เสน่ห์รักคล้องใจ

Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน

ตอน: ตอนที่ 9

สวัสดีค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน:) ฝากติดตามวินกับแพรกันต่อนะคะ แฮปปี้วันหยุดสุดสัปดาห์ค่า

เสน่ห์รักคล้องใจ ตอน 9

พิชชาภากำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมทำอาหารเย็นอยู่ในครัว วันนี้เธอขันอาสามาทำอาหารให้อมลวรรณและอัศวินทานถึงบ้าน เพื่อเป็นการตอบแทนที่หลายวันก่อนเธอและครอบครัวไปทานอาหารที่โรงแรมของเขา

“คุณแพรมีอะไรให้หนูช่วยอีกไหมคะ” เด็กรับใช้ถาม ขณะยกจานผลไม้ที่จัดเรียงเสร็จแล้วเข้าตู้เย็น

“ไม่มีแล้วจ้ะ เหลือซุปมันฝรั่งอย่างเดียว อันนี้เดี๋ยวแพรจัดการเอง ที่เหลือก็ยกอาหารที่เสร็จแล้วออกไปวางได้เลยจ้ะ” พิชชาภาบอกแล้วหันไปคนซุปในหม้อต่อ

เด็กรับใช้ตอบรับแล้วยกจานกับข้าวถือสองมือเดินออกจากห้องครัว แต่เกือบจะชนเข้ากับอัศวินที่เพิ่งกลับมาบ้าน เด็กรับใช้อ้าปากเตรียมทักทาย แต่ต้องอ้าค้างแล้วปิดปากลงเมื่ออัศวินทำตาดุยกมือจุ๊ปากไม่ให้เธอส่งเสียง แล้วโบกมือไล่ให้ไปจากตรงนั้น เธอจึงย่อตัวขอทางพลางแอบยิ้มอย่างรู้ทันเจ้านาย

อัศวินค่อย ๆ เดินย่องเข้าไปในครัวแล้วไปยืนด้านหลังพิชชาภา รอจังหวะที่เธอวางทัพพีลงเขาก็ประชิดตัวสวมกอดเอวจากด้านหลังเธอทันที

“อุ๊ย!” เธอร้องตกใจ หมุนตัวมาทางชายหนุ่ม “พี่วิน! ตกใจหมดเลยค่ะ”

“พี่คิดถึงแพรจังเลยจ้ะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้มหน้าลงหอมแก้มฟอดใหญ่

พิชชาภาอ้าปากค้าง เอามือขึ้นมาจับแก้มข้างที่ถูกขโมยจูบ

“อีกทีซิ ยังไม่หายคิดถึงเลย” อัศวินก้มลงหอมแก้มอีกข้างที่ว่าง

“พี่วิน!” เธอดุ ผลักอกเขาออกห่าง

“ห๊า ยังไม่หายคิดถึงอีกเหรอ งั้นตรงนี้ด้วย” เขาจูบหน้าผากเธอดังจ๊วบ

“แล้วก็ตรงนี้” จุ๊บเบาๆ ที่ปลายจมูก เสร็จแล้วก็เงยหน้าทำท่าสูดหายใจเข้าเต็มปอด

“อา...ชื่นใจจริง ๆ....”

พิชชาภาหน้าแดงเอามือลูบแก้มลูบหน้าผากด้วยความอาย เธอรีบจับมือเขาที่เกาะเอวเธออยู่ออกพลางมองออกไปนอกห้องครัวกลัวใครจะมาเห็นเข้า

“ทำไมพี่วินทำแบบนี้คะ ถ้าเกิดใครเดินผ่านมาเห็นจะว่ายังไง และถ้าเป็นป้าวรรณล่ะ” เธอบ่น หน้ายังคงร้อนผ่าวเพราะอัศวินไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับเธอมาก่อน

“ไม่เห็นเป็นไรเลย กำลังจะหมั้นกันอยู่ไม่กี่วันนี้แล้วแม่พี่ไม่ว่าหรอกจ้ะ” เขาฉีกยิ้ม คว้าเอวเธอมากอดอีกครั้ง

“ไม่เอาค่ะพี่วิน ปล่อยแพรนะ” พยายามแกะมือกาวของเขาออก

“ก็ได้” อัศวินลดมือลงข้างตัว ทำหน้างอ

“แต่พี่ขอหอมอีกสักฟอดแล้วกันนะ” เขาก้มลงโขมยหอมแก้มเธอเร็ว ๆ แล้วรีบวิ่งไปที่ประตูครัว ส่งยิ้มยียวนอีกครั้งที่พิชชาภาต้องอ้าปากค้างกับพฤติกรรมห่าม ๆ ของอัศวิน

“เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะจ๊ะ” เขาขยิบตาให้ทีนึงก่อนจะเดินหายออกไป

“ไอ้พี่วินบ้า...” เธอตามด่าเขาไล่หลัง แต่รอยยิ้มผุดที่มุมปาก มือจับแก้มทั้งสองข้างที่ยังคงร้อนวูบวาบ

เสียงเดือดของน้ำซุปในหม้อดังเตือนให้พิชชาภาต้องรีบหันกลับไปดู แล้วต้องอุทานเมื่อเห็นน้ำล้นออกมาจากหม้อเลอะเทอะไปหมด เธอรีบกดลดอุณหภูมิเตาไฟฟ้า แล้วเอาผ้ามาเช็ดทำความสะอาด

“เพราะพี่วินบ้าคนเดียวเลย” บ่นงึมงำ แล้วหยิบทัพพีขึ้นมาคนซุปต่อ รีบจัดแจ้งทำอาหารเมนูสุดท้ายให้เสร็จทันเวลาอาหารเย็น


“อร่อยมากเลยจ้ะหนูแพร อาหารแต่ละอย่างนี่ก็ของโปรดป้าทั้งนั้นเลย ใช่ไหมจ๊ะตาวิน” อมลวรรณชมอาหารฝีมือว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ขาดปาก พลางหันไปถามลูกชาย

“ครับ มีแต่อาหารที่แม่ชอบและก็ดีต่อสุขภาพทั้งนั้นเลย” เขาพูดกับมารดาแต่ตานั้นมองไปที่พิชชาภาซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้าม

“ที่สำคัญ...อร่อย...มาก” เขาย้ำสองคำสุดท้ายหนักแน่น สายตาสื่อความหมายเป็นอย่างอื่น

พิชชาภาเห็นสายตาที่มองมาก็พอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เธออยากจะควักลูกตาของเขาออกมานัก โทษฐานที่ไม่รู้จักกาลเทศะ เธอแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วยิ้มหวานตอบเขากลับ

“ขอบคุณมากค่ะ แต่...พี่วินรู้ได้ยังไงคะว่าอร่อย....มาก....” เธอลงเสียงหนัก จ้องตากลับอย่างไม่กลัว

“แพรเห็นพี่วินนั่งถือช้อนส้อมตั้งนานแล้วแต่ไม่เห็นลงมือทานสักที”

อัศวินอมยิ้ม ไม่คิดว่าเธอจะยอกย้อนตอกกลับ

“นั่นสิวิน แม่ยังไม่เห็นวินตักกับข้าวอะไรเลย เอาแต่นั่งมองหนูแพรเขาอยู่นั่นแหล่ะ” อมลวรรณเห็นด้วย

อัศวินจึงกวาดตามองอาหารบนโต๊ะ เลือกว่าจะตักจานไหนดี “อืมม...งั้นผมขอลองชิมเต้าหู้ทรงเครื่องดีกว่า”

เขามองจานอาหารที่อยู่ตรงหน้าพิชชาภา “แพรตักให้พี่หน่อยสิจ๊ะ พี่เอื้อมไม่ถึง”

หมั่นไส้ เธอแขวะเขาในใจ อยากให้ตักให้ใช่ไหม ด้ายยย วันนี้เธอโดนเขาแกล้งมาเยอะแล้ว ขอเธอแกล้งเขาคืนบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แล้วกัน จากนั้นเธอก็ยกจานอาหารทั้งจานขึ้นมา ลุกขึ้นแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าตักอาหารเต็มช้อนพูน ๆใส่ในจานอัศวิน “นี่ค่ะ ทานเยอะๆ นะคะ”

พิชชาภาหันไปหยิบอาหารจานอื่นต่อ “ลองเต้าหู้ทรงเครื่องแล้วก็ต้องลองอันนี้ด้วยค่ะ ปลานึ่งซีอิ้ว” ตักเนื้อปลาชิ้นโตแถมตักน้ำราดให้อีกจนแฉะ

“เอ่อ แพรจ๊ะ ไม่ต้องตักให้เยอะขนาดนั้นก็ได้นะ” เขามองอาหารที่พูนเต็มจาน

“ไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่อยากให้แพรเสียใจพี่วินต้องลองทานให้หมดเลยนะคะ” ยังไม่พอ เธอเอื้อมมือไปตักซุปให้เขาอีก

“อ้อ นี่ด้วยค่ะ ไข่ตุ๋นกุ้ง เมนูแนะนำ” เธอกำลังจะตักใส่จานแต่เขารีบยกมือห้าม

“พอแล้วจ้ะแพร แค่นี้ก็เต็มกระเพาะพี่แล้วล่ะจ้ะ ถ้าแพรตักให้พี่อีกมีหวังพุงระเบิด”

พิชชาภายิ้มขำ “ถ้างั้นก็ทานที่อยู่ในจานให้หมดนะคะ อย่าให้เหลือ....” แล้วเธอก็นั่งลงตามเดิม รับประทานต่อ สายตาเหลือบมองไปที่อัศวินเป็นพัก ๆ แอบเห็นเขาเองก็มองมาที่เธอเช่นกัน สายตานั้นเอาเรื่องอย่างทีเล่นทีจริง เธอเดาความคิดเขาไปว่า ‘อย่าให้ถึงตาพี่บ้างนะ’

อมลวรรณมองทั้งสองคนสลับกันไปมาแล้วซ่อนยิ้มพึงพอใจ การกระทำทุกอย่างเมื่อสักครู่ไม่อาจรอดพ้นสายตาเธอไปได้ แม้แต่แววตาหรือรอยยิ้มที่ทั้งคู่ส่งให้กันมันบ่งบอกชัดเจนว่าสองคนนี้ชอบพอกันอยู่ โดยเฉพาะพ่อลูกชายตัวดีของหล่อนที่ดูจะออกนอกหน้าซะเหลือเกิน หล่อนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกที่ในที่สุดอัศวินก็พบคนที่ใช่และเลิกทำตัวเป็นหนุ่มโสดเร่ร่อนเสียที

เสียงมือถือของอัศวินดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของอมลวรรณ

“ใครโทรมาเหรอลูก” อดถามไม่ได้เพราะกลัวว่าจะเป็นจีน่านางแบบลูกครึ่งอะไรนั่น

“อ๋อ อรน่ะครับแม่” เขาหมายถึงอรนิชาเลขาของเขา “เดี๋ยวผมขอตัวแป๊บนึงนะครับ แม่กับแพรทานกันต่อได้เลยไม่ต้องรอผม” แล้วเขาก็ลุกเดินออกไปจากห้องอาหาร โดยไม่ทันสังเกตุแววตาสงสัยของพิชชาภาที่มองตามหลังเขาไป

“หนูแพรไม่ต้องกังวลไปหรอกจ้ะ อรเป็นเลขาของตาวินน่ะ วันนั้นหนูก็เห็นเธอที่โรงแรมไงจ๊ะ นี่สงสัยคงมีงานด่วนถึงได้โทรมา” อมลวรรณยิ้มบอก ช่วยไขข้อข้องใจให้เธอ

พิชชาภาหน้าแดง “อ๋อ...ค่ะ”

“แล้วนี่หนูกับวินเป็นไงบ้างจ๊ะ วินคงไม่ได้ไปทำอะไรให้หนูขัดเคืองใจอีกใช่ไหม” หล่อนพยายามหาเรื่องคุย

“ไม่หรอกค่ะคุณป้า พี่วินดีกับแพรมากค่ะ”

“วินน่ะเขาชอบหนูมากรู้ไหม ป้าไม่เคยเห็นเขาหยอกล้อผู้หญิงคนไหนเหมือนที่เขาทำกับหนูเลย”

“ยังไงคะ” เธอย่นคิ้วสงสัย

“ก็ดูสิ แกล้งให้หนูตักอาหารให้บ้าง ทำเป็นออดอ้อนจ๊ะจ๋า ทั้งที่ปกติตาวินน่ะขี้เก๊กจะตาย แต่พอมาคบกับหนูแพรนี่ตาวินของแม่ดูเด็กลงขึ้นเย๊อะเลย” อมวรรณหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

พิชชาภายิ้มเขินอายที่การกระทำเมื่อสักครู่อยู่ในสายตาอมลวรรณจนถูกผู้ใหญ่แซว เธอเองก็ไม่ใช่คนชอบต่อล้อต่อคำกับใคร แต่คำพูดและท่าทางยียวนกวนประสาทของอัศวินทำให้เธออดไม่ได้ที่อยากจะเอาคืนเสียบ้าง

“เห็นหนูแพรกับวินเข้ากันดีแบบนี้ป้าก็ดีใจ ยิ่งมาเห็นเราสองคนกระหนุงกระหนิงหยอกล้ออย่างกับคู่รักแบบนี้ป้าล่ะมีความสุขที่สุดเลย” อมลวรรณบอกด้วยหน้าตาปลาบปลื้ม ก่อนจะปรับสีหน้าจริงจัง เอื้อมมือไปกุมมือพิชชาภาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ

“ขอบใจหนูแพรมากนะจ๊ะที่ยอมรับลูกชายของป้า วินน่ะเผิน ๆ อาจจะดูเป็นผู้ชายเจ้าชู้ไม่จริงจังกับใคร แต่นั่นเป็นเพราะวินเขายังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก แต่พอได้มาเจอกับหนูแพร ป้าบอกได้เลยว่าวินเขาได้เลือกของเขาแล้วจริงๆ และหนูแพรมั่นใจได้เลยว่าถ้าวินเขาได้ลองรักใครจริงจังแล้ว เขาก็จะรักเดียวใจเดียวตลอดไป เชื่อป้าสิ” อมลวรรณบีบมือพิชชาภาแน่นขึ้นเพื่อเป็นการย้ำคำพูดของตนเอง

“ค่ะป้าวรรณ” เธอยิ้มตอบสั้น ๆ

“สาว ๆ คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ หน้าตาเคร่งเครียดเชียว” อัศวินที่เพิ่งเดินกลับเข้ามายิ้มถามพลางนั่งลง

“เรื่อยเปื่อยน่ะลูก แล้วอรโทรมามีอะไรหรือเปล่า ปกติถ้าไม่มีเรื่องด่วนเธอก็จะไม่โทรมาหลังเลิกงานแบบนี้”

อัศวินถอนหายใจ “พอดีอรโทรมาบอกว่าผู้จัดการฝ่ายบัญชีเกิดอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้ปลอดภัยอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วล่ะครับ แต่ก็เจ็บหนักเหมือนกัน”

“ตายจริง” อมลวรรณเอามือทาบอก

“เห็นอรว่าถูกรถตู้ชนท้าย ดีที่รถวิ่งไม่เร็วเท่าไรเลยไม่มีใครเป็นอะไรถึงชีวิต”

“ดีนะที่แค่บาดเจ็บ ถือว่าฟาดเคราะห์กันไป”

“ครับ พรุ่งนี้ผมเลยว่าจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลสักหน่อย” เขาบอกมารดาก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้กับพิชชาภา

“พรุ่งนี้ตอนเย็นถ้าแพรไม่ติดธุระอะไรแพรไปเป็นเพื่อนพี่นะจ๊ะ” อัศวินทำเสียงวิงวอน

พิชชาภาที่ได้แต่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ เลิกคิ้วถามงง ๆ “แพร...เอ่อ...ต้องไปด้วยเหรอคะ”

“ก็พี่ไม่อยากไปคนเดียวนี่นา....” แต่ที่คิดในใจคือ ‘ก็อยากหาโอกาสอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ นี่นา...’

พิชชาภาทำหน้าปั้นยาก เพราะเธอเองไม่ค่อยชอบบรรยากาศโรงพยาบาลสักเท่าไร แล้วต้องให้ไปเยี่ยมคนป่วยประสบอุบัติเหตุด้วยแล้ว.....เธอไม่อยากจะนึกสภาพแบบนั้นเลย

“แล้วทำไมไม่ไปกับเลขาพี่วินล่ะคะ แพรว่าน่าจะเหมาะกว่านะ”

อัศวินทำท่าอ้าปากจะค้าน แต่อมลวรรณรีบชิงพูดเสียก่อน

“นั่นสิวิน ถูกของหนูแพรนะ ให้อรไปเป็นเพื่อนวินน่ะดีแล้ว ยังไงอรเขาต้องจัดการเรื่องตระกร้าดอกไม้ผลไม้เยี่ยมไข้อะไรอีก แล้วก็ได้จะคุยกันว่าจะหาใครมาทำงานแทนได้บ้าง”

ชายหนุ่มคอตกทันทีที่ได้ยิน แม้แต่มารดาซึ่งเขานึกว่าน่าจะเป็นตัวชงเข้าข้างเขาช่วยพูดให้พิชชาภาไปด้วยกันแต่ดันเห็นดีเห็นงามกับหญิงสาวซะอย่างนั้น

“อีกอย่าง นนท์เองก็ตามไปไหนต่อไหนกับวินทุกครั้งอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องลากหนูแพรไปด้วยเลย โรงพยาบาลใครเขาพาแฟนไปกัน คนป่วยรู้จักกันหรือก็ไม่ เนอะหนูแพรเนอะ” หล่อนหันไปยิ้มให้กับพิชชาภาพลางขยิบว่าเป็นเชิงรู้กัน

“ค่ะ” พิชชาภาค้อมศรีษะรับเป็นการขอบคุณ

“งั้นผมไปกับอรกับไอ้นนท์ก็ได้” บอกเสียงงอนพลางก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าไม่สนใจใคร

พิชชาภามองอาการกระเง้ากระงอดของอัศวินด้วยอาการกลั้นยิ้ม อดนึกถึงคำที่ป้าวรรณพูดไม่ได้ว่าท่าทีพักหลังนี้เขาชอบทำตัวแบบเด็ก ๆ ชอบออดอ้อน....คิดแล้วก็หลุดขำพลางเหลือบมองคนตรงหน้าที่เคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ ใบหน้าขึงขัง อาหารที่พูนเต็มจานก่อนหน้านี้พร่องลงไปเยอะ เธอเห็นเขาเหลือบสายตามองมาที่เธอแต่แล้วก็ทำเป็นสะบัดหน้าพรืดหันไปดื่มน้ำอึกใหญ่....คนตัวโตมาดนักธุรกิจแต่ทำท่าทางน้อยใจแฟนอย่างกับเด็กหนุ่มสิบหกนี่ก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกันนะ เธอคิดแล้วยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขก่อนจะลงมือทานอาหารของตัวเองตาม


“อ๊ายยยย แพร! มานี่เลย ๆ ไหนเล่าให้ฉันฟังหน่อยซิว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง ไม่เห็นอัพเดทให้ฉันฟังเลย” เมลิษาที่เพิ่งมาถึงร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่นัดกับพิชชาภาไว้รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อนสาวทันทีที่เห็นพร้อมกับรัวคำถามเป็นชุด

“เบา ๆ หน่อยก็ได้เมย์ อายเขา” เธอทำปากจุ๊ใส่เพื่อนแล้วมองซ้ายมองขวาเห็นบางคนมองมาที่ทั้งคู่

“แหม ก็ฉันตื่นเต้นหนิ อะไรกัน แค่ไม่เจออาทิตย์เดียว เธอกับพี่วินรุดหน้าไปไกลขนาดนั้นแล้วเหรอ”

“บ้า รุดหน้าอะไรกัน” หญิงสาวหน้าแดง

“อ้าว ก็เรื่องที่แกรักพี่วินแล้วพี่วินก็รักแกไง ทำไมรักรวดเร็วกันจัง วันก่อนที่ประกาศหมั้นที่งานบ้านแก แกยังบ่นกับฉันอยู่เลยว่าไม่เต็มใจ ถูกคลุมถุงชน แล้วนี่อะไร เมื่อวานโทรนัดเจอกันแกบอกแกกับพี่วินรักกันดี เรื่องเป็นไงมาไงเนี่ย” เมลิษา
คะยั้นคะยอ

“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้เมย์ นี่มาถึงจะไม่ทักทายฉันเลยหรือไง เอาแต่ถามเอา ๆ”

“ก็ฉันอยากรู้นี่ ตอนประกาศหมั้นกับพี่วิน ฉันก็ใจสลายไปทีหนึ่งแล้วแต่แกบอกว่าไม่เต็มใจ ฉันก็มีหวัง พอวันนี้กลับมาเปลี่ยนคำบอกว่าแกกับพี่วินรักกัน ฉันอยากจะกรี๊ดดด โธ่ พี่วินของฉัน!” ทำเสียงครวญครางตีหน้าเศร้า

พิชชาภาเห็นอาการทุรนทุรายของเพื่อนสาวแล้วก็หัวเราะร่า เธอรู้ว่าเมริษาแกล้งทำเป็นกรี๊ดกร๊าดอัศวินแซวเธอเล่นไปอย่างนั้นเอง

“โอ๋ มาๆๆ สั่งอะไรมากินก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง” พิชชาภาฉุดแขนเมลิษาให้นั่งลงตรงข้าม

“เออ ดีเหมือนกัน หาไรกินก่อนแล้วค่อยคุย ฉันหิวแล้ว” พูดถึงเรื่องกินปุ๊บเมลิษาก็ลืมเรื่องที่คุยกันเสียสนิท

“งั้นสั่งเลย มื้อนี้ฉันเป็นเจ้ามือเอง” บอกแล้วเธอก็ยื่นเมนูให้เมลิษาช่วยกันเลือกสั่งอาหาร โดยเมลิษาคนเดียวก็เลือกสั่งไปเกือบสามสี่อย่าง พอสั่งเสร็จเมลิษาก็ไม่รอช้า รีบเปิดประเด็นคุย

“ไหนว่ามาสิแพร ทำไมจู่ ๆ แกกับพี่วินถึงลงเอยกันได้ วันนั้นแกยังร้องห่มร้องไห้ไม่อยากแต่งงานกับเขาอยู่เลย”

พิชชาภายิ้มเขิน ๆ “รอให้กินเสร็จแล้วเล่ารวดเดียวจบเลยดีกว่า”

“ไม่เอาอ่ะ เล่าเลยดีกว่า เล่าไปกินไปก็ได้”

เธอจึงคว้าน้ำผลไม้ปั่นมาดื่มเล็กน้อยแล้วคิดว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหนให้เพื่อนสาวฟังก่อนดี ยิ่งเธออ้อยอิงเมลิษาก็ยิ่งรบเร้า เธอหัวเราะขำกับท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเมลิษาก่อนจะยอมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นตอนเจอกันกับอัศวินอีกครั้งหลังจากหลายปีให้เพื่อนสาวฟัง

“โอ๊ย ทำไมพี่วินช่างใจหล่อขนาดนี้นะ แกนี่โชคดีจริง ๆ เลย” เมลิษาทำหน้าเคลิ้มฝันเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด

“แหม เมย์ก็เว่อร์ไป เขาไม่ได้บอกรักฉันสักหน่อย แล้วฉันเองก็ยังไม่ได้ให้ใจเขาไปร้อยเปอร์เซนต์หรอกนะ” พิชชาภาทำทีเป็นเชิดหน้าอย่างคนได้เปรียบ

“ชิชะ หมั่นไส้” เมริษาเบ้ป้าก “ถ้ามัวแต่เล่นตัวมาก ๆ ระวังนะพี่วินจะหลุดมือไป ถึงตอนนั้นเพื่อนก็เพื่อนเถอะ” เธอขยิบตาให้รู้ว่าจงระวังตัวแล้วปิดปากหัวเราะลงคอ

พิชชาภาหัวเราะขำพลางทำให้เมลิษาหัวเราะตามไปด้วย ทั้งสองคนยังคุยกันสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยไปสักพักจากนั้นเมลิษาที่นั่งหันหน้าเข้าหาประตูทางเข้าร้านก็โบกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านให้มาเก็บเงิน และจังหวะนั้นเองที่มีลูกค้าหนุ่มสาวสองคนเดินเข้ามาในร้านแล้วมองหาที่นั่ง เมริษาตาโตเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก่อนจะรีบคว้าเมนูกางปิดหน้า

“โห เมย์ยังจะสั่งเพิ่มอีกเหรอ” พิชชาภาตาโต

เมลิษาส่ายหน้าดิก ก่อนจะสั่งเพื่อน “แพรรีบเอาเมนูขึ้นมาปิดหน้าไว้เร็ว”

“ทำไมล่ะ” แต่ก็ทำตามที่เพื่อนสาวบอกอย่างงง ๆ

เมลิษาจึงรีบยกเมนูไว้ด้านข้างแล้วกระซิบบอกเบาหวิว “พี่ภัทรมา”

“อะไรนะ?”

“พี่-ภัทร-มา” เน้นบอกทุกคำแล้วทำหน้าสยองขวัญประกอบ

พิชชาภาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดเผือด เธอรีบกางเมนูขึ้นปิดหน้าบ้างจากนั้นก็คอยเหลือบมองไปรอบ ๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน สักพักเธอก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนั่งถัดไปอีกสองโต๊ะหันหน้ามาทางเธอพอดิบพอดี ฝั่งด้านตรงข้ามมีหญิงสาวร่างผอมเพรียวที่ดูมีอายุนั่งอยู่ด้วย เขาดูหน้าตาท่าทางเคร่งเครียดขณะกำลังก้มหน้าอ่านเมนู เธออยากจะเขกหัวตัวเองนักที่ลืมไปได้ว่าที่นี่เป็นร้านโปรดของอนุภัทรจนมาบังเอิญเจอกับเขาจนได้

“งั้นเรารีบไปกันเถอะเมย์” พิชชาภาบอกด้วยสีหน้าหวาดระแวง

“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวพี่ภัทรเห็นแกขึ้นมาแล้วจะยุ่ง” พูดเสร็จเมลิษาก็รีบล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์จ่ายเงิน


“เดี๋ยวแกออกไปรอที่รถก่อนเลยนะ ทางนี้เรารอจ่ายตังค์เอง”

“โอเค ฝากด้วยนะเมย์ แล้วเดี๋ยวค่อยเคลียร์กันทีหลัง” เธอเหลือบมองผ่านแผ่นกระดาษเมนูไปที่โต๊ะของอนุภัทรเห็นเขาสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วและกำลังมองไปรอบ ๆ ร้านพลางคุยกับหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าเขาไปด้วย เธอสังเกตุการณ์รอให้เขาหันไปทิศทางอื่นแล้วค่อยเตรียมตัวลุก สักพักเธอเห็นสถานการณ์ปลอดภัย จึงคว้ากระเป๋าแล้วรีบลุกขึ้นยืน แต่ด้วยความรีบร้อนจึงทำให้แขนเธอกระแทกกับบริกรที่เดินมาเก็บเงินพอดี

“ว๊าย!”

“ขอโทษครับคุณผู้หญิง” บริกรรีบโค้งคำนับขอโทษ

“เอ่อ...ไม่เป็นไรจ้ะ” เธอรีบบอกแล้วพยายามใช้ผมสยายปิดหน้าหมุนตัวเดินออกไปนอกร้านทันที

เมลิษามองเพื่อนสาวออกจากร้านไปแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก หวังว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่คงไม่เป็นจุดสนของใครคนนั้น เธอรีบเช็คค่าอาหารแล้วนับเงินยื่นให้

“ไม่ต้องทอนนะน้อง” เมลิษากำลังจะลุกตามไปอีกคน แต่สายตาเหลือบเห็นหลังไว ๆ ของอนุภัทรเดินผ่านโต๊ะเธอออกจากร้านไป

“ซวยแล้วไงแพร!”



พิชชาภาเดินมาหยุดยืนพิงข้าง ๆ รถ เอามือจับหัวใจที่เต้นรัว ถอนหายใจยาวโล่งอก

“เกือบไป” พูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกดรีโมทเปิดประตูรถ พร้อม ๆ กันนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงล้วงหามือถือในกระเป๋า พอเห็นที่หน้าจอโชว์ว่าใครโทรมา เธอก็ยิ้มกว้างดีใจ แต่ยังไม่ทันจะกดรับ

“แพร.....”

พิชชาภาสะดุ้งเฮือก หันหลังขวับ

“พะ...พี่ภัทร” หน้าตาเธอตกใจยิ่งกว่าเห็นผี

“แพรจริง ๆ ด้วย” อนุภัทรรีบเดินเข้าไปใกล้

“พี่ภัทรอย่าเข้ามานะ” ร้องห้ามเอามือตั้งกาด

“อะไรกันแพร พี่คิดถึงแพรนะ โชคดีของพี่จริง ๆ ที่ได้เจอแพรที่นี่”

พิชชาภาชะเง้อมองหาเมลิษาพอเห็นเธอเพิ่งออกมาจากร้านก็รีบตะโกนเรียกเพื่อน

“แต่แพรไม่ดีใจและไม่อยากเจอพี่ภัทร ขอตัวนะคะ” เธอหมุนตัวเปิดประตูรถแต่อนุภัทรกลับคว้าข้อมือเธอไว้

“ปล่อยนะ!” เธอสะบัดมือหนีทันควัน

“ถ้าแตะต้องตัวฉันอีกฉันจะเอามือถือนี่ฟาดหัวจริง ๆ ด้วย!” เธอยกโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุดขึ้นขู่

“นี่แพรกล้าพูดกับพี่ขนาดนี้เชียวเหรอ” อนุภัทรแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“ตั้งแต่วันที่คุณบุกไปบ้านฉันวันนั้น เราไม่จำเป็นแม้แต่จะต้องพูดกันด้วยซ้ำ”

เมลิษาที่เพิ่งวิ่งหน้าตื่นมารีบเข้ามาขวางกั้นกลางแล้วผลักอกอนุภัทรให้ออกห่าง มองหน้าอย่างเอาเรื่อง แล้วรีบเปิดประตูรถให้พิชชาภา

“รีบไปกันเถอะแพร เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนด้วย” เธอพูดขณะที่ยังจ้องหน้าอนุภัทรเขม็ง

อนุภัทรหน้าร้อนฉ่าด้วยความโกรธ ยกมือเท้าสะเอวมองเมริษาอย่างเอาเรื่อง “เสือกอะไรด้วยห๊ะนังอ้วน!”

เมลิษาเม้มปากแน่น ยังคงจ้องอนุภัทรอย่างไม่เกรงกลัว แต่ก็ไม่โต้ตอบคำพูดใด ๆ พอเห็นพิชชาภาเข้าไปนั่งในรถแล้วเธอก็รีบเดินอ้อมไปข้างคนขับ เธอคิดว่าอนุภัทรคงหยุดรังควาญแค่นั้นแต่เธอคิดผิด

อนุภัทรถือวิสาสะเปิดประตูรถแล้วกระชากแขนพิชชาภาให้ลงมา

“แพรลงมาคุยกับพี่เดี๋ยวนี้ พี่ไม่ให้แพรไปไหนทั้งนั้น”

“นี่พี่ภัทรบ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยนะ!”

เมลิษารีบพุ่งเข้ามาผลักร่างอนุภัทรให้ออกห่าง “ปล่อยแพรนะ!”

“อะไรกันน่ะภัทร!”

อนุภัทรหันไปหาต้นเสียงเห็นหญิงสาวที่มาด้วยกันกำลังเดินมาทางเขา

“พี่นั่งรอภัทรตั้งนาน แล้วออกมทำอะไรตรงนี้เนี่ย” ร่างสูงระหงเดินมาหยุดข้าง ๆ ชายหนุ่ม

พิชชาภาได้ทีจึงรีบสะบัดมือจนหลุด แล้วชี้หน้าไปที่อนุภัทร “ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามีคราวหน้าอีกฉันส่งคุณเข้าตารางแน่!” เธอมองอย่างรังเกียจไปที่อนุภัทรและชำเลืองมองไปที่ผู้หญิงข้าง ๆ กายเขา

“ไปเมย์” พูดเสร็จก็รีบปิดประตูแล้วล็อกทันที

เมลิษาไม่รอช้าวิ่งไปอีกฝั่ง เคาะกระจกแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง ไม่นานพิชชาภาก็สตาร์ทรถ เร่งเครื่อง ถอยรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว

“โธ่เว้ย!” อนุภัทรเตะพื้นด้วยความโมโห

“ใครน่ะภัทร รู้จักกันด้วยเหรอ” น้ำเสียงติดจะหึง

อนุภัทรหอบหายใจ กรามขบกันแน่น ก่อนจะหันมายิ้มให้หญิงสาวข้างกาย “ไม่มีอะไรครับ เธอเคยจ้างผมทำงานแล้วไม่ยอมจ่ายค่าจ้างผม วันนี้เจอก็เลยขอทวงซะหน่อย”

“อ้าวเหรอ” เธอเอามือทาบอก “ตายจริง พี่ขอโทษทีนะที่เข้ามาขัดจังหวะ พี่ก็นึกว่า...”

ชายหนุ่มเอามือคล้องแขนเธอ “ช่างเถอะครับ ยังไงผมก็ต้องเจอเธออีก ผมจะทวงจนกว่าผมจะได้เงินคืน”

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่นะ พี่พอจะหาคนที่ทวงหนี้ให้ได้”

“ขอบคุณมากครับพี่ พี่นี่ดีกับผมจริง ๆ อย่างนี้ผมรักตายเลย...” เขาบีบคางเธอ ส่งยิ้มหวานให้จนอีกฝ่ายเขินอายแสร้งตีต้นแขนเขา

“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ กินเสร็จเราจะได้ไปทำธุระของเรากันต่อ...” พูดพลางส่งสายตาร้อนแรงไปให้

เธอลูบไล้ต้นแขนเขาไปมา กระซิบเสียงพร่า สายตาเร่าร้อนไม่แพ้กัน “งั้นเราไปกันเถอะ พี่อยากรีบไปทำธุระกับเธอจะแย่แล้ว...”


เสียงโทรศัพท์มือถือของพิชชาภายังคงดังต่อเนื่องไม่ยอมหยุด ส่วนตัวเจ้าของกำลังขับรถด้วยอาการมือไม้สั่น น้ำตาอาบนองบนพวงแก้มทั้งสองข้าง

“นี่แกจะไม่รับโทรศัพท์หน่อยเหรอ พี่วินโทรมาจะร้อยสายแล้วมั้ง” เมลิษาเตือนเพื่อน

พิชชาภาปาดน้ำตา “ฉันรับตอนนี้ไม่ได้ ไม่งั้นฉันคงได้ปล่อยโฮออกไปแน่”

“ก็ให้พี่วินรู้ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ”

“ไม่ได้หรอก ฉันไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” เธอเหยียบเบรคจอดติดไฟแดง ก้มหน้ากับพวงมาลัย

“อะไรกัน ต้องให้เขาเป็นห่วงสิถึงจะถูก เรื่องนี้แกไม่บอกเขาไม่ได้หรอกนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้” เมลิษาถอนใจอย่างกังวล ก่อนจะพูดขึ้น

“ฉันไม่คิดเลยว่าพี่ภัทรจะมีนิสัยหยาบคายก้าวร้าวแบบนี้ ฉันนึกภาพออกเลยว่าวันที่เขาไปอาละวาดที่บ้านแกก็คงไม่ต่างกัน”

พิชชาภาสะอื้น เงยหน้าแล้วหันไปบอกเพื่อน “ฉันกลัว กลัวจะเจอพี่ภัทรอีก นี่ขนาดตอนกลางวันมีสายตาคนมองเยอะแยะเขายังกล้าทำแบบนี้ แล้วถ้าบังเอิญเจอเขาอีก ฉันจะทำยังไงดีล่ะเมย์” น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลมาอีกครั้ง

เมลิษาตบไหล่เพื่อนเบา ๆให้กำลังใจ “เชื่อฉันสิแพร เรื่องนี้แกต้องบอกพี่วิน ฉันว่าเขาปกป้องแกจากพี่ภัทรได้แน่ อีกอย่างต้นเดือนหน้าแกก็จะหมั้นแล้วก็แต่งงานกับเขาอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นพี่ภัทรก็คงจะไม่กล้ายุ่งกับแกแล้วล่ะ”
“เอานี่ รับซะ” เมริษายื่นมือถือให้เพื่อนสาว

“เดี๋ยวพอไฟเขียวแล้วแกขับไปจอดคุยที่ปั๊มตรงหน้านั่นนะ แล้วบอกความจริงให้หมด ยิ่งไม่รับโทรศัพท์แบบนี้พี่วินจะยิ่งสงสัย”

พิชชาภาปาดน้ำตาแล้วรับโทรศัพท์ที่ยังคงดังตลอดตั้งแต่ออกจากร้านอาหารมาไว้ในมือ แล้วหันไปมองเมลิษาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง และเมื่อเมลิษาพยักหน้าหนักแน่น เธอจึงพยักหน้ารับแล้วขับรถตรงไปจอดยังปั๊มน้ำมันข้างหน้า ก่อนจะชั่งใจมองโทรศัพท์อยู่นานสองนาน สูดหายใจลึก ๆ เพื่อกลั้นน้ำตาให้แห้งสนิท แล้วกดรับสาย
“ค่ะ พี่วิน”

“เฮ้อ...กว่าจะรับได้นะแพร พี่โทรไปเป็นสิบ ๆ สายแล้วทำไมไม่รับฮึ กะจะให้พี่เป็นบ้าตายเลยหรือไง” อัศวินบอกด้วยน้ำเสียงโมโห

“คือ...แพรขอโทษค่ะ พอดี..เอ่อ...เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ แพรเลยไม่ได้รับ”

“เกิดอะไรขึ้น อุบัติเหตุหรือเปล่า แพรเป็นอะไรไหม แพรอยู่ไหนเดี๋ยวพี่จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหล่ะ” อัศวินรัวคำถามด้วยความเป็นห่วง

พิชชาภาพอได้ฟังน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของอัศวินแล้วก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกครั้ง เธอเริ่มสะอื้นไห้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นและต้องเล่าให้เขาฟัง

“แพร แพร ฟังพี่อยู่ไหม”

“ค่ะ” เธอตอบรับปนสะอื้น

“นั่นแพรร้องไห้เหรอ แพรเป็นอะไรบอกพี่สิ”

พอได้ยินแค่นั้น เสียงสะอื้นที่พยายามอัดอั้นไว้ก็พรั่งพรูออกมา ไม่สามารถเปล่งคำพูดอธิบายอะไรได้เลย เธอจึงยื่นมือถือให้เมลิษา ให้เพื่อนสาวช่วยอธิบายให้เธอแทน

เมลิษารับมือถือมาแล้วเอื้อมมือไปกุมมือพิชชาภาไว้เพื่อปลอบให้ใจเย็น จากนั้นเธอรับสายเขาบอกว่าเธอเป็นใครแล้วเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นให้อัศวินฟัง

เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถของอัศวินก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ท้ายรถของพิชชาภา ชายหนุ่มรีบลงจากรถแล้วเคาะกระจกเรียกหญิงสาว พอเธอก้าวลงมา เขาก็คว้าตัวเธอเข้ามากอดทันที

“แพรไม่เป็นไรนะ ไหนพี่ดูซิ” อัศวินคลายอ้อมกอด แล้วจับคางเธอเงยขึ้น ปัดปอยผมที่ระหน้าเธอออก พอเห็นคราบน้ำตาบนแก้มเนียน ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ เขาก้าวถอยออกมาเล็กน้อยแล้วกวาดสายตามองไปทั่วร่างเธอเพื่อหารอยแผล จับแขนเธอทั้งสองข้างพลิกไปมาเห็นรอยจ้ำแดงตรงต้นแขน เขากัดฟันกรอด อารมณ์โกรธแค้นลุกโชนในใจ

“แพรไม่เป็นไรค่ะพี่วิน ขอบคุณนะคะที่มารับแพร” เธอยิ้มบาง ๆ แค่เห็นหน้าเขาความกลัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง

“เนี่ยนะไม่เป็นไร” เขาโชว์รอยแดงที่แขนเธอให้ดู

“ช่างเถอะค่ะพี่วิน ตอนนี้แพรอยากกลับบ้านแล้ว”

“โอเคจ้ะ งั้นเดี๋ยวแพรกลับไปกับพี่นะ ส่วนเรื่องรถแพรเดี๋ยวให้ไอ้นนท์ขับพาเมย์ไปเอารถที่ร้านแล้วค่อยให้ขับรถไปที่บ้านแพรทีหลังนะ”

อัศวินหันไปสั่งงานชานนท์ จากนั้นก็เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งรอเขา

เมลิษาเดินมาข้าง ๆ รถอัศวินแล้วยื่นกระเป๋าให้พิชชาภาที่เปิดกระจกรอคุยกับเธออยู่แล้ว

“ขอบใจมากนะเมย์”

“อืม แล้วไม่ต้องคิดมากนะ” เธอยิ้มให้กำลังใจ แล้วหันไปคุยกับอัศวินที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

“ฝากแพรด้วยนะคะ”

“ได้ครับ ผมเองก็ขอบคุณคุณมากที่ช่วยดูแลแพร ส่วนนนท์เขาจะพาคุณไปเอารถ เขาเป็นคนของผมเอง ไว้ใจได้”

เมลิษาขอบคุณอัศวินในความมีน้ำใจก่อนจะโบกมือให้พิชชาภาที่นั่งอยู่ในรถอีกครั้งขณะที่มองทั้งคู่ขับรถออกไป
<><><>><><><><><><><><><><><><><><><><>
คุณlamyong ก็พี่วินออดอ้อนวอนขอซะขนาดนั้น อิอิ



เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ย. 2558, 16:43:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ย. 2558, 16:43:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1258





<< ตอนที่ 8-2   ตอนที่ 10 >>
กาซะลองพลัดถิ่น 6 พ.ย. 2558, 17:06:43 น.
หาบอดี้การ์ดให้แพรสักคนก็ดีนะวิน....มันคงไม่หยุดแค่นี้หรอก นี่แค่นายภัทรนะ เดี๋ยวพอแท๊กทีมกับนางร้ายล่ะก็พังเลย


lamyong 8 พ.ย. 2558, 11:51:53 น.
โหหห อนุภัทร นายจะกร่างไปถึงไหน ตามจองล้างจองผลาญแพรไม่เลิก ได้ดีแล้วก็ปล่อยแพรไปเถอะ


Zephyr 9 พ.ย. 2558, 22:32:03 น.
พี่ภัทร นายตายแน่ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account