หัวใจบ่มรัก (เริ่มต้นอัพให้อ่านใหม่อีกรอบ)
เริ่มต้นลงให้อ่านใหม่อีกรอบนะคะ แต่อัพแค่ 70% เด้อค่า
เด็กกะโปโล’ คือคำจำกัดความของ วรรณวลี ในสายตาของหนุ่มหล่อพี่ชายข้างบ้านอย่าง พศวัต และ ‘ตาแก่’ ที่กล้าพูดว่าเธอเป็นเด็กกะโปโล คอยดูเถอะเด็กกะโปโลคนนี้จะทำให้ตาแก่ปากร้ายมาสยบแทบเท้าให้ได้
ในอดีตเขาเคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับ วรรณวลี ตามความต้องการของผู้ใหญ่เพราะคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้ แต่ในวันนี้เด็กสาวในอดีตกลับมาพร้อมการเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง เสน่ห์ยั่วยวนใจเขาอย่างร้ายกาจ และนั่นมันทำให้เขาอยากจะทำให้ความต้องการของผู้ใหญ่ในอดีตให้เป็นจริง …เขาต้องทำมันให้สำเร็จ ก็ผู้หญิงคนนี้เกือบจะถูกหมายปองให้เป็นของเขาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วนี่ และตอนนี้ก็ได้เวลาเอาจริง!!!
“ยะ…หยุดนะ” ห้ามเสียงสั่นพร้อมทั้งดิ้นขัดขืนและพยายามดึงตัวเองกลับ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล ยิ่งดิ้นชายหนุ่มก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก “หือ…อย่าหยุดเหรอได้…จัดไป”
“กรี๊ดดด! หยุดดด! ไม่ใช่อย่าหยุด ไอ้พี่พตบ้า” วรรณวลีตวาดแว้ดมือไม้ทั้งผลักไสทุบตีคนบ้ารัวไม่เลือกที่และไม่มียั้ง หลบได้ก็หลบแต่ถ้าหลบไม่ได้ไม่ก็ต้องโดนจนช้ำกันไปบ้างล่ะ
“พอแล้ว พอแล้ว พี่ยอมแล้ว ไม่ทำอะไรเราแล้ว” พศวัตห้ามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมทั้งหลบซ้ายหลบขวายกแขนรับกำปั้นน้อยๆ ที่รัวเข้าใส่อย่างรู้สึกสนุกมากกว่าเจ็บตัว
“สัญญานะ” ถามอย่างระแวง
“ครับ…” เพียงเท่านั้นมือบางก็ผลักอกกว้างแรงๆ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะขยับตัวกลับมานั่งที่เบาะของตัวเองพร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้เขากระชากเธอเข้าไปหาอีก ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและแดงก่ำ
“งั้นก็รีบๆ กลับบ้านสิคะ ฉัน…ว้าย!” วรรณวลีร้องเสียงหลง รีบยกมือปิดปากที่โดนพศวัตอาศัยโอกาสเพียงแค่เสี้ยวนาทีขโมยจูบไปอีกครั้งเอาไว้ ส่วนอีกข้างยกขึ้นชี้หน้าคนฉวยโอกาสที่นั่งหัวเราะยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวนอย่างโมโหระคนอายจนตัวสั่น
“เอาสิเรียกแบบนั้นอีกสิ ฉันๆ คุณๆ เนี่ย พ่อจะจูบให้หนำใจเลย”
***********************************************
เรื่องนี้เป็นรูปเล่มแล้วนะคะ
นักอ่านคนไหนสนใจสามารถติดต่อได้ที่ kesmani1@hotmail.com หรือที่แฟนเพจ รดามณี ไหมขวัญ
ราคาปก 320 บาท ลดเหลือ 299 บาท ค่าจัดส่ง 20 บาท
***แถมสมุดโน๊ตภาพหน้าปกนิยาย***
E-book :https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgyNTMyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjU3OCI7fQ
เด็กกะโปโล’ คือคำจำกัดความของ วรรณวลี ในสายตาของหนุ่มหล่อพี่ชายข้างบ้านอย่าง พศวัต และ ‘ตาแก่’ ที่กล้าพูดว่าเธอเป็นเด็กกะโปโล คอยดูเถอะเด็กกะโปโลคนนี้จะทำให้ตาแก่ปากร้ายมาสยบแทบเท้าให้ได้
ในอดีตเขาเคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับ วรรณวลี ตามความต้องการของผู้ใหญ่เพราะคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้ แต่ในวันนี้เด็กสาวในอดีตกลับมาพร้อมการเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง เสน่ห์ยั่วยวนใจเขาอย่างร้ายกาจ และนั่นมันทำให้เขาอยากจะทำให้ความต้องการของผู้ใหญ่ในอดีตให้เป็นจริง …เขาต้องทำมันให้สำเร็จ ก็ผู้หญิงคนนี้เกือบจะถูกหมายปองให้เป็นของเขาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วนี่ และตอนนี้ก็ได้เวลาเอาจริง!!!
“ยะ…หยุดนะ” ห้ามเสียงสั่นพร้อมทั้งดิ้นขัดขืนและพยายามดึงตัวเองกลับ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล ยิ่งดิ้นชายหนุ่มก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก “หือ…อย่าหยุดเหรอได้…จัดไป”
“กรี๊ดดด! หยุดดด! ไม่ใช่อย่าหยุด ไอ้พี่พตบ้า” วรรณวลีตวาดแว้ดมือไม้ทั้งผลักไสทุบตีคนบ้ารัวไม่เลือกที่และไม่มียั้ง หลบได้ก็หลบแต่ถ้าหลบไม่ได้ไม่ก็ต้องโดนจนช้ำกันไปบ้างล่ะ
“พอแล้ว พอแล้ว พี่ยอมแล้ว ไม่ทำอะไรเราแล้ว” พศวัตห้ามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมทั้งหลบซ้ายหลบขวายกแขนรับกำปั้นน้อยๆ ที่รัวเข้าใส่อย่างรู้สึกสนุกมากกว่าเจ็บตัว
“สัญญานะ” ถามอย่างระแวง
“ครับ…” เพียงเท่านั้นมือบางก็ผลักอกกว้างแรงๆ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะขยับตัวกลับมานั่งที่เบาะของตัวเองพร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้เขากระชากเธอเข้าไปหาอีก ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและแดงก่ำ
“งั้นก็รีบๆ กลับบ้านสิคะ ฉัน…ว้าย!” วรรณวลีร้องเสียงหลง รีบยกมือปิดปากที่โดนพศวัตอาศัยโอกาสเพียงแค่เสี้ยวนาทีขโมยจูบไปอีกครั้งเอาไว้ ส่วนอีกข้างยกขึ้นชี้หน้าคนฉวยโอกาสที่นั่งหัวเราะยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวนอย่างโมโหระคนอายจนตัวสั่น
“เอาสิเรียกแบบนั้นอีกสิ ฉันๆ คุณๆ เนี่ย พ่อจะจูบให้หนำใจเลย”
***********************************************
เรื่องนี้เป็นรูปเล่มแล้วนะคะ
นักอ่านคนไหนสนใจสามารถติดต่อได้ที่ kesmani1@hotmail.com หรือที่แฟนเพจ รดามณี ไหมขวัญ
ราคาปก 320 บาท ลดเหลือ 299 บาท ค่าจัดส่ง 20 บาท
***แถมสมุดโน๊ตภาพหน้าปกนิยาย***
E-book :https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgyNTMyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjU3OCI7fQ
Tags: หัวใจบ่มรัก,เกศมณีลรดามณี,ไหมขวัญ,มายา,นิยายรัก,โรแมนติก,ทำมือ,รักต่างวัย,กินเด็ก
ตอน: ตอนที่ 3 ออกอาการ 100%
ตอนที่ 3
ออกอาการ
วรรณวลีใช้เวลาว่างที่มี ก่อนอาทิตย์หน้าจะต้องไปเริ่มทำงานกับพศวัตด้วยการออกไปเดินเที่ยวห้าง ช็อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลงกับกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่ยังคงติดต่อพูดคุยกันตลอด
และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ในช่วงกลางวันวรรณวลีไม่ได้ออกไปไหน เพราะคืนนี้หญิงสาวได้นัดรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ในก๊วนทุกคน ทั้งคนที่เจอกันแล้วและคนที่ติดงานยังไม่ได้มาเจอกันได้แต่พูดคุยผ่านโทรศัพท์ไปดื่มฉลองต้อนรับการกลับมาเมืองไทยแบบถาวรของเธอที่ผับดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผับที่เมื่อสองสามวันก่อนเธอเคยไปนั่งฟังเพลงกับเพื่อนในกลุ่มบางคนมาแล้ว
“คุณพ่อคุณแม่เปรี้ยวไปก่อนนะคะ และคืนนี้เปรี้ยวขอกลับดึกคืนหนึ่ง”
ร่างบอบบางที่เดินมานั่งลงข้างๆ คนเป็นแม่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาประกอบคำพูด ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างออดอ้อน แม้เรื่องนี้เธอจะได้บอกบุพการีทั้งสองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วก็ตามที
“เรื่องนั้นพ่อไม่มีปัญหาหรอก แต่ชุดที่ใส่น่ะพ่อว่ามันดูโป๊ไปหน่อยไหม”
นายอายุธติงลูกสาวเสียงเข้ม วรรณวลีจึงลุกขึ้นยืน แล้วก้มลงมองชุดเดรสคล้องคอสีน้ำเงินใต้อกติดโบว์มีริบบิ้นยาวมาถึงระบายกระโปรงที่ยาวเหนือเข่าขึ้นมาประมาณคืบหนึ่ง ก่อนจะหมุนรอบตัวเองช้าๆ อีกหนึ่งรอบให้คนเป็นพ่อได้เห็นทุกมุมว่ามันไม่ได้โป๊อย่างที่ท่านบอก
“เปรี้ยวว่าก็ธรรมดานะคะ”
“ธรรมดาตรงไหน พ่อว่าคอเสื้อลึกไปไหม และกระโปรงก็สั้นมากไป”
นายอายุธมองความยาวของกระโปรงแล้วเลยไปที่คอเสื้อที่พาดทับกันเป็นรูปตัววีคว้านลึกจนเห็นเนินอกโผล่มาเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าอย่างบอกว่าในสายตาของท่านชุดนี้ไม่ผ่าน
“โธ่…คุณพ่อถ้าเปรี้ยวหน้าอกดูมๆ แล้วมันล้นทะลักออกมาก็ว่าไปอย่าง แค่นี้เองหยวนๆ นะคะ ส่วนกระโปรงถึงจะสั้นไปนิดแต่สบายใจได้ค่ะพ่อเพราะเปรี้ยวใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างใน”
ไม่พูดเปล่า เพื่อความสบายใจมือบางจึงถลกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยพอให้คนเป็นพ่อเห็นกางเกงขาสั้นสีดำพอดีที่ซ่อนอยู่ข้างใน
“แต่พ่อว่า…”
“เอาเถอะน่าคุณลูกเราก็ไม่ใช่เด็กๆ ซะหน่อย และชุดนี้ฉันเองก็มองว่ามันไม่ได้โป๊อะไรสักนิดแค่เซ็กซี่เล็กๆ เท่านั้นเอง…แล้วนี่ขับรถไปเองหรือเพื่อนมารับล่ะ”
นางอมลวรรณเอ่ยปากแย้งความคิดของคุณพ่อที่ขี้หวงขี้ห่วงลูกสาวคนเดียวอย่างเข้าใจในการแต่งตัวของวัยรุ่นสมัยใหม่ อีกทั้งวรรณวลีไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีเรื่องการแต่งตัวก็เลยออกจะเปรี้ยวนิดหนึ่ง แต่ตราบใดที่ไม่โป๊จนเกินขอบเขตและอยู่ในขั้นที่รับได้นางก็คงไม่ว่ากัน และในตอนท้ายนางก็เลิกสนใจสามีที่นั่งหน้าบึ้งแล้วหันมาถามลูกสาวที่ตอนนี้มานั่งกอดเอวคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“ขับรถไปเองค่ะ เผื่อยัยพวกนั้นอยากจะไปต่อ ที่ห้องของใครคนใดคนหนึ่งเปรี้ยวจะได้ขอแยกกลับมาก่อนและจะได้ไม่ต้องรบกวนให้ใครมาส่งด้วย”
“งั้นก็อย่าดื่มจนเมาล่ะเดี๋ยวจะขับรถกลับไม่ไหวหรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ห้ามขับรถกลับเองเด็ดขาดโทร.มาหาพ่อ แล้วพ่อจะให้ไอ้มิ่งไปรับเข้าใจไหม”
นายอายุธกำชับอย่างเป็นห่วง ถึงอย่างนั้นเมื่อปรายตามองไปที่ชุดของลูกสาวครั้งใดท่านก็ยังคงถอนหายใจและส่ายหน้าไม่ชอบใจนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้
“เข้าใจค่า งั้นเปรี้ยวไปก่อนนะคะ”
เอ่ยจบหญิงสาวก็หอมแก้มบุพการีทั้งสองคนละฟอด ก่อนแกว่งกุญแจรถซุปเปอร์มินิป้ายแดง ที่เมื่อวานบุพการีทั้งสองทำเซอร์ไพรส์ด้วยการพาเธอไปโชว์รูมเพื่อรับรถที่จองเอาไว้ ซึ่งเป็นรุ่นและยี่ห้อที่เธอเคยเกริ่นๆ เอาไว้ว่าอยากได้เป็นของขวัญในวันที่เรียนจบและเดินทางกลับเมืองไทย เดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนเป็นพ่อที่ออกอาการหวงและห่วงเกินกว่าเหตุทุกครั้งที่คนเป็นลูกสาวจะออกไปเที่ยวกลางคืน
ทันทีที่วรรณวลีเคลื่อนรถเข้ามาจอดหน้าผับ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือที่วางอยู่เบาะข้างคนขับก็ดังขึ้น มือบางเอื้อมไปคว้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพอเห็นชื่อเพื่อนในก๊วนโชว์หราก็เปิดยิ้มก่อนจะกดรับ
“ว่าไงยัยนิ่ม”
กรอกเสียงลงไปตามสายพร้อมกับขยับตัวลงจากรถแล้วล็อก ก่อนจะก้มดูความเรียบร้อยของตัวเองพลางขยับชุดให้เข้าที่เข้าทาง
“แค่นี้นะแก ฉันกำลังจะเข้าไปข้างในแล้ว”
วรรณวลีกดวางสาย แล้วหย่อนโทรศัพท์มือถือรุ่นทันสมัยกลับลงไปไว้ในกระเป๋าตามเดิม พร้อมกับรีบเดินตรงไปยังประตูทางเข้าผับที่เพื่อนๆ ในก๊วนรออยู่
ดวงตากลมโตที่ถูกบรรจงตกแต่งด้วยอายแชโดว์ไว้อย่างสวยงาม และวันนี้หญิงสาวอยากจะให้ดูเปรี้ยวนิดหนึ่งสีที่ใช้จึงค่อนข้างเข้มกว่าปกติ กวาดสายตามองหากลุ่มเพื่อนและไม่นานริมฝีปากอิ่มก็ระบายยิ้มออกมา เมื่อฐานีย์หรือนิ่มสาวสวยหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเธอลุกขึ้นโบกมือเรียกพร้อมกับเดินเข้ามาหา
“ทางนี้ยัยเปรี้ยว”
“โทษทีมาช้าไปหน่อย แล้วนี่ทุกคนมาครบกันหมดยัง”
วรรณวลีเดินเข้าไปควงแขนแล้วยื่นหน้าเข้าไปถามข้างๆ ใบหูของเพื่อนรัก เนื่องจากเสียงเพลงในนี้ค่อนข้างดัง ถ้าคุยกันธรรมดาอาจจะไม่ได้ยินหรือสื่อสารกันไม่เข้าใจ
“ครบหมดแล้วย่ะ แกมาคนสุดท้าย…ว่าแต่คืนนี้สวยนะเธอ แอบเซ็กซี่เล็กๆ ด้วย แต่รู้สึกผมยาวๆ ของแกจะบังจนเกือบมิด มีของดีก็โชว์หน่อยสิยะ”
ว่าแล้วฐานีย์ก็รวบผมที่วรรณวลีตั้งใจเอามาไว้ข้างหน้าให้มันไปสยายอยู่ด้านหลังแทน ก่อนจะมองอย่างชื่นชมเพราะวรรณวลีใส่ชุดนี้แล้วดูสวยมาก อีกทั้งเซ็กซี่กำลังดี
“ก็ไม่อวบอึ๋มเลยไม่ค่อยอยากจะโชว์ เดี๋ยวคนมองจะฝันร้าย”
“ฝันดีล่ะไม่ว่า ดูสิผู้ชายแถวนี้มองแกตาปรอยเลย”
ฐานีย์พยักพเยิดให้วรรณวลีมองรอบๆ ตัว วรรณวลีก็เลยแอบเหล่ตามองตามแล้วก็เป็นจริงดั่งเพื่อนว่า และสายตาบางคนยังมองอย่างกับจะเปลื้องผ้า
“ฉันว่าเราไปกันเถอะ ขืนอยู่ตรงนี้นานๆ เป็นฉันเองแหละที่จะฝันร้าย”
วรรณวลีทำท่าแขยงก่อนจะยกมือขึ้นดันหลังเพื่อนให้เดินนำไปที่โต๊ะ ฐานีย์เห็นแล้วก็ได้แต่ปิดปากหัวเราะคิกคักและเอ่ยปากแซวไปจนถึงโต๊ะที่มีเพื่อนในก๊วนอีกสี่คนรอยู่
และพอครบแก๊งทั้งหกสาวก็เริ่มต้นการดื่มฉลอง รวมถึงใช้โอกาสนี้พูดคุยบอกเล่าถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของกันและกัน อีกทั้งยังมีบางช่วงที่ขุดเอาเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงที่มีจังหวะเพลงมันๆ เร้าใจทั้งหกสาวก็ไม่ลืมที่จะชวนกันออกไปขยับแข้งขยับขาวาดลวดลายโยกย้ายส่ายสะบัดกันสุดฤทธิ์สุดเดช
ในค่ำคืนวันหยุดสุดสัปดาห์นอกจากเหล่าผีเสื้อราตรีแสนสวยจะออกมาโบยบินหาความสุขให้ตัวเองแล้ว เหล่าเหยี่ยวราตรีเองก็ไม่ต่างกัน และหนึ่งในนั้นก็คือพศวัตกับธนภูมิสองหนุ่มหล่อขวัญใจประจำผับแห่งนี้ แค่เพียงทั้งสองก้าวเท้าเข้ามา ด้วยรูปร่างสูงกำยำและหน้าตาอันหล่อเหลาชนิดที่กินกันไม่ลงก็สามารถเรียกความสนใจและสายตาจากผีเสื้อราตรีสาวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีดีกรีความรวยรวมถึงการเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้มาการันตรีสองหนุ่มนี้จึงเรียกได้ว่าฮอตฮิตมากทั้งในกลุ่มแขกและพนักงานสาวๆ
และดูเหมือนทั้งสองหนุ่มจะรู้เรื่องนี้ดี ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าว่ามันเป็นผลดีกับธุรกิจ ถ้าแขกสาวๆ จะมากขึ้นเพราะพวกเขาเป็นตัวล่อ โดยเฉพาะเจ้าของผับอย่างธนภูมิที่ตอนนี้กำลังเดินพร้อมกับโยกศีรษะไปตามจังหวะของเพลงอย่างรู้สึกสนุก ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาและรอยยิ้มให้กับสาวๆ ที่เดินเฉียดกายผ่านไปมาแล้วทิ้งสายตาให้อย่างเชิญชวน ซึ่งผิดกับพศวัตที่ไม่รู้สึกสนใจสาวๆ เหล่านั้นแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้สายตาของเขาถูกตรึงสะกดด้วยลีลาโยกย้ายส่ายสะบัดของสาวสวยในชุดสีน้ำเงินคนหนึ่ง
ชายหนุ่มทั้งจ้องทั้งมองอย่างไม่ให้คลาดสายตาจนกระทั่งมาถึงโต๊ะ ร่างสูงค่อยๆ ทรุดกายนั่งลงขณะเดียวกันก็พยายามชะเง้อหรี่ตามองหวังจะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะคืนนี้คนค่อนข้างเยอะ
“พต…พต…ไอ้พต!”
“อะ…อะไรวะ”
พศวัตสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันมาชักสีหน้าถามเพื่อนสนิทที่จู่ๆ ก็มาตะโกนเรียกใกล้ๆ ทำเอาหูแทบแตกด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะ
“จะดื่มอะไร”
“เหมือนเดิม”
ตอบแค่นั้นพศวัตก็รีบหันกลับไปมองยังทิศทางเดิม แต่คิ้วเข้มก็ต้องขมวดมุ่นเมื่อสาวคนที่เขาหมายตาเอาไว้หายไปแล้ว แม้จะกวาดสายตาหรือกระทั่งลุกขึ้นยืนชะเง้อคอมองไปทั่วผับก็ไม่เห็นแม้เงา หรือจะกลับบ้านไปแล้วนะ ชายหนุ่มคิดพลางถอนหายใจอย่างเสียดาย
“มองหาอะไรวะ”
ธนภูมิถามพลางมองตามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษนอกจากสาวๆ โดยเฉพาะสาวๆ กลุ่มหนึ่งที่เพิ่งเดินกลับมานั่งโต๊ะ ซึ่งห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไปไม่ไกลนัก
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เจอหญิงถูกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้หายไปแล้ว สงสัยจะถูกซิวไปแล้วมั้ง”
พูดติดตลกตามมาด้วยเสียงถอนหายใจและจบลงด้วยการคว้าเบียร์เย็นๆ ที่เพิ่งถูกนำมาเสิร์ฟซดขึ้นยกอย่างเสียอารมณ์นิดๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร กับอีแค่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่แม้แต่จะเห็นหน้ากลับทำให้อารมณ์ของเขาแปรปรวนได้ขนาดนี้ ท่าจะบ้าไปแล้วมั้ง
“แล้วทำไมแกต้องทำท่าอารมณ์เสียขนาดนั้นวะ”
“เปล่านี่”
ตอบปัดเสียงแข็งหวังกลบเกลื่อน และโชคดีที่ธนภูมิเองก็ไม่ค่อยจะสนใจเพราะมีอย่างอื่นน่าสนใจมากกว่า
“เฮ้ย...แกดูสาวๆ กลุ่มนั้นสิวะ สวยๆ ทั้งนั้น มองมาทางนี้ด้วย”
ว่าแล้วธนภูมิก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นเป็นการเชิญชวน และนั่นทำให้สาวๆ ต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ก่อนหนึ่งสาวในกลุ่มคนหนึ่งจะยกแก้วคอกเทลสีสวยขึ้นทำท่าชนแก้วเป็นการตอบรับ
พศวัตเอี้ยวตัวมองตามที่เพื่อนบอกนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมานั่งจิบเบียร์อย่างไม่คิดจะสนใจ จนกระทั่งได้ยินธนภูมิอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้นนั่นแหละ
“โอ้แม่เจ้า…คนนี้เด็ดสุดๆ สวย น่ารัก เซ็กซี่นิดๆ สเป็กเลยว่ะ”
พศวัตถึงได้หันกลับไปมองหญิงสาวกลุ่มนั้นอีกครั้ง และผู้หญิงที่ธนภูมิบอกว่าสวยน่ารักเซ็กซี่นิดๆ ก็เกือบทำเขาสำลักเบียร์ที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม ใช่เลยผู้หญิงที่สามารถทำให้เขาปั่นป่วนกระวนกระวายทั้งที่เห็นหน้าไม่ชัด แต่นั่นก็ไม่น่าตกใจเท่ากับรู้ว่าเธอคือ...
“ยัยเปรี้ยว!”
“เปรี้ยว!” ธนภูมิทวนคำพลางขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสลับกับผู้หญิงในชุดสีน้ำเงินชวนมองคนนั้น แล้วถามต่อไปอย่างสงสัยว่า “เปรี้ยวไหนวะ อย่าบอกนะว่า…เปรี้ยวเด็กสาวข้างบ้าน เมียในอนาคตของแก”
“ไอ้บ้า! เปรี้ยวน่ะใช่ แต่เมียในอนาคตไม่ใช่โว้ย พวกผู้ใหญ่คิดกันไปเองและเรื่องนั้นมันก็ผ่านมาหลายปีดีดัก ฉันเลิกสนใจมานานแล้ว”
พศวัตปฏิเสธเสียงดังลั่นกลบเกลื่อน หากแต่สายตากลับไม่ได้ละจากวรรณวลีเลย เขาไม่เคยจะคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นวรรณวลีแต่งตัวออกแนวเซ็กซี่แบบนี้ และพอได้เห็นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงสาวไม่ใช่เด็กกะโปโลอีกต่อไป แต่เป็นสาวสวยที่สามารถตรึงสายตาและทำให้ผู้ชายอย่างเขาใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำได้อย่างสบายๆ
“แต่ตอนนี้ฉันเห็นแกมองน้องเขาตาเคลิ้มเลยนะโว้ย อย่ามาปฏิเสธเสียให้ยาก”
ธนภูมิพูดดักอย่างรู้ทัน เล่นเอาพศวัตถึงกับสะดุ้งรีบดึงสายตากลับและแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น พร้อมกับละล่ำละลักแก้ตัวไปได้แบบน้ำขุ่นๆ
“เคลิ้มบ้าเคลิ้มบอน่ะสิ เป็นเด็กเป็นเล็กแต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ไม่มีแล้วยังอยากจะโชว์”
“เฮ้ยพวก...แกกำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า น้องเปรี้ยวเนี่ยนะเด็ก” พศวัตที่แอบปรายตามองวรรณวลีอยู่เป็นระยะๆ พยักหน้าแทนคำตอบ
“ไอ้บ้า! แกนี่มัน…” ธนภูมิหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้นแล้วส่ายศีรษะ มองเขาตาเป็นมันยังมาพูดอีกว่าเขาเป็นเด็กอีกนะไอ้พตเอ๊ย คิดพลางถอนหายใจกับพวกปากอย่างใจอย่าง
“มันอะไร”
“มันดีจริงๆ ไง ที่สามารถมองและคิดว่าน้องเขาเป็นเด็กได้ แต่สำหรับฉันไม่ว่ะ ในสายตาฉันน้องเปรี้ยวคือสาวสวยมาตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมแล้ว และตอนนี้ก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีก ดูสิสวยสะพรั่ง ขนาดเพื่อนๆ ของน้องเขาที่ว่าสวยแล้วนะ แต่พอน้องเขาเดินเข้ามาในกลุ่มเท่านั้นคนอื่นก็ดับสนิท”
ธนภูมิพยักพเยิดให้พศวัตมองอีกครั้งด้วยสายตาชื่นชม ไม่ว่าจะรูปร่างที่บอบบางน่าทะนุถนอม ผิวกายที่ขับกับชุดสีน้ำเงินเข้มทำให้ดูนวลเนียนลออตาน่าสัมผัส กระทั่งวงหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มเอาไว้อย่างสวยงามไร้ที่ติ
“พอๆๆ ถึงแกจะชมสรรเสริญเยินยอแค่ไหนก็ไม่ทำให้ฉันมองยัยเปรี้ยวมากไปกว่า…” พศวัตยกเบียร์ขึ้นจิบพลางเบือนสายตาหนีไปทางอื่น “น้องสาวหรอก”
สิ้นเสียงห้วนๆ ของเพื่อนรัก ธนภูมิก็กดยิ้มมุมปากพลางหัวเราะหึๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นจัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่
“ถ้าแกยืนยันอย่างนั้น ฉันก็ไม่เกรงใจล่ะ เดี๋ยวมานะพวก”
เอ่ยจบธนภูมิก็เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ สั่งคอกเทลสีสวยทั้งหมดหกแก้ว แต่ถือติดมือไปแค่แก้วเดียว ส่วนอีกห้าแก้วชายหนุ่มให้บริกรตามไปเสิร์ฟให้สาวๆ ในกลุ่มทีหลัง โดยมีสายตาของพศวัตมองตามด้วยท่าทีหงุดหงิดในหัวใจ
“เครื่องดื่มสักแก้วไหมครับคนสวย”
เสียงทักและแก้วคอกเทลสีสวยถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้วรรณวลีผงะเล็กน้อยพลางหันขวับไปมองเจ้าของเครื่องดื่ม ตอนแรกกะว่าจะปฏิเสธแต่พอเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใคร หญิงสาวถึงเบิกตากว้างพร้อมกับเปิดยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“พี่ภูมิ! พี่ภูมิใช่ไหมคะเนี่ย” เขาหัวเราะน้อยๆ พลางพยักหน้ารับอย่างขี้เล่น “ดีใจจังที่น้องเปรี้ยวคนสวยยังจำพี่ได้”
“สวัสดีค่ะไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ภูมิที่นี่ แล้วนี่มากับสาวคนไหนล่ะคะเนี่ย”
ถามเสียงล้อเลียนอย่างค่อนข้างรู้นิสัยของอีกฝ่ายในระดับหนึ่งดีว่าขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิง ก่อนจะยกคอกเทลสีสวยที่เพิ่งรับจากชายหนุ่มขึ้นจิบ
“สาวหรือเปล่าไม่รู้ แต่พี่มากับโน่นไง”
ธนภูมิพยักพเยิดไปที่พศวัตที่แสร้งจิบเบียร์ทอดสายตามองทางอื่น ทั้งที่เมื่อครู่เขายังแอบเห็นว่าเพื่อนรักมองมาทางนี้อยู่เลย
“พี่พต…”
“ใช่…มันฟอร์มนักก็ปล่อยมันไว้ตรงนั้นแหละ” ตอนท้ายธนภูมิเลือกที่จะเข้าไปกระซิบ นอกจากต้องการให้ได้ยินเพียงแค่สองคนแล้วยังต้องการยั่วพศวัตเล่นด้วย
“เขาคงอายมั้งคะที่จะเข้ามาทักเด็กกะโปโลอย่างเปรี้ยว แต่ก็ช่างเขาเถอะค่ะ” บอกพลางเลิกสนใจ
“ว่าแต่น้องเปรี้ยวไม่คิดจะแนะนำสาวสวยทั้งห้าคนนี้ให้พี่ได้รู้จักบ้างเหรอครับ”
ธนภูมิรีบเบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงความน้อยใจของวรรณวลีที่แสดงออกมาทางน้ำเสียงและสีหน้า แม้เจ้าตัวจะพยายามเก็บอาการก็เถอะ
และก็ได้ผลเมื่อหญิงสาวหันมาหรี่ตามองเขาอย่างล้อเลียนพร้อมกับรอยยิ้มสดใสนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปแนะนำเพื่อนในกลุ่มทีละคน
“พวกเรานี่พี่ภูมิ เป็นพี่ชายสุดหล่อของฉันเอง พี่ภูมิคะนี่นิ่ม เก๋ ตาร์ พิมพ์ แล้วก็แคทค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักสาวสวยทั้งห้าคนนะครับ และนี่สำหรับมิตรภาพ”
ธนภูมิรับแก้วคอกเทลจากบริกรไปวางลงตรงหน้าทั้งห้าสาวพร้อมกับโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์อย่างเอาใจ เล่นเอาสาวๆ แต่ละคนหน้าแดงก่ำอย่างเขินอายไปกับรอยยิ้มและสายตาแพรวพราวนั้น
“พวกเราก็ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ…ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะเนี่ยว่ายัยเปรี้ยวจะมีพี่ชายหล่อขนาดนี้” เป็นฐานีย์ที่คุยเก่งกว่าใครเพื่อนเป็นคนเอ่ยปากชม โดยมีอีกสี่สาวพยักหน้าเป็นลูกคู่อย่างเห็นด้วย
“ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันครับว่าน้องเปรี้ยวจะมีเพื่อนสวยๆ อย่างพวกคุณเหมือนกัน”
ชายหนุ่มหยอดคำหวานกลับ เล่นเอาสาวๆ หัวเราะคิกคักกันอย่างชอบใจ
“เตือนไว้ก่อนนะคะพี่ภูมิ ถ้าไม่คิดจะจริงจังจริงใจกับเพื่อนเปรี้ยวล่ะก็อย่ามาเจ๊าะแจ๊ะเพื่อฆ่าเวลาเล่นๆ เชียว ไม่งั้นเปรี้ยวเอาพี่ตาย” วรรณวลีขู่อย่างไม่จริงจังนัก
“แหม…หวงเพื่อนจังเลย งั้นเปลี่ยนใจมาที่น้องเปรี้ยวแทนได้ไหมล่ะ”
ว่าพลางหันมาจ้องหญิงสาวตาหวานฉ่ำ แต่แทนที่วรรณวลีจะเคลิ้มไปกับสายตานั้นเหมือนกับเพื่อนๆ เธอกลับหัวเราะคิกเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายล้อเล่นมากกว่าจะพูดจริงจัง ดังนั้นเธอจึงรับมุกด้วยการขยับเข้าไปนั่งจนชิดแล้วดึงแขนแข็งแรงของธนภูมิมากอดเอาไว้พร้อมกับเอนศีรษะซบลงกับไหล่กว้างเป็นการหยอกเย้า เพียงเท่านั้นก็ได้รับเสียงโห่แซวจากเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน
ซึ่งผิดกับพศวัต ภาพระหว่างเพื่อนรักกับวรรณวลีทำให้แก้วเบียร์ที่ถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่าถูกกำเอาไว้แน่นตามแรงอารมณ์ความไม่พอใจที่ปะทุขึ้นมาในอก แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ต้องไปสนใจมองหาอะไรที่มันรื่นรมย์เจริญหูเจริญตาดีกว่า แต่สุดท้ายมองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด เพลงที่เคยฟังแล้วเพราะพานไม่เพราะเอาซะงั้น ไม่เว้นแม้แต่เบียร์ยี่ห้อดังรสชาติดีตอนนี้ก็พานรสชาติแย่ไปด้วย นับหนึ่งถึงสิบไปหลายรอบอาการร้อนรนทนไม่ไหวดูเหมือนจะไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นก็ยิ่งฉุนยิ่งไม่ชอบใจและในที่สุดชายหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวลุกขึ้นเดินหน้าตึงตรงไปหาธนภูมิที่ยังคงมีความสุขกับการห้อมล้อมไปด้วยสาวๆ
“ไอ้ภูมิ”
“อ้าว ไอ้พต” ธนภูมิทักพร้อมกับดึงร่างสูงของเพื่อนรักเข้ากลุ่ม จากนั้นก็จัดการแนะนำตัวให้กับสาวๆ เพื่อนของวรรณวลีได้รู้จัก
“สาวๆ ครับนี่ไอ้พตเพื่อนสนิทของผมเอง และที่สำคัญเป็นพี่ชายข้างบ้านของน้องเปรี้ยวด้วย ไอ้พตนี่เพื่อนๆ ของน้องเปรี้ยว คนนี้ชื่อน้องนิ่ม น้องเก๋ น้องตาร์ น้องพิมพ์ แล้วก็น้องแคท ส่วนน้องเปรี้ยวคงไม่ต้องแนะนำเพราะแกคงรู้จักน้องเขาดีกว่าใครเพื่อน”
“ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนครับ” พศวัตทักทายด้วยรอยยิ้มบาดใจ เล่นเอาสาวๆ ในกลุ่มถึงกับใจเต้นตึกตักและรีบละล่ำละลักทักทายกลับพร้อมกันชนิดที่ที่ไม่ต้องนัดหมาย
“ยินดีเช่นกันค่ะ”
“เอ่อ…ผมขออนุญาตยืมตัวเปรี้ยวแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ”
“ตามสบายค่ะ” และก็เป็นอีกครั้งที่ห้าสาวพร้อมใจกับตอบเล่นเอาวรรณวลีหันขวับมาปรามเหล่าเพื่อนๆ ตาเขียว
“ขอบคุณครับ” พศวัตหันไปยิ้มให้กับห้าสาวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาที่วรรณวลีด้วยสีหน้าที่ต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ “ตามพี่มา” บอกอย่างนั้นแต่พศวัตกลับเดินเข้าไปดึงร่างบางให้ลุกขึ้นแล้วลากให้ตามตนเองออกไป โดยมีสายตาของเพื่อนๆ ที่พอได้เห็นกิริยาท่าทางของทั้งสองคนเริ่มรู้สึกจะเป็นห่วง
“ปล่อยให้สองคนนั้นไปตามลำพังมันจะดีแน่เหรอคะ ดูท่าทาง…”
“พวกเขาเป็นแบบนี้ประจำแหละครับ โกรธกันงอนกันเป็นกิจวัตร…อย่าไปสนใจเลย ผมว่าพวกเราออกไปสนุกกันดีกว่านะครับ”
ธนภูมิเอ่ยชักชวนสาวๆ เมื่อจังหวะเพลงในผับกลับมาเป็นจังหวะมันๆ อีกครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และก็ได้ผลเมื่อทั้งห้าสาวไม่เกี่ยงงอนไม่ติดใจเรื่องของวรรณวลีกับพศวัตต่างทยอยลุกออกจากโต๊ะตรงไปที่ฟลอร์เต้นรำทันที
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีรูปเล่มพร้อมส่งนะคะ
ราคา 299 (จากราคาปก 320 บาท)
ค่าส่ง 20 บาท
(แถมสมุดโน๊ตภาพหน้าปกนิยาย จนกว่าของจะหมด)
สนใจสั่งซื้อได้ที่ แฟนเพจ รดามณี ไหมขวัญ หรือที่ kesmani1@hotmail.com
E-book : https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgyNTMyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjU3OCI7fQ
ออกอาการ
วรรณวลีใช้เวลาว่างที่มี ก่อนอาทิตย์หน้าจะต้องไปเริ่มทำงานกับพศวัตด้วยการออกไปเดินเที่ยวห้าง ช็อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลงกับกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่ยังคงติดต่อพูดคุยกันตลอด
และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ในช่วงกลางวันวรรณวลีไม่ได้ออกไปไหน เพราะคืนนี้หญิงสาวได้นัดรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ในก๊วนทุกคน ทั้งคนที่เจอกันแล้วและคนที่ติดงานยังไม่ได้มาเจอกันได้แต่พูดคุยผ่านโทรศัพท์ไปดื่มฉลองต้อนรับการกลับมาเมืองไทยแบบถาวรของเธอที่ผับดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผับที่เมื่อสองสามวันก่อนเธอเคยไปนั่งฟังเพลงกับเพื่อนในกลุ่มบางคนมาแล้ว
“คุณพ่อคุณแม่เปรี้ยวไปก่อนนะคะ และคืนนี้เปรี้ยวขอกลับดึกคืนหนึ่ง”
ร่างบอบบางที่เดินมานั่งลงข้างๆ คนเป็นแม่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาประกอบคำพูด ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างออดอ้อน แม้เรื่องนี้เธอจะได้บอกบุพการีทั้งสองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วก็ตามที
“เรื่องนั้นพ่อไม่มีปัญหาหรอก แต่ชุดที่ใส่น่ะพ่อว่ามันดูโป๊ไปหน่อยไหม”
นายอายุธติงลูกสาวเสียงเข้ม วรรณวลีจึงลุกขึ้นยืน แล้วก้มลงมองชุดเดรสคล้องคอสีน้ำเงินใต้อกติดโบว์มีริบบิ้นยาวมาถึงระบายกระโปรงที่ยาวเหนือเข่าขึ้นมาประมาณคืบหนึ่ง ก่อนจะหมุนรอบตัวเองช้าๆ อีกหนึ่งรอบให้คนเป็นพ่อได้เห็นทุกมุมว่ามันไม่ได้โป๊อย่างที่ท่านบอก
“เปรี้ยวว่าก็ธรรมดานะคะ”
“ธรรมดาตรงไหน พ่อว่าคอเสื้อลึกไปไหม และกระโปรงก็สั้นมากไป”
นายอายุธมองความยาวของกระโปรงแล้วเลยไปที่คอเสื้อที่พาดทับกันเป็นรูปตัววีคว้านลึกจนเห็นเนินอกโผล่มาเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าอย่างบอกว่าในสายตาของท่านชุดนี้ไม่ผ่าน
“โธ่…คุณพ่อถ้าเปรี้ยวหน้าอกดูมๆ แล้วมันล้นทะลักออกมาก็ว่าไปอย่าง แค่นี้เองหยวนๆ นะคะ ส่วนกระโปรงถึงจะสั้นไปนิดแต่สบายใจได้ค่ะพ่อเพราะเปรี้ยวใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างใน”
ไม่พูดเปล่า เพื่อความสบายใจมือบางจึงถลกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยพอให้คนเป็นพ่อเห็นกางเกงขาสั้นสีดำพอดีที่ซ่อนอยู่ข้างใน
“แต่พ่อว่า…”
“เอาเถอะน่าคุณลูกเราก็ไม่ใช่เด็กๆ ซะหน่อย และชุดนี้ฉันเองก็มองว่ามันไม่ได้โป๊อะไรสักนิดแค่เซ็กซี่เล็กๆ เท่านั้นเอง…แล้วนี่ขับรถไปเองหรือเพื่อนมารับล่ะ”
นางอมลวรรณเอ่ยปากแย้งความคิดของคุณพ่อที่ขี้หวงขี้ห่วงลูกสาวคนเดียวอย่างเข้าใจในการแต่งตัวของวัยรุ่นสมัยใหม่ อีกทั้งวรรณวลีไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีเรื่องการแต่งตัวก็เลยออกจะเปรี้ยวนิดหนึ่ง แต่ตราบใดที่ไม่โป๊จนเกินขอบเขตและอยู่ในขั้นที่รับได้นางก็คงไม่ว่ากัน และในตอนท้ายนางก็เลิกสนใจสามีที่นั่งหน้าบึ้งแล้วหันมาถามลูกสาวที่ตอนนี้มานั่งกอดเอวคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“ขับรถไปเองค่ะ เผื่อยัยพวกนั้นอยากจะไปต่อ ที่ห้องของใครคนใดคนหนึ่งเปรี้ยวจะได้ขอแยกกลับมาก่อนและจะได้ไม่ต้องรบกวนให้ใครมาส่งด้วย”
“งั้นก็อย่าดื่มจนเมาล่ะเดี๋ยวจะขับรถกลับไม่ไหวหรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ห้ามขับรถกลับเองเด็ดขาดโทร.มาหาพ่อ แล้วพ่อจะให้ไอ้มิ่งไปรับเข้าใจไหม”
นายอายุธกำชับอย่างเป็นห่วง ถึงอย่างนั้นเมื่อปรายตามองไปที่ชุดของลูกสาวครั้งใดท่านก็ยังคงถอนหายใจและส่ายหน้าไม่ชอบใจนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้
“เข้าใจค่า งั้นเปรี้ยวไปก่อนนะคะ”
เอ่ยจบหญิงสาวก็หอมแก้มบุพการีทั้งสองคนละฟอด ก่อนแกว่งกุญแจรถซุปเปอร์มินิป้ายแดง ที่เมื่อวานบุพการีทั้งสองทำเซอร์ไพรส์ด้วยการพาเธอไปโชว์รูมเพื่อรับรถที่จองเอาไว้ ซึ่งเป็นรุ่นและยี่ห้อที่เธอเคยเกริ่นๆ เอาไว้ว่าอยากได้เป็นของขวัญในวันที่เรียนจบและเดินทางกลับเมืองไทย เดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนเป็นพ่อที่ออกอาการหวงและห่วงเกินกว่าเหตุทุกครั้งที่คนเป็นลูกสาวจะออกไปเที่ยวกลางคืน
ทันทีที่วรรณวลีเคลื่อนรถเข้ามาจอดหน้าผับ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือที่วางอยู่เบาะข้างคนขับก็ดังขึ้น มือบางเอื้อมไปคว้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพอเห็นชื่อเพื่อนในก๊วนโชว์หราก็เปิดยิ้มก่อนจะกดรับ
“ว่าไงยัยนิ่ม”
กรอกเสียงลงไปตามสายพร้อมกับขยับตัวลงจากรถแล้วล็อก ก่อนจะก้มดูความเรียบร้อยของตัวเองพลางขยับชุดให้เข้าที่เข้าทาง
“แค่นี้นะแก ฉันกำลังจะเข้าไปข้างในแล้ว”
วรรณวลีกดวางสาย แล้วหย่อนโทรศัพท์มือถือรุ่นทันสมัยกลับลงไปไว้ในกระเป๋าตามเดิม พร้อมกับรีบเดินตรงไปยังประตูทางเข้าผับที่เพื่อนๆ ในก๊วนรออยู่
ดวงตากลมโตที่ถูกบรรจงตกแต่งด้วยอายแชโดว์ไว้อย่างสวยงาม และวันนี้หญิงสาวอยากจะให้ดูเปรี้ยวนิดหนึ่งสีที่ใช้จึงค่อนข้างเข้มกว่าปกติ กวาดสายตามองหากลุ่มเพื่อนและไม่นานริมฝีปากอิ่มก็ระบายยิ้มออกมา เมื่อฐานีย์หรือนิ่มสาวสวยหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเธอลุกขึ้นโบกมือเรียกพร้อมกับเดินเข้ามาหา
“ทางนี้ยัยเปรี้ยว”
“โทษทีมาช้าไปหน่อย แล้วนี่ทุกคนมาครบกันหมดยัง”
วรรณวลีเดินเข้าไปควงแขนแล้วยื่นหน้าเข้าไปถามข้างๆ ใบหูของเพื่อนรัก เนื่องจากเสียงเพลงในนี้ค่อนข้างดัง ถ้าคุยกันธรรมดาอาจจะไม่ได้ยินหรือสื่อสารกันไม่เข้าใจ
“ครบหมดแล้วย่ะ แกมาคนสุดท้าย…ว่าแต่คืนนี้สวยนะเธอ แอบเซ็กซี่เล็กๆ ด้วย แต่รู้สึกผมยาวๆ ของแกจะบังจนเกือบมิด มีของดีก็โชว์หน่อยสิยะ”
ว่าแล้วฐานีย์ก็รวบผมที่วรรณวลีตั้งใจเอามาไว้ข้างหน้าให้มันไปสยายอยู่ด้านหลังแทน ก่อนจะมองอย่างชื่นชมเพราะวรรณวลีใส่ชุดนี้แล้วดูสวยมาก อีกทั้งเซ็กซี่กำลังดี
“ก็ไม่อวบอึ๋มเลยไม่ค่อยอยากจะโชว์ เดี๋ยวคนมองจะฝันร้าย”
“ฝันดีล่ะไม่ว่า ดูสิผู้ชายแถวนี้มองแกตาปรอยเลย”
ฐานีย์พยักพเยิดให้วรรณวลีมองรอบๆ ตัว วรรณวลีก็เลยแอบเหล่ตามองตามแล้วก็เป็นจริงดั่งเพื่อนว่า และสายตาบางคนยังมองอย่างกับจะเปลื้องผ้า
“ฉันว่าเราไปกันเถอะ ขืนอยู่ตรงนี้นานๆ เป็นฉันเองแหละที่จะฝันร้าย”
วรรณวลีทำท่าแขยงก่อนจะยกมือขึ้นดันหลังเพื่อนให้เดินนำไปที่โต๊ะ ฐานีย์เห็นแล้วก็ได้แต่ปิดปากหัวเราะคิกคักและเอ่ยปากแซวไปจนถึงโต๊ะที่มีเพื่อนในก๊วนอีกสี่คนรอยู่
และพอครบแก๊งทั้งหกสาวก็เริ่มต้นการดื่มฉลอง รวมถึงใช้โอกาสนี้พูดคุยบอกเล่าถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของกันและกัน อีกทั้งยังมีบางช่วงที่ขุดเอาเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงที่มีจังหวะเพลงมันๆ เร้าใจทั้งหกสาวก็ไม่ลืมที่จะชวนกันออกไปขยับแข้งขยับขาวาดลวดลายโยกย้ายส่ายสะบัดกันสุดฤทธิ์สุดเดช
ในค่ำคืนวันหยุดสุดสัปดาห์นอกจากเหล่าผีเสื้อราตรีแสนสวยจะออกมาโบยบินหาความสุขให้ตัวเองแล้ว เหล่าเหยี่ยวราตรีเองก็ไม่ต่างกัน และหนึ่งในนั้นก็คือพศวัตกับธนภูมิสองหนุ่มหล่อขวัญใจประจำผับแห่งนี้ แค่เพียงทั้งสองก้าวเท้าเข้ามา ด้วยรูปร่างสูงกำยำและหน้าตาอันหล่อเหลาชนิดที่กินกันไม่ลงก็สามารถเรียกความสนใจและสายตาจากผีเสื้อราตรีสาวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีดีกรีความรวยรวมถึงการเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้มาการันตรีสองหนุ่มนี้จึงเรียกได้ว่าฮอตฮิตมากทั้งในกลุ่มแขกและพนักงานสาวๆ
และดูเหมือนทั้งสองหนุ่มจะรู้เรื่องนี้ดี ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าว่ามันเป็นผลดีกับธุรกิจ ถ้าแขกสาวๆ จะมากขึ้นเพราะพวกเขาเป็นตัวล่อ โดยเฉพาะเจ้าของผับอย่างธนภูมิที่ตอนนี้กำลังเดินพร้อมกับโยกศีรษะไปตามจังหวะของเพลงอย่างรู้สึกสนุก ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาและรอยยิ้มให้กับสาวๆ ที่เดินเฉียดกายผ่านไปมาแล้วทิ้งสายตาให้อย่างเชิญชวน ซึ่งผิดกับพศวัตที่ไม่รู้สึกสนใจสาวๆ เหล่านั้นแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้สายตาของเขาถูกตรึงสะกดด้วยลีลาโยกย้ายส่ายสะบัดของสาวสวยในชุดสีน้ำเงินคนหนึ่ง
ชายหนุ่มทั้งจ้องทั้งมองอย่างไม่ให้คลาดสายตาจนกระทั่งมาถึงโต๊ะ ร่างสูงค่อยๆ ทรุดกายนั่งลงขณะเดียวกันก็พยายามชะเง้อหรี่ตามองหวังจะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะคืนนี้คนค่อนข้างเยอะ
“พต…พต…ไอ้พต!”
“อะ…อะไรวะ”
พศวัตสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันมาชักสีหน้าถามเพื่อนสนิทที่จู่ๆ ก็มาตะโกนเรียกใกล้ๆ ทำเอาหูแทบแตกด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะ
“จะดื่มอะไร”
“เหมือนเดิม”
ตอบแค่นั้นพศวัตก็รีบหันกลับไปมองยังทิศทางเดิม แต่คิ้วเข้มก็ต้องขมวดมุ่นเมื่อสาวคนที่เขาหมายตาเอาไว้หายไปแล้ว แม้จะกวาดสายตาหรือกระทั่งลุกขึ้นยืนชะเง้อคอมองไปทั่วผับก็ไม่เห็นแม้เงา หรือจะกลับบ้านไปแล้วนะ ชายหนุ่มคิดพลางถอนหายใจอย่างเสียดาย
“มองหาอะไรวะ”
ธนภูมิถามพลางมองตามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษนอกจากสาวๆ โดยเฉพาะสาวๆ กลุ่มหนึ่งที่เพิ่งเดินกลับมานั่งโต๊ะ ซึ่งห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไปไม่ไกลนัก
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เจอหญิงถูกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้หายไปแล้ว สงสัยจะถูกซิวไปแล้วมั้ง”
พูดติดตลกตามมาด้วยเสียงถอนหายใจและจบลงด้วยการคว้าเบียร์เย็นๆ ที่เพิ่งถูกนำมาเสิร์ฟซดขึ้นยกอย่างเสียอารมณ์นิดๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร กับอีแค่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่แม้แต่จะเห็นหน้ากลับทำให้อารมณ์ของเขาแปรปรวนได้ขนาดนี้ ท่าจะบ้าไปแล้วมั้ง
“แล้วทำไมแกต้องทำท่าอารมณ์เสียขนาดนั้นวะ”
“เปล่านี่”
ตอบปัดเสียงแข็งหวังกลบเกลื่อน และโชคดีที่ธนภูมิเองก็ไม่ค่อยจะสนใจเพราะมีอย่างอื่นน่าสนใจมากกว่า
“เฮ้ย...แกดูสาวๆ กลุ่มนั้นสิวะ สวยๆ ทั้งนั้น มองมาทางนี้ด้วย”
ว่าแล้วธนภูมิก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นเป็นการเชิญชวน และนั่นทำให้สาวๆ ต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ก่อนหนึ่งสาวในกลุ่มคนหนึ่งจะยกแก้วคอกเทลสีสวยขึ้นทำท่าชนแก้วเป็นการตอบรับ
พศวัตเอี้ยวตัวมองตามที่เพื่อนบอกนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมานั่งจิบเบียร์อย่างไม่คิดจะสนใจ จนกระทั่งได้ยินธนภูมิอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้นนั่นแหละ
“โอ้แม่เจ้า…คนนี้เด็ดสุดๆ สวย น่ารัก เซ็กซี่นิดๆ สเป็กเลยว่ะ”
พศวัตถึงได้หันกลับไปมองหญิงสาวกลุ่มนั้นอีกครั้ง และผู้หญิงที่ธนภูมิบอกว่าสวยน่ารักเซ็กซี่นิดๆ ก็เกือบทำเขาสำลักเบียร์ที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม ใช่เลยผู้หญิงที่สามารถทำให้เขาปั่นป่วนกระวนกระวายทั้งที่เห็นหน้าไม่ชัด แต่นั่นก็ไม่น่าตกใจเท่ากับรู้ว่าเธอคือ...
“ยัยเปรี้ยว!”
“เปรี้ยว!” ธนภูมิทวนคำพลางขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสลับกับผู้หญิงในชุดสีน้ำเงินชวนมองคนนั้น แล้วถามต่อไปอย่างสงสัยว่า “เปรี้ยวไหนวะ อย่าบอกนะว่า…เปรี้ยวเด็กสาวข้างบ้าน เมียในอนาคตของแก”
“ไอ้บ้า! เปรี้ยวน่ะใช่ แต่เมียในอนาคตไม่ใช่โว้ย พวกผู้ใหญ่คิดกันไปเองและเรื่องนั้นมันก็ผ่านมาหลายปีดีดัก ฉันเลิกสนใจมานานแล้ว”
พศวัตปฏิเสธเสียงดังลั่นกลบเกลื่อน หากแต่สายตากลับไม่ได้ละจากวรรณวลีเลย เขาไม่เคยจะคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นวรรณวลีแต่งตัวออกแนวเซ็กซี่แบบนี้ และพอได้เห็นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงสาวไม่ใช่เด็กกะโปโลอีกต่อไป แต่เป็นสาวสวยที่สามารถตรึงสายตาและทำให้ผู้ชายอย่างเขาใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำได้อย่างสบายๆ
“แต่ตอนนี้ฉันเห็นแกมองน้องเขาตาเคลิ้มเลยนะโว้ย อย่ามาปฏิเสธเสียให้ยาก”
ธนภูมิพูดดักอย่างรู้ทัน เล่นเอาพศวัตถึงกับสะดุ้งรีบดึงสายตากลับและแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น พร้อมกับละล่ำละลักแก้ตัวไปได้แบบน้ำขุ่นๆ
“เคลิ้มบ้าเคลิ้มบอน่ะสิ เป็นเด็กเป็นเล็กแต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ไม่มีแล้วยังอยากจะโชว์”
“เฮ้ยพวก...แกกำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า น้องเปรี้ยวเนี่ยนะเด็ก” พศวัตที่แอบปรายตามองวรรณวลีอยู่เป็นระยะๆ พยักหน้าแทนคำตอบ
“ไอ้บ้า! แกนี่มัน…” ธนภูมิหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้นแล้วส่ายศีรษะ มองเขาตาเป็นมันยังมาพูดอีกว่าเขาเป็นเด็กอีกนะไอ้พตเอ๊ย คิดพลางถอนหายใจกับพวกปากอย่างใจอย่าง
“มันอะไร”
“มันดีจริงๆ ไง ที่สามารถมองและคิดว่าน้องเขาเป็นเด็กได้ แต่สำหรับฉันไม่ว่ะ ในสายตาฉันน้องเปรี้ยวคือสาวสวยมาตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมแล้ว และตอนนี้ก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีก ดูสิสวยสะพรั่ง ขนาดเพื่อนๆ ของน้องเขาที่ว่าสวยแล้วนะ แต่พอน้องเขาเดินเข้ามาในกลุ่มเท่านั้นคนอื่นก็ดับสนิท”
ธนภูมิพยักพเยิดให้พศวัตมองอีกครั้งด้วยสายตาชื่นชม ไม่ว่าจะรูปร่างที่บอบบางน่าทะนุถนอม ผิวกายที่ขับกับชุดสีน้ำเงินเข้มทำให้ดูนวลเนียนลออตาน่าสัมผัส กระทั่งวงหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มเอาไว้อย่างสวยงามไร้ที่ติ
“พอๆๆ ถึงแกจะชมสรรเสริญเยินยอแค่ไหนก็ไม่ทำให้ฉันมองยัยเปรี้ยวมากไปกว่า…” พศวัตยกเบียร์ขึ้นจิบพลางเบือนสายตาหนีไปทางอื่น “น้องสาวหรอก”
สิ้นเสียงห้วนๆ ของเพื่อนรัก ธนภูมิก็กดยิ้มมุมปากพลางหัวเราะหึๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นจัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่
“ถ้าแกยืนยันอย่างนั้น ฉันก็ไม่เกรงใจล่ะ เดี๋ยวมานะพวก”
เอ่ยจบธนภูมิก็เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ สั่งคอกเทลสีสวยทั้งหมดหกแก้ว แต่ถือติดมือไปแค่แก้วเดียว ส่วนอีกห้าแก้วชายหนุ่มให้บริกรตามไปเสิร์ฟให้สาวๆ ในกลุ่มทีหลัง โดยมีสายตาของพศวัตมองตามด้วยท่าทีหงุดหงิดในหัวใจ
“เครื่องดื่มสักแก้วไหมครับคนสวย”
เสียงทักและแก้วคอกเทลสีสวยถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้วรรณวลีผงะเล็กน้อยพลางหันขวับไปมองเจ้าของเครื่องดื่ม ตอนแรกกะว่าจะปฏิเสธแต่พอเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใคร หญิงสาวถึงเบิกตากว้างพร้อมกับเปิดยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“พี่ภูมิ! พี่ภูมิใช่ไหมคะเนี่ย” เขาหัวเราะน้อยๆ พลางพยักหน้ารับอย่างขี้เล่น “ดีใจจังที่น้องเปรี้ยวคนสวยยังจำพี่ได้”
“สวัสดีค่ะไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ภูมิที่นี่ แล้วนี่มากับสาวคนไหนล่ะคะเนี่ย”
ถามเสียงล้อเลียนอย่างค่อนข้างรู้นิสัยของอีกฝ่ายในระดับหนึ่งดีว่าขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิง ก่อนจะยกคอกเทลสีสวยที่เพิ่งรับจากชายหนุ่มขึ้นจิบ
“สาวหรือเปล่าไม่รู้ แต่พี่มากับโน่นไง”
ธนภูมิพยักพเยิดไปที่พศวัตที่แสร้งจิบเบียร์ทอดสายตามองทางอื่น ทั้งที่เมื่อครู่เขายังแอบเห็นว่าเพื่อนรักมองมาทางนี้อยู่เลย
“พี่พต…”
“ใช่…มันฟอร์มนักก็ปล่อยมันไว้ตรงนั้นแหละ” ตอนท้ายธนภูมิเลือกที่จะเข้าไปกระซิบ นอกจากต้องการให้ได้ยินเพียงแค่สองคนแล้วยังต้องการยั่วพศวัตเล่นด้วย
“เขาคงอายมั้งคะที่จะเข้ามาทักเด็กกะโปโลอย่างเปรี้ยว แต่ก็ช่างเขาเถอะค่ะ” บอกพลางเลิกสนใจ
“ว่าแต่น้องเปรี้ยวไม่คิดจะแนะนำสาวสวยทั้งห้าคนนี้ให้พี่ได้รู้จักบ้างเหรอครับ”
ธนภูมิรีบเบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงความน้อยใจของวรรณวลีที่แสดงออกมาทางน้ำเสียงและสีหน้า แม้เจ้าตัวจะพยายามเก็บอาการก็เถอะ
และก็ได้ผลเมื่อหญิงสาวหันมาหรี่ตามองเขาอย่างล้อเลียนพร้อมกับรอยยิ้มสดใสนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปแนะนำเพื่อนในกลุ่มทีละคน
“พวกเรานี่พี่ภูมิ เป็นพี่ชายสุดหล่อของฉันเอง พี่ภูมิคะนี่นิ่ม เก๋ ตาร์ พิมพ์ แล้วก็แคทค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักสาวสวยทั้งห้าคนนะครับ และนี่สำหรับมิตรภาพ”
ธนภูมิรับแก้วคอกเทลจากบริกรไปวางลงตรงหน้าทั้งห้าสาวพร้อมกับโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์อย่างเอาใจ เล่นเอาสาวๆ แต่ละคนหน้าแดงก่ำอย่างเขินอายไปกับรอยยิ้มและสายตาแพรวพราวนั้น
“พวกเราก็ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ…ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะเนี่ยว่ายัยเปรี้ยวจะมีพี่ชายหล่อขนาดนี้” เป็นฐานีย์ที่คุยเก่งกว่าใครเพื่อนเป็นคนเอ่ยปากชม โดยมีอีกสี่สาวพยักหน้าเป็นลูกคู่อย่างเห็นด้วย
“ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันครับว่าน้องเปรี้ยวจะมีเพื่อนสวยๆ อย่างพวกคุณเหมือนกัน”
ชายหนุ่มหยอดคำหวานกลับ เล่นเอาสาวๆ หัวเราะคิกคักกันอย่างชอบใจ
“เตือนไว้ก่อนนะคะพี่ภูมิ ถ้าไม่คิดจะจริงจังจริงใจกับเพื่อนเปรี้ยวล่ะก็อย่ามาเจ๊าะแจ๊ะเพื่อฆ่าเวลาเล่นๆ เชียว ไม่งั้นเปรี้ยวเอาพี่ตาย” วรรณวลีขู่อย่างไม่จริงจังนัก
“แหม…หวงเพื่อนจังเลย งั้นเปลี่ยนใจมาที่น้องเปรี้ยวแทนได้ไหมล่ะ”
ว่าพลางหันมาจ้องหญิงสาวตาหวานฉ่ำ แต่แทนที่วรรณวลีจะเคลิ้มไปกับสายตานั้นเหมือนกับเพื่อนๆ เธอกลับหัวเราะคิกเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายล้อเล่นมากกว่าจะพูดจริงจัง ดังนั้นเธอจึงรับมุกด้วยการขยับเข้าไปนั่งจนชิดแล้วดึงแขนแข็งแรงของธนภูมิมากอดเอาไว้พร้อมกับเอนศีรษะซบลงกับไหล่กว้างเป็นการหยอกเย้า เพียงเท่านั้นก็ได้รับเสียงโห่แซวจากเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน
ซึ่งผิดกับพศวัต ภาพระหว่างเพื่อนรักกับวรรณวลีทำให้แก้วเบียร์ที่ถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่าถูกกำเอาไว้แน่นตามแรงอารมณ์ความไม่พอใจที่ปะทุขึ้นมาในอก แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ต้องไปสนใจมองหาอะไรที่มันรื่นรมย์เจริญหูเจริญตาดีกว่า แต่สุดท้ายมองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด เพลงที่เคยฟังแล้วเพราะพานไม่เพราะเอาซะงั้น ไม่เว้นแม้แต่เบียร์ยี่ห้อดังรสชาติดีตอนนี้ก็พานรสชาติแย่ไปด้วย นับหนึ่งถึงสิบไปหลายรอบอาการร้อนรนทนไม่ไหวดูเหมือนจะไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นก็ยิ่งฉุนยิ่งไม่ชอบใจและในที่สุดชายหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวลุกขึ้นเดินหน้าตึงตรงไปหาธนภูมิที่ยังคงมีความสุขกับการห้อมล้อมไปด้วยสาวๆ
“ไอ้ภูมิ”
“อ้าว ไอ้พต” ธนภูมิทักพร้อมกับดึงร่างสูงของเพื่อนรักเข้ากลุ่ม จากนั้นก็จัดการแนะนำตัวให้กับสาวๆ เพื่อนของวรรณวลีได้รู้จัก
“สาวๆ ครับนี่ไอ้พตเพื่อนสนิทของผมเอง และที่สำคัญเป็นพี่ชายข้างบ้านของน้องเปรี้ยวด้วย ไอ้พตนี่เพื่อนๆ ของน้องเปรี้ยว คนนี้ชื่อน้องนิ่ม น้องเก๋ น้องตาร์ น้องพิมพ์ แล้วก็น้องแคท ส่วนน้องเปรี้ยวคงไม่ต้องแนะนำเพราะแกคงรู้จักน้องเขาดีกว่าใครเพื่อน”
“ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนครับ” พศวัตทักทายด้วยรอยยิ้มบาดใจ เล่นเอาสาวๆ ในกลุ่มถึงกับใจเต้นตึกตักและรีบละล่ำละลักทักทายกลับพร้อมกันชนิดที่ที่ไม่ต้องนัดหมาย
“ยินดีเช่นกันค่ะ”
“เอ่อ…ผมขออนุญาตยืมตัวเปรี้ยวแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ”
“ตามสบายค่ะ” และก็เป็นอีกครั้งที่ห้าสาวพร้อมใจกับตอบเล่นเอาวรรณวลีหันขวับมาปรามเหล่าเพื่อนๆ ตาเขียว
“ขอบคุณครับ” พศวัตหันไปยิ้มให้กับห้าสาวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาที่วรรณวลีด้วยสีหน้าที่ต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ “ตามพี่มา” บอกอย่างนั้นแต่พศวัตกลับเดินเข้าไปดึงร่างบางให้ลุกขึ้นแล้วลากให้ตามตนเองออกไป โดยมีสายตาของเพื่อนๆ ที่พอได้เห็นกิริยาท่าทางของทั้งสองคนเริ่มรู้สึกจะเป็นห่วง
“ปล่อยให้สองคนนั้นไปตามลำพังมันจะดีแน่เหรอคะ ดูท่าทาง…”
“พวกเขาเป็นแบบนี้ประจำแหละครับ โกรธกันงอนกันเป็นกิจวัตร…อย่าไปสนใจเลย ผมว่าพวกเราออกไปสนุกกันดีกว่านะครับ”
ธนภูมิเอ่ยชักชวนสาวๆ เมื่อจังหวะเพลงในผับกลับมาเป็นจังหวะมันๆ อีกครั้งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และก็ได้ผลเมื่อทั้งห้าสาวไม่เกี่ยงงอนไม่ติดใจเรื่องของวรรณวลีกับพศวัตต่างทยอยลุกออกจากโต๊ะตรงไปที่ฟลอร์เต้นรำทันที
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีรูปเล่มพร้อมส่งนะคะ
ราคา 299 (จากราคาปก 320 บาท)
ค่าส่ง 20 บาท
(แถมสมุดโน๊ตภาพหน้าปกนิยาย จนกว่าของจะหมด)
สนใจสั่งซื้อได้ที่ แฟนเพจ รดามณี ไหมขวัญ หรือที่ kesmani1@hotmail.com
E-book : https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgyNTMyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjU3OCI7fQ
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2558, 11:27:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2558, 11:27:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 1318
<< ตอนที่ 2 ฉันไม่ใช่เด็กกะโปโลแล้วนะ 100% | ตอนที่ 5 แม่บ้านกิตติมศักดิ์ 50% >> |