^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา

ตอน: ในความสัมพันธ์ 1

มีคนบอกว่า เมื่อใดที่ใครสักคนหมดศรัทธากับความรัก เฒ่าจันทราจะผูกด้ายแดงที่ขาดวิ่น เพื่อนำศรัทธานั้นคืนมาอีกครั้ง
เพราะโลกหมุนด้วยความรัก และคงอยู่ด้วยศรัทธา
...จงออกไปใช้ชีวิต..

พิมพ์ตะวันเก็บโทรศัพท์เครื่องเล็กใส่กระเป๋า คลี่ยิ้มบาง ๆ ให้กับท้องฟ้ากว้างที่เริ่มมัวหม่นด้วยเมฆฝนที่เคลื่อนตัวเข้ามา ลมพัดแรงพาไอเย็นชื้นจาง ๆ ลอยมาโอบร่างบางที่ห่อตัวเบา ๆอย่างคนขี้หนาว เธอรีบก้าวเท้าเร็ว ๆ เข้าไปในตัวอาคารสูง ฝ่าฝูงเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งเลิกเรียนลงมาจาสถาบันกวดวิชาด้านบนเข้าไปด้านในอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของคาเฟ่เล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่เปิดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับการทำงานหรือการประชุม

เพียงเธอผลักประตูกระจกเข้าไปภายใน คนตัวสูงที่ยืนเกาะเคาท์เตอร์กาแฟอยู่ที่มุมห้องด้านหลังก็คลี่ยิ้มให้กึ่งทักทาย พิมพ์ตะวันนิ่งไปครู่ ก่อนคลี่ยิ้มตอบ แล้วเดินไปที่หน้าตู้เค้กซึ่งติดรายการอาหารไว้ให้เลือก

คนตัวสูงกลับเดินมาหลังเคาท์เตอร์แทนที่จะเป็นพนักงานในชุดฟอร์มของทางร้าน พิมพ์ตะวันเลิกคิ้วมองอย่างงุนงงเมื่อเขายิ้มทักแล้วเอ่ยถาม

"มางานอีเวนท์หรือเปล่าครับ"

หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ ส่ายหน้า "ไม่ใช่ค่ะ..."

"อ่อ...ครับ ถ้ามาทานอาหาร วันนี้ต้องรอนานหน่อยนะครับ เพราะเรามีจัดงาน" เขาเอ่ยต่อ พิมพ์ตะวันถอนใจเบา ๆ ก่อนก้มลงมองรายการอาหารอย่างนึกเสียดาย

เธอมีเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนจะเริ่มเรียนตามตาราง และขี้เกียจเกินกว่าจะเดินออกไปหาข้าวกลางวันที่อื่น หญิงสาวจึงพยักหน้ารับ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงพบว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกไปแล้ว เป็นพนักงานสาวผมแดงในชุดฟอร์มสีดำที่เข้ามายืนแทนที่

"ถ้าเป็นบราวนี่แล้วอุ่นร้อน จะนานไหมคะ" เธอเอ่ยถามพนักงานสาว

"ไม่ค่ะ..."

"อย่างนั้นขอเป็นคาราเมลมัคคิอาโต้ร้อน แล้วก็กรีนทีบลอนดี้แล้วกันค่ะ" เธอเลือกหาขนมที่พออยู่ท้องแทน

พนักงานสาวเอ่ยทวนรายการอาหาร และราคา ก่อนจะยื่นบัตรอินเตอร์เน็ทไร้สายให้พร้อมป้ายหมายเลขโต๊ะเพื่อเสิร์ฟอาหาร

พิมพ์ตะวันหมุนตัวเดินมามองหาโต๊ะที่ว่าง เธอเลือกโต๊ะที่อยู่เกือบติดมุมร้านเพื่อความเป็นส่วนตัว เธอเงยหน้ามองโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าซึ่งกั้นเป็นห้องอเนกประสงค์ในร้าน ป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดแจ้งรายละเอียดของงานทำให้เธอรู้ว่าคงมีงานประชุมบางอย่างด้านใน

ผู้ชายตัวสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวดูสะดุดตา พิมพ์ตะวันไม่ได้ตั้งใจ แต่ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้น สายตาเธอก็วนไปหาเขาเสมอ

หญิงสาวเหยียดริมฝีปาก นึกขันตัวเองในใจ ดูเหมือนเธอจะทิ้งร้างความรักมานานไปจึงเผลอสะดุดตาใครได้ง่ายเพียงนี้

เธอเปิดโปรแกรมสนทนา กดส่งข้อความหาเพื่อนรักที่คงอยู่ระหว่างเดินทาง
'ถึงไหนแล้ว'

'อยู่บนรถ' เพื่อนสาวพิมพ์ตอบมาแทบทันที

'รีบมาเลย...แถวนี้มีงานดี' เธอเผลอหัวเราะกับตัวเองเมื่อพิมพ์ข้อความ

'อยู่ไหนนี่'

'คาเฟ่ใต้ตึกนี่ล่ะ'

'อ่อ...ไปเร็วจัง' อีกชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน แต่พิมพ์ตะวันไม่ชอบความเร่งรีบในการเดินทาง และรู้ดีว่าเขตนี้การจราจรค่อนข้างติดขัด เธอจึงมานั่งรอก่อนถึงเวลาเรียนแทบทุกอาทิตย์

'ไม่รีบมาจะเจองานดีเหรอ' เธอพิมพ์ตอบ แม้รู้ดีว่าเพื่อนรักไม่ใคร่จะสนใจงานดีของเธอนัก 'รีบ ๆ มาเลย'

'จะชวนเราไปส่องเหรอ'

'อืม...นั่งคนเดียว ไม่รู้จะกรี๊ดกับใคร' เธอยิ้มหวานกับหน้าจอแท็บเล็ทเมื่อนึกถึงเพื่อนรัก

พนักงานสาวเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟและถาดขนม เธออมยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยขอบคุณ ก่อนส่งป้ายเลขโต๊ะคืนให้

หญิงสาวยกโทรศัพท์ขึ้นเก็บภาพอาหารเผื่อเขียนวิจารณ์ลงในอินเตอร์เน็ทเป็นงานอดิเรกหนึ่งที่เธอใช้แก้ความเบื่อหน่ายตั้งแต่เลิกรากับคนรัก เมื่อวางใครบางคนลง เธอก็มีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้น

รอยยิ้มหวานระบายอยู่บนใบหน้า เธอหยิบช้อนมาตักกรีนทีบลอนดีในจานชิม แล้วกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่ชอบใจนัก

รสหวานซ่านอยู่ในปากเย็นชืดจนชวนให้อารมณ์เสีย พิมพ์ตะวันวางช้อนแล้วยกจานบราวนี่เดินไปที่เคาท์เตอร์ทันที

"ขอโทษนะคะ รบกวนอุ่นบลอนดี้ได้ไหมคะ"

พนักงานสาวมองหน้าเธอก่อนจะคลี่ยิ้ม เอ่ยขอโทษเบา ๆ แล้วรับจานขนมไป

คนตัวสูงที่อยู่สุดปลายเคาท์เตอร์เดินตรงมาหาเธออย่างรวดเร็ว "มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"ค่ะ...กรีนทีบลอนดี้เย็นมากเลยรบกวนให้อุ่นก่อนน่ะค่ะ" เธอไม่แน่ใจว่าการเสิร์ฟบราวนี่และบลอนดี้ในร้านทั่วไปควรจะต้องอุ่นร้อนก่อนหรือไม่ แต่การกินขนมประเภทนี้ในขณะที่เย็นชืดก็ทำร้ายสุนทรียภาพในการกินอย่างร้ายแรง

"ต้องขอโทษด้วยนะครับ เดี๋ยวให้พนักงานอุ่นไปเสิร์ฟให้ใหม่นะครับ" เขาโคลงศีรษะเบา ๆ

พิมพ์ตะวันพยักหน้ารับ เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ หยิบสมุดวาดเขียนออกมาวาดแบบอัญมณีตามที่เรียนเมื่ออาทิตย์ก่อนลงไปอย่างตั้งใจ เพียงไม่นานบลอนดี้ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

ใกล้เวลาเริ่มเรียนเต็มที แต่เพื่อนรักก็ยังไม่มา พิมพ์ตะวันถอนใจหนัก ๆ กดโทรศัพท์หาเพื่อนอย่างรวดเร็ว

"อยู่ไหนจ๊ะ"

"รถติดน่ะ ปิ่นขึ้นไปก่อนเลย"

"โอเค...เจอกันที่ห้องเรียนนะ" เธอบอกก่อนจะตัดสายไป แล้วเก็บของใส่กระเป๋า

ร่างบางก้าวออกจากร้านมาที่ลิฟต์ ตรงนั้นมีร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ก่อนแล้ว

ผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดแบบลำลองดูกระฉับกระเฉงและสุภาพอย่างลงตัว เขาหันมามองเมื่อเธอเดินเข้าไป
พิมพ์ตะวันเอียงคอมองเลยบอกชั้นที่หน้าลิฟต์นิ่ง ก่อนหันไปมองกระจกด้านหลังลอบมองเงาที่สะท้อนภาพคนตัวสูงที่เหลือบมองเธออยู่เป็นระยะ เขาหันมามองเธอสองครั้ง ก่อนตัดสินใจเอ่ยคำถาม

"ทำงานอยู่ที่นี่เหรอครับ"

"เปล่าค่ะ" เธอหันมาตอบ "มาเรียนวาดรูปน่ะค่ะ"

"อ้อ...ที่สตูดิโอข้างบน"

"ค่ะ..." เธอนิ่งไปครู่ ก่อนอธิบายต่อเมื่อคนตรงหน้าเลิกคิ้วมองอย่างประหลาดใจ ใบหน้าเธอคงเลยวัยที่จะมาเรียนวาดเขียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยไปนานแล้ว "จิวเวอรี่ดีไซน์น่ะค่ะ"

"เอ๊ะ...เขามีสอนด้วยเหรอครับ"

"ค่ะ...เป็นแนวดีไซน์เบื้องต้นน่ะค่ะ" เธอเดินตามเขาเข้าไปในลิฟต์ กดชั้นที่ตั้งของสตูดิโอ

หลังนิ่งอยู่ครู่ พิมพ์ตะวันก็เอ่ยถามอย่างสนใจ "ที่คาเฟ่มีสัมมนาอะไรกันหรือคะ"

"อ๋อ...เรื่องเทรดดิ้งน่ะครับ พวกหุ้น ฟอเรคซ์น่ะครับ"

พิมพ์ตะวันเบิกตาโตมองอย่างสนใจ เธอเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่กำลังเรียนรู้ ใบหน้าหวานจึงปรากฏร่องรอยของความเสียดาย
"โอว...น่าสนใจจังค่ะ"

ประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นที่ตั้งของสตูดิโอพอดี พิมพ์ตะวันโคลงศีรษะเบา ๆ กึ่งลาก่อนเดินออกมา ขณะที่อีกฝ่ายเอ่ยคำ

"สวัสดีครับ"

"ลาก่อนค่ะ" เธอเงยหน้าคลี่ยิ้มบอก แล้วรีบสาวเท้าเร็ว ๆ ไปที่สตูดิโอ เผลอยิ้มบาง ๆ เมื่อเดินเข้ามาภายใน

"สวัสดีค่ะ..." เสียงเอ่ยทักจากเจ้าหน้าที่ในสตูดิโอทำให้เธอเงยหน้ามอง ยิ้มรับแล้วโคลงศีรษะเบา ๆ กึ่งทักทาย

"สวัสดีค่ะ"

"ทานอะไรมาหรือยังคะ" เธอเอ่ยถาม ยกซองขนมในมือขึ้นกึ่งชักชวน

พิมพ์ตะวันหัวเราะ "เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ วันนี้ข้างล่างมีอาหารตา ปิ่นอิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งใจเลยค่ะ"

"โอ๊ะ...ที่ไหนคะ"

"คาเฟ่ข้างล่างเลยค่ะ งานดีเพียบ" เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะ

เจ้าหน้าที่สาวทำตาโต น้อยครั้งที่พิมพ์ตะวันจะใช้คำว่างานดี "แหม...คุณปิ่นพูดอย่างนึ้ เดี๋ยวพี่ลงไปหาอะไรกินบ้างดีกว่า"

"จัดด่วนค่ะพี่ ลงไปสเกตช์ภาพก็คุ้มแล้ว" เธอรู้ดีว่าเข้าหน้าที่สาวมีงานอดิเรกด้านการวาดภาพเหมือนบุคคล


ช่วงเวลาเกือบสองอาทิตย์ทำให้พิมพ์ตะวันเกือบลืมผู้ชายเสื้อขาวไปแล้ว หญิงสาวง่วนอยู่กับงานวิจัยและเรื่องหัวใจที่ยังค้างคา
มีคนบอกว่าการรักหรือเลิกราไม่ใช่เรื่องของคนสองคน แต่เป็นการตัดสินของคนคนหนึ่ง เธอเกือบเชื่ออย่างนั้น หากไม่มีคำว่าผูกพัน

หญิงสาวยกมือขึ้นกดที่กลางหว่างคิ้วอย่างอ่อนล้า เธอมองหน้าจอแท็บเล็ทนิ่งนาน ก่อนตัดสินใจกด unfriend

การตัดใครสักคนที่เคยมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันออกจากชีวิตเป็นเรื่องสุดท้ายที่พิมพ์ตะวันคิดจะทำ แต่วันนี้เธอจำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจน เมื่ออีกฝ่ายไม่เคยรับรู้ถึงความปรารถนาดีที่เธอมีให้เขาอยู่เสมอมา เธอก็จำเป็นต้องปล่อยมือจากเขาแล้วเดินไปข้างหน้า

เธอเปิดโปรแกรมสนทนาที่ใช้จนคุ้นชิน หน้าจอสนทนากับใครบางคนถูกเว้นว่าง ไม่มีคำตอบใดมาหลายอาทิตย์นับจากวันที่เธอพิมพ์ข้อความ 'เราเลิกกันเถอะนะคะ...พอเท่านี้เถอะนะ' พิมพ์ตะวันนิ่งมองเพียงครู่ก็เลื่อนนิ้วลบทุกเรื่องราว

"เจ็บชะมัด..." เธอยิ้มขื่น ๆ กับตัวเอง

หญิงสาวนั่งนิ่ง ปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลงโดยไม่สนใจโลกรอบตัว นานเท่าไรไม่รู้ ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟในมือ

"มีคนนั่งไหมครับ" เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มสว่างไสวแบบที่เธอใช้เป็นหนึ่งในนิยามของ 'งานดี'

พิมพ์ตะวันเงยหน้ามอง กระพริบตาปริบ ๆ อย่างประหลาดใจ ลอบกวาดสายตามองรอบตัวเพียงผ่านก็รู้ว่ามีโต๊ะที่ว่างอยู่อีกไม่น้อย แต่ผู้ชายคนนี้จงใจเดินมานั่งร่วมโต๊ะกับเธอ การปฏิเสธ 'งานดี' อย่างไร้เยื่อใยก็ดูจะโหดร้ายไปกับหัวใจที่ยังมีรอยแผล เธอจึงส่ายหน้าช้า ๆ ปล่อยให้เขาดึงเก้าอี้นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม

"วันนี้มีเรียนหรือครับ"

"ค่ะ..." เธอตอบเสียงเรียบ ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาคั่นกลางอยู่ชั่วขณะ

"ผมมารบกวนหรือเปล่าครับ"

หญิงสาวเอียงคอมองหน้าเขา ท่าทีเกรงอกเกรงใจอย่างสุภาพนั้นถูกทอนลงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง บอกชัดว่าเขาเพียงถามตามมารยาท เธอจึงเอ่ยตอบตามที่เขาคาดหวัง "ไม่หรอกค่ะ...คุณมาที่นี่บ่อยหรือคะ"

"ผมเป็นหุ้นส่วนที่นี่ครับ" เขาตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนยื่นนามบัตรให้เธอ "ไปป์ครับ..."

พิมพ์ตะวันรับนามบัตรมา ตวัดสายตามองโลโก้ร้านที่ปรากฏบนนั้น แล้วคลี่ยิ้ม "ปิ่นค่ะ...คุณคงไม่ได้มาขายเมมเบอร์หรืออะไรใช่ไหมคะ"

เขาหัวเราะ "ผมกำลังคิดจะทำระบบเมมเบอร์อยู่พอดี แต่ตอนนี้ยังไม่มีให้ขายครับ"

เธออมยิ้ม เงียบไปเพียงครู่ เขาก็เอ่ยคำถาม "คุณปิ่นทำงานด้านจิวเวอรี่เหรอครับ"

หญิงสาวส่ายหน้า "เปล่าค่ะ..." เธอตอบเรียบ ๆ เมื่อเขามองอย่างรอคำอธิบายจึงเอ่ยต่อ "แค่สนใจน่ะค่ะ อยากลองหัดดีไซน์ดู"
"คุณดูติสท์" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ

"ขึ้นกับว่าคุณนิยามคำนั้นยังไงค่ะ..." เธออมยิ้ม ก่อนเอ่ยต่อ "ถ้าปิ่นบอกว่างานประจำปิ่นเป็นหมอ คุณยังจะคิดว่าปิ่นติสท์อยู่ไหมคะ"

เขาเลิกคิ้วมองเธออย่างประหลาดใจ "คุณปิ่นเป็นหมอเหรอครับ"

"ค่ะ..." เธอยักคิ้วเบา ๆ "ยังอยู่ในโซคอลความติสท์ของคุณอยู่ไหมคะ"

"ครับ...ผมว่ายิ่งติสท์ใหญ่เลย"

"โซคอลความติสท์ของผมน่าจะเป็นความเป็นตัวของตัวเองที่มีความขัดแย้งและมีเสน่ห์ในตัวเองน่ะครับ" เขาอธิบายนิยามความติสท์ในแบบฉบับของตัวเอง รอยยิ้มกว้างขวางดูเปิดเผย แต่มีความดึงดูดบางอย่าง โดยเฉพาะเมื่อดวงตาคู่นั้นมองเธออย่างพิจารณาโดยไม่ปิดบัง

พิมพ์ตะวันไหวไหล่เบา ๆ เข้าใจดีถึงความขัดแย้งที่เขาพูดถึง เมื่อเธออยู่ในชุดเสื้อกล้ามเข้ารูปสีขาวที่คลุมทับด้วยผ้าคลุมไหล่วาดลายสีสดเข้ากับกางเกงขาพองรัดข้อเท้าสีเขียววาดลายแบบบาหลี และทรงผมที่เกล้าม้วนขึ้นไปทิ้งปลายรุ่ยลงมาปรกข้างแก้มบางส่วนเหน็บด้วยดินสอไม้สีเขียวห้อยกระพรวนลูกเล็กส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ดูอย่างไรก็ยากจะเชื่อว่าเธอเป็นแพทย์หญิงที่กำลังศีกษาต่อในโรงพยาบาลชั้นนำที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในประเทศ

ความจริง นี่ไม่ใช่สไตล์ปกติของเธอ แต่ความเจ็บปวดจาง ๆ ที่ค้างอยู่ในใจทำให้เธออยากใช้ชีวิตในแบบที่แตกต่าง ทดลองในสิ่งใหม่ ๆ และเรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเองและโลกให้มากขึ้น

"เป็นคำนิยามที่ดีนะคะ" เธอเอ่ยชมอย่างเรียบง่าย ก่อนที่หน้าจอแท็บเล็ตจะบอกเวลาใกล้เข้าเรียนเต็มที

"ใกล้เวลาเรียนแล้ว ปิ่นคงต้องขอตัวก่อน" เธอเก็บของใส่กระเป๋าผ้าที่หน้าตาคล้ายย่ามสีน้ำตาลแดง ก่อนหันมาบอก "ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ..."

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ..."

ร่างบางรีบเดินออกไปจากร้าน เธอไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท แต่คงเพราะใส่ใจกับโลกน้อยไป เมื่อชายหนุ่มหันกลับมามองที่โต๊ะจึงได้เห็นว่านามบัตรของเขายังถูกวางไว้อย่างสงบ

อติยะหยิบนามบัตรบนโต๊ะมามองนิ่งอยู่นาน ก่อนจะถอนใจเบา ๆ

___
ขอบคุณ งานดี แรงบันดาลใจสำหรับการเขียนเรื่องสั้นแบบไม่ดราม่าอีกครั้ง

ไอซ์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเขียนงานหนักและเศร้าบ่อยขึ้น อาจเพราะพื้นอารมณ์และความคิด การกลับมาเขียนงานหวานแบบงดดราม่าจึงเป็นเรื่องที่ไอซ์ค่อนข้างตื่นเต้นจนแอบแบ่งครึ่งมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังก่อน

หวังว่าจะชอบพิมพ์ตะวันนะคะ

ด้วยรัก
#จงออกไปใช้ชีวิต

ลิขิตรา



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2559, 22:12:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2559, 16:10:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1058





<< -ปลาไหลฮัสกี้(1)-   ในความสัมพันธ์ 2 >>
คิมหันตุ์ 21 มิ.ย. 2559, 23:48:19 น.
มาลงชื่ออ่านครึ่งแรกของงานหวานค่ะ เปิดครึ่งมาก็ทิ้งนามบัตรทิ้งซะแล้ววววว


นักอ่านเหนียวหนึบ 22 มิ.ย. 2559, 10:54:40 น.
งืมมมมม นี่หวานแล้ววววว 5555 บางทีคนเราก็หลงลืมคิดถึงคนรอบข้าง หรืออะไรบางอย่างไป คงต้องจู่โจม เอ้ย โจมตี เอ้ย จับจูบ เอ้ยยยยยย ไปดีกว่า 5555


kraten 23 มิ.ย. 2559, 00:02:58 น.
ชอบอติยะค่ะ แฮ่ๆ...


konhin 24 มิ.ย. 2559, 05:55:16 น.
คนที่มาระหว่างอกหัก จะกลายเป็นรักจริงๆได้งั้นหรือ?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account