~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 26 .. สายใยเริ่มถักทอ



สามวันกับภาวะเจ็บไข้ได้ป่วย ที่มัสลินไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะเจ้าตัวคิดเสมอว่า ตนเองนั้นเป็นคนร่างกายแข็งแรงและคิดว่าจิตใจก็เข้มแข็งไม่แพ้กัน

แต่บทจะล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา ก็ทำเอาคนอย่างเธอต้องนอนซมข้ามวันข้ามคืน

มัสลินนึกถึงการเจ็บป่วยทั้งสองครั้งที่เกิดขึ้นกับเธอ ก็อดที่จะขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เธอไม่ต้องโดดเดี่ยว เพราะใครต่อใครรอบกายต่างก็หยิบยื่นน้ำใจ มอบความห่วงใยให้เธอเสมอมา

แม้แต่คนที่คอยจ้องแต่จะหาเรื่องทุกครั้งที่พบหน้า ... อย่างเพลิงกัลป์

หญิงสาวค่อยปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้บ้างแล้ว ว่าก่อนหน้านี้เธอไปที่ไหน ได้พบใคร และทำอะไรบ้าง

การที่มัสลินได้พักผ่อนเต็มที่ กินข้าวกินยาครบ มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าวันแรกๆมาก สติความนึกคิดกลับคืนมาเกือบเป็นปกติ

ทำให้จำได้กระทั่งว่า ระหว่างดินเนอร์มื้อค่ำที่คิง เซอร์เพนท์ เธอบังเอิญได้พบกับ นาคินทร์ พี. เซอร์เพนท์ ผู้บริหารสูงสุดของโรงแรมติดอันดับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมัคคุเทศก์สาวไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะได้มีโอกาสพบปะหรือพูดคุยกับบุคคลที่เกือบจะใกล้เคียงคำว่า ... ชายในฝัน

บุรุษร่างสูงใหญ่คนนั้น มีบุคลิกลักษณะสง่างาม ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวดูทรงอำนาจ จนรู้สึกน่าสะพรึงในบางขณะ

เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของนาคินทร์ มัสลินก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์และแรงดึงดูดมหาศาล ที่โอบล้อมรอบกายของเขา

ทว่า หลังจากพูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค กลับทำให้หญิงสาวรู้สึกมากกว่านั้น

ต่อให้เธอยังไม่ทราบว่า บุรุษผู้มีวัยเกินหนุ่มฉกรรจ์ที่เธอพบ กับ นาคินทร์ พี. เซอร์เพนท์ ที่เธอเคยทึ่งและชื่นชม เป็นบุคคลคนเดียวกัน

มัสลินก็นึกรู้ และตั้งมั่นในใจแล้วว่า ต้องอยู่ให้ห่างผู้ชายคนนี้ นั่นเพราะ เขาคือตัวอันตรายสำหรับหญิงสาว ... ทุกคน

เมื่อสามารถรำลึกย้อนไปในวันและเวลาดังกล่าว สิ่งที่ขาดหายไประหว่างกึ่งฝันกึ่งจริง ก็ไหลเวียนกลับมาเหมือนภาพยนตร์ฉายซ้ำ

โดยเฉพาะฉากสำคัญตอนหนึ่ง ที่มัสลินคิดมาตลอดระยะเวลานอนซมบนเตียงว่า มันคือความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

แต่ตอนนี้เธอจำได้หมดแล้ว ... จดจำได้ถึงเสียงลมหายใจแผ่วเบา หากผ่าวร้อนคลอเคลียระหว่างข้างแก้มกับใบหู

จดจำได้ถึงไออุ่นจากอ้อมกอดที่โอบอุ้มเธอไว้ ราวกำลังพิทักษ์ปกป้อง

และเธอยังรู้สึกถึงจังหวะสะท้อนขึ้นลงเร็วรัวบ้าง สม่ำเสมอบ้าง ยามแก้มอีกข้างแนบซบบ่ากว้างอย่างสะลึมสะลือ

มัสลินคิดว่า จะมีแค่ในความฝันเท่านั้น ที่เพลิงกัลป์จะอ่อนโยนกับเธอได้ถึงเพียงนี้

รอยสัมผัสแนบแน่นยังคงรู้สึก ... กระไออุ่นบางเบายังคงหลงเหลือ และดวงหน้าเห่อร้อน กับแรงสะเทือนถี่จากอวัยวะภายในที่เรียกว่าหัวใจ

คือคำตอบในทุกสิ่ง ว่ามันเป็นความจริง ... ไม่ได้ฝันไป





"อ้าว ... นึกว่าหลับ เป็นไงบ้างลินิน ... ไข้ขึ้นอีกแล้วหรือจ๊ะ หน้าตาแดงๆ"

เวหาทักถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นสาวรุ่นน้องนั่งพิงพนักหัวเตียง สีสันของใบหน้าเข้มข้นกว่าที่เคย จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ขณะที่เธอเดินมาถึงเตียงแล้วนั่งลงบนนั้น

มัสลินคลี่ยิ้มแก้เก้อเพราะรู้ตัวดีถึงสาเหตุ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ขยับตัวอีกนิดพร้อมสำหรับการสนทนา หวังเบนความสนใจของเวหาไปจากดวงหน้าที่ยังผะผ่าวของเธอ

"ไม่เป็นไรแล้วค่ะพี่ฟ้า ลินินกินๆนอนๆอยู่แต่ในห้อง เบื่อจะแย่ ... แถมพี่ฟ้ายังต้องเทียวไปเทียวมากับคนป่วย"

"พี่บอกแล้วไง ว่าอย่าคิดมาก อีกอย่างช่วงนี้ก็เป็นหน้าโลว์ งานแทบไม่มี ... นี่ยังมีนายทัตมาแย่งความสนใจของพี่ไฟไปอีก ถ้าให้พี่อยู่เฉยๆ พี่อกแตกตายแน่"

มัสลินหัวเราะคิกคักกับคำบอกเล่าของสาวรุ่นพี่ ถึงรัศมิทัตเพื่อนสนิทของเธอ และทำท่าจะเชื่อตามนั้นจริงๆ เพราะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ดี

"ลินินก็เป็นอย่างพี่ฟ้าล่ะค่ะ นอนป่วยแบบนี้ที่รู้คมาสองหนแล้ว ... ไม่ไหวค่ะ วันนี้ลินินคิดว่า จะออกไปรับแสงเดือนแสงตะวันบ้าง"

"ก็ดีจ้ะ ... เออ มัวแต่ชวนคุย เกือบลืมบอกลินินเลย"

"อะไรคะ?"

สาวรุ่นน้องถามพลางจ้องหน้าสาวรุ่นพี่ตาแป๋ว รอคำตอบอย่างตั้งใจ และอาจจะด้วยเพิ่งตื่นนอนหลังจากหายไข้ ผมเผ้ายังหลุดลุ่ยรุงรัง แต่นัยน์ตาก็ฉายประกายสดใส

ผู้จัดการต้อนรับส่วนหน้าของรู้คอมยิ้มกับดวงหน้าเนียนผ่องใส รู้สึกเอ็นดูคนเพิ่งหายไข้อย่างบอกไม่ถูก กับความน่ารักตามธรรมชาติ ที่คงไม่มีใครเคยได้เห็น

"คุณเชดส์แวะมา ... บอกว่าจะขอพบลินิน ว่าแต่ ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ"

"คุณเชดส์?"

มัสลินอุทานชื่อดวงตาโตขึ้นอย่างประหลาดใจ ... เขามาพบเธอทำไม

อาป่าน ?

พอนึกถึงคุณอาคนหนุ่มของเธอขึ้น หญิงสาวเลิกผ้าห่มที่คลุมไว้ครึ่งตัวทันที กระวีกระวาดลงจากเตียงรวดเร็ว จนเวหางุนงงเพราะตามไม่ทัน

"ใจเย็นๆลินิน ... ไม่ต้องรีบ พี่บอกคุณเชดส์ไปแล้วว่า ลินินไม่สบาย ขอมาดูก่อนว่าออกไปพบไหวมั้ย ..."

"ไหวค่ะ ... ลินินหายแล้ว"

มัคคุเทศก์สาวตอบทันควันราวกับไม่ได้มีปัญหาสุขภาพใดๆ ... ศรตฤณเป็นอีกเรื่องที่ทำให้เธอครุ่นคิด วุ่นวายใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่กระตุ้นให้เธอมาหาความจริงที่นี่ ... ความจริงจากปากของเขา

คนกลางที่จะเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างไปถึงได้ ก็คงมีแต่หนุ่มเดรดล็อกเท่านั้น

"พี่ฟ้าคะ ... ลินินรบกวนช่วยบอกให้คุณเชดส์รอหน่อยนะคะ ... ไม่เกิน ๑๕ นาทีค่ะ"

เวหาไม่ทันได้ตกปากรับคำอะไร เพราะพอสิ้นคำขอร้องของมัสลิน สาวรุ่นพี่ก็เห็นรุ่นน้องเผ่นแผล็วหอบผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัว ผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว

"มันชักจะยังไงๆแล้วนะ"

หญิงสาวผู้มีอำนาจรองจากผู้บริหารของรู้คเปรยอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก กับท่าทีกระตือรือร้นของมัสลินที่มีต่อเชดส์ ... ดีเจคนดังแห่งเกาะสวรรค์ลาลัล






มัสลินเดินทอดระยะแล้วค่อยผ่อนฝีเท้าลง ก่อนจะหยุดเมื่อเข้ามาอยู่ใต้ร่มไม้ต้นสนที่มียาวไปตลอดแนวของชายหาด คิดว่าทำเลนี้เหมาะที่จะคุยธุระกับหนุ่มเดรดล็อก ซึ่งเขาก็หยุดยืนไม่ห่างกันนัก แต่แทนที่จะอยู่เฉยๆ เขากลับย่ำทรายนุ่มๆซ้ำไปซ้ำมาจนเธออดถามไม่ได้

"คุณเชดส์ย่ำทรายทำไมคะ"

"แก้เขิน"

ชายหนุ่มที่มัสลินคาดเดาอายุอานามได้ว่า คงรุ่นเดียวกับศรตฤณ ตอบคำถามรวดเร็วทำให้เธอต้องยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะ แต่ไม่สามารถกลบเสียงคิกไว้ได้

"คิดก่อนตอบก็ได้ค่ะ คุณเชดส์ ... ลินินมีเวลาเหลือเฟือ"

"จริงๆนะ ... นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณลินิน เป็นญาติไอ้ป่าน ... เอ๊ย รู้จักกับซายน์ ผมคงไม่มัวมาย่ำทรายแก้ขวยแก้เขินแบบนี้หรอก"

"คุณเชดส์จะทำไมเหรอคะ"

มัสลินรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเชดส์ทำให้เธอนึกสนุกอยากพูดคุย ทำความรู้จักกับชายหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน ว่าแท้จริงแล้วเขามีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร จึงได้รู้จักกับศรตฤณ ... อาป่านของเธอ แทบจะไม่น้อยไปกว่ากันเลย

"ผมจะย่ำมัน ... ทราย ย่ำจนมันอัดกันแน่น และปลิวมาขวางหูขวางตาไม่ได้เลย"

ทีแรกหญิงสาวยังงุนงงกับสิ่งที่หนุ่มมาดเร้กเก้บอก แต่พอค่อยๆทำความเข้าใจในแต่ละคำ ... แต่ละประโยค จึงทำให้เธอเข้าใจแล้วว่า เชดส์กำลังหมายถึงอะไร

มัสลินระบายยิ้ม ทำนัยน์ตาวิบวับเชิงเจ้าเล่ห์แสนกล บอกเชดส์ในสิ่งที่เธอเข้าใจ ... และคิดว่าเป็นเช่นนั้นแน่ๆ

"เพราะทรายที่กำลังย่ำตอนนี้ จะไม่ตอบโต้คุณเชดส์ ... ใช่ไหมคะ ... แหม เชื่อแล้วค่ะว่า พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหน"

"ฮ่าๆ ... คุณลินิน ผมก็ทำได้แค่ย่ำทรายล่ะครับ ... ถ้าไปย่ำคน ... ก็เท่ากับผมหาเรื่องเจ็บตัวสิครับ"

เชดส์ตอบกลั้วหัวเราะเหมือนคนสนุกสนานทั่วไป แต่ความจริงเขารู้สึกพอใจมาก ที่มัสลินตีความและเข้าใจอะไรได้เร็ว ... จนคิดว่า ถ้าหากจะขอความร่วมมือบางอย่างในวันหน้า เธออาจจะเป็นกำลังสำคัญที่ใครก็คิดไม่ถึง ... ก็ได้

มัสลินเองก็พลอยหัวเราะตามชายหนุ่มผมขอดยาวถึงกลางหลัง แต่เพียงวินาทีเธอก็หยุดเหลือเพียงรอยยิ้มในหน้า เอ่ยถามถึงเจตนาของอีกฝ่ายชัดถ้อยชัดคำ

"แล้วคุณเชดส์ ... มีอะไรจะคุยกับลินินหรือคะ"

เชดส์ปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เหมือนเขาเป็นใครอีกคนที่มัสลินไม่รู้จัก ต่างจากชายหนุ่มอารมณ์ดี ... เจ้าของร้านขายขงที่ระลึกและดีเจประจำเกาะอย่างที่เคยเป็น

"ซายน์ฝากผมมาเตือนคุณ ให้ระวังตัว และ ... อยู่ห่างจากนาคินทร์ให้มากที่สุด"

"ทำไมเขาไม่มาเตือนฉันเอง"

บรรยากาศรื่นรมย์เหือดหาย อารมณ์ผ่อนคลายถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียด ... แม้ท้องฟ้าวันนี้จะดูสดใส แต่ถึงอย่างไร มันก็ยังอยู่ในฤดูมรสุมอยู่ดี

"เพราะเขามาไม่ได้ ผมถึงต้องมาแทน ... เขาเป็นห่วงคุณมากนะ ตอนที่รู้ว่าคุณไม่สบาย"

น้ำเสียงของเชดส์จริงจังเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งพูดกับเด็กในปกครอง ถึงแต่ละคำจะสุภาพและให้เกียรติ แต่มัสลินก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เป็นกันเองและคุ้นเคย ไม่ต่างจากศรตฤณเท่าใดนัก

เชดส์ ... เป็นใครกันแน่ ?

"สีหน้า ... แววตาของคุณกำลังสงสัยผม ... อย่ากังวลเลยครับ เรา ... ผม ไม่มีทางทำร้ายคุณแน่นอน"

"ค่ะ ... ฉันก็เชื่ออย่างนั้น ไม่ว่าเรา ... จะเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ก็ตาม"

ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่า กำลังคิดอะไรอยู่ พลันเสียงเพลง 'ต้นวรเชษฐ์' จากโทรศัพท์เครื่องเพรียวบางของมัสลินก็ดังให้ได้ยิน

หากหญิงสาวไม่ละสายตาก้มหน้ามองจอโทรศัพท์ เธอก็คงทันสังเกตเห็นดวงตาพราวระยับของคนที่ลอบยิ้ม ... ยิ้มให้กับท่วงทำนองของขลุ่ยผิวบรรเลงเพลงไทยเดิม

บทเพลงที่ซุกซ่อนโค้ดเนม ... รหัสลับยามฉุกเฉินเอาไว้ โดยไม่มีใครรู้




เพลิงกัลป์มองดูการ์ดใบน้อย ๓ ใบที่เคยเสียบมากับช่อดอกไม้ต่างชนิดกันในแต่ละวัน ก่อนจะอ่านเส้นสายลายอักษรข้อความภาษาอังกฤษ ที่ปรากฏอยู่บรรทัดบนสุดแปลความได้ว่า

มัสลิน ... ที่รัก

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดกำลังแล่นพล่าน เขาคิดว่าหากไม่นับเรื่องก่อนหน้านี้ ที่ได้เห็นมัสลินอยู่กับนาคินทร์ การ์ดพวกนี้ก็เป็นแค่การขึ้นต้นประโยคตามสากลนิยม

ดอกไม้ช่อสวยเท่าจำนวนกระดาษข้อความใบน้อยกลายเป็นซากถูกทิ้ง เหลือไว้แต่การ์ดฝากข้อความที่มีตราสัญลักษณ์ของคิง เซอร์เพนท์ในมือเขา และมันคือเชื้อรอเวลาปะทุ ที่กำลังพวยพุ่งก่อนถึงขีดสุด

เจอกันแค่ครั้งเดียว ... บรรณาการก็ตามมาแล้วหรือนี่

เพลิงกัลป์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เหตุใดจึงเดือดดาลปานนี้

หากเทียบกันกับครั้งที่เขาเห็นมัสลินอยู่กับซายน์ เขาต้องยอมรับว่า แม้ว่าจะรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่ได้มองเห็นอันตรายจากหนุ่มลูกครึ่งที่จะมีต่อมัสลิน

แตกต่างจากสายตาของนาคินทร์ ยามจ้องมองมัสลินอย่างสิ้นเชิง

สายตาของนาคินทร์ราวมนตร์สะกดนิ่งของอสรพิษร้าย หมายมุ่งพิฆาตเหยื่อที่หมายตาเอาไว้

ชายหนุ่มหวั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ... หากคนที่เขาเฝ้าติดตามดูพฤติกรรม จะต้องตกอยู่ในอันตราย ... อันตรายที่เริ่มมาจากการทำให้เหยื่อตายใจเสียก่อน

ดอกไม้สวยๆกับคำหวานที่มี ... ผู้หญิง มักถูกพันธนาการด้วยสิ่งเหล่านี้

เพลิงกัลป์รวบการ์ดทั้ง ๓ ใบบนฝ่ามือแล้วกำแน่น รู้ทั้งรู้ว่า ผู้หญิงส่วนมากจะหวั่นไหวและพร้อมโอนอ่อนทุกเมื่อ แต่ทำไมเขาจึงไม่เลือกวิธีนี้มาใช้กับมัสลินบ้าง

เพราะคิดว่ามันจะไม่ได้ผล ... คิดว่าจิตใจของเธอแข็งแกร่ง มีเกราะป้องกันหนาแน่น อย่างที่แสดงให้ใครๆเห็นใช่ไหม ...

แต่แล้ว ... เหมือนชายหนุ่มค้นพบสิ่งที่ไม่เคยคิดจะรับรู้ ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยคิดจะตั้งใจมอง ว่ามัสลินนั้นแอบซ่อนความเปราะบางและละมุนหวานไว้ไม่ให้ใครสัมผัส หรือเข้าใกล้ได้

เป็นครั้งแรกที่เพลิงกัลป์หวั่นไหวใจวาบหวิวไปกับสิ่งที่ได้พบพาน พร้อมกับความปรารถนาที่จะดูแลและปกป้อง ซึ่งแม้แต่ศิราก็ยังไม่อาจทำให้เขารู้สึกได้มากเท่านี้

การ์ดในกำมือชายหนุ่มยับย่น แล้วมันก็ถูกปล่อยให้หล่นลงไปอยู่ในถังขยะใต้โต๊ะทำงาน ข้อศอกทั้งสองตั้งชัน สองมือของเขาประสานกุมมั่นวางคางเกยระหว่างหัวแม่มือกับนิ้วชี้ที่ประกบกันอยู่

ดวงตาคมกริบหรี่มองจ้องตรงไปข้างหน้า ยิ่งส่งผลให้ใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่แล้วของเพลิงกัลป์ ให้ยิ่งดูคมคายน่าเกรงขาม

การนั่งนิ่งราวเพ่งสมาธิจดจ่อ เป็นเพราะสมองกำลังประมวลภาพ จากความครุ่นคิดถึงร่างอุ่นบอบบาง ที่เขากระชับวงแขนโอบอุ้มทะนุถนอมด้วยความห่วงใย

เรือนกายนุ่มยามประคับประคองเหมาะเจาะกับวงแขนแข็งแรงอย่างไม่คาดคิด และอกแกร่งของเขาก็ทำหน้าที่รองรับการซบอิงของแก้มนวลละมุน ซึ่งทำให้มีโอกาสก้มพินิจดวงหน้าซีดเซียวที่หลับใหลได้ถนัดชัดเจน

ห้วงคำนึงถึงคืนนั้นเนิ่นนาน กระทั่งรู้ตัวว่าดูจะหมกมุ่นมากเกินไป เสียงสบถก่นด่าตนเองจึงดังขึ้น เป็นการเตือนสติที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวมาสองสามวันแล้ว

"บ้าจริง ... ทำไมต้องคอยคิดถึงแต่เรื่องนี้ด้วย"

"ใครบ้าคะพี่ไฟ"

เพลิงกัลป์กะพริบตาถี่ๆ เหมือนเพิ่งมองเห็นเวหาที่ยืนอยู่ต่อหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้สายตาของเขาก็พุ่งตรงไปจนถึงประตู บานที่น้องสาวเปิดและเดินเข้ามา

"มีอะไร ..."

"ไม่ต้องเลยนะพี่ไฟ ... ถ้าจะบอกว่าฟ้าไม่เคาะประตูก่อน"

เมื่อถูกดักคอเสียงจริงจังเช่นนี้ คนเป็นพี่ชายก็ตีหน้าขึงขัง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้บุหนังตัวใหญ่ ใช้เพียงสายตาจับจ้องไปยังน้องสาวเงียบๆ

อิริยาบถที่เพลิงกัลป์แสดงออกมา ถ้าเป็นยามปกติเวหาต้องค่อนขอดเชิงกระเซ้า แต่วันนี้ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่อยู่ในอารมณ์นั้น เพราะเจ้าตัวดึงเก้าอี้แล้วกระแทกตัวนั่งลง คล้ายกับว่าไม่พอใจกับอะไรสักอย่าง

"ทะเลาะกับแฟนหรือไง ถึงดูหงุดหงิดขนาดนี้"

"เปล่าค่ะ ... แต่ฟ้ากำลังหงุดหงิดจริงๆ"

"ยังไงแน่"

มาดเข้มในแบบฉบับผู้บริหารถูกแทนที่ด้วย บุคลิกผ่อนคลายลงอย่างพี่ชายใจดี พร้อมรับฟังทุกปัญหา เพราะใส่ใจในความเป็นครอบครัว ทำให้เพลิงกัลป์ลดความแข็งกร้าวที่ยึดถือลง

"หรือคุณศิรามีปัญหา จนน้องสาวพี่กลุ้มแทน"

"แหม หายใจเข้าออกมีแต่น้ำเหรอคะ ... ระวังเถอะ จะเสียใจไม่รู้ตัว"

จู่ๆเวหาก็พูดจาขวางเพลิงกัลป์ จนผู้เป็นพี่ชายปรับอารมณ์ตามไม่ทัน เนื่องจากที่ผ่านมา น้องสาวของเขามักมีเรื่องของเพื่อนรัก มาเล่าสู่กันฟังอย่างใส่ความรู้สึกเต็มที่ ว่าไม่พอใจคนที่ทำให้ศิราเพื่อนของเธอทุกข์ใจ

"พี่จะเสียใจเรื่องอะไร ... แล้วยังไงล่ะ สรุปหงุดหงิดอะไรมากันแน่"

"หงุดหงิดเพราะเรื่องที่คิดไม่ได้อย่างใจสิคะ"

"ฟ้า ... ถ้ายังไม่พูดให้รู้เรื่อง ก็เชิญนะ ... พี่มีงานต้องทำ"

ชายหนุ่มเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง ก็น้องสาวของเขาเอาแต่พายเรือในอ่าง วนไปวนมาไม่ไปไหนเสียที จนเวหาเริ่มรู้ตัวที่พูดหรือทำอะไรโดยไม่ระมัดระวัง

"ก็ ... ลินินสิคะ เพิ่งหายป่วย กลับออกไปเดินเล่นเลียบหาดในเวลาอย่างนี้ ..."

ในเวลาอย่างนี้ที่เวหาพูดถึงคือ ใกล้เที่ยง เพลิงกัลป์ถึงกับเลิกคิ้วสงสัย แต่ก็รอฟังน้องสาวโดยไม่ถามขัดจังหวะ

"ไม่เข้าใจจริงๆ คุณเชดส์ก็รู้ว่า ลินินไม่สบาย แทนที่จะห้ามจะปรามให้คุยกันแถวนี้ ก็เป็นไปด้วย ... ตามใจกันไม่เข้าท่า"

"ว่าไงนะ ... เชดส์หรือ?"

เพลิงกัลป์ไม่อาจระงับยับยั้งความคิดได้ มันจึงถูกปลดปล่อยเป็นคำถามเสียงดัง ... ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ แล้วความขุ่นมัวก็แทรกสอดประสานอารมณ์ขัดเคืองเข้ามาไม่รีรอ

"ค่ะ คุณเชดส์ ... ดูเหมือนพี่ไฟแปลกใจมากนะคะ ... หรือว่า สองคนนี้ ..."

"ไม่ ... ไม่มีอะไร"

ชายหนุ่มตัดบทก่อนที่น้องสาวจะหันมาสงสัยเขาแทน จากนี้คงต้องระวังปฏิกิริยา ไม่ให้เป็นอย่างเมื่อครู่อีก ... แต่ในใจของเขาสิ มันคุโชนขึ้นอีกแล้ว

ซายน์ ... นาคินทร์ ... นี่ยังจะเชดส์อีกคน อย่างนั้นหรือ ?

ท่านประธานผู้เข้มขรึมไล่เลียงรายชื่อที่คิดว่าครบแล้ว ... ด้วยเพลิงอารมณ์รุมร้อน พลุ่งพล่าน

และคำถามในใจก็ผุดขึ้น ... ราวกับหญิงสาวในคำนึงมานั่งตรงหน้าแทนที่เวหา

ยังมีใครตกสำรวจในบัญชีของเธออีกไหม มัสลิน !

เป็นคำถามที่เพลิงกัลป์ลืมไปอย่างหนึ่งว่า เขานั่นล่ะ ... ที่ตกสำรวจชื่อของตัวเอง

เพราะมัวแต่มองคนอื่น จึงไม่ทันได้นับรวมชื่อ 'เพลิงกัลป์' เข้าไปด้วย











*****************************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับไลค์กำลังใจฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ย. 2558, 00:00:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2558, 00:00:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1287





<< ใยเส้นที่ 25 .. ความทรงจำ ไม่เคยเลือนหาย   ใยเส้นที่ 27 .. กับดักชักใย >>
kaelek 19 พ.ย. 2558, 15:38:03 น.
หึหึ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยยนะคุณไฟ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account