พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: อาการออก
กุมาริกายิ้มหวานให้นัมแทบงทันทีที่พบหน้าแม้ว่าจะมีกุลธีร์ยืนทำหน้าตึงอยู่ใกล้ๆ แล้วหันไปยกมือไหว้นัมเยรินแทนการจับมือทักทาย
“สวัสดีค่ะประธานนัม”
“สวัสดีกัมมี่”นัมเยรินสวมกอด
พัคโบราก้มศีรษะทักทายอีกครั้งตามธรรมเนียมซึ่งล่ามสาวก็แสดงออกแบบเดียวกันก่อนจะหันไปสบตาคนรักและส่งยิ้มหวานให้จนดาราหนุ่มยิ้มกว้างออกมาและกำลังจะยื่นมือไปจับแต่หญิงสาวถูกดึงไปซะก่อนโดยฝีมือกุลธีร์
“เราไปนั่งทางนู้นกันดีกว่ายืนจะเมื่อยซะเปล่าๆ”กุลธีร์โอบไหล่หลานสาวไว้ อีกมือก็กุมมือคนรักเดินไปพร้อมกัน ปล่อยให้นัมแทบงยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่หนุ่มใหญ่ทำและหันไปมองขวางใส่นางแบบสาวที่เอาแต่หัวเราะเยาะ
“ไหนว่าโกรธกันเพราะฉันทำไมเดินจับมือกันไปทั่วไม่อายคนอื่นบ้างเลย” นัมแทบงแขวะพี่สาวตนเองโดยมีนางแบบสาวยืนขำอยู่ข้างๆ
“โอป้า...พาโบ นี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าท่านประธานกับเจ้าของนิตยสารนั่นเขากำลังเดทกันอยู่แน่ๆ” พัคโบรายิ้มเดินไปนั่งข้างผู้จัดการส่วนตัวของเธอกับดาราหนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารบนโต๊ะกันอยู่
##바보-พาโบ/บาโบ –คนโง่##
นัมแทบงเบิกตาเรียวกว้างขึ้นหันไปมองพี่สาวตนเองกำลังยิ้มหวานให้กุลธีร์ขณะตักอาหารส่งให้กัน นี่เขาโดนพี่ตัวเองต้มจนเปื่อยเหรอเนี่ยสองคนนั่นรู้กันแน่ๆ ดาราหนุ่มเงยหน้าขึ้นฟ้าขำตัวเองก่อนหันไปมองร่างเล็กที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่คนเดียวนิ่ง
ร่างสูงก้าวอย่างมั่นคง ส่งยิ้มให้ล่ามสาวทันทีที่เธอหันมาก่อนทรุดตัวนั่งข้างๆ สบตากลมไม่กระพริบอย่างต้องการส่งความรู้สึกทุกอย่างของตนเองไปให้
“ทำไมมองฉันแบบนี้ล่ะคนถูกมองก็เขินแย่สิ” กุมาริกายิ้มเขินหลบตาลง
“พี่กำลังบอกความรู้สึกทั้งหมดตอนเราไม่ได้เจอกันกับเธอไง คิดถึง เป็นห่วง กินข้าวรึยัง นอนหลับไหมเหมือนที่ถามเธออยู่ทุกวันในข้อความ”
“ค่ะ ฉันเองก็คิดถึงโอป้ามากเหมือนกันกังวลว่าโอป้าจะมาหาฉันจริงๆไหม จะทำอะไรอยู่ เวลาอยู่ไกลกันแบบนี้มันจะทำให้ความห่างของเรากว้างขึ้นไหม สารพัดที่ฉันเป็นกังวล” ล่ามสาวบอกน้ำตาคลอ
“หนึ่งเดือนที่ผ่านมาพี่ทำงานทุกวันอย่างหนักเพื่อที่จะได้มาหาเธอแล้วก็อยากจะทำหลายอย่างให้มันถูกต้องด้วย” นัมแทบงบอกทั้งรอยยิ้ม
“โอป้าหมายถึงอะไร” กุมาริกางงกับสิ่งที่ดาราหนุ่มพูด
ดวงตากลมดั่งกวางสดใสมันอยู่ในห้วงคำนึงของเขาเสมอ เขาปรารถนาที่จะเห็นมันบ่อยๆ ไม่ว่ายามตื่นหรือหลับตาลงนั่นมันทำให้เขาโน้มตัวจูบเบาๆที่แก้มเนียน เพราะทนความน่ารักของเจ้าของไม่ไหวอยากจะทำอะไรๆเท่าที่ใจต้องการแต่ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้
แต่นั่นก็ทำให้สายตาหลายคู่เริ่มหันมามองยิ่งเมื่อดาราหนุ่มทรุดตัวลงที่พื้นยกมือบางขึ้นจูบทำให้ล่ามสาวตกใจหันมองรอบตัวซึ่งก็มีสายตาของทีมงานเริ่มส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดแล้วอย่างตื่นเต้น
กุมาริกาเห็นกีรติกับปารีย์อยูในพวกอ้าปากค้างและทีมงานบางคนก็เอามือปิดปากเอาไว้ ล่ามสาวลนลานเมื่อคิดได้ว่าดาราหนุ่มน่าจะทำสิ่งใด
กล่องกัมมะหยี่สีน้ำเงินที่ถูกเปิดขึ้นตรงหน้ามีแหวนเพชรทรงหัวใจคู่ซ้อนกันอยู่ในนั้น ก่อนจะสวมลงที่นิ้วนางให้กับคนที่นั่งตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายของทีมงานที่ไชโยโฮ่ร้อง น้ำตาแห่งความยินดีปรากฏไปทั่วหน้า
“ผมรักคุณ” นัมแทบงเอ่ยเป็นภาษาไทยชัดเจนส่งยิ้มละลายใจให้
“ฉันก็รักคุณค่ะ” กุมาริกาบอกตอบ
แม้มันจะเป็นคำสารภาพรักที่แสนธรรมดา หากแต่เมื่อความรู้สึกพิเศษนี้เกิดกับใครหญิงสาวเชื่อว่ามันมากกว่าธรรมดาแน่นอน กุมาริกาโผเข้าสวมกอดคนที่เธอรัก มันไม่สามารถบอกได้ว่าเธอดีใจมากเช่นไรที่เขาให้เกียรติเธอแบบนี้ท่ามกลางทีมงานของเธอและเขาเป็นสักขีพยาน คนที่เธอเคารพดั่งบิดาและคนที่เขาเคารพดุจมารดา
“ฉันก็รักคุณค่ะ จากนี้ฉันจะเป็นส่วนที่เหลือสำหรับครอบครัวให้คุณค่ะ”
นัมแทบงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ากุลธีร์มาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับพี่สาวของตนเองก็เอ่ยคำที่ทำให้กุลธีร์น้ำตาซึม
“ผมจะดูแลกัมมี่ให้ดีที่สุดได้โปรดให้เธอแต่งงานกับผมนะครับฮยอง”
“ในเมื่อนายประกาศความรู้สึกต่อหน้าคนอื่นนั่นแปลว่านายให้เกียรติหลานสาวฉันแล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องขอบใจนายมากกว่า” กุลธีร์ตบไหล่ว่าที่หลานเขยเบาๆ
หันไปกำชับกับทีมงานว่าห้ามให้ภาพวันนี้หลุดออกไปก่อนเขาสั่งเด็ดขาด ไม่งั้นเขาจะไล่ออกทันที ทำเอาเสียงโฮ่ร้องเสียงดายเข้ามาแทนที
นางแบบสาวยิ้มปรบมือแสดงความยินดีตามทุกคนก่อนนึกถึงตนเองอย่างเศร้าใจ พี่ชายคนสนิทเธอมีความรักที่วิเศษแต่คนที่เธออุส่าห์ดั้นด้นมาหากลับหายไปไหนไม่รู้ พัคโบราถอนหายใจกับตัวเองก่อนเดินเลี่ยงออกจากสถานที่จัดเลี้ยง
ตากล้องหนุ่มขมวดคิ้วทันทีเมื่อพาร่างของตัวเองเดินเข้างานเอาตอนเกือบสี่ทุ่ม ทันมองเห็นร่างระหงที่กำลังเดินลัดเลาะไปตามทางที่ทะลุเข้าตัวโรงแรม ขายาวๆก้าวตามไปแบบไม่รู้ตัว อาจเพราะแอลกอฮอล์สองสามแก้วก่อนหน้านี้มันถึงทำให้เขากล้าขึ้นก็เป็นได้
หลังจากไปนั่งดื่มกับเพื่อนที่อื่นเพื่อข่มใจตนเองว่าไม่ให้มาเจอเธออีกแต่ในที่สุดก็แพ้ความต้องการของตัวเองจนได้ ต้องพาตนเองมาที่งานและทันเห็นนางแบบสาวกำลังจะออกไปทันที เธอกำลังจะไปไหนกันพีมะคิดและเดินตามไปเงียบๆ
ร่างโปร่งของนางแบบสาวตกเป็นเป้าสายตาไม่น้อยเนื่องจากกางเกงยีนส์ขาสั้นกุดเผยช่วงขาเรียวยาวอันเป็นจุดขายของเจ้าตัวและยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปอีกเพราะเสื้อเชิ้ตซีทรูสีขาวตัวนั้นดูโปร่งแสงไม่น้อยยามเมื่อกระทบแสงไฟ
พัคโบรานั่งลงตรงมุมที่เป็นบาร์เครื่องดื่ม หนุ่มทั้งไทยและเทศดูให้ความสนใจมองนางแบบสาวกันตาเป็นมัน ส่งยิ้มหวานเชิญชวนเธออย่างเปิดเผย จนคนที่แอบเดินตามมาต้องระงับอารมณ์ เมื่อเห็นว่ามีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวส่งแก้วที่มีน้ำสีสวยให้และเธอก็รับมันมาถือไว้ในมือก่อนส่งยิ้มหวาน
“เดี๋ยวได้โดนลากกันพอดียัยตัวแสบ” พีมะกัดฟันกรอด
บทสนทนาที่กำลังออกรสชะงักไปเมื่อเห็นว่าหนุ่มหล่อต่างชาติมองไปทางด้านหลังของเธอ พัคโบราจึงหันไปมองบ้างอดนึกสงสัยว่าทำไมพีมะถึงมายืนอยู่ตรงนี้
“อ้าวคุณตากล้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังสนุกเลยคุณจะดื่มอะไรไหมฉันจะสั่งให้นั่งสิ”นางแบบสาวยิ้มหวานทำไม่รู้ไม่ชี้กับสีหน้าบึ้งตึงของตากล้องหนุ่ม
“ลุกขึ้นโบรา”พีมะเอ่ยเสียงรอดไรฟัน
พัคโบรากัดริมฝีปากทำไมเธอจะไม่รู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้คนพูดจะอยู่ในอารมณ์ไหน ในเมื่อตอนที่เธอเจอเขาแรกๆเขาก็แทบจะตะคอกเธออยู่ประจำแต่นางแบบสาวก็ยังคงนั่งนิ่งแต่ส่งยิ้มหวานให้
“ทำไมฉันต้องลุกด้วยล่ะคุณจะพาฉันไปเต้นเหรอแต่ถ้าไม่ฉันจะไปกับคนอื่น” นางแบบสาวละสายตาจากพีมะทันทีและหันไปทางหนุ่มตาน้ำข้าวฉุดรั้งให้ลุกออกไปที่ฟลอร์ด้วยกัน
หญิงสาวเต้นอย่างที่คิดว่าคนที่ยืนดูจะไม่สามารถยืนนิ่งอยู่เฉยได้แน่ๆ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อพีมะถอดแจ๊กเก็ตของตนเองออกเดินอาดๆไปที่กลางฟลอร์และผูกเสื้อแจ๊กเก็ตของตนเองเข้าที่เอวของนางแบบสาว
“นี่คุณจะทำอะไร” พัคโบรายืนนิ่งตกใจเมื่อข้อมือของตนเองโดนจับไว้จนแน่น มองดูตากล้องหนุ่มทำตาดุยามเมื่อพูดกับชาวต่างชาติที่เธอลากเขาออกมาเอง
“ผมเสียใจนะที่ต้องทำแบบนี้กับคุณแต่มันหมดเวลาสนุกของแฟนผมแล้ว”พีมะเอ่ย
“ปล่อยฉันนะฉันเจ็บ ใครเป็นแฟนคุณไม่ทราบ” พัคโบราดิ้นรนเมื่อถูกดึงที่ข้อมือและเมื่อเธอดิ้นก็ถูกมืออีกข้างของเขาคว้าเข้าที่เอวรั้งออกไปด้วยกัน ยิ่งเธอดิ้นเขาก็แทบจะกอดเธอได้ทั้งตัวออกไปด้วยกัน
“มันไม่สนุกถ้าคุณจะปั่นหัวผมแบบนั้น”พีมะตะคอกเมื่อดึงหญิงสาวออกมาได้สำเร็จและลากมาจนถึงลานจอดรถ
“ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบที่คุณพูด ฉันแค่สนุกไปตามเรื่องตามราวแล้วนี่มันก็เวลาพักของฉันนะ” พัคโบราเชิดหน้าใส่
“ทำไมไม่พาผู้จัดการอีมาด้วย มาคนเดียวในสถานที่แบบนี้มันอันตรายเกินไป”
“ฉันดูแลตัวเองได้”พัคโบราเริ่มโกรธที่เขาตะคอกใส่เธออย่างไม่มีเหตุผล หันหลังเดินกลับไปทางเดิมแต่ก็ถูกคว้าไว้และโดนกอดไปทั้งร่าง
“อย่าทำแบบนี้โบราคุยกันก่อน” พีมะเผลอกอดร่างโปร่งจนแน่นให้สมกับความคิดถึงจนนางแบบสาวเอ่ยประท้วง
“คุณกอดฉันแน่นไปแล้วนะ” พัคโบราพยายามเอื้อมมือไปทางด้านหลังเพื่อดึงมือที่กอดเธอไว้ออกแต่กับสร้างความรู้สึกร้อนให้กับอีกฝ่ายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“หยุดขยับไปมาด้วย”พีมะบอกเสียงเครียดแต่ก็ไม่ยอมปล่อยร่างหอมกรุ่น เนื้อผ้าบางเบาของเสื้อเธอมันทำให้เขาแทบบ้าจนต้องข่มสติไม่น้อย
“คุณเป็นคนผลักไสฉันเองนับครั้งไม่ถ้วน”
“ผลักไสที่ไหนกอดจนแม้แต่ลมยังลอดผ่านไม่ได้แบบนี้ ใจฉันเต้นแรงแค่ไหนเธอไม่รู้เหรอ” พีมะยิ้มกับซอกคอหอมกรุ่นที่เขายิ่งกระชับแน่นขึ้น
“อย่ามาล้อเล่นนะ” พัคโบราดิ้นอึกอัก
เสียงปลดล็อครถดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามพร้อมสัญญาณไฟกระพริบทำให้พีมะและพัคโบราหันไปมองพร้อมกัน ก่อนที่นางแบบสาวจะขืนตัวออกจากการโดนกอดทันทีที่เห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของตากล้องหนุ่ม
“อุ้ยตายขอโทษที่ขัดจังหวะไม่ทันเห็นจริงๆพอดีมาเอาของที่รถ” กีรติยกสองมือปิดปากปิดตาแต่กางนิ้วออกกว้างมองคนทั้งคู่ผ่านนิ้วตนเอง
“นี่เจ๊ทำผมตกใจหมดจะหยิบอะไรก็รีบหยิบไป”พีมะตาขวางใส่คอสตูมร่างอวบที่กำลังทำหน้าล้อเลียนสุดฤทธิ์ เมื่อเห็นว่านางแบบสาวบิดแขนออกจากการเกาะกุมชายหนุ่มก็พยายามจะคว้าตัวอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ พัคโบราวิ่งหนีไปอีกทางแล้ว
“นี่พี..เจ๊ตกข่าวสำคัญใช่ไหม นอกจากกัมมี่ที่มีแฟนเป็นถึงซุปตาร์เกาหลี นายเองก็มีนางแบบเกาหลีเป็นแฟนเหมือนกัน ฉันนี่อยากจะกรี๊ดสงสัยคราวนี้บริษัทเราจะเสียดุลย์ให้เกาหลีดึงตัวไปถึงสองคน” กีรติกรอกตาดูน่าหมันไส้
“พูดมากน่าเจ๊”พีมะขัดเขินรีบเดินไปทางเดียวกับที่นางแบบสาวหายไป
“เรื่องนี้ฉันจะไม่ยอมรู้คนเดียวแน่ต้องถึงหูครูอังคณา..เอ้ยปุยฝ้ายแน่” กีรติกระดี้กระด๊า
พัคโบราเดินมารวมกลุ่มกับผู้จัดการส่วนตัว ทิ้งสายตาเหลือบมองคนที่กำลังเดินตามเธอมาติดๆอย่างมีแง่งอนแสร้งทำไม่สนใจแม้จะเห็นว่าตากล้องหนุ่มเดินไปทิ้งตัวนั่งลงตรงกลางเก้าอี้แบบเตียงนอนริมสระว่ายน้ำไม่ไกลกัน
“ดูเหมือนนายจะมองนางแบบคนนั้นจนตาแทบจะถลนออกมาแล้วนะพี”ปารีย์เย้าส่งสายตาจับผิด
“เราก็มองปกตินั่นแหละเธอจะจับผิดเราอีกคนรึไง” พีมะทำเสียงดังข่ม
“แสดงว่ามีคนถามนายก่อนฉันแล้วสิใช่ม่ะ...โอ๊ะกัมมี่มาพอดี”ปารีย์โบกมือให้เพื่อนสนิทที่ตอนนี้มีคู่หมั้นเป็นหนุ่มสุดฮอตซะแล้ว
“กำลังคุยไรกันแล้วทำไมพีหน้ามุ่ยขนาดนี้ล่ะ” กุมาริกายิ้มให้มองตามสายตาที่ตากล้องหนุ่มเผลอหยุดนิ่ง ยิ้มมุมปากเหมือนคิดอะไรได้หันไปเรียกหนึ่งในทีมงานที่สนิทกันให้เดินมาตรงที่เธอนั่ง
“เป้ถามพีเองซิเรื่องรูปอ่ะ พีเขาน่าจะมีเก็บไว้อยู่นะเพราะเป็นคนถ่ายรูปให้โบรามาตลอด” กุมาริกาบอกทีมงานถึงสิ่งที่เจ้าตัวอยากได้
“จริงเหรอพี่พี พี่มีรูปสวยๆของนางแบบคนนี้ใช่ป่ะผมชอบเขาจังแขนขายาว เนียน สวย ขาว หุ่นเป๊ะส่งให้หน่อยสินะพี่” รุ่นน้องทีมงานเอ่ยปาก
“ไม่มี ไม่ให้โว้ย!!แกเป็นโรคจิตรึไงถึงได้มองแต่ขาเขาห๊ะ!!..ไอ้บ้านี่” พีมะตะโกนหน้าบึ้งเผยสิ่งที่เก็บไว้ออกมาหมดจนล่ามสาวยิ้ม
“งกจริงจะเก็บไว้ดูคนเดียวรึไง” เป้บ่นอุบ
“เออข้าจะเก็บไว้ดูคนเดียวเอ็งจะทำไม” พีมะบอกเสียงเข้ม
กุมาริกายิ่งขำกับอาการของพีมะทันที สิ่งที่เธอคิดไว้ไม่ผิดจริงๆเมื่อเห็นสายตาวาววับหันมาตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ นั่นมันอาการหึงหวงชัดๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันเป็นกำลังใจให้จนจบด้วยนะ ^0^
“สวัสดีค่ะประธานนัม”
“สวัสดีกัมมี่”นัมเยรินสวมกอด
พัคโบราก้มศีรษะทักทายอีกครั้งตามธรรมเนียมซึ่งล่ามสาวก็แสดงออกแบบเดียวกันก่อนจะหันไปสบตาคนรักและส่งยิ้มหวานให้จนดาราหนุ่มยิ้มกว้างออกมาและกำลังจะยื่นมือไปจับแต่หญิงสาวถูกดึงไปซะก่อนโดยฝีมือกุลธีร์
“เราไปนั่งทางนู้นกันดีกว่ายืนจะเมื่อยซะเปล่าๆ”กุลธีร์โอบไหล่หลานสาวไว้ อีกมือก็กุมมือคนรักเดินไปพร้อมกัน ปล่อยให้นัมแทบงยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่หนุ่มใหญ่ทำและหันไปมองขวางใส่นางแบบสาวที่เอาแต่หัวเราะเยาะ
“ไหนว่าโกรธกันเพราะฉันทำไมเดินจับมือกันไปทั่วไม่อายคนอื่นบ้างเลย” นัมแทบงแขวะพี่สาวตนเองโดยมีนางแบบสาวยืนขำอยู่ข้างๆ
“โอป้า...พาโบ นี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าท่านประธานกับเจ้าของนิตยสารนั่นเขากำลังเดทกันอยู่แน่ๆ” พัคโบรายิ้มเดินไปนั่งข้างผู้จัดการส่วนตัวของเธอกับดาราหนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารบนโต๊ะกันอยู่
##바보-พาโบ/บาโบ –คนโง่##
นัมแทบงเบิกตาเรียวกว้างขึ้นหันไปมองพี่สาวตนเองกำลังยิ้มหวานให้กุลธีร์ขณะตักอาหารส่งให้กัน นี่เขาโดนพี่ตัวเองต้มจนเปื่อยเหรอเนี่ยสองคนนั่นรู้กันแน่ๆ ดาราหนุ่มเงยหน้าขึ้นฟ้าขำตัวเองก่อนหันไปมองร่างเล็กที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่คนเดียวนิ่ง
ร่างสูงก้าวอย่างมั่นคง ส่งยิ้มให้ล่ามสาวทันทีที่เธอหันมาก่อนทรุดตัวนั่งข้างๆ สบตากลมไม่กระพริบอย่างต้องการส่งความรู้สึกทุกอย่างของตนเองไปให้
“ทำไมมองฉันแบบนี้ล่ะคนถูกมองก็เขินแย่สิ” กุมาริกายิ้มเขินหลบตาลง
“พี่กำลังบอกความรู้สึกทั้งหมดตอนเราไม่ได้เจอกันกับเธอไง คิดถึง เป็นห่วง กินข้าวรึยัง นอนหลับไหมเหมือนที่ถามเธออยู่ทุกวันในข้อความ”
“ค่ะ ฉันเองก็คิดถึงโอป้ามากเหมือนกันกังวลว่าโอป้าจะมาหาฉันจริงๆไหม จะทำอะไรอยู่ เวลาอยู่ไกลกันแบบนี้มันจะทำให้ความห่างของเรากว้างขึ้นไหม สารพัดที่ฉันเป็นกังวล” ล่ามสาวบอกน้ำตาคลอ
“หนึ่งเดือนที่ผ่านมาพี่ทำงานทุกวันอย่างหนักเพื่อที่จะได้มาหาเธอแล้วก็อยากจะทำหลายอย่างให้มันถูกต้องด้วย” นัมแทบงบอกทั้งรอยยิ้ม
“โอป้าหมายถึงอะไร” กุมาริกางงกับสิ่งที่ดาราหนุ่มพูด
ดวงตากลมดั่งกวางสดใสมันอยู่ในห้วงคำนึงของเขาเสมอ เขาปรารถนาที่จะเห็นมันบ่อยๆ ไม่ว่ายามตื่นหรือหลับตาลงนั่นมันทำให้เขาโน้มตัวจูบเบาๆที่แก้มเนียน เพราะทนความน่ารักของเจ้าของไม่ไหวอยากจะทำอะไรๆเท่าที่ใจต้องการแต่ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้
แต่นั่นก็ทำให้สายตาหลายคู่เริ่มหันมามองยิ่งเมื่อดาราหนุ่มทรุดตัวลงที่พื้นยกมือบางขึ้นจูบทำให้ล่ามสาวตกใจหันมองรอบตัวซึ่งก็มีสายตาของทีมงานเริ่มส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดแล้วอย่างตื่นเต้น
กุมาริกาเห็นกีรติกับปารีย์อยูในพวกอ้าปากค้างและทีมงานบางคนก็เอามือปิดปากเอาไว้ ล่ามสาวลนลานเมื่อคิดได้ว่าดาราหนุ่มน่าจะทำสิ่งใด
กล่องกัมมะหยี่สีน้ำเงินที่ถูกเปิดขึ้นตรงหน้ามีแหวนเพชรทรงหัวใจคู่ซ้อนกันอยู่ในนั้น ก่อนจะสวมลงที่นิ้วนางให้กับคนที่นั่งตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายของทีมงานที่ไชโยโฮ่ร้อง น้ำตาแห่งความยินดีปรากฏไปทั่วหน้า
“ผมรักคุณ” นัมแทบงเอ่ยเป็นภาษาไทยชัดเจนส่งยิ้มละลายใจให้
“ฉันก็รักคุณค่ะ” กุมาริกาบอกตอบ
แม้มันจะเป็นคำสารภาพรักที่แสนธรรมดา หากแต่เมื่อความรู้สึกพิเศษนี้เกิดกับใครหญิงสาวเชื่อว่ามันมากกว่าธรรมดาแน่นอน กุมาริกาโผเข้าสวมกอดคนที่เธอรัก มันไม่สามารถบอกได้ว่าเธอดีใจมากเช่นไรที่เขาให้เกียรติเธอแบบนี้ท่ามกลางทีมงานของเธอและเขาเป็นสักขีพยาน คนที่เธอเคารพดั่งบิดาและคนที่เขาเคารพดุจมารดา
“ฉันก็รักคุณค่ะ จากนี้ฉันจะเป็นส่วนที่เหลือสำหรับครอบครัวให้คุณค่ะ”
นัมแทบงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ากุลธีร์มาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับพี่สาวของตนเองก็เอ่ยคำที่ทำให้กุลธีร์น้ำตาซึม
“ผมจะดูแลกัมมี่ให้ดีที่สุดได้โปรดให้เธอแต่งงานกับผมนะครับฮยอง”
“ในเมื่อนายประกาศความรู้สึกต่อหน้าคนอื่นนั่นแปลว่านายให้เกียรติหลานสาวฉันแล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องขอบใจนายมากกว่า” กุลธีร์ตบไหล่ว่าที่หลานเขยเบาๆ
หันไปกำชับกับทีมงานว่าห้ามให้ภาพวันนี้หลุดออกไปก่อนเขาสั่งเด็ดขาด ไม่งั้นเขาจะไล่ออกทันที ทำเอาเสียงโฮ่ร้องเสียงดายเข้ามาแทนที
นางแบบสาวยิ้มปรบมือแสดงความยินดีตามทุกคนก่อนนึกถึงตนเองอย่างเศร้าใจ พี่ชายคนสนิทเธอมีความรักที่วิเศษแต่คนที่เธออุส่าห์ดั้นด้นมาหากลับหายไปไหนไม่รู้ พัคโบราถอนหายใจกับตัวเองก่อนเดินเลี่ยงออกจากสถานที่จัดเลี้ยง
ตากล้องหนุ่มขมวดคิ้วทันทีเมื่อพาร่างของตัวเองเดินเข้างานเอาตอนเกือบสี่ทุ่ม ทันมองเห็นร่างระหงที่กำลังเดินลัดเลาะไปตามทางที่ทะลุเข้าตัวโรงแรม ขายาวๆก้าวตามไปแบบไม่รู้ตัว อาจเพราะแอลกอฮอล์สองสามแก้วก่อนหน้านี้มันถึงทำให้เขากล้าขึ้นก็เป็นได้
หลังจากไปนั่งดื่มกับเพื่อนที่อื่นเพื่อข่มใจตนเองว่าไม่ให้มาเจอเธออีกแต่ในที่สุดก็แพ้ความต้องการของตัวเองจนได้ ต้องพาตนเองมาที่งานและทันเห็นนางแบบสาวกำลังจะออกไปทันที เธอกำลังจะไปไหนกันพีมะคิดและเดินตามไปเงียบๆ
ร่างโปร่งของนางแบบสาวตกเป็นเป้าสายตาไม่น้อยเนื่องจากกางเกงยีนส์ขาสั้นกุดเผยช่วงขาเรียวยาวอันเป็นจุดขายของเจ้าตัวและยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปอีกเพราะเสื้อเชิ้ตซีทรูสีขาวตัวนั้นดูโปร่งแสงไม่น้อยยามเมื่อกระทบแสงไฟ
พัคโบรานั่งลงตรงมุมที่เป็นบาร์เครื่องดื่ม หนุ่มทั้งไทยและเทศดูให้ความสนใจมองนางแบบสาวกันตาเป็นมัน ส่งยิ้มหวานเชิญชวนเธออย่างเปิดเผย จนคนที่แอบเดินตามมาต้องระงับอารมณ์ เมื่อเห็นว่ามีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวส่งแก้วที่มีน้ำสีสวยให้และเธอก็รับมันมาถือไว้ในมือก่อนส่งยิ้มหวาน
“เดี๋ยวได้โดนลากกันพอดียัยตัวแสบ” พีมะกัดฟันกรอด
บทสนทนาที่กำลังออกรสชะงักไปเมื่อเห็นว่าหนุ่มหล่อต่างชาติมองไปทางด้านหลังของเธอ พัคโบราจึงหันไปมองบ้างอดนึกสงสัยว่าทำไมพีมะถึงมายืนอยู่ตรงนี้
“อ้าวคุณตากล้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังสนุกเลยคุณจะดื่มอะไรไหมฉันจะสั่งให้นั่งสิ”นางแบบสาวยิ้มหวานทำไม่รู้ไม่ชี้กับสีหน้าบึ้งตึงของตากล้องหนุ่ม
“ลุกขึ้นโบรา”พีมะเอ่ยเสียงรอดไรฟัน
พัคโบรากัดริมฝีปากทำไมเธอจะไม่รู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้คนพูดจะอยู่ในอารมณ์ไหน ในเมื่อตอนที่เธอเจอเขาแรกๆเขาก็แทบจะตะคอกเธออยู่ประจำแต่นางแบบสาวก็ยังคงนั่งนิ่งแต่ส่งยิ้มหวานให้
“ทำไมฉันต้องลุกด้วยล่ะคุณจะพาฉันไปเต้นเหรอแต่ถ้าไม่ฉันจะไปกับคนอื่น” นางแบบสาวละสายตาจากพีมะทันทีและหันไปทางหนุ่มตาน้ำข้าวฉุดรั้งให้ลุกออกไปที่ฟลอร์ด้วยกัน
หญิงสาวเต้นอย่างที่คิดว่าคนที่ยืนดูจะไม่สามารถยืนนิ่งอยู่เฉยได้แน่ๆ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อพีมะถอดแจ๊กเก็ตของตนเองออกเดินอาดๆไปที่กลางฟลอร์และผูกเสื้อแจ๊กเก็ตของตนเองเข้าที่เอวของนางแบบสาว
“นี่คุณจะทำอะไร” พัคโบรายืนนิ่งตกใจเมื่อข้อมือของตนเองโดนจับไว้จนแน่น มองดูตากล้องหนุ่มทำตาดุยามเมื่อพูดกับชาวต่างชาติที่เธอลากเขาออกมาเอง
“ผมเสียใจนะที่ต้องทำแบบนี้กับคุณแต่มันหมดเวลาสนุกของแฟนผมแล้ว”พีมะเอ่ย
“ปล่อยฉันนะฉันเจ็บ ใครเป็นแฟนคุณไม่ทราบ” พัคโบราดิ้นรนเมื่อถูกดึงที่ข้อมือและเมื่อเธอดิ้นก็ถูกมืออีกข้างของเขาคว้าเข้าที่เอวรั้งออกไปด้วยกัน ยิ่งเธอดิ้นเขาก็แทบจะกอดเธอได้ทั้งตัวออกไปด้วยกัน
“มันไม่สนุกถ้าคุณจะปั่นหัวผมแบบนั้น”พีมะตะคอกเมื่อดึงหญิงสาวออกมาได้สำเร็จและลากมาจนถึงลานจอดรถ
“ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบที่คุณพูด ฉันแค่สนุกไปตามเรื่องตามราวแล้วนี่มันก็เวลาพักของฉันนะ” พัคโบราเชิดหน้าใส่
“ทำไมไม่พาผู้จัดการอีมาด้วย มาคนเดียวในสถานที่แบบนี้มันอันตรายเกินไป”
“ฉันดูแลตัวเองได้”พัคโบราเริ่มโกรธที่เขาตะคอกใส่เธออย่างไม่มีเหตุผล หันหลังเดินกลับไปทางเดิมแต่ก็ถูกคว้าไว้และโดนกอดไปทั้งร่าง
“อย่าทำแบบนี้โบราคุยกันก่อน” พีมะเผลอกอดร่างโปร่งจนแน่นให้สมกับความคิดถึงจนนางแบบสาวเอ่ยประท้วง
“คุณกอดฉันแน่นไปแล้วนะ” พัคโบราพยายามเอื้อมมือไปทางด้านหลังเพื่อดึงมือที่กอดเธอไว้ออกแต่กับสร้างความรู้สึกร้อนให้กับอีกฝ่ายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“หยุดขยับไปมาด้วย”พีมะบอกเสียงเครียดแต่ก็ไม่ยอมปล่อยร่างหอมกรุ่น เนื้อผ้าบางเบาของเสื้อเธอมันทำให้เขาแทบบ้าจนต้องข่มสติไม่น้อย
“คุณเป็นคนผลักไสฉันเองนับครั้งไม่ถ้วน”
“ผลักไสที่ไหนกอดจนแม้แต่ลมยังลอดผ่านไม่ได้แบบนี้ ใจฉันเต้นแรงแค่ไหนเธอไม่รู้เหรอ” พีมะยิ้มกับซอกคอหอมกรุ่นที่เขายิ่งกระชับแน่นขึ้น
“อย่ามาล้อเล่นนะ” พัคโบราดิ้นอึกอัก
เสียงปลดล็อครถดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามพร้อมสัญญาณไฟกระพริบทำให้พีมะและพัคโบราหันไปมองพร้อมกัน ก่อนที่นางแบบสาวจะขืนตัวออกจากการโดนกอดทันทีที่เห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของตากล้องหนุ่ม
“อุ้ยตายขอโทษที่ขัดจังหวะไม่ทันเห็นจริงๆพอดีมาเอาของที่รถ” กีรติยกสองมือปิดปากปิดตาแต่กางนิ้วออกกว้างมองคนทั้งคู่ผ่านนิ้วตนเอง
“นี่เจ๊ทำผมตกใจหมดจะหยิบอะไรก็รีบหยิบไป”พีมะตาขวางใส่คอสตูมร่างอวบที่กำลังทำหน้าล้อเลียนสุดฤทธิ์ เมื่อเห็นว่านางแบบสาวบิดแขนออกจากการเกาะกุมชายหนุ่มก็พยายามจะคว้าตัวอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ พัคโบราวิ่งหนีไปอีกทางแล้ว
“นี่พี..เจ๊ตกข่าวสำคัญใช่ไหม นอกจากกัมมี่ที่มีแฟนเป็นถึงซุปตาร์เกาหลี นายเองก็มีนางแบบเกาหลีเป็นแฟนเหมือนกัน ฉันนี่อยากจะกรี๊ดสงสัยคราวนี้บริษัทเราจะเสียดุลย์ให้เกาหลีดึงตัวไปถึงสองคน” กีรติกรอกตาดูน่าหมันไส้
“พูดมากน่าเจ๊”พีมะขัดเขินรีบเดินไปทางเดียวกับที่นางแบบสาวหายไป
“เรื่องนี้ฉันจะไม่ยอมรู้คนเดียวแน่ต้องถึงหูครูอังคณา..เอ้ยปุยฝ้ายแน่” กีรติกระดี้กระด๊า
พัคโบราเดินมารวมกลุ่มกับผู้จัดการส่วนตัว ทิ้งสายตาเหลือบมองคนที่กำลังเดินตามเธอมาติดๆอย่างมีแง่งอนแสร้งทำไม่สนใจแม้จะเห็นว่าตากล้องหนุ่มเดินไปทิ้งตัวนั่งลงตรงกลางเก้าอี้แบบเตียงนอนริมสระว่ายน้ำไม่ไกลกัน
“ดูเหมือนนายจะมองนางแบบคนนั้นจนตาแทบจะถลนออกมาแล้วนะพี”ปารีย์เย้าส่งสายตาจับผิด
“เราก็มองปกตินั่นแหละเธอจะจับผิดเราอีกคนรึไง” พีมะทำเสียงดังข่ม
“แสดงว่ามีคนถามนายก่อนฉันแล้วสิใช่ม่ะ...โอ๊ะกัมมี่มาพอดี”ปารีย์โบกมือให้เพื่อนสนิทที่ตอนนี้มีคู่หมั้นเป็นหนุ่มสุดฮอตซะแล้ว
“กำลังคุยไรกันแล้วทำไมพีหน้ามุ่ยขนาดนี้ล่ะ” กุมาริกายิ้มให้มองตามสายตาที่ตากล้องหนุ่มเผลอหยุดนิ่ง ยิ้มมุมปากเหมือนคิดอะไรได้หันไปเรียกหนึ่งในทีมงานที่สนิทกันให้เดินมาตรงที่เธอนั่ง
“เป้ถามพีเองซิเรื่องรูปอ่ะ พีเขาน่าจะมีเก็บไว้อยู่นะเพราะเป็นคนถ่ายรูปให้โบรามาตลอด” กุมาริกาบอกทีมงานถึงสิ่งที่เจ้าตัวอยากได้
“จริงเหรอพี่พี พี่มีรูปสวยๆของนางแบบคนนี้ใช่ป่ะผมชอบเขาจังแขนขายาว เนียน สวย ขาว หุ่นเป๊ะส่งให้หน่อยสินะพี่” รุ่นน้องทีมงานเอ่ยปาก
“ไม่มี ไม่ให้โว้ย!!แกเป็นโรคจิตรึไงถึงได้มองแต่ขาเขาห๊ะ!!..ไอ้บ้านี่” พีมะตะโกนหน้าบึ้งเผยสิ่งที่เก็บไว้ออกมาหมดจนล่ามสาวยิ้ม
“งกจริงจะเก็บไว้ดูคนเดียวรึไง” เป้บ่นอุบ
“เออข้าจะเก็บไว้ดูคนเดียวเอ็งจะทำไม” พีมะบอกเสียงเข้ม
กุมาริกายิ่งขำกับอาการของพีมะทันที สิ่งที่เธอคิดไว้ไม่ผิดจริงๆเมื่อเห็นสายตาวาววับหันมาตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ นั่นมันอาการหึงหวงชัดๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันเป็นกำลังใจให้จนจบด้วยนะ ^0^
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2558, 13:14:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2558, 13:14:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 917
<< ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง | คุณเป็นของผม >> |