~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 24 .. กระดูกชิ้นโต



ศรตฤณแฝงตัวค่อยลัดเลาะเลียบชายหาดฟากอุทยาน ที่ติดกับเขตท้ายโรงแรมห้าดาวแห่งเดียวของที่นี่ เพื่อข้ามโขดหินโสโครกที่ลดหลั่นเป็นชั้นคล้ายแนวกำแพงธรรมชาติไปยังที่นั่น ความลาดและลื่นทำให้เขาต้องระมัดระวังพอสมควร เนื่องจากคราวนี้ไม่ได้มามือเปล่าอย่างเมื่อคืน

ชายหนุ่มแตะย่ามผ้าสีดำที่สะพายติดตัวให้กระชับ เพราะภายในมีกล้องส่องทางไกลแบบกลางคืนติดอินฟาเรดในตัวซุกตัวอยู่ ซึ่งเชดส์จัดหามาให้เพื่อเป็นตัวช่วยของเขาในคืนนี้

หนุ่มสองเชื้อชาติแสยะยิ้มท่ามกลางความมืด นึกขอบใจกับความรอบคอบของเพื่อนรัก ... ช่างรู้ใจเขาเสียเหลือเกิน

ทันทีที่เห็นกล่องบรรจุอุปกรณ์ทันสมัยตัวนี้ วางอยู่ข้างเตียงในห้องนอนของเชดส์เมื่อเช้า ตอนไปนอนพักต่อที่ร้านขายของที่ระลึก ศรตฤณก็คิดไว้แล้วว่า มันต้องตกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแน่นอน

จากที่ได้สัมผัสและทดสอบประสิทธิภาพของมัน ชายหนุ่มบอกได้เลยว่า เป็นกล้องส่องกลางคืนที่มีคุณภาพสูงทีเดียว แถมยังมีรูปทรงกะทัดรัดและน้ำหนักเบาเหมาะมือ ทำให้สะดวกในการพกพาไปไหนมาไหนโดยไม่เป็นที่สังเกต

คืนนี้แม้ฟ้าจะกระจ่างไปด้วยดวงดาวมากมาย ราวกับใครมาทำหล่นเกลื่อนระเกะระกะ หากเบื้องล่างที่น้ำทะเลโอบล้อมเกาะลาลัล กลับมืดมิดเป็นใจให้ผู้นิยมบรรยากาศโรแมนติก ได้มีโอกาสชื่นชมวัตถุระยิบระยับอย่างสุนทรีกับคนพิเศษ ... สักคน

แต่ศรตฤณกลับใช้ช่วงต้นรัตติกาลนี้ ปีนป่ายพยุงตัวก้าวข้ามก้อนหินใหญ่บ้างเล็กบ้าง จนสามารถพ้นโขดหินมายืนอยู่ในพื้นที่ ที่มีป้ายเขียนข้อความสองภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ปักนอกรั้วลวดหนามแบ่งเขตว่า

พื้นที่ส่วนบุคคล ... คิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี โฮเทล

ด้านหลังนับจากป้ายแสดงอาณาเขตยังเป็นป่าละเมาะสลับกับแนวไม้ใหญ่ ความสมบูรณ์ของพื้นที่ยังมีมากเพราะหากว่ากันตามจริง ทั้งเนินเขาขนานไปกับชายหาดแถวนี้ ถ้าสำรวจกันอย่างตรงไปตรงมา มันน่าจะเป็นของอุทยานแห่งชาติด้วยซ้ำ

พอนึกถึงประเด็นนั้นขึ้นมา ชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บมาคิด

ภารกิจที่ต้องทำนับจากนี้สิ ... สำคัญกว่า !

ชายหนุ่มอาศัยการพรางตัวให้เข้ากับความมืดที่ปกคลุมทุกตารางนิ้ว แฝงตัวหลบหลังแนวหินกระทั่งมาจนใกล้ถึงส่วนเนินป่าละเมาะ เขาคิดจะใช้ไม้ต้นใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ไปไม่ไกล เป็นจุดสังเกตการณ์หลังจากกวาดสายตามองรอบๆแล้ว ทำเลนั้นเหมาะที่สุดและสามารถเคลื่อนย้ายเข้าใกล้คิง เซอร์เพนท์ได้ไม่ยากนัก

ศรตฤณยกแขนขึ้นดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตัวเลขดิจิตัลเรืองแสงบอกให้รู้ว่า เวลาในขณะนี้ ๒ ทุ่มตรง จากนั้นเขาจึงปลดมันออกยัดลงไปในย่ามสะพาย พร้อมกับควานหยิบตัวช่วยอีกอย่างของเขาขึ้นมา

มีดพกฟิกซ์เบลดหรือมีดใบตาย ที่เมื่อเช้าเชดส์เกือบจะได้เป็นคนแรกที่ทดสอบความคม มันคืออาวุธที่คนธรรมดาอย่างเขา จะมีไว้พกพาติดกายได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาอุ่นใจว่า ต่อให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาก็ยังมีสิทธิ์เอาตัวรอดได้

หนุ่มลูกครึ่งอดีตนายตำรวจสากล ที่บัดนี้ผันตัวมาทำหน้าที่สายลับจำเป็น จับมีดพกเหน็บไว้ที่เอวในตำแหน่งพร้อมหยิบใช้งานได้ทันท่วงที หากมีกรณีฉุกเฉินหรือจวนตัวเกิดขึ้น

ชายหนุ่มในชุดสีดำกลมกลืนกับบรรยากาศรอบกาย ก้าวเดินไปข้างหน้าเร้นตัวเองสู่ห้วงอนธการด้วยความชำนาญ หวังจะไปให้ถึงโคนไม้ใหญ่ที่หมายตาในเวลาอันรวดเร็ว ประหนึ่งความมืดไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานของเขาแม้แต่น้อย




เพลิงกัลป์โอบประคองมัสลินให้ก้าวเดินเข้ามาในตัวอาคารของโรงแรม หลังจากที่ 'ยัยเด็กอวดดี' ของเขา เกือบสร้างเรื่องให้ต้องปวดหัวอีกเป็นครั้งที่ ... เท่าไหร่เขาก็ไม่อยากจะจำแล้ว

‘คิดถูกจริงๆ ที่ออกมาตาม’

ชายหนุ่มครุ่นคิดต่อหลังปัดความคำนึงแรกที่ว่า 'ดีที่ตามออกมา' ให้พ้นไป พลางปรายตามองหญิงสาวที่เดินเคียงอยู่ข้างเขาเงียบๆ ไม่มีทีท่าเอะอะโวยวายทั้งที่เจ้าตัวยังถูกโอบบ่าไว้ เหมือนกับว่า เธอเองกำลังตกอยู่ในภวังค์และดูเคร่งเครียดจนปรากฏริ้วรอยความกังวลบนสีหน้า

เมื่อทั้งสองคนก้าวพ้นประตูและเดินมาจนถึงพรมแดง ปูลาดไปสู่ห้องอาหารที่ชื่อนาคา ซึ่งเหตุที่ตอนนี้มาถูกทาง เนื่องจากเพลิงกัลป์พามัสลินเดินย้อนกลับทางเดิมที่เขาเดิน

ความสว่างไสวด้วยไฟประดับประดา ขับเน้นการตกแต่งของคิง เซอร์เพนท์ให้สวยงาม ... แต่ในความรู้สึกของเพลิงกัลป์ มันไม่ได้น่าพิสมัยเท่าใดนัก

"คุณเพลิงกัลป์ ... รู้จัก ผู้ชายคนเมื่อกี้ ... ด้วยหรือคะ"

เจ้าของชื่อเรียกเลิกคิ้วแปลกใจที่มัคคุเทศก์สาวพูดดีๆก็เป็น แต่เมื่อก้มมองคนถาม หัวคิ้วของเขากลับขมวดย่นเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เพราะอีกฝ่ายใบหน้าเผือดสีอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้าออกจากโต๊ะอาหาร เธอยังดูสดใสน่ามองอยู่เลย

"เธอไม่รู้จักเขา?"

เพลิงกัลป์ไม่ให้คำตอบตรงๆ หากย้อนถามกลับเสียงสูง คิดไปว่า มัสลินรู้จักนาคินทร์ และอยากกระทบไหล่นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของโรงแรมหรูหราที่สุดบนเกาะลาลัล ทำให้เขาไปพบเธออยู่คุยกับบุรุษคนนั้นในที่ลับตาตามลำพัง

มัสลินส่ายศีรษะปฏิเสธคำถาม ก่อนจะชะงักการเดินซึ่งเพลิงกัลป์ก็ชะงักตามไปด้วย

"ถ้าเป็นชื่อ นาคินทร์ พี. เซอร์เพนท์ ... ฉันพอจะเคยได้ยินค่ะ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง หรือแม้แต่รูปถ่ายของเขา"

หญิงสาวสารภาพตามความจริง แล้วเบี่ยงหน้าชำเลืองสบตาเขา เป็นการยืนยันคำพูดของตนเอง และมองอยู่อย่างนั้นรอคำตอบจากชายหนุ่มเช่นกัน

"งั้นก็รู้ไว้ซะ ... นั่นล่ะ ผู้ชายคนนั้น คนที่ใครๆในคิง เซอร์เพนท์ ต่างยกให้เขาเป็นคิงของที่นี่ ... นาคินทร์ พี. เซอร์เพนท์ ตัวจริงเสียงจริง"

"ค่ะ"

เพลิงกัลป์สัมผัสได้ถึงความผิดแปลกไปจากปกติของมัสลิน แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

"แล้วคุณจะปล่อยฉันได้หรือยัง ..."

มัสลินท้วงเสียงเบาเมื่อเบนสายตาจากใบหน้าของชายหนุ่มไปยังทิศตรงข้าม ซึ่งมือของเขากุมหัวไหล่ของเธออยู่ไม่ยอมปล่อยเสียที

คนตัวสูงกว่ามองตามศีรษะที่เกล้าผมเผยต้นคอ มีไรผมทิ้งตัวระข้างแก้มประปราย จนน่าลองใช้นิ้วเกลี่ยแล้วจับทัดหูไม่ให้มันเกะกะ ไม่ได้สนใจฟังว่า เธอกำลังพูดอะไร

"หืม ... ว่าไงนะ"

"ฉันถามว่า คุณจะโอบฉันไปถึงเมื่อไหร่ ... คะ"

เพลิงกัลป์คลี่ยิ้มอย่างอดไม่ได้ แต่มันก็ชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่มัสลินจะหันมาจ้องเขาตาวาว ... เป็น 'ยัยเด็กอวดดี' คนเดิม ที่พร้อมจะต่อปากต่อคำกับเขาทุกลมหายใจ โดยไม่คิดว่า เขาเป็นทั้งเจ้าของรีสอร์ท เป็นหุ้นส่วน เป็นพี่ชายของรุ่นพี่ ... เป็นคนที่เกิดก่อนเธอหลายปี

แล้วอย่างอื่นล่ะ เขาต้องเป็นอะไร ... เธอถึงจะยอมสงบเสงี่ยม เคารพนับถือเขาบ้าง

ผู้บริหารสูงสุดของรีสอร์ทขนาดกลางอย่างเขา ดูเหมือนจะไม่เคยเอาชนะคะคานผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าอ่อนใสอย่างไกด์สาวที่ชื่อ มัสลินได้เลย ... อย่างมากก็เสมอตัว

"นี่ ... แทนที่จะขอบอกขอบใจที่ฉันพาเธอออกมาจากตรงนั้น ... อะไรกัน ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ"

คำพูดของเพลิงกัลป์ทำให้มัสลินหยุดคิด และพอใช้สติไตร่ตรองก็เห็นว่า เขาพูดถูก

แต่จะด้วยทิฐิหรือความรู้สึกประหลาดอย่างไรก็สุดรู้ ทำให้หญิงสาวค่อยเบี่ยงตัวออกจากการเกาะกุมโดยไม่เอ่ยอะไรอีก แล้วสืบเท้าไปทางด้านข้างให้มีระยะยืนห่างกันพอประมาณ

"ฉันไม่ได้ขอให้คุณช่วย ... เดี๋ยวฉันก็กลับมาเองได้"

"หึ ... เก่งให้ตลอดก็แล้วกัน"

เพลิงกัลป์ทำน้ำเสียงคล้ายเยาะ แล้วก้าวเดินผ่านร่างอุ่นที่เคยอยู่ในวงแขนไป เพื่อให้เธอเดินตามเขากลับไปยังโต๊ะอาหาร หากแต่ตัวเขานั่นล่ะ ที่อดยิ้มกริ่มอยู่ในหน้าไม่ได้

จะอะไรเสียอีก ... ก็คนอวดเก่งของเขา จากที่เคยหน้าซีดหน้าเซียวตอนเผชิญหน้ากับนาคินทร์ แต่พอมาตอนนี้พวงแก้มกลับซับสีระเรื่ออมชมพู ราวกับกำลังสะเทิ้นขัดเขินเขาอยู่ ... อย่างไรอย่างนั้น





ศรตฤณแทบจะถลันตัวออกไปจากจุดที่ซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ ขณะที่ใช้กล้องติดอินฟาเรดสอดส่องฝ่าความมืด โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ คิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี โฮเทล

ชายหนุ่มคิดว่า ตนเลือกทำเลแฝงตัวได้ดีพอสมควร สามารถจับพิกัดสำคัญได้หลายจุด และด้วยความสามารถของอุปกรณ์อันทันสมัย ทำให้เขามองเห็นความเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ห่างออกมาร่วม ๒๐๐ เมตร จากชายหาดฝั่งที่มีประตูทะลุออกมาได้

สายลับจำเป็นใช้เวลาเก็บข้อมูลอยู่พอสมควร กระทั่งเขาเห็นความเคลื่อนไหวที่เป็นบุคคล เดินออกมาจากตัวอาคารมาที่ระเบียงทางเดินก่อนลาดมาถึงชายหาด

ความสนใจทำให้ศรตฤณเลื่อนขยายภาพให้เห็นได้ใกล้ขึ้น แล้วจึงปรับโฟกัสเพื่อความคมชัดของภาพ

เรือนกายกำยำปรากฏในกล้อง แสงจากตัวอาคารด้านหลังแม้จะมีเพียงพอ แต่เมื่อผู้ชายที่ก้าวเดินออกมาหันหลังให้ ใบหน้าของบุรุษผู้นั้น จึงถูกเงามืดช่วยอำพราง

แต่กล้องในมือของผู้ที่แอบซุ่ม ... ก็ช่วยให้เขาเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน

ศรตฤณมองผ่านเลนส์ปรับระยะจากกล้องส่องกลางคืนอินฟาเรด เห็นชายในชุดสูทดูสูงสง่าก้าวออกมาจนพ้นประตู แต่ที่ทำให้เขาตกใจจนเกือบควบคุมสติไว้อย่างงยากเย็น คือการที่ได้เห็นหลานสาวของตนยืนคุยกับผู้ชายอันตรายอย่างนาคินทร์

มัสลินไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น !

เลือดในกายชายหนุ่มสองเชื้อชาติเหมือนจะเดือดพล่าน ความห่วงใยในสวัสดิภาพของคนในครอบครัว ทำให้เขาเริ่มลุกลี้ลุกลน สมองทำงานหนักขึ้นและคิดหาทางออกว่า ควรทำอย่างไรดี

หากที่ยังฉุดรั้งให้หนุ่มลูกครึ่งวัยสามสิบห้าให้อดกลั้นไว้ได้ คือภารกิจที่มีอยู่ เพราะถ้าเขาผลีผลามทำอะไรลงไปโดยขาดสติ ทุกอย่างจะต้องพังแน่ๆ

แม้อากาศยามค่ำริมทะเลจะไม่อบอ้าว กระแสลมพัดพาความเย็นสลับอุ่นจากนอกฝั่งเข้ามาเป็นระยะ แต่จิตใจอันร้อนรุ่มของศรตฤณที่เป็นห่วงมัสลิน ก็ทำเอาเหงื่อซึมขมับออกมาหลายเม็ดทีเดียว

แต่ยังไม่ทันที่อาหนุ่มผู้แอบซุ่มในเงามืด จะหาทางแยกหลานสาวจากอดีตคู่หูของเขาได้ ผู้ชายอีกคนก็โผล่ออกมาร่วมเลนส์อย่างรวดเร็ว

คุณเพลิงกัลป์ !

ศรตฤณเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมคนทั้งสาม ผ่านกล้องส่องทางไกลในความมืด เห็นได้ชัดว่า เจ้าของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ทำท่าขึงขังดุดันใส่มัสลิน ก่อนชายหนุ่มที่เข้ามาแทรกนั้น จะยกแขนขึ้นโอบกอดหลานสาวของเขา

เฮ้ย !

สัญชาตญาณความห่วงหวงหลานสาวของอาหนุ่ม เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ แต่นาทีนี้ศรตฤณจำต้องทำใจยอมรับว่า เพลิงกัลป์คือก้างชิ้นใหญ่ขวางลำคอนาคินทร์ ที่น่าจะให้ความปลอดภัยแก่มัสลินได้ดีที่สุด

ชายหนุ่มที่เร้นกายอยู่ห่างไกลจากสถานการณ์ล่อแหลม จึงใช้ความคิดในทางที่ดีปลอบใจตัวเองว่า เพลิงกัลป์น่าจะมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอ ... และเขาก็แค่เข้ามาช่วยหลานสาวในภาวะคับขันเท่านั้น

ไม่กี่นาทีอาจจะประมาณอึดใจใหญ่ๆ ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยมีศรตฤณมองผ่านกล้องพลางลุ้นไป ด้วยหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดสักนิด ว่ามันจะเป็นไปได้ ... ทั้งที่มันเป็นไปแล้ว คือการโคจรมาพบกันของนาคินทร์กับมัสลิน

เพราะคำพูดทีเล่นทีจริงของศรตฤณในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ย้อนคืนกลับมาวาบขึ้นในความคิด ถึงเมื่อตอนที่ออกปฏิบัติการพิเศษครั้งสุดท้ายกับอนาคิน ... คู่หูของเขาในหนนั้น


'นี่ไงลินิน ... หลานสาวของฉัน เป็นไงล่ะแอนนี่ ... น่ารักใช่ไหมล่ะ'

ศรตฤณในชื่อเรมี ซิลวานโชว์ภาพถ่ายของมัสลินในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ให้ผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และคู่หูได้ดู ก่อนที่อนาคิน เพิร์ล หรือแอนนี่ ที่เขาเรียก จะยื่นมือรับภาพถ่ายมาพิจารณา นานมากกว่าที่คู่หูต่างวัยจะเงยหน้า แล้วเอ่ยอย่างจริงจังน้ำเสียงเผยความรู้สึกจนคนฟังถึงกับอึ้งไป

'ถึงผู้หญิงคนนี้จะเป็นหลานสาวนาย และฉันก็อายุมากกว่านาย ... แต่ถ้าฉันจะบอกว่า เธอที่อยู่ในภาพกำลังทำให้ฉันตกหลุมรัก ... นายจะว่ายังไง'


อดีตนายตำรวจสากลดึงตัวเองกลับจากห้วงความคิด ที่เขายังจดจำได้ดีเสมอมา เพราะภาพถ่ายของมัสลินใบนั้น อนาคินถือวิสาสะยึดเอาไว้หน้าตาเฉย ไม่ได้ส่งคืนจนเจ้าของตัวจริงต้องเลิกทวงไปเอง

แต่ศรตฤณมีความเชื่อส่วนตัวว่า อนาคินกับมัสลิน คงไม่มีทางได้พบกันได้ เพราะหน้าที่การงานและช่วงวัย รวมถึงประเทศที่ห่างไกลกันครึ่งค่อนโลก

แล้วความเชื่อทั้งหมดทั้งมวลที่มีมา ... ก็สลายหายไปในพริบตา

ผู้เป็นอาได้แต่หวังและภาวนาว่า สิ่งที่ได้ยินจากแอนนี่ จะเป็นเพียงคำพูดพล่อยๆของผู้ชายคนหนึ่ง

ชายคนที่เขาเห็นอยู่ในเลนส์ ซึ่งกลายมาเป็นนาคินทร์ พี. เซอร์เพนท์ในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คู่ควรจะเข้าใกล้ชิดหลานสาวของเขา ...

แม้แต่เซนติเมตรเดียวก็ไม่ควร !




นาคินทร์ยืนอยู่เพียงลำพัง หลังจากเพลิงกัลป์พาสาวน้อยหน้าใสนัยน์ตาคมสวยจากไป พอนึกถึงท่าทางราวกวางสาวระวังภัย มันก็ทำให้หนุ่มใหญ่อย่างเขาถึงกับหัวเราะออกมา

"มัสลิน ... อย่างนั้นหรือ ... หึหึ"

คิงแห่งเซอร์เพนท์ที่ได้รับการกล่าวขานระบายยิ้มพอใจ อาจจะมากที่สุดนับตั้งแต่ก้าวออกจากโลกใบเก่าสีกระดำกระด่าง แล้วเหยียบย่างเข้าสู่โลกใบใหม่สีทะมึน

ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา มันทำให้เขารู้จักโลกนี้แทบในทุกมุมมอง ตั้งแต่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ ... ไปจนดำมืดแม้แสงสว่างก็มิอาจกรายกล้ำเข้ามาได้

แม้แต่องค์กรใหญ่ระดับสากล สถานที่ที่ทำให้นาคินทร์ได้เรียนรู้ ฝึกฝนและเพิ่มทักษะความชำนาญหลายด้าน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ลงทุนสร้างและสนับสนุนเขามาโดยตลอด

เพราะองค์กรคาดหวังกับผลลัพธ์ในความสามารถ จึงทุ่มเทฝึกทรัพยากรมนุษย์ให้ได้อย่างที่ต้องการ

แต่ก็นั่นล่ะ ... สำหรับผู้กุมบังเหียนคิง เซอร์เพนท์อย่างเขา จะมีอะไรดีไปกว่าการสร้างอาณาจักรที่ได้มา ให้ยิ่งใหญ่และขยายอิทธิพลออกไปให้กว้างไกล

เหมือนที่เขาตัดสินใจเลือกลาลัลเป็นศูนย์บัญชาการ ... ในการดำเนินธุรกิจทำเงินมหาศาล

ใช่ ... นาคินทร์เลือกที่จะหันหลังให้องค์กรที่ปลุกปั้นเขา เพราะไม่ต้องการอยู่ในเงื้อมเงาอำนาจของใคร ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกันไปตลอดกาลก็ตาม

"อุ้ย ... ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่า จะมีใครอยู่ตรงนี้"

เสียงอุทานตกใจคล้ายกับเป็นเรื่องบังเอิญของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ได้ทำให้ผู้บริหารร่างสูงสง่ามีปฏิกิริยาอื่นใด นอกจากยืนนิ่งอยู่เช่นเดิมสายตาเท่านั้นที่ขุ่นเข้ม สะท้อนแววของความคุกรุ่นก่อนที่จะจางไป เมื่อจำต้องพูดอะไรบางอย่างกับคนที่มารุกล้ำความเป็นส่วนตัว

"ฉันนึกว่าเธอจะทำได้ดีกว่านี้"

เหมือนนาคินทร์รู้ตัวอยู่แล้วว่า เขาจะได้พบกับเธอเพราะผลการดำเนินงานที่ดูก็รู้ว่า ... ผิดพลาด และเจ้าตัวก็ยิ่งย้ำความไม่รู้คิดให้เขายิ่งขัดเคืองขึ้นไปอีก

"แหม ... เพิร์ลก็ ..."

"อย่าเรียกฉันแบบนั้น ... มีอะไรเข้าไปคุยข้างใน"

นาคินทร์เกรี้ยวกราดขีดสุด เมื่อหญิงสาวที่เผยท่าทีออดอ้อนเย้ายวน เอ่ยชื่อที่เขาไม่ต้องการให้ใครมาเรียกอีก และถึงจะเคยให้ความสนิทสนมแนบชิดแค่ไหน ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์หากเขาไม่อนุญาต

อารมณ์แข็งกร้าวดุดันสะกดให้หญิงสาวที่อยู่ต่อหน้านิ่งงัน แล้วนาคินทร์ก็ก้าวเท้าเดินผ่านร่างของเธอไปอย่างไม่ดูดำดูดี ไม่มีแม้แต่จะรอให้อีกฝ่ายตั้งสติก่อนจะสาวเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไป




ศรตฤณซุ่มจับตาในความมืดนานเท่าใด เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เหตุการณ์ไม่คาดคิดแต่ละอย่าง ทำเอาเส้นประสาทและรูขุมขนตื่นตัว จนเกือบเป็นความตื่นเต้นเสียเอง

เรื่องที่ได้พบนาคินทร์เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้ว แต่ที่แปลกใจคือ มัสลิน ... หลานสาวของเขา ทำไมไม่บอกเล่าสักคำว่าจะมาที่นี่ ทั้งที่ตอนกลางวันก็พบกัน

ความคิดของหนุ่มสองเชื้อชาติ ทำงานไปพร้อมๆกับการเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหว ซึ่งหลังจากบริเวณหน้าหาดใกล้ประตูบานนั้น เกือบจะไม่มีอะไรให้สนใจ นอกจากชายร่างสูงที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นปั้น

แต่ก่อนที่จะละสายตาจากคนเคยรู้จัก ... และรู้ใจในการลงพื้นที่ปฏิบัติการในอดีต ศรตฤณแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า จะได้เห็นบุคคลที่ ๔ ผ่านเลนส์อีก

แสงและเงายังคงทำหน้าที่แก่กัน แต่ก็ไม่เหนือไปกว่าความสามารถของกล้องส่องกลางคืนคุณภาพสูง ... ในมือสายลับคนนี้ไปได้

และเมื่ออดีตนายตำรวจสากล ปรับโฟกัสเพื่อจะมองเห็นหน้าคนผู้นั้นให้ชัดเจน ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นผู้หญิงแน่ๆ

ทว่า .... ทันทีที่ได้คำตอบ ศรตฤณถึงกับลดกล้องส่องทางไกลลงแบบไม่ต้องพึ่งอินฟาเรด ใช้เพียงสายตาเปล่าๆมองตรงไปยังจุดที่นาคินทร์และเธอยืนอยู่ พร้อมพึมพำอย่างคนละเมอเมื่อเห็นว่า ผู้หญิงคนนั้นคือ ...

"อะไรกัน ... คุณรี่?"





ดินเนอร์สุดพิเศษในห้องอาหารของโรงแรมสุดหรู กลับดูกร่อยสนิทและจืดชืดไปถนัดใจ เพราะหนึ่งในสองคนที่ผละจากโต๊ะอาหารเร่งรัดอีกสองคนที่เหลือ ว่าสมควรแก่เวลาที่จะต้องจบมื้อค่ำแค่นี้

เวหากับรัศมิทัตเห็นหน้าเพลิงกัลป์แล้ว ก็อดที่จะหันมาสบตาเป็นคำถามแก่กันไม่ได้ ก่อนที่จะเบนสายตาไปยังมัสลินเพื่ออขอความเห็น

"พอดี ... ลินิน เอ่อ เหมือนจะมีไข้ค่ะ คุณเพลิงกัลป์เลย ... เอ่อ เห็นใจ ..."

ข้ออ้างข้างๆคูๆของมัสลิน ทำให้เพลิงกัลป์ถึงกับยกยิ้มที่มุมปาก เพราะต่างคนต่างรู้อยู่แก่ใจดีว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้างก่อนหน้านี้ ...

อะไรที่สามารถทำให้ความเก่งกล้าของ 'ยัยเด็กอวดดี' ถูกหลอมละลายมีอาการคล้ายพิษไข้กำเริบ

"ตามนั้น ... ไปกันได้แล้ว แต่ถ้ายังอยากกินลมชมทะเล ... ก็ตามใจนะ พี่จะพา ... ลินินกลับก่อน"

"เอ่อ ..."

คนบอกว่าตนมีไข้ตั้งท่าจะแย้งผู้หวังดี ที่แสดงท่าว่าเห็นอกเห็นใจเธอมากมาย หากแต่ต้องยอมจำนนด้วยเหตุผลรัดคอ จึงเงียบลงเพราะไม่อยากให้สาวรุ่นพี่กับเพื่อนสนิทต้องเป็นห่วง ... หรือสงสัย

แต่ก็คงไม่ทันเวหาที่กำลังจ้องแก้มระเรื่อจนเกือบแดงของมัสลิน สิ่งที่เห็นทำให้เธอเริ่มเชื่อและบ่นพี่ชายของตนเองตรงๆ

"อะไรกัน ... หายกันไปตั้งนาน แล้วพอกลับมา ลินินก็เป็นไข้ ... อย่าบอกนะพี่ไฟพาน้องไปตากลมทะเลจนไม่สบาย"

"พี่ฟ้าคะ ... คือ ... ลินินหลงทางน่ะค่ะ หาทางกลับมาที่นี่ไม่ได้ ... แล้วก็ไปเจอ ... เอ่อ ... ประตูออกไปชมวิวหน้าหาดค่ะ"

มัสลินเลี่ยงการพูดถึงบุรุษผู้ทรงอิทธิพลเหนือสถานที่แห่งนี้ เนื่องจากเกรงว่า อาจมีคำถามตามมาอีกมากมาย ... และเป็นอีกครั้งที่เพลิงกัลป์แทรกเข้ามาได้จังหวะ ... ซึ่งถ้าทำได้หญิงสาวอยากหาอะไรมาปิดปากนั่น ไม่ให้ต้องพูดประโยคสุดท้ายเลยดีกว่า

"อย่าเพิ่งซักไซ้เลยฟ้า ... ดูสิ ท่าทางจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว พี่ขี้เกียจอุ้มเด็กนะ"

"ถ้างั้น ... แยกกันตรงนี้ เดี๋ยวฟ้าจัดการทุกอย่าง แล้วเจอกันที่รู้คค่ะ"

เพลิงกัลป์พยักหน้าปรายตามองมัสลินก่อนจะออกเดินนำ เป็นการบังคับกรายๆว่า ให้เธอก้าวตามเขามาทันที

ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินมาถึงโฟร์วีลคันใหญ่ แม้เพลิงกัลป์จะคลายล็อกทั้งสองด้านแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขึ้นไปนั่งทันที กลับหันร่างสูงมาเผชิญหน้าเพราะมีเรื่องอยากถามมัสลินให้กระจ่าง

"ทำไมเธอไม่บอกฟ้า หรือนายทัต ไปตามตรง ... เธอคิดอะไรอยู่กันแน่"

"ฉันไม่อยากให้มันมีเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย ... เพราะฉันอีก"

"รู้ตัวเหมือนกันนี่"

ชายหนุ่มพลั้งปากตอกย้ำสิ่งที่เธอกำลังรู้สึก แต่ก็ไม่ได้คิดจะแก้ไขคำพูด เขาเลือกที่จะปล่อยให้มันเลยตามเลย

"ค่ะ ... ขอโทษคุณ และก็ ขอบคุณนะคะ"

เป็นครั้งแรกที่เพลิงกัลป์ได้ยินคำที่เขาอยากฟัง จากปากคนอวดเก่งวาจาคมกล้าอย่างมัสลิน และความที่ต้องการเห็นว่า ขณะพูดเธอยังคงไว้ซึ่งความอวดดื้อถือดีเจ้าพยศ หรือทำอย่างเสียไม่ได้เพียงเอ่ยไปตามมารยาท

ระดับความสูงของท่านประธานรู้คทำให้ต้องก้มลงมอง แล้วก็สมดังใจคิดเมื่อเธอแหงนเงยมองเขาอยู่ก่อน แต่ที่เขาคาดคิดมันกลับไม่เป็นดังนั้นเลยสักกะผีก .... สิ่งที่ได้เห็นเต็มสองตาคือ

มัสลินยืนกอดอกแน่นบ่าบอบบางไหวระริก เหมือนคนเจ็บไข้หนาวสั่น นันย์ตาคมสวยที่เคยวาววับกลับรื้นหยาดน้ำท่วมกลบ ริมฝีปากที่เคยแต่งแต้มสีสันอ่อนบางสดใสก็ซีดเผือด ก่อนที่เธอจะเม้มมันแน่นอย่างระงับอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างไว้

พอเธอคลายมันเพื่อเอ่ยคำพูด คำที่เขาอย่างฟังและได้ฟังไปแล้ว ก็หวนทวนช้าๆชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง ...

"ขอโทษ และ ... ขอบคุณ ... ค่ะ"

หากแต่เป็นน้ำเสียงที่แผ่วเบาเหลือเกินในความรู้สึกของเขา แล้วค่อยแปรเป็นความหนักอึ้งทั้งหัวใจ เมื่อร่างบอบบางในชุดสีครีมทรุดฮวบลงต่อหน้าต่อตา

"มัส ... ลินิน!"











*******************************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับไลค์กำลังใจฮะ


คุณkaelek : ท่าทางจะเป็นยิ่งกว่าคู่แข่งแล้วมั้งฮะ ... ส่วนอาป่านก็ได้แต่ทำงานของอา .. ต่อไป เหอๆ // ขอบคุณ คุณkaelek ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ย. 2558, 08:59:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ย. 2558, 08:59:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1088





<< ใยเส้นที่ 23 .. เหนือการควบคุม   ใยเส้นที่ 25 .. ความทรงจำ ไม่เคยเลือนหาย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account