เสน่ห์รักคล้องใจ

Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน

ตอน: ตอนที่ 11-2

วันตื่นแต่เช้าจะไปทำบุญ เลยมาลงนิยายให้ก่อนค่ะ ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ มีอะไรติชมได้ไม่ต้องเกรงใจค่า ^^


เสน่ห์รักคล้องใจ ตอนที่ 11-2

อัศวินเดินมาถึงร้านเค้กที่ว่า เขาก้มมองดูสภาพตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงสูดหายใจเข้าลึก พยายามเรียบเรียงคำอธิบายมากมายที่อยู่ในหัว รอเตรียมรับมือกับอารมณ์โทสะของพิชชาภาและอาจจะรวมถึงรุ้งรวี มารดาของเธอด้วย

ทันทีที่เดินเข้าไปในร้าน สายตาเขาก็สบกับพิชชาภาที่มองตรงมาทางเขาราวกับเธอรอจังหวะนี้อยู่แล้ว ดวงตาและสีหน้าที่นิ่งเฉยแต่มีแววคาดคั้นทำเอาหัวใจเขากระตุกวูบ รู้สึกเหมือนเป็นวัววสันหลังหวะกลัวคนอื่นจะรู้ความผิดตัวเอง

อัศวินยิ้มแห้ง ๆ เดินคอตกตรงไปยังโต๊ะที่เธอและมาราดาของทั้งคู่นั่งอยู่ และเป็นมารดาของเขาที่กระวีกระวาดลุกเดินมาหา แล้วกระซิบกระซาบบอก “แม่ไม่รู้จะแก้ตัวให้วินยังไง เลยบอกกับหนูแพรว่าให้รอวินมาอธิบายเอง ส่วนรุ้งน่ะพอจะรู้อยู่บ้างว่าอะไรเป็นอะไร วินรีบไปคุยกับหนูแพรให้เข้าใจเลยนะ”

“แล้วนี่แพรเขารู้ได้ยังไงครับแม่ ผมไม่คิดว่าแค่ลงมาที่ล็อบบี้แป๊บเดียวจะกลายเป็นขี้ปากพนักงานได้เร็วขนาดนี้” สายตาเขาเหลือบมองไปที่หญิงสาวแล้วก็ต้องหน้าซีดเพราะเธอยังจ้องตอบเขาไม่วางตา

อมลวรรณทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ “แม่อุตส่าห์พามาหลบที่นี่ แต่ที่ไหนได้ ยัยเด็กแคชเชียร์ที่เพิ่งกลับเข้ามาในร้านเอาเรื่องแกมาเม้าท์ให้คนอื่นฟัง พวกเด็กในร้านนี่คงไม่รู้จักแม่กับหนูแพรเลยเม้าท์เรื่องเจ้าของโรงแรมกันเสียงดังสนุกปากจนหนูแพรได้ยินเข้าน่ะสิ” พูดเสร็จก็หันไปที่พนักงานหลังเคาเตอร์ แล้วก็เห็นว่าเด็กพวกนั้นกำลังกระซิบกระซาบขณะมองมาที่อัศวิน หล่อนจึงถลึงตามองตอบกลับไปทำเอาทั้งหมดแตกฮือกลับไปทำงานของตัวเองแทบไม่ทัน

“แล้วแม่ว่าแพรเขาจะโกรธผมมากไหมครับ” อัศวินร้อนใจ

“โกรธไม่โกรธก็เกือบจะหนีกลับก่อนทันทีที่ได้ยินเรื่องวินนั่นแหล่ะ เพราะฉะนั้นวินรีบไปอธิบายให้หนูแพรเข้าใจด่วนเลย ถ้าเกิดหนูแพรยกเลิกการแต่งงานขึ้นมา คราวนี้แม่ไม่ช่วยวินล่ะนะ” หล่อนขู่ลูกชาย

อัศวินครางอ๋อย ในใจนึกหวั่นว่าเธอคงไม่โกรธถึงขนาดต้องยกเลิกงานแต่งอย่างที่มารดาเขาว่า เพราะเขาคงหาผู้หญิงที่ถูกใจอย่างพิชชาภามาแต่งงานไม่ได้อีกแล้วแน่ ๆ

“แพร...” อัศวินเรียกเสียงเบาหวิวขณะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ หญิงสาว

“เป็นไงบ้างคะ ท้องเสียหายดีแล้วเหรอ” พิชชาภาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความห่วงใย

“เอ่อ...จ้ะ” ยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ “งั้นเดี๋ยวเราไปกันเลยไหม นี่ก็เกือบจะถึงเวลานัดแล้ว เห็นแพรบอกว่าแม่กับคุณป้าก็จะไปเลือกชุดด้วยใช่ไหมครับ” พูดเสร็จก็หันไปมองมารดาสลับกับรุ้งรวีเป็นเชิงขอร้องว่าต้องการความเป็นส่วนตัว

รุ้งรวีมองหน้าลูกเขยด้วยความหมั่นไส้ แอบผิดหวังที่อัศวินทำให้ลูกสาวหล่อนเสียใจ แต่เชื่อว่าเขาเองก็มีใจชอบพอพิชชาภาไม่น้อยและมีเหตุผลพอที่จะอธิบายว่าทำไมถึงเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น “ป้ากับแม่เราน่ะจะไปกันเอง วินพาแพรไปเถอะ นี่ก็เสียเวลามามากแล้ว กว่าจะฝ่ารถติดเดี๋ยวก็เย็นพอดี เราเองก็ไปกันเถอะวรรณ” หล่อนชวนอมลวรรณ

“ไปสิ เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันเลยไปส่งบ้านให้ ตาวินแม่ฝากหนูแพรด้วยนะลูก” อมลวรรณแฝงน้ำเสียงสั่งการในที

“งั้นผมกับแพรไปส่งแม่กับป้ารุ้งที่รถนะครับ”

รุ้งรวีโบกมือ “ไม่ต้องหรอกจ้ะ ป้าฝากวินไปส่งแพรที่บ้านด้วยแล้วกัน”

“ได้ครับป้ารุ้ง”

ก่อนไป รุ้งรวีหันไปพึมพำบอกลูกสาว “อย่าใช้อารมณ์ คุยกันด้วยเหตุผลนะแพร” หล่อนตบหลังมือพิชชาภาเป็นการเตือน ซึ่งหญิงสาวได้แต่ยิ้มตอบแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

หลังจากรุ้งรวีและอมลวรรณออกไปแล้ว อัศวินก็หันไปหาพิชชาภา เอื้อมไปจับมือหญิงสาวใต้โต๊ะ “แพร...เรื่องที่แพรได้ยินมาพี่อธิบายได้นะ”

พิชชาภาได้ฟังก็ถืงกับพ่นลมหายใจแรงอย่างโกรธ ๆ สรุปว่าเรื่องที่เด็กในร้านคุยกันเป็นเรื่องจริง เธอค่อย ๆ ดึงมือออก แล้วลุกขึ้นยืน “แพรว่าเราเองก็รีบไปกันเถอะค่ะ” เธอพูดโดยไม่มองหน้า

อัศวินลุกตาม คว้ามือเธอไว้ “นี่แพรโกรธพี่ใช่ไหม แพรอย่าเพิ่งเข้าใจพี่ผิดสิ”

พิชชาภาเบือนหน้าหนี ถึงแม้มารดาจะบอกว่าให้เธอคุยกับเขาด้วยเหตุผล แต่อารมณ์เธอตอนนี้ไม่อยู่ในสภาวะที่ใจเย็นและพร้อมจะคุยกับเขาด้วยเหตุผลได้

“พี่จะให้อรเลขาพี่แล้วก็ไอ้นนท์มาเป็นพยานว่าพี่ไม่มีเจตนาให้เกิดเรื่องแบบนั้น” เขาพยายามอธิบาย “ผู้หญิงคนนั้นแค่ต้องการทำให้พี่กับแพรผิดใจกัน เพราะเธอแค้นพี่ที่พี่ทิ้งเธอมาแต่งงานกับแพร เรื่องมันมีแค่นี้เองจริงๆนะจ๊ะ” เสียงเขาเริ่มดังขึ้นจนเด็กในร้านเริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง

พิชชาภาหันมองไปรอบ ๆ ก็เห็นสายตาบางคู่ของพนักงานและคนอื่นในร้านมองมาที่เธอกับอัศวิน เธอรู้สึกอายที่ต้องตกเป็นเป้าความสนใจของคนอื่นจึงดึงมือกลับแล้วโพล่งบอกออกไป “แล้วเราจำเป็นต้องคุยกันตรงนี้ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเขาอีกหรือเปล่าคะ”

อัศวินหน้าจ๋อย วันนี้เขาโดนทั้งมารดาทั้งพิชชาภาตอกกลับจนเสียศูนย์ เป็นเพราะเขาไม่ระวังตัวแท้ ๆ เรื่องเล็กเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ “ก็ได้จ้ะ งั้นแพรไปรอที่หน้าโรงแรมนะ พี่จะขับรถมารับ” เขายิ้มให้เธอหวังจะได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา แต่เขาก็ต้องหน้าหงอยอีกครั้งเมื่อพิชชาภาเดินออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ชายหนุ่มถอดถอนใจ โตมาจนอายุสามสิบห้าผู้หญิงคนเดียวที่เขายอมมาตลอดก็คือมารดา ไม่เคยมีผู้หญิงอื่นคนไหนที่จะสามารถควบคุมหรือมีอำนาจเหนือเขาได้มาก่อน แต่ว่าตอนนี้ เพียงแค่พิชชาภาไม่สบตา พูดจาห่างเหิน หัวใจเขาก็แทบขาดรอน ๆ อึดอัดไม่อยากให้เธอเมินเฉยกับเขาแบบนี้

ถ้าภายในวันนี้เธอไม่ยอมคุยดี ๆ กับเขา เขาก็จะเทียวไล้เทียวขื่อคอยเสนอหน้าให้เธอเห็นบ่อย ๆ เอาให้เธอต้องถอดใจแล้วกลับมาทำตัวน่ารักกับเขาเหมือนเดิม



“แพร...แพรจะไม่พูดอะไรกับพี่หน่อยเหรอ แพรเอาแต่นั่งเงียบแล้วปล่อยให้พี่พูดคนเดียวมาตลอดทางเลยนะ” อัศวินถามเธอเสียงอ่อน เขาอธิบายจนหมดเปลือกตั้งแต่เขาเลิกคบหากับจีน่าทันทีที่เขาเจอกับเธอจนถึงวันนี้ที่จีน่ามาพบเขาแล้วเผลอไม่ระวังตัวจนเกิดเรื่องขึ้น แต่เขาไม่ได้บอกเรื่องจ่ายเช็คให้จีน่าเพราะกลัวว่าเธอจะคิดมาก เขาลองเอื้อมไปจับมือเธอ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ขัดขืน เขาก็ดึงมือเธอขึ้นมาจูบลงบนหลังมือแผ่วเบา

“พี่ไม่ชอบเลยที่แพรเงียบแบบนี้ คิดอะไรอยู่พี่ก็อยากให้แพรพูดออกมา นะแพรนะ” เขาจูบหลังมือเธออีกครั้งแล้วกุมมือนั้นไว้ที่ต้นขา มืออีกข้างยังคงบังคับพวงมาลัยรถ สายตาก็คอยเหลือบมองหญิงสาวเป็นพัก ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอเอาแต่นั่งนิ่งจ้องมองออกไปที่หน้ารถอยู่อย่างนั้น

“แพรจ๋า พี่ยอมแล้ว แพรอยากจะตบจะตีพี่ หรือแพรจะให้พี่ทำอะไรก็ได้แต่อย่านั่งเงียบไม่พูดไม่จาแบบนี้เลยนะ” เขาอ้อนวอนอีกครั้ง

“แล้วถ้าแพรจะขอยกเลิกงานแต่ง พี่วินจะยอมไหมคะ”

อัศวินเหยียบเบรคกะทันหันจนรถคันหลังบีบแตรดังลั่น ดีที่รถขับอยู่ด้านซ้ายเลยวิ่งไม่เร็วนัก ไม่อย่างนั้นคันหลังคงได้ชนรถเขาแล้วทำให้เรื่องยุ่งยากเข้าไปอีก

ชายหนุ่มสบถ แล้วขับรถช้า ๆ ไปสักพักจึงเห็นทางเบี่ยง เขาเลยจอดรถตรงนั้นเพื่อนคุยกับพิชชาภาให้รู้เรื่อง

“ยกเลิกงานแต่งงาน? นี่แพรพูดจริงหรือแค่ประชดพี่” น้ำเสียงคมปราบ จากที่หงุดหงิดอยู่แล้วคราวนี้สีหน้าเขาออกอาการเซ็งเต็มที่ ยิ่งพิชชาภาไม่พูดไม่จา เขาก็ยิ่งขุ่นเคือง เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวต้องการอะไร

อัศวินหัวเราะ แต่มันช่างกระด้างและไร้อารมณ์ขัน “นี่ตกลงว่าแพรจะเงียบไม่พูดกับพี่อยู่แบบนี้ใช่ไหม” เขาหันไปมองพิชชาภาที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มองหน้าเขา

อัศวินเม้มปากแน่น อึดอัดจนอกแทบระเบิด ไม่คิดว่าการง้อผู้หญิงจะยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้

“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด แล้วต่อไปนี้พี่จะไม่ถามอะไรแพรทั้งนั้น แต่พี่จะพูดเป็นครั้งสุดท้าย พี่กับจีน่าเลิกกันแล้ว และพี่ไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับเธออีกตั้งแต่พี่คบแพร” สีหน้าจริงจัง แล้วพูดต่อเบา ๆ “เรื่องยกเลิกงานแต่งงาน แพรลืมมันไปได้เลย เพราะพี่ไม่มีวันยอม” พูดเสร็จ เขาก็เข้าเกียร์เตรียมขับรถต่อ

“ถ้าอย่างนั้นพี่วินสัญญาอะไรกับแพรสักอย่างได้ไหมคะ”

อัศวินแทบจะโห่ร้องดีใจ เขารีบดึงเบรคมือ จากเสียงราบเรียบเมื่อครู่แปรเปลี่ยนมาเป็นออดอ้อนเอาใจ “อะไรก็ได้จ้ะ พี่บอกแล้วว่าแพรอยากได้อะไรพี่ทำให้ได้หมด”

พิชชาภาหันมาหาเขา สายตามองตอบเขาอย่างมุ่งมั่น “แพรเคยโดนสวมเขามาครั้งนึง และแพรไม่อยากเป็นแบบนั้นอีก มันเจ็บและแพรรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่” น้ำตาเอ่อคลอเมื่อพูดถึงอดีต “ผู้หญิงทนความเจ็บปวดแบบนั้นถึงสองครั้งสอคราในชีวิตไม่ไหวหรอกนะคะ”

ชายหนุ่มสะท้อนในอก โทษความงี่เง่าของตัวเองที่เผลอทำร้ายจิตใจเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ “พี่ขอโทษ...”

เธอถอนใจแล้วพูดต่อ “กับพี่วินเองแพรก็เคยเจ็บช้ำน้ำใจมาแล้ว และแพรไม่อยากเป็นตัวตลกของพี่วินอีก แพรไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากความจริงใจ อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกัน ถึงตอนนั้น แพรไม่อยากโดนคนอื่นนินทาว่าสามีไปมีเล็กมีน้อย พี่วินเข้าใจที่แพรพูดใช่ไหมคะ”

อัศวินยืดตัวตรง ยื่นมือไปไล้แก้มเธอเบา ๆ “พี่เข้าใจที่แพรพูด และถ้าแพรอยากได้คำสัญญาจากพี่เรื่องนี้ พี่ตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน” เขายิ้มจริงใจที่สุดเพื่อแสดงให้เธอรู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง

“จากวันนี้เป็นต้นไป แพรมั่นใจได้เลยว่าพี่จะมีแพรคนเดียว แพรคือผู้หญิงที่พี่ตกลงปลงใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า พี่เองก็สามสิบห้าเข้าไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้พี่เจอคนที่ใช่...คนที่ถูกใจ...พี่ก็ไม่จำเป็นต้องไปมีใครอีก คราวนี้แพรสบายใจแล้วยิ้มให้พี่ได้หรือยัง” เขายิ้มกว้าง นิ้วโป้งยังคงลูบไล้แก้มบางไปมา

แม้คำตอบที่ได้จะไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังไว้ แต่แววตาและท่าทางที่เปิดเผยของเขาก็ทำเอาหัวใจเธอพองฟูคับอก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนโงนเงนอยู่บนหน้าผาแห่งความอ่อนไหว เผลอไผลไปกับคำหวานหูของเขาจนแทบจะลืมความโกรธไปจนหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอแทบอยากจะบอกปฎิเสธการแต่งงานกับอมลวรรณทันทีตั้งแต่ได้ยินเรื่องซุบซิบของอัศวิน

“ว่าไง คนดี ตกลงจะหายโกรธพี่ได้หรือยัง” ชายหนุ่มถามซ้ำ

พิชชาภามองจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา หากในนั้นมีคำหลอกลวงซ่อนอยู่ เขาก็ช่างหลบซ่อนได้เก่งจนเธอมองแทบไม่ออกเลยสักนิดเดียว “พี่วินพูดมาขนาดนี้ แพรก็โกรธไม่ลงแล้วล่ะค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ให้เขา ทำเอาอัศวินที่กลั้นใจรอฟังคำตอบผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก

เขาเอื้อมไปจับมือทั้งสองข้างของเธอมากุมไว้ แล้วยกขึ้นมาชิดริมฝีปาก ก่อนจะบรรจงจูบแผ่วเบาบนหลังมือทั้งสองข้างของเธอโดยที่สายตาไม่ละไปจากใบหน้านวลหวาน

พิชชาภาก้มหน้าน้อย ๆ ยิ้มเขินอาย มือของเธอตอนนี้อุ่นซ่านแล่นผ่านมายังหัวใจที่กำลังเต้นระรัว แล้วยิ่งเต้นถี่ขึ้นไปอีกเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ประทับริมฝีปากของเขาบนหน้าผากเธอ ไล้แผ่ว ๆ ลงมาที่จมูก จากนั้นก็ปัดผ่านมายังริมฝีปากบางแล้วกดปากเข้ากับเธอเบา ๆ

อัศวินถอนริมฝีปากอย่างเสียดาย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง “พี่สัญญาว่าพี่จะมีแพรคนเดียว ขอให้แพรเชื่อใจและมั่นใจว่าพี่จะไม่หักหลังแพรเหมือนที่ไอ้หมอนั่นมันทำกับแพร...แพรไว้ใจพี่นะ”

คำพูดของเขาทำเอาความโกรธที่เคยมีมลายหายวับไปกับอากาศ เหลือแต่ความรักล้นใจที่มีให้เขาอยู่เต็มเปี่ยม เธอได้แต่ตอบรับสั้น ๆ ว่า “ค่ะ...” อย่างหมดคำทักท้วงใด ๆ



อนุภัทรเปิดประตูให้จีน่าที่ยืนหน้าตาบูดบึ้งเข้ามาข้างในห้อง “ผมให้คุณมาพักแค่อาทิตย์นี้เท่านั้นนะ ผมต้องใช้ห้องนี้ทำงานกับเพื่อน ๆ ด้วยเลยไม่ค่อยสะดวก” เขาพูดดักคอ

จีน่ากระชากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าสัมภาระของเธอเดินกระแทกเท้าตามอนุภัทรเข้ามา “ไม่ต้องรีบไล่หรอก วันสองวันฉันก็หาที่อยู่ใหม่ได้แล้ว”

“ก็ดี แล้วนี่ไปทำอะไรเข้าผัวเก่าคุณถึงได้ยึดรถยึดคอนโด หรือกลัวว่าที่เจ้าสาวจะเข้าใจผิดจนต้องตัดหางปล่อยวัดคุณขนาดนี้” อนุภัทรเดินไปเปิดตู้เย็นหาเครื่องดื่ม

จีน่าได้ฟังแล้วก็โมโห กระแทกตัวลงนั่งบนโซฟา “ฉันก็แค่ไปหาเขาที่โรงแรม จะคุยกับเขาว่าจะเอายังไงกับฉันกันแน่ แต่เขาดันไล่ฉันอย่างกับหมูกับหมา บอกไม่ต้องไปยุ่งกับเขาอีก เผลอแป๊ปเดียวคนของเขาก็มายึดรถยึดคอนโดฉันไปหมด แล้วไหนจะเอเจนซี่โทรมาแคนเซิ่ลงานบอกว่าเป็นคำสั่งของวิน ฉันล่ะยิ่งเจ็บใจนัก กะจะให้หมดอนาคตกันเลยหรือไง” ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด

“โอ๊ยย! หงุดหงิดโว๊ยย!” จีน่าร้องลั่น ใช้มือยีผมตนเองอย่างหัวเสีย

ชายหนุ่มยื่นกระป๋องเบียร์ให้หญิงสาว แล้วนั่งลงข้าง ๆ “นี่ถ้าคุณไม่หาเรื่องทะเลาะกับผมวันนั้น ป่านนี้เราสองคนก็คงคิดหาทางร่วมมือกันจนทำให้ไอ้วินกับแพรยกเลิกงานแต่งงานไปแล้วก็ได้”

“ไม่ต้องมาโทษฉันเลย คุณเองนั่นแหล่ะที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องจนสองคนนั่นหมั้นกัน ไหนคุยนักคุยหนาว่าเธอรักคุณมากนักไง” จีน่าแขว่ะกลับไปบ้าง พลางคิดในใจว่าถ้าเธอมัวแต่รอแผนเขา วันนี้เธอคงไม่ได้เงินหลายแสนจากอัศวิน และเรื่องนี้เธอจะไม่บอกให้อนุภัทรรู้เป็นอันขาด

“ก็ผัวเก่าคุณดันให้คนมาคอยคุมแพรน่ะสิ หึ คงคิดจะกันผมออกจากแพร” อนุภัทรกระดกเบียร์อึกใหญ่ อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมาทันที หลังจากเจอกันกับพิชชาภาครั้งสุดท้ายที่ร้านอาหารวันนั้น พอเขาไปดักเจอที่บริษัท ก็เห็นว่ามีคนขับรถมาขับให้แต่หน้าตาท่าทางเหมือนมาเป็นบอร์ดี้การ์ดไม่มีผิด ทำให้เขาไม่กล้าเสี่ยงเข้าถึงตัวเธอเพราะกลัวจะโดนชกดั้งหักเสียก่อน

“ฉันว่าหลังจากนี้เราคงเข้าถึงตัวสองคนนั่นไม่ได้ง่าย ๆ อีกแล้ว” เธอแย้ง

“ทำไม...ก็วันนี้คุณยังไปหาไอ้วินมันได้อยู่เลย”

“แต่กว่าจะเข้าไปหาวินได้ก็ต้องผ่านด่านอีพวกลูกน้องจอมสาระแนตั้งหลายด่าน” หญิงสาวทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะยักไหล่

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่ที่ฉันสงสัยก็คือ..วินเคยบอกว่าไม่เต็มใจจะแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หามาให้ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือคุณหนูแพรเด็กของคุณ แล้วคุณเคยบอกฉันว่ายัยคุณหนูนี่เกลียดวินมากและคัดค้านเรื่องการแต่งงาน...แสดงว่าสองคนนี้ไม่ชอบหน้ากัน...แต่ทำไมตอนนี้ฉันรู้สึกว่าวินเขาดูปกป้องยัยแพรนี่จังเลย” พูดจบ เธอก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มบ้าง

อนุภัทรขมวดคิ้วคิดตาม “แพรเองตั้งแต่เจอกับมัน...ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นปากก็บอกกับผมว่าเกลียดไอ้วินเข้าไส้ แต่ตอนที่ไปหาที่บ้าน กลับปกป้องมันราวกับรักกันปานจะกลืนกิน” กรามขบกันแน่น แววตาเคียดแค้นประกายกล้า

“หรือว่าสองคนนั่นเกิดจะชอบกันขึ้นมาจริง ๆ” จีน่าเดา “ถ้าเป็นอย่างนั้น...เราสองคนก็คงหมดสิทธิ์...แต่จะให้ถอนตัวง่าย ๆ ก็คงจะไม่สะใจสักเท่าไร ยิ่งถีบหัวส่งฉันแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็...ต้องขอแก้เผ็ดคืนบ้าง”

“แล้วคุณจะทำอะไร” อนุภัทรเลิกคิ้วถาม

จีน่ายักไหล่ “ก็ไม่มีอะไร...แค่ทำให้สองคนนั้นผิดใจกันสักหน่อย...” ริมฝีปากกระตุกเหยียดยิ้ม “มีความสุขกันมากไปเดี๋ยวชีวิตคู่จะจืดชืดไปซะก่อน”

“แล้วไม่กลัวโดนผัวเก่าคุณเชือดเอาอีกหรือไง”

“ฉันไม่ได้กลัวหัวหดเหมือนคุณหนิ” ไม่งั้นฉันจะได้เงินตั้งหลายแสนมาใช้เล่นเหรอ เธอพูดต่อในใจ

อนุภัทรกัดฟันกรอดที่โดนดูถูก แต่เขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธอ เพราะตอนนี้เขาเองก็เบื่อที่จะตามตื๊อพิชชาภาแล้วเหมือนกัน อีกอย่าง เขาก็มีคนอุปถัมภ์คนใหม่ที่อยากจะได้อะไรก็แทบจะมาประเคนให้เขาหมด การเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนการขอคืนดีอย่างที่เธอพูด มันดูน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ อย่างน้อยเขาก็จะได้ความสะใจที่ได้สร้างความวุ่นวายให้ไอ้พวกผู้ดีตีนแดงได้อยู่ไม่เป็นสุขซะบ้าง “แสดงว่าคุณมีแผนในใจแล้วงั้นสิ”

เธอกระดกเบียร์จนหมดกระป๋อง ใบหน้ายิ้มย่องอย่างพอใจในความคิดของตนเอง “ฉันยังใจดี รอให้สองคนนั่นแต่งงานกันไปก่อน ให้มีช่วงเวลาแห่งความสุขกันสักพัก แล้วหลังจากนั้น...” จีน่าหยุดประโยคนั้นไว้ ดวงตาของเธอประกายแววอาฆาตมาดร้าย จมจ่อมอยู่กับความคิดของตนเอง
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><>




เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2558, 07:30:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ย. 2558, 07:30:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1030





<< ตอนที่ 11-1   ตอนที่ 12 >>
Zephyr 14 พ.ย. 2558, 14:16:18 น.
จะทำอะไรอีก นังจีสตริง
แพรก็แค่เรื่องซุซิบจะยกเลิกแต่งงานเลยเหรอ
งี่เง่าไปไหม คิดได้แล้วก็ดี


lamyong 14 พ.ย. 2558, 14:20:13 น.
สุมหัวกันอีกแล้วสองตัวนี้ เอ้ย สองคนนี้ อยู่ด้วยกันเป็นไม่ได้คิดแผนร้ายตลอดดดดดดด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account