ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 14 ครึ่งแรก

ตอนที่ 14

ธามินตื่นมาด้วยความสดชื่นในวันต่อมา ชีคชามีลมาคุยกับเขาเรื่องที่ให้คนนอกรู้ได้และที่ไม่ควรรู้ รวมทั้งการตอบแทบก่อนจะเดินทางกลับเมืองหลวง การเคลื่อนย้ายธามินเกิดขึ้นในตอนสายซึ่งใช้เวลาเดินไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย ดิฮ์ยากับมาลิคเป็นคนดูแลจนกระทั่งเครื่องบินเล็กแตะที่พื้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลกลางเมืองหลวง
หมอเลอาจอมดุกำชับให้มาลิคคอยห้ามธามิน เธอบอกว่าถ้าลุกขึ้นได้ธามินคงไปทำงาน มาลิคไม่ยักรู้ว่าธามินมีเพื่อนโคตรดุแถมยังเป็นองค์หญิงที่ดูไม่เหมือนองค์หญิงเลยสักนิด เขาเคยเห็นรูปของเลอามาก่อน แต่พอเจอตัวจริงกลับเหมือนเป็นคนละคนจนจำไม่ได้เลยเชียว
ธามินรู้สึกตัวตื่นบนที่นอนของโรงพยาบาลแห่งใหม่ แสงยามบ่ายกำลังทอดผ่านผ้าม่านเข้ามา เขาขยับขาด้วยความลืมตัวเลยนิ่วหน้าเจ็บ ร่างกายที่บอบช้ำยังคงเรียกร้องไม่ให้เขาใช้มันอย่างหักโหมนัก นาอินหันมาเห็นพอดีจึงเดินมายืนชิดขอบเตียงพลางพูดเบาๆ กับไมราที่กำลังหั่นผลไม้เอาไว้รอลูกชาย
“พี่ธามฟื้นแล้วค่ะคุณป้า”
ไมราวางมือรีบเดินมากอดธามินไว้ด้วยความดีใจที่ลูกชายฟื้นเสียที นาอินยกเก้าอี้ตัวเล็กมาให้ไมรานั่งอย่างเอาใจ
“ธาม...นี่แม่นะลูก เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนบอกแม่นะ จำแม่ได้ไหม ดูสิ หน้าตายังซีดอยู่เลย หนูอินช่วยโทรตามหมอมาเร็วๆ นะลูก”
“ค่ะ คุณป้า”
นาอินรีบโทรตามหมอให้ไมราเร็วดังใจ ธามินหัวเราะเบาๆ นึกอยู่แล้วว่าแม่ต้องตื่นเต้นยิ่งกว่าใครเมื่อเห็นเขากลับมา
“ผมตอบคำถามของแม่ไม่ทันต่างหากล่ะครับ ไม่ใช่จำแม่ไม่ได้สักหน่อย แล้วพ่อไม่อยู่หรือครับ”
“คุณพ่อมาส่งธามแล้วก็รีบทำงานเลย เดี๋ยวเลิกงานก็มา ธามหลับไปตั้งสี่ชั่วโมงเชียวนะ แม่ใจหายมากรู้ไหม ต่อไปห้ามทำงานเสี่ยงอีก แม่คงต้องคุยกับชีคชามีลจริงๆ จังๆ เสียทีแล้วล่ะ”
“ผมไม่ระวังตัวต่างหากล่ะครับ ถ้าคนของชีคชามีลไปช่วยไว้ไม่ทัน ผมอาจเจ็บมากกว่านี้ก็ได้” ธามิมพยายามพูดให้เรื่องเบาลงไม่ร้ายแรงอย่างที่แม่คิด
“ก็นั่นล่ะ ถ้าชีลชามีลไม่สั่งให้ธามไปทำงานเสี่ยงๆ ธามคงไม่เจ็บหนักแบบนี้หรอกจ้า”
ธามินไม่ต่อความเดี๋ยวจะทำให้แม่ไม่สบายใจไปมากกว่าเดิม เขาหันมาทางนาอินแล้วยิ้มให้ด้วยความจริงใจอย่างน้อยเธอก็ยังมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขา เธอเพียบพร้อมอย่างที่ผู้ชายสักคนจะหาได้ แม่ก็เห็นดีเห็นงาม คงเป็นอีกเรื่องที่เขาต้องเคลียร์ให้จบเมื่อออกจากโรงพยาบาล ประตูห้องเปิดออกหมอเข้ามาตรวจอาการธามินพอดี
“ให้หมอตรวจก่อนนะ เดี๋ยวแม่กับหนูอินจะไปเตรียมอาหารให้ธาม ฟื้นมาคงหิวแล้วแน่ๆ เลย” ไมราหอมแก้มลูกชายแล้วหลีกทางให้หมอ
หมอตรวจบาดแผลและรอยฟกช้ำต่างๆ ธามินมองไปที่แม่กับนาอินอยู่บ่อยครั้ง พอหมอมาตรวจรอยช้ำที่ต้นแขนเขาก็กระซิบถามเบาๆ พร้อมกับขยิบตาให้ ถ้าต้องนอนโรงพยาบาลนานๆ เขาคงขาดใจตาย
“ผมจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ครับหมอ”
หมอยิ้มรู้ทันพลางกระซิบกลับมาเสียงเบาพอกัน “น่าจะหนึ่งสัปดาห์นะครับ นอกจากแผลจากการถูกยิงแล้วอวัยวะภายในยังบอบช้ำ พักให้หายดีก่อนดีกว่านะครับจะได้แข็งแรงพร้อมปฏิบัติหน้าที่นะท่านราชองครักษ์”
ไมราเดินกลับมาที่เตียงคนไข้พร้อมกับนาอินหลังจากอุ่นหาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว หมอยิ้มให้ไมราและนาอินที่คงอยากรู้ว่าอาการของธามินเป็นอย่างไรบ้าง
“เบาใจได้แล้วนะครับ หมอเลอาผ่าตัดมาดีและท่านราชองครักษ์แข็งแรงอยู่แล้วด้วยแผลเลยสมานกันเร็ว ตอนนี้ก็แค่พักผ่อนแล้วกินยาครับ”
“ถ้างั้นอาหารอ่อนๆ ที่คุณป้าไมราเตรียมมาก็ใช้ได้ใช่ไหมคะหมอ” นาอินถามอย่างใส่ใจ
หมอมองอาหารในสำรับที่แม่บ้านถือมาพอดี “ใช้ได้ครับ”
ไมราไม่ถามอะไรอีกเพราะก่อนหน้านี้หมอถูกนางซักจนถ้าเป็นผ้าคงขาวสะอาดไปแล้ว กลิ่นอาหารหอมก็จริง แต่ตอนนี้ธามินอยากทำอย่างอื่นมากกว่า เขาดันที่กั้นลงค่อยๆ หย่อนขาเพราะแผลตึงยังเจ็บ พอเท้าลงพื้นครบทั้งสองข้างเขาก็ลุกขึ้นยืนหยั่งกำลังตัวเองคิดว่าพอไหวถ้าเดินไปแค่ห้องน้ำ
“หนูอินไปช่วยพี่ธามหน่อยสิจ๊ะ”
นาอินเข้ามาจะช่วยประคอง ธามินชักเกรงใจ ถ้าใกล้ชิดกันบ่อยๆ แม่คงยิ่งชอบใจคิดว่าเขามีใจกับนาอิน
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปเองดีกว่า ตัวพี่หนัก อินคงแบนแน่ๆ ถ้าล้ม แค่อินช่วยประคองถุงน้ำเกลือมาให้พี่ก็พอแล้วล่ะ”
นาอินหน้าเสียแต่ยังพอจะยิ้มได้ที่ธามินยังให้ช่วยเล็กๆ น้อยๆ เขาเป็นคนค่อนข้างถือตัวและเป็นสุภาพบุรุษคงไม่อยากรบกวนใครเท่านั้น ประตูห้องน้ำปิดลงโดยมีนาอินยืนรอ ไมรามองมาแล้วกระหยิ่มพึงพอใจ ถ้าธามินไม่มีผู้หญิงที่ไหนหมายตาไว้ นางคงต้องพูดเรื่องนาอินจริงจังกับลูกชายหลังออกจากโรงพยาบาล

นาอินเดินไปส่งไมราที่รถเพราะมีนัดสำคัญในตอนเย็นกับภรรยาท่านทูตทำให้ยกเลิกนัดไม่ได้ จึงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตื่นขึ้นมาที่ธามินได้พักเงียบๆ ร่างสูงลงจากเตียงแล้วลากน้ำเกลือไปนั่งเล่นที่ระเบียงด้านนอกเพื่อสูดอากาศในยามเย็นเคล้าเสียงบรรยากาศในเมืองหลวง หลังจากได้พักผ่อนเต็มที่มาหนึ่งวันร่างกายของเขาก็ค่อยๆ แข็งแรงขึ้นมาก แต่สภาพจิตใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคิดถึง หากตอนนี้ได้ทำงานคงดีไม่น้อยเวลาแต่ละนาทีคงผ่านไปได้เร็วขึ้น
ธามินได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วตามมาด้วยเสียงเดินที่ไม่ใช่นาอินแน่นอน แต่เป็นใครไม่ต้องเดาเพราะราเนียเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแบบไม่ต้องเชิญเรียบร้อยแล้ว
“หน้าตาดูไม่เหมือนคนป่วยแล้วนี่นาธาม”
“เลิกเวรแล้วไม่กลับไปพักหรือไง ตอนนี้คงไม่ต้องอดหลับอดนอนแล้วล่ะสิท่า” ธามินยิ้มบางดีใจที่ได้พบราเนีย
ของในถุงผ้าสีขาวที่ราเนียถือถูกยื่นมาให้ธามิน “รับไปสิ...ของเยี่ยมจากฉัน”
ธามินรับมาเปิดดู พอเห็นว่าเป็นอะไรก็ยิ้มล้อๆ “ไอแพดเครื่องนึงเลยหรือ ใจดีไปหรือเปล่า”
“ข้อมูลในไอแพดต่างหาก มาลิคพบกระดาษในเสื้อของธามก็เลยส่งต่อมาให้ฉันช่วยหาช่วยสืบเพราะคิดว่ามันน่าสำคัญ ธามถึงได้ไปเสี่ยงขนาดนั้น”
ราเนียช่างรู้ใจเขาช่วยหางานมาให้จะได้ไม่เบื่อที่ต้องอยู่โรงพยาบาล
“ขอบใจนะราเนีย มันสำคัญจริงๆ ถึงท่านทามาลจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่กบฏยังไม่หมดไปเสียทีเดียว ฉันมั่นใจว่ายังมีแกนนำอีก ไม่อย่างนั้นทิชาคงไม่หายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนั้น เรื่องนี้ฉันจะเล่าอย่างละเอียดอีกทีตอนออกจากโรงพยาบาลไปทำหน้าที่ตามเดิมแล้วกันนะ”
ราเนียรับฟังอย่างสนใจพอจะถามก็พอดีมีเสียงเปิดประตูเธอยื่นหน้าไปดูจากบานกระจกที่เลื่อนค้างไว้จึงเห็นนาอินเข้ามาในห้อง เธอยิ้มล้อๆ ใส่ธามินบ้าง ถ้ามีสาวสวยคอยเฝ้าไข้แบบนี้เขาไม่ต้องรีบออกจากโรงพยาบาลดีกว่ามั้ง
นาอินมองราเนียอย่างสงสัยระคนไม่ชอบเลยทำทีเทน้ำใส่แก้วแล้วนำมาให้ ทำไมเธอจะจำผู้หญิงที่ประมูลสร้อยเส้นนั้นตัดหน้าไปไม่ได้ ลูกสาวนายพลวาคิมหนึ่งในราชองครักษ์ที่ใกล้ชิดกับธามินมากกว่าเธอเสียอีก
“น้ำค่ะ ขอโทษนะคะไม่มีเครื่องดื่มอย่างอื่นในตู้เย็นพอดี”
เก้าอี้ว่างไม่เหลือแล้วนาอินเลยเขยิบไปยืนพิงขอบระเบียงตั้งใจปักหลักตรงนี้ไม่ยอมไปไหนด้วยความอยากรู้ว่าธามินกับราเนียคุยอะไรกันก่อนที่เธอจะกลับมา ราเนียเมินมองไปทางอื่น
“พี่ขอคุยกับราเนียเป็นการส่วนตัวอีกสักครู่นะอิน”
นาอินมองราเนียอย่างไม่ชอบใจนักก่อนจะยอมออกจากห้องไป การแสดงความโกรธไม่ใช่วิธีที่ฉลาด ราเนียหัวเราะเบาๆ เพราะพอจะเดาออกว่านาอินคิดอะไรอยู่
“ยัยนาอินนี่ซิลลี่มาก มาหึงออกหน้าออกตานายกับฉันเนี่ยนะ”
ธามินหัวเราะเสียงดังเลยถูกราเนียนิ่วหน้าใส่ นานๆ ทีหรอกที่ราเนียจะพูดประชดใคร ปกติแล้วต่อว่ากันตรงๆ มากกว่า
“ช่างเถอะ อย่าสนใจเลย เอาเป็นว่าถ้าฉันอ่านข้อมูลนี้เสร็จแล้วมีอะไรเพิ่มเติมจะไปอธิบายทีเดียวแล้วกัน”
“ก็ได้ ตามใจธามแล้วกัน พรุ่งนี้มาลิคคงมา ท่านชีคฝากบอกว่าเสร็จธุระเรื่องของท่านทามาลจะมาพบ คงวันสองวันนี้แหละ”
ธามินเข้าใจถึงจะปิดข่าวขนาดไหนอย่างไรเสียการตายของท่านทามาลก็ดูมีเงื่อนงำให้ชวนสงสัยอยู่ดี ใครจะไปคิดว่านายพลแสนดีจะกลายเป็นคูเซย์ของพวกกบฏ แล้วยังการตายที่บางคนอาจคิดว่าท่านทามาลถูกฆ่ามากกว่าฆ่าตัวตายอีก ถึงพูดความจริงแต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อคงบังคับไม่ได้อยู่ดี
“ขอบใจมากนะราเนีย”
ราเนียเลิกคิ้วเรื่องแค่นี้ธามินจะขอบใจทำไมเพราะเธอที่ทำอยู่ก็เรียกว่าหน้าที่ทั้งนั้น แต่เพราะเป็นเพื่อนกันเลยมีความห่วงใย หญิงสาวลุกขึ้นไม่มีคำลาจากไปเฉยๆ เงียบกริบเหมือนตอนมา
ธามินเปิดไอแพดแล้วเริ่มอ่านเอกสารอย่างตั้งใจให้ ทว่าเขาอ่านยังไม่ถึงครึ่งหน้านาอินก็กลับมาพอดี
“ใครหรือคะพี่ธาม ถ้าจำไม่ผิด ลูกสาวนายพลวาคิมใช่ไหมคะ” นาอินแสร้งทำเป็นไม่รู้ทั้งที่มั่นใจเชียวล่ะ
ธามินลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่เตียง นาอินช่วยเลื่อนถุงน้ำเกลือตามมาให้อย่างไม่ยอมพลาดคำตอบ เขานอนลงบนเตียงแกล้งถ่วงเวลา สีหน้าของนาอินงอง้ำไม่พอใจแต่ไม่กล้าโวยวาย
“ใช่แล้วล่ะ พี่ขอพักก่อนชักง่วงแล้วสิ วันนี้อินกลับไปได้แล้วล่ะจะได้พักเหมือนกัน อยู่เป็นเพื่อนพี่มาทั้งวันขอบใจมากนะ”
นาอินไม่ดึงดันช่วยห่มผ้าห่มให้ธามิน “พรุ่งนี้นาอินจะมาใหม่ก็แล้วกันนะคะพี่ธาม”
ไม่มีเสียงตอบเมื่อธามินหลับตานิ่งไปแล้ว นาอินถอนใจเบาๆ แล้วหยิบกระเป๋าออกไปจากห้อง คนแกล้งหลับลืมตาทันทีเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ธามินเปิดไอแพดนอนอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ แต่เพียงไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงประตูเปิดอีกแล้วชีวิตคนป่วยเริ่มน่ารำคาญเมื่อถูกรบกวนตลอดเวลา คราวนี้คงเป็นหมอกระมัง
“ถ้าจะตรวจอาการ เอาไว้อีกสักชั่วโมงแล้วกันครับคุณหมอ ผมอยากอ่านเอกสารนี้ให้จบก่อน”
เงียบกริบไม่มีเสียงตอบทำให่ธามินหันไปมองด้วยความสงสัย แต่กลับพบว่ามีกล่องขนาดใหญ่วางอยู่ข้างประตู เขาลงไปหยิบซองหนาๆ นั้นขึ้นมาบนเตียงด้วยความสนใจจึงเปิดดูก็พบว่ามันคือภาพเขียน ความคิดถึงและห่วงหาได้รวมออกมาเป็นยิ้มที่กว้างที่สุด ธามินกอดของขวัญชิ้นนั้นไว้ ความรู้สึกว่างเปล่าแห้งโหยพลันมีชีวิตชีวาราวกับดอกหญ้าได้รับฝนแรก เมรา...ซาเมรา ชื่อนี้ได้ประทับเข้าสู่ใจของเขา

ภาพเขียนถูกติดไว้ที่ฝนังอีกฝั่งของเตียงเพื่อที่ธามินจะได้หลับไปพร้อมกับเห็นภาพเป็นสิ่งที่สุดท้ายและตื่นมาเห็นภาพนั้นเป็นสิ่งแรก กำลังใจของเขาเริ่มต้นจากความหวังเมื่อเจ้าของภาพเขียนจงใจวาดให้สื่อความหมาย ดอกไม้ผลิบานกลางทะเลทรายเหมือนความรู้สึกหวานละมุนในใจมีเพียงเขากับซาเมราเท่านั้นที่รู้ความหมายซึ่งซ่อนอยู่ในภาพได้
นาอินเป็นคนช่วยขับรถพาไมรามาเยี่ยมลูกชาย โดยมีแม่บ้านถืออาหารที่เพิ่งปรุงตามเข้ามา พอเธอเห็นสีหน้าของธามินสดใสกว่าวันวานก็แปลกใจอดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะยาของหมอดีหรือว่าคนที่มาเยี่ยมกันแน่ แล้วยังภาพเขียนที่แขวนเด่นอยู่ตรงนั้นเป็นของใครกัน
ไมรามองตามสายตาของลูกชาย “ภาพเขียนสวยดีนะ ใครวาดให้หรือธาม ฝีแปรงสะบัดชัด ดอกไม้สวยเด่น ผ้าพลิ้วอย่างกับถูกลมพัดจะปลิวจริงๆ เหมือนได้ไปอยู่กลางทะเลทรายอย่างไรอย่างนั้น”
“แม่ชอบหรือครับ” ธามินดีใจแทนคนวาดภาพนี้ ถ้าเธอได้รู้คงดีใจไม่น้อยที่แม่ของเขาถึงกับออกปากชม
“ชอบสิ สมัยหนุ่มพ่อของธามก็จิตกรคนหนึ่งเหมือนกันนะ แล้วนี่ใครให้ธามมาล่ะ แม่จะได้ส่งของไปขอบคุณ”
นาอินทำเหมือนไม่ได้สนใจฟังก็จริง แต่รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อเชียวล่ะ ถ้าเป็นของจากราเนีย เธอรับรองได้ว่าภาพเขียนใบนี้จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่ต้องส่งอะไรไปหรอกครับแม่ ถ้าหายแล้วผมจะไปขอบคุณเจ้าของภาพเขียนด้วยตัวเอง”
ไมราหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ติดใจสงสัยเพราะคิดว่าฝีแปรงคมแบบนี้ในนัวเรด์ดีนไม่มีใครเก่งไปกว่าจิตกรที่นางซื้อภาพเขียนบ่อยๆ พอรู้ว่าธามินป่วยคงส่งมาให้กระมัง นาอินเสียดายพยายามนึกว่าเมื่อวานราเนียถืออะไรมาหรือเปล่านะ ผู้หญิงกระด้างแข็งทื่อแบบนั้นคงวาดภาพสวยๆ แบบนี้ไม่เป็นหรอก
แม่บ้านจัดอาหารใส่สำรับพร้อมแล้ว นาอินรีบเดินไปยกมาให้ธามินอย่างเอาใจและอยากให้ไมราเห็นว่าเธอใส่ใจลูกชายของนางเสมอ
“อาหารพร้อมแล้วค่ะ พี่ธามจะทานบนเตียงหรือว่ามาทานที่ระเบียงดีคะ”
“ที่เตียงแล้วกันอิน ขอบใจมากนะ”
นาอินยิ้มหวานพลางวางสำรับลงบนโต๊ะเลื่อน ธามินกำลังจะหยิบช้อน แต่นาอินกลับหยิบไปก่อนเพื่อจะป้อนเขาอย่างเอาใจ ไมราพอใจว่าที่ลูกสะใภ้ที่ดูแลลูกชายของนางเป็นอย่างดี แต่เจ้าลูกชายของนางนี่สิไม่ไหวเลย
“เดี๋ยวพี่ทานเองง่ายกว่านะอิน”
นาอินยิ้มเก้อๆ พลางคืนช้อนให้ ไมรายิ้มให้กำลังใจพลางเลื่อนเก้าอี้มาให้นาอินนั่งคอยดูแลเผื่อว่าธามินอยากได้อะไรเพิ่ม เขาทำเป็นไม่เข้าใจแม่ว่าคิดอะไรอยู่ ถ้าทำเฉยๆ ไปสักพักแล้วยังไม่เลิกล้มความตั้งใจกัน เขาคงต้องพูดตรงๆ เสียที


แล้วจะมา up ต่อให้ถึงตอนที่ 16 นะคะ ตอนนี้หนังสือล่ารักแดนทะเลทราย สามารถหาซื้อได้ที่ซีเอ็ดและนายอินทร์แล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ย. 2558, 09:13:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ย. 2558, 09:13:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 942





<< ตอนที่ 13 ครึงหลัง   ตอนที่ 14 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account