ดวงจิตสื่อรัก
Tags: ไม่ใช่แนวตบจูบเป็นเรื่องที่แต่งจากประสบการณ์เรื่องจิตวิญญาณ
ตอน: ตอนที่ 20
ตอนที่ 20
ภายในห้องคนเจ็บ ศวิตาเดินงุ่นง่านกลับไปมา หงุดหงิดเกินบรรยายที่คนบนเตียงไม่ยอมรู้สึกตัว พอทน
ไม่ไหวจึงเดินเข้าหา สายตาสวยคมเพ่งพิศทอดมองอมรินทร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งมองยิ่งหลงใหล เขาเหมือนผู้ชาย
ในฝันของเธอ หน้าตาดีแบบแมนแท้ๆ ไม่สำอางหรือหล่อสวยแบบหญิง รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง หากเธอได้มาครอง
คงมีความสุขไม่น้อย ที่ผ่านมา เธอคบผู้ชายมากหน้าหลายตาแต่ไม่มีใครจุดอารมณ์ปรารถนาในใจจนอยากได้มา
ครองเท่าเขา พบหน้าครั้งแรกคิดว่าจะใช้เสน่ห์เข้าหาได้ง่ายแต่กลับยาก เวลานี้ได้มาใกล้ชิด โอกาสเป็นของเธอ
แล้วนี่ มือเรียวสวยยื่นไปสัมผัสใบหน้าผู้ที่หลับไหลไม่ได้สติอยู่ตามใจคิด นิ้วเรียวสวยสัมผัสเบาๆไปทั่วใบหน้า
หล่อเข้มก่อนหยุดลงที่ริมฝีปากได้รูปแล้วไล้เบาๆ พลางขยับใบหน้าสวยหอมกรุ่นเข้าไปใกล้
“หมออามขา หมอรู้มั้ย เสน่ห์ของหมอเร้าใจจุงสุดๆ หมอเลิกสนใจแฟนหมอได้แล้ว ดูสิเจ็บหนักเจียนตาย
ยังไม่มาดูอีก เลิกคบเถอะค่ะผู้หญิงโง่จืดชีดแบบนั้น มาสนใจจุงดีกว่า จุงจะทำให้หมอมีความสุข ขอแค่หมอรัก
จุงก็พอ” ศวิตากระซิบบอกเบาๆ ยิ่งใกล้กันมากเท่าไรยิ่งอดใจไม่ไหวพลางคิดจะสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายพลันเสียง
ร้องอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“โอ๊ะโอ! ตายจริงขอโทษค่ะ”
ศวิตารีบขยับตัวออกห่าง หันหน้าไปดูอยากรู้ว่าใครที่บังอาจมาขัดจังหวะงามๆของเธอ ถ้าเป็นพยาบาล
จะเล่นงานให้เข็ด แต่พอเห็นสาวสวยหน้าหวานส่งยิ้มให้กับอีกคนซึ่งดูมีอายุมากพอจะเรียกป้าได้แถมมองเธอ
ด้วยแววตำหนิก็รู้สึกไม่พอใจ สองคนนี้เป็นใครกัน
“พวกคุณเป็นใคร เข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่เคาะประตู ไร้มารยาทที่สุด” ศวิตาต่อว่าอย่างฉุนจัด
ไม่สนใจรักษาภาพพจน์แต่อย่างไร สำหรับเธอสองคนนี้ไม่น่าจะมาอย่างมิตร
“คิดว่าไม่ผิดนะคะ เราอ่านชื่อหน้าห้องแล้ว ชื่อ นพ อมรินทร์ จิตประเสริฐ พวกเรามาเยี่ยมหมออาม
ครอบครัวเราสนิทกันมากค่ะ โดยเฉพาะคุณป้า เป็นเพื่อนสนิทคุณแม่หมออาม คุณทำให้เราคิดว่าเข้าห้องผิด
เพราะไม่เคยเห็นหมอเคยแนะนำให้รู้จักนี่คะ“ นิศาชลบอกหน้าซื่อตาใส
ศวิตาได้ยินแทบปรี๊ดแตก นึกไม่ถึงหญิงสาวผู้มาใหม่จะร้ายอย่างนี้ แต่คนอย่างเธอไม่เคยยอมใครอยู่
แล้วจึงแสร้งทำเป็นหน้าซื่อตาใสเช่นเดียวกัน
“เหรอคะ แหมอามนี่แย่จริง ไม่รู้จักแนะนำจุงให้พวกคุณรู้จักบ้างเลย คงคิดว่าไม่สำคัญ แค่เพื่อนแม่
ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่นี่คะ จะได้พาไปแนะนำให้รู้จัก”
วันทามองหน้าศวิตาด้วยสายตาตำหนิ เด็กสมัยนี้ช่างหน้าด้านจริงๆ โมเมอ้างผู้ชายเป็นแฟน แต่นาง
เป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะพาตัวไปทะเลาะกับเด็กจึงเดินไปที่เตียงดูอมรินทร์แทน ปล่อยให้ศวิตายืนเคว้งในห้องจน
น่ากรี๊ดให้ลั่น ทั้งที่เธอยึดครองห้องนี้แท้ๆแต่กลับถูกผู้หญิงต่างวัยสองคนนี้ทำเหมือนคนแปลกหน้า คิดจะไล่เธอ
ไป ไม่มีวันเสียล่ะ เธอจะอยู่คุมเชิงในห้องนี้แหละให้มันรู้ไป สองคนนี้จะทำอะไรเธอได้
วันทามองใบหน้าซูบซีด ไหล่ทั้งสองข้างมีผ้าพันแผลอยู่ ก็ให้นึกเห็นใจนัก คนดีๆอย่างอมรินทร์ไม่น่าจะ
มีศัตรูมากมาย ใจร้ายจริงๆ กะจะเอาให้ถึงชีวิต เป็นใครกันนะ โชคดีที่บิดามารดาของอมรินทร์ไปปฏิบัติธรรมที่วัด
ทางเหนือเป็นเดือนจึงไม่รู้ข่าว ถ้ารู้ไม่รู้จะทุกข์เพราะห่วงลูกชายคนเดียวมากแค่ไหน
“อาม ป้ามาเยี่ยมแทนแม่” วันทาพูดเบาๆ หวังให้คนไม่ได้สติรับรู้และก็ได้ผลเมื่อคนหลับไม่ได้สติลืมตา
ขึ้น ยิ้มให้ พยายามจะยกมือไหว้แต่ติดที่สายน้ำเกลือจึงทำอะไรได้ไม่ถนัด วันทาจึงยกมือห้ามเสีย
“เจ็บอยู่ไม่ต้องรักษามารยาทหรอก” เสียงนี้ดังไปถึงหูศวิตาเข้า เธอจึงรีบเดินเข้ามาดู
“อามคะ อามฟื้นแล้วจริงๆด้วย จุงดีใจจังค่ะ” ศวิตาปั้นหน้าดีใจ จงใจให้นิศาชลกับวันทาเข้าใจผิด
อมรินทร์จึงต้องยิ้มให้เธออย่างฝืนๆ
“ผมต้องขอบคุณคุณจุงที่ช่วยผมไว้และดูแลระหว่างที่ผมเจ็บ” อมรินทร์พูดเหมือนเกรงใจศวิตาแล้วหัน
ไปยิ้มให้นิศาชลพลางทักขึ้นว่า“คุณวิวก็มาด้วย แล้ว...เอ่อ...” เขาแกล้งทำเป็นสอดส่องสายตาหาใครบางคน
“หมออามหาข้าวเหรอคะ เห็นคุณต้นว่าพอเห็นข่าวก็เอาแต่ขังตัวเองในห้อง ไม่รู้เป็นอะไร” นิศาชลพูด
ความจริงไม่หมดต้องการหลอกให้ศวิตาเข้าใจผิดที่จริงกีรกันตากำลังตามมา แต่มันก็ทำให้ศวิตาลอบยิ้มอย่าง
พอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาดเดาไว้
“ข้าวคงเข้าใจผิด เอาเถอะ ไว้ผมจะหาโอกาสปรับความเข้าใจเอง” อมรินทร์มีสีหน้าผิดหวังแต่ไม่ยอมแพ้
“อามคะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นเลยค่ะ เพิ่งรู้สึกตัว จุงเป็นห่วงกลัวว่าจะไม่ฟื้นเสียอีก เกรงว่าจะ...จุงโทรไป
หาคุณกีรกันตาให้มาดูอาม เธอก็ไม่ยอมรับสาย จุงเลยต้องอยู่เฝ้าอามแทนค่ะ” ศวิตาพูดแทรกโดยไม่คำนึง
ถึงมารยาทและปั้นเรื่องได้อย่างไม่อายปาก เธออยากเรียกคะแนนนิยมจากเขา
วันทามองหน้าศวิตาด้วยสายตานำหนิอย่างแรงอยากไล่เด็กสาวคนนี้ไปให้พ้นๆด้วยความหมั่นไส้
“อาม ป้าคิดว่าเอ่อ...” วันทาเอ่ยขึ้นแล้วแสร้งปรายตามองศวิตาเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่าท่านอยากพูด
คุยกับคนเจ็บตามลำพัง ศวิตาเห็นแต่แสร้งทำเป็นโง่ไม่เข้าใจ นิศาชลคิดว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างให้ศวิตา
ออกไปจากห้องก่อนกีรกันตาจะมา
“คุณป้ามีเรื่องคุยกับหมออามตามลำพัง งั้นวิวขอตัวไปทำธุระก่อนแล้วค่อยกลับมารับนะคะ”
นิศาชลจงใจพูดตรงๆและทำตัวมีมารยาทไม่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวคนอื่นเพื่อให้ศวิตาทำตาม
“จริงสิ จุงลืมไปต้องไปธุระกับแม่ค่ะ จุงขอตัวก่อนนะคะ อาม ไว้เย็นๆจะมาใหม่” ศวิตาจำใจไปเช่นกัน
“รบกวนคุณจุงจริงๆ ตามสบายครับ” อมรินทร์ยังคงเกรงใจศวิตาเหมือนเดิม เขาพยายามไม่สร้างความ
สนิทสนมกับเธอ ผู้หญิงเจ้ามารยาอย่างศวิตาต้องหลีกให้ห่างไกล ทำตัวห่างเหินเข้าไว้ ใช่ว่าศวิตาจะรู้ไม่ทัน
ความคิดเขา ยิ่งคิดหนี เธอยิ่งล่า แต่วันนี้ขอตัวไปเที่ยวแก้เบื่อก่อนค่อยกลับมาล่าเหยื่อตรงหน้าต่อ
“อามก็ ทำเป็นเกรงใจจุงไปได้ จุงกับอามคุ้นเคยกันดี จุงไปก่อนดีกว่า ไว้ค่อยเจอกัน “ และโดยไม่มีใคร
คาดคิดศวิตาก้มลงหอมแก้มเขาก่อนไป เธอพยายามทำให้วันทากับนิศาชลคิดว่าเธอกับอมรินทร์มีความสัมพันธ์
อย่างลึกซึ้งแล้วไปบอกให้กีรกันตารู้ จะได้ยิ่งเข้าใจผิด อมรินทร์เป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีทางทำให้เธอหน้าแตกแน่
แต่ถ้าเธอรู้ว่านิศาชลกับวันทามีความสัมพันธ์อย่างไรกับกีรกันตา ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
“ผู้หญิงสมัยนี้ ช่างหน้าหนาไร้ยางจริงๆ เที่ยวไล่จับผู้ชายซึ่งๆหน้า นี่ถ้าปล้ำอามต่อหน้าป้าได้คงปล้ำ
ไปนานแล้ว ไม่แค่จูบฝากรักหรอก ” วันทาต่อว่าไล่หลัง
อมรินทร์ยิ้มขำ “อย่าคิดมากเลยครับคุณป้า เธออยู่ต่างประเทศนานไปหน่อย เลยติดค่านิยมเขามาลืม
นึกไปว่าที่นี่ประเทศไทย แต่คิดอีกทีก็ไม่แปลกเพราะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ก็รับวัฒนธรรมต่างชาติมาไม่น้อย ไอ้ที่ดีๆ
ก็ไม่ค่อยรับแต่ชอบรับที่ไม่ดี เพราะผู้ใหญ่เรานั่นแหละที่ผลักดันให้เด็กเป็นอย่างนั้น ไม่เคยคิดเตือน คิดป้องกัน
หรือปลูกฝังสิ่งดีๆให้เด็ก ถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ผู้ใหญ่ก่อน” อมรินทร์พูดเหมือนนักวิชาการ
วันทาแปลกใจ คนเจ็บเสียเลือดมากทำไมถึงได้ดูแจ่มใส ฟื้นตัวได้ภายในหนึ่งวัน “นี่ถ้าป้าไม่เห็น
สายน้ำเกลือกับบาดแผลบนตัวอาม ป้าคิดว่าอามไม่ใช่คนไข้หลังผ่าตัดเพราะถูกยิงแน่”
“ผมมีวิธีครับ ว่าแต่คุณป้ามีอะไรจะพูดกับผมเป็นการส่วนตัวครับ” พอเขาถาม วันทาก็ยิ้ม
“เปล่า ไม่มี ป้าแค่หมั่นไส้แม่คนนั้น อยากไล่ไปให้พ้นๆ ป้าไม่อยากก้าวก่ายนักหรอก แต่ถ้าอามนึกชอบ
ชอบแม่คนนั้น โลกนี้จะมีผู้ชายโง่เพิ่มอีกคน“ นิสัยวันทาคือชอบพูดอะไรตรงๆกับคนคุ้นเคย
อมรินทร์ขยับปากจะตอบแต่กลับยิ้มแทนเมื่อรับรู้ถึงการมาของกรีกันตา
“คุณป้าคงไม่ว่าอะไรนะครับ ถ้าผมขอหลับต่อ ร่างกายผมเริ่มประท้วงให้พักแล้วครับ” พอเอ่ยจบก็หลับ
ตาลงพร้อมเสียงลมหายใจทอดยาวสม่ำเสมออย่างเพลียจัด ผู้สูงวัยยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างเข้าใจ ต่อให้เก่งแค่
ไหนแต่สุดท้ายก็แพ้ต่อสังขารอยู่ดี เมื่อคนเจ็บหลับก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อดังนั้นคนมาเยี่ยมจึงถือโอกาส
กลับโดยไม่ร่ำลาเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียต้องมีคนมาเฝ้าแทนแน่ ไม่ช้าคงมาถึง
วันทาไปได้สักพัก ประตูห้องคนเจ็บก็เปิดออกอีกครั้งก่อนร่างระหงงดงามชวนมองของสาวสวยหน้าตา
น่ารักสะดุดตาจะพาตัวเข้ามาใกล้เตียงคนไข้ สายตาทอดมองร่างสูงใหญ่บนเตียง ใบหน้าซูบซีดกับบาดแผล
ที่ไหล่ ก็ให้สงสารนัก และนึกโทษตัวเองที่คิดอะไรเหลวไหลไม่ได้เรื่อง เพียงแค่ห็นข่าวยังไม่ทันได้สอบถามเรื่อง
ราวให้แน่ชัดก็ด่วนตัดสินเขาเสียแล้ว หากหมอช่วยชีวิตไม่ทัน ป่านนี้คง. พอคิดมาถึงตอนนี้ดวงตาคู่สวยก็มี
น้ำตาเอ่อคลอ สักพักก็ระงับเสีย ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง มือเรียวสวยจับมือใหญ่ขึ้นมาแนบแก้มเนียนใส
“พี่อาม ข้าว...ข้าวอยากพูด...อยากถามพี่อามมากมาย...แต่ข้าว....” กีรกันตาไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไรดี
มีคำถาม คำพูดมากมายที่อยากบอกอยากพูดกับเขาแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ความรู้สึกหลายอย่างถาโถมเข้ามา
นับจากนาทีแรกที่เห็นสภาพคนเจ็บ เธอนิ่งอยู่พักใหญ่แล้วจึงพูดต่อ
“ข้าวไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไรดี ข้าวอยากขอโทษพี่อาม ข้าวโง่เอง พี่อามช่วยข้าว ดีกับข้าวมาตลอด....
แต่แค่ข่าวพาดหัวชิ้นหนึ่ง ข้าวก็นึกระเวงพี่อามแล้วข้าวแย่มากใช่มั้ยคะ แถมโง่อีก ไม่คู่ควรให้พี่อามรักและ
ห่วงใยสักนิด ข้าวเจ็บใจตัวเองนัก ทำไมโง่อย่างนี้ ไม่ทันเล่ห์กลคนอื่น...ข้าว...” เธอหยุดพูดเพราะเสียงเริ่มสั่น
คล้ายจะร้องไห้เต็มที
อมรินทร์นอนฟังอยู่เกือบจะลืมตาขึ้นพูดปลอบด้วยความสงสารจับใจหากอดกลั้นไว้ บอกตัวเองว่า
อย่างนี้ดีแล้ว ขืนให้เธอรู้ว่าเขารู้สึกตัวตั้งนานแล้ว เธอคงอายและไม่ได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา
เขาอยากให้เธอได้ระบายออก ค่อยปลอบทีหลัง
“พี่อามข้าวขอโทษ ข้าวคงพูดคำนี้ได้ตอนพี่อามยังไม่รู้สึกตัว ข้าวไม่แน่ใจ ถ้าพี่อามรู้สึกตัวแล้วจะ
ยกโทษให้เด็กโง่คนนี้ได้หรือเปล่า ข้าวกลัว...ไม่อยาก...ไม่อยากสูญเสียผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตวิตข้าวไป...แต่ถ้า..
พี่อามไม่ให้อภัยข้าว..ก็...ก็สมควรแล้ว...ข้าวไม่โทษใครนอกจากตัวเอง”
กีรกันตาสารภาพจากใจจริงด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ สายตาทอดมองคนหลับไม่ได้สติเหมือนจะวิงวอนให้
ยกโทษให้เธอ กลัวเหลือเกิน กลัวว่า พอเขาลืมตาขึ้นมาจะขับไล่เธอ บอกเลิกเธอ ยิ่งคิดดวงตาคู่สวยยิ่งมีน้ำตา
เอ่อเคลอ
อมรินทร์คิดว่าขืนปล่อยไปนานเธอจะยิ่งคิดเลอะเทอะฟุ้งไปกันใหญ่ เธอกำลังถูกความรู้สึกผิดในใจ
เล่นงานจนขาดสติ คิดโทษตัวเองฝ่ายเดียว เขาจึงลืมตาขึ้น ยิ้มให้อย่างล้อเลียน
“ข้าว เป็นเด็กขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำแบบนี้เท่ากับแช่งพี่นะ หรืออยากให้พี่ไม่ฟื้นตลอดไป
ไม่ไหวเลยจริงๆ กีรกันตาคนเก่งไปไหนนะ”
ยิ่งเห็นเขาดีกับเธอ กีรกันตายิ่งอยากร้องหนักมากขึ้น รู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าสวยเนียนฟุบ
ลงไปซบอกกว้างแข็งแรงของอีกฝ่ายแล้วปล่อยโฮอย่างไม่อาย มือบางทุบเบาๆบนอกไปด้วย
\ “พี่อามบ้า..บ้าที่สุด...ทำไมต้องทำดีกับข้าวด้วย ทำให้ข้าวเสียน้ำตา ฮือ..ฮือ..ๆ” อมรินทร์ใช้มือที่ไม่มี
เข็มน้ำเกลือแทงอยู่ กอดหลังบอบบางไว้ลูบปลอบเบาๆ
“เบาจ้ะข้าว พี่เจ็บ เลิกร้องได้แล้วเด็กขี้เย ขืนร้องต่ออีกมีหวังอาการพี่ทรุดเพราะช้ำในตายก่อน”
เขาปลอบแต่เธอกลับสะอื้นไห้หนักจนคนปลอบอ่อนใจ ปล่อยให้ร้องให้พอใจยอมเจ็บก็แล้วกัน นึกอยากให้มี
ใครสักคนมาขัดจังหวะบ้างเขาจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมาก คิดปั๊บก็มีตัวช่วยมาปุ๊บ
“อุ๊ย” ตัวช่วยอุทานเบาๆแล้วทำท่าจะปิดประตู หากอมรินทร์ไม่รีบส่งเสียงเรียกขึ้นก่อน
“คุณวิว อย่าเพิ่งไปครับ” ได้ผลคนที่สะอื้นไห้ไม่ยอมหยุดรู้ตัวทันที หยุดร้องไห้ เงยหน้าขึ้น ท่าทางเขิน
จัด ดวงตาคู่สวยค้อนให้ทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาอยู่ คนถูกค้อนอยากขำเต็มทีติดที่มีนิศาชลอยู่ด้วย จึงจำต้องระงับ
ไว้ สีหน้าท่าทางนิศาชลบอกว่าไม่เข้าใจในตอนแรกแต่พอเห็นหน้าอมรินทร์กับกีรกันตาก็ยิ้มขำและพอจะคาด
เดาเรื่องออก
“เป็นครั้งแรกนะคะ ที่หมออามคนเก่งจนมุม” นิศาชลแซวเล่น
“ยอมรับครับผม คุณวิว” อมรินทร์สารภาพตรงๆ ขณะที่กีรกันตาหน้าแดงเขินจัดเมื่อถูกล้อเลียนพลาง
ส่งสายตาดุๆไปยังอมรินทร์อย่างฉิวจัดก่อนหันมาพูดกับนิศาชล
“พี่วิว..มาเยี่ยมพี่อาม....ก็ไม่บอก” กีรกันตาพูดไม่เต็มเสียงนัก ยังเขินอายอยู่
“พี่สงสารหมออามนี่ ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ไม่มีใครมาดูใจ แต่สงสัยพี่จะเข้าใจผิด ถ้างั้นวิวเห็นทีจะต้อง
ไปดีกว่า ไม่อยากเป็น..” นิศาชลพูดค้างไว้แค่นั้นแล้วพาตัวออกจากห้องปล่อยให้คนในห้องเคลียร์กันเอง
=====================================
พอออกจากห้องอมรินทร์ลงมาชั้นล่างกำลังจะเดินไปร้านกาแฟเพื่อรอปฏิภาณ นิศาชลก็พบกับคนที่ไม่
อยากพบเดินยิ้มตรงเข้ามาหา เธอทำเป็นมองไม่เห็นเดินเลยไปแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดีเพราะเสียงทักดังขึ้นก่อน
“สวัสดีครับคุณวิว ไม่นึกไม่ฝันจะได้พบคุณที่นี่ ไม่พบกันนาน คุณสวยขึ้นมาก” พูดพลางส่งสายตา
สำรวจไปทั่วร่างบางอรชรซึ่งนิศาชลเกลียดนักสายตาแบบนี้
“ขอบคุณค่ะที่ชม คุณวรพจน์ ไม่พบกันนาน คิดว่าคุณจะมีมารยาทดีขึ้นแต่ก็เหมือนเดิม” เธอว่าอย่าง
ไม่เกรงใจจึงทำให้วรพจน์หน้าตึง เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองที่เธออพูดจารักษามารยาทกับเขาเพราะหน้าที่บังคับ
เวลานี้เธอไม่ได้ทำงานแล้วจึงไม่คิดจะเกรงใจ หนำซ้ำเขาเองก็เคยลวนลามเธอด้วยจึงไม่แปลกที่เธอจะพูดกับ
เขาแบบนี้
“ผมถือเป็นคำชม วันนี้เอาชู้รักไปทิ้งไว้ที่ไหนล่ะคนสวยถึงมาคนเดียว ผมสงสารจริงๆ ผู้หญิงสวยๆ
อย่างคุณช่างโชคร้ายนัก มีคนรักก็เปิดเผยไม่ได้ มีสามีก็ใช้การไม่ได้ คนรักตัวจริงเลยเป็นได้แค่ชู้ผมยังไม่รู้ว่า
เรื่องจะจบอย่างไรถ้าคุณก้องเกียรติรู้ว่าชายชู้เป็นใคร” วรพจน์แสร้งทำเป็นอยากรู้แต่ความหมายก็คือข่มขู่
เธอนั่นเอง นิศาชลเกลียดผู้ชายชั่วช้าคนนี้นักขณะเดียวกันก็อดหวาดหวั่นกับสิ่งที่ขาพูดไม่ได้
“ขอบคุณที่เห็นใจ ดิฉันขอตัว” เธอพูดเสียงห้วนก่อนเดินจากไปโดยไม่สนใจคำว่ามารยาทจึงไม่เห็นสี
หน้าแค้นจัดของอีกฝ่าย ทำอวดดีไปเถอะ สักวันจะทำให้มาสยบแทบเท้าเขาให้ได้ จริงสิ ให้คนแอบติดตามไปดี
กว่า เขารีบกดโทรศัพท์มือถือหาคนขับรถที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว สั่งให้ติดตามนิศาชลและถ่ายภาพเก็บไว้
เป็นหลักฐานถ้าเธอพบกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่สามีเธอ
‘คนสวย ไม่ช้าหรอก เธอต้องมาร้องขอความเมตตาจากฉัน กล้ามาด่าว่าคนอย่างนายวรพจน์ ช่างไม่
ดูตัวเองบ้าง’ เขาคิดอย่างหมายมั่นและแค้นจัด
========================
นิศาชลเข้ามาในร้านกาแฟของโรงพยาบาลเห็นปฏิภาณนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้มให้แล้วเดินตรงเข้าไปหา
โดยไม่รู้ว่ามีชายคนหนึ่งแต่งตัวดี ท่าทางสุภาพเดินตามหลังมาติดๆก่อนเดินเลยไปหาโต๊ะนั่งทว่าจงใจเลือกโต๊ะที่
อยู่ด้านหลังตัวที่ปฏิภาณนั่งอยู่จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาวางบนโต๊ะสั่งกาแฟกับขนมเค้กมาทานแล้วเดินไป
หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านระหว่างรอบริกรนำมาเสริฟ
“ขอคาฟูชิโน่กับเค๊กช็อคชิ้นหนึ่งด้วยครับ” ปฏิภาณสั่งให้นิศาชลอย่างรู้ใจ บริกรจดแล้วก็ไป
“คุณต้น รู้ได้ยังไงว่าวิวกำลังอยากทานกาแฟ กับเค้กคะ” นิศาชลถามอย่างแปลกใจ
“อะไรที่เกี่ยวกับคุณวิว ผมรู้หมด เป็นไงครับคนเจ็บกับน้องสาวผม” เขาถามทั้งที่รู้แล้ว
“คุณต้นรู้แล้วยังถามอีก งานนี้วิวขอค่าเหนื่อยค่ะ รวมของคุณป้าด้วย” เธออยากได้ค่าตัวแถมยังมีน้ำใจ
เรียกร้องแทนวันทาด้วย
“โธ่ คิดว่าจะใจดีทำให้ฟรี แฟนขอร้องทั้งที” เขาเผลอพูดคำว่าแฟนออกมา
นิศาชลได้ยินแล้วใจไม่ดี ถ้าเขาไม่ใช่ที่ปรึกษารัฐมนตรีและเธอไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายของใครคงไม่
เดือดร้อนหากจะเอ่ยคำนี้ออกมาในที่ต่างๆ ที่นี่อาจมีคนรู้จักและกลายเป็นข่าวได้
“คุณต้น ระวังคำพูดด้วยค่ะ เราไม่ได้อยู่ตามลำพังนะคะ” เธอกระซิบเตือน
ปฏิภาณยิ้งขำที่เธอระแวงเกินเหตุ แล้วนึกแปลกใจ ปกติเธอไม่ใช่คนคิดมาก ยิ่งที่นี่ เขามั่นใจไม่มีใครรู้
จักเขาด้วยซ้ำ
“คุณวิว คิดมากไปได้ ที่นี่ไม่มีนักข่าว คนที่รู้จักผมมักเป็นนักข่าว คนทั่วไปไม่มีใครสนใจผมหรอก”
เขาบอกให้เธอสบายใจ
“ไม่รู้สิคะ วิวสังหรณ์ใจชอบกล เมื่อครู่ก่อนมาพบคุณต้น รู้มั้ยคะวิวเจอใคร” เธอบอกเขาตามตรง
“ใครครับ” เขานิ่งแล้วพูดต่อ “ที่แท้คนเลวนั่นอีกแล้ว แย่แล้ว..” เขาหันไปมองด้านหลังแต่ไม่เห็นใคร
“อะไรแย่คะ คุณต้น” เธอไม่เข้าใจ อยู่ดีๆเขาก็มีสีหน้าท่าทางเหมือนจะเกิดเรื่องใหญ่
“เรารีบไปจากที่นี่ดีกว่า“ พูดจบเขาก็รีบเดินไปจ่ายเงินแล้วเดินนำเธอไปที่ลานจอดรถทันที แต่ไม่ใช่
ชั้นที่เขาจอดรถอยู่ ไปถึงก็สบถออกมา “เจ็บใจนัก มันหนีไปได้” จากนั้นก็รีบจุงมือเธอไปที่รถเป็นการด่วน
เพราะวันทากลับไปแล้ว
“เดี๋ยวค่ะ คุณต้น เกิดอะไรขึ้น” เธอถามพลางซอยเท้าตามเขา
“คนที่คุณพบก่อนมาหาผม ส่งคนมาแอบถ่ายวีดีโอบันทึกภาพของเราไว้ ผมตามไม่ทัน นายวรพจน์คิด
จะใช้เรื่องนี้บังคับผมกับคุณ คิดง่ายไปหน่อยมั้ง” พอเขาบอกเธอก็หยุด จนทำให้เขาต้องหันมามองอย่างสงสัย
เมื่อเห็นท่าทางวิตกของเธอ
“ไม่ต้องคิดมากคุณวิว ผมรับรองนายวรพจน์ไม่กล้าทำอะไรพวกเรา” เขาปลอบ
“เปล่าค่ะ วิวไม่ได้ห่วงเรื่องนี้ แต่วิวกำลังกลัวว่าเขาจะไปร่วมมือกับนายก้องเกียรติ” พอเธอบอกเขาก็
รีบดึงตัวเธอไปขึ้นรถก่อนถามเสียงเครียด
“คุณวิว ทำไมคุณต้องปิดผมเรื่องนายก้องเกียรติ บอกมานายคนนั้นขู่อะไรอีก ไหนคุณสัญญาแล้ว
จะบอกผมทุกเรื่อง ทำไมคุณต้องปิดบังด้วย”
“คุณต้น ใจเย็นๆก่อน ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะแค่พวกนั้นหลอกใช้แม่มาบีบบังคับให้วิวไปเลี้ยงส่ง
นายปีเตอร์ ที่ร้านอาหารจีนคืนพรุ่งนี้ ครั้งนี้แม่จะไปด้วย คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอพยายามพูดกับเขาอย่างใจ
เย็น ปกติปฏิภาณเป็นคนใจเย็น รอบคอบ ไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวให้เห็น แต่พอมีเรื่องกับวรพจน์ทีไรจะ
เย็นไม่ไหว ไม่รู้ว่าแค้นกันแต่ชาติปางไหน
“ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับนายวรพจน์ตรงไหน” คราวนี้เขากลับเป็นปกติเมื่อระงับอารมณ์โกรธได้
“เขาพูดเหมือนนายก้องเกียรติรู้ว่าวิวคบกับคุณต้นอยู่” นิศาชลเลี่ยงคำว่า “ชู้” ตามที่วรพจน์บอกแต่เธอ
ไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วตั้งแต่มองหน้าเธอ
“หายห่วงได้คุณวิว ทำใจให้สบาย ต่อให้นายก้องเกียรติรู้ รับรองไม่กล้าทำอะไรผมหรอก รอดูไปเรื่อยๆ
ก็แล้วกัน คืนพรุ่งนี้คุณวิวไปเลี้ยงส่งนายปีเตอร์ตามที่รับปากไว้ ทุกอย่างมันควรจะจบเสียที” ดูเขามั่นใจมาก
“คราวนี้คุณต้นมาแปลก ไม่ห้ามแต่ให้ไป เอ๊ะมีอะไรรึเปล่าคะ” เธอถามกึ่งยั่ว
“ถึงเวลาก็รู้เอง คืนพรุ่งนี้รับรองสนุก ไม่ใช่สิ ต้องหลังจากคืนพรุ่งนี้ คราวนี้พวกนั้นคงเลิกวุ่นวายกับ
คุณวิวไปอีกนาน บางทีใครบางคนควรได้รับบทเรียนเสียที” เขาไม่บอกว่าใครบางคนนั้นคือใคร
“ถ้าไม่สนุก วิวจะปรับคุณต้นข้อหายอมให้วิวไปเสี่ยงภัย” แม้เธออยากรู้ว่าใครบางคนคือใครแต่ก็ไม่คิด
จะถามเพราะรู้ว่าเขาไม่ตอบแน่ จึงแสร้งทำเป็นพูดเล่นแทน ไม่อยากให้เขาเครียด
“มีผมอยู่ทั้งคนรับรองไม่มีทางเสี่ยงแน่นอน ว่าแต่วันนี้ช่วยทำกับข้าวเลี้ยงผมสักมื้อ ที่คอนโดผมได้มั้ย
คุณวิว” เขาอ้อนอย่างน่าเห็นใจ
“ไม่ต้องอ้อนเลยค่ะ ไม่ใจอ่อน อยากให้เลี้ยงต้องบ้านวิวค่ะ” เธอรู้ทัน ขืนไปคอนโดฯสองต่อสอง มันเสี่ยง
เกินไป อีกอย่างคนที่คอนโดฯต้องรู้แน่ว่าเขาเป็นใคร แล้วเรื่องที่อยากปิดจะปิดไม่อยู่ กลายเป็นข่าวดังสมใจคน
หลายคนแน่
“ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นบ้านปู่ผมก็แล้วกัน บ้านคุณวิวผมเบื่อแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เขาไม่รอให้เธอตอบ
ก็ขับรถไปยังบ้านที่เมืองนนท์ทันที นิศาชลไม่ว่าอะไรเพราะเธอเองก็ชอบบรรยากาศที่นั่น
==============='''
ภายในห้องคนไข้พิเศษ อมรินทร์กำลังรับศึกหนักเพราะเผลอไปหัวเราะขำเด็กขี้แยเข้าหลังนิศาชลไปแล้ว
“พี่อาม ตลกนักเหรอไงถึงได้หัวเราะอยู่ได้ แน่จริงหัวเราะอย่าหยุดนะ ไม่งั้นข้าวกลับ” กีรกันตาไม่ขำด้วย
ดวงตาคู่สวยจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ล้อแล้ว ที่จริงพี่น่าจะขอบคุณคุณจุงนะที่ทำให้พี่รู้ว่าข้าวรักพี่มาก ไม่เสียแรงที่ลงทุนเลี้ยงต้อยมา
นานกว่าจะเข้าร่างได้” อมรินทร์ไม่น่าพูดคำว่าขอบคุณศวิตาออกมาเลย เพราะมันทำให้กีรกันตาไม่พอใจและ
เริ่มขาดเหตุผลอีกครั้ง เลยพาลใส่เขา
“ใช่สิ ข้าวมันเด็กในสายตาพี่อาม ไหนเลยจะเหมือนยัยจุงโก๊ะนั่น ทั้งสวยทั้งร้อนแรง มีเสน่ห์มัดใจผู้ชาย
ทุกคน ถ้าชอบก็บอกกันตรงๆไม่ต้องแอบคบกันเพราะเกรงใจ ข้าวยินดีหลีกทางให้” เธอประชดพลางจ้องหน้าเขา
อย่างเอาเรื่อง
อมรินทร์ยิ้มขำ พูดถึงคู่อริหน่อยไม่ได้เป็นเดือดเป็นแค้นทุกที เมื่อครู่ยังร้องไห้ฟูมฟายสำนึกผิด
จนน่าสงสารอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นแม่เสือไปแล้ว เขาตามอารมณ์ผู้หญิงไม่ทันจริงๆ
“พี่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว สนใจแต่น้องข้าวเด็กขี้แยต่างหาก” เขายืนยันแต่ไม่วายยั่วเธอเล่น
“พี่อาม เมื่อไหร่จะเลิกล้อข้าว เห็นข้าวยอมให้เลยเอาใหญ่ พี่อามยังมีความผิดอยู่อีกนะ” เธอเหว
เขางงมีความผิด ข้อหาอะไรอีก
“ข้าวอย่าทำพี่งงสิ พี่จำได้ ไม่เคยทำอะไรผิด”
“ผิดสิ ผิดมากด้วย ผิดที่ยอมให้ยัยจุงโก๊ะนั่นทำตัวเป็นข่าวกับพี่อาม ทำให้ข้าวเป็นทุกข์” เธอหาเรื่อง
เขาหน้าตาเฉยจนเขากลายเป็นลูกแกะตัวใหญ่ถูกหมาป่าตัวเล็กหาเรื่อง
“นี่เขาเรียกว่าพาล ไม่มีเหตุผล พี่บาดเจ็บสลบไม่ได้สติช่วยตัวเองไม่ได้ จะไปรู้ได้ยังไงว่าใครทำอะไรกับ
พี่บ้างระหว่างสลบอยู่” เขาพยายามพูดให้เธอเข้าใจ กีรกันตาขยับปากจะโต้แต่เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นก่อน
เลยหันไปมองจึงเห็นหมอกับพยาบาลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจที่เห็นเธออยู่ในห้องแทนที่จะเป็นศวิตา
“หมอรู้สึกตัวแล้ว สีหน้าสดชื่นขึ้นมาก หมอคงหิว เดี๋ยวเขาคงยกอาหารมาให้แต่มียาก่อนอาหารสัก
สองสามเม็ดให้ทาน” คนเป็นหมอบอกคนเป็นหมอที่นอนเจ็บอยู่
“ขอบคุณครับหมอ ถ้าไม่ได้หมอ ผมแย่แน่” อมรินทร์กล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมอาชีพที่อาวุโสกว่า
“ไม่เป็นไร ผมไม่กวนหมอแล้ว ขอไปตรวจคนไข้รายอื่นต่อ” ว่าจบก็ออกไปพร้อมพยาบาลที่มองหน้า
กีรกันตาอย่างแปลกใจ
กีรกันตาเห็นสีหน้าชอบกลของพยาบาลแล้วพอจะเข้าใจ เพราะใครๆต่างพากันคิดว่าคนรักของเขา
คือศวิตาทั้งที่ตัวจริงเพิ่งมาปรากฏตัวให้เห็น คิดแล้วอยากป่าวประกาศออกไปดังว่า “ฉันนี่แหละของแท้ ยัยนั่นนะ
มันของก็อป” แต่ก็รู้ว่า เสียเวลาเปล่า สู้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า พักหนึ่งก็มีคนจากแผนกอาหารยกอาหารมา
ให้พร้อมพยาบาลเอายาก่อนอาหารมาให้ทาน และเธอก็ต้องเจอกับสายตาฉงนสงสัยของทั้งสองอีกก่อนออกไป
เธอเลิกสนใจ หันไปรินน้ำใส่แก้ว หยิบถ้วยใส่ยาก่อนอาหารสองเม็ดเพื่อป้อนคนเจ็บ
“ข้าวเอายาไปทิ้งชักโครกเสีย โจ๊กนั่นด้วยเททิ้งครึ่งหนึ่ง” กีรกันตาไม่เข้าใจสิ่งที่อมรินทร์บอก
“ทำไมต้องเททิ้งด้วย พี่อาม หรือว่าไม่ชอบกินยา นี่ล่ะน้า เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง ชอบสั่งยาให้คนไข้
กินทีละมากๆ แต่โจ๊กนี่สิทำไมต้องทิ้งด้วย ไม่กินข้าวกินเองก็ได้ กำลังหิวเสียด้วย” เธอคิดยั่วเขาเล่นด้วยเข้าใจว่า
เขาไม่ชอบกินยา หากใบหน้าจริงจังนั้นบอกให้รู้ว่าไม่ได้เล่น
“ข้าวก่อนที่ใครจะเข้ามารีบทำตามที่พี่บอกเร็ว แล้วจะบอกเหตุผลทีหลัง รับรองไม่ใช่อย่างที่ข้าวคิด”
กีรกันตาทำตามอย่างงงๆ พอเสร็จก็ยกชามโจ๊กมาวางเหมือนเดิม เขาจึงสั่งต่อ “เอาช้อนออกมาใส่ลงไปชามโจ๊ก
ทำเหมือนกินไปแล้ว”
“พี่อามตกลงมันอะไรกันแน่ ข้าวเง็งไปหมดแล้วนะ” เธอประท้วงออกมาตรงๆแต่ก็ยอมทำตาม
“เดี๋ยวพอพยาบาลถาม ให้บอกไปว่า พี่ทานแล้วแต่ไม่หมด “ นอกจากจะไม่ตอบยังออกคำสั่งให้ทำตาม
เพิ่มอีก กีรกันตาเริ่มไม่พอใจนึกฉุนแต่พอจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับคนที่เอาแต่สั่งๆประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
พยาบาลเข้ามาและถามจริงตามที่เขาบอก เธอตอบไปตามที่เขาบอกเลยทำให้พยาบาลมีสีหน้าพอใจก่อนออกไป
“ข้าวทำตามเรียบร้อยแล้ว พี่อามบอกได้หรือยัง ว่าเพราะอะไร” เธอมีสีหน้าจริงจังมากขณะถาม
อมรินทร์จะตอบก็ไม่มีโอกาสแล้วเมื่อมีคนเปิดประตูห้องเข้ามา เขาเริ่มเห็นความยุ่งยากอีกครั้งเมื่อรู้ว่า
ใครมากลัวกีรกันตาจะเข้าใจผิดแล้วไม่มาเหลียวแลเขาอีก ทว่าผิดคาดกีรกันตายิ้มหวานให้เขาแววตาเป็น
ประกายวาววับ
“คนดูแลพี่อามมาแล้ว ตามสบายนะคะ อยากรู้เหมือนกันว่ารักห่วงใยพี่อามมากแค่ไหน” พูดจบก็เดิน
ตรงไปหาศวิตาที่มองเธอด้วยสีหน้าฉงนเล็กน้อยก่อนยิ้มให้คู่อริด้วยสายตาท้าทาย
อมรินทร์เห็นแล้วรู้สึกหวาดๆ เห็นทีต้องวางตัวให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาตายแน่ กีรกันตาคงไม่ปล่อยเขา
ไว้แน่ ยิ่งเห็นเธอเฉยยิ่งน่ากลัว ทั้งยังต้องรับมือกับศวิตา ผู้หญิงมากเล่ห์ร้อยมายาอีก เฮ่อเกิดเป็นเขาเวลานี้
ช่างลำบากแท้ แล้วจะทำอย่างไรดี ถึงจะให้ศวิตาไม่มาวุ่นวายกับเขาและกีรกันตาอีก จิตแพทย์หนุ่มยอมรับว่า
จนปัญญาจริงๆ เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงตัดสินใจหลับตาเสีย ทำเหมือนหลับ ขอนอนดูเสือสาวสองตัวปะทะกันดีกว่า
************************************
*************ช่วงนี้ยุ่งๆหลายเรื่องเลยไม่มีเวลาจะมาโพสได้เร็วตามที่ต้องการ ถ้าช้าก็อย่าว่ากันนะคะ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ภายในห้องคนเจ็บ ศวิตาเดินงุ่นง่านกลับไปมา หงุดหงิดเกินบรรยายที่คนบนเตียงไม่ยอมรู้สึกตัว พอทน
ไม่ไหวจึงเดินเข้าหา สายตาสวยคมเพ่งพิศทอดมองอมรินทร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งมองยิ่งหลงใหล เขาเหมือนผู้ชาย
ในฝันของเธอ หน้าตาดีแบบแมนแท้ๆ ไม่สำอางหรือหล่อสวยแบบหญิง รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง หากเธอได้มาครอง
คงมีความสุขไม่น้อย ที่ผ่านมา เธอคบผู้ชายมากหน้าหลายตาแต่ไม่มีใครจุดอารมณ์ปรารถนาในใจจนอยากได้มา
ครองเท่าเขา พบหน้าครั้งแรกคิดว่าจะใช้เสน่ห์เข้าหาได้ง่ายแต่กลับยาก เวลานี้ได้มาใกล้ชิด โอกาสเป็นของเธอ
แล้วนี่ มือเรียวสวยยื่นไปสัมผัสใบหน้าผู้ที่หลับไหลไม่ได้สติอยู่ตามใจคิด นิ้วเรียวสวยสัมผัสเบาๆไปทั่วใบหน้า
หล่อเข้มก่อนหยุดลงที่ริมฝีปากได้รูปแล้วไล้เบาๆ พลางขยับใบหน้าสวยหอมกรุ่นเข้าไปใกล้
“หมออามขา หมอรู้มั้ย เสน่ห์ของหมอเร้าใจจุงสุดๆ หมอเลิกสนใจแฟนหมอได้แล้ว ดูสิเจ็บหนักเจียนตาย
ยังไม่มาดูอีก เลิกคบเถอะค่ะผู้หญิงโง่จืดชีดแบบนั้น มาสนใจจุงดีกว่า จุงจะทำให้หมอมีความสุข ขอแค่หมอรัก
จุงก็พอ” ศวิตากระซิบบอกเบาๆ ยิ่งใกล้กันมากเท่าไรยิ่งอดใจไม่ไหวพลางคิดจะสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายพลันเสียง
ร้องอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“โอ๊ะโอ! ตายจริงขอโทษค่ะ”
ศวิตารีบขยับตัวออกห่าง หันหน้าไปดูอยากรู้ว่าใครที่บังอาจมาขัดจังหวะงามๆของเธอ ถ้าเป็นพยาบาล
จะเล่นงานให้เข็ด แต่พอเห็นสาวสวยหน้าหวานส่งยิ้มให้กับอีกคนซึ่งดูมีอายุมากพอจะเรียกป้าได้แถมมองเธอ
ด้วยแววตำหนิก็รู้สึกไม่พอใจ สองคนนี้เป็นใครกัน
“พวกคุณเป็นใคร เข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่เคาะประตู ไร้มารยาทที่สุด” ศวิตาต่อว่าอย่างฉุนจัด
ไม่สนใจรักษาภาพพจน์แต่อย่างไร สำหรับเธอสองคนนี้ไม่น่าจะมาอย่างมิตร
“คิดว่าไม่ผิดนะคะ เราอ่านชื่อหน้าห้องแล้ว ชื่อ นพ อมรินทร์ จิตประเสริฐ พวกเรามาเยี่ยมหมออาม
ครอบครัวเราสนิทกันมากค่ะ โดยเฉพาะคุณป้า เป็นเพื่อนสนิทคุณแม่หมออาม คุณทำให้เราคิดว่าเข้าห้องผิด
เพราะไม่เคยเห็นหมอเคยแนะนำให้รู้จักนี่คะ“ นิศาชลบอกหน้าซื่อตาใส
ศวิตาได้ยินแทบปรี๊ดแตก นึกไม่ถึงหญิงสาวผู้มาใหม่จะร้ายอย่างนี้ แต่คนอย่างเธอไม่เคยยอมใครอยู่
แล้วจึงแสร้งทำเป็นหน้าซื่อตาใสเช่นเดียวกัน
“เหรอคะ แหมอามนี่แย่จริง ไม่รู้จักแนะนำจุงให้พวกคุณรู้จักบ้างเลย คงคิดว่าไม่สำคัญ แค่เพื่อนแม่
ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่นี่คะ จะได้พาไปแนะนำให้รู้จัก”
วันทามองหน้าศวิตาด้วยสายตาตำหนิ เด็กสมัยนี้ช่างหน้าด้านจริงๆ โมเมอ้างผู้ชายเป็นแฟน แต่นาง
เป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะพาตัวไปทะเลาะกับเด็กจึงเดินไปที่เตียงดูอมรินทร์แทน ปล่อยให้ศวิตายืนเคว้งในห้องจน
น่ากรี๊ดให้ลั่น ทั้งที่เธอยึดครองห้องนี้แท้ๆแต่กลับถูกผู้หญิงต่างวัยสองคนนี้ทำเหมือนคนแปลกหน้า คิดจะไล่เธอ
ไป ไม่มีวันเสียล่ะ เธอจะอยู่คุมเชิงในห้องนี้แหละให้มันรู้ไป สองคนนี้จะทำอะไรเธอได้
วันทามองใบหน้าซูบซีด ไหล่ทั้งสองข้างมีผ้าพันแผลอยู่ ก็ให้นึกเห็นใจนัก คนดีๆอย่างอมรินทร์ไม่น่าจะ
มีศัตรูมากมาย ใจร้ายจริงๆ กะจะเอาให้ถึงชีวิต เป็นใครกันนะ โชคดีที่บิดามารดาของอมรินทร์ไปปฏิบัติธรรมที่วัด
ทางเหนือเป็นเดือนจึงไม่รู้ข่าว ถ้ารู้ไม่รู้จะทุกข์เพราะห่วงลูกชายคนเดียวมากแค่ไหน
“อาม ป้ามาเยี่ยมแทนแม่” วันทาพูดเบาๆ หวังให้คนไม่ได้สติรับรู้และก็ได้ผลเมื่อคนหลับไม่ได้สติลืมตา
ขึ้น ยิ้มให้ พยายามจะยกมือไหว้แต่ติดที่สายน้ำเกลือจึงทำอะไรได้ไม่ถนัด วันทาจึงยกมือห้ามเสีย
“เจ็บอยู่ไม่ต้องรักษามารยาทหรอก” เสียงนี้ดังไปถึงหูศวิตาเข้า เธอจึงรีบเดินเข้ามาดู
“อามคะ อามฟื้นแล้วจริงๆด้วย จุงดีใจจังค่ะ” ศวิตาปั้นหน้าดีใจ จงใจให้นิศาชลกับวันทาเข้าใจผิด
อมรินทร์จึงต้องยิ้มให้เธออย่างฝืนๆ
“ผมต้องขอบคุณคุณจุงที่ช่วยผมไว้และดูแลระหว่างที่ผมเจ็บ” อมรินทร์พูดเหมือนเกรงใจศวิตาแล้วหัน
ไปยิ้มให้นิศาชลพลางทักขึ้นว่า“คุณวิวก็มาด้วย แล้ว...เอ่อ...” เขาแกล้งทำเป็นสอดส่องสายตาหาใครบางคน
“หมออามหาข้าวเหรอคะ เห็นคุณต้นว่าพอเห็นข่าวก็เอาแต่ขังตัวเองในห้อง ไม่รู้เป็นอะไร” นิศาชลพูด
ความจริงไม่หมดต้องการหลอกให้ศวิตาเข้าใจผิดที่จริงกีรกันตากำลังตามมา แต่มันก็ทำให้ศวิตาลอบยิ้มอย่าง
พอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาดเดาไว้
“ข้าวคงเข้าใจผิด เอาเถอะ ไว้ผมจะหาโอกาสปรับความเข้าใจเอง” อมรินทร์มีสีหน้าผิดหวังแต่ไม่ยอมแพ้
“อามคะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นเลยค่ะ เพิ่งรู้สึกตัว จุงเป็นห่วงกลัวว่าจะไม่ฟื้นเสียอีก เกรงว่าจะ...จุงโทรไป
หาคุณกีรกันตาให้มาดูอาม เธอก็ไม่ยอมรับสาย จุงเลยต้องอยู่เฝ้าอามแทนค่ะ” ศวิตาพูดแทรกโดยไม่คำนึง
ถึงมารยาทและปั้นเรื่องได้อย่างไม่อายปาก เธออยากเรียกคะแนนนิยมจากเขา
วันทามองหน้าศวิตาด้วยสายตานำหนิอย่างแรงอยากไล่เด็กสาวคนนี้ไปให้พ้นๆด้วยความหมั่นไส้
“อาม ป้าคิดว่าเอ่อ...” วันทาเอ่ยขึ้นแล้วแสร้งปรายตามองศวิตาเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่าท่านอยากพูด
คุยกับคนเจ็บตามลำพัง ศวิตาเห็นแต่แสร้งทำเป็นโง่ไม่เข้าใจ นิศาชลคิดว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างให้ศวิตา
ออกไปจากห้องก่อนกีรกันตาจะมา
“คุณป้ามีเรื่องคุยกับหมออามตามลำพัง งั้นวิวขอตัวไปทำธุระก่อนแล้วค่อยกลับมารับนะคะ”
นิศาชลจงใจพูดตรงๆและทำตัวมีมารยาทไม่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวคนอื่นเพื่อให้ศวิตาทำตาม
“จริงสิ จุงลืมไปต้องไปธุระกับแม่ค่ะ จุงขอตัวก่อนนะคะ อาม ไว้เย็นๆจะมาใหม่” ศวิตาจำใจไปเช่นกัน
“รบกวนคุณจุงจริงๆ ตามสบายครับ” อมรินทร์ยังคงเกรงใจศวิตาเหมือนเดิม เขาพยายามไม่สร้างความ
สนิทสนมกับเธอ ผู้หญิงเจ้ามารยาอย่างศวิตาต้องหลีกให้ห่างไกล ทำตัวห่างเหินเข้าไว้ ใช่ว่าศวิตาจะรู้ไม่ทัน
ความคิดเขา ยิ่งคิดหนี เธอยิ่งล่า แต่วันนี้ขอตัวไปเที่ยวแก้เบื่อก่อนค่อยกลับมาล่าเหยื่อตรงหน้าต่อ
“อามก็ ทำเป็นเกรงใจจุงไปได้ จุงกับอามคุ้นเคยกันดี จุงไปก่อนดีกว่า ไว้ค่อยเจอกัน “ และโดยไม่มีใคร
คาดคิดศวิตาก้มลงหอมแก้มเขาก่อนไป เธอพยายามทำให้วันทากับนิศาชลคิดว่าเธอกับอมรินทร์มีความสัมพันธ์
อย่างลึกซึ้งแล้วไปบอกให้กีรกันตารู้ จะได้ยิ่งเข้าใจผิด อมรินทร์เป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีทางทำให้เธอหน้าแตกแน่
แต่ถ้าเธอรู้ว่านิศาชลกับวันทามีความสัมพันธ์อย่างไรกับกีรกันตา ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
“ผู้หญิงสมัยนี้ ช่างหน้าหนาไร้ยางจริงๆ เที่ยวไล่จับผู้ชายซึ่งๆหน้า นี่ถ้าปล้ำอามต่อหน้าป้าได้คงปล้ำ
ไปนานแล้ว ไม่แค่จูบฝากรักหรอก ” วันทาต่อว่าไล่หลัง
อมรินทร์ยิ้มขำ “อย่าคิดมากเลยครับคุณป้า เธออยู่ต่างประเทศนานไปหน่อย เลยติดค่านิยมเขามาลืม
นึกไปว่าที่นี่ประเทศไทย แต่คิดอีกทีก็ไม่แปลกเพราะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ก็รับวัฒนธรรมต่างชาติมาไม่น้อย ไอ้ที่ดีๆ
ก็ไม่ค่อยรับแต่ชอบรับที่ไม่ดี เพราะผู้ใหญ่เรานั่นแหละที่ผลักดันให้เด็กเป็นอย่างนั้น ไม่เคยคิดเตือน คิดป้องกัน
หรือปลูกฝังสิ่งดีๆให้เด็ก ถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ผู้ใหญ่ก่อน” อมรินทร์พูดเหมือนนักวิชาการ
วันทาแปลกใจ คนเจ็บเสียเลือดมากทำไมถึงได้ดูแจ่มใส ฟื้นตัวได้ภายในหนึ่งวัน “นี่ถ้าป้าไม่เห็น
สายน้ำเกลือกับบาดแผลบนตัวอาม ป้าคิดว่าอามไม่ใช่คนไข้หลังผ่าตัดเพราะถูกยิงแน่”
“ผมมีวิธีครับ ว่าแต่คุณป้ามีอะไรจะพูดกับผมเป็นการส่วนตัวครับ” พอเขาถาม วันทาก็ยิ้ม
“เปล่า ไม่มี ป้าแค่หมั่นไส้แม่คนนั้น อยากไล่ไปให้พ้นๆ ป้าไม่อยากก้าวก่ายนักหรอก แต่ถ้าอามนึกชอบ
ชอบแม่คนนั้น โลกนี้จะมีผู้ชายโง่เพิ่มอีกคน“ นิสัยวันทาคือชอบพูดอะไรตรงๆกับคนคุ้นเคย
อมรินทร์ขยับปากจะตอบแต่กลับยิ้มแทนเมื่อรับรู้ถึงการมาของกรีกันตา
“คุณป้าคงไม่ว่าอะไรนะครับ ถ้าผมขอหลับต่อ ร่างกายผมเริ่มประท้วงให้พักแล้วครับ” พอเอ่ยจบก็หลับ
ตาลงพร้อมเสียงลมหายใจทอดยาวสม่ำเสมออย่างเพลียจัด ผู้สูงวัยยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างเข้าใจ ต่อให้เก่งแค่
ไหนแต่สุดท้ายก็แพ้ต่อสังขารอยู่ดี เมื่อคนเจ็บหลับก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อดังนั้นคนมาเยี่ยมจึงถือโอกาส
กลับโดยไม่ร่ำลาเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียต้องมีคนมาเฝ้าแทนแน่ ไม่ช้าคงมาถึง
วันทาไปได้สักพัก ประตูห้องคนเจ็บก็เปิดออกอีกครั้งก่อนร่างระหงงดงามชวนมองของสาวสวยหน้าตา
น่ารักสะดุดตาจะพาตัวเข้ามาใกล้เตียงคนไข้ สายตาทอดมองร่างสูงใหญ่บนเตียง ใบหน้าซูบซีดกับบาดแผล
ที่ไหล่ ก็ให้สงสารนัก และนึกโทษตัวเองที่คิดอะไรเหลวไหลไม่ได้เรื่อง เพียงแค่ห็นข่าวยังไม่ทันได้สอบถามเรื่อง
ราวให้แน่ชัดก็ด่วนตัดสินเขาเสียแล้ว หากหมอช่วยชีวิตไม่ทัน ป่านนี้คง. พอคิดมาถึงตอนนี้ดวงตาคู่สวยก็มี
น้ำตาเอ่อคลอ สักพักก็ระงับเสีย ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง มือเรียวสวยจับมือใหญ่ขึ้นมาแนบแก้มเนียนใส
“พี่อาม ข้าว...ข้าวอยากพูด...อยากถามพี่อามมากมาย...แต่ข้าว....” กีรกันตาไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไรดี
มีคำถาม คำพูดมากมายที่อยากบอกอยากพูดกับเขาแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ความรู้สึกหลายอย่างถาโถมเข้ามา
นับจากนาทีแรกที่เห็นสภาพคนเจ็บ เธอนิ่งอยู่พักใหญ่แล้วจึงพูดต่อ
“ข้าวไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไรดี ข้าวอยากขอโทษพี่อาม ข้าวโง่เอง พี่อามช่วยข้าว ดีกับข้าวมาตลอด....
แต่แค่ข่าวพาดหัวชิ้นหนึ่ง ข้าวก็นึกระเวงพี่อามแล้วข้าวแย่มากใช่มั้ยคะ แถมโง่อีก ไม่คู่ควรให้พี่อามรักและ
ห่วงใยสักนิด ข้าวเจ็บใจตัวเองนัก ทำไมโง่อย่างนี้ ไม่ทันเล่ห์กลคนอื่น...ข้าว...” เธอหยุดพูดเพราะเสียงเริ่มสั่น
คล้ายจะร้องไห้เต็มที
อมรินทร์นอนฟังอยู่เกือบจะลืมตาขึ้นพูดปลอบด้วยความสงสารจับใจหากอดกลั้นไว้ บอกตัวเองว่า
อย่างนี้ดีแล้ว ขืนให้เธอรู้ว่าเขารู้สึกตัวตั้งนานแล้ว เธอคงอายและไม่ได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา
เขาอยากให้เธอได้ระบายออก ค่อยปลอบทีหลัง
“พี่อามข้าวขอโทษ ข้าวคงพูดคำนี้ได้ตอนพี่อามยังไม่รู้สึกตัว ข้าวไม่แน่ใจ ถ้าพี่อามรู้สึกตัวแล้วจะ
ยกโทษให้เด็กโง่คนนี้ได้หรือเปล่า ข้าวกลัว...ไม่อยาก...ไม่อยากสูญเสียผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตวิตข้าวไป...แต่ถ้า..
พี่อามไม่ให้อภัยข้าว..ก็...ก็สมควรแล้ว...ข้าวไม่โทษใครนอกจากตัวเอง”
กีรกันตาสารภาพจากใจจริงด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ สายตาทอดมองคนหลับไม่ได้สติเหมือนจะวิงวอนให้
ยกโทษให้เธอ กลัวเหลือเกิน กลัวว่า พอเขาลืมตาขึ้นมาจะขับไล่เธอ บอกเลิกเธอ ยิ่งคิดดวงตาคู่สวยยิ่งมีน้ำตา
เอ่อเคลอ
อมรินทร์คิดว่าขืนปล่อยไปนานเธอจะยิ่งคิดเลอะเทอะฟุ้งไปกันใหญ่ เธอกำลังถูกความรู้สึกผิดในใจ
เล่นงานจนขาดสติ คิดโทษตัวเองฝ่ายเดียว เขาจึงลืมตาขึ้น ยิ้มให้อย่างล้อเลียน
“ข้าว เป็นเด็กขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำแบบนี้เท่ากับแช่งพี่นะ หรืออยากให้พี่ไม่ฟื้นตลอดไป
ไม่ไหวเลยจริงๆ กีรกันตาคนเก่งไปไหนนะ”
ยิ่งเห็นเขาดีกับเธอ กีรกันตายิ่งอยากร้องหนักมากขึ้น รู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าสวยเนียนฟุบ
ลงไปซบอกกว้างแข็งแรงของอีกฝ่ายแล้วปล่อยโฮอย่างไม่อาย มือบางทุบเบาๆบนอกไปด้วย
\ “พี่อามบ้า..บ้าที่สุด...ทำไมต้องทำดีกับข้าวด้วย ทำให้ข้าวเสียน้ำตา ฮือ..ฮือ..ๆ” อมรินทร์ใช้มือที่ไม่มี
เข็มน้ำเกลือแทงอยู่ กอดหลังบอบบางไว้ลูบปลอบเบาๆ
“เบาจ้ะข้าว พี่เจ็บ เลิกร้องได้แล้วเด็กขี้เย ขืนร้องต่ออีกมีหวังอาการพี่ทรุดเพราะช้ำในตายก่อน”
เขาปลอบแต่เธอกลับสะอื้นไห้หนักจนคนปลอบอ่อนใจ ปล่อยให้ร้องให้พอใจยอมเจ็บก็แล้วกัน นึกอยากให้มี
ใครสักคนมาขัดจังหวะบ้างเขาจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมาก คิดปั๊บก็มีตัวช่วยมาปุ๊บ
“อุ๊ย” ตัวช่วยอุทานเบาๆแล้วทำท่าจะปิดประตู หากอมรินทร์ไม่รีบส่งเสียงเรียกขึ้นก่อน
“คุณวิว อย่าเพิ่งไปครับ” ได้ผลคนที่สะอื้นไห้ไม่ยอมหยุดรู้ตัวทันที หยุดร้องไห้ เงยหน้าขึ้น ท่าทางเขิน
จัด ดวงตาคู่สวยค้อนให้ทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาอยู่ คนถูกค้อนอยากขำเต็มทีติดที่มีนิศาชลอยู่ด้วย จึงจำต้องระงับ
ไว้ สีหน้าท่าทางนิศาชลบอกว่าไม่เข้าใจในตอนแรกแต่พอเห็นหน้าอมรินทร์กับกีรกันตาก็ยิ้มขำและพอจะคาด
เดาเรื่องออก
“เป็นครั้งแรกนะคะ ที่หมออามคนเก่งจนมุม” นิศาชลแซวเล่น
“ยอมรับครับผม คุณวิว” อมรินทร์สารภาพตรงๆ ขณะที่กีรกันตาหน้าแดงเขินจัดเมื่อถูกล้อเลียนพลาง
ส่งสายตาดุๆไปยังอมรินทร์อย่างฉิวจัดก่อนหันมาพูดกับนิศาชล
“พี่วิว..มาเยี่ยมพี่อาม....ก็ไม่บอก” กีรกันตาพูดไม่เต็มเสียงนัก ยังเขินอายอยู่
“พี่สงสารหมออามนี่ ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ไม่มีใครมาดูใจ แต่สงสัยพี่จะเข้าใจผิด ถ้างั้นวิวเห็นทีจะต้อง
ไปดีกว่า ไม่อยากเป็น..” นิศาชลพูดค้างไว้แค่นั้นแล้วพาตัวออกจากห้องปล่อยให้คนในห้องเคลียร์กันเอง
=====================================
พอออกจากห้องอมรินทร์ลงมาชั้นล่างกำลังจะเดินไปร้านกาแฟเพื่อรอปฏิภาณ นิศาชลก็พบกับคนที่ไม่
อยากพบเดินยิ้มตรงเข้ามาหา เธอทำเป็นมองไม่เห็นเดินเลยไปแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดีเพราะเสียงทักดังขึ้นก่อน
“สวัสดีครับคุณวิว ไม่นึกไม่ฝันจะได้พบคุณที่นี่ ไม่พบกันนาน คุณสวยขึ้นมาก” พูดพลางส่งสายตา
สำรวจไปทั่วร่างบางอรชรซึ่งนิศาชลเกลียดนักสายตาแบบนี้
“ขอบคุณค่ะที่ชม คุณวรพจน์ ไม่พบกันนาน คิดว่าคุณจะมีมารยาทดีขึ้นแต่ก็เหมือนเดิม” เธอว่าอย่าง
ไม่เกรงใจจึงทำให้วรพจน์หน้าตึง เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองที่เธออพูดจารักษามารยาทกับเขาเพราะหน้าที่บังคับ
เวลานี้เธอไม่ได้ทำงานแล้วจึงไม่คิดจะเกรงใจ หนำซ้ำเขาเองก็เคยลวนลามเธอด้วยจึงไม่แปลกที่เธอจะพูดกับ
เขาแบบนี้
“ผมถือเป็นคำชม วันนี้เอาชู้รักไปทิ้งไว้ที่ไหนล่ะคนสวยถึงมาคนเดียว ผมสงสารจริงๆ ผู้หญิงสวยๆ
อย่างคุณช่างโชคร้ายนัก มีคนรักก็เปิดเผยไม่ได้ มีสามีก็ใช้การไม่ได้ คนรักตัวจริงเลยเป็นได้แค่ชู้ผมยังไม่รู้ว่า
เรื่องจะจบอย่างไรถ้าคุณก้องเกียรติรู้ว่าชายชู้เป็นใคร” วรพจน์แสร้งทำเป็นอยากรู้แต่ความหมายก็คือข่มขู่
เธอนั่นเอง นิศาชลเกลียดผู้ชายชั่วช้าคนนี้นักขณะเดียวกันก็อดหวาดหวั่นกับสิ่งที่ขาพูดไม่ได้
“ขอบคุณที่เห็นใจ ดิฉันขอตัว” เธอพูดเสียงห้วนก่อนเดินจากไปโดยไม่สนใจคำว่ามารยาทจึงไม่เห็นสี
หน้าแค้นจัดของอีกฝ่าย ทำอวดดีไปเถอะ สักวันจะทำให้มาสยบแทบเท้าเขาให้ได้ จริงสิ ให้คนแอบติดตามไปดี
กว่า เขารีบกดโทรศัพท์มือถือหาคนขับรถที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว สั่งให้ติดตามนิศาชลและถ่ายภาพเก็บไว้
เป็นหลักฐานถ้าเธอพบกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่สามีเธอ
‘คนสวย ไม่ช้าหรอก เธอต้องมาร้องขอความเมตตาจากฉัน กล้ามาด่าว่าคนอย่างนายวรพจน์ ช่างไม่
ดูตัวเองบ้าง’ เขาคิดอย่างหมายมั่นและแค้นจัด
========================
นิศาชลเข้ามาในร้านกาแฟของโรงพยาบาลเห็นปฏิภาณนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้มให้แล้วเดินตรงเข้าไปหา
โดยไม่รู้ว่ามีชายคนหนึ่งแต่งตัวดี ท่าทางสุภาพเดินตามหลังมาติดๆก่อนเดินเลยไปหาโต๊ะนั่งทว่าจงใจเลือกโต๊ะที่
อยู่ด้านหลังตัวที่ปฏิภาณนั่งอยู่จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาวางบนโต๊ะสั่งกาแฟกับขนมเค้กมาทานแล้วเดินไป
หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านระหว่างรอบริกรนำมาเสริฟ
“ขอคาฟูชิโน่กับเค๊กช็อคชิ้นหนึ่งด้วยครับ” ปฏิภาณสั่งให้นิศาชลอย่างรู้ใจ บริกรจดแล้วก็ไป
“คุณต้น รู้ได้ยังไงว่าวิวกำลังอยากทานกาแฟ กับเค้กคะ” นิศาชลถามอย่างแปลกใจ
“อะไรที่เกี่ยวกับคุณวิว ผมรู้หมด เป็นไงครับคนเจ็บกับน้องสาวผม” เขาถามทั้งที่รู้แล้ว
“คุณต้นรู้แล้วยังถามอีก งานนี้วิวขอค่าเหนื่อยค่ะ รวมของคุณป้าด้วย” เธออยากได้ค่าตัวแถมยังมีน้ำใจ
เรียกร้องแทนวันทาด้วย
“โธ่ คิดว่าจะใจดีทำให้ฟรี แฟนขอร้องทั้งที” เขาเผลอพูดคำว่าแฟนออกมา
นิศาชลได้ยินแล้วใจไม่ดี ถ้าเขาไม่ใช่ที่ปรึกษารัฐมนตรีและเธอไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายของใครคงไม่
เดือดร้อนหากจะเอ่ยคำนี้ออกมาในที่ต่างๆ ที่นี่อาจมีคนรู้จักและกลายเป็นข่าวได้
“คุณต้น ระวังคำพูดด้วยค่ะ เราไม่ได้อยู่ตามลำพังนะคะ” เธอกระซิบเตือน
ปฏิภาณยิ้งขำที่เธอระแวงเกินเหตุ แล้วนึกแปลกใจ ปกติเธอไม่ใช่คนคิดมาก ยิ่งที่นี่ เขามั่นใจไม่มีใครรู้
จักเขาด้วยซ้ำ
“คุณวิว คิดมากไปได้ ที่นี่ไม่มีนักข่าว คนที่รู้จักผมมักเป็นนักข่าว คนทั่วไปไม่มีใครสนใจผมหรอก”
เขาบอกให้เธอสบายใจ
“ไม่รู้สิคะ วิวสังหรณ์ใจชอบกล เมื่อครู่ก่อนมาพบคุณต้น รู้มั้ยคะวิวเจอใคร” เธอบอกเขาตามตรง
“ใครครับ” เขานิ่งแล้วพูดต่อ “ที่แท้คนเลวนั่นอีกแล้ว แย่แล้ว..” เขาหันไปมองด้านหลังแต่ไม่เห็นใคร
“อะไรแย่คะ คุณต้น” เธอไม่เข้าใจ อยู่ดีๆเขาก็มีสีหน้าท่าทางเหมือนจะเกิดเรื่องใหญ่
“เรารีบไปจากที่นี่ดีกว่า“ พูดจบเขาก็รีบเดินไปจ่ายเงินแล้วเดินนำเธอไปที่ลานจอดรถทันที แต่ไม่ใช่
ชั้นที่เขาจอดรถอยู่ ไปถึงก็สบถออกมา “เจ็บใจนัก มันหนีไปได้” จากนั้นก็รีบจุงมือเธอไปที่รถเป็นการด่วน
เพราะวันทากลับไปแล้ว
“เดี๋ยวค่ะ คุณต้น เกิดอะไรขึ้น” เธอถามพลางซอยเท้าตามเขา
“คนที่คุณพบก่อนมาหาผม ส่งคนมาแอบถ่ายวีดีโอบันทึกภาพของเราไว้ ผมตามไม่ทัน นายวรพจน์คิด
จะใช้เรื่องนี้บังคับผมกับคุณ คิดง่ายไปหน่อยมั้ง” พอเขาบอกเธอก็หยุด จนทำให้เขาต้องหันมามองอย่างสงสัย
เมื่อเห็นท่าทางวิตกของเธอ
“ไม่ต้องคิดมากคุณวิว ผมรับรองนายวรพจน์ไม่กล้าทำอะไรพวกเรา” เขาปลอบ
“เปล่าค่ะ วิวไม่ได้ห่วงเรื่องนี้ แต่วิวกำลังกลัวว่าเขาจะไปร่วมมือกับนายก้องเกียรติ” พอเธอบอกเขาก็
รีบดึงตัวเธอไปขึ้นรถก่อนถามเสียงเครียด
“คุณวิว ทำไมคุณต้องปิดผมเรื่องนายก้องเกียรติ บอกมานายคนนั้นขู่อะไรอีก ไหนคุณสัญญาแล้ว
จะบอกผมทุกเรื่อง ทำไมคุณต้องปิดบังด้วย”
“คุณต้น ใจเย็นๆก่อน ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะแค่พวกนั้นหลอกใช้แม่มาบีบบังคับให้วิวไปเลี้ยงส่ง
นายปีเตอร์ ที่ร้านอาหารจีนคืนพรุ่งนี้ ครั้งนี้แม่จะไปด้วย คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอพยายามพูดกับเขาอย่างใจ
เย็น ปกติปฏิภาณเป็นคนใจเย็น รอบคอบ ไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวให้เห็น แต่พอมีเรื่องกับวรพจน์ทีไรจะ
เย็นไม่ไหว ไม่รู้ว่าแค้นกันแต่ชาติปางไหน
“ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับนายวรพจน์ตรงไหน” คราวนี้เขากลับเป็นปกติเมื่อระงับอารมณ์โกรธได้
“เขาพูดเหมือนนายก้องเกียรติรู้ว่าวิวคบกับคุณต้นอยู่” นิศาชลเลี่ยงคำว่า “ชู้” ตามที่วรพจน์บอกแต่เธอ
ไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วตั้งแต่มองหน้าเธอ
“หายห่วงได้คุณวิว ทำใจให้สบาย ต่อให้นายก้องเกียรติรู้ รับรองไม่กล้าทำอะไรผมหรอก รอดูไปเรื่อยๆ
ก็แล้วกัน คืนพรุ่งนี้คุณวิวไปเลี้ยงส่งนายปีเตอร์ตามที่รับปากไว้ ทุกอย่างมันควรจะจบเสียที” ดูเขามั่นใจมาก
“คราวนี้คุณต้นมาแปลก ไม่ห้ามแต่ให้ไป เอ๊ะมีอะไรรึเปล่าคะ” เธอถามกึ่งยั่ว
“ถึงเวลาก็รู้เอง คืนพรุ่งนี้รับรองสนุก ไม่ใช่สิ ต้องหลังจากคืนพรุ่งนี้ คราวนี้พวกนั้นคงเลิกวุ่นวายกับ
คุณวิวไปอีกนาน บางทีใครบางคนควรได้รับบทเรียนเสียที” เขาไม่บอกว่าใครบางคนนั้นคือใคร
“ถ้าไม่สนุก วิวจะปรับคุณต้นข้อหายอมให้วิวไปเสี่ยงภัย” แม้เธออยากรู้ว่าใครบางคนคือใครแต่ก็ไม่คิด
จะถามเพราะรู้ว่าเขาไม่ตอบแน่ จึงแสร้งทำเป็นพูดเล่นแทน ไม่อยากให้เขาเครียด
“มีผมอยู่ทั้งคนรับรองไม่มีทางเสี่ยงแน่นอน ว่าแต่วันนี้ช่วยทำกับข้าวเลี้ยงผมสักมื้อ ที่คอนโดผมได้มั้ย
คุณวิว” เขาอ้อนอย่างน่าเห็นใจ
“ไม่ต้องอ้อนเลยค่ะ ไม่ใจอ่อน อยากให้เลี้ยงต้องบ้านวิวค่ะ” เธอรู้ทัน ขืนไปคอนโดฯสองต่อสอง มันเสี่ยง
เกินไป อีกอย่างคนที่คอนโดฯต้องรู้แน่ว่าเขาเป็นใคร แล้วเรื่องที่อยากปิดจะปิดไม่อยู่ กลายเป็นข่าวดังสมใจคน
หลายคนแน่
“ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นบ้านปู่ผมก็แล้วกัน บ้านคุณวิวผมเบื่อแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เขาไม่รอให้เธอตอบ
ก็ขับรถไปยังบ้านที่เมืองนนท์ทันที นิศาชลไม่ว่าอะไรเพราะเธอเองก็ชอบบรรยากาศที่นั่น
==============='''
ภายในห้องคนไข้พิเศษ อมรินทร์กำลังรับศึกหนักเพราะเผลอไปหัวเราะขำเด็กขี้แยเข้าหลังนิศาชลไปแล้ว
“พี่อาม ตลกนักเหรอไงถึงได้หัวเราะอยู่ได้ แน่จริงหัวเราะอย่าหยุดนะ ไม่งั้นข้าวกลับ” กีรกันตาไม่ขำด้วย
ดวงตาคู่สวยจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ล้อแล้ว ที่จริงพี่น่าจะขอบคุณคุณจุงนะที่ทำให้พี่รู้ว่าข้าวรักพี่มาก ไม่เสียแรงที่ลงทุนเลี้ยงต้อยมา
นานกว่าจะเข้าร่างได้” อมรินทร์ไม่น่าพูดคำว่าขอบคุณศวิตาออกมาเลย เพราะมันทำให้กีรกันตาไม่พอใจและ
เริ่มขาดเหตุผลอีกครั้ง เลยพาลใส่เขา
“ใช่สิ ข้าวมันเด็กในสายตาพี่อาม ไหนเลยจะเหมือนยัยจุงโก๊ะนั่น ทั้งสวยทั้งร้อนแรง มีเสน่ห์มัดใจผู้ชาย
ทุกคน ถ้าชอบก็บอกกันตรงๆไม่ต้องแอบคบกันเพราะเกรงใจ ข้าวยินดีหลีกทางให้” เธอประชดพลางจ้องหน้าเขา
อย่างเอาเรื่อง
อมรินทร์ยิ้มขำ พูดถึงคู่อริหน่อยไม่ได้เป็นเดือดเป็นแค้นทุกที เมื่อครู่ยังร้องไห้ฟูมฟายสำนึกผิด
จนน่าสงสารอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นแม่เสือไปแล้ว เขาตามอารมณ์ผู้หญิงไม่ทันจริงๆ
“พี่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว สนใจแต่น้องข้าวเด็กขี้แยต่างหาก” เขายืนยันแต่ไม่วายยั่วเธอเล่น
“พี่อาม เมื่อไหร่จะเลิกล้อข้าว เห็นข้าวยอมให้เลยเอาใหญ่ พี่อามยังมีความผิดอยู่อีกนะ” เธอเหว
เขางงมีความผิด ข้อหาอะไรอีก
“ข้าวอย่าทำพี่งงสิ พี่จำได้ ไม่เคยทำอะไรผิด”
“ผิดสิ ผิดมากด้วย ผิดที่ยอมให้ยัยจุงโก๊ะนั่นทำตัวเป็นข่าวกับพี่อาม ทำให้ข้าวเป็นทุกข์” เธอหาเรื่อง
เขาหน้าตาเฉยจนเขากลายเป็นลูกแกะตัวใหญ่ถูกหมาป่าตัวเล็กหาเรื่อง
“นี่เขาเรียกว่าพาล ไม่มีเหตุผล พี่บาดเจ็บสลบไม่ได้สติช่วยตัวเองไม่ได้ จะไปรู้ได้ยังไงว่าใครทำอะไรกับ
พี่บ้างระหว่างสลบอยู่” เขาพยายามพูดให้เธอเข้าใจ กีรกันตาขยับปากจะโต้แต่เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นก่อน
เลยหันไปมองจึงเห็นหมอกับพยาบาลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจที่เห็นเธออยู่ในห้องแทนที่จะเป็นศวิตา
“หมอรู้สึกตัวแล้ว สีหน้าสดชื่นขึ้นมาก หมอคงหิว เดี๋ยวเขาคงยกอาหารมาให้แต่มียาก่อนอาหารสัก
สองสามเม็ดให้ทาน” คนเป็นหมอบอกคนเป็นหมอที่นอนเจ็บอยู่
“ขอบคุณครับหมอ ถ้าไม่ได้หมอ ผมแย่แน่” อมรินทร์กล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมอาชีพที่อาวุโสกว่า
“ไม่เป็นไร ผมไม่กวนหมอแล้ว ขอไปตรวจคนไข้รายอื่นต่อ” ว่าจบก็ออกไปพร้อมพยาบาลที่มองหน้า
กีรกันตาอย่างแปลกใจ
กีรกันตาเห็นสีหน้าชอบกลของพยาบาลแล้วพอจะเข้าใจ เพราะใครๆต่างพากันคิดว่าคนรักของเขา
คือศวิตาทั้งที่ตัวจริงเพิ่งมาปรากฏตัวให้เห็น คิดแล้วอยากป่าวประกาศออกไปดังว่า “ฉันนี่แหละของแท้ ยัยนั่นนะ
มันของก็อป” แต่ก็รู้ว่า เสียเวลาเปล่า สู้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า พักหนึ่งก็มีคนจากแผนกอาหารยกอาหารมา
ให้พร้อมพยาบาลเอายาก่อนอาหารมาให้ทาน และเธอก็ต้องเจอกับสายตาฉงนสงสัยของทั้งสองอีกก่อนออกไป
เธอเลิกสนใจ หันไปรินน้ำใส่แก้ว หยิบถ้วยใส่ยาก่อนอาหารสองเม็ดเพื่อป้อนคนเจ็บ
“ข้าวเอายาไปทิ้งชักโครกเสีย โจ๊กนั่นด้วยเททิ้งครึ่งหนึ่ง” กีรกันตาไม่เข้าใจสิ่งที่อมรินทร์บอก
“ทำไมต้องเททิ้งด้วย พี่อาม หรือว่าไม่ชอบกินยา นี่ล่ะน้า เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง ชอบสั่งยาให้คนไข้
กินทีละมากๆ แต่โจ๊กนี่สิทำไมต้องทิ้งด้วย ไม่กินข้าวกินเองก็ได้ กำลังหิวเสียด้วย” เธอคิดยั่วเขาเล่นด้วยเข้าใจว่า
เขาไม่ชอบกินยา หากใบหน้าจริงจังนั้นบอกให้รู้ว่าไม่ได้เล่น
“ข้าวก่อนที่ใครจะเข้ามารีบทำตามที่พี่บอกเร็ว แล้วจะบอกเหตุผลทีหลัง รับรองไม่ใช่อย่างที่ข้าวคิด”
กีรกันตาทำตามอย่างงงๆ พอเสร็จก็ยกชามโจ๊กมาวางเหมือนเดิม เขาจึงสั่งต่อ “เอาช้อนออกมาใส่ลงไปชามโจ๊ก
ทำเหมือนกินไปแล้ว”
“พี่อามตกลงมันอะไรกันแน่ ข้าวเง็งไปหมดแล้วนะ” เธอประท้วงออกมาตรงๆแต่ก็ยอมทำตาม
“เดี๋ยวพอพยาบาลถาม ให้บอกไปว่า พี่ทานแล้วแต่ไม่หมด “ นอกจากจะไม่ตอบยังออกคำสั่งให้ทำตาม
เพิ่มอีก กีรกันตาเริ่มไม่พอใจนึกฉุนแต่พอจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับคนที่เอาแต่สั่งๆประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
พยาบาลเข้ามาและถามจริงตามที่เขาบอก เธอตอบไปตามที่เขาบอกเลยทำให้พยาบาลมีสีหน้าพอใจก่อนออกไป
“ข้าวทำตามเรียบร้อยแล้ว พี่อามบอกได้หรือยัง ว่าเพราะอะไร” เธอมีสีหน้าจริงจังมากขณะถาม
อมรินทร์จะตอบก็ไม่มีโอกาสแล้วเมื่อมีคนเปิดประตูห้องเข้ามา เขาเริ่มเห็นความยุ่งยากอีกครั้งเมื่อรู้ว่า
ใครมากลัวกีรกันตาจะเข้าใจผิดแล้วไม่มาเหลียวแลเขาอีก ทว่าผิดคาดกีรกันตายิ้มหวานให้เขาแววตาเป็น
ประกายวาววับ
“คนดูแลพี่อามมาแล้ว ตามสบายนะคะ อยากรู้เหมือนกันว่ารักห่วงใยพี่อามมากแค่ไหน” พูดจบก็เดิน
ตรงไปหาศวิตาที่มองเธอด้วยสีหน้าฉงนเล็กน้อยก่อนยิ้มให้คู่อริด้วยสายตาท้าทาย
อมรินทร์เห็นแล้วรู้สึกหวาดๆ เห็นทีต้องวางตัวให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาตายแน่ กีรกันตาคงไม่ปล่อยเขา
ไว้แน่ ยิ่งเห็นเธอเฉยยิ่งน่ากลัว ทั้งยังต้องรับมือกับศวิตา ผู้หญิงมากเล่ห์ร้อยมายาอีก เฮ่อเกิดเป็นเขาเวลานี้
ช่างลำบากแท้ แล้วจะทำอย่างไรดี ถึงจะให้ศวิตาไม่มาวุ่นวายกับเขาและกีรกันตาอีก จิตแพทย์หนุ่มยอมรับว่า
จนปัญญาจริงๆ เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงตัดสินใจหลับตาเสีย ทำเหมือนหลับ ขอนอนดูเสือสาวสองตัวปะทะกันดีกว่า
************************************
*************ช่วงนี้ยุ่งๆหลายเรื่องเลยไม่มีเวลาจะมาโพสได้เร็วตามที่ต้องการ ถ้าช้าก็อย่าว่ากันนะคะ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ย. 2558, 17:34:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ย. 2558, 17:34:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1304
<< ตอนที่ 19 | ตอนที่ 21 >> |
sunflower 16 พ.ย. 2558, 00:23:36 น.
ลุ้นๆ
ลุ้นๆ
konhin 16 พ.ย. 2558, 06:39:00 น.
จัดการผู้หญิงไม่ได้หรือเนี่ยหมออาร์ม อย่างงี้หนูข้าวก็แย่สิ มวยคนละรุ่นเลย
จัดการผู้หญิงไม่ได้หรือเนี่ยหมออาร์ม อย่างงี้หนูข้าวก็แย่สิ มวยคนละรุ่นเลย
ผักหวาน 19 พ.ย. 2558, 13:50:17 น.
พอๆ กะวิธีแกล้งตายตอนหมีมา 5555
พอๆ กะวิธีแกล้งตายตอนหมีมา 5555