห้องพักสักหน่อย น้องชายที่กำลังป่วยจะได้พัก มันเป็นโรคประหลาดเลยต้องพาไปโรงพยาบาลที่ชายแดนน่ะ”
สีหน้าของคนเรียกแขกชักไม่แน่ใจ พอเห็นซาเมราแกล้งทำตัวสั่นนิดๆ เลยปรึกษากันยกใหญ่
“ถ้างั้นก็ไปเถอะ ขอให้ไปหาหมอโดยไว”
ผู้มาเยือนยามวิกาลกลายเป็นหมดความน่าสนใจ ซาเมราถอนใจโล่งอก แต่เธอกลายเป็นโรคประหลาดเนี่ยนะ อีตามธามบ้า กล้าทำแบบนี้กับองค์หญิงได้ยังไง
ราวกับสายตาสะท้อนออกมาเป็นคำพูด ธามินก้มลงกระซิบเสียงเบา “อย่าโกรธผมเลยนะครับ ถ้าไม่อ้างไปแบบนั้นพวกมันคงตื๊อไม่เลิกแน่ๆ”
คราวนี้ซาเมราจะไม่รวมเข้าไปอยู่ในโทษที่ธามต้องรับก่อนจะได้รางวัลจากการทำความดีความชอบ ทั้งสองรีบเดินต่อไปยังโรงแรมที่หมายตา ธามรับหน้าที่ติดต่อขอเช่าห้องด้วยจำนวนเงินที่เหลือไม่มากทำให้เขาตัดสินใจเช่าแค่ห้องเดียวโดยไม่ปรึกษาซาเมราก่อน
ธามินเดินตามเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นชายชรา ใบหน้าตกกระ หนวดเคราถูกตัดอย่างเป็นระเบียบมายังห้องพักชั้นสองเพื่อเปิดประตูให้ ซาเมราถูกดุนหลังให้เข้าไปก่อน เขารับกุญแจก่อนจะตามเข้ามาแล้วรีบสำรวจห้อง แต่กลับไม่พบโทรศัพท์ภายในสักเครื่อง ให้หลังไม่กี่นาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาหันมาบอกให้เธอนอนลงแล้วหันหลังไว้
พอเปิดประตูธามินเห็นพนักงานของโรงแรมยกอาหารมาให้ตามคำสั่ง เขารับถาดอาหารมาแล้วปิดประตูล็อคและลงกลอนแน่นหนา ซาเมราเห็นอาหารที่ดูเป็นอาหารจริงๆ นับตั้งแต่ถูกลักพาตัวมาก็แทบถลาเข้าใส่ อาหารจากโรงแรมเป็นของทำง่ายๆ อย่างกาบับกับแกงข้นๆ กินกับแผ่นแป้งที่น่าจะทอดมาตั้งแต่ตอนเย็นถึงได้เหนียวหนึบ เวลากินทีหัวสั่นหัวคลอน แต่เพราะความหิว ตอนนี้ถ้าก้อนหินกินได้ ซาเมราก็ไม่ยอมพลาด
“เดี๋ยวองค์หญิงไปอาบน้ำก่อนนะครับ ผมจะไปเฝ้าอยู่นอกห้อง ตอนนี้คงยังไว้ใจใครไม่ได้”
ธามินมีบทเรียนราคาแพงจากเหตุการณ์คราวก่อนที่เขาถูกลอบยิงด้วยปืนยาสลบทำให้ต้องระวังความปลอดภัยของซาเมราทุกฝีก้าว
“แล้วฉันจะโทรศัพท์ไปหาพี่ชายได้ตอนไหนน่ะธาม” ยิ่งตอนนี้เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้วด้วยน่าจะปลอดคน
“สักเที่ยงคืน ผมจะลงไปลอบใช้โทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ในห้องล่างครับ”
ซาเมราพยักหน้าก่อนเข้าห้องน้ำไป เธอได้สระผมด้วยแชมพูและล้างคราบเหงื่อด้วยครีมอาบน้ำ แม้ว่าน้ำจะไหลเหมือนไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เสื้อผ้ายังไม่มีเปลี่ยนเธอจึงต้องใส่ชุดเดิมไปก่อน แต่พวกชุดชั้นในก็ต้องซักตากไว้หลังผ้าขนหนู หวังว่านายธามคงไม่สงสัยแล้วเปิดดูให้เธออายจนทำหน้าไม่ถูก
ซาเมราออกมาห้องน้ำหลังจากผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง เธอเดินเร็วๆ ผ่านธามไปนั่งที่เตียงแล้วดึงผ้ามาห่มจนถึงคอทั้งที่อากาศเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว พอธามินเข้าไปใช้ห้องน้ำบ้างเธอค่อยถอนใจโล่งอกนั่งฟังเสียงน้ำไหลเบาๆ ผสมเสียงสวบสาบยามธามใส่เสื้อผ้า ภาพเขาที่สระน้ำวาบขึ้นมาในสมองของซาเมราทั้งที่คิดว่าลืมไปได้แล้วเชียว
ธามินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าเป็นปกติและไม่ได้พูดอะไรให้ซาเมราอยากมุดที่นอน เขาเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าห่มกับหมอนมาวางที่พรมข้างเตียง
“เดี๋ยวผมออกไปสำรวจใกล้ๆ บริเวณโรงแรม เผื่อพบทหารของทางการแถวนี้บ้างจะได้ส่งข่าวเรื่องขององค์หญิงเสียเลย”
“ฉันไปด้วยคนสิ” ซาเมราลุกขึ้นจากเตียงพอนึกได้ก็นอนลงไปแล้วห่มผ้า
“องค์หญิงอยู่ในห้องดีกว่าครับ” ปืนของเธอวางให้บนที่นอน “ผมให้องค์หญิงเอาไว้ป้องกันตัวเผื่อมามีใครเข้ามา”
ซาเมรามองปืนอย่างชั่งใจถึงอยากตามไปแค่ไหนก็คงไม่สะดวก ธามินเบาใจเมื่อเห็นเธอหยิบปืนมาตรวจกระสุนอย่างชำนาญ
“ถ้าผมกลับมาจะเคาะประตูครั้งเดียว ผิดไปจากนี้ องค์หญิงต้องรีบหาที่ซ่อน ถ้าจวนตัวยิงทิ้งให้หมด”
“ทำไมต้องครั้งเดียว เป็นรหัสลับหรือไง” ซาเมราแค่สงสัยว่าจำนวนครั้งต่างกันหมายถึงอะไร
“จำไว้นะผมจะบอกครั้งเดียว เคาะหนึ่งครั้ง ทุกอย่างเรียบร้อย สองครั้ง ไม่น่าไว้วางใจ สามครั้ง ต้องระวัง ถ้าสี่ครั้ง แสดงว่าอันตรายมากต้องการให้มาช่วยทันที”
ซาเมราพยักหน้าเข้าใจและจดจำพลางเอาปืนมาวางไว้ใต้หมอน ธามเดินไปที่ประตูแล้วล็อคให้ หญิงสาวเดินไปใส่กลอนเพื่อความอุ่นใจแล้วจดจ่อรอเขากลับมา
ความมืดช่วยให้ธามินเร้นกายได้ในขณะที่เดินเบากริบไปยังด้านหน้าของหมู่บ้าน ร้านรวงต่างๆ ยังเปิดอยู่บ้างเพื่อต้อนรับลูกค้าขาจร ส่วนบ้านที่รายล้อมไร้ซึ่งความเคลื่อนไว ปกติแล้วหลังจากสองทุ่มไปชาวทะเลทรายที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจะเข้านอน ในขณะที่นักเดินทางจะใช้เวลานี้เองเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์จัดจ้าในเวลากลางวัน
ธามินเดินย้อนหลับมากำลังตัดสินใจว่าจะไปทางไหนต่อก็พอเห็นใครบางคนกำลังเดินเร็วๆ มา ด้วยความสงสัยว่าในยามดึกเช่นนี้มีกิจกรรมอันใดเขาจึงตามไป ชายคนนั้นเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีคนอื่นๆ ตามมาในเวลาใกล้เคียงกันหลังจากนั้นประตูบ้านปิดสนิท อีกทั้งยังมีคนยืนเฝ้าจนผิดสังเกตว่าน่าจะไม่ใช่การมาสังสรรค์ธรรมดาๆ เสียแล้ว
ธามินอ้อมไปด้านหลังตามแสงไฟจากห้องที่กำลังถูกใช้งานแล้วเหยียบมานั่งขึ้นไปมองสิ่งต่างๆ ผ่านบานกระจกสีชาที่เปิดรับลมในยามค่ำคืน เขาได้ยินเสียงสนทนาเบาๆ ที่พอจะจับใจความได้
“ถ้าองค์หญิงปลอดภัยแล้วและเดินทางไปถึงชายแดนแล้วทำไมไม่มีใครเจอตัวเลยล่ะ”
“เมื่อวานมีเครื่องบินประจำพระองค์บินผ่านหมู่บ้านไปจริงๆ นะ”
ธามินฟังแล้วคิดตามถึงได้รู้ว่ามีใครบางคนวางแผนลวงให้พวกกบฏเข้าใจผิดว่าองค์หญิงถูกช่วยไว้ได้แล้ว พวกกบฏถึงได้มาประชุมกันในคืนนี้อย่างไรล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ผิดปกติแล้วล่ะ รอดูจนถึงพรุ่งนี้ก่อน ถ้าองค์หญิงกลับวังเมื่อไหร่สายที่นั่นก็ต้องรายงานมา”
“ถ้าแผนลักพาตัวองค์หญิงพลาดจริงๆ ล่ะ แผนต่อไปคืออะไร”
ธามินเลื่อนใบหน้าขึ้นไปด้วยความอยากหน้าพวกมันเพื่อที่จะได้ระวังไว้ ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ซ้ายสุดทำให้เขาขมวดคิ้วเพราะเคยเห็นที่ร้านในบาซาก่อนถึงหมู่บ้าน M1 มาก่อน
“ต้องรอคำสั่งจากคูเซย์ ตอนนี้ก็จับตาดูนักเดินทางหญิงชายเอาไว้ ใครน่าสงสัยจับตัวมาก่อน”
ใบหน้าของธามินเลื่อนลงเมื่อเห็นคนที่เฝ้าประตูกำลังเดินมาทางนี้ เขาเดินลัดเลาะมาอีกด้านแล้วรีบออกไปจากบริเวณบ้านที่กลายเป็นที่พบกันของพวกกบฏ พอกลับมาถึงโรงแรมธามินเห็นเจ้าของโรงแรมยังคงนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์กับชายอีกสองคน เขาจึงไม่มีทางเลือกในเวลานี้นอกจากกลับห้องไปก่อน
เสียงเคาะประตูหนักๆ เพียงครั้งเดียวตามที่ตกลงกันไว้ทำให้ซาเมราสะดุ้งตื่น เธอรีบลงจากเตียงไปส่องตาแมวรูเล็กๆ ก่อนเปิดประตูให้ธามแล้วกลับมานั่งห่มผ้าถึงคอดังเดิม ธามินรีบเข้ามาในห้องแล้วเดินไปปิดม่านแม้ว่าห้องจะมืดอยู่แล้วก็ตาม เขามองทางเดินหน้าโรงแรมจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่นอนจึงเดินมากลับแล้วนั่งลงข้างเตียง ซาเมราสงสัยท่าที่ของเขาจึงกระซิบถามเสียงเบา
“ทำไมทำเหมือนมีใครตามมา นายไปเจออะไรมาเล่าให้ฉันฟังบ้างสิ”
“แค่ระวังไว้เท่านั้นเองครับ ตอนออกไปผมเจอพวกกบฏน่ะเลยตามไปจนรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังใช้ชื่อว่าคูเซย์ องค์หญิงลองนึกดูหน่อยสิครับว่ามีเชื้อพระวงศ์คนไหนใช้ชื่อย่อว่าคูเซย์บ้างไหมหรือชื่อที่เรียกกันในกลุ่มก็ได้”
ซาเมรารู้สึกเวียนหัวจนนิ่วหน้า “ขอเวลาฉันคิดก่อนนะ”
“องค์หญิงเป็นอะไรครับหรือว่าไม่สบาย” ธามินยื่นหลังมือออกไป “ขออภัยนะครับ ผมแค่จะวัดไข้”
หลังมือใหญ่ทาบลงที่หน้าผากมนแล้วชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์เหมือนกันแต่ทำแบบนี้ก็ไม่เหมาะควรนัก
“ฉันแค่เวียนหัวน่ะนอนพักสักคืนคงหาย”
“องค์หญิงนอนพักก่อน เดี๋ยวผมกลับมา”
ยังไม่ทันเอ่ยปากห้ามธามก็เปิดประตูออกไปจากห้องแล้ว ซาเมราคว้าปืนมาจับไว้เพื่อความอุ่นใจอีกครั้ง ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำเขาก็กลับเข้ามาโดยไขกุญแจที่ติดมือไปเพราะไม่อยากรบกวนคนไม่สบาย
“ได้ยามาแล้วครับ องค์หญิงตื่นก่อน”
ซาเมราลุกขึ้นแล้วรับยาจากธามมาถือไว้เฉยๆ ทำหน้าเหมือนไม่อยากกินเลยถูกมือใหญ่บีบคางให้อ้าปาก ยาถูกยัดเยียดใส่ปากเช่นเดียวกับน้ำ แถมคางยังถูกจับแหงนขึ้นจนเธอต้องกลืนยาและน้ำลงไปอย่างจำยอม ทำไมเขาถึงทำป่าเถื่อนกับองค์หญิงแบบนี้เนี่ย
“ทำอะไรของนายน่ะ ฉันเจ็บนะ”
ธามเดินไปที่พรมข้างเตียงซึ่งมีหมอนกับผ้าห่มแล้วนอนลงโดยไม่เอ่ยคำขอโทษหรือคำขอชีวิต ซาเมราเม้มปากอยากโวยวายให้ดังลั่นแม้จะรู้ว่าไม่ควรทำ
“นอนเอาแรงเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้พร้อมเดินทางไม่ดีกว่าหรือครับองค์หญิง ที่ผมทำไปก็เพราะหวังดีไม่ได้คิดร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว”
ก็น่าจะบอกดีๆ สิ ซาเมราบ่นอยู่ในใจก่อนจะนอนลงบ้าง “แล้วเรื่องโทรศัพท์ล่ะ นายลืมไปแล้วหรือเปล่า”
“หลับได้แล้วครับ เรื่องที่เหลือผมจะจัดการเอง”
เซเมราหลับตาลงเพียงไม่นานก็หลับสนิท ธามินละเง้อมองแล้วยิ้มในความดื้อของเธอ
แล้วจะมา up ต่ะนะคะ
อัมราน_บรรพตี
ธามินได้ที่หลบซ่อนเป็นโกดังเล็กๆ ซึ่งพ่อค้าสร้างไว้สำหรับเก็บของที่ต้องใช้ประจำอย่างพวกโครงเหล็กกับผ้าสำหรับขึ้นเป็นแผงขายของ วันนี้คงไม่มีตลาดทำให้หมู่บ้านเล็กๆ ที่เห็นเงียบกว่าที่คิด ซาเมรากลับมามีแรงเมื่อได้พักประกอบกับอากาศร้อนจากไปแล้วแทนที่ด้วยอากาศเย็นสบาย
ธามินเฝ้าสังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเสียงห้าวทุ้มของชายหลายคนออกมาจากที่พักแห่งหนึ่งแล้วเดินมายังคอกเก็บอูฐ เพียงครู่เดียวคนพวกนั้นก็เดินทางจากไปพร้อมอูฐสี่ตัว ธามินรู้สึกว่าลมพัดแรงพาละอองเม็ดทรายเข้ามาเป็นระยะและเริ่มกระชั้นขึ้นย่อมหมายถึงว่าเขาคงรอให้แน่ใจได้เพียงเท่านี้
สะระบั่นของซาเมราถูกพันปกปิดใบหน้าโดยที่ธามินช่วยผูกปมผ้าให้มัดตายเพื่อจะได้แน่ใจว่าหากใครกระชากก็ไม่หลุดมาโดยง่าย
“ถ้าเข้าไปในหมู่บ้านแล้วองค์หญิงต้องเป็นใบ้ แต่หูไม่ได้หนวกนะครับ ถ้าพูดออกมาต้องมีคนรู้แน่ๆ ว่าองค์หญิงไม่ใช่ผู้ชาย” ธามินย้ำอีกครั้ง
ซาเมราเผลอพยักหน้า ก่อนจะนึกได้ว่าใครเป็นนายกันแน่เลยค้อนใส่ธาม
“รับรองน่า ฉันไม่พลาดแน่นอน แล้วถ้ามีคนถามว่าฉันเป็นใคร นายจะบอกว่ายังไงดีล่ะ”
ธามินนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะไม่ทันคิดเรื่องนี้มาก่อน “พี่น้องกันน่ะสิครับ ถ้าเป็นอย่างอื่นคงถูกสั่งประหารอีก”
ซาเมราค้อนใส่ “นายคงคิดว่าฉันโหดเหี้ยมมากเลยใช่ไหม”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย” ธามินยิ้มให้ซาเมราอย่างเอาใจก่อนจะชี้ไปยังทางเล็กๆ ที่จะพาเข้าไปในหมู่บ้านได้ “รีบไปกันดีกว่าครับ ถ้าเข้าทางท้ายหมู่บ้านคงไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่”
ธามินเดินนำพลางยื่นแขนให้ซาเมราจับไว้จะได้ไม่ลื่นล้มจากพื้นที่แฉะเพราะใกล้คอกอูฐ บ้านหลังใหญ่ที่ยังเปิดไฟจากตะเกียงคือปลายทาง เขาบอกเธอว่าในทุกหมู่บ้านมักจะมีโรงแรมสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เช่าพักเพื่อเสริมการท่องเที่ยว
ซาเมราเห็นผู้ชายหลายคนนั่งคุยกันอยู่ข้างหน้าเลยเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นพวกกบฏอีก เธอลุ้นระทึกถอนใจเกือบจะโล่งอกเมื่อธามพาเดินผ่านผู้ชายตรงนั้นมาได้ อีกทั้งยังไม่มีใครเข้ามาล้อมจับหรือยิงเข็มยาสลบใส่ อีกไม่กี่ก้าวจะไปถึงที่หมายแล้ว พลันลมพัดแรงขึ้นจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิดตาป้องกันละอองทราย ธามินก้มหน้าลงกระซิบเสียงเบาใกล้ๆ
“พายุทะเลทรายกำลังมาต้องรีบแล้วองค์หญิง”
ซาเมราไม่สนใจพายุแค่อยากเข้าไปในโรงแรมให้ได้ก่อนมากกว่า นายธามยังคงเดินเงียบๆ ไม่สะทกสะท้าน ทั้งๆ ที่เธอรู้สึกได้ว่ามีคนจ้องมองอยู่ด้านหลัง
“หยุดนะโว้ยไอ้สองคนนั้นน่ะ แล้วหันมาช้าๆ”
“ทำยังไงดีล่ะธาม” ซาเมราถามเริ่มใจไม่ดีแล้ว
“หันหน้าไปก่อน องค์หญิงอย่าพูดอะไรเด็ดขาด ที่เหลือผมจัดการเอง” จากน้ำเสียงที่ได้ยินทำให้ธามินสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเจ้าคนที่ออกไปตามหาเขากับซาเมราเมื่อตอนเย็นนั่นเอง
ทั้งสองหันไปช้าๆ มองชายสองคนที่ยืนจังก้าอย่างไม่ไว้วางใจ ธามินสัมผัสปืนประจำกายเพื่อความแน่ใจว่าหากต้องสู้กันก็จะไม่เสียเปรียบ
แสงจากไฟฉายส่องหน้าของผู้มาเยือนยามวิกาล หนวดเคราครึ้มที่แก้มและคางทำให้เสมือนใบหน้าของธามินถูกอำพรางไว้ ในขณะที่ซาเมราก้มหน้างุดดูไม่มีพิษภัยอะไร
“พวกคุณกำลังจะไปไหน ถ้าจะไปโรงแรมนั้น มาโรงแรมทางนี้ดีกว่านะ ราคาถูกกว่าและมีแถมอาหารเช้าให้ด้วย”
ซาเมราลอบถอนใจ ที่แท้ก็พวกเรียกแขกเท่านั้นเอง ว่าแต่นายธามจะตัดสินใจยังไง ถ้าไม่ไปจะถูกสงสัยหรือเปล่า
“โรงแรมของพวกคุณอยู่ตรงไหน พอดีผมเห็นโรงแรมนั้นอยู่ใกล้ๆ เลยอยากไปถามหาห้องพักสักหน่อย น้องชายที่กำลังป่วยจะได้พัก มันเป็นโรคประหลาดเลยต้องพาไปโรงพยาบาลที่ชายแดนน่ะ”
สีหน้าของคนเรียกแขกชักไม่แน่ใจ พอเห็นซาเมราแกล้งทำตัวสั่นนิดๆ เลยปรึกษากันยกใหญ่
“ถ้างั้นก็ไปเถอะ ขอให้ไปหาหมอโดยไว”
ผู้มาเยือนยามวิกาลกลายเป็นหมดความน่าสนใจ ซาเมราถอนใจโล่งอก แต่เธอกลายเป็นโรคประหลาดเนี่ยนะ อีตามธามบ้า กล้าทำแบบนี้กับองค์หญิงได้ยังไง
ราวกับสายตาสะท้อนออกมาเป็นคำพูด ธามินก้มลงกระซิบเสียงเบา “อย่าโกรธผมเลยนะครับ ถ้าไม่อ้างไปแบบนั้นพวกมันคงตื๊อไม่เลิกแน่ๆ”
คราวนี้ซาเมราจะไม่รวมเข้าไปอยู่ในโทษที่ธามต้องรับก่อนจะได้รางวัลจากการทำความดีความชอบ ทั้งสองรีบเดินต่อไปยังโรงแรมที่หมายตา ธามรับหน้าที่ติดต่อขอเช่าห้องด้วยจำนวนเงินที่เหลือไม่มากทำให้เขาตัดสินใจเช่าแค่ห้องเดียวโดยไม่ปรึกษาซาเมราก่อน
ธามินเดินตามเจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นชายชรา ใบหน้าตกกระ หนวดเคราถูกตัดอย่างเป็นระเบียบมายังห้องพักชั้นสองเพื่อเปิดประตูให้ ซาเมราถูกดุนหลังให้เข้าไปก่อน เขารับกุญแจก่อนจะตามเข้ามาแล้วรีบสำรวจห้อง แต่กลับไม่พบโทรศัพท์ภายในสักเครื่อง ให้หลังไม่กี่นาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาหันมาบอกให้เธอนอนลงแล้วหันหลังไว้
พอเปิดประตูธามินเห็นพนักงานของโรงแรมยกอาหารมาให้ตามคำสั่ง เขารับถาดอาหารมาแล้วปิดประตูล็อคและลงกลอนแน่นหนา ซาเมราเห็นอาหารที่ดูเป็นอาหารจริงๆ นับตั้งแต่ถูกลักพาตัวมาก็แทบถลาเข้าใส่ อาหารจากโรงแรมเป็นของทำง่ายๆ อย่างกาบับกับแกงข้นๆ กินกับแผ่นแป้งที่น่าจะทอดมาตั้งแต่ตอนเย็นถึงได้เหนียวหนึบ เวลากินทีหัวสั่นหัวคลอน แต่เพราะความหิว ตอนนี้ถ้าก้อนหินกินได้ ซาเมราก็ไม่ยอมพลาด
“เดี๋ยวองค์หญิงไปอาบน้ำก่อนนะครับ ผมจะไปเฝ้าอยู่นอกห้อง ตอนนี้คงยังไว้ใจใครไม่ได้”
ธามินมีบทเรียนราคาแพงจากเหตุการณ์คราวก่อนที่เขาถูกลอบยิงด้วยปืนยาสลบทำให้ต้องระวังความปลอดภัยของซาเมราทุกฝีก้าว
“แล้วฉันจะโทรศัพท์ไปหาพี่ชายได้ตอนไหนน่ะธาม” ยิ่งตอนนี้เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้วด้วยน่าจะปลอดคน
“สักเที่ยงคืน ผมจะลงไปลอบใช้โทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ในห้องล่างครับ”
ซาเมราพยักหน้าก่อนเข้าห้องน้ำไป เธอได้สระผมด้วยแชมพูและล้างคราบเหงื่อด้วยครีมอาบน้ำ แม้ว่าน้ำจะไหลเหมือนไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เสื้อผ้ายังไม่มีเปลี่ยนเธอจึงต้องใส่ชุดเดิมไปก่อน แต่พวกชุดชั้นในก็ต้องซักตากไว้หลังผ้าขนหนู หวังว่านายธามคงไม่สงสัยแล้วเปิดดูให้เธออายจนทำหน้าไม่ถูก
ซาเมราออกมาห้องน้ำหลังจากผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง เธอเดินเร็วๆ ผ่านธามไปนั่งที่เตียงแล้วดึงผ้ามาห่มจนถึงคอทั้งที่อากาศเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว พอธามินเข้าไปใช้ห้องน้ำบ้างเธอค่อยถอนใจโล่งอกนั่งฟังเสียงน้ำไหลเบาๆ ผสมเสียงสวบสาบยามธามใส่เสื้อผ้า ภาพเขาที่สระน้ำวาบขึ้นมาในสมองของซาเมราทั้งที่คิดว่าลืมไปได้แล้วเชียว
ธามินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าเป็นปกติและไม่ได้พูดอะไรให้ซาเมราอยากมุดที่นอน เขาเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าห่มกับหมอนมาวางที่พรมข้างเตียง
“เดี๋ยวผมออกไปสำรวจใกล้ๆ บริเวณโรงแรม เผื่อพบทหารของทางการแถวนี้บ้างจะได้ส่งข่าวเรื่องขององค์หญิงเสียเลย”
“ฉันไปด้วยคนสิ” ซาเมราลุกขึ้นจากเตียงพอนึกได้ก็นอนลงไปแล้วห่มผ้า
“องค์หญิงอยู่ในห้องดีกว่าครับ” ปืนของเธอวางให้บนที่นอน “ผมให้องค์หญิงเอาไว้ป้องกันตัวเผื่อมามีใครเข้ามา”
ซาเมรามองปืนอย่างชั่งใจถึงอยากตามไปแค่ไหนก็คงไม่สะดวก ธามินเบาใจเมื่อเห็นเธอหยิบปืนมาตรวจกระสุนอย่างชำนาญ
“ถ้าผมกลับมาจะเคาะประตูครั้งเดียว ผิดไปจากนี้ องค์หญิงต้องรีบหาที่ซ่อน ถ้าจวนตัวยิงทิ้งให้หมด”
“ทำไมต้องครั้งเดียว เป็นรหัสลับหรือไง” ซาเมราแค่สงสัยว่าจำนวนครั้งต่างกันหมายถึงอะไร
“จำไว้นะผมจะบอกครั้งเดียว เคาะหนึ่งครั้ง ทุกอย่างเรียบร้อย สองครั้ง ไม่น่าไว้วางใจ สามครั้ง ต้องระวัง ถ้าสี่ครั้ง แสดงว่าอันตรายมากต้องการให้มาช่วยทันที”
ซาเมราพยักหน้าเข้าใจและจดจำพลางเอาปืนมาวางไว้ใต้หมอน ธามเดินไปที่ประตูแล้วล็อคให้ หญิงสาวเดินไปใส่กลอนเพื่อความอุ่นใจแล้วจดจ่อรอเขากลับมา
ความมืดช่วยให้ธามินเร้นกายได้ในขณะที่เดินเบากริบไปยังด้านหน้าของหมู่บ้าน ร้านรวงต่างๆ ยังเปิดอยู่บ้างเพื่อต้อนรับลูกค้าขาจร ส่วนบ้านที่รายล้อมไร้ซึ่งความเคลื่อนไว ปกติแล้วหลังจากสองทุ่มไปชาวทะเลทรายที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจะเข้านอน ในขณะที่นักเดินทางจะใช้เวลานี้เองเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์จัดจ้าในเวลากลางวัน
ธามินเดินย้อนหลับมากำลังตัดสินใจว่าจะไปทางไหนต่อก็พอเห็นใครบางคนกำลังเดินเร็วๆ มา ด้วยความสงสัยว่าในยามดึกเช่นนี้มีกิจกรรมอันใดเขาจึงตามไป ชายคนนั้นเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีคนอื่นๆ ตามมาในเวลาใกล้เคียงกันหลังจากนั้นประตูบ้านปิดสนิท อีกทั้งยังมีคนยืนเฝ้าจนผิดสังเกตว่าน่าจะไม่ใช่การมาสังสรรค์ธรรมดาๆ เสียแล้ว
ธามินอ้อมไปด้านหลังตามแสงไฟจากห้องที่กำลังถูกใช้งานแล้วเหยียบมานั่งขึ้นไปมองสิ่งต่างๆ ผ่านบานกระจกสีชาที่เปิดรับลมในยามค่ำคืน เขาได้ยินเสียงสนทนาเบาๆ ที่พอจะจับใจความได้
“ถ้าองค์หญิงปลอดภัยแล้วและเดินทางไปถึงชายแดนแล้วทำไมไม่มีใครเจอตัวเลยล่ะ”
“เมื่อวานมีเครื่องบินประจำพระองค์บินผ่านหมู่บ้านไปจริงๆ นะ”
ธามินฟังแล้วคิดตามถึงได้รู้ว่ามีใครบางคนวางแผนลวงให้พวกกบฏเข้าใจผิดว่าองค์หญิงถูกช่วยไว้ได้แล้ว พวกกบฏถึงได้มาประชุมกันในคืนนี้อย่างไรล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ผิดปกติแล้วล่ะ รอดูจนถึงพรุ่งนี้ก่อน ถ้าองค์หญิงกลับวังเมื่อไหร่สายที่นั่นก็ต้องรายงานมา”
“ถ้าแผนลักพาตัวองค์หญิงพลาดจริงๆ ล่ะ แผนต่อไปคืออะไร”
ธามินเลื่อนใบหน้าขึ้นไปด้วยความอยากหน้าพวกมันเพื่อที่จะได้ระวังไว้ ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ซ้ายสุดทำให้เขาขมวดคิ้วเพราะเคยเห็นที่ร้านในบาซาก่อนถึงหมู่บ้าน M1 มาก่อน
“ต้องรอคำสั่งจากคูเซย์ ตอนนี้ก็จับตาดูนักเดินทางหญิงชายเอาไว้ ใครน่าสงสัยจับตัวมาก่อน”
ใบหน้าของธามินเลื่อนลงเมื่อเห็นคนที่เฝ้าประตูกำลังเดินมาทางนี้ เขาเดินลัดเลาะมาอีกด้านแล้วรีบออกไปจากบริเวณบ้านที่กลายเป็นที่พบกันของพวกกบฏ พอกลับมาถึงโรงแรมธามินเห็นเจ้าของโรงแรมยังคงนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์กับชายอีกสองคน เขาจึงไม่มีทางเลือกในเวลานี้นอกจากกลับห้องไปก่อน
เสียงเคาะประตูหนักๆ เพียงครั้งเดียวตามที่ตกลงกันไว้ทำให้ซาเมราสะดุ้งตื่น เธอรีบลงจากเตียงไปส่องตาแมวรูเล็กๆ ก่อนเปิดประตูให้ธามแล้วกลับมานั่งห่มผ้าถึงคอดังเดิม ธามินรีบเข้ามาในห้องแล้วเดินไปปิดม่านแม้ว่าห้องจะมืดอยู่แล้วก็ตาม เขามองทางเดินหน้าโรงแรมจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่นอนจึงเดินมากลับแล้วนั่งลงข้างเตียง ซาเมราสงสัยท่าที่ของเขาจึงกระซิบถามเสียงเบา
“ทำไมทำเหมือนมีใครตามมา นายไปเจออะไรมาเล่าให้ฉันฟังบ้างสิ”
“แค่ระวังไว้เท่านั้นเองครับ ตอนออกไปผมเจอพวกกบฏน่ะเลยตามไปจนรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังใช้ชื่อว่าคูเซย์ องค์หญิงลองนึกดูหน่อยสิครับว่ามีเชื้อพระวงศ์คนไหนใช้ชื่อย่อว่าคูเซย์บ้างไหมหรือชื่อที่เรียกกันในกลุ่มก็ได้”
ซาเมรารู้สึกเวียนหัวจนนิ่วหน้า “ขอเวลาฉันคิดก่อนนะ”
“องค์หญิงเป็นอะไรครับหรือว่าไม่สบาย” ธามินยื่นหลังมือออกไป “ขออภัยนะครับ ผมแค่จะวัดไข้”
หลังมือใหญ่ทาบลงที่หน้าผากมนแล้วชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์เหมือนกันแต่ทำแบบนี้ก็ไม่เหมาะควรนัก
“ฉันแค่เวียนหัวน่ะนอนพักสักคืนคงหาย”
“องค์หญิงนอนพักก่อน เดี๋ยวผมกลับมา”
ยังไม่ทันเอ่ยปากห้ามธามก็เปิดประตูออกไปจากห้องแล้ว ซาเมราคว้าปืนมาจับไว้เพื่อความอุ่นใจอีกครั้ง ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำเขาก็กลับเข้ามาโดยไขกุญแจที่ติดมือไปเพราะไม่อยากรบกวนคนไม่สบาย
“ได้ยามาแล้วครับ องค์หญิงตื่นก่อน”
ซาเมราลุกขึ้นแล้วรับยาจากธามมาถือไว้เฉยๆ ทำหน้าเหมือนไม่อยากกินเลยถูกมือใหญ่บีบคางให้อ้าปาก ยาถูกยัดเยียดใส่ปากเช่นเดียวกับน้ำ แถมคางยังถูกจับแหงนขึ้นจนเธอต้องกลืนยาและน้ำลงไปอย่างจำยอม ทำไมเขาถึงทำป่าเถื่อนกับองค์หญิงแบบนี้เนี่ย
“ทำอะไรของนายน่ะ ฉันเจ็บนะ”
ธามเดินไปที่พรมข้างเตียงซึ่งมีหมอนกับผ้าห่มแล้วนอนลงโดยไม่เอ่ยคำขอโทษหรือคำขอชีวิต ซาเมราเม้มปากอยากโวยวายให้ดังลั่นแม้จะรู้ว่าไม่ควรทำ
“นอนเอาแรงเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้พร้อมเดินทางไม่ดีกว่าหรือครับองค์หญิง ที่ผมทำไปก็เพราะหวังดีไม่ได้คิดร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว”
ก็น่าจะบอกดีๆ สิ ซาเมราบ่นอยู่ในใจก่อนจะนอนลงบ้าง “แล้วเรื่องโทรศัพท์ล่ะ นายลืมไปแล้วหรือเปล่า”
“หลับได้แล้วครับ เรื่องที่เหลือผมจะจัดการเอง”
เซเมราหลับตาลงเพียงไม่นานก็หลับสนิท ธามินละเง้อมองแล้วยิ้มในความดื้อของเธอ
แล้วจะมา up ต่ะนะคะ
อัมราน_บรรพตี
บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2558, 09:47:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2558, 09:47:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 915
<< ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง | ตอนที่ 7 ครึ่งหลัง >> |