เสน่ห์รักคล้องใจ
Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน
ตอน: ตอนที่ 11-1
สวัสดีค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน ^^ วันนี้ขอมาส่งครึ่งแรกก่อนนะคะ ครึ่งหลังยังปั่นไม่เสร็จ แง่มๆๆ ช่วงนี้ใกล้สิ้นปี งานกำลังยุ่งเลย กลับบ้านไปก็เพลียไม่ได้ต่อนิยายเลยค่ะ ครึ่งหลังจะมาลงให้วันพรุ่งนี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ^_<
เสน่ห์รักคล้องใจ ตอน 11-1
“แพร ตอนนี้อยู่ที่ไหนจ๊ะ พี่เสร็จงานแล้วกำลังจะลงไปข้างล่างนะ” อัศวินโทรหาพิชชาภาทันทีที่ออกมาจากห้องทำงานและกำลังเดินไปที่ลิฟท์
“ตอนนี้แพรก็อยู่กับแม่กับป้าวรรณที่ล็อบบี้ค่ะ เห็นพวกท่านบอกว่าจะรอเจอพี่วินก่อนแล้วจะพากันไปเลือกซื้อชุดที่จะใส่ในงานแต่งน่ะค่ะ”
“อ้าว แพรก็บอกพวกท่านสิว่าให้ไปด้วยกันก็ได้ จะได้ช่วย ๆ กันดู” พูดพลางกดปุ่มรอลิฟท์
“แพรบอกแล้วค่ะ แต่พวกท่านบอกว่า...อยากให้แพรกับพี่วิน...ได้มีแวลาอยู่ด้วยกันสองคน” น้ำเสียงเธออ่อนลงในตอนท้ายเพราะเขินอายที่จะพูด
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ขณะก้าวเข้าไปในลิฟท์ “โอเคจ้ะ พี่กำลังลงลิฟท์ สัญญาณคงหาย แล้วเดี๋ยวเจอกันนะ” เขาวางสายจากพิชชาภา ก่อนจะพิงร่างกับผนังลิฟท์ ผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ห่างกันเพียงไม่นาน เขาก็คิดถึงเธอซะแล้ว ยิ่งจีน่ามาหาเขาวันนี้ ยิ่งทำให้เขารู้ใจตัวเองดีว่าพิชชาภาคือคนที่เขาต้องการและอยากแต่งงานด้วยจริง ๆ
อัศวินยิ้มพลางหัวเราะกับความคิดของตนเอง ในอดีตเขาไม่เคยยินดียินร้ายหรือสนใจแม้แต่จะเหลียวตามองพิชชาภาเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ตอนที่มารดาพยายามจับคู่เขากับเธอ เขายังตั้งแง่รังเกียจแถมยังเอาไปนินทากับวงเพื่อนเสียสนุกปาก แต่พอได้พบเธออีกครั้ง ความรู้สึกหลงใหลชื่นชอบในนิสัยอ่อนหวานบวกกับใบหน้าที่สวยขึ้นผิดหูผิดตา ก็ทำเอาเขาต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ติดใจเธอราวกับหนุ่มเพิ่งเคยตกหลุมรักอยู่แบบนี้
หรือว่าเสืออย่างเขา จะต้องกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ ยอมศิโรราบให้เธอแล้วจริง ๆ
อัศวินยืดตัวตรงเมื่อเสียงลิฟท์ดังเตือนว่ามาส่งถึงที่หมาย เขาเดินออกมาจากลิฟท์ สอดสายตามองหาหญิงสาวที่เขาคิดถึง แล้วก็เห็นพิชชาภากำลังคุยอยู่กับมารดาของเธอ เขายิ้มแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหา
“คุณวินครับ!”
อัศวินหันไปมอง เห็นชานนท์เดินหน้าตื่นมาทางเขา ตอนนั้น เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาหลายคู่ทั้งของพนักงานและแขกที่มาพักพากันมองมาที่เขาแล้วยิ้มขำกันสนุกสนาน พนักงานบางคนที่เดินผ่านเอ่ยทักทายแต่สายตาจ้องมองหน้าเขาแล้วก็ก้มหน้าปิดปากหัวเราะ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“มีอะไรหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า...”
ชานนท์ส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ก่อนจะหันไปมองที่ล็อบบี้แล้วเห็นพิชชาภานั่งหันข้างมาให้ ดูเหมือนเธอยังไม่รู้ตัวว่าอัศวินลงมาข้างล่างแล้ว เขาจึงขยับตัวมายืนด้านหน้าเจ้านายหนุ่ม
“เอ้า แล้วมายืนขวางฉันทำไมล่ะเนี่ย”
“ผมว่าคุณวินไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่าครับ ไปหาคุณแพรสภาพแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ”
อัศวินเอามือเท้าเอว ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “อะไรของแกวะ อยู่ ๆ จะให้ฉันไปเข้าห้องน้ำ บ้าหรือเปล่า หลบไป ไป” เขาทำท่าเบี่ยงตัวหลบจะเดินหนี ชานนท์ก็ก้าวมาขวางไว้อีก
“ตอนนี้หน้าคุณวินมีแต่รอยลิปสติกเต็มไปหมด ถ้าไม่ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าตอนนี้ สักพักพนักงานทุกคนในโรงแรมคงเอาเรื่องนี้ไปเม้าท์กันทั่ว”
“รอยลิปสติก?” อัศวินทำหน้าเหวอ เอามือจับหน้าตัวเองโดยอัตโนมัติ
“ใช่ครับ” ชานนท์กระซิบกระซาบ “ผมว่าเป็นรอยลิปสติกของคุณจีน่า ทางที่ดีคุณวินรีบไปเข้าห้องน้ำตอนนี้ดีกว่าครับ ก่อนที่คุณแพรแล้วก็คุณท่านจะมาเห็นเอา”
“ตายห่_ แล้วเยอะไหมวะไอ้นนท์” เขารีบใช้หลังมือเช็ดเป็นการใหญ่ ยิ่งเห็นคราบสีชมพูติดที่มือ เขาก็สบถด้วยความโมโห
ชานนท์มองหน้าอัศวิน เขารู้ว่าเจ้านายกำลังโกรธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำเพราะทั่วทั้งใบหน้ามีแต่รอยริมฝีปากสีชมพูสดฝากไว้เต็มไปหมด “ครับ” พูดได้แค่นั้นเพราะกลัวว่าจะหลุดขำออกมา
อัศวินขบกรามแน่นอย่างหัวเสียที่จีน่าทำเขาขายหน้าต่อหน้าลูกน้อยเป็นสิบ ๆ และอีกไม่นานก็คงจะเป็นร้อยเมื่อพนักงานพากันไปเม้าท์สนุกปาก “งั้นแกไปบอกแพรให้หน่อยว่าเดี๋ยวฉันมา” เขาชำเลืองมองข้ามไหล่ชานนท์เพื่อดูว่าหญิงสาวไม่ได้สังเกตุเห็นเขาจริง ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักงันเมื่อสบตากับมารดาเข้าอย่างจัง
“อ้าววิน มาแล้วเหรอลูก” อมลวรรณยิ้มกว้างร้องเรียกลูกชาย โบกไม้โบกมือ จากนั้นทั้งพิชชาภาและรุ้งรวีก็หันมาทางเขาด้วยกันหมด เขารีบหลบหน้าให้ชานนท์เป็นกำบังทันที
“ชิบหา_ นรกมาเยือนแล้วไหมล่ะกู” อัศวินสบถ หน้าถอดสี
ชานนท์ถึงกับไหล่สะท้าน กลั้นขำไม่ไหวอีกต่อไป
อัศวินทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ไม่ตลกเลยนะไอ้นนท์ ไปเลย ไปหาทางสกัดดาวรุ่งแม่ฉันเอาไว้ บอกว่าปวดท้อง ท้องเสีย หรืออะไรก็ได้ ฉันไปก่อนล่ะ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทำตัวลีบ หันหลังก้าวยาว ๆ เดินหายไปในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล
บอดี้การ์ดหนุ่มยังหัวเราะไม่หยุดขณะเดินไปที่โซฟาที่อมลวรรณและพิชชาภานั่งอยู่
“นั่นตาวินเขาเป็นอะไรน่ะนนท์ จู่ ๆ ก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำซะอย่างนั้น” อมลววรณเอ่ยปากถามทันที
“อ๋อ...พอดีคุณวินเขาปวดท้องกะทันหันน่ะครับ เลยให้ผมมาบอกคุณแพรว่าให้รอสักครู่” เขาปดตามที่เจ้านายสั่ง
“อะไรกัน ปุบปับก็ปวดท้องเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ” อมลวรรณย่นคิ้วสงสัย
“พี่วินอาจจะท้องเสียก็ได้นะคะคุณป้า ของอย่างนี้ห้ามกันไม่ได้หรอกค่ะ” พิชชาภายิ้มบอก
“นั่นสิ เห็นวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปเลย สงสัยจะทนไม่ไหว” รุ้งรวีเห็นเป็นเรื่องขำ แต่อมลวรรณไม่เห็นขำไปด้วย เพราะพออัศวินเห็นหน้าหล่อน ก็ทำหน้าตกใจ แล้วรีบหลบหน้าหนี วิ่งหายไปเสียดื้อ ๆ
เสียงโทรศัพท์ของชานนท์หยุดความสงสัยของหล่อนไว้ แต่พอเห็นว่าชานนท์เองก็มีท่าทางแปลก ๆ พอรับสายเสร็จก็ขอตัวแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ สัญญาณเตือนภัยของหล่อนก็เริ่มทำงานหมุนติ้ว ๆ อยู่บนหัวทันที
“เดี๋ยวฉันมานะรุ้ง เดี๋ยวแม่มานะแพร ขอแม่ไปดูตาวินหน่อย” จากนั้นก็ไม่รอช้า เดินตามชานนท์หายไปที่ห้องน้ำอีกคน
“เอาไงดีวะไอ้นนท์ จะโทรให้อรเอาเสื้อมาให้ หรือว่าฉันขึ้นไปเปลี่ยนเองดีวะ แล้วถ้าฉันเปลี่ยนเสื้อทุกคนต้องสงสัยแน่เลยว่าฉันเปลี่ยนทำไม” อัศวินถามรัวเป็นชุดเมื่อเห็นชานนท์เดินเข้าห้องน้ำมา
“อ้าว แล้วจะเปลี่ยนทำไมล่ะครับ” คนเพิ่งมาใหม่ถึงกับงง
อัศวินเลยชี้ให้ดูรอยลิปสติกเป็นรูปปากที่ติดอยู่บนเสื้อเชิ้ตซึ่งตอนนี้เปียกเป็นดวงเพราะเขาพยายามใช้น้ำล้างคราบออก “นี่ไง รอยจูบเฮงซวย ล้างเท่าไรก็ล้างไม่ออก เอาทั้งหน้าเอาทั้งเสื้อ นี่คงกะให้แพรเห็นแล้วก็ทะเลาะกับฉัน” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยว เม้มปากเป็นเส้นตรง
“อุตส่าห์ไว้ใจเซ็นเช็คให้ตั้งหกแสน แต่ก็ยังหักหลังกันได้”
“อะไรนะ! หกแสน! นี่แกบ้าไปแล้วหรือไงตาวิน!” อมลวรรณที่เพิ่งมาถึงและยืนอยู่หน้าห้องน้ำชายร้องอย่างตกใจทันทีที่ได้ยินประโยคนั่น
“แม่!” อัศวันร้องตกใจไม่ต่างกัน สีหน้าเจื่อนสนิท
“นี่แม่มาทำอะไรตรงนี้ครับ นี่มันห้องน้ำชายนะ” เขาเปลี่ยนเรื่องเสียเฉย
“ฉันไม่สน นี่มันโรงแรมฉัน ฉันจะยืนที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน” หล่อนสะบัดเสียงตอบแล้วรุกถามทันที “แล้วไอ้ที่วินให้เงินยัยจีสตริงหกแสนนี่มันจริงไหม หนอย คิดไว้ไม่มีผิด ยัยจีสตริงนี่มันร้ายนัก คงรู้ว่าวินจะใช้เงินฟาดหัวให้เลิกกับมันถึงได้มาที่นี่”
“แม่ครับ เบา ๆ หน่อยก็ได้” อัศวินทำกระซิบกระซาบ ยิ้มแหย ๆ ให้แขกที่เพิ่งเดินผ่านหน้าเข้าห้องน้ำไป
อมลวรรณตีหน้ายักษ์ใส่ลูกชาย แล้วหันไปเล่นงานอีกคนบ้าง “แล้วนี่นนท์ก็รู้ใช่ไหมว่ายัยจีสตริงนั่นมาที่นี่”
ชานนท์สะดุ้ง ก้มหน้ารับหงอย ๆ “ครับ” ตอบเสียงอ่อย
“ต้องโทษไอ้นนท์เลยแม่ที่ไม่ยอมห้ามจีน่า ปล่อยให้เธอเข้ามาหาผมถึงบนห้องทำงาน” อัศวินโบ้ยความผิดให้ชานนท์เสียดื้อๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้นิสัยเจ้านายตัวเองดีจึงไม่ได้ตอบโต้คัดค้าน
“ไม่ต้องไปโทษนนท์เลยนะ ผู้หญิงของตัวเองก่อเรื่องก็ต้องโทษวินนั่นแหล่ะที่ไม่รู้จักกำราบให้ดี” หล่อนถลึงตาใส่ลูกชาย พยายามข่มความโกรธที่ใกล้ระเบิดเต็มที่
“แม่เตือนวินเท่าไรแล้วว่ายัยจีสตริงนี่มันเป็นปลิงสูบเลือดสูบเนื้อ แต่ก่อนก็ให้เงินเดือนใช้ทุกเดือนยังไม่พอ เลิกกันยังหน้าด้านมาขอเงินเราอีก ถ้าแม่เจอยัยจีสตริงอะไรนี่คราวหน้านะ จะขอด่าให้หน้าหงายไปเลย”
อัศวินทำหน้าราวกับโดนยาเบื่อหนู “โธ่แม่ครับ...”
อมลวรรณรู้ทันว่าลูกชายจะหาข้อแก้ตัว หล่อนเลยรีบยกมือห้ามขี้เกียจฟัง “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ยังไงเรื่องที่วินให้เงินนังนั่นไปแม่ต้องคุยกับวินทีหลัง ตอนนี้ดูตัวเองซะก่อนเถอะว่าจะเอายังไง ออกไปสภาพนี้มีหวังหนูแพรต้องสงสัยแน่”
“ก็เนี่ยแหล่ะครับที่ผมกำลังเครียด ถ้าแพรเห็นรอยเปื้อนนี่เข้าผมกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดเอา”
“แม่จะไม่ยอมให้หนูแพรรู้เด็ดขาดว่าจีน่ามาทีนี่ แล้วทำอะไรกับแกบ้าง” หล่อนมองตาขวางใส่อัศวิน “รอยแค่นี้แม่ว่าวินไปหาเสื้อสูทมาใส่ทับก็พอ ไม่ต้องไปเปลี่ยนให้มันยุ่งยาก ตอนนี้แม่จะไปกู้หน้าวินไว้ก่อน”
อัศวินยิ้มเผล่ ยกมือไหว้มารดา “ขอบคุณมากครับแม่ ผมจะรีบโทรบอกให้อรเอาสูทมาให้ผมเดี๋ยวนี้เลยครับ”
อมลวรรณส่ายหน้า ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดในความสะเพร่าของลูกชาย “ให้มันเร็ว ๆ ก็แล้วกัน”
“ฉันดูโอเคแล้วหรือยังวะไอ้นนท์” อัศวินถามขณะมองตัวเองในกระจกพลางกระชับเสื้อสูทให้เรียบร้อยหลังจากอรนิชาถือลงมาให้เขาที่ชั้นล่างไม่ถึงสิบนาที
“ใช้ได้แล้วครับคุณวิน อีกอย่าง รอยลิปสติกตอนนี้ก็ดูเหมือนรอยเปื้อนธรรมดา มองเผิน ๆ เหมือนแค่เลอะสีมากกว่า”
อัศวินยิ้มพอใจกับคำตอบ “งั้นไปกันเถอะ ป่านนี้แพรรอแย่แล้ว” เขาปัดผมให้เข้าที่อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชานนท์
“อ้าว ไปไหนกันหมดแล้วล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเดินออกมาที่ล็อบบี้แล้วไม่เห็นใครนั่งอยู่ตรงนั้นสักคน เขาจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาพิชชาภา แต่โทรไปสองสามสายหญิงสาวก็ยังไม่รับ จึงโทรหามารดาแทน
“ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันครับ ผมมาที่ล็อบบี้แล้วก็ไม่เจอ” เขายิงคำถามทันทีที่มารดารับสาย
“แม่อยู่ที่ร้านเค้กหน้าทางเข้า วินรีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ตอนนี้พนักงานทั่วโรงแรมเขาเม้าท์เรื่องวินกันใหญ่แล้ว” อมลวรรณกระซิบเสียงเครียด
“อะไรนะครับ!” อัศวินร้องเสียงหลง สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก็เห็นพนักงานบางคนมองมาที่เขาแล้วอมยิ้มพลางกระซิบกระซาบกับเพื่อนร่วมงานใกล้ ๆ ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
“แล้วนี้แพร...เธอรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับ” เขาถามไม่เต็มเสียง ปลายสายตอบกลับมาฉุน ๆ
“จะเหลือเหรอ มาเร็ว ๆ เลยพ่อตัวดี”
พอวางสายจากมารดา อัศวินก็แทบอยากจะโยนมือถือทิ้ง แล้วระเบิดโทสะด้วยการสั่งไล่ออกพนักงานทุกคนที่นินทาเรื่องเขาจนถึงหูพิชชาภาให้หมด แต่เขาก็ทำได้แค่สะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองนั้นไว้ในใจ เพราะรู้ว่าเรื่องมันบานปลายจนเขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้นอกจากต้องอธิบายความจริงเพียงอย่างเดียว
อัศวินคำรามกรอด พาลโมโหไปถึงจีน่าตัวต้นเรื่อง เขาหันไปสั่งการชานนท์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “วันนี้นายไปจัดการยกเลิกสัญญาเช่าคอนโดของจีน่าให้ฉันหน่อย ยึดรถเธอมาด้วย เอาให้เสร็จภายในเย็นนี้นะ” เขากำชับ
“แล้วก็อีกเรื่องนึง” สายตาโชนประกายโกรธแค้น “จัดการให้เธอไม่มีงานทำสักเดือน ไปหาดูว่าเอเจนซี่ไหนที่เซ็นสัญญากับเธอไว้แล้วก็ให้ยกเลิกซะ เอาที่ที่ฉันรู้จักและแนะนำเธอไป ถ้าเขามีปัญหาอะไรก็ให้โทรมาหาฉัน และถ้าจีน่าถามว่าทำไมถึงยกเลิก ก็บอกให้เขาอ้างชื่อฉันได้เลย” น้ำเสียงเย็นเยียบ แฝงความเด็ดขาด
ชานนท์มองหน้าเจ้านายหนุ่มนิ่ง เห็นแววตาจริงจังแล้วเขาก็ไม่อยากท้วงติงอะไร ถึงแม้สิ่งที่เจ้านายสั่งการมาเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม “ได้ครับ แล้วผมจะรีบแจ้งคุณวินทันทีที่เสร็จเรื่อง”
“ดี เอาให้เธอรู้ว่าการผิดคำพูดและท้าทายคนอย่างฉันมันต้องเจออะไรบ้าง”
<><><><><><><><><><><><<><<><><<><><><><>
คุณ lamyong สองคนนี้ยังจะวนเวียนไม่ไปไหนคะ 55
คุณ Zephyr ถูกต้องนะคร้าบบบ สมกับเป็นแฟนนิยายเปลวหอมตัวจริง อิอิอิ ^^
เสน่ห์รักคล้องใจ ตอน 11-1
“แพร ตอนนี้อยู่ที่ไหนจ๊ะ พี่เสร็จงานแล้วกำลังจะลงไปข้างล่างนะ” อัศวินโทรหาพิชชาภาทันทีที่ออกมาจากห้องทำงานและกำลังเดินไปที่ลิฟท์
“ตอนนี้แพรก็อยู่กับแม่กับป้าวรรณที่ล็อบบี้ค่ะ เห็นพวกท่านบอกว่าจะรอเจอพี่วินก่อนแล้วจะพากันไปเลือกซื้อชุดที่จะใส่ในงานแต่งน่ะค่ะ”
“อ้าว แพรก็บอกพวกท่านสิว่าให้ไปด้วยกันก็ได้ จะได้ช่วย ๆ กันดู” พูดพลางกดปุ่มรอลิฟท์
“แพรบอกแล้วค่ะ แต่พวกท่านบอกว่า...อยากให้แพรกับพี่วิน...ได้มีแวลาอยู่ด้วยกันสองคน” น้ำเสียงเธออ่อนลงในตอนท้ายเพราะเขินอายที่จะพูด
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ขณะก้าวเข้าไปในลิฟท์ “โอเคจ้ะ พี่กำลังลงลิฟท์ สัญญาณคงหาย แล้วเดี๋ยวเจอกันนะ” เขาวางสายจากพิชชาภา ก่อนจะพิงร่างกับผนังลิฟท์ ผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ห่างกันเพียงไม่นาน เขาก็คิดถึงเธอซะแล้ว ยิ่งจีน่ามาหาเขาวันนี้ ยิ่งทำให้เขารู้ใจตัวเองดีว่าพิชชาภาคือคนที่เขาต้องการและอยากแต่งงานด้วยจริง ๆ
อัศวินยิ้มพลางหัวเราะกับความคิดของตนเอง ในอดีตเขาไม่เคยยินดียินร้ายหรือสนใจแม้แต่จะเหลียวตามองพิชชาภาเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ตอนที่มารดาพยายามจับคู่เขากับเธอ เขายังตั้งแง่รังเกียจแถมยังเอาไปนินทากับวงเพื่อนเสียสนุกปาก แต่พอได้พบเธออีกครั้ง ความรู้สึกหลงใหลชื่นชอบในนิสัยอ่อนหวานบวกกับใบหน้าที่สวยขึ้นผิดหูผิดตา ก็ทำเอาเขาต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ติดใจเธอราวกับหนุ่มเพิ่งเคยตกหลุมรักอยู่แบบนี้
หรือว่าเสืออย่างเขา จะต้องกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ ยอมศิโรราบให้เธอแล้วจริง ๆ
อัศวินยืดตัวตรงเมื่อเสียงลิฟท์ดังเตือนว่ามาส่งถึงที่หมาย เขาเดินออกมาจากลิฟท์ สอดสายตามองหาหญิงสาวที่เขาคิดถึง แล้วก็เห็นพิชชาภากำลังคุยอยู่กับมารดาของเธอ เขายิ้มแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหา
“คุณวินครับ!”
อัศวินหันไปมอง เห็นชานนท์เดินหน้าตื่นมาทางเขา ตอนนั้น เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาหลายคู่ทั้งของพนักงานและแขกที่มาพักพากันมองมาที่เขาแล้วยิ้มขำกันสนุกสนาน พนักงานบางคนที่เดินผ่านเอ่ยทักทายแต่สายตาจ้องมองหน้าเขาแล้วก็ก้มหน้าปิดปากหัวเราะ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“มีอะไรหรือเปล่า อย่าบอกนะว่า...”
ชานนท์ส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ก่อนจะหันไปมองที่ล็อบบี้แล้วเห็นพิชชาภานั่งหันข้างมาให้ ดูเหมือนเธอยังไม่รู้ตัวว่าอัศวินลงมาข้างล่างแล้ว เขาจึงขยับตัวมายืนด้านหน้าเจ้านายหนุ่ม
“เอ้า แล้วมายืนขวางฉันทำไมล่ะเนี่ย”
“ผมว่าคุณวินไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่าครับ ไปหาคุณแพรสภาพแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ”
อัศวินเอามือเท้าเอว ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “อะไรของแกวะ อยู่ ๆ จะให้ฉันไปเข้าห้องน้ำ บ้าหรือเปล่า หลบไป ไป” เขาทำท่าเบี่ยงตัวหลบจะเดินหนี ชานนท์ก็ก้าวมาขวางไว้อีก
“ตอนนี้หน้าคุณวินมีแต่รอยลิปสติกเต็มไปหมด ถ้าไม่ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าตอนนี้ สักพักพนักงานทุกคนในโรงแรมคงเอาเรื่องนี้ไปเม้าท์กันทั่ว”
“รอยลิปสติก?” อัศวินทำหน้าเหวอ เอามือจับหน้าตัวเองโดยอัตโนมัติ
“ใช่ครับ” ชานนท์กระซิบกระซาบ “ผมว่าเป็นรอยลิปสติกของคุณจีน่า ทางที่ดีคุณวินรีบไปเข้าห้องน้ำตอนนี้ดีกว่าครับ ก่อนที่คุณแพรแล้วก็คุณท่านจะมาเห็นเอา”
“ตายห่_ แล้วเยอะไหมวะไอ้นนท์” เขารีบใช้หลังมือเช็ดเป็นการใหญ่ ยิ่งเห็นคราบสีชมพูติดที่มือ เขาก็สบถด้วยความโมโห
ชานนท์มองหน้าอัศวิน เขารู้ว่าเจ้านายกำลังโกรธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำเพราะทั่วทั้งใบหน้ามีแต่รอยริมฝีปากสีชมพูสดฝากไว้เต็มไปหมด “ครับ” พูดได้แค่นั้นเพราะกลัวว่าจะหลุดขำออกมา
อัศวินขบกรามแน่นอย่างหัวเสียที่จีน่าทำเขาขายหน้าต่อหน้าลูกน้อยเป็นสิบ ๆ และอีกไม่นานก็คงจะเป็นร้อยเมื่อพนักงานพากันไปเม้าท์สนุกปาก “งั้นแกไปบอกแพรให้หน่อยว่าเดี๋ยวฉันมา” เขาชำเลืองมองข้ามไหล่ชานนท์เพื่อดูว่าหญิงสาวไม่ได้สังเกตุเห็นเขาจริง ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักงันเมื่อสบตากับมารดาเข้าอย่างจัง
“อ้าววิน มาแล้วเหรอลูก” อมลวรรณยิ้มกว้างร้องเรียกลูกชาย โบกไม้โบกมือ จากนั้นทั้งพิชชาภาและรุ้งรวีก็หันมาทางเขาด้วยกันหมด เขารีบหลบหน้าให้ชานนท์เป็นกำบังทันที
“ชิบหา_ นรกมาเยือนแล้วไหมล่ะกู” อัศวินสบถ หน้าถอดสี
ชานนท์ถึงกับไหล่สะท้าน กลั้นขำไม่ไหวอีกต่อไป
อัศวินทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ไม่ตลกเลยนะไอ้นนท์ ไปเลย ไปหาทางสกัดดาวรุ่งแม่ฉันเอาไว้ บอกว่าปวดท้อง ท้องเสีย หรืออะไรก็ได้ ฉันไปก่อนล่ะ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทำตัวลีบ หันหลังก้าวยาว ๆ เดินหายไปในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล
บอดี้การ์ดหนุ่มยังหัวเราะไม่หยุดขณะเดินไปที่โซฟาที่อมลวรรณและพิชชาภานั่งอยู่
“นั่นตาวินเขาเป็นอะไรน่ะนนท์ จู่ ๆ ก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำซะอย่างนั้น” อมลววรณเอ่ยปากถามทันที
“อ๋อ...พอดีคุณวินเขาปวดท้องกะทันหันน่ะครับ เลยให้ผมมาบอกคุณแพรว่าให้รอสักครู่” เขาปดตามที่เจ้านายสั่ง
“อะไรกัน ปุบปับก็ปวดท้องเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ” อมลวรรณย่นคิ้วสงสัย
“พี่วินอาจจะท้องเสียก็ได้นะคะคุณป้า ของอย่างนี้ห้ามกันไม่ได้หรอกค่ะ” พิชชาภายิ้มบอก
“นั่นสิ เห็นวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปเลย สงสัยจะทนไม่ไหว” รุ้งรวีเห็นเป็นเรื่องขำ แต่อมลวรรณไม่เห็นขำไปด้วย เพราะพออัศวินเห็นหน้าหล่อน ก็ทำหน้าตกใจ แล้วรีบหลบหน้าหนี วิ่งหายไปเสียดื้อ ๆ
เสียงโทรศัพท์ของชานนท์หยุดความสงสัยของหล่อนไว้ แต่พอเห็นว่าชานนท์เองก็มีท่าทางแปลก ๆ พอรับสายเสร็จก็ขอตัวแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ สัญญาณเตือนภัยของหล่อนก็เริ่มทำงานหมุนติ้ว ๆ อยู่บนหัวทันที
“เดี๋ยวฉันมานะรุ้ง เดี๋ยวแม่มานะแพร ขอแม่ไปดูตาวินหน่อย” จากนั้นก็ไม่รอช้า เดินตามชานนท์หายไปที่ห้องน้ำอีกคน
“เอาไงดีวะไอ้นนท์ จะโทรให้อรเอาเสื้อมาให้ หรือว่าฉันขึ้นไปเปลี่ยนเองดีวะ แล้วถ้าฉันเปลี่ยนเสื้อทุกคนต้องสงสัยแน่เลยว่าฉันเปลี่ยนทำไม” อัศวินถามรัวเป็นชุดเมื่อเห็นชานนท์เดินเข้าห้องน้ำมา
“อ้าว แล้วจะเปลี่ยนทำไมล่ะครับ” คนเพิ่งมาใหม่ถึงกับงง
อัศวินเลยชี้ให้ดูรอยลิปสติกเป็นรูปปากที่ติดอยู่บนเสื้อเชิ้ตซึ่งตอนนี้เปียกเป็นดวงเพราะเขาพยายามใช้น้ำล้างคราบออก “นี่ไง รอยจูบเฮงซวย ล้างเท่าไรก็ล้างไม่ออก เอาทั้งหน้าเอาทั้งเสื้อ นี่คงกะให้แพรเห็นแล้วก็ทะเลาะกับฉัน” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยว เม้มปากเป็นเส้นตรง
“อุตส่าห์ไว้ใจเซ็นเช็คให้ตั้งหกแสน แต่ก็ยังหักหลังกันได้”
“อะไรนะ! หกแสน! นี่แกบ้าไปแล้วหรือไงตาวิน!” อมลวรรณที่เพิ่งมาถึงและยืนอยู่หน้าห้องน้ำชายร้องอย่างตกใจทันทีที่ได้ยินประโยคนั่น
“แม่!” อัศวันร้องตกใจไม่ต่างกัน สีหน้าเจื่อนสนิท
“นี่แม่มาทำอะไรตรงนี้ครับ นี่มันห้องน้ำชายนะ” เขาเปลี่ยนเรื่องเสียเฉย
“ฉันไม่สน นี่มันโรงแรมฉัน ฉันจะยืนที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน” หล่อนสะบัดเสียงตอบแล้วรุกถามทันที “แล้วไอ้ที่วินให้เงินยัยจีสตริงหกแสนนี่มันจริงไหม หนอย คิดไว้ไม่มีผิด ยัยจีสตริงนี่มันร้ายนัก คงรู้ว่าวินจะใช้เงินฟาดหัวให้เลิกกับมันถึงได้มาที่นี่”
“แม่ครับ เบา ๆ หน่อยก็ได้” อัศวินทำกระซิบกระซาบ ยิ้มแหย ๆ ให้แขกที่เพิ่งเดินผ่านหน้าเข้าห้องน้ำไป
อมลวรรณตีหน้ายักษ์ใส่ลูกชาย แล้วหันไปเล่นงานอีกคนบ้าง “แล้วนี่นนท์ก็รู้ใช่ไหมว่ายัยจีสตริงนั่นมาที่นี่”
ชานนท์สะดุ้ง ก้มหน้ารับหงอย ๆ “ครับ” ตอบเสียงอ่อย
“ต้องโทษไอ้นนท์เลยแม่ที่ไม่ยอมห้ามจีน่า ปล่อยให้เธอเข้ามาหาผมถึงบนห้องทำงาน” อัศวินโบ้ยความผิดให้ชานนท์เสียดื้อๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้นิสัยเจ้านายตัวเองดีจึงไม่ได้ตอบโต้คัดค้าน
“ไม่ต้องไปโทษนนท์เลยนะ ผู้หญิงของตัวเองก่อเรื่องก็ต้องโทษวินนั่นแหล่ะที่ไม่รู้จักกำราบให้ดี” หล่อนถลึงตาใส่ลูกชาย พยายามข่มความโกรธที่ใกล้ระเบิดเต็มที่
“แม่เตือนวินเท่าไรแล้วว่ายัยจีสตริงนี่มันเป็นปลิงสูบเลือดสูบเนื้อ แต่ก่อนก็ให้เงินเดือนใช้ทุกเดือนยังไม่พอ เลิกกันยังหน้าด้านมาขอเงินเราอีก ถ้าแม่เจอยัยจีสตริงอะไรนี่คราวหน้านะ จะขอด่าให้หน้าหงายไปเลย”
อัศวินทำหน้าราวกับโดนยาเบื่อหนู “โธ่แม่ครับ...”
อมลวรรณรู้ทันว่าลูกชายจะหาข้อแก้ตัว หล่อนเลยรีบยกมือห้ามขี้เกียจฟัง “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ยังไงเรื่องที่วินให้เงินนังนั่นไปแม่ต้องคุยกับวินทีหลัง ตอนนี้ดูตัวเองซะก่อนเถอะว่าจะเอายังไง ออกไปสภาพนี้มีหวังหนูแพรต้องสงสัยแน่”
“ก็เนี่ยแหล่ะครับที่ผมกำลังเครียด ถ้าแพรเห็นรอยเปื้อนนี่เข้าผมกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดเอา”
“แม่จะไม่ยอมให้หนูแพรรู้เด็ดขาดว่าจีน่ามาทีนี่ แล้วทำอะไรกับแกบ้าง” หล่อนมองตาขวางใส่อัศวิน “รอยแค่นี้แม่ว่าวินไปหาเสื้อสูทมาใส่ทับก็พอ ไม่ต้องไปเปลี่ยนให้มันยุ่งยาก ตอนนี้แม่จะไปกู้หน้าวินไว้ก่อน”
อัศวินยิ้มเผล่ ยกมือไหว้มารดา “ขอบคุณมากครับแม่ ผมจะรีบโทรบอกให้อรเอาสูทมาให้ผมเดี๋ยวนี้เลยครับ”
อมลวรรณส่ายหน้า ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดในความสะเพร่าของลูกชาย “ให้มันเร็ว ๆ ก็แล้วกัน”
“ฉันดูโอเคแล้วหรือยังวะไอ้นนท์” อัศวินถามขณะมองตัวเองในกระจกพลางกระชับเสื้อสูทให้เรียบร้อยหลังจากอรนิชาถือลงมาให้เขาที่ชั้นล่างไม่ถึงสิบนาที
“ใช้ได้แล้วครับคุณวิน อีกอย่าง รอยลิปสติกตอนนี้ก็ดูเหมือนรอยเปื้อนธรรมดา มองเผิน ๆ เหมือนแค่เลอะสีมากกว่า”
อัศวินยิ้มพอใจกับคำตอบ “งั้นไปกันเถอะ ป่านนี้แพรรอแย่แล้ว” เขาปัดผมให้เข้าที่อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชานนท์
“อ้าว ไปไหนกันหมดแล้วล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเดินออกมาที่ล็อบบี้แล้วไม่เห็นใครนั่งอยู่ตรงนั้นสักคน เขาจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาพิชชาภา แต่โทรไปสองสามสายหญิงสาวก็ยังไม่รับ จึงโทรหามารดาแทน
“ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันครับ ผมมาที่ล็อบบี้แล้วก็ไม่เจอ” เขายิงคำถามทันทีที่มารดารับสาย
“แม่อยู่ที่ร้านเค้กหน้าทางเข้า วินรีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ตอนนี้พนักงานทั่วโรงแรมเขาเม้าท์เรื่องวินกันใหญ่แล้ว” อมลวรรณกระซิบเสียงเครียด
“อะไรนะครับ!” อัศวินร้องเสียงหลง สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก็เห็นพนักงานบางคนมองมาที่เขาแล้วอมยิ้มพลางกระซิบกระซาบกับเพื่อนร่วมงานใกล้ ๆ ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
“แล้วนี้แพร...เธอรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับ” เขาถามไม่เต็มเสียง ปลายสายตอบกลับมาฉุน ๆ
“จะเหลือเหรอ มาเร็ว ๆ เลยพ่อตัวดี”
พอวางสายจากมารดา อัศวินก็แทบอยากจะโยนมือถือทิ้ง แล้วระเบิดโทสะด้วยการสั่งไล่ออกพนักงานทุกคนที่นินทาเรื่องเขาจนถึงหูพิชชาภาให้หมด แต่เขาก็ทำได้แค่สะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองนั้นไว้ในใจ เพราะรู้ว่าเรื่องมันบานปลายจนเขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้นอกจากต้องอธิบายความจริงเพียงอย่างเดียว
อัศวินคำรามกรอด พาลโมโหไปถึงจีน่าตัวต้นเรื่อง เขาหันไปสั่งการชานนท์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “วันนี้นายไปจัดการยกเลิกสัญญาเช่าคอนโดของจีน่าให้ฉันหน่อย ยึดรถเธอมาด้วย เอาให้เสร็จภายในเย็นนี้นะ” เขากำชับ
“แล้วก็อีกเรื่องนึง” สายตาโชนประกายโกรธแค้น “จัดการให้เธอไม่มีงานทำสักเดือน ไปหาดูว่าเอเจนซี่ไหนที่เซ็นสัญญากับเธอไว้แล้วก็ให้ยกเลิกซะ เอาที่ที่ฉันรู้จักและแนะนำเธอไป ถ้าเขามีปัญหาอะไรก็ให้โทรมาหาฉัน และถ้าจีน่าถามว่าทำไมถึงยกเลิก ก็บอกให้เขาอ้างชื่อฉันได้เลย” น้ำเสียงเย็นเยียบ แฝงความเด็ดขาด
ชานนท์มองหน้าเจ้านายหนุ่มนิ่ง เห็นแววตาจริงจังแล้วเขาก็ไม่อยากท้วงติงอะไร ถึงแม้สิ่งที่เจ้านายสั่งการมาเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม “ได้ครับ แล้วผมจะรีบแจ้งคุณวินทันทีที่เสร็จเรื่อง”
“ดี เอาให้เธอรู้ว่าการผิดคำพูดและท้าทายคนอย่างฉันมันต้องเจออะไรบ้าง”
<><><><><><><><><><><><<><<><><<><><><><>
คุณ lamyong สองคนนี้ยังจะวนเวียนไม่ไปไหนคะ 55
คุณ Zephyr ถูกต้องนะคร้าบบบ สมกับเป็นแฟนนิยายเปลวหอมตัวจริง อิอิอิ ^^
เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2558, 09:19:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2558, 09:19:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1107
<< ตอนที่ 10 | ตอนที่ 11-2 >> |
Zephyr 14 พ.ย. 2558, 14:09:56 น.
สมน้ำหน้ายัยจีสตริงๆๆๆไ
สมน้ำหน้ายัยจีสตริงๆๆๆไ
lamyong 14 พ.ย. 2558, 14:19:15 น.
พี่วินต้องระวังตัวไว้นะ ยัยจีน่าต้องมาก่อกวนอีกแน่ๆ
พี่วินต้องระวังตัวไว้นะ ยัยจีน่าต้องมาก่อกวนอีกแน่ๆ