~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 25 .. ความทรงจำ ไม่เคยเลือนหาย




มัสลินไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า ขณะนี้สติสัมปชัญญะยังมีอยู่ครบถ้วน หรือกำลังล่องลอยในความฝันกันแน่ แต่ที่รับรู้ได้คือ ความรู้สึกปวดตึงหว่างหัวคิ้วจนต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้กดคลึงเบาๆ หวังให้อาการนั้นทุเลาลง

พอทำไปสักครู่ก็ระลึกได้ว่า เธอตื่นแล้วเพียงแต่ลืมตาไม่ขึ้น และพอพลิกกายจะยันตัวลุกจากที่นอน ก็เหมือนมีบางสิ่งถ่วงร่างให้หนักอึ้ง ไม่สามารถขยับเขยื้อนอย่างใจคิด

ทุกอย่างหมุนติ้วไปหมดทั้งๆที่หญิงสาวรู้ตัวว่านอนอยู่ ... แต่พอค่อยๆเผยอเปลือกตาทีละน้อย จนปรับสายตาได้แล้วกลับพบเพดานสีขาวมอขนานกับตัวของเธอ

มัสลินหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมขึ้นมาใหม่ ภาพที่เห็นยังคงเป็นเพดานสีเดิม เธอกลอกตาไปมาเพิ่มรัศมีการมองให้กว้างอีกนิด เพราะอาการวิงเวียนจนรู้สึกโคลงเคลงยังคงอยู่ไม่หายไปไหน

ปลายหางตามีบางสิ่งกำลังหมุนช้าๆ เธอพยายามตะแคงใบหน้าไปทางนั้น มองให้แน่ชัดว่า สิ่งรบกวนนั่นมันคืออะไร

พัดลมเพดาน !

ที่ไหนกันยังใช้พัดลมเพดานใบพัดแบบเก่าเช่นนี้ ... ครั้งสุดท้ายที่เคยเห็นถ้าไม่ใช่โรงเรียน ก็ต้องเป็นศาลาการเปรียญโน่นแน่ะ

มัคคุเทศก์สาวใช้ความคิดได้ไม่นาน ก็พานเลิกไปดื้อๆ เพราะกลิ่นบางเบาที่มีลักษณะเฉพาะ ค่อยๆลอยอวลมากระทบจมูก ก็ทำให้พอจะคิดออกแล้วว่า บรรยากาศแบบนี้คือ ... โรงพยาบาล

เธอเป็นอะไรไป ถึงต้องมานอนที่นี่ ?

มัสลินหลับตาลง ในใจค้านกันหนักหน่วง ... เหตุใดจึงอ่อนแอเหลือเกิน

มันต้องมีสาเหตุสิ ... สาเหตุที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่ ในเวลานี้ ... เวลาไหน?

คราวนี้หญิงสาวลืมตาโพลง เหมือนลืมอะไรที่สำคัญไป แม้อยากจะลุกนั่ง เธอก็ไม่สามารถฝืนสภาพที่เป็นอยู่ไหว ทำได้ก็เพียงกวาดสายตาไปรอบๆ ทั้งที่ใบหน้ายังตะแคงมาทางฟากที่มีพัดลมเพดานหมุนช้าๆ

มัสลินสูดลมหายใจลึกเข้าปอด หวังว่าจะสามารถทนต่ออาการมึนงงได้สักนิด เปลี่ยนอิริยาบถให้ใบหน้ากลับมามองตรงอีกครั้ง ก่อนที่จะตะแคงไปด้านตรงข้าม เพื่อสำรวจให้ทั่วแม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้างก็ตาม

พอหันมาได้เธอก็ต้องหลับตาลง รู้สึกรำคาญกับอาการหมุนติ้วๆในหัว ทั้งที่ไม่ได้ลุกหรือขยับมากมายอะไร จนคิดว่าดีขึ้นจึงลืมตา หวังว่าจะได้พบใครสักคน

แต่กลับพบว่า ในห้องนี้ว่าง ร้างผู้คน มีเพียงแค่เธอ ... คนเดียว

แวบแรกมัสลินหวนนึกถึงช่วงเวลาและเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้ ... หากคนที่นอนเดียวดายอยู่บนเตียงสีขาว คือ แม่ของเธอ

โรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์และการพยาบาลที่จัดว่า ไม่ด้อยไปกว่าใครส่งรถมารับตัวแม่ จากบ้านมาเข้ารับการรักษา

ตอนนั้นมัสลินจำได้ดีว่า เธอติดงานออกทริปต่างจังหวัด จึงไม่รู้เรื่องเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับแม่ กระทั่งกลับมาถึงบ้านพบผู้หญิงคนหนึ่งที่นายทอทิวส่งมา

ผู้หญิงของพ่อ !

หญิงสาวหยุดความคิดแค่ตรงนี้ ... เพราะหลังจากทราบว่าแม่อยู่ที่ไหน เธอก็ไปหาทันที แต่มันสายไปเสียแล้ว

มัสลินดึงสายตากลับมาจ้องมองเพดานสีขาวมอ บังคับไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

หากยังมีสิ่งที่เธอไม่อาจห้ามได้ ...

สิ่งนั้นมันกำลังไหลเป็นทางจากหางตา หยดหายไปในกลุ่มเส้นผมที่หลุดลุ่ย สยายบนหมอนสีขาวสะอาด อย่างไม่อาจหักห้ามหรือสกัดกลั้น

"ร้องไห้ทำไม"

เสียงถามห้วนดังขึ้นอย่างไม่รู้ที่มา ทำให้มัสลินต้องกะพริบตาถี่ๆ ทางหนึ่งคือการไล่หยาดน้ำที่เอ่อรื้นคลอหน่วย ไม่ให้มันกลิ้งตกลงมาอีก

กับอีกทางคือ กำลังงุนงงสงสัยว่า ทำไมเมื่อครู่เธอจึงไม่เห็นใคร กระทั่งเสียงของใครบางคนดังขึ้นให้รู้ตัว

ใครบางคนที่มัสลินรู้ดีว่า ... เขาคือใคร ...

เพลิงกัลป์!

"ฉันถาม ... ร้องไห้ทำไม หรือว่า ... หิว"

"จะบ้าเหรอคุณ"

มัสลินหันขวับไปทางคนกวนประสาท ที่จู่ๆก็บอกมาได้ว่า เธอร้องไห้เพราะ ... หิว

แต่นึกอีกที เธอกลับต้องยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วหันหน้าหนีไม่ให้เขาเห็นว่า ... เธอกำลังหัวเราะ

แล้วหญิงสาวก็ได้คิดว่า เธอสามารถสลัดเรื่องราวในอดีตที่ไม่อยากจดจำไปได้ ส่วนหนึ่งคงต้องยกประโยชน์ให้นายหัวคนสำคัญของรู้คนี่ล่ะ

ร่างสมส่วนในชุดคนป่วยของโรงพยาบาลประจำเกาะลาลัล ตะแคงข้างขดตัวงอ สั่นสะท้านเบาๆแต่คนที่เฝ้ามองอย่างเพลิงกัลป์ ก็ยังรับรู้ได้ว่า มันไม่ปกติ

"เป็นอะไรหรือเปล่า ... ด่าคนอื่นเสียงแหว แล้วไปงอก่องอขิงอย่างนั้น ท่าจะไม่ดีเท่าไรนะ ให้ตามหมอมาไหม"

"แค่กๆ ... เอ่อ ไม่ค่ะ ... ไม่ต้อง ไม่เป็นไร แค่มึน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ... ค่ะ"

มัสลินกระแอมเหมือนคนสำลักและไอในคราวเดียวกัน แต่เธอยังอุตส่าห์ตอบให้ชายหนุ่มที่ถามด้วยความหวังดีรับรู้

ใครจะกล้าบอกเขาล่ะว่า เธอกำลังขำจนหายใจไม่ออก

"แค่กๆ ... แฮ่ม ..."

"เห็นหลับไปสักพัก ตื่นมาอาการแย่แบบนี้ ฉันว่า ฉันไปตามพยาบาลมาดูเธอก่อนดีกว่า"

เพลิงกัลป์ว่าแล้วก็ผลุนผลันก้าวไปที่ประตู แล้วเปิดมันก่อนจะเดินออกไป ไม่ได้ฟังเสียงมัสลินที่ออกปากอย่างยากลำบากว่า

"คุณไฟ ... ฉัน ไม่ ..."

... ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ... แค่ขำคุณเฉยๆ

และก็น่าแปลกตรง ... พอมัสลินหันกลับ มองไปยังประตูบานนั้น เธอมีรู้สึกว่า ความเศร้าซึมหดหู่ตอนที่คิดถึงความทรงจำเลวร้าย มันเลือนหายไปเป็นปลิดทิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ





เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประตูด้านหน้าของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ยกไม้กั้นขึ้นเปิดทางให้รถโฟร์วีลสีดำคันคุ้นเคยผ่านเข้ามา แล้วปิดมันลงตามเดิมหลังจากดูแลหน้าที่เรียบร้อย แม้จะเป็นเวลากว่า ๓ นาฬิกา แต่ก็ยังทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง

เว้นเสียแต่ว่า หากใครได้เห็นสีหน้าของ รปภ.คนนี้ ที่แสดงออกมา เชื่อว่า คนๆนั้นอาจจะได้ยินเรื่อง 'ก็อซซิป' ชั้นดี ที่มีแต่คน 'วงใน' ที่รู้ก็ได้

แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลิงกัลป์ เพราะทันทีที่กลับมาถึงอาณาจักรของตนเอง สิ่งแรกที่เขาทำคือ ติดต่อเวหา น้องสาวของเขาทันที

"ฟ้า ... พี่มาถึงแล้ว"

หลังจากปลายสายรับทราบ เขาก็ตัดสัญญาณโทรศัพท์ไม่รีรอ ปรายสายตามาทางผู้โดยสารที่นั่งศีรษะซบเบาะหลับเพราะฤทธิ์ยา แล้วหันมาทั้งตัวมองให้เต็มตา ถอนหายใจยาวราวกับระอาอย่างเหลือเกิน

"ยัยเด็กดื้อ ... แทนที่จะนอนโรพยาบาลให้หาย นี่ถ้าเป็นอะไรมากกว่านี้ ฉันไม่รับผิดชอบนะ ... บอกก่อน"

เพลิงกัลป์ปรารภเบาๆ เนื่องจากเกรงว่ามัสลินจะตื่นขึ้นมาได้ยินคำบ่นของเขา แต่ใครจะรู้ใจเขาดีไปกว่าตนเองว่า ความรู้สึกบางอย่างได้ทลายลงไป พร้อมๆกับมีบางสิ่งแทรกซึมเข้ามาแทนที่ ซึ่งเขาไม่อยากจะยอมรับมันเลย

กระทั่ง ... เขาเดินออกจากห้องน้ำ เห็นมัสลินร้องไห้อย่างไม่ทราบสาเหตุ

หญิงสาวที่เมื่อแรกพบ ภาพจำคือความเปรี้ยวซ่าก๋ากั่น แถมปากกล้าจนไม่ได้มีความน่ารักให้เห็น

ยิ่งชายหนุ่มนำไปเปรียบเทียบกับพายพัด น้องสาวของเพื่อนรักอย่างฉัททันต์ ก็ยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน ไม่ว่าจะการแต่งเนื้อแต่งตัว บุคลิกมาดมั่น คำพูดคำจา ล้วนแล้วแต่สร้างความประทับใจในทางลบแก่เพลิงกัลป์แทบทุกด้าน

ชนิดที่เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พายพัดผู้น่ารักและอ่อนหวานในสายตาของเขา จะมาสนิทสนมเป็นเพื่อนรักของมัสลินได้

และต่อให้ผ่านมานานแค่ไหน นับแต่พวกเธอยังเป็นนักศึกษา หรือว่าเรียนจบ เข้าสู่สังคมคนทำงานเต็มตัว

ไม่มีเลยสักครั้งที่เขาและเธอ จะมีท่าทีเป็นมิตรต่อกัน ... ทำไม?

เพลิงกัลป์ประหลาดใจตัวเองไม่น้อย ที่ยังจดจำเรื่องราวครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี

คงอย่างที่เขาว่ากันว่า คนเรามักไม่ค่อยลืมเรื่องไม่น่าประทับใจ และมันจะยังคงอยู่รบกวนจิตใจเราไปอีกนาน หากว่า ยังพบเจอตัวต้นเหตุอยู่เนืองๆ

นั่นสิ ... ก็ในเมื่อเขามีธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท ให้บริการเกี่ยวกับที่พักและอื่นๆ ... ส่วนเธอก็อยู่ในแวดวงการท่องเที่ยว

แล้วจะให้หนีหน้า ไม่ต้องพบเจอกันได้อย่างไร

เพลิงกัลป์ไล่สายตาพิจารณาเสี้ยวหน้าด้านข้าง ดวงหน้าเนียนใสมีปอยผมระข้างแก้ม จนเขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือหมายจะเกลี่ยให้ เพราะเกรงว่าเธอจะรำคาญ

ปลายนิ้วมือห่างจากเส้นผมที่ระแก้มไม่ถึง ๒ เซนติเมตร ชายหนุ่มก็ต้องชะงักแปรเปลี่ยนเป็นรวบกำมือ ดึงกลับคืนมายกค้างไว้ระดับอก ก่อนจะหันกายให้ตรงตำแหน่งสารถี แล้วปลดล็อกรถโฟร์วีลแทน

เพราะรับรู้การเคลื่อนไหวได้จากหางตา ทำให้เพลิงกัลป์ชำเลืองไปทางขวาทันใด แล้วเขาก็ทันเห็นเวหาเดินมาพร้อมกับรัศมิทัตพอดี






ศรตฤณกลับมาถึงที่พักราวๆตี ๔ สีหน้าอิดโรยเล็กน้อย แต่ที่มีมากกว่าคือความเคร่งเครียดและกังวล เพราะไม่คิดว่า การแอบเข้าไปหาข้อมูลในครั้งนี้ จะได้พบสิ่งที่ไม่คาดฝันหลายเรื่องจริงๆ

ชายหนุ่มปลดย่ามสีดำที่สะพายอยู่ออกจากตัว โยนมันกองบนที่นอนก่อนจะหันหลังนั่งลงข้างกัน แล้วเงยหน้ามองฝ้าเพดานถอนหายใจแรงอย่างไม่รู้ว่า จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้

ความคิดวกวนไหลเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย จนทำให้สายลับจำเป็นเอนหลังทิ้งร่างนอนขวางเตียง ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากเพราะคิดไม่ตก

อนาคิน ... ไม่สิ นาคินทร์ กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ... แล้วคุณรี่ทำไมจึงไปอยู่ที่นั่น ในเวลานั้น ?

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ศรตฤณต้องหาคำตอบต่อไป ว่าเจ้าของร้านอาหารขึ้นชื่ออย่างสรัลรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายใหญ่แห่งคิง เซอร์เพนท์อย่างไร

แต่เขาเชื่อแน่ว่า การพบกันของสองคนนั้น ... มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ไหนจะมัสลิน ... หลานสาวของเขา? คำถามนี้ผุดขึ้นมาทันที

ศรตฤณเด้งตัวเองลุกจากการนอนเค้เก้ นั่งค้อมตัวเท้าศอกบนหน้าขา มือทั้งสองกุมปิดใบหน้าตนเอง พลางนึกถึงสิ่งที่ชวนให้หวาดหวั่น เกรงว่ามันจะเป็นจริง

ถ้านาคินทร์ยังไม่ลืมสิ่งที่เคยพูดล่ะ ... คนอย่างแอนนี่ที่อดีตนายตำรวจสากลผู้เป็นคู่หูรู้จักดี คือ คนที่ต้องทำตามคำพูดของตนให้สำเร็จ ต่อให้ยากเย็นเพียงใดก็ตาม

ชายหนุ่มสองเชื้อชาติเงยหน้า มองตรงไปอย่างไร้จุดหมาย พยายามคิดในแง่ดี แบบเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนว่า เขาคงคิดมากไปเอง

เป็นอีกครั้งที่ศรตฤณต้องระบายลมหายใจหน่วงอกทิ้งไป แค่เรื่องที่เขาทำอยู่นี้ก็เสี่ยงมากพออยู่แล้ว มันจะแย่สักแค่ไหน ถ้าหากต้องมีคนที่ไม่เกี่ยวข้อง หลุดเข้ามาในวงโคจรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอีก

โดยเฉพาะคนๆนั้นคือ หลานสาวคนเดียวของเขา

เสียงกุกกักด้านนอกแถวหน้าประตูห้อง ทำให้ประสาทรับรู้ของศรตฤณตื่นตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มละความคิดทั้งมวลพักไว้ก่อน ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ค่อยสืบเท้ามาทางต้นเสียงอย่างเงียบเชียบที่สุด

ขณะที่ยื่นมือมายังลูกบิดประตู เขาก็เห็นว่าตัวล็อกถูกคลายก่อนที่จะได้สัมผัสมัน กระทั่งบานประตูถูกเปิดและดันให้กว้างขึ้น เผยร่างอรชรของคนที่คิดว่าจะไม่ได้เจอกันสองสามวันอย่างที่เคยเปรยไว้

"งาม!"

ศรตฤณอุทานชื่อของเพชรงามเบาๆระคนแปลกใจ ไม่ใช่เพราะเธอมาหาไม่เป็นเวล่ำเวลา สภาพภายนอกนี่ต่างหากที่ชวนให้อยากรู้ว่า คนที่มักจะดูแลรูปลักษณ์ให้สวยงามอยู่ตลอด เหตุใดจึงเลอะเทอะเปรอะเปื้อนดินโคลนเช่นนี้

"ให้งามเข้าไปก่อนเถอะค่ะ"

คำขอร้องเจืออาการหอบบอกให้เขาทราบทันทีว่า ควรทำอย่างไรมากกว่าจะมาเสียเวลาซักไซ้อยู่หน้าประตู

ชายหนุ่มคว้าต้นแขนกลมกลึงเปื้อนดินอย่างไม่รังเกียจ รั้งเธอเข้ามาประชิดแล้วก็ชะโงกหน้าออกไปสังเกตภายนอก ก่อนจะถอยห่างเพื่อปิดประตูล็อกให้มั่นใจว่า ไม่มีใครสามารถบุกรุกเข้ามาถึงตัวได้ง่าย

เมื่อหันกลับมาศรตฤณก็เห็นเพชรงามยืนกอดอกเนื้อตัวสั่นเทา เนื้อตัวมอมแมมและเปียกชื้นอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ เขาจึงก้าวเข้ามาหาโอบไหล่เบาๆ พาเดินไปทางห้องน้ำโดยไม่เอ่ยปากถามในสิ่งที่สงสัย

เพชรงามแหงนหน้ามองใบหน้าคมคายแต่ก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน เขาพาไปทางไหนเธอก็ไปทางนั้น เขาจะทำอะไร ก็สุดแท้แต่เขาแล้วตอนนี้

สายน้ำจากฝักบัวไหลรดตั้งแต่ศีรษะผ่านใบหน้า ระเสื้อผ้าที่เปรอะอยู่แล้วให้เปียกปอน ด้วยเจตนาของศรตฤณคือ ต้องการชะล้างคราบสิ่งสกปรกที่ติดมากับเสื้อผ้าให้หมดเสียก่อน

"หนาวไหม"

น้ำเสียงอ่อนโยนถามอาทรทำให้หญิงสาวที่ร่างกำลังสั่นน้อยๆ เงยหน้าสบตาเขา แล้วตอบคำถามกึ่งเล่นกึ่งเร้า เหมือนทุกอย่างยังเป็นปกติ

"งามรู้ ... ว่าเดี๋ยวงามก็จะอุ่นขึ้น"

ท่ามกลางความเปียกชื้นของเสื้อผ้า และฉ่ำเย็นของสายน้ำจากฝักบัวนั้น ไม่อาจก่อเกิดอาการสั่นสะท้านได้เท่ากับ อารมณ์และความรู้สึกเร่าร้อนจากคำพูดของหญิงสาวได้เลย

เพียงแต่ว่าคราวนี้ ศรตฤณต้องระงับยับยั้งความปรารถนาที่ถูกปลุกจากคนตรงหน้า การหักห้ามใจที่สุดแสนจะทรมาน ย่อมดีกว่าจะปล่อยผ่านเรื่องที่คาใจมากมายนัก

"อย่ามายั่วผม ... งาม วันนี้ผมเหนื่อย ... และ เราต้องคุยกัน"

เพชรงามแสร้งนิ่วหน้าหากอมยิ้มนิดๆ ขยับกายเข้าหาชายหนุ่ม จนเป็นเบียดเสียด ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้าง โอบรอบลำคอโน้มจนใบหน้าของเขาก้มต่ำลง ไม่ยอมให้เขาได้ซักถามอะไรด้วยการประกบจุมพิตแนบแน่น ... เย้ายวน

ศรตฤณเข้าใจในนาทีนี้แล้วว่า เพชรงาม ไม่ใช่เพชรงามที่เป็นแค่เลขาฯคนหนึ่งเท่านั้น ... แล้วเธอเป็นใครกันแน่?

"ผมเคยเจอ ... ผู้หญิงคล้ายๆแบบคุณมาก่อน"

ชายหนุ่มเอ่ยแฝงนัยยะขึ้นเมื่อมีโอกาส เพราะหญิงสาวเพิ่งถอนจุมพิตดูดดื่มลึกซึ้ง เปลี่ยนมาคลอเคลียแค่ริมฝีปากอย่างต้องการเร้าให้อารมณ์ของเขากระเจิดกระเจิง

และมันก็ได้ผล ... คำพูดเหล่านั้นหยุดกิริยาเชิญชวนได้ชะงัด

"หมายความว่ายังไงคะ"

คำถามราวหญิงสาวไร้เดียงสาของเพชรงาม กับการชม้ายสายตาเหลือบมอง ถ่ายทอดความรู้สึกล้นปรี่ไม่ปิดบัง ซึ่งพอศรตฤณเห็นดังนั้น กลับเป็นเขาที่ชักจะหวั่นไหว ... ไม่มั่นใจเสียเอง

ความลังเลในอารมณ์เบื้องลึกสั่นคลอนความคิด และการไตร่ตรองที่เฉียบคมไม่น้อย แต่ชายหนุ่มก็ยังพยายามที่จะหนักแน่น ไม่โอนอ่อนตามมัน จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง

"คุณอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อน ... ผมจะออกไปรอข้างนอก"

ว่าแล้วก็ผละจากเรือนร่างอวบอิ่ม ที่เขารู้ดีว่ายามซบซุกนั้น ... อบอุ่นและหอมหวานชวนหวามไหว จนเลือดหนุ่มในกายเดือดพล่านปานใด





กลิ่นหอมยั่วน้ำลายลอยอ้อยอิ่งนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่มันก็ช่วยปลุกใครบางคนที่ยังซึมเซา ให้สามารถขยับกายไปมาบนที่นอนหนานุ่มได้เป็นอย่างดี

มัสลินหายใจลึกเข้าปอด สูดรับเอาความหอมกรุ่นจากอะไรบางอย่าง ที่เธอคิดว่ามันจะต้องน่ากินและอร่อยมากๆ ... มากจนต้องลืมตาแล้วมองหาที่มาของมัน

"ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ ... คนป่วย"

คำทักทายอย่างสนิทสนมเอ็นดู ทำให้มัสลินต้องรีบเหลียวหาทันที ราวกับร่างกายลืมเลือนอาการวิงเวียนที่เคยมีไปหมดสิ้น

"พี่ฟ้า ..."

หญิงสาวคราวชื่อเสียงแผ่ว ดูเหมือนว่าสุ้มเสียงจะแหบแห้งกว่าที่เคย จนเจ้าของชื่อที่เธอเรียกก็รู้สึกถึงความผิดปกตินั้น

"ดื่มน้ำก่อนมั้ย ... ตั้งแต่กลับมาถึง ลินินก็หลับยาวเลย ท่าทางยาที่คุณหมอให้คงจะแรงเอาการ"

"ก็ดีค่ะ"

เวหายิ้มกับคำตอบที่เธอเดาไม่ถูกว่า มัสลินหมายถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือทั้งสองเรื่อง ดังนั้น ในฐานะรุ่นพี่ที่ดูแลรับผิดชอบรุ่นน้อง จึงไม่ปล่อยให้พลาดไปสักเรื่อง

"นี่จ้ะ น้ำส้มคั้นสดๆ ... ค่อยๆดื่มนะ จะได้สดชื่น ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืนนี่นา ... นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว"

"อะไรนะคะ ... ลินินหลับนานขนาดนั้นเชียว"

มัสลินชะงักถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขณะขยับตัวยันกายลุกจากที่นอน กอปรกับยังงุนงงสับสนนิดหน่อยว่า เธอหลับแล้วฝันว่า ได้ไปโรงพยาบาล หรือ มันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะตอนนี้รอบกายของเธอ คือห้องพักที่ รู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ... ห้องของเธอ

"ก็ ... ลินินไข้ขึ้น ... นี่ลินินจำอะไรไม่ได้เลยหรือจ๊ะ"

เวหาเกือบหลุดปากเรื่องที่เพลิงกัลป์เน้นย้ำบางอย่างไว้ จึงบอกเล่าเท่าที่จำเป็น แม้จะสงสัยในพฤติกรรมของพี่ชายอยู่บ้าง แต่พอเขาบอกเหตุผลมา คนเป็นน้องสาวและรุ่นพี่ถึงกับกุมขมับตัวเองทันที

'พี่ขี้เกียจทะเลาะกับเด็ก'

คนกลางอย่างเวหาเลยได้แต่ทำตาม เพาะรู้ดีอยู่แล้วว่า เพลิงกัลป์กับมัสลินนั้น ... ขิงก็รา ข่าก็แรง ดีๆนี่เอง

"พอจะจำได้ว่า ... ลินินไปโรงพยาบาล ... แต่ไม่แน่ใจค่ะ มันมึนๆเบลอๆ ... แล้วพอตื่นก็อยู่ห้องตัวเอง ลินินคงฝันไปมั้งคะ ... เพราะฝันเห็นแม่ด้วย"

คนป่วยลำดับเหตุการณ์เท่าที่พอจะจำได้ให้สาวรุ่นพี่ฟัง โดยหารู้ไม่ว่า เวหาแทบจะแล่นออกไปข้างนอก ... ไปพบพี่ชายตัวดีทันที

"แล้วที่เป็นลม?"

"คะ?"

มัสลินเอียงคอมองในมือประคองแก้วน้ำส้มที่รับจากเวหา ไม่ทันได้จิบแก้คอแห้ง ก็เพราะคำถามของรุ่นพี่ทำให้เธอสงสัย

"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ... พอดีพี่ไฟ เรียกให้พี่มารับลินินเข้าห้องน่ะ ... พี่กับ ... เอ่อ ก็เลยมาช่วยพยาบาลต่อ เห็นว่าหลับสนิทเลยให้พักผ่อน"

"อ๋อ ... ค่ะ ขอบคุณพี่ฟ้ามากค่ะ ได้พี่ฟ้าช่วยดูแลลินินอีกแล้ว ... คราวก่อนก็ทีหนึ่ง ... ลินินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระคนอื่นยังไงไม่ก็รู้ค่ะ"

หญิงสาวเอ่ยขอบคุณ ด้วยความรู้สึกเกรงใจอย่างที่พูดออกไปจริงๆ พานให้นึกตำหนิตนเองที่สะเพร่า แถมยังอ่อนแอดูแลตัวเองไม่ได้อีก

“อย่าพูดแบบนั้นสิจ๊ะ ... ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอก เชื่อพี่สิ ... เอาล่ะ ดื่มน้ำส้มให้หมด แล้วกินโจ๊กขิงร้อนๆนะ ค่อยกินยาหลังอาหาร พักผ่อนมากๆ ... พี่ไม่กวนแล้ว มีอะไรก็กดศูนย์หาพี่ได้ทันที ... รู้ใช่ไหม”

เวหาตัดบทไม่อยากให้มัสลินคิดฟุ้งซ่านกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ความห่วงใยที่เธอมีให้นั้น ให้อย่างจริงใจมากกว่าจะต้องให้สาวรุ่นน้องมาคอยติเตียนตน หรือต้องคอยขอบอกขอบใจกันวุ่นวาย

ผู้จัดการฝ่ายต้อนรับส่วนหน้าของรู้คเห็นว่า คนป่วยท่าทางฟื้นไข้มากแล้ว แต่ควรพักผ่อนต่ออีกหน่อย เธอจึงคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายบำรุงตัวเอง ด้วยอาหารที่จัดเตรียมไว้กับยาหลังอาหารที่วางข้างกัน ก่อนจะขอตัวออกไปทำงาน

มัสลินมองตามแผ่นหลังรุ่นพี่ผู้คล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างซาบซึ้ง เธอยิ้มรับรอยยิ้มสุดท้ายที่เวหาส่งให้ก่อนปิดประตูห้อง ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง

หญิงสาวยกแก้วน้ำส้มที่ถืออยู่ขึ้นจิบทีละน้อย ความเปรี้ยวนิดๆอมหวานหน่อยๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นจริงๆ

ความกระหายน้ำทำให้เธอดื่มน้ำส้มคั้นรวดเดียวหมดแก้ว และความหิวที่เธอยอมรับว่า หลงเหลือมาจากเมื่อคืน ก็ทำให้ต้องเบนสายตามาที่ถ้วยโจ๊กอย่างหมายมาด

แต่สายตาของมัสลินกลับมาสะดุดกับซองยาที่วางใกล้กัน ความแปลกใจที่มีกระตุ้นให้เธอเอื้อมมือไปหยิบมามาดู มากกว่าถ้วยโจ๊กเสียอีก

โรงพยาบาลอำเภอลาลัล ?

ฉลากแปะซองยาบอกถึงสถานพยาบาล ชื่อยา และสรรพคุณ รวมถึงข้อสำคัญต่างๆในการใช้ยาอย่างครบถ้วน

ทว่า สิ่งที่ช่วยยืนยันให้มัสลินมั่นใจว่า เรื่องที่เธอคิดเมื่อคืน ... เรื่องที่คิดว่าเป็นความฝันที่โรงพยาบาล ล้วนเกิดขึ้นจริง ... เป็นความจริง

นั่นก็คือ ชื่อสกุลที่ถูกต้องของเธอ และหมายเลขประจำตัวคนไข้ของโรงพยาบาล บนฉลากหน้าซองยานี่เอง

มัคคุเทศก์สาวที่ยังมีอาการเรื้อไข้ เริ่มทบทวนความทรงจำอันรางเลือน นับตั้งแต่ก้าวเท้าพ้นล็อบบี้ของ คิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี โฮเทล ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

ไข้ที่สร่างและอาการที่ดีขึ้นตอนคุยกับเวหา ดูเหมือนว่ามันกำลังจะหวนคืนก็คราวนี้ จังหวะตุบๆก้องในหัว ความร้อนกลุ้มรุมจนรู้สึกถึงกระไอผะผ่าวจากลมหายใจ

ลมหายใจร้อนผ่าวไม่ต่างกัน ... ที่แผ่วผ่านผิวหน้า ในบางขณะของความฝัน ?

มัสลินไม่ค่อยแน่ใจนักว่า ช่วงเวลาที่ขาดหายไประหว่างนี้ เธอทำอะไร ... หรือใครที่ทำอะไรบ้าง

ความสับสนปนเปจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ ทำให้หญิงสาวย้อนกลับไปคิดถึงแม่ ... ถึงโรงพยาบาล อีกครั้ง

นั่นอาจเป็นสิ่งเดียวที่พอจะจำได้เลาๆ ... กับความอบอุ่นและอ่อนโยนจากอ้อมกอดของใครบางคน

อ้อมกอดที่เธอไม่เคยได้รับสัมผัสเช่นนั้นมาก่อน ... ในชีวิต












*********************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอขอบคุณสำหรับไลค์กำลังใจฮะ ^^



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ย. 2558, 11:11:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ย. 2558, 11:11:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1383





<< ใยเส้นที่ 24 .. กระดูกชิ้นโต   ใยเส้นที่ 26 .. สายใยเริ่มถักทอ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account