^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: ในความสัมพันธ์ 2
วันนี้พิมพ์ตะวันเลือกเสื้อคอเต่าสีน้ำตาลแดงแขนกุดกับกางเกงเอวสูงขาบานสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อผ้าฝ้าตัวยาวสีน้ำตาลอ่อน ให้ภาพลักษณ์สาวหวานที่ยังมีความทันสมัยและคล่องตัวตามแบบฉบับสาววัยทำงาน เส้นผมดำยาวรวบสูงปล่อยปลายทิ้งลงมาเป็นพวงหางม้าทำให้ใบหน้าเรียวหวานที่ไม่ได้แต้มสีดูเด่นมากขึ้น สายตาของคนที่ยืนเล่นอยู่ข้างเคาท์เตอร์จึงเลื่อนมามองทันทีที่เธอผลักประตูเข้าไป
เมื่อพิมพ์ตะวันเดินมาที่หน้าเคาท์เตอร์ คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอกลับกลายเป็นผู้ชายผิวขาว ตาคม ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นเล่นลายปะที่ศอกอย่างทันสมัย
"สวัสดีครับ..."
"สวัสดีค่ะ..." เธอคลี่ยิ้มทัก แล้วก้มลงมองรายการอาหาร "วันนี้อาหารต้องรอนานอีกหรือคะ"
"ไม่ครับ..."
"อ้อ...ดีจัง" เธอพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนเงยหน้าบอกพนักงานสาวที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่ม "ขอเป็นซุปครีมเห็ดกับคลับแซนวิช แล้วก็...ลาเต้ร้อนค่ะ"
พนักงานสาวยิ้มรับ พิมพ์ข้อมูลแล้วทวนคำสั่งอย่างคล่องแคล่ว แต่ก่อนที่พิมพ์ตะวันจะจ่ายเงิน คนตัวสูงกลับเอ่ยขึ้นก่อน
"ลดสิบเปอร์เซนต์สำหรับลูกค้าประจำนะครับ" เขาเอ่ยกับเธอ พนักงานสาวรีบกดส่วนลดตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่พิมพ์ตะวันเอียงคอมองอย่างงุนงง เอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนจะจ่ายเงิน
เธอรับป้ายหมายเลขคิวอาหารและรหัสอินเตอร์เน็ทมา แล้วเดินไปหาโต๊ะนั่งซึ่งอยู่สุดมุมร้านที่ดูเหมือนจะกลายเป็นโต๊ะประจำของเธอไปเสียแล้ว อติยะเดินตามมา ลากเก้าอี้ตรงข้ามเธอออกมานั่ง คลี่ยิ้มกว้างเมื่อเอ่ยคำถาม
"งานยุ่งไหมครับ"
"เรื่อย ๆ ค่ะ...วันนี้เพิ่งออกเวรเลยโทรมหน่อย" เธอตอบกลั้วหัวเราะ ก่อนมองสบตาชายหนุ่ม เอ่ยคำถามกึ่งล้อ "ที่นี่มีบริการคนนั่งเป็นเพื่อนสำหรับลูกค้าประจำด้วยเหรอคะ"
อติยะนิ่งงันไปครู่ ก่อนจะยกมือลูบผมอย่างเก้อเขิน "ถ้าคุณปิ่นไม่รังเกียจ..."
"ล้อเล่นน่ะค่ะ...ได้เจอเพื่อนใหม่ จะถือเป็นเรื่องที่ต้องรังเกียจได้ยังไงคะ"
"แปลว่าผมมากวนคุณได้ใช่ไหม"
"กวนไม่ได้ค่ะ แต่คุยกันได้" เธอตอบ พอดีกับที่พนักงานสาวนำแก้วกาแฟมาเสิร์ฟ "คุณไปป์มาอยู่นี่ทุกวันเลยเหรอคะ"
"เปล่าครับ...นี่เป็นหนึ่งในงานพาร์ทไทม์"
"แล้วฟูลไทม์..." เธอเลิกคิ้วมองหน้าแทนเครื่องหมายคำถาม
อติยะอมยิ้ม "ลองเดาดูไหมครับ"
พิมพ์ตะวันหัวเราะ "ยากจังค่ะ...มีชอยส์ไหมคะ"
"เปลี่ยนเป็นคำใบ้แทนไหมครับ"
"ก็ได้ค่ะ...ดีกว่าไม่มีอะไรเลย" เธอไหวไหล่เบา ๆ
อติยะนิ่งคิดอยู่เพียงครู่ ก็บอกง่าย ๆ "เป็นอะไรที่คุณคงสนใจ..." เขาเอ่ยง่าย ๆ แต่ในตาที่มองสบตาเธอเป็นประกายวาวหวานราวจะสื่อความหมายบางอย่างที่มากกว่าเรื่องงาน
พิมพ์ตะวันกลอกตาอย่างครุ่นคิด "ยากจัง นี่ใบ้แล้วเหรอคะ"
"ลองทายดูก่อนสิครับ...คุณหมอ" เขาฉีกยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่อาจล่อลวงคนมองให้หลงละเมอ แต่พิมพ์ตะวันเพียงขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วถามออกมาง่าย ๆ ด้วยแววตาใสซื่อที่เธอจงใจแกล้งทำ
"คุณไปป์ทำงานเป็นคนไข้เหรอคะ"
รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มหายไปอย่างรวดเร็ว เขานิ่งงันไปครู่สั้น ๆ ก่อนจะทำปากยื่นเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสดใสของหญิงสาว
"คำใบ้คุณยากไปนะคะ สำหรับหมอ...ถ้าจะมีอะไรน่าสนใจก็คงเป็นเรื่องคนไข้นี่ล่ะค่ะ" เธอเอ่ยต่อ "เฉลยเถอะค่ะถ้าคุณไม่อยากมีงานประจำแปลก ๆ อื่น"
อติยะหัวเราะกับท่าทางกึ่งอ้อนกึ่งขู่ของหญิงสาว "ผมไม่กล้าให้คุณเดาต่อเลยจริง ๆ"
เขาเงียบไปครู่ หยิบนามบัตรที่คราวก่อนเธอไม่ได้เก็บไว้ออกมายื่นให้อีกครั้ง "ผมทำธุรกิจครอบครัวครับ...เจมส์ไพรด์..."
พิมพ์ตะวันเพิ่งสังเกตอีกหน้าของนามบัตร นอกจากโลโก้ร้านกาแฟแห่งนี้แล้วยังมีสัญลักษณ์รูปตัวพีที่มุมกระดาษ ลายสีขาวทองแทบกลืนไปกับเนื้อกระดาษสีขาวนวลเป็นโลโก้ของบริษัทจิวเวอรี่ชั้นนำแห่งหนึ่งที่คนในแวดวงเพชรและทองรู้จักกันดี
"เป็นอะไรที่คุณปิ่นสนใจถูกไหมครับ"
พิมพ์ตะวันคลี่ยิ้ม "ผิดค่ะ"
เมื่อเห็นแววตาประหลาดใจที่หม่นแสงลงของคนตรงหน้า เธอจึงเอ่ยต่อ "ปิ่นสนใจดีไซน์ค่ะ ไม่ใช่แบรนด์..."
อติยะแกล้งถอนใจหนัก ๆ "มีใครเคยบอกไหมครับ คุณปิ่นเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก"
หญิงสาวอมยิ้ม "มีแต่คนบอกว่าติสท์แตกจนไม่สนใจคนอื่นค่ะ"
"ใช่เลยครับ" เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
อาหารถูกยกมาเสิร์ฟ หญิงสาวเลิกคิ้วมองหน้าชายหนุ่ม "คุณไปป์ทานอะไรหรือยังคะ"
"เรียบร้อยแล้วครับ...เชิญคุณปิ่นตามสบายเลย"
"อย่างนั้นปิ่นขออนุญาตนะคะ" เธอบอกแล้วตักอาหารกินไปพลาง พูดคุยกับชายหนุ่มที่จิบกาแฟเล่นโทรศัพท์ไปพลาง จนใกล้เวลาเรียน หญิงสาวก็คว้ากระเป๋า บอกเขาง่าย ๆ
"ได้เวลาเรียนแล้ว ปิ่นขอตัวก่อนนะครับ"
"ผมเดินไปส่งนะครับ" เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่เป็นไรค่ะ...ปิ่นนัดเพื่อนไว้ที่หน้าลิฟต์"
"โอเค...เจอกันอาทิตย์หน้านะครับ"
"ค่ะ...ขอบคุณสำหรับส่วนลดนะคะ" เธอเอ่ยแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่ออติยะหันมาอีกครั้งก็ต้องถอนใจเบา ๆ
ไม่รู้ว่าพิมพ์ตะวันตั้งใจหรือไม่ แต่เธอทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจได้ง่าย ๆ ด้วยการวางนามบัตรเขาทิ้งไว้บนโต๊ะเป็นครั้งที่สอง
ชายหนุ่มบิดริมฝีปากเมื่อหยิบนามบัตรขึ้นมาดู เขาเคยมั่นใจมาตลอดว่าหน้าตา ฐานะ และความสามารถของเขาล้วนเป็นองค์ประกอบที่น้อยคนจะปฏิเสธความสัมพันธ์ แต่พิมพ์ตะวันคงเป็นส่วนน้อยที่มองข้ามทุกส่วนนั้นไปง่ายดาย
บทเรียนวันนี้เป็นเรื่องของการสร้างแบบเครื่องประดับ นี่เป็นครั้งแรกที่พิมพ์ตะวันจะได้ออกแบบ หญิงสาวบรรจงวาดภาพอัญมณีสีน้ำเงินเข้มตรงกลาง ก่อนร่างแนวเพชรต่อเติมไปด้านบน
"อันนี้ปิ่นจะทำเป็นอะไรคะ" ครูเดินเข้ามาชะโงกมอง
"ว่าจะทำเป็นต่างหูค่ะ"
"แบบเรียบดีนะ สลับกับแอมเลย" ครูหันไปมองแบบที่เนมิกาวาด เพราะสองสาวเพื่อนรักมีบุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจน แต่งานที่ออกมากลับทำให้คนเป็นครูแปลกใจ
"แอมดูห้าว ๆ เรียบ ๆ แต่ดีไซน์งานใหญ่ วินเทจมาก ส่วนปิ่นนี่ดูหวาน ๆ แต่งานเรียบ ๆ ดูมินิมอลดีค่ะ" ครูยิ้ม "ชอบ ๆ ดูแปลกดี"
พิมพ์ตะวันหัวเราะก่อนหันไปแกล้งกระซิบกับเนมิกา แต่จงใจส่งเสียงให้ครูได้ยิน "จุ๊ ๆ แอมอย่าบอกครูนะ ที่มินิมอลน่ะไม่ใช่เพราะสไตล์ แต่เพราะมันง่าย..."
หนึ่งครู สามนักเรียนหัวเราะลั่นห้อง บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นเมื่อคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กันมาอยู่ด้วยกัน
"จริง ๆ มินิมอลจะยากตอนคิด แต่วาดง่ายนะ" เนมิกาออกความเห็นเมื่อเอนตัวมาดูแบบต่างหูที่เพื่อนวาด "เหมาะกับคนขี้เกียจอย่างปิ่นมาก"
"อันนี้มีทริคนิดนึงค่ะ ถ้าเราดีไซน์ให้ข้อตรงนี้เรียวลงมาอีกนิด ต่างหูจะยาวมากขึ้น เวลาใส่แล้วหน้าจะดูเรียวขึ้นได้" ครูหยิบดินสอมาวาดเส้นจาง ๆ ลงบนแบบร่างเพื่อปรับแบบที่วางไว้
"แล้วอันนี้ปิ่นจะใช้อะไรดีคะ"
"ว่าจะวาดเป็นไพลินค่ะ ในแบบไม่มี" เธอทำหน้างอเมื่อคิดได้ว่าแบบอัญมณีสำเร็จรูปที่ครูแจกให้ไม่มีภาพไพลินในขนาดที่เธอต้องการ เธอจึงต้องวาดและลงสีเอง
คนเป็นครูมองอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหยิบภาพกระดาษมาชี้ให้หญิงสาวดู "อันนี้ได้ไหมคะ"
พิมพ์ตะวันมองแล้วร้อง "อ้าว...ทำไมตะกี้ปิ่นหาไม่เจอ"
"ฮ่า ๆ ขยันจะวาดเองล่ะสิ" เพื่อรักที่นั่งข้าง ๆ หันมาเกาะไหล่ล้อ ส่วนคนเป็นครูที่มีอายุไล่เลี่ยกันหัวเราะเบา ๆ
เสียงฝนตกดังกระทบหลังคาสังกะสีของอาคารด้านนอกดังขึ้นขัดเสียงพูดคุย เพียงไม่นานไฟฟ้าที่อยู่ในห้องก็ดับลง
"อ้าว..." เสียงร้องดังจากครูและนักเรียนทั้งสี่ชีวิตที่อยู่ในห้อง
"แย่เลย...ท่าทางจะดับทั้งตึกนะคะ" ครูมองไปรอบ ๆ
พิมพ์ตะวันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดเพลงแล้ววางไว้กลางโต๊ะ ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนกับแสงสลัวจาง "ฟังเพลงรอไฟไหมคะ"
"วาดต่อคงไม่ไหวนะคะ ปวดตาแย่" เพื่อนรักบอกกึ่งอ้อนครู งานอัญมณีเป็นงานละเอียดที่ต้องการความประณีตสูง แค่เพียงลงสีพลอยแต่ละเม็ดก็สามารถทำให้ปวดหัวได้ง่าย ๆ
"ได้เวลาเลิกพอดี อย่างนั้นพอเท่านี้ก่อนแล้วกันค่ะ" คุณครูเอ่ยบอก "แต่ฝากไปออกแบบงานมาเป็นการบ้านนะคะ คุณครูอยากเห็นจริง ๆ"
"จะพยายามนะคะครู" เนมิกาบอกด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ
พิมพ์ตะวันเก็บของใส่กระเป๋า เดินลงบันไดมากับเพื่อนทั้งสองคนที่เรียนด้วยกัน เมื่อมาถึงชั้นล่างที่อยู่หน้าร้านกาแฟจึงพบกับคนตัวสูงที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
"คุณปิ่น เรียนเสร็จแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ..." เธอยิ้มรับแล้วหันไปหาเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน เอ่ยลาเมื่อทั้งคู่บอกว่าจะเดินทางกลับโดยรถไฟฟ้า ส่วนคนบ้านใกล้ที่รถไฟฟ้าเข้าไม่ถึงอย่างเธอตัดสินใจจะกลับโดยรถแท็กซี่
"กลับดี ๆ นะ ถึงบ้านแล้วไลน์บอกด้วย" เนมิกาบอกก่อนโบกมือลาจากไปกับเพื่อนสาว
"จะกลับแล้วเหรอครับ" อติยะเดินมาหาหญิงสาว
"ยังหรอกค่ะ...ปิ่นลืมเอาร่มมา คงต้องรอฝนหยุดก่อน" เธอถอนใจเบา ๆ
อติยะเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยถาม "บ้านคุณปิ่นอยู่ไหนครับ"
"แถวสวนกุหลาบค่ะ"
"ผมจะกลับบ้านที่ปิ่นเกล้าอยู่แล้ว ไปด้วยกันไหมครับ" เขามองอย่างคาดหวัง พิมพ์ตะวันนิ่งคิดเพียงครู่ก็ตอบตกลง
"ได้ค่ะ...คงอีกนานกว่าฝนจะหยุด"
"อย่างนั้นคุณปิ่นเข้าไปนั่งรอข้างในก่อนไหมครับ ผมเข้าไปเคลียร์งานแปป" เมื่อพิมพ์ตะวันพยักหน้ารับ คนตัวสูงก็รีบก้าวเร็ว ๆ เข้าไปในร้าน พอดีกับที่ไฟฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้ง เครื่องปรับอากาศเริ่มทำงานพาไอเย็นชื้นให้ลอยไปทั่ว
พิมพ์ตะวันเดินเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ รออยู่ไม่นาน คนตัวสูงก็เดินมาหาเธอที่โต๊ะพร้อมกระเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้ม
อติยะจอดรถไว้ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของอาคาร เมื่อเขาพาเธอมาถึงหญิงสาวก็ร้องออกมาเบา ๆ อย่างชอบในกับรถมินิคูเปอร์ลายธงชาติอังกฤษ
"ของน้องสาวผมครับ" เขารีบบอก "รถผมถูกเฉี่ยวเมื่อสองวันก่อน เลยยืมน้องมาใช้ก่อน"
"น่ารักดีนะคะ...น้องคุณคงจะติสท์น่าดู" เธอแกล้งลากเสียงกึ่งล้อเมื่อนึกถึงนิยามความติสท์ที่เขาเคยพูดถึง
อติยะพยักหน้า "ถ้าป่านเจอคุณต้องชอบแน่ ๆ"
"แล้วคุณชอบปิ่นหรือเปล่าคะ" หญิงสาวถามง่าย ๆ เมื่อชายหนุ่มถอยรถออกมาจากที่จอด
เขาเลิกคิ้ว นิ่งไปครู่ก่อนหัวเราะเบา ๆ "ถ้าผมตกใจง่ายกว่านี้อีกนิดคงเผลอเฉี่ยวรถข้าง ๆ แน่ครับ"
"คุณดูไม่น่าขวัญอ่อนขนาดนั้น" เธอเอ่ยพลางถอนใจเบา ๆ "อย่าว่าปิ่นเลยนะคะที่ต้องถามตรง ๆ แต่คุณเข้ามาเร็วมาก"
เขานิ่งไปราวครุ่นคิดบางอย่าง "ผมทำให้คุณปิ่นตกใจเหรอครับ"
"เปล่าค่ะ...แค่ไม่แน่ใจมากกว่า" เธอเอ่ยช้า ๆ "ปิ่นไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน"
อติยะเงียบอยู่นาน จนไฟแดงที่แยกทำให้เขาต้องหยุดรถ ชายหนุ่มจึงหันมามองหน้าหญิงสาว รอจนเธอหันมาสบตาจึงเอ่ย "ครับ...ผมชอบคุณ"
แววตาหวานที่พราวไปด้วยเสน่ห์อย่างผู้ชายที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี ดูเปิดเผยและจริงใจ ทำให้พิมพ์ตะวันคลี่ยิ้มบาง
"ขอบคุณค่ะ...ปิ่นก็ชอบคุณ" เธอบอกหน้าตาเฉย ทำให้เรียวคิ้วหนาของคนตรงหน้าโค้งเข้าหากัน "คุณน่าจะเป็นเพื่อนที่ดี..."
"คุณปิ่น..." เพราะไฟแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว อติยะจึงหันไปสนใจกับเส้นทางอีกครั้ง
พิมพ์ตะวันถอนใจเบา ๆ บอกเสียงเรียบ "ปิ่นไม่ชอบทำให้เพื่อนหล่นหายไปจากชีวิต..."
"คุณกลัวว่าความรักจะทำให้เราหายไปจากกันเหรอครับ" เขาเอ่ยอย่างเข้าใจความหมายของหญิงสาว พิมพ์ตะวันจึงพยักหน้ายอมรับ "คนฉลาดเขาคิดมากกันแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ"
"ปิ่นเป็นคนโง่ต่างหากล่ะคะ...เพราะรู้ว่าตัวเองโง่มากในด้านความสัมพันธ์ เลยพยายามมองให้ชัด ตรงไปตรงมา และสื่อสารให้เข้าใจ" เธอเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ "ปิ่นไม่อยากพลาด...ทำร้ายความรู้สึกของใครหรือทำให้ตัวเองต้องรู้สึกไม่ดี"
"คุณปิ่นเป็นโรคกลัวความสัมพันธ์เหรอครับ" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ ดูเหมือนว่าแค่เริ่มเดิน ผู้หญิงคนนี้ก็รีบปิดประตูใส่หน้าเขาเสียแล้ว
"ปิ่นเพิ่งอกหักค่ะ..." เธอตอบง่าย ๆ "นี่เป็นเวลาดีที่ปิ่นจะเรียนรู้ตัวเอง แต่ไม่ใช่เวลาสำหรับการเรียนรู้ใครเลย"
อติยะพยักหน้าอย่างเข้าใจมากขึ้น "ทานข้าวกันไหมครับ..."
พิมพ์ตะวันกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเขาไม่รอคำตอบ แต่กลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
"คุณไปป์..." เธอเอ่ยเรียกเบา ๆ ราวจะท้วง
ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธอนิ่ง ดวงตาที่เคยพราวแสงราวจะล้อเล่นกลับดูจริงจัง
"ผมไม่รู้หรอกว่าความชอบของผมจะพัฒนาไปถึงไหน แต่ถ้าคุณปิ่นไม่สบายใจ...ผมขอแค่เก็บความรู้สึกแบบเพื่อนของเราไว้เท่าที่คุณพอใจ ที่เหลือความรู้สึกของผม...ขอให้เป็นหน้าที่ของผม"
_________
ณ จุดนี้...อยากได้ผู้ชายแบบคุณไปป์...
แอบเปลี่ยนชื่อเรื่อง แหะ ๆ
คุณคิมหันตุ์ : หนูปิ่นเธอไม่ค่อยสนใจโลกค่ะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : หวานแล้วจริง ๆ ค่ะ แหะ ๆ จุดนี้...ไอซ์ว่าคุณไปป์คงอยากจับนางมาตีก้นมากกว่า ต้นรักยังไม่ทันปลูกก็จะเซาะเมล็ดออกมาให้ไก่กินเสียแล้ว
คุณ kraten : ไอซ์ก็ชอบนาง โอย...หัวใจจะละลายค่ะ
konhin : นั่นสิคะ ปิ่นก็คิดแบบนั้นเลยค่ะ
เขียนไปเขียนมา จากเรื่องสั้นทำท่าจะยาวเสียอย่างนั้น ถ้าเป็นสไตล์ลิขิตรา...หลาย ๆ ครั้งเราก็ตัดจบแบบดื้อ ๆ
ถามคนอ่านดีกว่า....อิอิ เนื่องจากพิมพ์ตะวันนิสัยเสียและออกจะงี่เง่า แต่คุณไปป์น่ารักจนอิจฉานาง
ช่วยกันโวทไหมคะ...ควรพอ...หรือไปต่อ
เมื่อพิมพ์ตะวันเดินมาที่หน้าเคาท์เตอร์ คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอกลับกลายเป็นผู้ชายผิวขาว ตาคม ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นเล่นลายปะที่ศอกอย่างทันสมัย
"สวัสดีครับ..."
"สวัสดีค่ะ..." เธอคลี่ยิ้มทัก แล้วก้มลงมองรายการอาหาร "วันนี้อาหารต้องรอนานอีกหรือคะ"
"ไม่ครับ..."
"อ้อ...ดีจัง" เธอพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนเงยหน้าบอกพนักงานสาวที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่ม "ขอเป็นซุปครีมเห็ดกับคลับแซนวิช แล้วก็...ลาเต้ร้อนค่ะ"
พนักงานสาวยิ้มรับ พิมพ์ข้อมูลแล้วทวนคำสั่งอย่างคล่องแคล่ว แต่ก่อนที่พิมพ์ตะวันจะจ่ายเงิน คนตัวสูงกลับเอ่ยขึ้นก่อน
"ลดสิบเปอร์เซนต์สำหรับลูกค้าประจำนะครับ" เขาเอ่ยกับเธอ พนักงานสาวรีบกดส่วนลดตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่พิมพ์ตะวันเอียงคอมองอย่างงุนงง เอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนจะจ่ายเงิน
เธอรับป้ายหมายเลขคิวอาหารและรหัสอินเตอร์เน็ทมา แล้วเดินไปหาโต๊ะนั่งซึ่งอยู่สุดมุมร้านที่ดูเหมือนจะกลายเป็นโต๊ะประจำของเธอไปเสียแล้ว อติยะเดินตามมา ลากเก้าอี้ตรงข้ามเธอออกมานั่ง คลี่ยิ้มกว้างเมื่อเอ่ยคำถาม
"งานยุ่งไหมครับ"
"เรื่อย ๆ ค่ะ...วันนี้เพิ่งออกเวรเลยโทรมหน่อย" เธอตอบกลั้วหัวเราะ ก่อนมองสบตาชายหนุ่ม เอ่ยคำถามกึ่งล้อ "ที่นี่มีบริการคนนั่งเป็นเพื่อนสำหรับลูกค้าประจำด้วยเหรอคะ"
อติยะนิ่งงันไปครู่ ก่อนจะยกมือลูบผมอย่างเก้อเขิน "ถ้าคุณปิ่นไม่รังเกียจ..."
"ล้อเล่นน่ะค่ะ...ได้เจอเพื่อนใหม่ จะถือเป็นเรื่องที่ต้องรังเกียจได้ยังไงคะ"
"แปลว่าผมมากวนคุณได้ใช่ไหม"
"กวนไม่ได้ค่ะ แต่คุยกันได้" เธอตอบ พอดีกับที่พนักงานสาวนำแก้วกาแฟมาเสิร์ฟ "คุณไปป์มาอยู่นี่ทุกวันเลยเหรอคะ"
"เปล่าครับ...นี่เป็นหนึ่งในงานพาร์ทไทม์"
"แล้วฟูลไทม์..." เธอเลิกคิ้วมองหน้าแทนเครื่องหมายคำถาม
อติยะอมยิ้ม "ลองเดาดูไหมครับ"
พิมพ์ตะวันหัวเราะ "ยากจังค่ะ...มีชอยส์ไหมคะ"
"เปลี่ยนเป็นคำใบ้แทนไหมครับ"
"ก็ได้ค่ะ...ดีกว่าไม่มีอะไรเลย" เธอไหวไหล่เบา ๆ
อติยะนิ่งคิดอยู่เพียงครู่ ก็บอกง่าย ๆ "เป็นอะไรที่คุณคงสนใจ..." เขาเอ่ยง่าย ๆ แต่ในตาที่มองสบตาเธอเป็นประกายวาวหวานราวจะสื่อความหมายบางอย่างที่มากกว่าเรื่องงาน
พิมพ์ตะวันกลอกตาอย่างครุ่นคิด "ยากจัง นี่ใบ้แล้วเหรอคะ"
"ลองทายดูก่อนสิครับ...คุณหมอ" เขาฉีกยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่อาจล่อลวงคนมองให้หลงละเมอ แต่พิมพ์ตะวันเพียงขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วถามออกมาง่าย ๆ ด้วยแววตาใสซื่อที่เธอจงใจแกล้งทำ
"คุณไปป์ทำงานเป็นคนไข้เหรอคะ"
รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มหายไปอย่างรวดเร็ว เขานิ่งงันไปครู่สั้น ๆ ก่อนจะทำปากยื่นเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสดใสของหญิงสาว
"คำใบ้คุณยากไปนะคะ สำหรับหมอ...ถ้าจะมีอะไรน่าสนใจก็คงเป็นเรื่องคนไข้นี่ล่ะค่ะ" เธอเอ่ยต่อ "เฉลยเถอะค่ะถ้าคุณไม่อยากมีงานประจำแปลก ๆ อื่น"
อติยะหัวเราะกับท่าทางกึ่งอ้อนกึ่งขู่ของหญิงสาว "ผมไม่กล้าให้คุณเดาต่อเลยจริง ๆ"
เขาเงียบไปครู่ หยิบนามบัตรที่คราวก่อนเธอไม่ได้เก็บไว้ออกมายื่นให้อีกครั้ง "ผมทำธุรกิจครอบครัวครับ...เจมส์ไพรด์..."
พิมพ์ตะวันเพิ่งสังเกตอีกหน้าของนามบัตร นอกจากโลโก้ร้านกาแฟแห่งนี้แล้วยังมีสัญลักษณ์รูปตัวพีที่มุมกระดาษ ลายสีขาวทองแทบกลืนไปกับเนื้อกระดาษสีขาวนวลเป็นโลโก้ของบริษัทจิวเวอรี่ชั้นนำแห่งหนึ่งที่คนในแวดวงเพชรและทองรู้จักกันดี
"เป็นอะไรที่คุณปิ่นสนใจถูกไหมครับ"
พิมพ์ตะวันคลี่ยิ้ม "ผิดค่ะ"
เมื่อเห็นแววตาประหลาดใจที่หม่นแสงลงของคนตรงหน้า เธอจึงเอ่ยต่อ "ปิ่นสนใจดีไซน์ค่ะ ไม่ใช่แบรนด์..."
อติยะแกล้งถอนใจหนัก ๆ "มีใครเคยบอกไหมครับ คุณปิ่นเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก"
หญิงสาวอมยิ้ม "มีแต่คนบอกว่าติสท์แตกจนไม่สนใจคนอื่นค่ะ"
"ใช่เลยครับ" เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
อาหารถูกยกมาเสิร์ฟ หญิงสาวเลิกคิ้วมองหน้าชายหนุ่ม "คุณไปป์ทานอะไรหรือยังคะ"
"เรียบร้อยแล้วครับ...เชิญคุณปิ่นตามสบายเลย"
"อย่างนั้นปิ่นขออนุญาตนะคะ" เธอบอกแล้วตักอาหารกินไปพลาง พูดคุยกับชายหนุ่มที่จิบกาแฟเล่นโทรศัพท์ไปพลาง จนใกล้เวลาเรียน หญิงสาวก็คว้ากระเป๋า บอกเขาง่าย ๆ
"ได้เวลาเรียนแล้ว ปิ่นขอตัวก่อนนะครับ"
"ผมเดินไปส่งนะครับ" เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่เป็นไรค่ะ...ปิ่นนัดเพื่อนไว้ที่หน้าลิฟต์"
"โอเค...เจอกันอาทิตย์หน้านะครับ"
"ค่ะ...ขอบคุณสำหรับส่วนลดนะคะ" เธอเอ่ยแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่ออติยะหันมาอีกครั้งก็ต้องถอนใจเบา ๆ
ไม่รู้ว่าพิมพ์ตะวันตั้งใจหรือไม่ แต่เธอทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจได้ง่าย ๆ ด้วยการวางนามบัตรเขาทิ้งไว้บนโต๊ะเป็นครั้งที่สอง
ชายหนุ่มบิดริมฝีปากเมื่อหยิบนามบัตรขึ้นมาดู เขาเคยมั่นใจมาตลอดว่าหน้าตา ฐานะ และความสามารถของเขาล้วนเป็นองค์ประกอบที่น้อยคนจะปฏิเสธความสัมพันธ์ แต่พิมพ์ตะวันคงเป็นส่วนน้อยที่มองข้ามทุกส่วนนั้นไปง่ายดาย
บทเรียนวันนี้เป็นเรื่องของการสร้างแบบเครื่องประดับ นี่เป็นครั้งแรกที่พิมพ์ตะวันจะได้ออกแบบ หญิงสาวบรรจงวาดภาพอัญมณีสีน้ำเงินเข้มตรงกลาง ก่อนร่างแนวเพชรต่อเติมไปด้านบน
"อันนี้ปิ่นจะทำเป็นอะไรคะ" ครูเดินเข้ามาชะโงกมอง
"ว่าจะทำเป็นต่างหูค่ะ"
"แบบเรียบดีนะ สลับกับแอมเลย" ครูหันไปมองแบบที่เนมิกาวาด เพราะสองสาวเพื่อนรักมีบุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจน แต่งานที่ออกมากลับทำให้คนเป็นครูแปลกใจ
"แอมดูห้าว ๆ เรียบ ๆ แต่ดีไซน์งานใหญ่ วินเทจมาก ส่วนปิ่นนี่ดูหวาน ๆ แต่งานเรียบ ๆ ดูมินิมอลดีค่ะ" ครูยิ้ม "ชอบ ๆ ดูแปลกดี"
พิมพ์ตะวันหัวเราะก่อนหันไปแกล้งกระซิบกับเนมิกา แต่จงใจส่งเสียงให้ครูได้ยิน "จุ๊ ๆ แอมอย่าบอกครูนะ ที่มินิมอลน่ะไม่ใช่เพราะสไตล์ แต่เพราะมันง่าย..."
หนึ่งครู สามนักเรียนหัวเราะลั่นห้อง บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นเมื่อคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กันมาอยู่ด้วยกัน
"จริง ๆ มินิมอลจะยากตอนคิด แต่วาดง่ายนะ" เนมิกาออกความเห็นเมื่อเอนตัวมาดูแบบต่างหูที่เพื่อนวาด "เหมาะกับคนขี้เกียจอย่างปิ่นมาก"
"อันนี้มีทริคนิดนึงค่ะ ถ้าเราดีไซน์ให้ข้อตรงนี้เรียวลงมาอีกนิด ต่างหูจะยาวมากขึ้น เวลาใส่แล้วหน้าจะดูเรียวขึ้นได้" ครูหยิบดินสอมาวาดเส้นจาง ๆ ลงบนแบบร่างเพื่อปรับแบบที่วางไว้
"แล้วอันนี้ปิ่นจะใช้อะไรดีคะ"
"ว่าจะวาดเป็นไพลินค่ะ ในแบบไม่มี" เธอทำหน้างอเมื่อคิดได้ว่าแบบอัญมณีสำเร็จรูปที่ครูแจกให้ไม่มีภาพไพลินในขนาดที่เธอต้องการ เธอจึงต้องวาดและลงสีเอง
คนเป็นครูมองอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหยิบภาพกระดาษมาชี้ให้หญิงสาวดู "อันนี้ได้ไหมคะ"
พิมพ์ตะวันมองแล้วร้อง "อ้าว...ทำไมตะกี้ปิ่นหาไม่เจอ"
"ฮ่า ๆ ขยันจะวาดเองล่ะสิ" เพื่อรักที่นั่งข้าง ๆ หันมาเกาะไหล่ล้อ ส่วนคนเป็นครูที่มีอายุไล่เลี่ยกันหัวเราะเบา ๆ
เสียงฝนตกดังกระทบหลังคาสังกะสีของอาคารด้านนอกดังขึ้นขัดเสียงพูดคุย เพียงไม่นานไฟฟ้าที่อยู่ในห้องก็ดับลง
"อ้าว..." เสียงร้องดังจากครูและนักเรียนทั้งสี่ชีวิตที่อยู่ในห้อง
"แย่เลย...ท่าทางจะดับทั้งตึกนะคะ" ครูมองไปรอบ ๆ
พิมพ์ตะวันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดเพลงแล้ววางไว้กลางโต๊ะ ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนกับแสงสลัวจาง "ฟังเพลงรอไฟไหมคะ"
"วาดต่อคงไม่ไหวนะคะ ปวดตาแย่" เพื่อนรักบอกกึ่งอ้อนครู งานอัญมณีเป็นงานละเอียดที่ต้องการความประณีตสูง แค่เพียงลงสีพลอยแต่ละเม็ดก็สามารถทำให้ปวดหัวได้ง่าย ๆ
"ได้เวลาเลิกพอดี อย่างนั้นพอเท่านี้ก่อนแล้วกันค่ะ" คุณครูเอ่ยบอก "แต่ฝากไปออกแบบงานมาเป็นการบ้านนะคะ คุณครูอยากเห็นจริง ๆ"
"จะพยายามนะคะครู" เนมิกาบอกด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ
พิมพ์ตะวันเก็บของใส่กระเป๋า เดินลงบันไดมากับเพื่อนทั้งสองคนที่เรียนด้วยกัน เมื่อมาถึงชั้นล่างที่อยู่หน้าร้านกาแฟจึงพบกับคนตัวสูงที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
"คุณปิ่น เรียนเสร็จแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ..." เธอยิ้มรับแล้วหันไปหาเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน เอ่ยลาเมื่อทั้งคู่บอกว่าจะเดินทางกลับโดยรถไฟฟ้า ส่วนคนบ้านใกล้ที่รถไฟฟ้าเข้าไม่ถึงอย่างเธอตัดสินใจจะกลับโดยรถแท็กซี่
"กลับดี ๆ นะ ถึงบ้านแล้วไลน์บอกด้วย" เนมิกาบอกก่อนโบกมือลาจากไปกับเพื่อนสาว
"จะกลับแล้วเหรอครับ" อติยะเดินมาหาหญิงสาว
"ยังหรอกค่ะ...ปิ่นลืมเอาร่มมา คงต้องรอฝนหยุดก่อน" เธอถอนใจเบา ๆ
อติยะเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยถาม "บ้านคุณปิ่นอยู่ไหนครับ"
"แถวสวนกุหลาบค่ะ"
"ผมจะกลับบ้านที่ปิ่นเกล้าอยู่แล้ว ไปด้วยกันไหมครับ" เขามองอย่างคาดหวัง พิมพ์ตะวันนิ่งคิดเพียงครู่ก็ตอบตกลง
"ได้ค่ะ...คงอีกนานกว่าฝนจะหยุด"
"อย่างนั้นคุณปิ่นเข้าไปนั่งรอข้างในก่อนไหมครับ ผมเข้าไปเคลียร์งานแปป" เมื่อพิมพ์ตะวันพยักหน้ารับ คนตัวสูงก็รีบก้าวเร็ว ๆ เข้าไปในร้าน พอดีกับที่ไฟฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้ง เครื่องปรับอากาศเริ่มทำงานพาไอเย็นชื้นให้ลอยไปทั่ว
พิมพ์ตะวันเดินเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ รออยู่ไม่นาน คนตัวสูงก็เดินมาหาเธอที่โต๊ะพร้อมกระเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้ม
อติยะจอดรถไว้ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของอาคาร เมื่อเขาพาเธอมาถึงหญิงสาวก็ร้องออกมาเบา ๆ อย่างชอบในกับรถมินิคูเปอร์ลายธงชาติอังกฤษ
"ของน้องสาวผมครับ" เขารีบบอก "รถผมถูกเฉี่ยวเมื่อสองวันก่อน เลยยืมน้องมาใช้ก่อน"
"น่ารักดีนะคะ...น้องคุณคงจะติสท์น่าดู" เธอแกล้งลากเสียงกึ่งล้อเมื่อนึกถึงนิยามความติสท์ที่เขาเคยพูดถึง
อติยะพยักหน้า "ถ้าป่านเจอคุณต้องชอบแน่ ๆ"
"แล้วคุณชอบปิ่นหรือเปล่าคะ" หญิงสาวถามง่าย ๆ เมื่อชายหนุ่มถอยรถออกมาจากที่จอด
เขาเลิกคิ้ว นิ่งไปครู่ก่อนหัวเราะเบา ๆ "ถ้าผมตกใจง่ายกว่านี้อีกนิดคงเผลอเฉี่ยวรถข้าง ๆ แน่ครับ"
"คุณดูไม่น่าขวัญอ่อนขนาดนั้น" เธอเอ่ยพลางถอนใจเบา ๆ "อย่าว่าปิ่นเลยนะคะที่ต้องถามตรง ๆ แต่คุณเข้ามาเร็วมาก"
เขานิ่งไปราวครุ่นคิดบางอย่าง "ผมทำให้คุณปิ่นตกใจเหรอครับ"
"เปล่าค่ะ...แค่ไม่แน่ใจมากกว่า" เธอเอ่ยช้า ๆ "ปิ่นไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน"
อติยะเงียบอยู่นาน จนไฟแดงที่แยกทำให้เขาต้องหยุดรถ ชายหนุ่มจึงหันมามองหน้าหญิงสาว รอจนเธอหันมาสบตาจึงเอ่ย "ครับ...ผมชอบคุณ"
แววตาหวานที่พราวไปด้วยเสน่ห์อย่างผู้ชายที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี ดูเปิดเผยและจริงใจ ทำให้พิมพ์ตะวันคลี่ยิ้มบาง
"ขอบคุณค่ะ...ปิ่นก็ชอบคุณ" เธอบอกหน้าตาเฉย ทำให้เรียวคิ้วหนาของคนตรงหน้าโค้งเข้าหากัน "คุณน่าจะเป็นเพื่อนที่ดี..."
"คุณปิ่น..." เพราะไฟแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว อติยะจึงหันไปสนใจกับเส้นทางอีกครั้ง
พิมพ์ตะวันถอนใจเบา ๆ บอกเสียงเรียบ "ปิ่นไม่ชอบทำให้เพื่อนหล่นหายไปจากชีวิต..."
"คุณกลัวว่าความรักจะทำให้เราหายไปจากกันเหรอครับ" เขาเอ่ยอย่างเข้าใจความหมายของหญิงสาว พิมพ์ตะวันจึงพยักหน้ายอมรับ "คนฉลาดเขาคิดมากกันแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ"
"ปิ่นเป็นคนโง่ต่างหากล่ะคะ...เพราะรู้ว่าตัวเองโง่มากในด้านความสัมพันธ์ เลยพยายามมองให้ชัด ตรงไปตรงมา และสื่อสารให้เข้าใจ" เธอเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ "ปิ่นไม่อยากพลาด...ทำร้ายความรู้สึกของใครหรือทำให้ตัวเองต้องรู้สึกไม่ดี"
"คุณปิ่นเป็นโรคกลัวความสัมพันธ์เหรอครับ" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ ดูเหมือนว่าแค่เริ่มเดิน ผู้หญิงคนนี้ก็รีบปิดประตูใส่หน้าเขาเสียแล้ว
"ปิ่นเพิ่งอกหักค่ะ..." เธอตอบง่าย ๆ "นี่เป็นเวลาดีที่ปิ่นจะเรียนรู้ตัวเอง แต่ไม่ใช่เวลาสำหรับการเรียนรู้ใครเลย"
อติยะพยักหน้าอย่างเข้าใจมากขึ้น "ทานข้าวกันไหมครับ..."
พิมพ์ตะวันกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเขาไม่รอคำตอบ แต่กลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
"คุณไปป์..." เธอเอ่ยเรียกเบา ๆ ราวจะท้วง
ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธอนิ่ง ดวงตาที่เคยพราวแสงราวจะล้อเล่นกลับดูจริงจัง
"ผมไม่รู้หรอกว่าความชอบของผมจะพัฒนาไปถึงไหน แต่ถ้าคุณปิ่นไม่สบายใจ...ผมขอแค่เก็บความรู้สึกแบบเพื่อนของเราไว้เท่าที่คุณพอใจ ที่เหลือความรู้สึกของผม...ขอให้เป็นหน้าที่ของผม"
_________
ณ จุดนี้...อยากได้ผู้ชายแบบคุณไปป์...
แอบเปลี่ยนชื่อเรื่อง แหะ ๆ
คุณคิมหันตุ์ : หนูปิ่นเธอไม่ค่อยสนใจโลกค่ะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : หวานแล้วจริง ๆ ค่ะ แหะ ๆ จุดนี้...ไอซ์ว่าคุณไปป์คงอยากจับนางมาตีก้นมากกว่า ต้นรักยังไม่ทันปลูกก็จะเซาะเมล็ดออกมาให้ไก่กินเสียแล้ว
คุณ kraten : ไอซ์ก็ชอบนาง โอย...หัวใจจะละลายค่ะ
konhin : นั่นสิคะ ปิ่นก็คิดแบบนั้นเลยค่ะ
เขียนไปเขียนมา จากเรื่องสั้นทำท่าจะยาวเสียอย่างนั้น ถ้าเป็นสไตล์ลิขิตรา...หลาย ๆ ครั้งเราก็ตัดจบแบบดื้อ ๆ
ถามคนอ่านดีกว่า....อิอิ เนื่องจากพิมพ์ตะวันนิสัยเสียและออกจะงี่เง่า แต่คุณไปป์น่ารักจนอิจฉานาง
ช่วยกันโวทไหมคะ...ควรพอ...หรือไปต่อ
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มิ.ย. 2559, 19:09:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2559, 19:10:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 1138
<< ในความสัมพันธ์ 1 | ในความสัมพันธ์ 3 (ใครเจ็บกว่า) >> |
นักอ่านเหนียวหนึบ 25 มิ.ย. 2559, 21:37:24 น.
หืม พี่ไปป์ ตอนแรกก็ดูเจ้าชู้เฉยๆ นะ ตอนนี้ดูเจ้าชู้กึ่งๆ เจ้าชายนะฮะ 55555
หืม พี่ไปป์ ตอนแรกก็ดูเจ้าชู้เฉยๆ นะ ตอนนี้ดูเจ้าชู้กึ่งๆ เจ้าชายนะฮะ 55555
sunflower 25 มิ.ย. 2559, 21:39:10 น.
ไปต่ออีกสักตอนก็ดีนะคะ อยากรู้ว่าคุณไปป์ จะจัดการยังไง
ไปต่ออีกสักตอนก็ดีนะคะ อยากรู้ว่าคุณไปป์ จะจัดการยังไง
kraten 26 มิ.ย. 2559, 00:47:24 น.
เขียนต่อเถอะค่ะ รออ่านมาตลอด... แต่ปิ่นควรหยุด .เดี๋ยวkratenจะไปต่อแทนเอง ! แฮ่ๆ
เขียนต่อเถอะค่ะ รออ่านมาตลอด... แต่ปิ่นควรหยุด .เดี๋ยวkratenจะไปต่อแทนเอง ! แฮ่ๆ
คิมหันตุ์ 26 มิ.ย. 2559, 02:18:33 น.
ชอบคุณไปป์อ่ะ ติดใจมาก. ต้องได้ไปต่อสิคะ
ชอบคุณไปป์อ่ะ ติดใจมาก. ต้องได้ไปต่อสิคะ
konhin 26 มิ.ย. 2559, 04:35:03 น.
มั่นใจมากว่าจะจีบติด โดนทิ้งนามบัตรสองที เสียศูนย์เลย ฮ่าๆ
มั่นใจมากว่าจะจีบติด โดนทิ้งนามบัตรสองที เสียศูนย์เลย ฮ่าๆ