เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง

ประตูห้องทำงานผลักเปิดในเวลาก่อน 7 โมงเช้า หากย้อนไปสัก 6 ปีที่แล้วการทำงานตั้งโต๊ะไม่ใช่วิถีทางของภาวัต แต่เมื่ออายุมากขึ้นความรับผิดชอบจะงอกงาม ความสนุกสนานไปวันๆ จะลดลงแล้วหายไปเมื่อโฟกัสถึงอนาคตมากกว่า เก้าอี้รับแขกถูกจับจองเรียบร้อย เขายิ้มให้พี่ชาย แม้จะต่างสายเลือด แต่เราก็มีเป็นหลานของทีปต์เหมือนกัน
ใต้ตาของคิมหันต์ไม่ดำคล้ำเหมือนคนอดนอนอย่าง 2 ปีก่อน แต่สดใสและเริ่มไว้หนวด ทั้งๆ ที่ลูกสาวคนเล็กเพิ่งจะไม่กี่ขวบก็เตรียมหวงล่วงหน้าแล้ว
“ว่าไงเจ้าวัต หน้าตาเหมือนยังไม่ได้นอน กิจกรรมมากนักหรือไง ได้ข่าวว่าได้แชมป์อีกแล้วนี่ ยินดีด้วย” พี่ชายถามแม้ว่าจะพอรู้อะไรมาบ้าง เจ้าวัตเพลาๆ เรื่องเที่ยวไปแล้ว แต่ยังเจ้าสำราญอยู่
“เปลี่ยนเป็นให้ผมพักสักสามวันแทนได้ไหม แล้วผมไปช่วยเลี้ยงสองแสบ พาภาคไปอีกคน รับรองสนุก” ภาวัตส่ายหน้าเสียเอง บ้านเปิดเปิงน่ะสิ “ถ้างั้นวันนี้เลิกงานแล้วไปหาสองแสบสักหน่อยดีกว่า เผื่อจะมีแรงบันดาลใจหาเมียกับเค้ามั่ง”
คิมหันต์หัวเราะเสียงดัง “ตามใจเถอะพ่อมหาจำเริญ แล้วใครนะผู้หญิงคนนั้นน่ะ อ้อ ลัลนาตกลงแต่งด้วยแล้วงั้นสิ สมควรดีใจด้วยหรือเปล่า ”
กาแฟที่เลขาเอามาวางไว้ให้แทบสำลักออกจากปาก ถ้าขนาดคิมหันต์รู้ป่านนี้คงลือกันทั้ง Blue Enterprise แล้วล่ะ รายนั้นก็เป็นเซเลบไฮโซคนดังขยันทำให้สิ่งรอบตัวเป็นข่าวเสียด้วย
“อูย! คนนี้ยังไม่ใช่แม่ของลูกหรอกพี่คิม ถึงจะเจ้าชู้ แต่ผมก็เลือกนะ”
“ฟังเหมือนจะดี แต่แย่ว่ะ ได้เวลาแล้ว ไปประชุม วันนี้นายเป็นลีด ฉันจะคอยเสริมแล้วกัน” ผู้มากวัยกว่าเดินนำไปที่ประตู แต่พอน้องชายมาเดินเคียงก็แซะเบาๆ ถึงเรื่องที่รู้มา “ได้ข่าวว่าปู่ให้ทำงานสำคัญให้ ระวังนะว่า...”
“งานนี้ไม่มีจับคู่แน่นอน มีแต่ลูกปืนกับเรื่องเก่าๆ ของตาแก่สองคน อยากฟังไหมละพี่คิม”
“ไม่ดีกว่า ไม่อยากปวดหัว”
ภาวัตขมวดคิ้วใส่ทีเรื่องที่อยากให้รู้ล่ะดันไม่อยากรู้ขึ้นมาอีก บางทีปู่กับพี่ชายอาจคุยกันเองแล้วก็ได้ หรือว่าจะแผนจับคู่จริงๆ วันนั้นที่ไปไม่เห็นมีใครที่น่าจะเป็นเป้าหมายของปู่ได้สักคน ไม่หรอกมั้ง แค่เรื่องที่ดินเท่านั้นแหละ

พิพัฒมานั่งรอมาลินอยู่ที่ซุ้มม้าหินอ่อน พอเห็นเพื่อนมาก็ยิ้มกว้างให้แม้ว่าจะร้อนใจ ทั้งที่บอกว่าห่วง แต่พอมีเรื่องเขากลับไม่ได้อยู่ด้วยตอนนั้น แค่เห็นสีหน้ามีหรือจะไม่เข้าใจ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ห่างกันแค่ปั่นจักรยานไม่กี่นาทีก็ถึง
“ถ้าพัฒอยู่ด้วยจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น พัฒขอโทษนะลิน”
มาลินหัวเราะเบาๆ “ช่างมันเถอะน่า ยังไงลินก็ไม่ได้เป็นอะไรมีคนมาช่วยไว้ ยังไปทำงานต่อได้”
“ไม่ต้องไปแล้วดีกว่า เดี๋ยวพัฒหางานอื่นให้ทำหลังเลิกเรียนใหม่นะ” เขามันผู้ชายทำงานกลางคืนยังไงก็ได้ แต่มาลินเป็นผู้หญิง ถ้าป้าพัชรู้เข้าคงถูกดุแน่ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า คิดเรื่องไปฝึกงานดีกว่า มะรืนนี้แล้ว เตรียมตัวบ้างหรือยัง”
พูดเรื่องนี้ขึ้นมาพิพัฒก็ถอนใจยาวทำเหมือนโกรธใครขึ้นมาทันที
“น่าเบื่อ เสียดายถ้าพัฒได้ไปฝึกงานที่เดียวกับลินคงดี แต่นี่ลินดันไปที่เดียวกับยัยเอมิกา คงมีเรื่องให้ปวดหัวตลอดอีก ถ้ายัยนั่นว่าอะไรลิน บอกเลยนะ พัฒจะไปจัดการให้”
มาลินก็อยากจะบอกว่าคงไม่มีอะไรหรอก แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกได้เลยว่ามีแน่ๆ ไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ปี 1 เพราะเรื่องพี่รหัส เธอไม่รู้อะไรด้วยเลยแท้ๆ
“ช่างเถอะน่า ฝึกงานที่เดียวกันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่เคยแย่หรอก” เสียงกริ่งแต่ละชั่วโมงดังขึ้นพอดี “จะ 2 โมงแล้ว ลินต้องไปก่อนนะมีนัดกับอาจารย์”
พิพัฒจะตามไปก็ไม่ทันแล้ว คนดื้อเงียบก็มีทางเลี่ยงได้ทุกที มาลินรู้ดีว่างานที่ผับไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นักทั้งนักเที่ยวที่มีคนดีและพวกหาเศษหาเลย แต่มันจำเป็น ตอนนี้ทางบ้านกำลังฝืดเคือง ถึงจะบอกว่าส่งเธอเรียนอีกเทอมได้สบายๆ ได้บัญชีรายรับที่น้อยกว่ารายจ่ายจนน่าใจหาย ทำให้เธอตัดสินใจหางานทำหลังเลิกเรียน
“โอ๊ะ...!?!”
เสียงร้องตามมาด้วยก้นกระแทกพื้น หนังสือที่ถือมาหลุดจากมือกระจาย มาลินยันแขนลุกขึ้นมามองคนที่ ‘น่าจะ’ ก่อเรื่อง พื้นตรงนี้คงไม่เปียกขึ้นมาได้เองหรอก ถ้าไม่มีคนมือบอนทำ
“อุ้ยๆ ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เป็นอะไรมากไหมลิน ดูสิกระโปรงเลอะเลย ไปห้องน้ำก่อนไหม เดี๋ยวฉันเข้าไปก่อน แล้วจะรอนะ”
มาลินนับเลขอยู่ในใจ เวลาอยู่ในชุดนักศึกษาไม่อยากมีเรื่อง
“ไม่ต้องหรอก แค่นี้เอง ไปพร้อมกันนั่นแหละ ไหนๆ เธอก็จงใจมายืนรออยู่แล้วนี่”
เอมิกากลายเป็นงงงันเสียเอง แทนที่มาลินจะโวยวายใส่กลับก้มลงไปเก็บหนังสือมาถือไว้เหมือนเดิม แล้วก่อนหน้านี้ที่ขัดขาจนเธอล้มตอนไปป่วนที่ผับหมายความว่ายังไง ผีเข้าหรือผีออก

หอพักของมาลินยอยู่ห่างจากบริษัท Blue furniture ไม่กี่ป้ายรถเมล์ทำให้การฝึกงานเดินทางสบายกว่าไปมหา’ลัย เหตุผลที่ยอมทนก็เพราะหอพักราคาถูก ไม่แพงมากอย่างที่อยู่ใกล้ๆ รปภ.ชี้ทางให้เธอเดินเข้ามาพร้อมกับแลกบัตรเยี่ยมชมมาใช้ชั่วคราว แผนกบุคคลอยู่ชั้นแรกของตึกที่ออกแบบแปลก ชั้น 1-3 เป็นตึก แต่ชั้นที่ 4 เป็นเรือนไทย สวยและน่าจดจำดี
มาลินผลักบานกระจกเข้าไป พนักงานที่หันมาพอดียิ้มให้แล้วเดินมา เธอยิ้มกลับพลางยกมือไหว้
“นั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมีน้องพนักงานพาไปแผนกที่ฝึกงาน ถ้าสงสัยอะไรถามตรงนี้ได้ก่อนเลย”
คงเป็นเรื่องน่าบันทึกไว้ในรอบปีเมื่อเก้าอี้ตอนรับมีคนมานั่งอยู่ก่อนแล้ว ปกติเวลาเข้าเรียนก็สายเกือบตลอด เอมิกายิ้มให้มาลินทั้งที่ไม่ทำแบบนี้มาเกือบ 3 ปีแล้ว สร้างภาพชัดๆ
“รายงานที่ต้องส่งให้ทำเป็นภาษาอังกฤษด้วยไหมคะ ทราบมาว่าเอกสารส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษค่ะ” เอมิกาถามอย่างสนใจ
“ถ้าได้ก็จะดีค่ะ เอาเป็นว่าของทั้งไทยและอังกฤษเลยแล้วกันนะคะ”
มาลินจดใส่สมุดบันทึกมองเอมิกาที่วันนี้มาในมาดสาวช่างถาม เป็นการเป็นงานและเก่งเฉิดฉาย ตามสบาย ดูตอนฝึกงานจริง อะไรต่างๆ ที่ฝืนไว้คงเก็บไม่มิดเอง
“แล้วน้องมาลินมีคำถามไหมคะ” พนักงานคนเดิมหันมาถาม
“มีค่ะ ที่นี่มีเหตุลิฟต์ค้าง ลิฟต์เสียบ่อยไหมคะ”
เอมิกาหัวเราะพลางลูบไหล่เพื่อนเบาๆ ยิ้มหวานเพราะถามอะไรก็ไม่รู้ แต่มาลินกลับตั้งใจรอฟังยิ่งกว่าคำตอบเมื่อครู่เสียอีก
“เคยมีครั้งเดียวตั้งแต่เปิดบริษัท แต่วันก่อนช่างก็เพิ่มเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาลิฟต์ค้างแน่นอน น้องเคยติดอยู่ในลิฟต์มาก่อนหรือคะ”
“ไม่เคยค่ะ แต่คิดว่ามันคงน่ากลัวมาก ขอโทษนะคะที่ถามไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน”
พนักงานพยักหน้าแล้วบอกให้นั่งรออีกสักครู่ มาลินหยิบวารสารของบริษัทมาอ่าน ในขณะที่เอมิกาแชทไลน์ต่างจากเมื่อครู่ราวกับคนละคน พอพี่ในแผนกบัญชีมารับเราทั้งหมดก็เดินกันไปที่ชั้น 3 เธอยิ้มสบายใจแค่นี้เองจะขึ้นลิฟต์ไปทำไมกัน แต่คนรักสบายนี่สิแอบเบ้ปาก

ผลประกอบการ Blue ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สามไตรมาสออกมาสวยงาม หลังจากภาวัตเข้ามาบริหารอย่างเต็มตัวเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ถึงกระนั้นปัญหาก็มักมีให้แก้อยู่ตลอดเวลา อย่างปัญหาล่าสุด ปางไม้ที่ส่งไม้มาให้ตลอดเกิดปัญหาภายในทำให้ต้องหาแหล่งไม้เพิ่มเพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดเฟอร์นิเจอร์
“คู่แข่งของเรามีไหม สำหรับไม้จากปางไม้วัฒนา” ภาวัตถามผู้จัดการฝ่ายการตลาด ทางออกอีกทางยังเปิดอยู่ แต่เขาไม่ค่อยอยากข้ามไปเท่าไหร่เลย
“มีสองรายครับ แต่ทางคุณรัมภายังไม่ตกลงกับใครเพราะรอให้คุณวัตไปเจรจาด้วยตัวเอง”
คิ้วหนาขมวดเพิ่งรู้ว่าปัญหาเกิดจากเขางั้นหรือ ดูเหมือนเรื่องธุรกิจจะถูกนำมาปนกับเรื่องส่วนตัว รัมภา...ชื่อนี้เขาไม่เคยลืมไปจากสมอง เมื่อถึงคราวคงต้องไปพบเสียทีกระมัง
“ผมจะไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนสิ้นเดือนนี้แล้วกัน ขอตัวเลขที่ปางไม้วัฒนาสามารถผลิตได้ ถ้าเรายอมหรืออ่อนข้อมากเกินไปอาจจะถูกเพิ่มราคา” หรืออาจมีเงื่อนไขอื่น เขาคิดอยู่ในใจ
“ได้ครับ แล้วถ้าคู่แข่งเสนอราคาตัดหน้า”
“มาร์เก็ตแชร์ในตลาดค้าไม้ของวงการทำเฟอร์นิเจอร์ นอกจากบริษัทของเรากับบริษัท Paralist แล้วไม่มีใครกล้าสู้ราคาปางไม้วัฒนาอีกหรอก อีกเจ้าไม่ใช่คู่แข่งของเรา”
หัวข้อเรื่องอื่นเข้ามาแทนที่ หลังจากประชุมเสร็จภาวัตลงไปตรวจที่ไลน์การผลิต เห็นนักศึกษาฝึกงานเดินตามพี่เลี้ยงเหมือนกับทุกปี นักศึกษาหันมายกมือไหว้จากไกลๆ ภาวัตรับไหว้ยิ้มให้ สายตาของเด็กคนนั้นบอกว่าจำเขาได้ โลกกลมดีจริงๆ ตามรายชื่อที่เขาได้อ่านเมื่อเช้า มาลินเป็นอะไรกับคุณร่มธรรมถึงได้มีนามสกุลเหมือนกัน

เพื่อคลายความสงสัยหลังเลิกงานแล้วแทนที่จะกลับบ้าน ภาวัตขับรถตามรถเมล์ที่มาลินนั่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน เด็กคนนั้นเดินเข้าด้านหลังผับไป เสียงเพลงดังอึกทึกเป็นความสนุกที่เขาล่องลอยสบายใจ จนกระทั่งเห็นคนหน้าคุ้นๆ มองผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมองมาลินอยู่เช่นเดียวกับเขา ร่างเล็กบางในชุดพนักงานเดินเสิร์ฟสารพัดเครื่องดื่มไม่หยุด
ภาวัตมั่นใจอีกประเดี๋ยวคงมีเรื่องอีกแล้ว จะช่วยหรือไม่ช่วยดี ผู้ชายผูกใจเจ็บนี่เรียกตัวอะไร มาลินเดินออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นผู้หญิงที่เพิ่งสั่งเครื่องดื่มยกมือเรียก หญิงสาวยิ้มให้แม้จะรู้สึกว่าลูกค้ามองมาแปลกๆ
“ต้องการอะไรเพิ่มหรือคะ”
“มีอะไรก็ไม่รู้อยู่ในแก้ว เอาไปดูสิ”
มือบางยื่นไปทว่ายังไม่ทันรับ แก้วก็ร่วงลงพื้นแตกกระจายเสียงดังพอให้ลูกค้าและพนักงานคนอื่นๆ หันมามองด้วยความสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันไม่น่าตกใจเท่าลูกค้าผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นมาแผดเสียงดังลั่นยิ่งกว่าตะโกนใส่โทรโข่งงานวัด
“มันจะมากไปแล้วนะ แค่เรียกมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่มทำไมต้องไม่พอใจด้วย”
สายตาทุกคู่มองมารวมทั้งผู้ชายที่เธอยกมือไหว้ตอนอยู่บริษัท เขาจะเข้ามาช่วยเหมือนคราวก่อนหรือเปล่า แต่ก่อนที่จะมีใครมาช่วย เธอต้องปกป้องตัวเองก่อน
“คุณทำแบบนี้ทำไม” มาลินพูดเสียงดังเรียบๆ ไม่ก้าวร้าว
“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอน่ะทำ ดูสิแก้วแตกหมดแล้ว ผู้จัดการอยู่ที่ไหน เรียกมาเลยนะ เมื่อกี้ตอนสั่งเครื่องดื่มก็ชักสีหน้าใส่ฉันไปทีหนึ่งแล้ว”
เธอเนี่ยนะที่ชักสีหน้า มาลินยังไม่ได้ทันได้ตอบโต้ ผู้จัดการก็เข้ามาเหมือนคราวก่อนมองเธอเหมือนทำผิดไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้อธิบายสักคำ
“เธออีกแล้วหรือมาลิน วันก่อนก็เพิ่งมีเรื่อง”
มาลินอ้าปากจะแก้ต่างให้ตัวเอง แต่กลับถูกยกมือห้าม เธอมองไปที่โต๊ะริมสุด เขาน่าจะเห็นสิว่าเธอยังไม่ได้รับแก้วมาจะไปขว้างลงพื้นได้ยังไง แต่เขากลับมองเฉยไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมา
“ขอโทษจริงๆ นะครับคุณผู้หญิง ผมจะดูแลพนักงานเอง ส่วนเครื่องดื่มวันนี้ลดราคาให้ 50% นะครับ”
“พนักงานแย่ๆ แบบนี้มีไว้ทำไมล่ะคะ แขกหนีเปล่าๆ” ลูกค้าสาวสวยยังใส่ไม่ยั้ง
มาลินทนไม่ไหวก็ใส่กลับไปบ้าง “แต่คุณหาเรื่องฉันจริงๆ นะ มีใครเห็นไหมคะ”
เงียบกริบ ไม่มีใครเข้ามาช่วยเป็นพยานให้เธอ แม้กระทั่งผู้ชายคนนั้น เธอมั่นใจเขาต้องเห็นแต่ทำคราวนี้ไม่ช่วย สายตาของผู้จัดการที่มองมาบอกชัด...ไม่พอใจ
“พอได้แล้ว มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ไปหลังร้าน รับเงินของวันนี้แล้วไม่ต้องมาอีก”
“ผู้จัดการคะ!”
พนักงานคนอื่นๆ พากันช่วยขอร้องแทนมาลินที่อยู่ๆ ถูกไล่ออกแบบฟ้าผ่า แต่ผู้จัดการฟังใครเสียที่ไหน ลูกค้าสาวทำหน้าตกใจ ทว่าริมฝีปากยิ้มบาง เธอไม่เคยพบผู้หญิงคนนี้มาก่อน ทำไมถึงมาหาเรื่องกัน แต่มันไม่น่าเสียใจเท่าถูกไล่ออกทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เธอเดินไปหลังร้าน ไม่ขอร้องอะไรทั้งสิ้น
โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเลย!


แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2558, 09:51:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2558, 09:51:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1277





<< ตอนที่ 2 ครึ่งแรก   ตอนที่ 3 ครึ่งแรก >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 13 พ.ย. 2558, 00:59:08 น.
เนื้อหาเดินเรื่องน่าสนใจติดตามดี ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account