เสน่ห์รักคล้องใจ
Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน
ตอน: ตอนที่ 6
ทักทายช่วยสายวันอังคารค่ะ ^^ มาติดตามวินกับแพรกันต่อนะคะ นิยายเรื่องนี้ยังเขียนไม่เสร็จเนื้อเรื่องอาจจะยังไม่สมบูรณ์ ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือติติงทักได้เลยนะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามค่า ^_<
เสน่ห์รักคล้องใจ ตอน 6
“บ้า บ้า บ้า ที่สุดเลย!” จีน่าร้องโวยวาย ปามือถือลงบนพื้นหลังจากเห็นเนื้อหาข่าวในเว็บไซต์ที่ลงเรื่องการหมั้นของอัศวินและพิชชาภา
หนำซ้ำเธอยังใช้เท้ากระทืบบนโทรศัพท์อย่างโกรธแค้นพลางพร่ำด่าอัศวินที่คิดจะหมั้นก็หมั้นโดยไม่บอกอะไรเธอสักคำ ทำเหมือนกับเธอไม่สำหลักสำคัญอะไรสำหรับเขา และเธอยังพาลไปถึงอมลวรรณมารดาของชายหนุ่ม หาว่าเป็นเพราะแผนการของหล่อนที่บังคับให้อัศวินแต่งงานกับยัยคุณหนูไฮโซนั่น
หลังจากครั้งล่าสุดที่เจอกับอัศวินคืนเดียวกับที่เธอรู้จากอนุภัทรว่าเขาต้องหมั้น ชายหนุ่มก็ไม่ได้แวะมาหาเธออีก พอโทรไปชวนเขามานอนที่คอนโดเขาก็อ้างว่าต้องอยู่ดูแลมารดาที่บ้าน และทุกครั้งที่เธอโทรไปหาเขา เขาก็เป็นต้องกำลังยุ่งอยู่หรือไม่ก็ต้องมียัยแก่แร้งทึ้งนั่นคอยเป็นมารขัดขวางอยู่ร่ำไป
จีน่าก้มมองโทรศัพท์บนพื้นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ดูเบอร์ที่ขึ้นหน้าจอ แล้วรีบรับสาย กระแทกเสียงพูดอย่างหงุดหงิด “ว่าไงหาภัทร ไหนบอกว่ายัยคุณหนูนั่นรักคุณนักรักคุณหนาไม่ใช่เหรอ และยังบอกว่ายัยนั่นเกลียดวินจะแย่ แต่กลับมีข่าวประกาศหมั้นกับวินได้ หึ คุณนี่มันไร้น้ำยาสิ้นดี”
“นี่ จีน่า คุณอย่ามาหาเรื่องผมได้ไหม” อนุภัทรพูดเสียงเข้ม พยายามเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้
“ทำม่ะ ก็ฉันพูดเรื่องจริง แล้วไอ้ที่บอกว่าจะทำให้ยัยคุณหนูนั่นเป็นของคุณล่ะ เชอะ น้ำหน้าอย่างคุณคงทำไม่สำเร็จสิท่า เพราะไม่งั้นยัยนั่นคงไม่มีหน้ามาประกาศหมั้นกับวินได้หรอก คุณนี่นอกจากไร้น้ำยาแล้วยังโง่งี่เง่าไม่มีที่ติจริง ๆ” จีน่าเบ้ปากบอก น้ำเสียงดูถูก
“จีน่า!” เขาตวาดอย่างเหลืออด อุตส่าห์ตั้งใจโทรมาปรึกษาหลังจากที่พยายามโทรหาเธอหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้เสียที พอวันนี้ได้มีโอกาสคุย กลับมาพูดจาด่าทอเขา และเขาก็จะไม่ทนให้เธอมาด่าฝ่ายเดียวแน่
“คุณเองก็ไม่ต่างจากผมเท่าไรหรอก ปล่อยให้นายวินนั่นนอนกกมาตั้งหลายเดือน แต่มีปัญญาปอกลอกมันแค่เศษเงินไม่กี่หมื่น หึ เป็นถึงนางแบบลูกครึ่งสาวสวย แต่ไร้ค่าไม่ต่างจากผู้หญิงขายตัว” เขาพูดประชดประชัน
“ไอ้บ้า! กล้าดียังไงมาว่าฉันหา ไอ้ผู้ชายทุเรศ! ถ้าฉันเป็นผู้หญิงขายตัว แกก็เป็นไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมียที่เกาะผู้หญิงกิน!ไอ้บ้า บ้า บ้า!” จีน่าตะคอกกลับด้วยแรงโทสะ ก่อนจะกดตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟาอย่างแรง
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้ง จีน่าจึงคิดว่าเป็นอนุภัทรโทรมาเพื่อต่อว่าเธอซ้ำ เธอเลยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันที
“ไปตายซะไป! แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!” ตวาดเสร็จก็ทำท่าว่าจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแต่เสียงแหลมจากคนปลายสายโวยวายขึ้นมาเสียก่อน
“เฮ้ย ๆ ๆ อะไรวะนังเจน นี่ฉันแม่แกนะโว๊ย แกจะไล่ฉันให้ไปตายเหรอไงห๊า!” จันทนีโวยลูกสาว
“แม่!” จีน่าร้องตกใจไม่นึกว่าคนที่โทรมาจะเป็นมารดาเธอ
“ก็เออน่ะสิ เป็นอะไรของแกวะนังเจน อยู่ดี ๆ ก็โวยวายไล่ด่าฉันอย่างกับหมูกับหมา”
“เปล่าหรอก ฉันแค่หงุดหงิดเท่าแหล่ะ แล้วนี่ฉันบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกเรียกฉันว่าเจนสักที ตอนนี้ฉันชื่อจีน่า จีน่า แม่เข้าใจไหม” จีน่าย้ำชื่อฝรั่งของเธอกับมารดา เพราะเธอเป็นถึงนางแบบลูกครึ่งจะมาให้ใช้ชื่อไทยเชย ๆ เหมือนเมื่อก่อนเธอรับไม่ได้
“โอ๊ยย ชอบจังเลยนะไอ้ชื่อฝรั่งที่พ่อแกตั้งให้เนี่ย เชอะ รักมันเข้าไปเถอะไอ้พ่อฝรั่งบังเกิดเกล้าของแกน่ะ ทิ้งฉันให้เลี้ยงแกงก ๆ ๆ ตังค์สักบาทสักสลึงก็ไม่เหลือไว้ให้ แล้วยังจะ....” จันทนียังสาทยายไม่จบ จีน่าก็ขัดขึ้นอย่างหัวเสีย
“นี่ถ้าแม่ยังจะเอาเรื่องนี้มาพูดอีกนะ สิ้นเดือนนี้ฉันไม่ให้เงินแม่จริงๆ ด้วย” จีน่าเอาเรื่องเงินขึ้นมาขู่เพราะรู้ว่ามารดาของเธอต้องการเงินเพื่อไปเล่นพนันซึ่งเป็นอย่างนี้แทบจะทุกวันตั้งแต่บิดาชาวอเมริกันของเธอจากไป
ตอนนั้นเธอเองเพิ่งจะอายุหกขวบ ครอบครัวของเธอมีความสุขมาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่งบิดาของเธอบอกกับเธอว่าจะต้องกลับไปเยี่ยมญาติที่ป่วยอยู่อเมริกาแล้วอีกไม่นานก็จะกลับมา แต่ในที่สุดจากวันไปเป็นเดือนจากเดือนไปเป็นปีบิดาก็ไม่เคยกลับมาหาเธอกับมารดาอีกเลย
เธอเองก็คอยถามมารดาอยู่บ่อยครั้งว่าเมื่อไรที่บิดาเธอจะกลับมา แต่หล่อนกลับบอกเธออย่างหัวเสียว่าบิดาของเธอจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว เพราะเขาได้ทิ้งเธอกับหล่อนไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าบิดาเธอจะทิ้งเธอไปจริง ๆ และเธอก็มั่นใจว่าสักวันเธอจะต้องได้พบหน้าบิดาอย่างแน่นอน
“โอเค ๆ ไม่พูดเรื่องพ่อฝรั่งบังเกิดเกล้าของแกก็ได้ แต่พูดเรื่องของแกแทน” จันทนีรีบพูดเข้าเรื่องเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เงิน
“เรื่องของฉัน เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องไอ้ผู้ชายที่แกบอกว่าจะจับมันมาเป็นผัวไง โธ่ พูดซะดิบดีว่ามันหลงแกหัวปักหัวปำ บอกว่าอีกไม่นานจะได้เป็นสะใภ้ตะกูลใหญ่ แต่ไหงปล่อยให้มันไปหมั้นกับคนอื่นได้ล่ะว๊า”
“นี่แม่รู้ด้วยเหรอ” จีน่าพึมพำถาม
“ฉันไม่ได้ตาบอดหูหนวกนะโว๊ย เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะไม่รู้ หนังสือพิมพ์เขาก็ลงกันออกเกลื่อน” ความจริงแล้วเธอไปคุยโวกับเพื่อนๆ ในกลุ่มนักพนันด้วยกันว่าอีกไม่นานลูกสาวตนจะได้เป็นภรรยาเจ้าของโรงแรมชื่อดังที่ชื่ออัศวิน จนทุกคนต่างพากันอิจฉาตาร้อนที่ลูกเธอกำลังจะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร
แต่พอเมื่อเช้านี้เพื่อนคนหนึ่งของเธอถือหนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมมาให้เธออ่านเกี่ยวกับการประกาศหมั้นระหว่างเจ้าของโรงแรมแกรนด์เอเชียที่ชื่ออัศวินกับลูกสาวเจ้าของครีมอาบน้ำยี่ห้อดังชื่อพิชชาภา เธอก็ต้องรีบโทรมาเค้นความจริงกับจีน่าว่าตกลงเป็นจริงอย่างที่หนังสือพิมพ์ลงหรือเปล่า เพราะถ้าเกิดลูกสาวเธอไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ชื่ออัศวินขึ้นมา มีหวังเธอคงถูกเพื่อน ๆ หัวเราะเยาะไม่มีวันจบเป็นแน่
“ถ้าแม่รู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์แล้ว และจะโทรมาถามฉันอีกทำไมล่ะ” จีน่าบอกเสียงรำคาญพลางกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหัวเสีย
“อ้าว อย่างนี้ก็แปลว่าไอ้ข่าวที่มันลงก็จริงน่ะสิ” จันทนีร้องอย่างเสียงดาย และความที่กลัวเพื่อนในวงพนันที่ไปคุยโวเอาไว้จะหัวเราะเยาะเอา หล่อนเลยจึงพาลบ่นลูกสาวไม่หยุดโดยไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นได้ไปเติมเชื้อไฟแห่งความโกรธของจีน่าให้ลุกโพลงขึ้นไปอีก
“นังเจนเอ๊ย ทำไมแกถึงได้โง่ โง๊ โง่ ปล่อยให้มันหลุดมือไปได้วะ อุตส่าห์ได้เชื้อพ่อฝรั่งบังเกิดเกล้าส่งผลบุญให้แกได้เป็นถึงนางแบบลูกครึ่งอินเตอร์ รูปร่างหน้าตาก็ดูดีกว่ายัยลูกสาวเจ้าของครีมอาบน้ำนั่นตั้งเยอะ แต่ดั๊น....ไม่มีปัญญาจับไอ้หนุ่มเจ้าของโรงแรมไว้ได้”
“ฉันบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกว่าเจน! แล้วฉันก็ไม่ได้โง่ ไร้ปัญญาอย่างที่แม่ด่าฉันด้วย!” จีน่าขึ้นเสียงตวาดมารดาอย่างลืมตัว ก่อนหน้านี้เธอโดนอนุภัทรพูดจาดูถูกยังไม่พอ แล้วนี่ยังต้องมานั่งฟังมารดาพูดจากดูถูกเธอด้วยอีกคน ความโกรธเลยเดือดพล่านจนระเบิดออกมาในที่สุด
“เชอะ ถ้าไม่โง่แล้วทำไมถึงจับมันไว้ไม่อยู่ล่ะ” จันทนีทำเสียงเยาะ
จีน่าพรวดพราดลุกขึ้นยืน แล้วตวาดลั่น “โง่ ๆ ๆ ๆ แม่เลิกด่าฉันว่าโง่สักทีได้ไหม! ที่วินต้องหมั้นกับยัยคุณหนูนั่นไม่ใช่เพราะฉันโง่! แต่เป็นเพราะยัยแก่หนังเหี่ยวแม่ของเขาต่างหากที่อยากจะกำจัดฉัน!”
“อยากจะกำจัดแก? ทำไมแม่มันต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ”
“ยัยแก่นั่นมันคงคิดว่าฉันจะจับวิน ก็เลยคิดจะกำจัดฉันยังไงล่ะ” จีน่ากัดฟันพูดด้วยความอาฆาต
“หนอยย อย่างนี้มันน่าจะจิกหัวจับมาตบให้หายแค้น บังอาจกล้ามาขัดขวางความเป็นเศษรฐีของลูกสาวฉัน” จันทนีพูดลอดไรฟันกับตัวเอง ก่อนจะถามลูกสาว“แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อล่ะ จะปล่อยให้แม่มันสมใจอย่างนี้น่ะเหรอ”
“มีเหรอที่คนอย่างจีน่าจะยอมอะไรง่าย ๆ หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ฉันก็จะหาทางสูบเงินจากวินให้ได้มากที่สุด ไหน ๆ ก็จะถีบหัวส่งกันอยู่แล้ว” จีน่าบอกพลางแสยะยิ้มกับความคิดตัวเอง
เมื่อจันทนีได้ยินลูกสาวพูดด้วยความมั่นใจเช่นนั้น หล่อนก็ยิ่งช่วยพูดยุยงสนับสนุนเต็มที่ และก่อนที่หล่อนจะวางสายก็ไม่วายลืมย้ำกับลูกสาวว่าให้ส่งเงินมาให้ตอนสิ้นเดือน
จีน่ายืนนิ่งครุ่นคิดหลังวางสายจากมารดาไปได้สักพัก เธอเม้มปากเข้าด้วยกันเมื่อกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าทำอย่างไรไม่ให้มีงานหมั้นระหว่างอัศวินกับยัยคุณหนูนั่น เธอมั่นใจแล้วว่าอัศวินคงทิ้งเธอแน่ เพราะปกติเขาจะไม่หายเข้ากลีบเมฆไปแบบนี้ แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้เขาผลักไสเธอออกไปจากชีวิตเขาได้ง่าย ๆ
จีน่ากำหมัดแน่น ดวงตาวาวโรจน์ “ถ้าคิดว่าจะหนีฉันพ้น....ก็คิดใหม่ซะเถอะ”
อัศวินเลี้ยวรถเบนซ์สีขาวคันหรูเข้ามาจอดหน้าบันไดคฤหาสน์พิชชาภาด้วยอารมณ์ที่สดชื่นเป็นพิเศษ วันนี้เขามีนัดกับเธอไปเลือกแหวนหมั้นด้วยกันหลังจากที่เขาได้ขออนุญาตครอบครัวของเธอเมื่อวานนี้ทันทีที่มีการประกาศหมั้นเสร็จ ทั้งคู่ดูจะไม่ขัดข้องแถมยังดีใจที่เห็นว่าเขามีทีท่าอยากจะหมั้นกับลูกสาวของตนจึงรีบเอ่ยอนุญาตทันที
พิชชาภาเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะโวยวายหรือคัดค้านใด ๆ ทั้งสิ้น ตรงกันข้าม เธอกลับยิ้มร่าเริงตอบตกลงคำชวนของเขาอย่างไม่มีอิดออด และเขาก็รู้ว่านั่น...เป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำของเธอเท่านั้น เพราะเธอได้ประกาศต่อหน้าเขาแล้วว่าเธอไม่อยากที่จะหมั้นกับเขาตั้งแต่แรก แต่ที่ต้องหมั้นก็เป็นเพราะต้องการอยากจะให้แฟนเก่าเลิกยุ่งกับเธอเท่านั้น
แม้ในตอนแรกเขาจะโกรธที่เธอเห็นการหมั้นกับเขาเป็นแค่เครื่องมือในการกำจัดแฟนเก่า แถมยังเย้ยหยันด้วยการบอกว่าไม่จำเป็นต้องหมั้นกับเขาเธอก็สามารถไล่แฟนเก่าของเธอได้โดยการหาผู้ชายคนใหม่มาควง
แต่มาคิดดูแล้ว เขาเองก็ได้ประโยชน์จากการหมั้นครั้งนี้อยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้มารดาเขามีความสุขสมหวังแล้ว มันก็ยังทำให้เขาพอใจที่ได้ว่าที่คู่หมั้นแสนสวยแถมยังถูกใจโดยไม่ต้องมานั่งกลุ้มว่าจะมีเมียหน้าตาอัปลักษณ์อีกต่อไป
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” อัศวินยกมือไหว้ปิยวัฒน์และรุ้งรวีที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องรับแขกหลังจากสาวใช้เดินนำเขาเข้ามาส่ง
“อ้าว วิน มาแล้วเหรอลูก นั่งก่อนสิจ๊ะ ตอนนี้แพรกำลังแต่งตัวอยู่น่ะ วินรอน้องสักเดี๋ยวได้ไหม” รุ้งรวียิ้มหน้าบานเมื่อเห็นอัศวินเดินเข้ามา เธอรับไหว้ชายหนุ่ม ก่อนจะผายมือบอกให้เขานั่งที่โซฟาเดี่ยวข้าง ๆ
“ได้ครับคุณป้า” อัศวินพยักหน้ายิ้มตอบ
“แล้ววันนี้วินจะพาน้องไปดูแหวนหมั้นที่ไหนล่ะจ๊ะ ถ้าวินยังไม่รู้ว่าจะพาน้องไปที่ไหน ป้าพอแนะนำร้านดี ๆ ให้ได้นะ” รุ้งรวีเสนอ
“ขอบคุณคุณป้ามากครับ แต่เรื่องนี้ผมว่าคุณป้าคุยกับน้องแพรเองจะดีกว่า เพราะยังไงผมก็ตามใจน้องเขาอยู่แล้วครับ” อัศวินบอก
“แหม ตาวินนี่ช่างเอาอกเอาใจยัยแพรของป้าจริง ๆ เลย” รุ้งรวียิ้มไม่หุบ
“แล้วนี่วินจะพาแพรกลับมาส่งกี่โมงล่ะ ลุงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ปิยวัฒน์ถาม เพราะถึงอัศวินจะเป็นว่าที่คู่หมั้นลูกสาวที่เขาไว้ใจก็ตาม แต่ยังไงเขาก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ผมคิดว่าก็คงสักสามทุ่มน่ะครับ เพราะตั้งใจว่าจะพาน้องแพรไปทานอาหารค่ำด้วยกัน คุณลุงไม่ต้องห่วงนะครับ ผมมาส่งลูกสาวคุณลุงถึงบ้านตรงเวลาแน่นอน” อัศวินยืนยัน
ปิยวัฒน์พยักหน้า โล่งใจกับคำตอบของชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปสนใจรายการโทรทัศน์ตามเดิม
“แม่รุ้งคะ เห็นมือถือแพรบ้างหรือเปล่าคะ แพรหาเท่าไรก็หาไม่....” พิชชาภาที่เพิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องรับแขกถึงกับสะดุดคำพูดตัวเองเมื่อเห็นอัศวินหันขวับมาทางเธอแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงเธอเดินเข้ามา
อัศวินมองพิชชาภาด้วยการกวาดสายตาไปทั่วร่างของเธอ วันนี้เธอช่างต่างจากงานเลี้ยงเมื่อคืนวานอย่างลิบลับ กระโปรงบานสีชมพูหวานสั้นแค่เข่าที่เธอใส่เข้าชุดกันกับเสื้อนิตติ้งสีเบจที่สวมทับเสื้อลายทางขาวดำด้านใน ทำให้เธอเปลี่ยนจากสาวเซ็กซี่เร่าร้อนเมื่อวานมาเป็นสาวหวานน่ารักได้ในพริบตา
ผมของเธอที่ถูกดัดเป็นลอนเมื่อวานตอนนี้มันกลับแผ่สยายเป็นคลื่นยาวถึงกลางหลัง ใบหน้ารูปหัวใจของเธอแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีอ่อนเป็นธรรมชาติเข้ากับชุดหวาน ๆ ที่เธอใส่ได้เป็นอย่างดี ดูแล้วเธอช่างไม่ต่างอะไรกับแม่ตุ๊กตาบาร์บี้แสนสวยเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะพี่วิน” พิชชาภายกมือไหว้อัศวินที่นั่งตะลึงจ้องเธอตาไม่กระพริบ แล้วเดินมานั่งลงข้าง ๆ มารดาโดยไม่สนใจอัศวินที่ยังคงมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย
“สวัสดีจ้ะ” อัศวินที่เพิ่งจะหาเสียงเจอเอ่ยทักทายพลางส่งยิ้มหวานหยดย้อยไปให้
พิชชาภายิ้มแห้ง ๆ ตอบอัศวินไปส่ง ๆ แล้วหันมาถามมารดาที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้าง ๆ
“แม่รุ้งเห็นมือถือแพรบ้างหรือเปล่าคะ แพรคิดว่าน่าจะลืมไว้ที่ห้องรับแขกนี่แหล่ะ เพราะจำได้ว่าหยิบลงมาด้วยเมื่อเช้า”
“ไม่หนิยัยแพร เราถือไปลืมไว้ที่อื่นหรือเปล่า” รุ้งรวีส่ายหน้า
“แล้วพ่อล่ะคะ เห็นบ้างหรือเปล่า” พิชชาภาเปลี่ยนไปถามบิดาแทน พลางมองซ้ายมองขวาหามือถือของตนที่อาจจะทำหล่นอยู่แถวนั้น
“พ่อก็ไม่เห็นนะแพร แพรลองหาแถวนี้ดูดี ๆ อีกทีสิลูก” ปิยวัฒน์บอก แล้วมองรอบ ๆ ช่วยลูกสาวหาอีกแรง
“ใช่อันนี้หรือเปล่าครับน้องแพร” อัศวินชูมือถือที่เขาเจอมันติดอยู่ในซอกเบาะโซฟาที่เขานั่งให้พิชชาภาดู
“ใช่แล้วล่ะจ้ะตาวิน เมื่อเช้ายัยแพรนั่งตรงนั้นแล้วสงสัยคงจะลืมไว้น่ะ” รุ้งรวีตอบแทนพิชชาภา ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวเสียงแข็ง “อ้าว แล้วนั่งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่นั่นแหล่ะ ไปขอบคุณพี่เขาสิยัยแพร”
พิชชาภาเม้มปาก มองหน้ายียวนกวนประสาทของอัศวินที่กำลังส่ายโทรศัพท์มือถือในมือไปมาคล้ายกับเรียกให้เธอเข้าไปเอาด้วยอารมณ์ที่อยากจะตั๊นหน้าทะเล้นของเขาเต็มที
เธอผุดลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าเขา แล้วขอบคุณเสียงห้วน ใบหน้าบึ้งตึง
“ขอบคุณค่ะ” พูดเสร็จเธอก็คว้ามือไปหยิบโทรศัพท์ในมือเขา แต่ชายหนุ่มกลับดึงมือหนีพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
พิชชาภามองอัศวินตาเขียวปัดด้วยความโกรธที่เขากล้าแกล้งเธอทั้ง ๆ ที่บิดากับมารดาเธอก็นั่งอยู่ด้วย เธอเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์อีกครั้ง แต่เขาก็ยังดึงมือหนีอีก พร้อมกับอาการที่พยายามกลั้นหัวเราะสุด ๆ
รุ้งรวีที่นั่งลอบมองหนุ่มสาวหยอกล้อกันถึงกับต้องอมยิ้มด้วยความสุข ทั้งคู่ดูจะเข้ากันได้ดีตั้งแต่พบกันอีกครั้งเมื่อคืนวานนี้ เธอแทบจะกระโดดตัวลอยเมื่อทั้งคู่บอกว่าอยากจะให้จัดงานหมั้นและงานแต่งเร็ว ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอต้องปวดหัวไม่รู้จบเมื่อพิชชาภาดื้อรั้นไม่ยอมแต่งงานกับอัศวินท่าเดียว แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องเหนื่อยใจอีกต่อไป เมื่อทั้งอัศวินและพิชชาภาต่างก็พึงพอใจซึ่งกันและกันเช่นนี้
อัศวินทนไม่ไหวถึงกับหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อพิชชาภาพยายามจะคว้าเอาโทรศัพท์ออกจากมือเขาให้ได้ แต่ก็คว้าได้แค่อากาศเมื่อเขาสามารถดึงมือหนีได้ทันทุกครั้ง และยิ่งพอเธอตีหน้ายักษ์ กัดริมฝีปากแน่นอย่างขัดใจเมื่อไม่สามารถคว้าโทรศัพท์จากมือเขาไปได้ เขาก็ยิ่งนึกสนุกอยากแกล้งเธอต่ออีกนิดจึงเริ่มดึงมือหนีเร็วขึ้น
แต่แล้วความสนุกที่ได้แกล้งพิชชาภาก็ต้องจบลงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอกรีดร้องเสียงดัง เขายิ้มทะเล้นให้เธอทีนึง ก่อนจะยอมยื่นโทรศัพท์คืนให้เธอ และตอนนั้นสายตาของเขาก็ทันได้เห็นรูปที่โชว์บนหน้าจอมือถือซึ่งเป็นรูปผู้ชายที่กำลังชูสองนิ้วฉีกยิ้มกว้างจนตายี๋ ใต้รูปขึ้นชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นภาษาไทย
‘พี่ภัทร’
‘ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร’ คำถามแรกวิ่งเข้ามาในหัวของอัศวินทันที เขาจ้องผู้ชายบนหน้าจอมือถือราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพร้อมกับความรู้สึกหึงหวงที่แล่นปราดไปทั่วร่างโดยไม่รู้ตัว
พิชชาภารีบคว้ามือถือทันทีที่เห็นว่าใครโทรมาโดยไม่ทันสังเกตหน้าตาขมึงทึงของอัศวินที่มองเธอด้วยสายตาดุดันน่ากลัว
“เดี๋ยวแพรขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะคะ” พิชชาภาหันไปบอกมารดากับบิดาเร็ว ๆ แล้วรีบเดินออกจากห้องรับแขกไปโดยไม่สนใจอัศวินแม้แต่น้อย
“เอ้อ...ดูสิลูกคนนี้ แทนที่จะบอกให้เขาโทรมาใหม่แล้วรีบไปเตรียมตัวให้เสร็จ ดั๊น...หนีไปคุยโทรศัพท์แล้วปล่อยให้ตาวินต้องมานั่งรอ” รุ้งรวีมองตามประตูที่ปิดหลังลูกสาวไปพลางบ่นพึมพำ
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ” อัศวินบอกเสียงเรียบแล้วรีบลุกขึ้นยืน ก้มหัวให้ปิยวัฒน์และรุ้งรวีเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาติ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกไป ปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนนั่งเหวอ มองหน้ากับเลิ่กลั่กเพราะงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของอัศวิน
อัศวินที่รีบตามพิชชาภาออกมาข้างนอกทันเห็นร่างของเธอเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบันไดคฤหาสน์ จากนั้นเธอก็กดรับโทรศัพท์พูดเสียงกระซิบกระซาบ เขาเลยค่อย ๆ เดินไปแอบพิงประตูพร้อมกับพยายามเงี่ยหูฟัง
“พี่ภัทรเลิกโทรมาตอแยแพรสักทีได้ไหมคะ ตอนนี้แพรกำลังจะหมั้น แล้วเราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” พิชชาภาบอกเสียงรำคาญที่ติดจะสั่นนิด ๆ
‘ที่แท้ก็แฟนเก่านี่เอง’อัศวินตอบตัวเองในใจ อยากจะเข้าไปกระชากมือถือจากเธอแล้วตะโกนบอกไอ้ผู้ชายคนนั้นว่าให้เลิกยุ่งกับผู้หญิงของเขาเสียที แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น เมื่อเขาสังเกตุเห็นเธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา เธอจะร้องไห้เสียใจทำไมกันถ้าหากอยากให้ไอ้หมอนั่นเลิกตอแยจริง ๆ อัศวินขมวดคิ้วสงสัย
“ทำไมน่ะเหรอคะ ก็เพราะว่าแพรไม่ได้รักพี่ภัทรอีกต่อไปแล้ว ได้ยินไหมคะ แพรไม่ได้รักพี่ภัทร! เราเลิกกันเถอะค่ะ แล้วต่อไปนี้ก็อย่ามายุ่งกับแพรอีก!” พิชชาภากระแทกเสียงอย่างลืมตัว แล้วกดปิดเครื่องหนีทันทีพลางปาดน้ำใส ๆ ที่เอ่อคลอดวงตา เธอยืนทำใจให้สงบสักพัก จากนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้ามาในคฤหาสน์เพื่อจะขึ้นไปบนห้อง เตรียมตัวออกไปกับอัศวิน แต่แล้วเท้าเธอก็ต้องชะงักเมื่ออัศวินเดินหน้าบึ้งตึงออกมาจากหลังประตูขวางทางเธอไว้
“พี่วิน!”
“ตกใจมากเหรอจ๊ะน้องแพรที่เห็นพี่” อัศวินยิ้มเย็นยะเยือกตอบ
“นี่พี่วินมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ” พิชชาภาถามสีหน้าตะหนก กลัวว่าชายหนุ่มจะได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์กับอนุภัทร
“ก็...นานพอที่จะได้ยินน้องแพรคุยกับแฟนเก่าที่ชื่อภัทรอะไรนั่นแหล่ะจ้ะ” เขาบอกพลางขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้เธอช้า ๆ
พิชชาภาตาเบิกกว้าง อย่างนั้นก็แปลว่าเขาก็ต้องเห็นที่เธอร้องไห้ด้วยน่ะสิ
“นี่พี่วินแอบฟังแพรคุยโทรศัพท์เหรอ” พิชชาภากระชากเสียงไม่พอใจ
“เปล่านะจ๊ะ พี่แค่จะมาเข้าห้องน้ำ แต่ดันบังเอิญไปได้ยินน้องแพรคุยโทรศัพท์เข้าก็เท่านั้น” อัศวินยักไหล่ตอบหน้าตายเมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าหญิงสาว
“โกหก พี่วินตั้งใจจะแอบฟังแพรคุยโทรศัพท์ ไม่งั้นก็คงไม่ไปยืนหลบอยู่หลังประตูหรอก” เธอกัดฟันพูดอย่างโมโห จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“แหม ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะจ๊ะน้องแพร ยังไงซะเรื่องที่พี่บังเอิญได้ยินมันก็คือเรื่องที่พี่รู้อยู่แล้ว” เขายิ้มยียวนบอก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเหี้ยมเกรียมพูดเสียงเย้ยหยัน
“เห็นอย่างนี้แล้วพี่ล่ะสงสารน้องแพรจริง ๆ โดนแฟนเก่าตื๊อไม่เลิกจนต้องดิ้นรนหาคนมาหมั้นด้วยเพื่อช่วยเป็นไม้กันหมาให้ เฮ้อ...ถึงพี่จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่พี่ก็จะพยายามช่วยเต็มที่แล้วกัน เพราะยังไงซะพี่ก็ได้ประโยชน์จากการหมั้นกับน้องแพรอยู่แล้ว” เขาพูดกลั้วหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์
พิชชาภากัดฟันกรอด เม้มปากแน่นด้วยความโกรธจัด “ที่พี่วินพูดหมายความว่าไง” เธอถามเสียงห้วน
อัศวินกวาดสายตาวาววับไปทั่วร่างอวบอิ่มของพิชชาภาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะจบลงที่ดวงตาคู่สวยของเธอ เลียริมฝีปากตัวเองทีนึงแล้วหยักยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“แค่นี้ไม่เห็นต้องถามเลย พอจบจากงานหมั้นก็ต้องมีงานแต่ง หลังจากแต่งงาน ผัวเมียเขาทำยังไงกันล่ะจ๊ะ หืมม”
เสียงฝ่ามือกระทบลงบนแก้มของอัศวินอย่างแรงจนรอยแดงขึ้นเป็นปื้นให้เห็นทันที
“ฝันไปเถอะว่าแพรจะแต่งงานกับผู้ชายหยาบคายอย่างพี่วิน! เพราะถ้าพี่ภัทรเลิกยุ่งกับแพรได้เมื่อไร แพรก็จะถอนหมั้นพี่วินทันที!” เธอตะคอกใส่เขาเสียงดัง ก่อนจะเบี่ยงตัวหนีเพื่อเดินกลับเข้าไปข้างใน แต่ร่างของเธอกลับปลิวไปตามแรงกระชากเมื่ออัศวินคว้าข้อมือเธอไว้แล้วดึงเธอไปปะทะอกกว้างของตน แล้วจับต้นแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น
“นี่พี่วินจะทำอะไรน่ะ ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้นะ” พิชชาภาพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อสบกับแววตาเกรี้ยวกราดดุดันที่มองมาของอัศวิน พยายามบิดตัวเพื่อให้หลุดจากแขนทรงพลังของเขา
“ทำอะไรน่ะเหรอ ก็จะแสดงให้ดูไงว่าผู้ชายหยาบคายน่ะมันเป็นยังไง” พูดเสร็จก็กระแทกริมฝีปากตนเองเข้าปากอิ่มของพิชชาภาทันที มือที่จับต้นแขนเธอไว้อยู่ก็เปลี่ยนมาจับที่แก้มทั้งสองข้างของเธอเมื่อหญิงสาวพยายามส่ายหน้าหนีจุมพิตจากเขา
พิชชาภาได้แต่ร้องค้านอยู่ในลำคอ ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดที่จู่ ๆ อัศวินก็จูบเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เธอพยายามปิดริมฝีปากเพื่อไม่ให้เขาจูบได้ถนัด แต่มือของเขาที่จับแก้มเธอไว้ทำให้เธอต้องเผยอปากรับรสจูบหนักหน่วงจากเขา เธอจึงพยายามใช้มือที่เป็นอิสระทุบแรง ๆ ที่ไหล่กว้างและแผ่นหลังของเขาไม่ยั้ง แต่อัศวินดูแทบจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เมื่อเขายังคงรุกรานจูบเธออย่างดุดันต่อไป
อัศวินขบริมฝีปากล่างของพิชชาภาเบา ๆ ทีนึง ก่อนจะสอดลิ้นอุ่น ๆ เข้าไปในอุ้งปากเธอแล้วดูดกลืนความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มเย้ายวนใจที่เขาอยากจะลิ้มรสตั้งแต่ได้เห็นเธอในคราบแม่สาวเซ็กซี่เมื่อคืนวาน อัศวินเลื่อนมือแทรกเข้าไปในเรือนผมนุ่มแล้วจับที่ท้ายทอยของเธอพร้อมกับรั้งใบหน้าเธอให้เงยขึ้นรับจุมพิตเร่าร้อนจากเขา
พิชชาภาทั้งดิ้นทั้งทุบพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหยุดทำกริยาต่ำทรามกับเธอ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งดูเหมือนเป็นการปลุกเร้าเขามากขึ้นเมื่ออัศวินบดจูบหนัก ๆ ลงบนริมฝีปากเธออย่างไม่ปรานี และตอนนี้ความพยายามที่จะขัดขืนอัศวินก็เริ่มอ่อนแรงลง เมื่อเธอเริ่มค่อย ๆ รู้สึกหวาบหวามกับรสจูบอันเร่าร้อนรุนแรงของเขา มือที่คอยทุบเขาไม่ยั้งในตอนแรกก็ค่อยๆ ผ่อนแรงลงช้า ๆ แล้ววางลงบนไหล่กว้างทั้งสองข้างของเขาอย่างเผลอไผล
อัศวินถึงกับร้องครางเบา ๆ เมื่อในที่สุดเธอก็โอนอ่อนยอมจูบตอบเขาพร้อมกับตวัดลิ้นเข้ากับเขาอย่างไม่ประสา ลิ้นเล็ก ๆ ที่คลอเคลียอยู่ในอุ้งปากเขาทำให้เลือดหนุ่มในกายเริ่มเดือดพล่านจนแทบจะประทุออกมา และเมื่อเห็นว่าเธอไม่ขัดขืนเขาอีกต่อไป เขาเลยเริ่มได้ใจจึงค่อย ๆ คลายมือที่จับอยู่ตรงท้ายทอยของเธอ เลื่อนไปตามลำคอระหง พลางลูบไล้สัมผัสเนิ่นนานก่อนจะลดมือลงต่ำไล้ไปตามเรียวแขนและกำลังลงไปที่สะโพกของเธอ
“ฮะแฮ่ม...”
ทั้งพิชชาภาและอัศวินแทบจะกระโดดออกจากกันในทันทีราวกับถูกไฟช๊อตเมื่อได้ยินเสียงร้องกระแอมจากทางด้านหลัง
“เอ่อ...ขอโทษนะครับที่พีทมาขัดจังหวะอ่ะ แต่ว่าถ้าอยากจะจู๋จี๋กันทำไมไปที่ลับตากว่านี้ล่ะคร๊าบบ ยืนอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวแม่กับพ่อก็ออกมาเห็นหรอก” พิรภพยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ที่ปลายบันไดกลางคฤหาสน์
เขาตั้งใจจะเดินลงมาหาข้าวกลางวันกินในครัวแต่พอกำลังจะเดินลงบันไดมาข้างล่าง เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอัศวินและพี่สาวกำลังยืนกอดจูบกันอย่างเร่าร้อน ความจริงเขาก็ไม่อยากขัดขวางความสุขของทั้งคู่สักเท่าไร แต่พอเห็นพวกคนรับใช้ที่แอบยืนดูหัวเราะกันคิกคัก เขาก็เลยต้องบอกให้ทั้งคู่รู้ตัว ไม่อย่างนั้นพวกคนรับใช้คงเอาไปนินทากันมันปากแน่
“อ้าว ถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออกกันไปเลยซะอย่างนั้น โอเค ๆ พีทไม่อยู่ขัดจังหวะและ ถือซะว่าเมื่อกี๊ไม่ได้เห็นพีทแล้วกันนะ” พิรภพพูดยียวนกลั้วเสียงหัวเราะ แล้วเดินผิวปากไปทางห้องครัวอย่างสบายอารมณ์
พิชชาภาหน้าแดงซ่านร้อนผ่าวด้วยความอายสุดขีดเมื่อถูกพิรภพเห็นเธอจูบกับอัศวินเข้า ในใจก็พร่ำด่าตัวเองที่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขาทั้งที่มันไม่สมควร เธอหันมามองหน้าเขาแววตาเอาเรื่องที่ดูไม่ค่อยจริงจังนัก เพราะตอนนี้เธออายจนแทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนีหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
ว่าแล้วพิชชาภาก็รีบก้มหน้าเพื่อจะเดินหนีกลับขึ้นไปบนห้องแต่อัศวินก็คว้าข้อมือเธอรั้งเอาไว้เบา ๆ แล้วกระซิบที่ใบหูของเธอเสียงเข้ม
“ไม่มีทางที่พี่จะยอมให้แพรถอนหมั้นแน่” พูดเสร็จเขาก็ปล่อยข้อมือพิชชาภาเป็นอิสระ ทำท่าว่าจะเดินจากไปแต่แล้วก็หันกลับมาอีกครั้ง
“และอย่าคิดตบหน้าพี่อีกเป็นอันขาด ไม่งั้นแพรได้เจอยิ่งกว่านี้ จำไว้”อัศวินบอกด้วยน้ำเสียงและแววตาดุดัน เหลือบมองปากแดงระเรื่อที่บวมเจ่อของเธออย่างอาวรณ์ แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องรับแขกทันที
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
คุณ กาชะลอพลัดถิ่น พี่วินกลัวเสียฟอร์มเลยปากคอเราะร้ายไม่เลิก อย่าเพิ่งเกลียดพี่วินแกนะคะ จริง ๆ แล้วพี่วินยังมีมุมน่ารัก ๆ อยู่นะ แต่ยังไม่แสดงออกมา อิอิ
คุณ lamyong แพรจะต้านทานพี่วินไหวไหม ต้องลองดูค่ะ
คุณ Zephyr กระทืบให้จมดินเลยใช่ไหมคะ 55 พี่วินจะโดนแพรกระทืบไหมน้า
แล้วพบกันตอนหน้าวันศุกร์นี้ค่า
เสน่ห์รักคล้องใจ ตอน 6
“บ้า บ้า บ้า ที่สุดเลย!” จีน่าร้องโวยวาย ปามือถือลงบนพื้นหลังจากเห็นเนื้อหาข่าวในเว็บไซต์ที่ลงเรื่องการหมั้นของอัศวินและพิชชาภา
หนำซ้ำเธอยังใช้เท้ากระทืบบนโทรศัพท์อย่างโกรธแค้นพลางพร่ำด่าอัศวินที่คิดจะหมั้นก็หมั้นโดยไม่บอกอะไรเธอสักคำ ทำเหมือนกับเธอไม่สำหลักสำคัญอะไรสำหรับเขา และเธอยังพาลไปถึงอมลวรรณมารดาของชายหนุ่ม หาว่าเป็นเพราะแผนการของหล่อนที่บังคับให้อัศวินแต่งงานกับยัยคุณหนูไฮโซนั่น
หลังจากครั้งล่าสุดที่เจอกับอัศวินคืนเดียวกับที่เธอรู้จากอนุภัทรว่าเขาต้องหมั้น ชายหนุ่มก็ไม่ได้แวะมาหาเธออีก พอโทรไปชวนเขามานอนที่คอนโดเขาก็อ้างว่าต้องอยู่ดูแลมารดาที่บ้าน และทุกครั้งที่เธอโทรไปหาเขา เขาก็เป็นต้องกำลังยุ่งอยู่หรือไม่ก็ต้องมียัยแก่แร้งทึ้งนั่นคอยเป็นมารขัดขวางอยู่ร่ำไป
จีน่าก้มมองโทรศัพท์บนพื้นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ดูเบอร์ที่ขึ้นหน้าจอ แล้วรีบรับสาย กระแทกเสียงพูดอย่างหงุดหงิด “ว่าไงหาภัทร ไหนบอกว่ายัยคุณหนูนั่นรักคุณนักรักคุณหนาไม่ใช่เหรอ และยังบอกว่ายัยนั่นเกลียดวินจะแย่ แต่กลับมีข่าวประกาศหมั้นกับวินได้ หึ คุณนี่มันไร้น้ำยาสิ้นดี”
“นี่ จีน่า คุณอย่ามาหาเรื่องผมได้ไหม” อนุภัทรพูดเสียงเข้ม พยายามเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้
“ทำม่ะ ก็ฉันพูดเรื่องจริง แล้วไอ้ที่บอกว่าจะทำให้ยัยคุณหนูนั่นเป็นของคุณล่ะ เชอะ น้ำหน้าอย่างคุณคงทำไม่สำเร็จสิท่า เพราะไม่งั้นยัยนั่นคงไม่มีหน้ามาประกาศหมั้นกับวินได้หรอก คุณนี่นอกจากไร้น้ำยาแล้วยังโง่งี่เง่าไม่มีที่ติจริง ๆ” จีน่าเบ้ปากบอก น้ำเสียงดูถูก
“จีน่า!” เขาตวาดอย่างเหลืออด อุตส่าห์ตั้งใจโทรมาปรึกษาหลังจากที่พยายามโทรหาเธอหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้เสียที พอวันนี้ได้มีโอกาสคุย กลับมาพูดจาด่าทอเขา และเขาก็จะไม่ทนให้เธอมาด่าฝ่ายเดียวแน่
“คุณเองก็ไม่ต่างจากผมเท่าไรหรอก ปล่อยให้นายวินนั่นนอนกกมาตั้งหลายเดือน แต่มีปัญญาปอกลอกมันแค่เศษเงินไม่กี่หมื่น หึ เป็นถึงนางแบบลูกครึ่งสาวสวย แต่ไร้ค่าไม่ต่างจากผู้หญิงขายตัว” เขาพูดประชดประชัน
“ไอ้บ้า! กล้าดียังไงมาว่าฉันหา ไอ้ผู้ชายทุเรศ! ถ้าฉันเป็นผู้หญิงขายตัว แกก็เป็นไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมียที่เกาะผู้หญิงกิน!ไอ้บ้า บ้า บ้า!” จีน่าตะคอกกลับด้วยแรงโทสะ ก่อนจะกดตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟาอย่างแรง
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้ง จีน่าจึงคิดว่าเป็นอนุภัทรโทรมาเพื่อต่อว่าเธอซ้ำ เธอเลยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันที
“ไปตายซะไป! แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!” ตวาดเสร็จก็ทำท่าว่าจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแต่เสียงแหลมจากคนปลายสายโวยวายขึ้นมาเสียก่อน
“เฮ้ย ๆ ๆ อะไรวะนังเจน นี่ฉันแม่แกนะโว๊ย แกจะไล่ฉันให้ไปตายเหรอไงห๊า!” จันทนีโวยลูกสาว
“แม่!” จีน่าร้องตกใจไม่นึกว่าคนที่โทรมาจะเป็นมารดาเธอ
“ก็เออน่ะสิ เป็นอะไรของแกวะนังเจน อยู่ดี ๆ ก็โวยวายไล่ด่าฉันอย่างกับหมูกับหมา”
“เปล่าหรอก ฉันแค่หงุดหงิดเท่าแหล่ะ แล้วนี่ฉันบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกเรียกฉันว่าเจนสักที ตอนนี้ฉันชื่อจีน่า จีน่า แม่เข้าใจไหม” จีน่าย้ำชื่อฝรั่งของเธอกับมารดา เพราะเธอเป็นถึงนางแบบลูกครึ่งจะมาให้ใช้ชื่อไทยเชย ๆ เหมือนเมื่อก่อนเธอรับไม่ได้
“โอ๊ยย ชอบจังเลยนะไอ้ชื่อฝรั่งที่พ่อแกตั้งให้เนี่ย เชอะ รักมันเข้าไปเถอะไอ้พ่อฝรั่งบังเกิดเกล้าของแกน่ะ ทิ้งฉันให้เลี้ยงแกงก ๆ ๆ ตังค์สักบาทสักสลึงก็ไม่เหลือไว้ให้ แล้วยังจะ....” จันทนียังสาทยายไม่จบ จีน่าก็ขัดขึ้นอย่างหัวเสีย
“นี่ถ้าแม่ยังจะเอาเรื่องนี้มาพูดอีกนะ สิ้นเดือนนี้ฉันไม่ให้เงินแม่จริงๆ ด้วย” จีน่าเอาเรื่องเงินขึ้นมาขู่เพราะรู้ว่ามารดาของเธอต้องการเงินเพื่อไปเล่นพนันซึ่งเป็นอย่างนี้แทบจะทุกวันตั้งแต่บิดาชาวอเมริกันของเธอจากไป
ตอนนั้นเธอเองเพิ่งจะอายุหกขวบ ครอบครัวของเธอมีความสุขมาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่งบิดาของเธอบอกกับเธอว่าจะต้องกลับไปเยี่ยมญาติที่ป่วยอยู่อเมริกาแล้วอีกไม่นานก็จะกลับมา แต่ในที่สุดจากวันไปเป็นเดือนจากเดือนไปเป็นปีบิดาก็ไม่เคยกลับมาหาเธอกับมารดาอีกเลย
เธอเองก็คอยถามมารดาอยู่บ่อยครั้งว่าเมื่อไรที่บิดาเธอจะกลับมา แต่หล่อนกลับบอกเธออย่างหัวเสียว่าบิดาของเธอจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว เพราะเขาได้ทิ้งเธอกับหล่อนไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าบิดาเธอจะทิ้งเธอไปจริง ๆ และเธอก็มั่นใจว่าสักวันเธอจะต้องได้พบหน้าบิดาอย่างแน่นอน
“โอเค ๆ ไม่พูดเรื่องพ่อฝรั่งบังเกิดเกล้าของแกก็ได้ แต่พูดเรื่องของแกแทน” จันทนีรีบพูดเข้าเรื่องเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เงิน
“เรื่องของฉัน เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องไอ้ผู้ชายที่แกบอกว่าจะจับมันมาเป็นผัวไง โธ่ พูดซะดิบดีว่ามันหลงแกหัวปักหัวปำ บอกว่าอีกไม่นานจะได้เป็นสะใภ้ตะกูลใหญ่ แต่ไหงปล่อยให้มันไปหมั้นกับคนอื่นได้ล่ะว๊า”
“นี่แม่รู้ด้วยเหรอ” จีน่าพึมพำถาม
“ฉันไม่ได้ตาบอดหูหนวกนะโว๊ย เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะไม่รู้ หนังสือพิมพ์เขาก็ลงกันออกเกลื่อน” ความจริงแล้วเธอไปคุยโวกับเพื่อนๆ ในกลุ่มนักพนันด้วยกันว่าอีกไม่นานลูกสาวตนจะได้เป็นภรรยาเจ้าของโรงแรมชื่อดังที่ชื่ออัศวิน จนทุกคนต่างพากันอิจฉาตาร้อนที่ลูกเธอกำลังจะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร
แต่พอเมื่อเช้านี้เพื่อนคนหนึ่งของเธอถือหนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมมาให้เธออ่านเกี่ยวกับการประกาศหมั้นระหว่างเจ้าของโรงแรมแกรนด์เอเชียที่ชื่ออัศวินกับลูกสาวเจ้าของครีมอาบน้ำยี่ห้อดังชื่อพิชชาภา เธอก็ต้องรีบโทรมาเค้นความจริงกับจีน่าว่าตกลงเป็นจริงอย่างที่หนังสือพิมพ์ลงหรือเปล่า เพราะถ้าเกิดลูกสาวเธอไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ชื่ออัศวินขึ้นมา มีหวังเธอคงถูกเพื่อน ๆ หัวเราะเยาะไม่มีวันจบเป็นแน่
“ถ้าแม่รู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์แล้ว และจะโทรมาถามฉันอีกทำไมล่ะ” จีน่าบอกเสียงรำคาญพลางกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหัวเสีย
“อ้าว อย่างนี้ก็แปลว่าไอ้ข่าวที่มันลงก็จริงน่ะสิ” จันทนีร้องอย่างเสียงดาย และความที่กลัวเพื่อนในวงพนันที่ไปคุยโวเอาไว้จะหัวเราะเยาะเอา หล่อนเลยจึงพาลบ่นลูกสาวไม่หยุดโดยไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นได้ไปเติมเชื้อไฟแห่งความโกรธของจีน่าให้ลุกโพลงขึ้นไปอีก
“นังเจนเอ๊ย ทำไมแกถึงได้โง่ โง๊ โง่ ปล่อยให้มันหลุดมือไปได้วะ อุตส่าห์ได้เชื้อพ่อฝรั่งบังเกิดเกล้าส่งผลบุญให้แกได้เป็นถึงนางแบบลูกครึ่งอินเตอร์ รูปร่างหน้าตาก็ดูดีกว่ายัยลูกสาวเจ้าของครีมอาบน้ำนั่นตั้งเยอะ แต่ดั๊น....ไม่มีปัญญาจับไอ้หนุ่มเจ้าของโรงแรมไว้ได้”
“ฉันบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกว่าเจน! แล้วฉันก็ไม่ได้โง่ ไร้ปัญญาอย่างที่แม่ด่าฉันด้วย!” จีน่าขึ้นเสียงตวาดมารดาอย่างลืมตัว ก่อนหน้านี้เธอโดนอนุภัทรพูดจาดูถูกยังไม่พอ แล้วนี่ยังต้องมานั่งฟังมารดาพูดจากดูถูกเธอด้วยอีกคน ความโกรธเลยเดือดพล่านจนระเบิดออกมาในที่สุด
“เชอะ ถ้าไม่โง่แล้วทำไมถึงจับมันไว้ไม่อยู่ล่ะ” จันทนีทำเสียงเยาะ
จีน่าพรวดพราดลุกขึ้นยืน แล้วตวาดลั่น “โง่ ๆ ๆ ๆ แม่เลิกด่าฉันว่าโง่สักทีได้ไหม! ที่วินต้องหมั้นกับยัยคุณหนูนั่นไม่ใช่เพราะฉันโง่! แต่เป็นเพราะยัยแก่หนังเหี่ยวแม่ของเขาต่างหากที่อยากจะกำจัดฉัน!”
“อยากจะกำจัดแก? ทำไมแม่มันต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ”
“ยัยแก่นั่นมันคงคิดว่าฉันจะจับวิน ก็เลยคิดจะกำจัดฉันยังไงล่ะ” จีน่ากัดฟันพูดด้วยความอาฆาต
“หนอยย อย่างนี้มันน่าจะจิกหัวจับมาตบให้หายแค้น บังอาจกล้ามาขัดขวางความเป็นเศษรฐีของลูกสาวฉัน” จันทนีพูดลอดไรฟันกับตัวเอง ก่อนจะถามลูกสาว“แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อล่ะ จะปล่อยให้แม่มันสมใจอย่างนี้น่ะเหรอ”
“มีเหรอที่คนอย่างจีน่าจะยอมอะไรง่าย ๆ หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ฉันก็จะหาทางสูบเงินจากวินให้ได้มากที่สุด ไหน ๆ ก็จะถีบหัวส่งกันอยู่แล้ว” จีน่าบอกพลางแสยะยิ้มกับความคิดตัวเอง
เมื่อจันทนีได้ยินลูกสาวพูดด้วยความมั่นใจเช่นนั้น หล่อนก็ยิ่งช่วยพูดยุยงสนับสนุนเต็มที่ และก่อนที่หล่อนจะวางสายก็ไม่วายลืมย้ำกับลูกสาวว่าให้ส่งเงินมาให้ตอนสิ้นเดือน
จีน่ายืนนิ่งครุ่นคิดหลังวางสายจากมารดาไปได้สักพัก เธอเม้มปากเข้าด้วยกันเมื่อกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าทำอย่างไรไม่ให้มีงานหมั้นระหว่างอัศวินกับยัยคุณหนูนั่น เธอมั่นใจแล้วว่าอัศวินคงทิ้งเธอแน่ เพราะปกติเขาจะไม่หายเข้ากลีบเมฆไปแบบนี้ แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้เขาผลักไสเธอออกไปจากชีวิตเขาได้ง่าย ๆ
จีน่ากำหมัดแน่น ดวงตาวาวโรจน์ “ถ้าคิดว่าจะหนีฉันพ้น....ก็คิดใหม่ซะเถอะ”
อัศวินเลี้ยวรถเบนซ์สีขาวคันหรูเข้ามาจอดหน้าบันไดคฤหาสน์พิชชาภาด้วยอารมณ์ที่สดชื่นเป็นพิเศษ วันนี้เขามีนัดกับเธอไปเลือกแหวนหมั้นด้วยกันหลังจากที่เขาได้ขออนุญาตครอบครัวของเธอเมื่อวานนี้ทันทีที่มีการประกาศหมั้นเสร็จ ทั้งคู่ดูจะไม่ขัดข้องแถมยังดีใจที่เห็นว่าเขามีทีท่าอยากจะหมั้นกับลูกสาวของตนจึงรีบเอ่ยอนุญาตทันที
พิชชาภาเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะโวยวายหรือคัดค้านใด ๆ ทั้งสิ้น ตรงกันข้าม เธอกลับยิ้มร่าเริงตอบตกลงคำชวนของเขาอย่างไม่มีอิดออด และเขาก็รู้ว่านั่น...เป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำของเธอเท่านั้น เพราะเธอได้ประกาศต่อหน้าเขาแล้วว่าเธอไม่อยากที่จะหมั้นกับเขาตั้งแต่แรก แต่ที่ต้องหมั้นก็เป็นเพราะต้องการอยากจะให้แฟนเก่าเลิกยุ่งกับเธอเท่านั้น
แม้ในตอนแรกเขาจะโกรธที่เธอเห็นการหมั้นกับเขาเป็นแค่เครื่องมือในการกำจัดแฟนเก่า แถมยังเย้ยหยันด้วยการบอกว่าไม่จำเป็นต้องหมั้นกับเขาเธอก็สามารถไล่แฟนเก่าของเธอได้โดยการหาผู้ชายคนใหม่มาควง
แต่มาคิดดูแล้ว เขาเองก็ได้ประโยชน์จากการหมั้นครั้งนี้อยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้มารดาเขามีความสุขสมหวังแล้ว มันก็ยังทำให้เขาพอใจที่ได้ว่าที่คู่หมั้นแสนสวยแถมยังถูกใจโดยไม่ต้องมานั่งกลุ้มว่าจะมีเมียหน้าตาอัปลักษณ์อีกต่อไป
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” อัศวินยกมือไหว้ปิยวัฒน์และรุ้งรวีที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องรับแขกหลังจากสาวใช้เดินนำเขาเข้ามาส่ง
“อ้าว วิน มาแล้วเหรอลูก นั่งก่อนสิจ๊ะ ตอนนี้แพรกำลังแต่งตัวอยู่น่ะ วินรอน้องสักเดี๋ยวได้ไหม” รุ้งรวียิ้มหน้าบานเมื่อเห็นอัศวินเดินเข้ามา เธอรับไหว้ชายหนุ่ม ก่อนจะผายมือบอกให้เขานั่งที่โซฟาเดี่ยวข้าง ๆ
“ได้ครับคุณป้า” อัศวินพยักหน้ายิ้มตอบ
“แล้ววันนี้วินจะพาน้องไปดูแหวนหมั้นที่ไหนล่ะจ๊ะ ถ้าวินยังไม่รู้ว่าจะพาน้องไปที่ไหน ป้าพอแนะนำร้านดี ๆ ให้ได้นะ” รุ้งรวีเสนอ
“ขอบคุณคุณป้ามากครับ แต่เรื่องนี้ผมว่าคุณป้าคุยกับน้องแพรเองจะดีกว่า เพราะยังไงผมก็ตามใจน้องเขาอยู่แล้วครับ” อัศวินบอก
“แหม ตาวินนี่ช่างเอาอกเอาใจยัยแพรของป้าจริง ๆ เลย” รุ้งรวียิ้มไม่หุบ
“แล้วนี่วินจะพาแพรกลับมาส่งกี่โมงล่ะ ลุงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ปิยวัฒน์ถาม เพราะถึงอัศวินจะเป็นว่าที่คู่หมั้นลูกสาวที่เขาไว้ใจก็ตาม แต่ยังไงเขาก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ผมคิดว่าก็คงสักสามทุ่มน่ะครับ เพราะตั้งใจว่าจะพาน้องแพรไปทานอาหารค่ำด้วยกัน คุณลุงไม่ต้องห่วงนะครับ ผมมาส่งลูกสาวคุณลุงถึงบ้านตรงเวลาแน่นอน” อัศวินยืนยัน
ปิยวัฒน์พยักหน้า โล่งใจกับคำตอบของชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปสนใจรายการโทรทัศน์ตามเดิม
“แม่รุ้งคะ เห็นมือถือแพรบ้างหรือเปล่าคะ แพรหาเท่าไรก็หาไม่....” พิชชาภาที่เพิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องรับแขกถึงกับสะดุดคำพูดตัวเองเมื่อเห็นอัศวินหันขวับมาทางเธอแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงเธอเดินเข้ามา
อัศวินมองพิชชาภาด้วยการกวาดสายตาไปทั่วร่างของเธอ วันนี้เธอช่างต่างจากงานเลี้ยงเมื่อคืนวานอย่างลิบลับ กระโปรงบานสีชมพูหวานสั้นแค่เข่าที่เธอใส่เข้าชุดกันกับเสื้อนิตติ้งสีเบจที่สวมทับเสื้อลายทางขาวดำด้านใน ทำให้เธอเปลี่ยนจากสาวเซ็กซี่เร่าร้อนเมื่อวานมาเป็นสาวหวานน่ารักได้ในพริบตา
ผมของเธอที่ถูกดัดเป็นลอนเมื่อวานตอนนี้มันกลับแผ่สยายเป็นคลื่นยาวถึงกลางหลัง ใบหน้ารูปหัวใจของเธอแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีอ่อนเป็นธรรมชาติเข้ากับชุดหวาน ๆ ที่เธอใส่ได้เป็นอย่างดี ดูแล้วเธอช่างไม่ต่างอะไรกับแม่ตุ๊กตาบาร์บี้แสนสวยเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะพี่วิน” พิชชาภายกมือไหว้อัศวินที่นั่งตะลึงจ้องเธอตาไม่กระพริบ แล้วเดินมานั่งลงข้าง ๆ มารดาโดยไม่สนใจอัศวินที่ยังคงมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย
“สวัสดีจ้ะ” อัศวินที่เพิ่งจะหาเสียงเจอเอ่ยทักทายพลางส่งยิ้มหวานหยดย้อยไปให้
พิชชาภายิ้มแห้ง ๆ ตอบอัศวินไปส่ง ๆ แล้วหันมาถามมารดาที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้าง ๆ
“แม่รุ้งเห็นมือถือแพรบ้างหรือเปล่าคะ แพรคิดว่าน่าจะลืมไว้ที่ห้องรับแขกนี่แหล่ะ เพราะจำได้ว่าหยิบลงมาด้วยเมื่อเช้า”
“ไม่หนิยัยแพร เราถือไปลืมไว้ที่อื่นหรือเปล่า” รุ้งรวีส่ายหน้า
“แล้วพ่อล่ะคะ เห็นบ้างหรือเปล่า” พิชชาภาเปลี่ยนไปถามบิดาแทน พลางมองซ้ายมองขวาหามือถือของตนที่อาจจะทำหล่นอยู่แถวนั้น
“พ่อก็ไม่เห็นนะแพร แพรลองหาแถวนี้ดูดี ๆ อีกทีสิลูก” ปิยวัฒน์บอก แล้วมองรอบ ๆ ช่วยลูกสาวหาอีกแรง
“ใช่อันนี้หรือเปล่าครับน้องแพร” อัศวินชูมือถือที่เขาเจอมันติดอยู่ในซอกเบาะโซฟาที่เขานั่งให้พิชชาภาดู
“ใช่แล้วล่ะจ้ะตาวิน เมื่อเช้ายัยแพรนั่งตรงนั้นแล้วสงสัยคงจะลืมไว้น่ะ” รุ้งรวีตอบแทนพิชชาภา ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวเสียงแข็ง “อ้าว แล้วนั่งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่นั่นแหล่ะ ไปขอบคุณพี่เขาสิยัยแพร”
พิชชาภาเม้มปาก มองหน้ายียวนกวนประสาทของอัศวินที่กำลังส่ายโทรศัพท์มือถือในมือไปมาคล้ายกับเรียกให้เธอเข้าไปเอาด้วยอารมณ์ที่อยากจะตั๊นหน้าทะเล้นของเขาเต็มที
เธอผุดลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าเขา แล้วขอบคุณเสียงห้วน ใบหน้าบึ้งตึง
“ขอบคุณค่ะ” พูดเสร็จเธอก็คว้ามือไปหยิบโทรศัพท์ในมือเขา แต่ชายหนุ่มกลับดึงมือหนีพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
พิชชาภามองอัศวินตาเขียวปัดด้วยความโกรธที่เขากล้าแกล้งเธอทั้ง ๆ ที่บิดากับมารดาเธอก็นั่งอยู่ด้วย เธอเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์อีกครั้ง แต่เขาก็ยังดึงมือหนีอีก พร้อมกับอาการที่พยายามกลั้นหัวเราะสุด ๆ
รุ้งรวีที่นั่งลอบมองหนุ่มสาวหยอกล้อกันถึงกับต้องอมยิ้มด้วยความสุข ทั้งคู่ดูจะเข้ากันได้ดีตั้งแต่พบกันอีกครั้งเมื่อคืนวานนี้ เธอแทบจะกระโดดตัวลอยเมื่อทั้งคู่บอกว่าอยากจะให้จัดงานหมั้นและงานแต่งเร็ว ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอต้องปวดหัวไม่รู้จบเมื่อพิชชาภาดื้อรั้นไม่ยอมแต่งงานกับอัศวินท่าเดียว แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องเหนื่อยใจอีกต่อไป เมื่อทั้งอัศวินและพิชชาภาต่างก็พึงพอใจซึ่งกันและกันเช่นนี้
อัศวินทนไม่ไหวถึงกับหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อพิชชาภาพยายามจะคว้าเอาโทรศัพท์ออกจากมือเขาให้ได้ แต่ก็คว้าได้แค่อากาศเมื่อเขาสามารถดึงมือหนีได้ทันทุกครั้ง และยิ่งพอเธอตีหน้ายักษ์ กัดริมฝีปากแน่นอย่างขัดใจเมื่อไม่สามารถคว้าโทรศัพท์จากมือเขาไปได้ เขาก็ยิ่งนึกสนุกอยากแกล้งเธอต่ออีกนิดจึงเริ่มดึงมือหนีเร็วขึ้น
แต่แล้วความสนุกที่ได้แกล้งพิชชาภาก็ต้องจบลงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอกรีดร้องเสียงดัง เขายิ้มทะเล้นให้เธอทีนึง ก่อนจะยอมยื่นโทรศัพท์คืนให้เธอ และตอนนั้นสายตาของเขาก็ทันได้เห็นรูปที่โชว์บนหน้าจอมือถือซึ่งเป็นรูปผู้ชายที่กำลังชูสองนิ้วฉีกยิ้มกว้างจนตายี๋ ใต้รูปขึ้นชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นภาษาไทย
‘พี่ภัทร’
‘ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร’ คำถามแรกวิ่งเข้ามาในหัวของอัศวินทันที เขาจ้องผู้ชายบนหน้าจอมือถือราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพร้อมกับความรู้สึกหึงหวงที่แล่นปราดไปทั่วร่างโดยไม่รู้ตัว
พิชชาภารีบคว้ามือถือทันทีที่เห็นว่าใครโทรมาโดยไม่ทันสังเกตหน้าตาขมึงทึงของอัศวินที่มองเธอด้วยสายตาดุดันน่ากลัว
“เดี๋ยวแพรขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะคะ” พิชชาภาหันไปบอกมารดากับบิดาเร็ว ๆ แล้วรีบเดินออกจากห้องรับแขกไปโดยไม่สนใจอัศวินแม้แต่น้อย
“เอ้อ...ดูสิลูกคนนี้ แทนที่จะบอกให้เขาโทรมาใหม่แล้วรีบไปเตรียมตัวให้เสร็จ ดั๊น...หนีไปคุยโทรศัพท์แล้วปล่อยให้ตาวินต้องมานั่งรอ” รุ้งรวีมองตามประตูที่ปิดหลังลูกสาวไปพลางบ่นพึมพำ
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ” อัศวินบอกเสียงเรียบแล้วรีบลุกขึ้นยืน ก้มหัวให้ปิยวัฒน์และรุ้งรวีเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาติ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกไป ปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนนั่งเหวอ มองหน้ากับเลิ่กลั่กเพราะงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของอัศวิน
อัศวินที่รีบตามพิชชาภาออกมาข้างนอกทันเห็นร่างของเธอเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบันไดคฤหาสน์ จากนั้นเธอก็กดรับโทรศัพท์พูดเสียงกระซิบกระซาบ เขาเลยค่อย ๆ เดินไปแอบพิงประตูพร้อมกับพยายามเงี่ยหูฟัง
“พี่ภัทรเลิกโทรมาตอแยแพรสักทีได้ไหมคะ ตอนนี้แพรกำลังจะหมั้น แล้วเราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” พิชชาภาบอกเสียงรำคาญที่ติดจะสั่นนิด ๆ
‘ที่แท้ก็แฟนเก่านี่เอง’อัศวินตอบตัวเองในใจ อยากจะเข้าไปกระชากมือถือจากเธอแล้วตะโกนบอกไอ้ผู้ชายคนนั้นว่าให้เลิกยุ่งกับผู้หญิงของเขาเสียที แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น เมื่อเขาสังเกตุเห็นเธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา เธอจะร้องไห้เสียใจทำไมกันถ้าหากอยากให้ไอ้หมอนั่นเลิกตอแยจริง ๆ อัศวินขมวดคิ้วสงสัย
“ทำไมน่ะเหรอคะ ก็เพราะว่าแพรไม่ได้รักพี่ภัทรอีกต่อไปแล้ว ได้ยินไหมคะ แพรไม่ได้รักพี่ภัทร! เราเลิกกันเถอะค่ะ แล้วต่อไปนี้ก็อย่ามายุ่งกับแพรอีก!” พิชชาภากระแทกเสียงอย่างลืมตัว แล้วกดปิดเครื่องหนีทันทีพลางปาดน้ำใส ๆ ที่เอ่อคลอดวงตา เธอยืนทำใจให้สงบสักพัก จากนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้ามาในคฤหาสน์เพื่อจะขึ้นไปบนห้อง เตรียมตัวออกไปกับอัศวิน แต่แล้วเท้าเธอก็ต้องชะงักเมื่ออัศวินเดินหน้าบึ้งตึงออกมาจากหลังประตูขวางทางเธอไว้
“พี่วิน!”
“ตกใจมากเหรอจ๊ะน้องแพรที่เห็นพี่” อัศวินยิ้มเย็นยะเยือกตอบ
“นี่พี่วินมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ” พิชชาภาถามสีหน้าตะหนก กลัวว่าชายหนุ่มจะได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์กับอนุภัทร
“ก็...นานพอที่จะได้ยินน้องแพรคุยกับแฟนเก่าที่ชื่อภัทรอะไรนั่นแหล่ะจ้ะ” เขาบอกพลางขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้เธอช้า ๆ
พิชชาภาตาเบิกกว้าง อย่างนั้นก็แปลว่าเขาก็ต้องเห็นที่เธอร้องไห้ด้วยน่ะสิ
“นี่พี่วินแอบฟังแพรคุยโทรศัพท์เหรอ” พิชชาภากระชากเสียงไม่พอใจ
“เปล่านะจ๊ะ พี่แค่จะมาเข้าห้องน้ำ แต่ดันบังเอิญไปได้ยินน้องแพรคุยโทรศัพท์เข้าก็เท่านั้น” อัศวินยักไหล่ตอบหน้าตายเมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าหญิงสาว
“โกหก พี่วินตั้งใจจะแอบฟังแพรคุยโทรศัพท์ ไม่งั้นก็คงไม่ไปยืนหลบอยู่หลังประตูหรอก” เธอกัดฟันพูดอย่างโมโห จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“แหม ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะจ๊ะน้องแพร ยังไงซะเรื่องที่พี่บังเอิญได้ยินมันก็คือเรื่องที่พี่รู้อยู่แล้ว” เขายิ้มยียวนบอก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเหี้ยมเกรียมพูดเสียงเย้ยหยัน
“เห็นอย่างนี้แล้วพี่ล่ะสงสารน้องแพรจริง ๆ โดนแฟนเก่าตื๊อไม่เลิกจนต้องดิ้นรนหาคนมาหมั้นด้วยเพื่อช่วยเป็นไม้กันหมาให้ เฮ้อ...ถึงพี่จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่พี่ก็จะพยายามช่วยเต็มที่แล้วกัน เพราะยังไงซะพี่ก็ได้ประโยชน์จากการหมั้นกับน้องแพรอยู่แล้ว” เขาพูดกลั้วหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์
พิชชาภากัดฟันกรอด เม้มปากแน่นด้วยความโกรธจัด “ที่พี่วินพูดหมายความว่าไง” เธอถามเสียงห้วน
อัศวินกวาดสายตาวาววับไปทั่วร่างอวบอิ่มของพิชชาภาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะจบลงที่ดวงตาคู่สวยของเธอ เลียริมฝีปากตัวเองทีนึงแล้วหยักยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“แค่นี้ไม่เห็นต้องถามเลย พอจบจากงานหมั้นก็ต้องมีงานแต่ง หลังจากแต่งงาน ผัวเมียเขาทำยังไงกันล่ะจ๊ะ หืมม”
เสียงฝ่ามือกระทบลงบนแก้มของอัศวินอย่างแรงจนรอยแดงขึ้นเป็นปื้นให้เห็นทันที
“ฝันไปเถอะว่าแพรจะแต่งงานกับผู้ชายหยาบคายอย่างพี่วิน! เพราะถ้าพี่ภัทรเลิกยุ่งกับแพรได้เมื่อไร แพรก็จะถอนหมั้นพี่วินทันที!” เธอตะคอกใส่เขาเสียงดัง ก่อนจะเบี่ยงตัวหนีเพื่อเดินกลับเข้าไปข้างใน แต่ร่างของเธอกลับปลิวไปตามแรงกระชากเมื่ออัศวินคว้าข้อมือเธอไว้แล้วดึงเธอไปปะทะอกกว้างของตน แล้วจับต้นแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น
“นี่พี่วินจะทำอะไรน่ะ ปล่อยแพรเดี๋ยวนี้นะ” พิชชาภาพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อสบกับแววตาเกรี้ยวกราดดุดันที่มองมาของอัศวิน พยายามบิดตัวเพื่อให้หลุดจากแขนทรงพลังของเขา
“ทำอะไรน่ะเหรอ ก็จะแสดงให้ดูไงว่าผู้ชายหยาบคายน่ะมันเป็นยังไง” พูดเสร็จก็กระแทกริมฝีปากตนเองเข้าปากอิ่มของพิชชาภาทันที มือที่จับต้นแขนเธอไว้อยู่ก็เปลี่ยนมาจับที่แก้มทั้งสองข้างของเธอเมื่อหญิงสาวพยายามส่ายหน้าหนีจุมพิตจากเขา
พิชชาภาได้แต่ร้องค้านอยู่ในลำคอ ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดที่จู่ ๆ อัศวินก็จูบเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เธอพยายามปิดริมฝีปากเพื่อไม่ให้เขาจูบได้ถนัด แต่มือของเขาที่จับแก้มเธอไว้ทำให้เธอต้องเผยอปากรับรสจูบหนักหน่วงจากเขา เธอจึงพยายามใช้มือที่เป็นอิสระทุบแรง ๆ ที่ไหล่กว้างและแผ่นหลังของเขาไม่ยั้ง แต่อัศวินดูแทบจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เมื่อเขายังคงรุกรานจูบเธออย่างดุดันต่อไป
อัศวินขบริมฝีปากล่างของพิชชาภาเบา ๆ ทีนึง ก่อนจะสอดลิ้นอุ่น ๆ เข้าไปในอุ้งปากเธอแล้วดูดกลืนความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มเย้ายวนใจที่เขาอยากจะลิ้มรสตั้งแต่ได้เห็นเธอในคราบแม่สาวเซ็กซี่เมื่อคืนวาน อัศวินเลื่อนมือแทรกเข้าไปในเรือนผมนุ่มแล้วจับที่ท้ายทอยของเธอพร้อมกับรั้งใบหน้าเธอให้เงยขึ้นรับจุมพิตเร่าร้อนจากเขา
พิชชาภาทั้งดิ้นทั้งทุบพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหยุดทำกริยาต่ำทรามกับเธอ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งดูเหมือนเป็นการปลุกเร้าเขามากขึ้นเมื่ออัศวินบดจูบหนัก ๆ ลงบนริมฝีปากเธออย่างไม่ปรานี และตอนนี้ความพยายามที่จะขัดขืนอัศวินก็เริ่มอ่อนแรงลง เมื่อเธอเริ่มค่อย ๆ รู้สึกหวาบหวามกับรสจูบอันเร่าร้อนรุนแรงของเขา มือที่คอยทุบเขาไม่ยั้งในตอนแรกก็ค่อยๆ ผ่อนแรงลงช้า ๆ แล้ววางลงบนไหล่กว้างทั้งสองข้างของเขาอย่างเผลอไผล
อัศวินถึงกับร้องครางเบา ๆ เมื่อในที่สุดเธอก็โอนอ่อนยอมจูบตอบเขาพร้อมกับตวัดลิ้นเข้ากับเขาอย่างไม่ประสา ลิ้นเล็ก ๆ ที่คลอเคลียอยู่ในอุ้งปากเขาทำให้เลือดหนุ่มในกายเริ่มเดือดพล่านจนแทบจะประทุออกมา และเมื่อเห็นว่าเธอไม่ขัดขืนเขาอีกต่อไป เขาเลยเริ่มได้ใจจึงค่อย ๆ คลายมือที่จับอยู่ตรงท้ายทอยของเธอ เลื่อนไปตามลำคอระหง พลางลูบไล้สัมผัสเนิ่นนานก่อนจะลดมือลงต่ำไล้ไปตามเรียวแขนและกำลังลงไปที่สะโพกของเธอ
“ฮะแฮ่ม...”
ทั้งพิชชาภาและอัศวินแทบจะกระโดดออกจากกันในทันทีราวกับถูกไฟช๊อตเมื่อได้ยินเสียงร้องกระแอมจากทางด้านหลัง
“เอ่อ...ขอโทษนะครับที่พีทมาขัดจังหวะอ่ะ แต่ว่าถ้าอยากจะจู๋จี๋กันทำไมไปที่ลับตากว่านี้ล่ะคร๊าบบ ยืนอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวแม่กับพ่อก็ออกมาเห็นหรอก” พิรภพยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ที่ปลายบันไดกลางคฤหาสน์
เขาตั้งใจจะเดินลงมาหาข้าวกลางวันกินในครัวแต่พอกำลังจะเดินลงบันไดมาข้างล่าง เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอัศวินและพี่สาวกำลังยืนกอดจูบกันอย่างเร่าร้อน ความจริงเขาก็ไม่อยากขัดขวางความสุขของทั้งคู่สักเท่าไร แต่พอเห็นพวกคนรับใช้ที่แอบยืนดูหัวเราะกันคิกคัก เขาก็เลยต้องบอกให้ทั้งคู่รู้ตัว ไม่อย่างนั้นพวกคนรับใช้คงเอาไปนินทากันมันปากแน่
“อ้าว ถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออกกันไปเลยซะอย่างนั้น โอเค ๆ พีทไม่อยู่ขัดจังหวะและ ถือซะว่าเมื่อกี๊ไม่ได้เห็นพีทแล้วกันนะ” พิรภพพูดยียวนกลั้วเสียงหัวเราะ แล้วเดินผิวปากไปทางห้องครัวอย่างสบายอารมณ์
พิชชาภาหน้าแดงซ่านร้อนผ่าวด้วยความอายสุดขีดเมื่อถูกพิรภพเห็นเธอจูบกับอัศวินเข้า ในใจก็พร่ำด่าตัวเองที่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขาทั้งที่มันไม่สมควร เธอหันมามองหน้าเขาแววตาเอาเรื่องที่ดูไม่ค่อยจริงจังนัก เพราะตอนนี้เธออายจนแทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนีหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
ว่าแล้วพิชชาภาก็รีบก้มหน้าเพื่อจะเดินหนีกลับขึ้นไปบนห้องแต่อัศวินก็คว้าข้อมือเธอรั้งเอาไว้เบา ๆ แล้วกระซิบที่ใบหูของเธอเสียงเข้ม
“ไม่มีทางที่พี่จะยอมให้แพรถอนหมั้นแน่” พูดเสร็จเขาก็ปล่อยข้อมือพิชชาภาเป็นอิสระ ทำท่าว่าจะเดินจากไปแต่แล้วก็หันกลับมาอีกครั้ง
“และอย่าคิดตบหน้าพี่อีกเป็นอันขาด ไม่งั้นแพรได้เจอยิ่งกว่านี้ จำไว้”อัศวินบอกด้วยน้ำเสียงและแววตาดุดัน เหลือบมองปากแดงระเรื่อที่บวมเจ่อของเธออย่างอาวรณ์ แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องรับแขกทันที
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
คุณ กาชะลอพลัดถิ่น พี่วินกลัวเสียฟอร์มเลยปากคอเราะร้ายไม่เลิก อย่าเพิ่งเกลียดพี่วินแกนะคะ จริง ๆ แล้วพี่วินยังมีมุมน่ารัก ๆ อยู่นะ แต่ยังไม่แสดงออกมา อิอิ
คุณ lamyong แพรจะต้านทานพี่วินไหวไหม ต้องลองดูค่ะ
คุณ Zephyr กระทืบให้จมดินเลยใช่ไหมคะ 55 พี่วินจะโดนแพรกระทืบไหมน้า
แล้วพบกันตอนหน้าวันศุกร์นี้ค่า
เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2558, 10:24:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2558, 10:24:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1314
<< ตอนที่ 5 | ตอนที่ 7-1 >> |
lamyong 27 ต.ค. 2558, 15:31:02 น.
ฮะฮ้า พี่วินทำเป็นหึงหลอกจูบแพรใช่ไหม อยากจะจูบเขาดี ๆ ก็อย่าปากมอมมากนักซิ๊
ฮะฮ้า พี่วินทำเป็นหึงหลอกจูบแพรใช่ไหม อยากจะจูบเขาดี ๆ ก็อย่าปากมอมมากนักซิ๊
Zephyr 27 ต.ค. 2558, 19:34:10 น.
ไม่แมนเลย
ด่าเค้าอยู่ฝ่ายเดียว ชำเราแพรอยู่คนเดียว
เอาสิ เอาเลย ให้เจ็บที่สุด
แพรค่อยเอาคืนที่เดียวให้กระอักเลือดเลยนะ
ไม่แมนเลย
ด่าเค้าอยู่ฝ่ายเดียว ชำเราแพรอยู่คนเดียว
เอาสิ เอาเลย ให้เจ็บที่สุด
แพรค่อยเอาคืนที่เดียวให้กระอักเลือดเลยนะ
กาซะลองพลัดถิ่น 27 ต.ค. 2558, 22:49:03 น.
อัศวินนายนี่นอกจากในปากจะมีสุนัขอาศัยอยู่แล้ว นิสัยก็ทรามมารยาทไม่มีหรือไง ไม่ให้เกียรติแพรกับครอบครัวเลย ทำกับลูกสาวเค้าแบบนี้ได้ไง นายนั้นแหละที่ต้องระวังตัวให้ดีจากยัยเจนี่.....
อัศวินนายนี่นอกจากในปากจะมีสุนัขอาศัยอยู่แล้ว นิสัยก็ทรามมารยาทไม่มีหรือไง ไม่ให้เกียรติแพรกับครอบครัวเลย ทำกับลูกสาวเค้าแบบนี้ได้ไง นายนั้นแหละที่ต้องระวังตัวให้ดีจากยัยเจนี่.....