ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๓๐ .. หมดเวลา



พักตรามองเมฆพัดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แล้วก็บอกตัวเองได้เลยว่า ... เธอนึกชังนายคนนี้จนไม่อยากจะเห็นหน้า

ต่อให้ชายหนุ่มขอโทษขอโพยแค่ไหน มันก็ไม่สามารถชดเชยความปากกล้า ที่แสดงออกมาราวกับไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่อย่างเมื่อครู่ได้

"เภา ... แม่จะให้เวลา จัดการเรื่องพี่ ... ชายของเพื่อนเราให้เรียบร้อย ก่อนที่ตาดินจะมาก็แล้วกัน"

คำสั่งเฉียบขาดน้ำเสียงราบเรียบส่งต่อความเยียบเย็นมาถึงคนฟัง ฉายความรู้สึกชัดแจ้งมายังสองหนุ่มสาวให้เข้าใจทันทีว่า สตรีผู้มากวัยคนนี้มีอคติเกิดขึ้นในความคิดเสียแล้ว

เภตราเม้มปากพยายามไม่เอ่ยอะไรออกมาให้มารดาระคายใจอีก และจากคำพูดของพักตรา ทำให้หญิงสาวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า มัตติก์กำลังจะมาที่นี่ ... อย่างนั้นหรือ?

ทำไมเขาถึงไม่บอกเธอก่อนล่ะ ... ทั้งที่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังจากเธอและเขาได้ทำความรู้จักกันแล้วในวันนั้น

เมฆพัดยืนนิ่งเป็นหุ่นปั้นไม่มีบทบาทใด นอกจากรอการตัดสินใจจากเภตรา ว่าจะทำอย่างไรหลังจากนี้

ชายหนุ่มอดลุ้นไม่ได้ว่า ที่เธอเงียบไปอาจกำลังคิดหาวิธีที่นุ่มนวล และประนีประนอมที่สุด ... แต่ความคิดนั้นมาสะดุดลงเมื่อ คุณแม่ยายของเขา เอ่ยถึงบุคคลอื่นขึ้นมา

ความร้อนใจจึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี จุดความกังวลให้ทบทวีจนไม่อาจทนเงียบเฉยได้อีกต่อไป

"ใครกันเภา ..."

"ไม่ใช่เรื่องของคุณ ... แม่เข้าบ้านก่อนก็แล้วกัน ส่งแขกแล้วก็รีบเข้าข้างในล่ะ"

พักตราไม่ยอมแม้แต่จะชายตามองคนที่ลูกสาวเรียกอย่างคุ้นเคยว่า 'พี่พัด' ตลอดเวลาที่สั่งความสายตานั้นจับจ้องแต่เพียงใบหน้าของเภตรา ก่อนที่จะหันกลับก้าวฉับไวเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ทั้งสองคนได้แต่มองตามด้วยจิตใจที่สับสนและว้าวุ่นต่างกัน

"ทีนี้ ... พี่พัดพอจะเข้าใจเภาขึ้นมาบ้างหรือยังคะ"

หลังจากเห็นว่าพักตราเดินขึ้นบันได และเข้าไปในบ้านแล้ว เภตราจึงถามเมฆพัดทันทีทั้งที่ยังยืนมองมารดา ราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีมารดาจะออกมาตามเธออีก

"แล้วทำไม เภาไม่บอกคุณแม่ไปล่ะ ..."

"จะให้เภาบอกอะไรแม่ดีล่ะคะ ... จะให้บอกท่านว่า ลูกสาวคนเดียวของท่านไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง อย่างที่ท่านคิดอย่างนั้นเหรอ"

"โธ่ ... เภา คำพูดมีเป็นร้อยเป็นพัน ถ้าพูดไม่ได้ ... แล้วทำไมไม่ให้พี่พูดล่ะ"

เภตราตวัดสายตาเอาจริงเจือแววตัดพ้อให้เมฆพัดรู้ตัวว่า สิ่งที่เขาคิดและพูดออกมานั้น มันจะทำให้เธอลำบากใจแค่ไหน

"ถ้าพี่พัดอยากเห็นเภาถูกจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ แล้วแต่งงานกับคนอื่นวันนี้พรุ่งนี้ ... พี่พัดก็พูดไปเลย"

สิ่งที่เมฆพัดได้ยินล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดประชดประชัน มากกว่าการช่วยกันแก้ปัญหาหรือหาทางออกที่ดีที่สุด

ชายหนุ่มไม่เข้าใจผู้หญิงตรงหน้าเลย ... ผู้หญิงที่เขารู้อยู่เต็มอก ยอมรับอย่างเต็มใจให้เป็นภรรยาของเขา ... แล้วนี่เธอเป็นอะไรไป

"เภา ... เภาเปลี่ยนไปมากนะ รู้ตัวไหม ... พี่ไม่เคยเห็นเภาเป็นแบบนี้ หรือเรื่องคู่หมั้นคู่หมายอะไรนั่น ทำให้เมียพี่ ..."

"หยุดนะ ... หยุดพูดคำบ้าๆนั่นซะที"

หญิงสาวเผลอตัวตวาดเขา ก่อนจะสะกดอารมณ์เค้นคำห้ามปรามให้ได้ยินแค่สองคน แต่มันกลับไปกระตุ้นความขุ่นเคืองของอีกฝ่าย ให้เริ่มปะทุคุกรุ่น จนเอ่ยพาดพิงคนอื่นรวมถึงความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่ของพวกตน

"เห็นไหม ... เพราะไอ้นั่นใช่ไหม เภาถึงไม่ยอมรับว่าเรา ... ไปกันถึงไหนต่อไหนแล้ว"

"ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น ... ถ้าพี่พัดยังไม่ยอมเข้าใจ เภาก็ไม่มีอะไรจะคุยด้วย ... กลับไปเถอะค่ะ"

"ทำไม หรือว่า รอไอ้ดินอะไรนั่นอยู่ ... อ้อ มันกำลังจะมาสินะ ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องขออยู่ต่อ รอดูหน้าผู้ชายคนใหม่ของเมียพี่หน่อยแล้ว"

เมฆพัดแทบจะพ่นคำผรุสวาทออกมาตรงๆ หากยังยั้งไว้ได้บ้าง หากคำพูดแต่ละคำที่หลุดออกมาก็ไม่ได้รื่นหูคนฟังเลย

ชายหนุ่มปล่อยให้ความหึงหวงเข้าครอบงำ ไม่คิดจะไว้หน้าใครอีกต่อไปแล้ว ถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจจะข่มกลั้นมันไว้ได้อีกแล้ว

"จะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะคะ ... คุณเมฆพัด"

เภตราเหลืออดกับเมฆพัดจริงๆ ความอดทนอดกลั้นเริ่มถดถอย เธอไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่เธอรักจะกลายเป็นผู้ชายงี่เง่าไปได้ถึงเพียงนี้

หญิงสาวยังไม่พร้อมที่จะให้เขาได้พบกับมัตติก์ หากทุกอย่างยังไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

แผนการเพื่ออนาคต ... เพื่อจะได้อยู่กับผู้ชายที่ชื่อเมฆพัด

สุดท้าย มันจะต้องมาพังเพราะเมฆที่กำลังก่อตัวเป็นพายุ พัดพาให้ทุกอย่างมันวินาศสันตะโร ... เช่นนี้ล่ะหรือ !





มัตติก์ขับรถผ่านจุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน 'ตระการจิต' มุ่งหน้ามายังบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง แสดงฐานะของผู้อยู่อาศัยว่าเป็นอย่างไรได้ไม่ยาก

ที่ลงทุนมาวันนี้ เพราะทนฟังเสียงรบเร้าจากกัทลินไม่ไหว ยิ่งมารดารู้ว่า เขาเคยมาพบและทำความรู้จักกับผู้หญิงที่ท่านหมายตาจะได้มาเป็นสะใภ้ ก็จัดแจงเป็นตัวตั้งตัวตี นัดแนะกับทางเพื่อนรักที่ชื่อคุณพักตราทันที

มัตติก์ได้แต่หวังว่า เภตราจะไม่ว่าอะไร ที่เขาไม่ได้ติดต่อเธอมาก่อน ... เนื่องจากเขาต้องการตบตาบรรดาแม่ๆ ด้วยการเอาอกเอาใจและตามใจให้แนบเนียน

จู่ๆชายหนุ่มคิดถึงวันที่มาพบเภตรา ว่าที่คู่หมายครั้งแรก แล้วก็อดขบขันกับความคิดของตัวเองไม่ได้

หรือมันจะเป็นบุพเพอาละวาดฟาดงวงฟาดงา ... ทำให้เขาได้มาเจอยัยผู้หญิงไร้มารยาทที่ทะเลคนนั้น

" ... นี่ถ้าคุณกล้าได้รู้จักตัวจริงคุณเภา คงอดคิดไม่ได้เหมือนกัน ... หึหึ"

มัตติก์ละคำรำพึงกลั้วหัวเราะ เมื่อนึกไปถึงวันที่เขาได้มาพบพาหนะคันโตสีทะมึน ... มันคงเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออก ถ้าผู้ชายคนที่ขับรถมาเป็นทแกล้วจริงๆ

รถดอดจ์ของคนที่เขารัก จอดอยู่ในบ้านของว่าที่คู่หมายของตนเอง

และเรื่องมันคงจะเลวร้ายลงไปอีก ถ้ามัตติก์ไม่ใช้สติและเหตุผล อย่างน้อยการที่เขาติดต่อหาทแกล้ว และมาหาเภตราถึงที่ มันก็ทำให้อะไรๆกระจ่างชัดเจน

หลังจากวันนั้น เขาก็มีโอกาสได้ติดต่อพูดคุยกันอีกสองสามครั้ง ... เพื่อวางแผนอนาคตของกันและกัน

มัตติก์เผยรอยยิ้มออกมาได้ ... กับคำว่า อนาคต ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นหนทางสว่างสดใสสักนาที

การแต่งงานกับผู้หญิงสักคน คือ ความคาดหวังของครอบครัว

เป็นภาระที่แสนหนักอึ้งสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ที่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ... ต้องการมีชีวิตร่วมกับใคร

นับตั้งแต่ได้มาพบเภตรา ... ได้พูดคุยกับเธอ

มันทำให้มัตติก์รู้แล้วว่า ผู้หญิงคนนี้ เป็นคนเดียวที่เข้าใจและสามารถช่วยเขาได้ ในที่สุด

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ... ความสุขของเขาก็อยู่แค่เอื้อม

ชีวิตที่จะมีทแกล้วเข้ามาเติมเต็มได้ โดยไม่ต้องพะว้าพะวงกับอะไรอีกแล้ว






เมฆพัดยืนอึ้งนิ่งงัน เภตราเรียกเขาอย่างห่างเหินเหมือนวันนั้น ... วันที่ได้ใกล้ชิดกับเธอ แม้ว่าจะมีแอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือดบ้าง แต่มันไม่ได้มากมายจนทำให้ขาดสติ จนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี

แต่มันก็อาจเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เขากล้า ... กล้าที่จะปล่อยตัวเองไปกับหัวใจที่ไม่อาจหักห้ามได้อีกต่อไป


เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายคนหนึ่ง หลังจากถูกผู้หญิงที่คบหาบอกเลิก อาจจมจ่อมอยู่กับความโศกเศร้า แล้วใช้เครื่องดื่มช่วยกล่อมให้ลืมเลือนความทุกข์

แต่สำหรับเมฆพัดในยามนั้นกลับตรงกันข้าม ... ก็แค่การดื่มตามปกติ ไม่ใช่เกี่ยวเนื่องกับใคร หรืออะไรเลย นอกจากคิดทบทวนเรื่องราวไปเรื่อยเปื่อย ... เคล้าเสียงเพลงที่คลอมาให้เพลิดเพลิน

แม้ว่าชายหนุ่มจะคบหากับช่ออัญชันมาระยะหนึ่ง ทว่า ตลอดเวลาเขารู้ตัวเองดี ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับหญิงสาว มันแตกต่างกับความรู้สึกที่ยังคงอยู่

กับช่ออัญชัน ... คงจะเป็นเพราะเธอไม่ได้คบใคร นอกจากผู้ชายคนหนึ่ง ที่เธอบอกว่า เป็นเพื่อนสนิท

ความสัมพันธ์ของเขาและเธอ จึงก้ำกึ่งระหว่างเพื่อน กับคนที่ถูกชะตากันในวันที่ไม่มีใคร ... ก็เท่านั้น

เขาเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่ช่ออัญชันก็ช่วยปลดความคิดนี้ ด้วยคำพูดตรงไปตรงมาว่า เธอเองก็แค่ถูกใจเขา และไม่ได้ต้องการให้ใครมากำหนดว่า ชีวิตนี้ต้องเป็นอย่างไร

แล้วช่ออัญชัน ... ก็เลือกที่เป็นฝ่ายเดินออกจากชีวิตของเขาไป ... ด้วยดี

เมฆพัดพยายามเปิดใจ คบหาใครสักคน ... ซึ่งก็คงได้แค่นี้ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า จริงๆแล้วเขากำลังรอใคร

ใครคนนั้น ... ที่ทำให้ต้องยอมตัดใจ ยอมกระทั่งเฉือนความรู้สึกของตนทิ้ง ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าหา และบอกว่า 'รัก' เขา ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย

อนาคตของเด็กสาวคนนั้นต่างหาก ... ที่เขาเห็นว่าสำคัญกว่า ... กว่าความรู้สึกที่เจ้าตัวอาจจะยังไม่ถ่องแท้ ตามประสาวัยสาวแรกรุ่น

ขอเพียงได้ทราบข่าวคราวของเภตราบ้าง ... ได้เห็นความสำเร็จผ่านการบอกเล่าจากองก์อัมพุท น้องสาวของเขา

มันคงเป็นสิ่งเดียว ... จากความหวังดีอย่างจริงใจ ด้วยความรักที่มี หากไม่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม ... ซึ่งคนอย่างเขาคงจะทำให้เธอได้เพียงเท่านี้

กระทั่งคืนนั้น จู่ๆเภตราก็ปรากฏต่อหน้า ซึ่งเมฆพัดยืนยันกับตนเองเสมอมาว่า เขาไม่ได้เมา ...

ต่อให้เอาเหล้าที่ดื่มมาอาบ ... ให้อย่างไรคืนนั้นเขาก็ไม่มีทางเมาเหล้าแน่นอน !

จะเป็นความบังเอิญหรืออะไรก็ตามแต่ ... นาทีแห่งความรู้สึกที่คิดว่าสูญหาย ได้กลับคืนอีกครั้ง

เด็กสาวคนที่เคยบอกรักเขา กลับกลายเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์ น่ารักน่าใคร่ และน่าปรารถนาอย่างที่สุด

'พี่พัด ... พี่พัดคะ'

เสียงเรียกชื่อแสดงความคุ้นเคยอย่างวันวาน ทำให้เมฆพัดอยากลองใจเภตราสักนิด ... ว่าความรู้สึกเก่าๆจะยังหลงเหลือเป็นเยื่อใยผูกพันหรือไม่

'หืม ... ครับ'

'พี่พัด ... เภาเอง จำเภาได้ไหมคะ'

'เภา? ... เภาไหนครับ ... เราเคยรู้จักกัน?'

เมฆพัดตีมึนถามออกไป แอลกอฮอล์ที่กรอกเข้าปากไปแบบเพียวๆสองสามแก้ว ยังเล็กน้อยที่จะทำให้เขาเมาจริง อย่างมากก็แค่ ... เมาดิบ

ชายหนุ่มสังเกตได้ชัดว่า เภตรานิ่งไปอึดใจ ... หรือเขาจะเล่นแรงไป สำหรับการพบกันตามลำพังในรอบหลายปีที่ผ่านมา

'ช่างเถอะ ... เอาเป็นว่า ฉันรู้จักน้องสาวคุณก็แล้วกัน เลยรู้จักคุณด้วย แล้วมาเมาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ จะให้ตามพุดมั้ย'

'ใครอีก ... โอย ผมปวดหัว คุณมาถึงก็พูดๆๆ ... ผมรับไม่ทัน'

เขาจำต้องแสดงบทบาทคนเมาแทบประคองสติตัวเองไม่ได้ เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายจับได้ไล่ทัน ว่ากำลังโดนคนเมาดิบแกล้งถ่วงเวลา

เมฆพัดเห็นเภตราส่ายหน้าไปมา คงระอาพี่ชายของเพื่อนเต็มที แต่เขาสิ กลับนึกสนุกและอยากรู้ว่า เธอจะทำอย่างไรต่อไป

'เอาเถอะค่ะ ... ไม่พูดแล้ว คุณพักที่ไหน หรือถ้ากลับไม่ไหว ฉันจะเปิดห้องข้างบนให้ด่อนดีไหมคะ ท่าทางคุณคงไปไม่รอดแล้วล่ะ'

นั่น ... เขาขอตีขลุมเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่า เธอยังคงห่วงใย ใส่ใจเขาไม่เปลี่ยนแปลง ... ความรู้สึกดียังไม่ได้หายไปไหน เหมือนกัน

ถึงแม้ว่าเมฆพัดจะไม่ได้เมา แต่คำแทนตัวห่างเหินของเภตรา บวกกับเครื่องดื่มดีกรีร้อนแรง ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เขามีความคิดห่ามๆขึ้นมาได้ไม่น้อย ทั้งกิริยาอาการก็ดูจะเอื้อให้หญิงสาวที่พะว้าพะวงกับเขา ถึงกับมีปฏิกิริยาต่อคำพูดกรุ้มกริ่มยั่วแหย่

'ผมพักที่นี่ ... ว่าแต่ ผมชักสงสัย คุณมาห่วงผมทำไม ... หืม'

'อย่ามาคิดบ้าๆกับเภานะพี่พัด'

ชายหนุ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ทำไมเธอจึงดูโมโหนักกับคำล้อหยอกเอินของเขา หรือเป็นเพราะว่า ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวอยู่ภายใน มันสะท้อนผ่านสีหน้าและแววตาออกไปให้เธอเห็นชัดเจน

เขาต้องการเธอ!




เมฆพัดไม่เคยลืมคืนแรก ... คืนที่ความสัมพันธ์อันลึกลับซับซ้อนได้เริ่มต้น

ผิวเนื้อเรียบตึงแต่นุ่มนวลเนียนมือ กลิ่นกายหอมกรุ่นชวนให้หลงใหล เรือนร่างที่เขาได้สัมผัสแทบจะทุกตารางนิ้วยิ่งทำให้คลั่งไคล้ ... ทุกอย่างถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาทั้งหมด

เภตราอยู่ในอ้อมอกของเขาตลอดคืนนั้น ... ถ่ายทอดไออุ่นแก่กันจวบจนรุ่งสางวันใหม่

จากวันนั้นเมื่อ ๓ ปีก่อน จนถึงเมื่อกว่าเดือนก่อนที่ผ่านมา

ชายหนุ่มคิดว่า ตนเองได้ครอบครองแล้ว ... ทุกอณูของเธอ ทั้งร่างกาย และ ... หัวใจ

แต่มาวันนี้ ... เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า ที่ผ่านมาของกันและกัน มันเป็นความจริง หรือแค่ความฝันตื่นหนึ่ง ... ที่กำลังจะหมดเวลาในไม่ช้านี้

เสียงแตรรถนอกรั้วดังขึ้นปลุกภวังค์ของเมฆพัด ที่ดูเนิ่นนานราวกับเขายังอยู่ในเหตุการณ์ของเมื่อ ๓ ปีก่อน และดูเหมือนว่า อดีตที่เคยถูกทอดทิ้งค่อยคืบคลานมาหาอีกครั้ง

สิ่งที่แตกต่างและเปลี่ยนแปลงไป คือ ฉากสถานที่และบุคคล

จากโรงแรม ... มาเป็นบ้าน

จากช่ออัญชัน คนที่เขาไม่เคยรัก ... มาเป็น เภตรา ผู้หญิงที่เขารู้มานานแล้วว่า รักเธอ ... รักมาก จนคิดว่า ชีวิตนี้ไม่อาจขาดเธอได้

แล้วนี่เขาต้องทำอย่างไร ... ทำไมอะไรๆก็ไม่เป็นใจสักอย่างเดียว




เภตราเหลือบมองไปยังประตูรั้วหน้าบ้าน สลับกับเมฆพัดที่ยืนนิ่งไปเสียเฉยๆ ท่าทางเคร่งเครียดและครุ่นคิดของเขาทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรอีก

หลังจากเสียงแตรรถยนต์ดังไม่นาน คนที่ให้เวลาพวกเธอสะสางเรื่องส่วนตัว ก็เดินมาถึงจุดเดิมที่เกือบมีกรณีพิพาท

"อะไรกัน ... นี่คุณยังอยู่อีกหรือ"

พักตราถามไม่ไว้หน้าแม้จะรู้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทลูกสาว แต่สายตาคนเป็นแม่ ทำไมจะดูไม่ออก ... ในความสัมพันธ์ที่เกินกว่าควรจะเป็น

"เภา ... ไปเปิดประตูสิ ... น่าจะเป็นตาดินนั่นล่ะ ... คู่หมั้นมาถึงหน้าบ้านไม่รู้จักไปดูไปแล น่าตีจริงเชียวลูกสาวฉัน"

เภตราถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ได้เลยทีเดียว เมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาเอ่ยขึ้น ซึ่งเธอเดาได้ไม่ยากว่า คนพูดต้องการให้ทุกประโยค ทุกๆความหมาย ลอยไปถึงบุคคลที่สามที่ต่อให้ยืนตีหน้าเข้มอย่างไร เธอก็เห็นชัดเจนว่า มันเผือดสีถนัดตา

"คู่หมั้น! ... หมายความว่ายังไงเภา ... ไหนบอกแค่ว่าที่คู่หมาย ... บอกพี่สิเภา ที่คุณ ... ที่แม่เภาพูด มันไม่จริง"

"เอ๊ะ ... คุณ นี่มันเรื่องภายในครอบครัวฉันนะ ... ไม่เกี่ยวกับ 'คนอื่น'"

โทสะของพักตราเริ่มเดือดปุด ไม่คิดว่าชายหนุ่มท่าทางดิบเถื่อนจะกล้าสามหาวกล่าววาจาขู่เข็ญเช่นนี้ สตรีวัยกลางคนจึงได้เน้นย้ำสถานะให้คนที่เธอนึกชังได้รับรู้

หากแต่มีหรือที่คนอย่างเมฆพัดจะยินยอมพร้อมใจ รับคำที่มารดา ... แม่ยายของเขายัดเยียดความเป็น 'คนอื่น'ให้

ชายหนุ่มสาวเท้าก้าวมาใกล้ๆพักตรา สายตาคมกริบจ้องเธอไม่ลดละ ก่อนที่จะเดินผ่านร่างบางสูงเพียงบ่าของเขา ไปหาเภตราที่ยืนหน้าซีดด้วยความหวั่นใจ เกรงปัญหาใหญ่ที่จะตามมา

เมฆพัดมาหยุดยืนทั้งที่หันหลังให้มารดาของเภตรา เขาก้มลงนิดหนึ่งมองสบนัยน์ตาเปี่ยมเสน่ห์ ราวกับจะค้นลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเธอ และในที่สุดเขาก็ได้เห็น

นักวิจัยหนุ่มเดินอ้อมตัวเภตราแล้วโอบบ่าในลักษณะตระกองกอด หันหน้าไปทางพักตราที่ยืนมองตาค้างกับกิริยาจาบจ้วงล่วงเกิน แต่พอจะอ้าปากตวาด เธอก็ได้ยินเสียงกร้าวหนักแน่น ประกาศให้ทุกคนในที่นี้ได้รับรู้ทั่วกัน

"ผมจะไม่ยุ่งกับคุณแม่ หรือเกี่ยวข้องด้วยเลย ถ้าผมเป็น 'คนอื่น' จริง ... แต่เผอิญว่า ผู้หญิงคนนี้ ... ผู้หญิงที่ชื่อ เภตรา เป็นเมียผม ... ยังไงก็คงนับเป็น 'คนอื่น' ไม่ได้เสียแล้วล่ะครับ ... คุณแม่ยาย ..."

เมฆพัดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังสายตาแน่วแน่ สบตา ‘คุณแม่ยาย’ ที่จ้องเขม็งเหมือนกำลัง 'ช็อก' ไม่อยากจะเชื่อหูในสิ่งที่ได้ยิน โดยที่เขาเองก็ไม่ได้หลบหรือลอกแลกไปไหน

อึดใจต่อมา ชายหนุ่มเบนหน้าปรายสายตาช้าๆมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของร่างสมส่วน ซึ่งโอบไหล่บอบบางไม่ให้หนีไปไหนได้

ความสูงที่มากกว่าคนในวงแขน ทำให้เขาค่อยโน้มศีรษะก้มลงมาจนริมฝีปากแนบชิดใบหูของเภตรา แล้วกระซิบให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว

“หมดเวลาเล่นเกมแล้วล่ะเภา ... เพราะมันคงถึงเวลา ที่พี่จะต้องลงมือทำอะไรจริงจังเสียที”











**************************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ

คุณkaelek : ดูท่าพี่วิชชุ์ก็คงจะช่วยนายพี่พัดไม่ทันแล้วล่ะฮะ งานนี้ !! .. ขอบคุณคุณkaelek ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2558, 14:58:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2558, 14:58:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1015





<< บทที่ ๒๙ .. 'โอกาส' ใช่ว่ามีกันได้บ่อย   บทที่ ๓๑ .. ความเข้าใจ เชื่อใจ และไว้ใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account