ห่างไกลเหลือเกิน
ภาคภูมิและจริงใจ สองเพื่อนรักที่กลายมาเป็นคนรักกันในที่สุด
จะเป็นอย่างไร เมื่อจริงใจอยากได้เพื่อนรักของเธอกลับคืน
พบกับความรักของคนสองคนที่แม้จะอยู่ใกล้กัน แต่ก็เหมือนไกลออกไปทุกที

ห่างไกลเหลือเกิน

Tags: เพื่อนสนิท เพื่อนรัก รัก

ตอน: ตอนที่ 12

ที่สนามบิน นานาชาติ JFK / NYC วินมาถึงสนามบินก่อนเวลา เพื่อเตรียมตัวเช๊คอินตามปกติ ตอนนี้ข้าวของ เครื่องใช้ ชิ้นใหญ่ๆวินได้ขายต่อและยกให้กับรุ่นน้องที่มาทำงานใหม่เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่เสื้อผ้าที่วินยัดกลับมาจนเกือบหมดกระเป๋า เขาหิ้วสัมภาระเดินกลับมาหาพี่อำนวยที่รออยู่ หลังจัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อย

"เรียบร้อยใช่มั้ย? ฝากกระเป๋าใบใหญ่ไปแล้วเหรอ?" พี่อำนวยถามย้ำเป็นครั้งสุดท้าย วินพยักหน้าพร้อมกระชับเป้ให้มั่นขึ้น
"เรียบร้อยแล้วพี่ ขอบคุณมากครับ" เขาตอบ
"คนอื่นฝากมาลานะ จะปิดร้านยกโขยงมาส่งกันอีกรอบก็คงไม่ไหว ทุกคนเลยได้แต่ฝากความโชคดีมา"
"ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรเลยพี่ ความจริงแค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้ว ขอบคุณมากครับ"
"แต่ไอพลอยนี่สิ ติดต่อไม่ได้เลย บอกว่าจะมาส่ง ป่านนี้ยังไม่เห็นหัว" พี่อำนวยบ่น วินยิ้มๆ
"เอาน่าพี่ พลอยอาจจะติดธุระ"
"... โอเค... ยังไงแกก็โชคดีละกัน ขอให้ประสบความสำเร็จกับทุกสิ่งที่แกจะทำ... ฉันเอาใจช่วย!" พี่อำนวยบอกพร้อบตบบ่าวินเบาๆ วินยิ้มรับ พยักหน้าแล้วบอกลา
"ผมต้องไปแล้ว ขอบคุณมากเลยนะพี่ที่มาส่ง"
"เออ โชคดีนะ"
"แล้วเจอกันใหม่นะพี่" วินลาครั้งสุดท้าย แล้วสวมกอด ทั้งสองคนใช้เวลาไม่นาน ก็แยกจากกัน วินเดินออกไปไกลมากขึ้น มากขึ้น แล้วหันมาโบกมือลาให้พี่อำนวยเป็นครั้งสุดท้าย พี่อำนวยยังยืนส่งวินอยู่อย่างโดดเดี่ยว เขาโบกมือลาตอบ มองหลังวินที่เดินเข้า Gate ไปในที่สุด

วินนั่งรออยู่ตรงทางออกที่เตรียมขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว เขาเสียบหูฟังเข้ากับเครื่อง Ipod แล้วเริ่มเข้าสู่โลกของตัวเองอีกครั้ง วินถ่ายรูปตั๋วเครื่องบินที่อยู่ในมือ แล้วส่งไลน์ไปหาจริงใจ ไม่นานนัก จริงใจก็ส่งสติกเกอร์กลับมาเป็นอันรู้กัน วินนั่งมองบทสนทนายิ้มๆ โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เขาเปิดเพลงดัง แล้วหลับตา ดีใจที่จะได้กลับบ้านที่จากมาเกือบสองปี
ไม่นานนัก เสียงสัญญานเรียกให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องดังขึ้น วินจัดการหิ้วกระเป๋า ต่อแถวขึ้นเครื่องทันที เมื่อถึงตัวห้องโดยสาร พนักงานที่ได้ดูหมายเลขที่นั่งของวิน ก็ผายมือ ชี้ไปยังจุดที่เป็นที่นั่งของเขา เขาได้ที่นั่งริมหน้าต่าง และตรงที่นั่งข้างๆเขา มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยกกระเป๋าขึ้นเก็บบนชั้นสัมภาระอย่างทุลักทุเล

"Can I help you?" วินถามอย่างคนมีน้ำใจ พร้อมเอื้อมมือ ดันกระเป๋าเข้าไปให้สุดในที่เก็บสัมภาระด้านบน
"Thank you" หญิงสาวผมยาวตอบ พร้อมหันหน้ากลับมายิ้ม และนั่นทำให้วินถึงกับตะลึง
"พลอย!!!" วินตะโกนเสียงดัง ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พลอยทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
"อ้าว วิน! กลับไฟลท์นี้เหมือนกันเหรอ?"
"ใช่!! พลอยอะ?"
"เราก็ไฟลท์นี้ เนี่ย... ที่นั่งเราอยู่ตรงนี้"
"เฮ้ย!! ที่นั่งเราก็อยู่ตรงนี้เหมือนกัน"
"จริงดิ! บังเอิญไปปะเนี่ย?"
พลอยขึ้นเสียงสูง ทำท่าตกใจแบบฝืนๆ จนทำให้วินจับสังเกตได้
"บังเอิญอะไรของพลอย อย่าบอกนะ ว่าที่พลอยหายไปหลายวันเนี่ย คือไปเลื่อนไฟลท์ให้กับตรงวันเดียวกับเรา"
"ตาย... เบื่อคนรู้ทันจริงๆ"
"เฮ้ย!! ถามจริงดิ?"
"เอาน่า... กลับด้วยกันก็ดีออก จะได้ไม่เหงา ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่ได้นั่งด้วยกันแล้ว แต่ก็ยังได้มานั่งด้วยกันอีก อย่างนี้ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆลย ว่าปะ?"
"มัดมือชกอย่างนี้ เราจะตอบอะไรได้อะ"
"บ้า! พูดน่าเกลียด ใครมัดมือชกวินกันฮะ?"
"ก็พลอยนั่นแหละ"
"แล้วถ้าเราบอกวิน วินจะยอมให้เรามาด้วยมั้ยละ?"
"ก็..."
"ก็ไม่ใช่มั้ยละ? ... เราเลยต้องใช้วิธีนี้ไง"
"พลอย..."
"ไหนๆก็ไหนๆแล้ว นั่งไปเหอะหน่า ไม่กี่ชั่วโมงเอง"
พลอยยิ้มระรื่น ผลักหลังวินให้เข้าไปนั่งชิดริมหน้าตามเลขหมายที่ได้รับ แล้วนั่งตามมาติดๆ วินที่ช๊อกกับเหตุการณ์ ทำตามอย่างเสียไม่ได้ เพราะตั้งรับไม่ทัน ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน วินพึมพำเบาๆเข้าใส่ เพราะมีลางสังหรณ์ตั้งแต่แรกแล้ว
"ว่าไงนะ?" พลอยถามเมื่อได้ยินเสียงงึมๆในลำคอ วินส่ายหน้า
"ช่างมันเหอะ ... แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน" วินตอบ พร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างจำยอม พลอยยิ้มนิดๆ ก่อนจัดการกับที่นั่งของตัวเองบ้าง
แผนการเป็นอันสำเร็จ เธอได้บินกลับเมืองไทยไฟลท์เดียวกับวินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

สัญญานมือถือดังขึ้นขณะที่จริงใจกำลังนวดหน้าตัวเองอย่างช้าๆ จริงใจเอื้อมมือไปหยิบดูก็เห็นรูปภาพที่วินส่งมาให้ มันคือรูปภาพที่บอกไฟลท์และเวลากลับไทยอย่างเป็นทางการ จริงใจนิ่งคิดไปนิดนึง แล้วจึงส่งสติกเกอร์ตอบรับไป เธอบรรจงปิดฝาเครื่องประทินผิวทุกตัวลงอย่างว่องไว แล้วเดินไปสะบัดผ้าห่มบนเตียง ตบหมอน เตรียมตัวจะเข้านอนอย่างเช่นทุกวันที่เคยทำ
แต่เธอก็นอนไม่หลับ

ผ่านไปสามสิบนาทีเธอก็ยังนอนไม่หลับ ดวงตายังคงเบิกโพลง นอนส่ายไปส่ายมา

พรุ่งนี้ ... วินก็จะถึงเมืองไทยแล้ว

เอาจริงๆเธออดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะไม่เจอวินนานมาก ตอนนี้วินจะเป็นยังไงบ้างนะ? เธออยากรู้ ความจริงเรื่องหน้าตาภายนอกอะไรก็คงไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ เพราะก็คุยแบบเห็นหน้ากันอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าคงไม่เหมือนเดิมแน่ๆคงจะเป็นระยะห่างในความสัมพันธ์ บางทีการที่ไม่ได้เจอกันเลยก็ทำให้ลืมไปเลยว่าถ้าต้องกลับมาอยู่ด้วยกันจะต้องทำตัวยังไง ยิ่งตอนจากกัน มันไม่ได้จากกันแบบคนปกติแล้ว ยิ่งทำตัวยากกว่าหลายเท่านัก ไหนจะเรื่องผู้หญิงที่วินทิ้งท้ายเอาไว้คราวที่แล้วอีก มันคืออะไรกันแน่นะ

จริงใจใช้เวลาคิดทั้งคืน ว่าจะทำตัวอย่างไรหากจะต้องอยู่กับวินสองคน เอาตั้งแต่วันแรกเลยนี่แหละ วันที่ต้องไปรับที่สนามบิน เธอจะต้องทำยังไงดี? หรือเธอควรจะเอายิ้มไปด้วย? ไม่ได้เด็ดขาด!!! มีหวังยิ้มจับทางได้พอดีว่ายังรู้สึกอะไรอะไรอยู่ ไปคนเดียวนี่แหละ ดีแล้ว... ต้องกล้าๆเข้าไว้ จำไว้!! เพื่อนกัน เพื่อนกัน ไม่เป็นไรหรอก
จริงใจคิดกับตัวเองอย่างกับคนบ้า เตะผ้าห่มไป เตะผ้าห่มมา สุดท้ายก็นอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกายให้เหนื่อยและเหงื่อออก

ซิตอัพ
วิดพื้น
กระโดดตบ

สิบห้านาทีผ่านไป จริงใจก็ลากร่างกายที่เหงื่อโทรมขึ้นมาบนเตียง

แต่ก็ยังนอนไม่หลับ
ให้ตายเถอะชีวิต!!! จะอะไรกันนักกันหนา
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนก็ตาม ปัญหาของวิน ยังคงสร้างความลำบากทั้งกายทั้งใจให้จริงใจได้เสมอ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

เช้าวันศุกร์

"ตายละ ทำไมใต้ตาแกดำอย่างนี้อะ ไปทำอะไรมา?" ยิ้มถามทันทีเมื่อเห็นสาวเดินเข้าห้องทำงานมาตามเวลาปกติ จริงใจที่ดูทรุดโทรมจากการนอนน้อยไม่ตอบอะไร เดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วจัดการกับแฟ้มที่อยู่ตรงหน้า
"เฮ้ยย ฉันถามว่าแกเป็นอะไร?"
"ไม่ได้เป็นอะไร"
"จริงดิ?"
"จริง!!!"
"เออ เออ โอเค ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร ฉันฟอร์เวิดเมลรายละเอียดอันใหม่ของงาน Thai Food ไปให้แกละนะ เผื่อจะมีประโยชน์กับงานออกแบบ"
"อืม โอเค ขอบใจ" จริงใจตอบ แล้วหันไปเช๊คกับคอมพิวเตอร์เร็วๆ ยิ้มลอบแอบมองสักพักแล้วถาม
"ว่าแต่... สองสามวันมานี้มีใครแอดเฟรนด์ในเฟซบุคไปมั้ย?" ยิ้มแย่บเบาๆ เพราะกลัวไก่จะตื่น จริงใจช้อนตาขึ้นมามองอย่างหมั่นไส้
"มี"
เธอตอบ ยิ้มหัวเราะแห้งๆ แล้วรีบแก้ตัว
"ฉันไม่ได้บังคับนะ พี่เขาขอแอดเอง"
"อย่าพูดเลย ฉันอยู่กับแกมากี่ปีทำไมฉันจะไม้รู้จักนิสัยของแก ถามจริงเหอะ ถ้าแกว่างมากขนาดนี้ทำไมไม่หาให้ตัวเองสักคน"
"โอ๊ย ทำไมฉันต้องหา ไม่ต้องหาก็มีมาต่อแถวให้เห็นกันไม่หวาดไม่ไหว"
"ต่อแถวในฝันแกนะสิ"
"เออ น่า ของฉันเดี๋ยวมันก็มาเอง"
"ถามจริง ไม่เบื่อเหรอไง เป็นแม่สื่อแม่ชักให้คนอื่นเขาเนี่ย"
"ไม่เบื่อ... สนุกจะตาย"
"เฮ้อออ.. แต่ฉันเบื่อ"
ยิ้มทำหน้ามุ่ย ไม่ตอบอะไร แล้วเสเปลี่ยนเรื่อง
"10 โมงแล้ว .. ประชุมกันเถอะ! พร้อมแล้วใช่มั้ย"
"ฉันนะ พร้อมอยู่แล้ว!!!! แต่หัวหน้าของแกอีกคน ฉันว่ายังไม่พร้อม"
"รู้แล้วละน่า เดี๋ยวโทรตามให้"
"นี่ฉันบอกกก่อนเลยนะว่าวันนี้ห้ามสาย ใครจะมาช้าฉันก็ไม่สน ฉันรอไม่ได้ ถึงรอได้ฉันก็ไม่รอด้วย... ฉันมีนัดตอนบ่าย"
"ตอนบ่ายแกไปไหน?"
"ไปรับวินที่สนามบิน"
"เฮ้ยยย อะไร? วินจะกลับมาไทยเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย"
"แล้วทำไมแกถึงต้องรู้ด้วยอะ?"
"ฉันก็เพื่อนมันนะเว่ย!"
"เพื่อนห่างห่างนะสิ อยู่คนละกลุ่ม คนละมหาลัยเลย"
"แต่ฉันก็สนิทกับมันนะ นี่แกจงใจปิดฉัน เพราะกลัวฉันจับผิดใช่มั้ย?"
"บ้า เลอะเทอะใหญ่แล้ว ไป!! ไปห้องประชุม ฉันสั่งพิมพ์เอกสารพวกนี้เสร็จแล้วเดี๋ยวก็จะตามไป"
"เปลี่ยนเรื่องเชียวนะ!!"
"หยุดกวนประสาท แล้วไปได้แล้วยิ้ม!!!"
"ไปก็ได้! ทำไมต้องดุด้วยอะ?"
"ก็แกอะ เพ้อเจ้อ"
"โอเค ฉันไปก็ได้.. พอใจรึยัง? โธ่เอ๊ย!" ยิ้มเดินสะบัดสะบิ้งออกไป จริงใจมองตามขำๆ แล้วรีบจัดการกับเอกสารที่เหลือบนโต๊ะต่อเพื่อเตรียมการประชุม หลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนได้กลับไปคิด ได้กลับไปทำการบ้านมา ก็หวังว่าวันนี้ทุกคนคงมาพร้อมกับไอเดียแปลกใหม่ที่น่าสนใจนะ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"เอาละ ใครมีอะไรมาเสนอบ้าง?" ยิ้มเปิดการประชุมทันที่ที่เข็มนาฬิกาบอกเวลา 10โมงตรง แม้ว่าจะมีสมาชิกคนสำคัญบางคน ยังมาไม่ถึงก็ตาม (คนเดิมนั่นแหละ) วันนี้เป็นคิวของยิ้มที่จะต้องเป็นคนคุมการประชุม
"ทุกคนโยนไอเดียและเรฟเฟอร์เรนซ์ลงส่วนกลางกันแล้วใช่มั้ย? ไหน? ใครอยากออกมาขายเป็นคนแรก?" ยิ้มเชิญชวนทุกคน แต่ก็ยังไม่มีใครตอบ เหมือนทุกคนจะกล้าๆกลัวๆ สุดท้ายยิ้มก็เป็นฝ่ายเลือก
"เอาตั้งแต่หัวมุมห้องนั่นแหละ แล้วไล่ลงไป ฟ้า! ว่าไง มีอะไรมาขาย" ยิ้มถามอีกรอบ ฟ้า...1 ในหัวหน้าครีเอทีฟที่โดนเรียก เดินไปที่คอมหน้าห้องแล้วเปิดสไลด์ให้ทุกคนดู
"ไอเดียของฟ้า คือ back to the basic ค่ะ สินค้าออแกนิกจริงๆแล้วคือ เป็นการกลับคืนสู่สามัญเกือบทั้งหมด ไม่ปรุงแต่ง ไม่เพิ่ม ไม่เติม ไม่ใส่ของแปลกปลอมลงไป ดังนั้น อาร์ตไดเรคชั่นที่คิดไว้ ก็จะคลีนๆ สะอาดๆ เรียบง่าย และเน้นด้วยกราฟฟิก สีเทาขาวดำ ใช้ตัวไอคอนที่ดูเรียบนิ่ง แต่สวย มาเป็นตัวเดินเรื่องค่ะ" ฟ้า หัวหน้าอาร์ตไดคนที่หนึ่งเป็นคนเสนอผลงานชิ้นแรก เธอเปิดรูปเพื่ออธิบายไปจนจบ แล้วยืนรอดูท่าทีอีกสักพัก ยิ้มกับจริงใจพิจารณากันเพียงพักเดียว จึงเรียกคนต่อไป
"เดี๋ยวต่อไป ป๋วยเองครับ พวกผมหากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มฟ้าขายเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมขายต่อเลย" ป๋วย หัวหน้าครีเอทีฟอีกคนเป็นคนบอกต่อ ยิ้มกับจริงใจไม่ว่าอะไร ปล่อยให้ป๋วยได้นำเสนอตามที่ต้องการ
"ของทีมผม ไอเดียจะเน้นไปที่ การเข้าถึงวิถีชีวิตแบบออแกนิกที่แท้จริง คือสื่อสารออกมาให้เขาเห็น ว่าการใช้ชีวิตแบบออแกนิกมันดีอย่างไร ผลิตภัณฑ์นี้ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพชัดขึ้นว่า ออแกนิกนั้น สัมผัสได้ง่ายกว่าที่ทุกคนคิด โดยเราจะสื่อสารให้ผู้บริโภคเห็นโดยผ่านอาร์ตไดเรคชั่นแบบสารคดีนิดนึง คือใช้ภาพจริงที่เน้นคอมโพสที่สวยงาม เริ่มตั้งแต่ชีวิตชาวบ้าน ที่เขาปลูกข้าวกินเอง ปลูกผักกินเอง เขามีวิถีชีวิตที่มีความสุขอย่างไร สุขภาพเขาแข็งแรงกว่ามั้ย ตลอดไปจนที่มาความเป็นไปของผลิตภัณฑ์อันนี้ ตั้งแต่ที่นาข้าวที่ทำ กระบวนการเก็บเกี่ยว วิถีชีวิตที่ทุกคนไม่เคยเห็น สิ่งดีดีมีประโยชน์ถูกคัดสรรมาไว้ที่นี่แล้ว อะไรประมาณนี้ครับ" ป๋วยอธิบายยืดยาว พร้อมเปิดรูปภาพประกอบที่สวยงามโชว์ให้ทุกคนในห้องดู จริงใจกับยิ้มพิจารณาสักพัก ยิ้มจึงค่อยพูด
"มีใครมีไอเดียอะไรจะเสนออีกมั้ย?"
ทุกคนเงียบ พอพอกับที่จริงใจและยิ้มเงียบ แต่สักพักก็มีคนมาทำลายความเงียบลง ประตูถูกเปิดออกดัง ผลัก กิ่งคือผู้ทำลายความเงียบคนนั้น
"ขอโทษค่ะ มาสายอีกแล้ว ประชุมไปถึงไหนแล้วคะ?" กิ่งกล่าวทันทีที่นั่งลงบนโต๊ะที่ประชุม จริงใจถอนหายใจ พร้อมๆกับที่ยิ้มทำหน้าเอือม
"วันหลังถ้าแกจะมาสายขนาดนี้ แกควรจะโทรบอกฉันก่อน" ยิ้มเปิดฉาก กิ่งยักไหล่ พร้อมบอก
"ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ"
ยิ้มเซ็งที่เพื่อนบ้านตัวดีพูดไม่รู้เรื่องเลย จริงใจเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงหรือคำแก้ตัวใดใด การมาของกิ่ง ทำให้อารมณ์ของจริงใจ ขุ่นมัวไปอีก 15%
"ไหนประชุมอะไรกันไปแล้วบ้าง เล่าให้ฟังคร่าวๆหน่อยได้มั้ยคะ?" เธอถามกลางที่ประชุม แต่ทั้งห้องยังเงียบ ไม่มีใครตอบสนอง เธอจึงต้องกระแอมแก้เขิน พร้อมหันไปถามฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองใช้เวลาอธิบายกันอยู่สักพัก กิ่งก็เงยหน้าขึ้นมา
"ต่อเลยค่ะ" เธอบอก พร้อมกลับไปเงี่ยหูฟังฟ้าอธิบายให้จบ จริงใจถอนหายใจออกมาเสียงดังดัง เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเธอเบื่อเพื่อนคนนี้ของยิ้มเต็มทน ยิ้มก็ได้แต่หน้าเครียด หันไปกลางไปที่ประชุมแล้วถามอีกรอบ
"ว่าไง สรุปไม่มีใครมีไอเดียอื่นมาเสนอเลยเหรอ?"
ทุกคนยังเงียบอยู่ ยกเว้นก็แต่เสียงจุกจิกระหว่างฟ้ากับกิ่งที่ส่งเสียงเบาๆตลอดเวลา เมื่อเห็นเช่นนั้น ยิ้มจึงหันไปจริงใจ
"แกว่าเป็นไง?"
"อืมม ฉันว่ามันก็ดี แต่มันก็ยังไม่พอ... ทำไมถึงมีมาเสนอกันแค่นี้ละ ถ้ารวมกันเป็นทีมคิด มันควรจะมีไอเดียอื่นที่โผล่ออกมามากกว่านี้สิ" จริงใจเริ่ม
"และความจริงที่พี่บอก คือพี่อยากให้ทุกคนได้คิด แล้วได้มาขายในวันนี้ ทุกคน!! แต่พอวันนี้กลายมาเป็นกลุ่มพี่ก็ยังงง ความจริงถ้ามาแบบเป็นกลุ่มแล้วมันดีกว่านี้มันก็ยังโอเค แต่ไอเดียที่เสนอมาวันนี้มันก็เป็นแบบเดิมๆ แบบที่คนเดียวคิดก็สามารถทำได้ พี่เลยไม่แน่ใจเลยว่าพวกเธอได้ใช้เวลาสองวันที่ให้ไปได้อย่างคุ้มค่ารึเปล่า"
จริงใจร่ายยาวต่อ ตอนนี้ทุกคนเงียบสนิท แม้แต่กลุ่มของฟ้าและกิ่งที่คุยกันอยู่ก็ถึงกับต้องหยุด จริงใจไม่ได้ใส่อารมณ์แต่แสดงความผิดหวังออกมามากพอสมควร
"แต่กิ่งว่าที่น้องๆทุกคนคิดก็ดีออก กิ่งชอบสองไอเดียนี้นะ" กิ่งขัดขึ้นมา เมื่อบรรยากาศเงียบเกินไป
"ยังไงคะ" จริงใจถาม
"ก็เข้าใจง่ายดี แล้ว อาร์ตไดก็สวย แต่อาจจะต้องปรับอีกนิดหน่อย ให้มันดูหรูกว่านี้"
"สิ่งที่คุณกิ่งพูดมันนามธรรมมากเลยค่ะ ช่วยพูดอะไรที่มันเป็นรูปธรรมกว่านี้ได้มั้ยคะ?"
"แหม คุณจริงใจก็ งานให้มันดูหรูอะคะ นึกไม่ออกเหรอคะ ก็ใส่พวกลายไทย เพิ่มเข้าไป ใช้สีทองสีน้ำเงินผ้าไหมเข้ามาช่วยให้มันดูหรูขึ้นมา ฝรั่งจะได้สน"
"เฮ้ยกิ่ง ... แกพูดอะไรออกมาเนี่ย?" ยิ้มขัดขึ้น รู้สึกตกใจกับคำพูดที่เพื่อนบ้านตัวเองพึ่งพ่นออกมา เช่นเดียวกับน้องๆอีกหลายๆคน ที่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก กิ่งทำหน้าฉงน สงสัยว่าทำไม ยิ้มจึงต้องตกใจเช่นนี้
"ทำไมละ? ฉันพูดอะไรผิดเหรอไง?" เธอถาม ยิ้มกำลังจะอ้าปากตอบแต่จริงใจก็ขัดขึ้น
"ไม่ผิดหรอกค่ะ"จริงใจเอ่ย
"ว่าแต่ว่า คุณกิ่งได้อ่านเอกสารข้อมูลที่จริงได้ส่งอีเมลไปให้มั้ยคะ? ในนั้นมีรายละเอียด และแนวทางความคิด ที่คุณกิต พี่ชายของคุณกิ่งได้เคยคุยกับทางเราไว้ ว่าไม่เอาลายไทย ไม่เอาสีทอง ไม่เอาผ้าไหม อยากให้ได้สไตล์คนรุ่นใหม่ มีดีไซน์ที่ทันสมัย และเข้าถึงได้ทุกคน" จริงใจถามอีกรอบ กิ่งนิ่ง อึ้ง หันหน้ามามองฟ้าทันที ฟ้าพยักหน้ายืนยัน กิ่งจึงได้แต่กระแอม
"งั้นก็ใช้อาร์ตไดเรคชั่นของน้องๆสิคะ... ตรงตามที่พี่กิตต้องการทุกอย่าง"
"ตอนนี้พักเรื่องอาร์ตไดฯนั้นไว้ก่อนเถอะค่ะ ยังไงพี่ยังอยากได้ไอเดียคอนเส็ปงานเพิ่มอีก ที่มันมากกว่านี้ น่าสนใจกว่านี้ คราวหน้าพี่ขอเยอะกว่าแค่สองงานนะ เราต้องรีบทำพรีเซ้นขายลูกค้าแล้ว อย่าทำให้เป็นเหมือนงานที่แล้วที่เล่นเอากันจนวินาทีสุดท้าย" จริงใจไม่สนคำพูดของกิ่งอีกต่อไป หันมาพูดต่อกับทุกคน แล้วหันไปมองหน้ายิ้ม ยิ้มพยักหน้าพูดต่อ
"ส่วนพี่ พี่คิดเหมือนจริงใจนะ ไอเดียวันนี้อ่อนไป มันก็ดี แต่มันยังไม่ดีมากขนาดนั้น พี่ว่าเราลองกลับไปคิดกันมาใหม่ วันอังคารเราค่อยมาคุยกันอีกทีดีกว่า ว่าอะไรเป็นอะไร" ยิ้มกล่าว พนักงานทุกคนรับปากเสียงเบาไม่สู้ดีนัก ยิ้มจึงเรียกสติทุกคน
"เอ้า!!! เสียงดังฟังชัดหน่อย มีโอกาสแก้ตัวอีกหนึ่งรอบ อย่าให้เสียชื่อ" ยิ้มพูดอย่างกระตือรือร้น แต่ลูกน้องก็ยังอ้อมแอ้ม
"ไปไปไป ไปทำงาน แล้วเดี๋ยวเรามาต่อกันอาทิตย์หน้า" ยิ้มปิดการประชุม น้องๆทุกคนเดินคอตกออกไปทำงาน เหลือก็แต่บรรดาหัวหน้าสามคนในห้อง ที่ยังคงนั่งคิดวิเคราะห์และพิจารณาเรื่องอื่นๆกันต่อไป








แว่นกระดาษ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ต.ค. 2558, 20:49:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ต.ค. 2558, 20:50:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 740





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account