คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 12

รักษิตคิดการ์ตูนเรื่องใหม่อยู่ตลอดทั้งคืน แต่ก็คืบหน้าไปเพียงนิดหน่อย เนื่องจากมีเรื่อง รักษิยากับภูมิมาคอยรบกวนจิตใจ พอแสงพระอาทิตย์โผล่พ้นเส้นขอบฟ้า บ่งบอกว่าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มจึงอาบน้ำแต่งตัวขับรถออกไปตลาดหาซื้อของสดมาทำกับข้าวให้ผู้หญิงสองคนที่อยู่ในความดูแลของเขากิน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง รักษิตก็ขับรถกลับมาจอดในบ้าน กำลังหยิบของสดจากตลาดทั้งเนื้อสัตว์และผักนานาชนิดจากท้ายรถ พลอยชมพูที่ก็ก้าวฉับๆ มาเกาะรั้วถามด้วยความกระหายใคร่รู้

“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะ”

“เรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องคุณภูมิกับน้องยาไงคะ ตกลงว่าเขาสองคนเลิกกันจริงๆ หรือเปล่า ถ้าเลิกกันจริงน่าเสียดายนะคะ เขาสองคนเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก อีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้ว นี่พลอยก็เตรียมตัดชุดใส่ไปงานน้องยาแล้วด้วยนะคะเนี่ย”

“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจริงๆ ผมจะรีบบอกให้คุณพลอยทราบนะครับ” รักษิตตัดบท แล้วเหลือบตามองขึ้นไปทางหน้าต่างห้องนอนของน้องสาวซึ่งอยู่ไม่ไกล ซึ่งท่าทางนั้นทำให้พลอยชมพูรู้ว่าชายหนุ่มกลัวว่ารักษิยาจะได้ยิน จึงยิ้มแห้งและพูดเสียงเบา

“พลอยขอโทษค่ะ พอดีว่าพลอยไม่สบายใจแทนน้องยาน่ะค่ะ น้องยาออกจะดีแสนดี เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติการเป็นแม่ศรีเรือน พลอยอยากรู้ชะมัดว่านังผู้หญิงคนใหม่ของคุณภูมิจะมีอะไรดี ถึงมาแย่งคุณภูมิจากน้องยาไปได้”

“แต่ภูมิยืนยันว่ามันไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น”

“วุ้ย ! โกหกทั้งเพ คุณรักก็ลองคิดดูสิคะ น้องยากับคุณภูมิรักกันมาตั้งหลายปีจนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แล้วอยู่ๆ คุณภูมิก็ขอเลิกกับน้องยา มันจะมีเหตุผลอะไรนอกเสียจากเรื่องมือที่สาม”

รักษิตนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด...ก็จริงอย่างที่พลอยชมพูพูด ถึงภูมิจะยืนยันว่าไม่ได้มีผู้หญิงคนใหม่ แต่เขาก็ไม่เห็นเหตุผลอะไรเลยที่จะทำให้ภูมิเลิกกับรักษิยา
หรือมันมีเรื่องอะไรมากกว่านั้นที่เขาไม่รู้

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ในขณะเดียวกัน ผู้ที่รู้เรื่องดีทั้งหมดนั่งฟุบหลับอยู่ข้างๆ รักษิยา เมื่อคืนหล่อนไม่ได้นอน เพราะนั่งเฝ้าหญิงสาวผู้ที่หัวใจบอบช้ำจากฝีมือของหล่อน พลางคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ จนกระทั่งใกล้เช้าคิวปิดสาวถึงเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อได้ยินเสียงรักษิยาละเมอเรียกชื่อคนรักติดต่อกันยาวนาน

“พี่ภูมิ พี่ภูมิ ยารักพี่ภูมินะคะ”

น้ำตาไหลนองหน้าทบกับคราบน้ำตาอันเกิดจากการร้องไห้อย่างหนักมาตลอดทั้งคืน ร่างบางสะอื้นฮักปิ่มจะขาดใจ ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารเหลือเกิน ขนาดเซเลน่าไม่เคยมีความรัก...ไม่เคยได้ลิ้มรสชาติความทุกข์อันเกิดจากความรักก็ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้
คิวปิดสาวขยับเข้าไปใกล้รักษิยา ค่อยๆ จับมืออีกฝ่ายมาเกาะกุมหวังปลอบใจ เมื่อเห็นว่าเจ้าของมือยังนอนละเมอร้องไห้เรียกชื่อภูมิอยู่ ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

“คุณยาคะ ฉันขอโทษ”

ซึ่งภาพทั้งหมดปรากฏอยู่ในสายตาของรักษิตที่กำลังจะมาปลุกให้สองสาวลงไปทานอาหารเช้า หากยังไม่แน่ใจยังหลับกันอยู่หรือเปล่า เขาจึงค่อยๆ เปิดประตูเข้าจึงได้เห็นภาพที่เกิดขึ้น และได้ยินคำ ‘ขอโทษ’ จากเซเลน่าเต็มสองหู

คำขอโทษนั้นจุดประกายความคิดให้เขา...ตั้งแต่เอแคร์มาอยู่ที่นี่ ภูมิก็มักจะมาบ้านเขาช่วงตอนกลางวันที่รักษิยาไม่อยู่ ส่วนเอแคร์ก็จะมีท่าทางตื่นเต้นดีใจทุกครั้งเมื่อรู้ว่าภูมิจะมาบ้าน แล้ววันก่อนในห้องครัวภูมิก็ทำเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างจะสารภาพกับเขา แต่ภูมิก็ไม่พูด ไหนจะยังคำพูดของเอแคร์ที่พยายามบอกคล้ายกับจะเตือนสติภูมิในวันนั้นก่อนที่ภูมิจะกลับอีกว่า

‘คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหมคะคุณพี่ภูมิ คุณยารักคุณมาก คุณอย่าทำให้เธอเสียใจนะคะ’
แล้วยิ่งมารวมคำขอโทษจากปากของเอแคร์เมื่อตะกี้นี้ รักษิตจึงค่อนข้างมั่นใจว่า ‘มือที่สาม’ ที่ทำลายความรักระหว่างน้องสาวของเขากับภูมิไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็นหญิงสาวที่เพิ่งให้กำลังใจเขาเมื่อคืนนี้นี่เอง!

แต่ถึงกระนั้นรักษิตก็จะยังไม่ปักใจเชื่อจนกว่าจะได้ยินจากปากของเจ้าตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเก็บความอยากรู้เอาไว้แล้วเข้าไปปลุกรักษิยาให้ตื่นลงมาทานอาหารเช้า ก่อนจะลงไปรอข้างล่างด้วยความรู้สึกหวั่นใจที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้
ไม่นาน เซเลน่าที่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วลงมาก่อนตั้งใจจะมาช่วยจัดโต๊ะอาหารเหมือนเช่นทุกวัน

“คุณยากำลังแต่งตัวอยู่ เดี๋ยวลงมาค่ะ” บอกแล้วมองข้าวต้มในหม้อเล็กที่ส่งกลิ่นหอมฉุย “คุณพี่รักตื่นมาทำข้าวต้มตั้งแต่กี่โมงคะ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาสาละวนกับการตักข้าวต้มใส่ชามอย่างไม่ยี่หระต่อคำถามของหญิงสาวที่เป็นผู้ต้องหาสร้างความร้าวฉานให้น้องสาวของเขากับคนรัก

“คุณพี่รักเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เซเลน่าถาม

“เปล่า”

“ฉันไม่เชื่อหรอก หรือว่าเมื่อคืนคุณพี่รักทำงานไม่ได้คะ ฉันช่วยคิดเอาไหมคะ” หญิงสาวเสนอ ยินดีช่วยทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนในบ้านนี้มีความสุข ทว่าอีกฝ่ายตอบรับความหวังดีด้วยสายตาที่มองหล่อนอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะละสายตาไปจัดการปิดฝาหม้อข้าวต้มแล้วยกไปเก็บในห้องครัว

เซเลน่ามองตามร่างหนาไปอย่างไม่เข้าใจ หากยังไม่ทันตามไปถามอะไร รักษิตก็เดินกลับมาจากในครัวพร้อมๆ กับที่รักษิยาเดินลงบันได

“ยาจะไปร้านเหรอ” รักษิตถาม จากการเห็นผู้เป็นน้องสาวสวมชุดไปข้างนอกและสะพายกระเป๋า

“ค่ะ” รักษิยาตอบรับเสียงเศร้า

“พี่ว่ายาพักสักวันก่อนดีไหม ถ้าเป็นห่วงร้าน เดี๋ยวพี่ไปเฝ้าให้เองก็ได้” ผู้เป็นพี่ชายเสนอ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยาอยากออกไปทำงาน มีอะไรให้ยุ่งๆ เข้าไว้น่าจะดีกว่านอนอยู่บ้านเฉยๆ”

“ถ้างั้นให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนที่ร้านนะ”

“อย่าเลยค่ะ พี่รักต้องทำงาน อย่าให้ปัญหาของยาต้องสร้างความเดือดร้อนให้พี่รักเลยนะคะ ยาไม่อยากรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้” พูดแล้วน้ำตาก็เอ่อขึ้นจนต้องกะพริบตาถี่ๆ สะกดกลั้นเอาไว้

“ถ้าอย่างงั้นฉันไปอยู่เป็นเพื่อนคุณยาเองก็ได้ค่ะ ฉันไม่ต้องทำงานแบบคุณพี่รัก ฉันไม่เดือดร้อน” หญิงสาวอีกคนที่ยืนฟังอยู่รีบเสนอ

รักษิยายิ้มทำท่าเหมือนจะตอบตกลง รักษิตจึงรีบขัด “คุณไปไม่ได้หรอก ผมลืมไปว่าวันนี้คุณมีนัดตรวจร่างกายกับคุณหมอ”

“ตายจริง ยาลืมไปสนิทเลย งั้นเดี๋ยวยาพาเอแคร์ไปหาหมอเองก็ได้ค่ะ” แม้จะอยู่ในภาวะอกหัก แต่หญิงสาวก็ยังไม่ละเลยหน้าที่-ที่ต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนนี้

“ไม่ต้องหรอก ยาไปร้านเถอะ พี่พาเอแคร์ไปหาหมอเอง เพราะเดี๋ยวพี่จะพาเอแคร์ไปทำธุระต่อ”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“คุณพี่รักพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ” เซเลน่าถามขึ้นหลังจากรถของรักษิตขับเข้ามาในลานจอดรถของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานครไม่ใช่โรงพยาบาลที่หล่อนเคยรักษาตัว

“ผมพาคุณมาเจอคนที่คุณอยากเจอ” คำพูดมีนัยสร้างความสงสัยให้หญิงสาว ตั้งแต่เช้ามารักษิตก็มีท่าทางประหลาด เขาแทบจะไม่พูดกับหล่อนเลย สีหน้าและท่าทางของเขาก็ดูเคร่งขรึมเหมือนกับว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา

‘ไม่ชอบเวลาคุณพี่รักเป็นอย่างนี้เลย’ เซเลน่าคิดในใจ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้หล่อนคงจะคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ยามนี้หล่อนมาสร้างความวุ่นวายให้กับครอบครัวของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย ถึงรักษิยาจะเป็นคนเสียใจที่ถูกคนรักบอกเลิก แต่เซเลน่าก็รู้ดี รักษิตก็ทั้งทุกข์ทั้งเสียใจไม่แพ้น้องสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของชายหนุ่ม หล่อนจึงไม่กล้าทำอะไรที่จะไปเพิ่มความทุกข์ให้กับเขาอีก

หากคิวปิดสาวคงไม่รู้ว่า ‘ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ’ ถึงหล่อนจะไม่พูดความรู้สึกในใจออกมา ทว่าดวงตากลมโตที่กำลังมองชายหนุ่มก็ทอประกายเศร้าน้อยใจอย่างชัดเจน จนรักษิตที่ดับรถแล้วหันมาเห็นต้องเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนใจจะอ่อนยวบ

“ลงได้แล้ว” เขาสั่ง แล้วเดินนำหญิงสาวขึ้นลิฟต์ไปบนชั้นสูงสุดของตึก

ออกจากลิฟต์ เดินไปหน้าห้องสุดปลายทาง รักษิตก็หยุดถามเลขาฯ สาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะหน้าประตู

“ภูมิว่างอยู่หรือเปล่าครับคุณเปิ้ล”

เซเลน่าหันขวับไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ...เขาพาหล่อนมาหาคุณพี่ภูมิทำไม...แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่าคุณพี่ภูมิเป็นคนที่หล่อนอยากเจอ

“ว่างค่ะ” พอเลขาฯ สาวตอบ รักษิตก็คว้าข้อมือหล่อนเปิดประตูพาเข้าไปข้างในทันที

พอประตูห้องเปิดออก ภูมิที่ยืนทอดสายตาอยู่ริมหน้าต่างก็หันมาเห็นผู้ที่เขาเฝ้าคำนึงหาอยู่ทั้งคืนก้าวเข้ามาพร้อมหญิงสาวที่เขานึกชังน้ำหน้า

“รัก นายมาทำอะไรที่นี่” ภูมิเป็นฝ่ายเอ่ยถาม รอยช้ำบนมุมปากบนใบหน้าขาวมีขนาดเล็กลงกว่าที่เซเลน่าเห็นเมื่อคืน

“ฉันมีเรื่องจะถามนาย ทำไมช่วงหลังนายถึงไปบ้านฉันตอนยาไม่อยู่บ่อยๆ แล้ววันก่อนที่นายซื้อของไปให้ฉันที่บ้าน นายบอกว่านายมีเรื่องจะสารภาพกับฉัน นายบอกมาสิว่ามันเรื่องอะไร”

“เอ่อ...” ภูมิอึกอัก นั่นยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับรักษิต

“เพราะเอแคร์ใช่ไหม”

“นายหมายความว่ายังไง” ภูมิไม่เข้าใจ

รักษิตดึงมือหญิงสาวเข้ามาใกล้ หากพอจะเอ่ยปากสิ่งที่ค้างคาใจ ถึงได้รู้ว่ามันช่างยากเย็นนัก เขาเว้นจังหวะทำใจชั่วอึดใจก่อนเสริมต่อ “นายกับเอแคร์ชอบกันใช่ไหม นายถึงขอเลิกกับยา”

“ไม่ใช่ !” เซเลน่ากับภูมิตอบเกือบจะพร้อมกัน

“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเอแคร์จริงๆ นะรัก” ภูมิตอบอย่างหนักแน่น

“ใช่ค่ะ ฉันกับคุณพี่ภูมิไม่ได้ชอบกัน คุณพี่รักกำลังเข้าใจผิดนะคะ” เซเลน่าเสริม

“ถ้าไม่ใช่ งั้นนายก็บอกฉันมาสิ ว่าใครที่ทำให้นายเปลี่ยนใจจากน้องสาวฉัน”

“ฉันว่าคุณพี่รักอย่ารู้เลยค่ะ กลับบ้านเถอะนะคะ ฉันเหมือนจะเวียนหัวอีกแล้ว” คิวปิดสาวรีบห้าม

“ผมต้องรู้” ชายหนุ่มยืนยัน ก่อนหันไปหาภูมิ “นายไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันไม่ได้จะคิดไปขัดขวางความรักใหม่ของนายกับผู้หญิงคนนั้น แต่ที่ฉันอยากรู้เพื่อที่ฉันจะได้แน่ใจว่าต้องช่วยยาตัดใจจากนายแล้วจริงๆ”

“นายอยากรู้นักใช่ไหมว่าคนๆ นั้นเป็นใคร” ใบหน้าเอาจริงจนน่าขนลุกของภูมิเป็นลางบอกเหตุร้าย ทำเอาเซเลน่าต้องรีบคิดหาทางขัดขวางโดยเร็ว!

ดวงตาเล็กหยีภายใต้แว่นกรอบใสมองลึกเข้าไปในดวงคมเข้ม ยังผลให้เจ้าของดวงตาคมรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก

“ไอ้ภูมิ นายเป็นอะไร”

ภูมิขยับปากคล้ายกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา เซเลน่าตัดสินใจใช้ลูกไม้ตื้นๆ ยุติบทสนทนานี้

“คุณพี่รักคะ ฉันจะเป็นลม” เซเลน่าจงใจบอกให้รักษิตเพื่อจะมาช่วยหล่อนเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว ก่อนจะลงทุนทิ้งตัวลงบนพื้น

“เอแคร์ !” รักษิตหันไปหาหญิงสาวอย่างตกใจ

ภูมิรู้เท่าทันความคิดของหญิงสาว และจะไม่ยอมให้หล่อนขัดขวางการเผยความในใจของเขาอีกต่อไป ดังนั้นพอเห็นว่ารักษิตกำลังจะย่อตัวดูหญิงสาวอย่างห่วงใย ภูมิก็คว้าแขนของรักษิตดึงร่างหนาให้หันหน้ามาหาเขา ก่อนเอ่ยสิ่งที่อัดอั้นมานาน

“เพราะฉันรักนาย ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าฉันคิดกับนายมากกว่าเพื่อน !” ภูมิตอกย้ำความรู้สึกด้วยการดึงร่างหนาของรักษิตที่กำลังอึ้งตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยินมากอด “รัก...ฉันรักนาย”

ผู้ที่เป็นลมอยู่บนพื้นกระเด้งตัวลุกขึ้นมา แล้วภาพภูมิกอดรักษิตอย่างแนบแน่น ทำเอาคิวปิดสาวขนลุกซู่ รู้สึกเหมือนอยากจะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ

แต่ผู้ที่ขนลุกกว่าคือชายหนุ่มที่โดนผู้ชายด้วยกันสวมกอดอยู่ในขณะนี้ รักษิตผลักอกภูมิออกอย่างแรง ยังผลให้อีกฝ่ายกระเด็นไปไกล

“ไอ้ภูมิ นายเป็นบ้าอะไรไปวะ!”

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าตัวเองบ้า ฉันพยายามไม่คิดถึงนาย แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ยิ่งพอฉันเห็นนายใกล้ชิดกับเอแคร์ ฉันก็แทบจะทนมองไม่ได้ ฉันถึงแน่ใจว่าฉันรักนายเข้าแล้วจริงๆ”

ภูมิระบายความในใจทั้งน้ำตาอย่างไม่อับอายต่อสายตาของหญิงสาวที่ยืนฟังอยู่ด้วยเลย

“ตอนนี้นายรู้ว่าฉันรู้สึกยังไงแล้ว นายจะโกรธ จะชกฉัน จะทำโทษฉันยังไงก็ได้นะรัก แต่ฉันขออย่างเดียว...อย่าเกลียดกันก็พอ”

“คุณพี่รักไม่เกลียดคุณภูมิค่ะ” คิวปิดสาวเอ่ยแทรก

“เธอยุ่งอะไรด้วย!” ภูมิตะคอก หญิงสาวสะดุ้งก่อนหน้าเจื่อนสนิท และนั่นทำให้รักษิตไม่ชอบใจนัก

“พูดกับผู้หญิงดีๆ หน่อยภูมิ”

“ทำไมนายต้องปกป้องผู้หญิงคนนี้ด้วย หรือว่านายชอบเธอ นายชอบเธอไม่ได้นะรัก ผู้หญิงคนนี้เป็นใครไม่รู้”

“ฉันจะชอบเอแคร์หรือไม่ มันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย” บอกแล้วก็เข้าไปคว้าข้อมือหญิงสาว จะพาออกไปจากห้อง แต่ภูมิขวางหน้าเอาไว้

“เดี๋ยวสิรัก! แล้วตกลงว่าเรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไป”

“เรื่องของเรา? มันไม่มีเรื่องอะไรของเราทั้งนั้น ฉันไม่ได้ชอบเพศเดียวกันและไม่มีวันจะชอบด้วย ส่วนเรื่องของนายกับยา มันก็คงจะต้องจบลงแล้วจริงๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนออกจากบริษัทของภูมิ ยังไม่ถึงเวลาหมอนัด รักษิตจึงขับรถมาจอดยังสวนสาธารณะแห่งหนึ่งก่อนจะถึงโรงพยาบาล
รถจอดสนิท รักษิตก็เอ่ยถามขึ้นหลังจากเงียบมาตลอดทาง

“คุณรู้ได้ยังไงว่าไอ้ภูมิมันคิดอะไรกับผม”

‘ก็ฉันเป็นคนทำให้คุณพี่ภูมิรักคุณพี่รักเองน่ะสิ’...เซเลน่าคิดในใจ หากตอบออกไปว่า “ตั้งแต่วันที่เจอคุณพี่ภูมิวันแรก”

“แล้วทำไมคุณถึงรู้”

“อือม์...” แสร้งทำท่าคิดนิดหน่อย “ก็ฉันเห็นแววตาเวลาที่คุณพี่ภูมิมองคุณไงล่ะ มันหวานหยาดเยิ้ม อย่างกับจะกลืนกินคุณเข้าไป...”

“พอได้แล้ว” รักษิตห้าม เพราะทนฟังไม่ไหว ไม่น่าเชื่อว่าคบเป็นเพื่อนกับภูมิมาเป็นสิบปี เขาจะดูไม่ออกเลยว่าภูมิมีรสนิยมรักไม้ป่าเดียวกัน อย่าว่าแต่เขาเลย รักษิยาเองก็คงดูไม่ออกเหมือนกันถึงไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลย

“คุณจะบอกเรื่องคุณพี่ภูมิกับคุณยาไหมคะ” เอแคร์ถาม

“ไม่รู้สิ” รักษิตยังตัดสินใจไม่ถูก ถ้าไม่บอกความจริง รักษิยาก็จะไม่รู้จักตัวตนของภูมิที่แท้จริง แต่ถ้าบอกไป รักษิยาจะทำใจได้ยังไงว่าผู้ชายที่รักกันมานานหลายปีกลับชอบผู้ชายด้วยกัน หนำซ้ำผู้ชายคนนั้นยังเป็นเขาอีก

“ฉันว่าคุณอย่าเพิ่งบอกคุณยาเลยนะคะ เดี๋ยวอีกไม่นานคุณพี่ภูมิก็จะหายแล้วกลับไปรักคุณยาเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ”

“เป็นเกย์ไม่ได้เป็นหวัดนะคุณ ถึงจะหายกันได้ง่ายๆ”

“เกย์?” คิวปิดสาวไม่เข้าใจ

“ก็ผู้ชายที่ชอบผู้เดียวกันเขาเรียกว่าเป็นเกย์” รักษิตอธิบาย ก่อนนึกขึ้นได้ “แล้วทำไมคุณถึงดูมั่นใจจังเลยว่าไอ้ภูมิไม่ได้เป็นเกย์ หรือว่าคุณรู้อะไร”

“เอ่อ...” เซเลน่าอึกอัก

“คุณรู้อะไรก็บอกผมมาสิเอแคร์” ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวอย่างคาดคั้น ทำเอาเซเลน่าอึดอัดจึงหาทางเอาตัวรอด

“ฉันหิวน้ำ ไปซื้อน้ำดื่มกัน” บอกแล้วก็เปิดประตูลงจากรถไปยังซุ่มขายของเล็กๆ เหมือนร้านในสวนสาธารณะประจำหมู่บ้าน

รักษิตลงจากรถตามไปซื้อน้ำดื่มให้หญิงสาว หากยังไม่คลายความสงสัย และตั้งใจจะคาดคั้นเอาความจริงต่อให้ได้ ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร โทรศัพท์มือถือของเขาในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงหยิบขึ้นมามองหน้าจอก่อนกดรับสาย

“ว่าไงพงษ์”

“พี่รัก พี่ยาไม่อยู่ร้าน ไม่รู้ไปไหน” รักพงษ์โทรศัพท์มารายงานด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย หลังจากเรียนเสร็จแล้วแวะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวที่ร้านตามคำสั่งของพี่ชายที่ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับเขาเลยว่าทำไมถึงต้องมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ยา ดังนั้นการที่รักษิยาหายไป รักพงษ์จึงไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร
ต่างจากผู้เป็นพี่ชาย

“แล้วตาลไม่รู้เหรอว่ายาไปไหน” รักษิตเอ่ยถึงพนักงานประจำร้านของรักษิยา และคำถามของชายหนุ่มก็สร้างความตกใจให้เซเลน่าด้วยเช่นกัน

“พี่ตาลบอกว่าพี่ยายังไม่ได้เข้ามาที่ร้านตั้งแต่เช้าแล้ว พี่ตาลมาเปิดร้านคนเดียว”

“แล้วโทรศัพท์ไปหายาบ้างหรือยัง”

“โทรไปแล้ว พี่ยาปิดเครื่อง มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า” รักพงษ์จับพิรุธจากน้ำเสียงเป็นกังวลของพี่ชาย

“ภูมิกับยาเลิกกันแล้ว” รักษิตตัดสินใจบอก

“หา ! พี่ภูมิกับพี่ยาเลิกกัน เป็นไปได้ยังไง” ถ้าใครที่เคยเห็นความรักของภูมิกับรักษิยาต่างก็ต้องไม่เชื่อว่าทั้งสองจะเลิกกันได้ “แล้วทำไมถึงเลิกกัน พี่รักรู้หรือเปล่า”

“ไม่รู้” รักษิตตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด “งั้นพงษ์อยู่ที่ร้านไปก่อนนะ ถ้ายากลับมาแล้วรีบโทรมาบอกพี่ด้วย เดี๋ยวพี่จะพยายามโทรศัพท์ติดต่อยาเอง”

รักษิตสั่งจบ เซเลน่าก็ถามสวนขึ้นทันที

“คุณยาเป็นอะไรเหรอคะ”

“ยาหายไปไหนไม่รู้ ติดต่อก็ไม่ได้” เขาบอกขณะกดโทรศัพท์ออกไปหารักษิยา แต่อีกฝ่ายปิดเครื่อง เขาก็กดซ้ำใหม่

ระหว่างนั้นเซเลน่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก...หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับรักษิยาเข้าเสียแล้ว

ไม่ได้ ! หล่อนจะไม่ยอมให้คนดีๆ อย่างรักษิยาเป็นอะไรไปเด็ดขาด
ตัดสินใจแล้วก็หันซ้ายหันขวาหาที่ซ่อน ตั้งใจจะตามหารักษิยาด้วยการแปลงร่างเป็นคิวปิดแล้วนึกถึงภาพยานพาหนะของมนุษย์สาวที่หล่อนเห็นทุกวันจนติดตา แล้วสายตาก็หันไปปะทะกับสิ่งก่อสร้างชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่มาก เซเลน่ารู้ว่ามันคือห้องน้ำ เพราะหล่อนจำสัญลักษณ์รูปคนเหมือนหน้าห้องน้ำที่เคยเข้าในบริษัทของนายเก่งฉกาจ

“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เซเลน่าวิ่งตรงเข้าไปภายใน

“เดี๋ยวคุณ ! นั่นมันห้องน้ำผู้ชาย !” รักษิตร้องบอก

แต่หญิงสาวไม่ได้ยิน วิ่งเข้ามาข้างใน วันนี้เป็นวันธรรมดาจึงไม่มีผู้มาใช้บริการสวนสาธารณะเท่าใดนัก ห้องน้ำจึงพลอยว่างไปด้วย คิวปิดสาวไม่รอช้า รีบปิดประตูห้อง ก่อนถอดสร้อยปีกนกออกจากลำคอ เกิดประกายวิบวับที่ทำให้เสื้อผ้าบนร่างกลายเป็นชุดสีขาวล้วน คันธนูและปีกสีขาวที่หลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว
แต่ทันใดนั้นประตูห้องส้วมซึ่งอยู่ในห้องน้ำเปิดผางออก ชายหนุ่มที่อยู่ด้านในละสายตาจากตะขอกางเกงตัวเอง เงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพหญิงสาวมีปีกยืนอยู่ท่ามกลางเกล็ดระยิบระยับก็ตกใจ

“ผะ...ผะ...ผี !” ชายหนุ่มร้องดังลั่น แล้วรีบวิ่งปรู๊ดหนีออกไปทางประตู สวนกับรักษิตที่วิ่งตามมาถึงพอดี

แล้วภาพของหญิงสาวความจำเสื่อมในสภาพคิวปิดสาวสมบูรณ์ที่ยืนทำหน้าอึ้งตะลึงงันก็ปรากฏแก่สายตาของรักษิต !

***************************************



สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2554, 00:37:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2554, 00:37:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1648





<< ตอน 11   ตอน 13 >>
วิรัตต์ยา 31 ก.ค. 2554, 23:24:05 น.
เอาล่ะสิ ความลับเปิดเผยแล้วสิ ทีนี้คุณพี่รักจะทำยังไงกับคิวปิดความจำเสื่อมน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account