เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 2 ครึ่งแรก

ควันจางๆ จากปลายกระบอกปืนลูกซองกำลังลอยขึ้นสู่อากาศ ภาวัตยืนนิ่งไม่ทันได้ขยับ มองสิ่งที่เกิดขึ้นและชายตรงหน้า เลือดแดงฉานกระจายสาดเสาสีขาวของศาลาไม้ คนงานพากันมองตะลึงแล้วกรูกันมา พัชนียกมือทาบอกมองพ่อด้วยความตกใจ ชายชราถอนใจวางปืนลงมองแขกไม่ได้เชิญอย่างรำคาญดังเดิม
“เกิดอะไรขึ้นน่ะพ่อ ยิงปืนทำไม”
“สั่งให้คนงานมาเก็บซากงูไปด้วย แล้วถ้าไอ้หมอนี่มาอีก ไม่ต้องต้อนรับ ไล่กลับสถานเดียว ใครขัดคำสั่งจะถูกไล่ออก เข้าใจไหม”
คนงานยิ้มแหยพลางพยักหน้าแล้วไปเก็บซากงูเห่าตายคาที่ กระสุนเจาะเข้าหัวตรงหัวที่กำลังแผ่แม่เบี้ยอย่างเหมาะเหม็ง นึกว่าจะฆ่ากันตายเสียแล้ว
ภาวัตยกมือไหว้ชายชราที่ไม่ชอบหน้าเขา แต่ยังมีน้ำใจช่วยยิงงูไว้ มองจากระยะแล้วถ้างูเห่ากระโจนคงถึงขาของเขาได้ในเสี้ยววินาที
“ขอบคุณครับ แต่ก่อนที่ผมจะไป ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณกับปู่ของผมเคยมีเรื่องอะไรกันมาถึงได้เกลียดกันแบบนี้”
“กลับไปซะ แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก บอกปู่ของคุณด้วยว่าถ้าไม่อยากเสียใจในภายหลัง ห้ามล้ำเส้นอีก” ร่มธรรมประกาศกร้าวแล้วสะพายปืนพาดบ่าเดินกลับเข้าบ้านไป
ภาวัตมองตามนึกแล้วเชียวถ้างานง่ายคงไม่กระเด็นจากเลขามาถึงเขาหรอก ปู่ไปทำอะไรไว้ พัชนีเดินมาส่งแขกที่รถไม่พูดอะไรนอกจากให้เดินทางปลอดภัย แล้วแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะไปทำอะไรได้นอกจากขับรถจากไปด้วยคำถามมากมาย ส่งตัวแทนมาซื้อน่าจะดีกว่าละมั้ง ร้อนเงินหนักเข้าอย่างไรก็ต้องขาย

ทีปต์ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านตามมาด้วยเสียงเดินที่บอกอารมณ์ของเจ้าตัว แค่นี้ก็เดาได้ไม่ยากแล้วว่าใคร อาหารเย็นที่สั่งให้แม่บ้านเตรียมไว้เร็วปกติกำลังส่งกลิ่นหอมเรียกแขก เรียวปากหนาเม้มหมั่นไส้ปู่ตัวเอง นึกหรือว่าแค่ของอร่อยจะมาหยุดคำถามที่เขาเตรียมไว้เป็นกระบุง แล้วไงล่ะ เจอคนแก่ยิ้มให้ เจ้าเล่ห์แผนสองชัดๆ
“นึกแล้วว่าจะต้องมา หิวไหม กินอะไรก่อนจะคุยกันดีหรือเปล่า” ทีปต์ชวนทำหน้าซื่อ
หลานค้อนใส่แถมถอนใจให้อีกฟืดก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ กัน รู้อยู่แล้วว่าล่ะสิว่าเขาต้องไปเจอกับอะไรและคำตอบที่ได้มาจะเป็นอย่างไร
“บอกผมมาให้หมด ถ้าไม่ใช่เพราะงูตัวนั้น ผมคงเป็นคนรับกระสุนไม่ได้มาหาปู่แล้ว”
คิ้วของชายชราขมวดมุ่นก่อนจะคลาย เจ้านั่นยังชอบใช้ปืนขู่แต่ไม่เคยกล้ายิงเหมือนเดิม เขารู้ไงถึงได้ส่งหลานชายไปเป็นการให้เกียรติ
“ธรรมไม่ฆ่าใครหรอก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาและเหลืออยู่ ขนาดปู่ที่มันแค้นมาก มันยังไม่ทำอะไรเลยนอกจากบอกว่าเกลียดแล้วแสดงให้รู้ว่าเกลียด”
ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย ถ้าปู่เป็นมาเฟียในอดีตแล้วร่มธรรมล่ะเป็นอะไร มาเฟียเหมือนกันแน่ๆ ยิงแม่นอย่างกับทีมชาติขนาดนั้น
“บอกมาให้หมดเลยนะปู่ คราวนี้ผมจริงจัง ไม่ใช่เพราะเกือบถูกยิง แต่ผมไม่ชอบที่มีใครมาเกลียดปู่แบบนั้น ตลอดเวลาที่เติบโตมาในสายตาของผมปู่เป็นคนดี ไม่ใช่ใครที่จะเอามาด่าเสียหายแบบนั้น”
ทีปต์ยิ้มปลื้มแต่กลบเกลื่อนหัวเราะชอบใจ “หลานใครวะ เท่ชะมัด หล่อด้วย”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องน่าปู่ ไม่งั้นผมจะโทรเรียกพี่คิมมาฟังด้วยอีกคน”
“สงสัยให้ดูแลบริษัทเดียวคงไม่พอแล้วละมั้ง” เสียงหมั่นไส้ลอยมา แต่ให้อย่างไรก็ยังถูกจ้อง ไอ้หลานบ้าไม่ได้กลัวปู่มันเสียเลย “ก็ได้...ปู่จะเล่าให้ฟัง”
ภาวัตปั้นหน้าเคร่งขรึมตั้งใจฟังเรื่องราวในหนหลัง ถ้ารู้ต้นเหตุ การแก้ไขเพื่อให้เบาบางพอให้คู่กรณีตกลงคงเป็นไปได้ ยกเว้นแต่ว่าเรื่องที่ปู่ทำไว้ในอดีต หากเป็นตัวเขาเองคำว่าให้อภัยคงไม่ทางเกิดขึ้นได้ง่ายแน่ๆ มันต้องมีทางสิ อย่างน้อยคงปวดหัวน้อยกว่าเข้าแผนจับคู่ของปู่ล่ะน่า

ภาวัตขับรถมานั่งดื่มที่ร้านเดิมอีกครั้ง ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงนั่นล่ะถึงค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง จะกลับอยู่แล้วถ้าไม่เจอเพื่อนเลยต่ออีกสักหน่อย เสียงเพลงยังคงดึงครึกครื้น บางคนสนุกสุดเหวี่ยงก็ออกไปเต้น เขามองเฉยแม้ว่าจะมีสาวๆ หลายคนมองมาอย่างสื่อความหมายที่เข้าใจได้ไม่ยาก บางเวลาเขาก็อยากฟังเพลงเพลินๆ แค่นั้น
“ปล่อยมือด้วยค่ะ ไม่งั้นฉันจะเรียกผู้จัดการ”
เสียงคุ้นๆ เหมือนอยู่ใกล้ๆ ภาวัตหันมองไปก็เห็นผู้ชายกำลังกุมมือพนักงานคนหนึ่งไว้ ร่างนั้นยืนเฉย มีเพียงข้อมือที่พยายามดึงออกมา
“คืนนี้เรียกเท่าไหร่ก็บอกมา ฉันถูกใจแล้วจ่ายไม่อั้น”
ภาวัตกอดอกมอง ผู้หญิงส่วนหนึ่งที่ทำงานในที่แบบนี้มีข้อต่อรอง แต่อีกส่วนหนึ่งมาเพื่อทำงานเพียงอย่างเดียว เธอคนนั้นอยู่ในประเภทไหน
เงียบไปชั่วอึดใจ มือที่ถูกจับไว้ยังอยู่ที่เดิม ภาวัตเกือบจะหมดความสนใจหากว่าขาที่ยังว่างของพนักงานคนนั้นจะไม่เตะใส่เก้าอี้แขกจนล้มลงไปนอนแอ้งแม้งส่งเสียงร้องโอดโอยจนน่ากระทืบซ้ำ นักเที่ยวเงียบเสียงกระจายห่างออกไป สายตาของคนลงมือแน่วแน่จนกระทั่งผู้จัดการของผับเข้ามากลางวงแล้วมองพนักงานอย่างไม่พอใจ
“มีอะไรกัน ทำไมแขกลงไปนอนแบบนั้นฮึ บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า...”
“ลูกค้าคือพระเจ้า แต่ลูกค้าของเฮียลวนลามลินเมื่อกี้นี้ใครๆ ก็เห็น ใช่ไหม” หญิงสาวมองพนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่รายนั้นกลับก้มหน้าหลบ
“เอ่อ...”
แขกได้ทีทำเป็นเจ็บนอนต่อแทนที่จะลุกขึ้นมา แถมยังมองพนักงานที่หมายตาแสดงออกอยากฉุนเฉียวจนผู้จัดการผับต้องลงมาช่วยประคอง แต่ยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปด
“เห็นไหม ผมไม่ได้ทำอะไร เด็กของคุณทำผมบาดเจ็บจะรับผิดชอบยังไง หรือจะให้เรื่องถึงตำรวจ”
มาลินกระโจนเข้าใส่ แต่ถูกเพื่อนพนักงานคว้าตัวไว้ ผู้จัดการถลึงตาเตือนไม่อยากให้มีเรื่องใหญ่โต ลูกค้ายิ่งได้ใจเรียกร้อง
“เอายังไง เห็นไหมเด็กคุณจะทำร้ายผมอีกแล้ว คงต้องถึงตำรวจริงๆ ข้อหาทำร้ายร่างกายแล้วอะไรอีกดีนะ”
ภาวัตส่ายหน้าพลางเดินเข้ามาร่วมวงอีกคน “คงไม่ต้องหรอกมั้ง ผมนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เห็นคุณแต๊ะอั๋งแอบลูบก้นของน้องคนนั้น แล้วยังจับมือยื่นข้อเสนอ อะไรนะ ถูกใจแล้วจ่ายไม่อั้นใช่ไหม”
คนก่อเรื่องชะงักกึก มาลินยิ้มให้พยานที่หน้าตาเหมือนเคยพบที่ไหน แต่ไม่สำคัญเท่าเขามาช่วยเธอ
“ใช่ค่ะ”
“หาเรื่องแล้ว เด็กมันเสนอตัวเองต่างหาก”
มาลินกระโจนเข้าใส่อีกรอบแต่ไม่ถึงตัวไอ้ชั่วนั่นเพราะมือหนาคว้าเอวมาแล้วเอาตัวเองมายืนบังคู่กรณีไว้ อีกฝ่ายกระโจนเข้ามาเลยคว้างไปเมื่อเทียบตัวต่อตัวแล้วเสียเปรียบเห็นๆ
“ถ้างั้นผมคงหูฝาดละมั้ง ก็ได้ เราไปสถานีตำรวจกันหมดนี่แหละ”
มือหนาคว้าข้อมือของมาลินเดินดุ่มไปยังประตูทางออก แต่คู่กรณีกลับวิ่งมาขวางทางไว้ ยกมือห้ามอย่างกับเมื่อครู่ไม่ได้ท้าจะแจ้งตำรวจแหยงๆ
“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยครับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ”
“ที่เมื่อกี้ทำไมไม่พูดแบบนี้ ไม่ค่ะ ฉันไม่ตกลง คุณยอมเป็นพยานให้ใช่ไหมคะ” มาลินถามเพื่อความแน่ใจไม่ใช่ไปหน้าแตกที่โรงพัก
“แน่นอน ถ้าอยากให้เรื่องจบก็ขอโทษแล้วไปไกลๆ แต่ถ้าไม่...” ภาวัตแกล้งพูดค้างไว้ แต่สีหน้าบอกชัดว่าเอาจริง
มาลินจ้องลูกค้าชั่วๆ ถ้าไม่ขอโทษแล้วเรื่องถึงตำรวจก็เป็นไงเป็นกันล่ะ
“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะพี่ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย” คู่กรณีลนลานหน้าซีด พยายามยิ้มให้พนักงานที่หมายตา “ขอโทษนะน้อง พี่แค่ล้อเล่น น้องก็จริงจังไปได้”
ผู้จัดการหน้าเจื่อนเพราะดันออกตัวเข้าข้างลูกค้าไปแล้ว “ถ้างั้นก็จบลงแค่นี้แล้วกัน ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกผมคงไม่ให้คุณเข้าร้านแล้วนะครับ”
มาลินเกือบจะโพล่งออกไปว่าแบบนี้ไม่ควรมาอีกเลยต่างหาก แต่ยังไม่อยากตกงาน ได้แต่มองคนทำผิดเดินออกจากร้านอย่างกับไม่ได้ทำอะไรไว้ เสียงถอนใจยาวทำให้ภาวัตหันมามอง สูงยังไม่ถึงไหล่ของเขาด้วยซ้ำ แต่เด็ดเดี่ยวเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะ” มาลินยกมือไหว้ ก่อนจะกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
“ยิ้มอะไรวะวัต” เพื่อนถามเมื่อเห็นภาวัตมองตามพนักงานคนนั้นไป
ภาวัตส่ายหน้า ไม่มีเรื่องบนเตียงอย่างที่เพื่อนคิดแม้แต่นิดเดียว “เด็กเดี๋ยวนี้กล้าดี เมื่อกี้ถ้าไม่ช่วยสงสัยคงชกเจ้านั่น ไม่รู้จะเจ็บตัวเสียเองหรือเปล่า”
“เสือผู้หญิงลงทุนไปช่วยลูกกวางเนี่ยนะ”
“ไม่ได้คิดอะไรหรอกน่า วันนี้เหนื่อย อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับแล้ว”
เขาหัวเราะอารมณ์ดีสายตามองหา...เด็กคนนั้น ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกันกับเขามานานเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่เรื่องของตัณหาแต่ว่าห่วง การเป็นพ่อมา 5 ปี ทำให้เขาเซนซิทีฟในเรื่องที่ไม่เคยเห็นความสำคัญ ป่านนี้พ่อแม่คงเป็นห่วงแล้วกระมัง ทำไมปล่อยให้ลูกสาวมาทำงานแบบนี้หนอ

รถสปอร์ตขับออกมาจากผับผ่านทางเดินที่ยังคลาคล่ำไปด้วยนักเที่ยวที่ยังทยอยเดินทางมา ภาวัตมองทางไปเรื่อยหักพวงมาลัยเตรียมเลี้ยวขวาเพื่อออกสู่ถนนสายหลัก ใครคนหนึ่งเดินไม่ถนัดนักมีปลายทางที่ปลายซอยเช่นกัน เขาคงจะไม่สนใจหากว่าใบหน้าสวยหวานทว่าเหมือนสต๊าปไว้ให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกสัก 2 ปีจะไม่ใช่พนักงานที่แสนกล้าได้ใจคนนั้น รถชะลอรอจนกระทั่งเธอคนนั้นเดินมาถึงจึงเปิดกระจกส่งเสียงทักทาย
“ให้ไปส่งไหม เดินกะเผลกนี่” สายตาคมมองที่ขา แล้ววกกลับมาที่ใบหน้าซีดๆ ไร้เครื่องสำอาง
มาลินยกมือไหว้อย่างไรเสียก็เพิ่งช่วยกันมาเมื่อครู่
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกนิดเดียวก็ถึงป้ายลดเมล์แล้ว”
“ตามใจ กลับบ้านดีๆ แล้วกัน ฉันคิดว่าเด็กๆ อย่างเธอไม่เหมาะกับงานที่นี่เท่าไหร่หรอกนะ มันอันตาย”
แล้วเธอเหมาะกับงานอะไรงั้นหรือ ผู้ชายที่มีลูกและภรรยาแล้ว แต่ยังเที่ยวกลางคืนอย่างนี้เรียกว่าอันตรายได้เหมือนกันหรือเปล่า เรียวปากหนายิ้มบางสายตาแบบนั้นคงไม่รู้จักโลกใบนี้สักเท่าไหร่
“เดี๋ยวค่ะ” มาลินเปิดกระเป๋าหยิบลูกอมมายื่นให้ “เผื่อจะช่วยได้ ขับรถจะได้ไม่หลับในค่ะ”
ภาวัตรับมาน่าขัน เขาอายุมากเกินกว่าจะมากินของแบบเด็กๆ แล้ว
“ขอบใจ”
กระจกเลื่อนปิดลงรถค่อยๆ เคลื่อนจากไป ทว่ากระจกข้างยังสะท้อนร่างบอบบางกำลังก้าวเข้าไปในรถที่ชายหนึ่งเข้ามาจอดเทียบ เรียวปากหนายิ้มขัน เขาห่วงมากเกินไปเอง ผู้หญิงไม่ว่าเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ที่มาทำงานกลางคืนแบบนี้มีหรือจะไร้เดียงสาไม่รู้ทันเกมของผู้ชาย แค่ใครเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าเท่านั้นเอง

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ย. 2558, 09:24:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ย. 2558, 09:24:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1171





<< ตอที่ 1 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account