เสน่ห์รักคล้องใจ

Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน

ตอน: ตอนที่ 7-2

ทักทายยามดึกค่ะ มาลงครึ่งหลังแล้วนะคะ ฝากติดตามแพรกับวินด้วยค่า มีอะไรติชมหรือติติงทักได้เลยนะคะ ^_<


เสน่ห์รักคล้องใจ ตอนที่ 7-2

รุ้งรวีมองอนุภัทรที่นั่งหน้าเหยเกอยู่ที่พื้น แล้วหันไปมองอัศวินที่ยืนจ้องอนุภัทรเขม็งโดยไม่รับรู้การมาของเธอและคนอื่น ๆ จากนั้นเธอก็หันไปเห็นพิชชาภายืนน้ำตาไหลพรากอยู่เงียบ ๆ

“ตายแล้วยัยแพร! ใครทำเราร้องไห้ไหนบอกแม่มาซิ” รุ้งรวีร้องตกใจพลางใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตาให้ลูกสาว

เธอและสามีรวมไปถึงพิรภพต่างตกอกตกใจเมื่อคนสวนวิ่งเข้ามาบอกว่าอนุภัทรมาที่นี่และกำลังทะเลาะโวยวายอยู่กับอัศวินและพิชชาภาอยู่ที่ด้านหน้าคฤหาสน์ เธอเลยต้องรีบวิ่งออกมาช่วยระงับเหตุการณ์ไม่ให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

“เอ่อ...ไม่มีใครทำอะไรแพรหรอกค่ะแม่รุ้ง” พิชชาภาอ้อมแอ้มตอบ

“นี่ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หือวิน” ปิยวัฒน์หันไปถามอัศวินแล้วหันไปมองที่อนุภัทรซึ่งกำลังพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยความสับสน

“ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกครับคุณลุง แค่จู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็มาฉุดแขนแพรจะพาเธอไปกับเขาให้ได้ ผมก็เลยชกเข้าให้น่ะครับ” อัศวินตอบตามความจริงโดยไม่กล่าวถึงคำพูดแสบร้อนที่อนุภัทรใช้กับพิชชาภา

ปิยวัฒน์หันไปจ้องหน้าอนุภัทรแววตาเอาเรื่อง แต่เขายังใจเย็นพอที่จะไม่ใช้อารมณ์วู่วาม ผิดกับรุ้งรวีที่พอได้ยินก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า ไม่รอช้ารีบปรี่เข้าไปหาอนุภัทรแล้วตบหน้าเขาทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว

อนุภัทรถึงกับเซไปข้างหลังเมื่อถูกตบโดยไม่ทันตั้งตัว

“แม่รุ้ง!” พิชชาภาถลาเข้าไปดึงแขนมารดาให้ออกห่างจากอนุภัทรเมื่อเธอเงื้อมือจะตบชายหนุ่มอีกรอบ

“ปล่อยแม่นะยัยแพร มันทำกับเราขนาดนี้แล้วยังจะไปห่วงมันอีกเหรอ” รุ้งรวีหันมาดุลูกสาวพลางสะบัดแขนออก

“โธ่ คุณแม่ครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดสิครับ ผมแค่อยากจะพาแพรไปคุยด้วยเท่านั้น” อนุภัทรทำทีเป็นพูดแก้ตัวเสียงอ่อย แต่ในใจของเขากลับเดือดปุด ๆ อยากจะตบหน้าอีแก่นี่คืนให้หายแค้น

“ใครเป็นแม่แก! ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วห้ามแกมายุ่งกับยัยแพรอีก ออกไป!” รุ้งรวีตะคอกเสียงดังพลางชี้ไปที่ประตูเป็นเชิงไล่

“ผมไม่ไป! ทำไมล่ะครับคุณแม่ ผมกับแพรเรารักกันมาตั้งนาน และเราก็กำลังจะแต่งงานกัน แต่ทุกคนกลับกีดกันความรักของเรา พรากแพรไปจากผมด้วยการให้แพรไปหมั้นกับไอ้นั่น!” อนุภัทรโวยลั่นแล้วหันขวับไปทางอัศวินด้วยสายตาอาฆาต

รุ้งรวียิ้มเยาะ “รักอย่างนั้นเหรอ? แกรักแพรจริง ๆ หรือหวังแค่สมบัติของยัยแพรกันแน่!”

อนุภัทรถึงกับสะอึกที่ถูกจี้ใจดำ เขาเหลือบไปมองพิชชาภาที่ตอนนี้มองมาทางเขาด้วยสายตาผิดหวัง แล้วหันไปเห็นปิยวัฒน์กับพิรภพกำลังมองเขาราวกับเชื้อโรคสกปรกก็ไม่ปาน

‘อีแก่กับครอบครัว มันต้องเป่าหูแพรเพื่อให้เธอเกลียดเขาแน่ ๆ’ อนุภัทรคิดอย่างโกรธแค้นในใจ

“ไม่จริงนะครับคุณแม่ ผมไม่เคยคิดกับแพรอย่างนั้นเลยนะครับ” เขารีบแก้ตัว

“โกหก! ถ้าแกไม่ได้คบกับลูกสาวฉันเพราะเงิน แล้วทำไมแกถึงกล้าคบผู้หญิงคนอื่นทั้งๆที่ยังคบกับลูกสาวฉันอยู่!” รุ้งรวีชี้หน้าอนุภัทรตะคอกอย่างไม่เกรงใจ

อัศวินถึงกับหูผึ่งทันทีที่ได้ยินข้อมูลใหม่จากรุ้งรวี แล้วพยายามยืนฟังอย่างเงียบ ๆ ต่อไป

“เอ่อ...คุณแม่พูดเรื่องอะไรครับ ผะ...ผมไม่เห็นเข้าใจ” อนุภัทรพูดลิ้นพันกันอย่างตระหนก

“แกเล่นละครตบตาเก่งอย่างนี้นี่เองลูกสาวฉันถึงได้ไม่รู้เนื้อรู้ตัวปล่อยให้แกสวมเขาอยู่ได้ตั้งเป็นปี” รุ้งรวีเบ้ปากบอกอย่างรังเกียจ

“พอเถอะค่ะแม่รุ้ง แพรไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก” พิชชาภาบอกมารดาคล้ายรำคาญใจ

“หนิพี่แพร พีทไม่เข้าเลยว่าไอ้ตี๋ขี้เก๊กนี่มันมีดีอะไร พี่ถึงได้คอยปกป้องมันอยู่ได้” พิรภพพูดขึ้นบ้างพลางมองพี่สาวอย่างหงุดหงิด

พิชชาภากำลังจะเถียงว่าเธอไม่ได้ปกป้อง เพียงแต่เธอไม่อยากจะย้ำความงี่เง่าของตัวเองด้วยการพูดถึงเรื่องที่อนุภัทรหลอกเธอขึ้นมาอีก แต่พิรภพก็แทรกพูดกับอนุภัทรขึ้นมาก่อน

“จะบอกอะไรให้นะว่าทุกคนในบ้านนี้เขารู้กันหมดแล้วว่านายน่ะมันเลวแค่ไหน คบกับพี่สาวฉันเพราะเห็นว่าเธอรวย แถมยังทำตัวเจ้าชู้มั่วนอนกับผู้หญิงไปทั่วโดยไม่สนใจความรู้สึกพี่แพรเลยสักนิด!”

‘เพราะอย่างนี้นี่เอง’ อัศวินที่ลอบสังเกตอยู่นานตอบตัวเองในใจ รู้สึกโกรธแค้นไอ้ตี๋หน้าจืดแทนพิชชาภาขึ้นมาครามครัน

“ไม่จริง! ผะ...ผมไม่เคยหักหลังแพร มะ..ไม่เคยคิดนอกใจแพร พวกคุณต้องการจะใส่ร้ายผมเพื่อให้แพรเกลียดผม!” อนุภัทรยังไม่ยอมรับความจริงแถมยังโยนความผิดไปให้ครอบครัวของพิชชาภา เขาเดินรี่ไปหาหญิงสาวแล้วรีบบอกปฎิเสธเป็นพัลวัน

“แพรจ๊ะ...พี่ไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง ๆ นะ พี่รักแพรคนเดียวแพรก็รู้ แล้วพี่จะไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง”

พิชชาภาถอนหายใจ แล้วพูดด้วยท่าทีเย็นชา “เลิกแก้ตัวสักทีเถอะค่ะพี่ภัทร พี่ภัทรทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ อย่าทำให้แพรต้องรู้สึกรังเกียจพี่ไปมากกว่านี้เลยนะคะ”

“แพร...นี่แพรไม่เชื่อที่พี่พูดเหรอ” อนุภัทรพูดเสียงน้อยใจ

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนแพรคงจะเชื่อที่พี่ภัทรพูดทุกอย่าง....แต่ตอนนี้แพรไม่ใช่ยัยโง่คนเดิมที่หลับหูหลับตาเชื่อพี่ภัทรอีกต่อไปแล้ว เพราะแพรรู้ความจริงแล้วว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาพี่ภัทรหลอกแพรมาตลอด”

“โอ๊ยย ยัยแพร มัวแต่ไปพูดดีกับมันอยู่ได้ มานี่ เดี๋ยวแม่พูดเอง” รุ้งรวีเดินไปทางลูกสาวพลางดึงแขน
พิชชาภาให้ออกห่างอนุภัทร

“หนินายภัทร ฉันขอพูดกับนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ เลิกยุ่งกับยัยแพรซะและอย่ามาตอแยลูกสาวฉันอีก ตอนนี้ยัยแพรกำลังจะหมั้นกับตาวิน และอีกไม่นานทั้งคู่ก็จะแต่งงานกัน เพราะฉะนั้นนายอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่านี้เลย กลับไปซะเถอะ” รุ้งรวีพูดอ้อนวอนด้วยท่าทีที่อ่อนลง

อนุภัทรยืนหน้าชา กัดฟันแน่นอย่างโกรธแค้นที่ถูกสองแม่ลูกไล่อย่างกับหมูกับหมา เขามองไปเห็นปิยวัฒน์ที่ยืนทำหน้าอ่อนใจ ส่วนพิรภพก็กำลังกอดอกยิ้มเยาะมาทางเขา และพอหันมาที่อัศวินซึ่งกำลังจ้องเขาตาขวาง เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณปลายคางตรงที่ถูกอัศวินชกแทบจะทันที

อนุภัทรกำหมัดแน่นข้างกายอย่างเจ็บแค้น กวาดสายตามองตั้งแต่อัศวินเรื่อยไปจนถึงพิชชาภาด้วยความโกรธเกรี้ยว วันนี้เขาต้องถูกไอ้เจ้าของโรงแรมนั่นชก และยังถูกอีแก่ปากเสียตบเข้าให้อีก หนำซ้ำแผนที่พยายามจะทำให้พิชชาภากลับมาคบกับเขาอย่างเดิมยังจะล้มเหลวและยังถูกเธอตัดสัมพันธ์อย่างไม่ไยดี รวมถึงบิดาของเธอและไอ้เด็กเวรนั่นก็ทำท่ารังเกียจเขาเต็มประดา

เขาไม่ยอมให้เรื่องมันจบเพียงเท่านี้แน่ เขาจะต้องคิดบัญชีกับไอ้พวกผู้ดีงี่เง่านี่ให้สาสมเหมือนอย่างที่พวกมันทำกับเขาวันนี้ให้ได้!

อนุภัทรหันมาจ้องพิชชาภาแววตาเกรี้ยวกราด “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เขาพูดขู่เสียงเข้มแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่รถของตนโดยไม่วายที่จะเหลือบมองกวินทร์ด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นก็สตาร์ทรถขับออกไปอย่างรวดเร็วปานจรวด

“หนอย ตัวเองทำผิดแล้วยังมีหน้ามาขู่คนอื่นเขาอีก เลวจริง ๆ เลย” รุ้งรวีกัดฟันพูด มองตามรถของอนุภัทรที่ขับออกไปด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว แล้วหันมาพูดกับลูกสาว

“แพรไม่ต้องไปสนใจคำขู่ไร้สาระของนายภัทรนั่นนะลูก”

“ค่ะแม่รุ้ง แพรว่าพี่ภัทรเขาคงรู้สึกเสียหน้ามากก็เลยพูดขู่ให้แพรกลัวไปอย่างนั้นเอง” พิชชาภาตอบ แต่ในใจกลับรู้สึกระแวงอนุภัทรอยู่ไม่น้อย เพราะขนาดอย่างวันนี้เขายังกล้าบุกมาหาเธอถึงบ้านแถมยังพยายามจะลากเธอไปกับเขาให้ได้ทั้งที่อัศวินก็อยู่ด้วย สงสัยต่อไปนี้เธอคงจะต้องระวังอนุภัทรให้มากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกับเธออีก

“ดีแล้วล่ะลูก” รุ้งรวียิ้มบอกพลางลูกผมพิชชาภาอย่างปลอบประโลม

“อุ๊ย...แล้วตาวินล่ะเป็นอย่างไรบ้าง ป้าลืมไปเลย โดนนายภัทรนั่นทำอะไรเอาหรือเปล่า” รุ้งรวีทำตาโต แล้วถลันมาหาอัศวินถามหน้าตาตื่น

“เขาไม่ได้ทำอะไรผมหรอกครับคุณป้า มีแต่ผมที่ไปชกเขา” เขาตอบพลางยิ้มทะเล้น

“อู๊ยย...ป้าว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ คนอย่างนายภัทรนั่นมันต้องโดนให้หนัก เอาให้เข้าโรงพยาบาลไปเลยยิ่งดี” รุ้งรวีพูดเสียงอาฆาตแค้นเต็มที่

‘ถ้าลูกสาวคุณป้าไม่มาห้ามไว้ก่อน ป่านนี้ไอ้ตี๋หน้าจืดนั่นคงได้ไปนอนโรงพยาบาลสมใจคุณป้าแล้วล่ะครับ’ อัศวินได้แต่ตอบรุ้งรวีในใจ

“พอเถอะรุ้ง มัวแต่ยืนบ่นนายภัทรอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวตาวินก็ไม่ได้พายัยแพรออกไปข้างนอกกันพอดี” ปิยวัฒน์ปรามภรรยา

“จริงด้วย รุ้งลืมไปเลย” รุ้งรวีอุทานขึ้นมาทันที แล้วหันไปบอกอัศวิน

“งั้นวินรีบพาน้องไปเถอะจ้ะ เพราะกว่าจะฝ่ารถติด แล้วไหนจะต้องไปเลือกแหวนกันอีก”

อัศวินพยักหน้าตอบก่อนจะยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้งพลางหันไปโบกมือให้พิรภพที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้าง ๆ ปิยวัฒน์ จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูรถให้พิชชาภาขึ้นไปนั่ง ก่อนจะเดินอ้อมไปประจำที่นั่งของตนแล้วขับรถออกจากคฤหาสน์ไป


ตลอดระยะทางที่ขับรถไปยังร้านขายเครื่องเพชรที่รุ้งรวีแนะนำ ไม่มีบทสนทนาใด ๆ ระหว่างอัศวินและพิชชาภามีแต่เสียงบรรเลงบทเพลงคลาสสิคที่อัศวินเปิดไว้เพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถเงียบกริบจนดูอึดอัดเกินไป


อัศวินเลี้ยวรถจอดเมื่อมาถึงร้านเพชรที่ว่า และกำลังจะลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูให้พิชชาภา

“เดี๋ยวค่ะพี่วิน”

“หืมม” อัศวินเลิกคิ้วถาม ปิดประตูลงตามเดิม

“คือ...เอ่อ...เรื่องที่พี่ภัทรพูดจาไม่ดีกับพี่วิน แพรต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ” พิชชาภาบอกเสียงอ่อย

อัศวินกัดฟันกรอด รู้สึกโกรธที่พิชชาภาออกรับแทนไอ้ตี๋หน้าจืดนั่น เขากำลังอ้าปากจะพูดโต้ตอบหญิงสาว แต่ก็ต้องอ้าค้าง เบิกตากว้างด้วยความงงงวยเมื่อพิชชาภายกมือไหว้เขา

“แล้วแพรก็ต้องขอบคุณพี่วินด้วยนะคะที่พยายามช่วยแพรจากพี่ภัทร และยังจะช่วยปกป้องศักดิ์ศรีให้แพรอีก ขอบคุณนะคะ” พิชชาภายิ้มบาง ๆ ขอบคุณจากใจจริง

‘ถ้ามึงกล้าพูดจาดูถูกแพรอีกคำเดียวล่ะก็ มึงได้เละคามือกูแน่ ไม่เชื่อก็ลองดู’ พิชชาภานึกถึงคำพูดที่อัศวินขู่อนุภัทรแล้วเธอก็ต้องอมยิ้มอย่างเป็นสุข ไม่คิดว่าคนที่ชอบใช้คำเผ็ดร้อนกับเธอบ่อย ๆ อย่างอัศวินจะพูดปกป้องเธอออกไปแบบนั้นได้
อัศวินรู้สึกประหลาดใจแกมดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่จู่ ๆ พิชชาภาก็ยกมือไหว้ขอบคุณเขาทั้งที่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เขาทำไปมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายจะปกป้องผู้หญิงเมื่อเธอกำลังถูกรังแก

เขาคลี่ยิ้มบาง ๆ กับตัวเอง รู้สึกดีอย่างประหลาดที่พิชชาภาเอ่ยขอบคุณด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นนี้

“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกจ้ะ...แพรเป็นคู่หมั้นพี่ พี่ก็ต้องปกป้องอยู่แล้ว” อัศวินยิ้มหวานบอกเธอ

พิชชาภาหุบยิ้มทันทีแล้วมองอัศวินด้วยแววตาน้อยใจ ที่แท้เขาก็เห็นเธอเป็นเพียงคู่หมั้นที่ต้องปกป้องเพื่อประโยชน์ของเขาเท่านั้นเอง...ใช่สิ คำพูดและท่าทีของเขาที่ผ่านมาก็ตอกย้ำชัดอยู่แล้ว

“ค่ะ” พิชชาภาตอบเสียงเศร้า

อัศวินมองท่าทางซึมเศร้าของพิชชาภาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจ เขาว่าเขาก็พูดดีแล้วนะ ไม่ได้พูดจาขวานผ่าซากหาเรื่องเธอเหมือนทุกทีสักหน่อยหรือว่าเธอจะยังโกรธเรื่องที่ถูกเขาจูบเมื่อตอนบ่าย

อัศวินกัดริมฝีปากอย่างลังเลเมื่อไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับหญิงสาวอย่างไรดีเพื่อให้เธอยกโทษให้ เขาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นานก่อนจะโพล่งออกไป

“เอ่อ...พี่เองก็ต้องขอโทษแพรเรื่องเมื่อตอนบ่ายด้วยนะที่พี่พูดจาไม่ดีกับแพร แล้วก็...เอ่อ....จูบแพรไปแบบนั้น”

พิชชาภาหันขวับไปมองอัศวินที่กำลังยิ้มแห้ง ๆ มาที่เธอ นี่เธอคงจะแสดงอาการอะไรออกไปให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอโกรธเรื่องเมื่อตอนบ่ายแน่ ๆ

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เพราะแพรเองก็มีส่วนผิดที่ไปตบหน้าพี่วิน” เธอบอกเสียงแผ่ว เผลอมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอัศวินที่ตอนนี้ไร้รอยแดงจากฝ่ามือเธอแล้ว

พิชชาภาเหมือนจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยามได้มองใบหน้าหล่อเหลาของอัศวินใกล้ ๆ เช่นนี้ และราวกับเขามีแรงดึงดูดให้เธอเข้าหา จึงทำให้เธอเผลอยื่นมือไปจับที่แก้มเขาแผ่วเบา

“พี่วินเจ็บมากไหมคะ....” เธอถามเสียงสั่น

อัศวินมองดวงตากลมใสของพิชชาภาที่มีแววเป็นห่วงเป็นใยแล้วหัวใจเขาก็แทบจะหยุดเต้น นี่เธอไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าการทำอย่างนี้กับผู้ชายมันจะเป็นอันตรายกับเธอแค่ไหน โดยเฉพาะ....ผู้ชายอย่างเขา

อัศวินไม่ตอบเธอ แต่จับมือเธอที่จับแก้มเขาเอาไว้ขึ้นมากุม แล้วยื่นมืออีกข้างที่ว่างไปจับที่คางเธอแล้วใช้นิ้วโป้งสัมผัสเบา ๆ บนริมฝีปากอิ่มของพิชชาภาแทน

“แล้วแพรล่ะจ๊ะ...เจ็บมากไหม” เขายิ้มถามพลางลูบไล้ริมฝีปากเธอไปมา

พิชชาภาหลับตาพริ้มปล่อยใจไปกับสัมผัสแผ่วเบาราวปุยนุ่นจากปลายนิ้วของเขาที่ส่งผ่านมายังริมฝีปากเธอ และเธอก็ถึงกับเปล่งเสียงร้องครางออกมาเบา ๆ เมื่ออัศวินเลื่อนมือมาลูบไล้แก้มนวลเธอแทน

พิชชาภาอดใจไม่ไหวเผลอแนบแก้มเข้ากับมือของเขาราวกับกริยาลูกแมวน้อยคลอเคลียเจ้านาย

อัศวินยื่นหน้าเข้าไปใกล้พิชชาภาอย่างยากจะห้ามใจ มองริมฝีปากอิ่มแดงของเธอที่เผยอเล็กน้อยด้วยความรู้สึกซาบซ่านอยากจะก้มลงไปจูบเธอใจจะขาด และแม้ว่าจะได้จูบเธอไปแล้วอย่างเร่าร้อนเมื่อตอนบ่าย แต่ก็ยังรู้สึกไม่หนำใจพอจนอยากจะจูบเธออีกครั้งในตอนนี้

เมื่อความอดทนของเขามาถึงขีดสุด และเธอเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนเขา เขาจึงทำตามหัวใจเรียกร้องด้วยการมอบจุมพิตแสนหวานให้กับเธอ
<><><><><><><><><>>><><><><><><><><>
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น แพรกับวินตอนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าจะต้องเตรียมรับมือกับคนแบบไหน เพราะสองคนนี้กัดไม่ปล่อยจริงๆ หุหุ

คุณ lamyong ใช่ค่ะ แสดงออกว่ารักเราแต่ใจจริงกับต้องการอย่างอื่น แพรตัดขาดจากคนแบบนี้ได้ก็ดีแล้วค่ะ


พบกันตอนหน้าวันอังคารนะคะ คืนนี้ราตรีสวัสดิ์คร่า ^_^



เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ต.ค. 2558, 00:28:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2558, 00:28:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1294





<< ตอนที่ 7-1   ตอนที่ 8-1 >>
lamyong 30 ต.ค. 2558, 17:46:46 น.
อ้าว ไม่ทันไรแพรก็ยอมใจอ่อนให้วินแล้วเหรอออออ


Zephyr 31 ต.ค. 2558, 16:23:09 น.
เอ เอ้ะ จะใจดีให้จูบอีกรอบเหรอ
ไม่อ่ะ ต้องมีไรมาขัดแน่ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account