ฝากรักลอยลม
เป็นใครก็ใจละลาย เมื่อชายตรงหน้ามาดแมนแอนด์แฮนซัมเกินห้ามใจ รวมถึงเก็จแก้วด้วย

หลังออกมาวิจัยฝุ่นได้ไม่นาน สวรรค์ก็บันดาลให้เธอได้งานใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ภัมวัจน์ นายคนใหม่ที่หล่อราวฟ้าประทานนี่สิ ดูเหมือนจะไม่ใช่เทพบุตรอย่างที่เธอคาดเสียแล้ว

นับวันเขายิ่งดุและร้ายกาจ จนเธออยากหนีไปให้ไกล ทว่านานวันเข้าใจเจ้ากรรมกลับยิ่งหวั่นไหว
ยิ่งหนี...เขาก็ยิ่งตามติดใกล้ชิดเข้ามาทุกที แล้วหัวใจดวงนี้จะหนีพ้นไหมนะ...


Tags: ฝากรักลอยลม, เก็จแก้ว, ภีมวัจน์, ภัทรชนน, ภัทรจาริน, นิยายรัก, ซึ้งกินใจ, เจ้านาย, เลขา, รักโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 3





“เป็นอะไรน่ะพีท หน้ามุ่ยเชียว” ภีมวัจน์ซึ่งกำลังตักข้าวต้มกุ้งใส่โถหันมาถาม เมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามาในครัว

“พี่แพนรู้ไหม ยายพราวเก็บหลอดไฟไว้ที่ไหน เมื่อกี้ผมเข้าไปหาในห้องเก็บของก็หาไม่เจอ” แทนที่จะตอบ คนเป็นน้องกลับถามไปอีกทาง

“นายจะเอาหลอดไฟไปทำไม”

“ไฟในห้องน่ะสิฮะ ไม่รู้เป็นอะไร เกิดมาพร้อมใจกันดับทั้งห้องนอนห้องน้ำตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” เขายังหัวเสียไม่หาย เมื่อคืนกลับมาก็ดึกแล้ว พบว่าไฟในห้องนอนดับจึงไม่คิดจะเปลี่ยนหลอดไฟ คิดว่าค่อยจัดการตอนเช้าน่าจะดีกว่า แล้วพอเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ น้ำยังไหลเอื่อยอีกต่างหาก เวลานั้นเขาแค่คิดว่าคงเพราะคนใช้น้ำเยอะ ทำให้น้ำไหลไม่ทัน แต่ตอนเช้ามาเจออาการเดียวกันก็ชักแปลกใจ ฉุกคิดได้ว่า บ้านตนมีถังเก็บน้ำสำรอง แถมยังมีเครื่องสูบน้ำอีกต่างหาก มันจะเกิดเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร “แล้วไม่รู้ปั๊มน้ำเสียด้วยหรือเปล่านะพี่แพน น้ำไหลอย่างกับฉี่แมวแน่ะ”

สิ้นคำพูดภีมวัจน์ก็หัวเราะขำกับคำเปรียบเทียบนั้น เล่นเอาภัทรชนนงง...มีอะไรน่าขำ เรื่องออกชวนหงุดหงิด

“ไฟห้องนายไม่ได้เสีย แล้วปั๊มน้ำก็ไม่ได้เจ๊งหรอก แต่บ้านเราโดนตัดไฟต่างหาก”

“ตัดไฟ! เป็นไปได้ยังไง” ภัทรชนนอุทานอย่างไม่เชื่อหู เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นและไม่น่าเกิดขึ้นในบ้านของเขา

“ก็เพราะโดนตัดไฟเนี่ยแหละ นายถึงไม่มีน้ำอาบไง เพราะปั๊มไม่ทำงาน น้ำเลยไหลขึ้นที่สูงไม่ได้ เฮ้อ... ใครจะคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นในบ้านเรา แล้วไม่ใช่แค่ตัดน้ำตัดไฟนะ แบงก์ก็เพิ่งโทร.มาบอกว่ายังไม่ได้เอาเงินค่างวดผ่อนบ้านเข้า เมื่อวานเป็นวันสุดท้ายก่อนจะโดนคิดดอกเบี้ย”

“แล้วเรียบร้อยดีไหมพี่แพน”

“เรียบร้อยแล้วละ พอดีเขาโทร.หาพี่ตอนเช้า สายๆ เลยแวะไปธนาคารทัน แต่เรื่องน้ำเรื่องไฟนี่สิ เรื่องใหญ่” คนเป็นพี่ชายบอกพลางถือโถข้าวต้มเดินไปวางบนโต๊ะกลางห้อง “วันนี้มีแค่ข้าวต้ม งดกาแฟสักวันแล้วกัน ไม่มีไฟฟ้าแบบนี้ แย่จริงๆ”

“ตั้งแต่ยายพราวไม่อยู่เนี่ย วุ่นพิลึกละ รู้งี้ไม่ยอมยกน้องสาวให้นายนั่นก็ดี” ภัทรชนนโวยวาย เมื่อก่อนเรื่องภายในบ้านพวกนี้ภัทรจารินเป็นคนคอยดูแล แต่ตอนนี้หญิงสาวแต่งงานออกไปแล้ว

“ไม่ทันแล้วละพีท อย่าลืมสิ ตอนนี้ไม่ใช่น้องเราแต่งออกไปอย่างเดียวนะ รายนั้นกำลังมีหลานให้เราอุ้ม จะไปทวงน้องคืนก็ไม่ทันแล้วนะ”

“เฮ้อ นั่นสินะครับ ดูท่าจะไม่ทันจริงๆ แต่เอาเถอะ ผมให้อภัย ถึงเราจะเสียดุล แต่อย่างน้อยก็ได้หลานน่ารักๆ มาแทนคนหนึ่ง หยวนๆ แล้วกัน”

“พูดถึงหลานแล้วพี่เพิ่งนึกได้ แม่โทร.มาบอกว่า ไม่อาทิตย์นี้ก็อาทิตย์หน้าจะลงมากรุงเทพฯนะ เห็นว่าจะมาสั่งทำของรับขวัญหลาน”

หลังจากน้องสาวคนเล็กของบ้านออกเรือนไปกับเจ้าของรีสอร์ทเล็กๆ บิดากับมารดาของเขาก็ย้ายไปอยู่กับภัทรจารินตามคำขอร้องของลูกเขย โดยทั้งเขาและภัทรชนนไม่คัดค้านเพราะท่านอายุมากแล้ว ได้อยู่ในที่อากาศดี จะเป็นการดีกับสุขภาพของท่านทั้งสองมากกว่ากรุงเทพฯ

“ดีเลยครับ แล้วยายพราวมาด้วยหรือเปล่า”

ภีมวัจน์ส่ายหน้าเบาๆ มือก็ตักน้ำส้มในโถตรงหน้าปรุงรสข้าวต้มกุ้งในชาม

“ไม่ได้บอกอะไร แต่คิดว่าคงไม่ เพราะเห็นว่าพราวแพ้ท้องมากจนลุกขึ้นไม่ค่อยไหว แบบนี้ต่อให้นายจักรยอมให้พราวตามมาด้วย พ่อกับแม่ก็คงไม่ยอม”

“เสียดายนะ คิดถึงยายพราวเหมือนกัน ผมว่าจะไปหาก็ไม่ว่างสักที ช่วงนี้ยุ่งพิลึก” ภัทรชนนบ่น “อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด ว่าแต่พี่แพนเถอะ ผมเห็นหอบงานมาทำที่บ้านบ่อยๆ นี่”

“ไม่รู้เป็นไง ตอนนี้เหมือนวันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมงก็ยังไม่ค่อยพอ”

“ดูเหมือนงานจะสูบเวลาพี่ไปหมดนะ” ภัทรชนนออกความเห็น แล้วทุกอย่างก็วนกลับมาที่เดิม พอภัทรจารินออกจากบ้านไป งานทั้งหมดภีมวัจน์ก็ต้องรับมาจัดการคนเดียว ทั้งที่บริษัทและที่บ้าน

“ใช่ เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อคืนพอโดนตัดไฟก็เหมือนถูกตัดแขนขา ทำอะไรไม่ได้นอกจากอาบน้ำแล้วรีบเข้านอน แต่ก็นอนไม่หลับอีก เพราะช่วงนี้นอนดึกจนชิน พอมีเวลาว่างแบบนั้นเลยทำให้พี่คิดได้ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ระดับความสุขในชีวิตคงติดลบพอๆ กับดัชนีสุขภาพดิ่งเหว”

“แล้วพี่แพนจะทำยังไง” ภัทรชนนถามอย่างใคร่รู้ มองคนวางช้อนแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่มจนเสร็จแล้วนั่นละ เขาถึงได้คำตอบ

“พี่ว่าจะหาใครมาช่วยงานเพิ่มอีกสักคน พีทว่าไง”

“ก็ดีนะฮะ ให้ฝ่ายบุคคลลงประกาศตั้งแต่วันนี้เลยไหมล่ะ”

“ใจเย็นๆ น่าพีท” คนเป็นพี่ปรามพร้อมเสียงหัวเราะ ขำอาการใจร้อนจนออกนอกหน้าของน้องชาย

“ยิ่งเราลงประกาศเร็วเท่าไร เราก็จะได้คนเร็วเท่านั้นนะ พี่แพนอย่าลืมสิ กว่าจะผ่านสัมภาษณ์จากฝ่ายบุคคลมา แล้วพี่สัมภาษณ์ต่ออีกที เป็นเดือนเลยนะฮะ”

“ช่วยไม่ได้นี่ ยังไงก็คงต้องรอละนะ”

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”

“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือไปจัดการเรื่องไฟให้เรียบร้อย ไม่รู้จะเสร็จภายในวันนี้หรือเปล่า ขืนไม่เสร็จ คืนนี้เราแย่กันอีกแน่ โชคดีช่วงนี้อากาศยังเย็น ถ้าเป็นหน้าร้อนคงมีสุกกันบ้าง”

“งั้นเดี๋ยวผมไปจัดการให้ดีกว่า พี่แพนจะได้ไปสะสางงานต่อ จะได้ไม่เสียเวลาด้วย”

“อืม... ดีเหมือนกัน”

ภีมวัจน์ยกชามข้าวต้มของตนไปล้าง หันกลับมาก็เห็นน้องชายจ้องนิ่งมายังเขาเหมือนเจ้าตัวกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ คิ้วเข้มจึงเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม

“มีอะไรหรือเปล่า”

“พี่แพนไม่ต้องให้บุคคลลงประกาศแล้วละ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องไฟแล้วจะหาผู้ช่วยให้พี่ด้วยเลย รับรองไม่เกินสัปดาห์หน้า พี่แพนได้ผู้ช่วยสมใจแน่ เชื่อมือผมเถอะ”



ขณะเสียงกริ่งหน้าห้องดัง เก็จแก้วกำลังนอนคว่ำอยู่บนโซฟา ตรงหน้ามีหนังสือประกาศรับสมัครงานกางอยู่ สายตาง่วนอยู่กับการอ่าน มือก็จับปากกาเมจิกสีแดงวงรอบตำแหน่งที่น่าสนใจ พอได้ยินเสียง เธอก็ขานออกไปเบาๆ เด้งตัวลุกขึ้น โยนปากกาไว้แถวๆ นั้น ซอยเท้าเดินไปเปิดประตูทั้งที่ยังไม่ปลดโซ่คล้องประตูออก สำรวจก่อนว่าแขกเป็นใครเพื่อความปลอดภัย

“พี่พีท พี่ปีย์ แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวลูกแก้วเปิดประตูให้” ประตูถูกเปิดออกอีกครั้งหลังเก็จแก้วงับปิดเพื่อดึงสายโซ่ออก “ลมอะไรหอบมากันคะ วันนี้ทำงานนี่นา แล้วเมื่อวานเพิ่งเจอกันแท้ๆ”

“ถ้าบอกว่าลมคิดถึงจะเชื่อไหมล่ะ”

“เน่าแล้วพี่พีท” เจ้าของใบหน้ารูปหัวใจค้อนขวับๆ “เก็บไว้หวานกับพี่ปีย์คนเดียวก็พอ กับลูกแก้วไม่ต้อง มันเลี่ยน!”

แทนที่จะโกรธเมื่อโดนต่อว่า ภัทรชนนกลับหัวเราะขำ ใช้ไหล่กว้างกระแทกคนซึ่งเดินเคียงมาเบาๆ เป็นการหยอกเย้า นั่นยิ่งทำให้เก็จแก้วตาร้อนหนักเข้าไปอีก

“ถ้าจะมาหยอกมาเย้ากันแถวๆ นี้ กลับไปเลยนะพี่พีท”

“ทำไม บาดตาหรือไง”

อาการลอยหน้าลอยตายั่วกันทำให้เก็จแก้วหน้าหงิกหนักเข้าไปอีก

“ใช่ ทั้งบาดตาและบาดใจเลย” เก็จแก้วสะบัดเสียงให้ภัทรชนนหัวเราะด้วยความสะใจแล้วก็ปลีกตัวไปเอาน้ำมาให้แขกทั้งคู่ ก่อนกลับมากระแทกตัวลงบนโซฟาเดี่ยว เนื่องจากโซฟาตัวที่นอนอยู่ตอนแรกถูกภัทรชนนและปีย์วรายึดไปเรียบร้อยแล้ว

“วันนี้ไม่ทำงานทำการหรือพี่พีท ถึงมานี่ได้” เธอถามอีกครั้ง สำหรับปีย์วรานั้นไม่แปลก เพราะหญิงสาวไม่ได้ทำงานประจำ แต่เป็นเจ้าของร้านขนมแสนน่ารัก

“พี่ออกมาจัดการธุระ นี่ก็เพิ่งเรียบร้อย เลยแวะมาหาเรา” เขาเห็นว่าที่คู่หมั้นกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านอะไรอยู่บนตัก เขาจึงชะโงกหน้าเข้าไปมอง “นี่หางานอยู่ใช่ไหม”

“ค่ะ ลูกแก้วไม่อยากวิจัยฝุ่นนาน” เพราะพอว่างเธอก็ฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา “เมื่อเช้าเลยไปซื้อหนังสือพวกนี้มาดู”

“แล้วสมัครที่ไหนไปบ้างหรือยังจ๊ะ จริงๆ ถ้าลูกแก้วอยากเปลี่ยนฟีลการทำงาน พี่ก็กะจะชวนไปเป็นผู้จัดการร้านให้พี่อยู่เหมือนกัน” ปีย์วราหมายถึงร้านเบเกอรี่ที่เธอเป็นเจ้าของอยู่

“โอ๊ย! ไม่ไหวมั้งพี่ปีย์ ลูกค้าร้านพี่ได้หนีหายกันหมดปะไร”

ปีย์วรามองอาการกลอกตาซ้ำยังโบกมือให้ว่อนขำๆ ตอนเก็จแก้วเรียนจบใหม่ๆ เธอเคยชวนหญิงสาวไปทำงานด้วยกัน คราวนั้นเธอก็ได้คำตอบประมาณนี้

“รายนี้เอาไปไล่ลูกค้าได้อย่างเดียวปีย์ แล้วอย่าหาว่าพีทไม่เตือน”

“พี่พีท อย่าคิดว่าอยู่กับพี่ปีย์แล้วลูกแก้วจะไม่กล้าทำอะไรนะ ฮึ่ย!”

อาการขึงตาเค้นเสียงไม่ได้ทำให้ภัทรชนนกลัวสักนิด เขากลับหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างถูกอกถูกใจ ใบหน้ารูปหัวใจเลยงอง้ำหนักเข้าไปอีก จนปีย์วราต้องตีแขนว่าที่คู่หมั้นเป็นการปรามนั่นละ เสียงหัวเราะถึงเบาลง

“ไหนว่ามีเรื่องจะบอกน้องไง เอาแต่เล่นอยู่นั่นแหละ”

“เกือบลืม” เขาบอกแล้วหันไปทางเก็จแก้ว “เมื่อคืนที่พี่บอกว่าจะดูๆ ให้ว่าที่ไหนกำลังต้องการพนักงานใหม่บ้าง จะได้ให้เราไปสมัครน่ะ ยังสนใจอยู่หรือเปล่า”

ได้ยินแค่นั้น ใบหน้างอง้ำ ดวงตาขวางๆ ในตอนแรกที่ถูกจี้ใจดำ ก็เปลี่ยนเป็นตาเบิกโต น้ำเสียงตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“สนสิพี่พีท ถามได้ ว่าแต่งานอะไรหรือคะ”

“ผู้ช่วยส่วนตัว”

ตำแหน่งที่ได้ยินทำเอาสีหน้าตื่นเต้นเมื่อครู่ม่อยลงจนปีย์วราสังเกตเห็น

“ทำไมล่ะลูกแก้ว ไม่สนใจหรือ พี่ว่าดีออกนะ” ปีย์วราถาม เพราะตอนภัทรชนนไปรับเธอออกมาจากร้านนั้น เขาได้เล่ารายละเอียดคร่าวๆ ให้ฟังบ้างแล้ว

“ผู้ช่วยส่วนตัวก็คล้ายๆ เลขาฯใช่ไหมล่ะคะ แต่ลูกแก้วเรียนบริหารการตลาดมานี่นา ไม่รู้ว่าจะทำอะไรตรงนี้ได้หรือเปล่า อีกอย่างลูกแก้วก็ยังอยากทำงานให้ตรงกับที่เรียนมาอยู่ดี”

“อะไร ยังไม่ทันฟังรายละเอียดเลย ปฏิเสธซะแล้ว ไหนเคยบอกว่าอยากทำงานกับพี่ไง” ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละ เขาไม่ได้โกหกสักหน่อย

“จริงอะ” ได้ยินดังนั้นเก็จแก้วถึงกับหูผึ่ง “ตำแหน่งที่ว่านี่ ของบริษัทพี่พีทหรือคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ แอบหลิ่วตาให้ปีย์วราโดยไม่ให้เก็จแก้วเห็น...ดูท่าพี่ชายเขาจะได้ผู้ช่วยส่วนตัวโดยไม่ต้องลงประกาศสมัครงานให้เสียเวลาและเสียเงินแล้ว

“ใช่ จริงๆ เมื่อก่อนไม่มีตำแหน่งนี้หรอก แต่พราว...ลูกแก้วจำพราวน้องสาวพี่ได้ใช่ไหม” เห็นใบหน้ารูปหัวใจพยักหงึกๆ ดวงตาฉายแววรำลึกได้ เขาจึงอธิบายต่อ “ตอนแรกพราวดูแลงานพวกนี้อยู่ แต่พอแต่งงานออกไป พี่ชายพี่เขาเลยเอาไปจัดการแทนทั้งหมด เพราะจริงๆ พราวเขาก็ไม่ได้ดูอะไรเยอะอยู่แล้ว ทำงานกึ่งๆ ผู้ช่วยอยู่ตั้งแต่ต้น แต่ทีนี้พองานมันโหลด พี่ชายพี่เลยว่าน่าจะหาผู้ช่วยสักคนมาจัดการบางอย่างแทน”

“หมายความว่าให้ลูกแก้วไปเป็นผู้ช่วยพี่แพน” เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าพี่ชายภัทรชนนชื่อแพน บ้านนี้เขาเป็นตระกูล “พ” ทั้ง พ พาน และ ภ สำเภา “ผู้บริหารเลยนะนั่นพี่พีท แน่ใจหรือคะ”

น้ำเสียงตื่นเต้นในตอนแรกเปลี่ยนเป็นอ่อย ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือเปล่า เมื่อนึกได้ว่าพี่ชายภัทรชนนก็หมายถึงเจ้าของบริษัท

ให้เธอไปเป็นผู้ช่วยส่วนตัวคนตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้น ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่เคยรู้เลยว่าตำแหน่งนี้วันๆ เขาทำอะไรกันบ้าง เกิดไปทำอะไรพลาดให้บริษัทเสียหายก็แย่สิ

“ต้องไหวสิลูกแก้ว ลงว่าพยายามซะอย่าง อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อีกอย่างไม่มีใครทำเป็นตั้งแต่เกิดหรอก ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ”

เก็จแก้วมองท่าทางลุ้นจนตัวโก่งของปีย์วรากับสายตารอคอยอย่างมีความหวังของภัทรชนน ก็เม้มริมฝีปากแน่นอย่างชั่งใจ ระหว่างวิจัยฝุ่นไปวันๆ กับกระโดดเข้าไปรับงานที่ไม่คุ้นเคย อย่างไหนจะแย่กว่ากัน

และอาการช้อนตาขึ้นมองหลังจากก้มหน้ากัดริมฝีปากตัวเองอยู่นานของเก็จแก้วก็ทำให้ภัทรชนนใจชื้น ยิ้มออก...เขาได้ผู้ช่วยคนใหม่ไปให้พี่ชายแน่แล้ว

“พี่พีทแน่ใจนะว่า พี่ชายของพี่มีเวลาพอให้ลูกแก้วเรียนรู้งานน่ะ”

“มีสิ ปกติเข้าไปใหม่ๆ ก็ต้องมีคนสอนงาน อธิบายถึงพวกวัฒนธรรมองค์กรให้รู้อยู่แล้ว ลูกแก้วไม่ต้องกลัวไปหรอก”

“งั้น...ตกลงค่ะ” ถึงไม่แน่ใจว่าตนเองตัดสินใจง่ายไปหรือเปล่า แต่ก็น่าลองไม่ใช่หรือ

“โอเค พี่จะได้บอกฝ่ายบุคคลไว้เลย”

“แล้วอีกเรื่องล่ะพีท ไม่อธิบายให้น้องฟังหรือทำใจก่อนเลยหรือไง”

คำพูดทะแม่งๆ ของปีย์วราทำเอาเก็จแก้วย่นคิ้ว

“มีเรื่องอะไรที่ลูกแก้วควรรู้มากกว่านี้ไหมคะ”

“จริงๆ สาเหตุที่ทำให้พี่ชายพี่คิดว่าควรมีผู้ช่วยเกิดจากปัญหาอื่นมากกว่า แต่พี่ไม่รู้ว่าลูกแก้วจะโอเคไหม ถ้าหากว่าไปเป็นผู้ช่วยพี่ชายพี่แล้ว ยังต้องพ่วงเรื่องในบ้านอีกนิดหน่อยเข้าไปด้วย”

“ทำไมพี่พีทถามแบบนั้นล่ะคะ เป็นผู้ช่วยก็ต้องจัดการงานเจ้านายให้ได้ทั้งหมดไม่ใช่หรือไง เอ๊ะ...หรือลูกแก้วเข้าใจอะไรผิด” เธอหันไปขอความเห็นจากปีย์วรา ซึ่งก็ได้รับเพียงอาการส่ายหน้าเบาๆ เท่านั้น จึงหันไปขอคำตอบจากภัทรชนนแทน

“ตามปกติถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัว เจ้านายที่ดีก็ต้องแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่เอาเข้าจริงส่วนใหญ่ก็ทำไม่ค่อยได้หรอก แต่ลูกแก้วไม่ต้องกลัวนะ พี่คุยกับพี่ชายแล้ว ถ้าเพิ่มตรงนี้เข้าไป ก็ต้องเพิ่มค่าตอบแทนให้ด้วยเหมือนกัน เราไม่อยากเอาเปรียบใคร”

“แล้วลูกแก้วต้องทำอะไรเพิ่มคะ” เธอยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“พวกค่าใช้จ่ายในบ้านน่ะ ค่าน้ำ ค่าไฟ อะไรพวกนี้”

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่คะ ลูกแก้วเห็นบรรดาเจ้านายไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ให้เลขาฯหรือลูกน้องทำให้นี่ บางคนให้ทำการบ้าน ทำรายงานให้ด้วยซ้ำ...นี่งานแค่นี้เอง ลูกแก้วทำได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ไม่ได้หรอก พี่ชายพี่กำชับมาแล้วว่าให้เขียนเข้าไปในคำอธิบายลักษณะงานด้วยนะ”

“โห เอายังงั้นเลยหรือคะพีท” ปีย์วราทำตาโต ไม่คิดว่าภีมวัจน์จะเคร่งกับเรื่องพวกนี้ด้วย เลยได้รับการพยักหน้ายืนยันคำตอบ

“ใช่ พี่แพนบอกว่าไม่อยากเอาเปรียบใคร จริงๆ เมื่อก่อนตอนพราวยังอยู่ เรื่องพวกนี้พี่แพนยกให้พราวจัดการ เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงจะรอบคอบมากกว่า พอยายพราวไม่อยู่เลยระส่ำ เชื่อไหมเมื่อคืนบ้านพี่โดนตัดไฟ”

“ฮ้า!” สองคนหันมาจ้องภัทรชนนเป็นตาเดียว อุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหูว่าจะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น

“พูดเล่นหรือเปล่าพีท” เป็นปีย์วราที่หาคำพูดของตนเจอก่อน ส่วนเก็จแก้วได้แต่อึ้งตาโตพูดไม่ออก “เมื่อกี้ไม่เห็นเล่าให้ฟัง”

“จะโกหกให้ได้อะไรล่ะปีย์ ก่อนเราไปหาก็เพิ่งไปจัดการเรื่องขอต่อไฟอยู่ แถมยังต้องแจ้นไปจ่ายค่าน้ำอีก นั่นก็หวุดหวิดโดนตัดอีก” เขาบอกว่าที่คู่หมั้น แล้วหันไปทางรุ่นน้อง “แรกๆ ลูกแก้วอาจวุ่นๆ หน่อยนะ เพราะว่าอะไรก็ยังไม่เข้ารูปเข้ารอยเท่าไหร่ คงต้องตกลงกับว่าที่เจ้านายของเราให้ดีว่าเรื่องพวกนี้จะเอายังไง”

“ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวลูกแก้วปรึกษาเจ้านายอีกที ขอบคุณพี่พีทมากนะคะที่ช่วยลูกแก้วเรื่องนี้” มือเล็กยกขึ้นกระพุ่มไหว้อย่างขอบคุณ “สงสัยลูกแก้วจะต้องจดสถิตินี้ไว้แล้วละ ตกงานไม่ทันข้ามคืนก็ได้งานใหม่ทำแล้ว เฮ้อ ดีจัง” เหมือนยกภูเขาหินออกจากอก เก็จแก้วเลยไถลตัวลงไปกับโซฟาเดี่ยว เลื้อยตัวเกยคางไปกับที่วางแขนอย่างหมดสภาพ อาการดังกล่าวจุดรอยยิ้มขำของสองคนที่เหลือได้เป็นอย่างดี จนเก็จแก้วเงยขึ้นมาเห็นดวงตาวิบวับของภัทรชนนเข้าถึงกับหน้าแดง

“ทำไมพี่พีท คนโล่งใจมันผิดตรงไหน”

“พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ เราอย่ามาหาความพี่นะ”

“ปากไม่ว่า แต่ตาพี่ว่านี่” เก็จแก้วยังเถียงข้างๆ คูๆ ก็เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่นา ลูกตาคู่นั้นมันเต้นได้

“ว่าไปนั่น”

เสียงหัวเราะลงคอของชายหนุ่มทำเก็จแก้วอดไม่อยู่ เธอส่งค้อนวงโตไปให้ แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งในท่าปกติก่อนจะโดนค่อนไปมากกว่านี้ แล้วพอกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เห็นกล่องพลาสติกเล็กๆ บนโต๊ะ จึงหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าไม่ใช่ของตนแน่จึงชูไปทางคู่รักเป็นเชิงถาม

“เค้กน่ะ พี่เอามาฝาก นี่เป็นสูตรใหม่ของร้านนะ ลองดูสิ” เจ้าของร้านขนมเป็นคนอธิบาย ซึ่งเก็จแก้วก็เดินไปหยิบส้อมคันเล็กมา “งั้นลูกแก้วจัดการเลยนะ”

“เป็นไงจ้ะ พอจะเอาไปเป็นเมนูแนะนำในร้านได้หรือเปล่า”

“ก็ดีค่ะ อร่อยดีนะ ถ้าทายไม่ผิด พี่ปีย์ทำเค้กฟิวชั่นใช่ไหมคะ เหมือนมีขนมไทยผสมอยู่”

“ใช่จ้ะ แต่พี่ไม่แน่ใจว่าจะเข้ากันหรือเปล่า ให้พีทชิม เขาก็บอกว่าอร่อย แต่พี่ชักไม่แน่ใจนายคนนี้เท่าไร”

“อ้าว ไหงงั้นล่ะปีย์ ลิ้นพีทปากพีทไม่ดีตรงไหน” คนถูกปรามาสร้องเสียงหลง ค้อนแฟนตัวเองจนคนมองอีกคนชักหมั่นไส้

“ไม่ดีตรงที่พอชิมอะไรที่พี่ปีย์ทำ ต่อมรับรสก็จะประมวลผลได้รสเดียวไงล่ะคะ”

“ถูกใจมากน้องรัก” ชายหนุ่มฟังแล้วยิ้มพราย จุดแววหวานเชื่อมให้ผุดขึ้นจากหน่วยตาคม เขาฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้หญิงสาวคนเดียวในใจ แววหวานที่ได้รับทำเอาปีย์วราต้องเอามือยันปลายคางคนที่โน้มเข้ามาใกล้จนจมูกเกือบชนแก้มนวลเพื่อกลบความอาย โดยมีเก็จแก้วมองยิ้มๆ ไม่ว่าอะไร เอาแต่ตักเค้กเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

พอจัดการเค้กชิ้นนั้นจนเกลี้ยง เก็จแก้วก็บรรยายความรู้สึกที่มีต่อเค้กทั้งที่ชอบและไม่ชอบให้ฟัง เพื่อให้ปีย์วรานำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการปรับปรุงรสชาติให้ออกมาดีและน่าจะถูกปากลูกค้ามากที่สุด



“พี่พีท” จู่ๆ คนที่นอนโดยใช้ที่พักแขนโซฟาเดี่ยวต่างหมอนพาดขาไปยังที่พักแขนอีกข้างอย่างสบายอารมณ์ก็โพล่งขึ้นมา เรียกสายตาของชายหนุ่มเจ้าของชื่อซึ่งมองตามหลังแฟนสาวไปทางห้องน้ำให้กลับมามอง

“มีอะไร” เขาถาม มองท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ อ้าปากพะงาบๆ ทว่าไม่ยอมพูดออกมาของรุ่นน้องอย่างแปลกใจ “มีอะไร ทำไมไม่พูด มัวแต่ทำท่าอย่างกับปลาทองงับอาหารอยู่นั่นแหละ”

“ก็...เอ่อ...”

“เอ้า เลยติดอ่างเลย ว่าไง จะถามอะไรพี่”

เก็จแก้วกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ อย่างชั่งใจอีกครั้ง เหลียวกลับไปมองทางด้านซึ่งปีย์วราเดินหายไปเพื่อความแน่ใจว่าหญิงสาวจะไม่ออกมาทันได้ยินบทสนทนาดังกล่าว แล้วหันมาหาภัทรชนน ร้องขอสัญญาก่อนเป็นอันดับแรก

“สัญญาก่อนว่า ได้ยินแล้วห้ามหัวเราะ ห้ามล้อด้วย ไม่งั้นมีโกรธ”

“ได้” ถึงจะยังงงๆ ปนสงสัยกับท่าทางขึงขังเหมือนเรื่องที่จะได้ฟังต่อไปนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้ แต่ภัทรชนนก็ยอมรับปาก...ก็รับปากไปอย่างนั้นก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง เป็นพี่กลับคำได้ ไม่ผิด...

“ลูกแก้วอยากมีแฟน”

“ฮ้า อะไรนะ พูดใหม่ซิ!”

“หูเฝื่อนหรือไงพี่พีท ทำไมต้องเสียงดังด้วย” เธอค้อนปะหลับปะเหลือกให้ลูกตาเบิกโตของคนตรงข้าม “ลูกแก้วก็แค่บอกว่าอยากมีแฟน จะต้องทำยังไงถึงจะมีได้ แค่นี้ไม่เห็นต้องทำหน้าประหลาดแบบนั้นเลย”

“ก็ใครมันจะไปคิดว่าเรื่องแบบนี้จะหลุดออกมาจากปากเราเล่า” ในเมื่อปกติเจ้าตัวมักพร่ำพูดอยู่เสมอว่าอยู่คนเดียวสบายใจกว่า “ก็เห็นปกติไม่ค่อยสนเรื่องพวกนี้นี่ ใครมาจีบ เราเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายปฏิเสธเขาไปตลอด”

“ก็ตอนนั้นลูกแก้วยังไม่สนนี่ แต่ตอนนี้สนแล้ว”

“มีอะไรปิดบังอยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มหรี่ตามองรุ่นน้องซึ่งออกอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่มี” เธอเผลอใช้น้ำเสียงสูงจนกลัวว่าภัทรชนนจะจับได้ จึงพยายามใช้ความโกรธเข้าปิดบัง “พี่พีทจะถามเอาอะไรเนี่ย ลูกแก้วก็แค่อยากมีแฟน มันแปลกตรงไหน ใครๆ เขาก็ต้องมีความรู้สึกแบบนี้กันบ้างแหละ เวลาเหงา เวลาเหนื่อยน่ะ”

“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ จนคนอยากรู้คำตอบชักหมั่นไส้

“พี่พีทไม่มีอะไรจะพูดหรือไง นอกจากพยักหน้าเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้”

“จะให้พี่พูดอะไรล่ะ ก็เราบอกพี่ว่าอยากมีแฟน มันต้องการคำตอบตรงไหน แล้วยังจะมาหาความพี่อีก”

ง่า...ก็จริงนะ

“แต่เอ๊ะ เมื่อกี้ลูกแก้วถามพี่พีทไปด้วยนี่ว่าจะต้องทำยังไง อย่ามารวนกันนะ ตอบมาซะดีๆ”

“จะให้พี่ตอบอะไรล่ะ ใครจะไปรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะมีแฟนได้ ลองไปหาซื้อแบบอัดกระป๋องตามซูเปอร์มาร์เก็ตดูสิ” เขาตอบหน้าตาเฉย เลยได้รับหมอนอิงปลิวว่อนเข้าใส่ ดีแต่ว่ายกมือบังไว้ทัน ไม่อย่างนั้นโดนใบหน้าเต็มๆ

“มีที่ไหนกันเล่า” ถ้ามีจริงๆ เธอไม่มานั่งกลุ้มอยู่แบบนี้หรอก “งั้นลูกแก้วเปลี่ยนคำถามใหม่ก็ได้ ในฐานะที่พี่เป็นผู้ชาย พี่ชอบผู้หญิงแบบไหน”

คนถูกถามนิ่งไปครู่เดียว แต่ในความรู้สึกของเก็จแก้วนั้นนานจนความอยากรู้ผลักดันให้ถามออกมา

“แบบไหนคะ ขาว สวย หมวย อึ๋ม ใช่ไหม”

“เฮ้ย ไม่ใช่แบบนั้น อันนั้นอาหารตาก็พอไหว แต่ถ้าสำหรับพี่...” ภัทรชนนแกล้งเว้นจังหวะหวังเพิ่มความอยากรู้ จนเก็จแก้วอดเร่งเร้าไม่ได้

“แบบไหนคะ”

“แบบปีย์ไง ไม่น่าถาม”

“โธ่” คนลุ้นจนตัวโก่งทิ้งตัวลงกับโซฟาอย่างอารมณ์เสีย “ไม่เอาเล่นๆ สิพี่พีท ลูกแก้วซีเรียส สรุปผู้ชายเขาชอบผู้หญิงแบบไหน ลูกแก้วอยากรู้จริงๆ นะ”

“อืม...มันก็แล้วแต่คนนะ บางคนก็ชอบคนสวย บางคนก็ชอบคนน่ารัก แต่พี่ว่าโดยรวมผู้ชายมักจะสะดุดตากับผู้หญิงมีเสน่ห์มากกว่า”

“อย่างนั้นหรือคะ มีเสน่ห์ๆ” หญิงสาวทวนคำ นิ้วเรียวเดาะปลายคางตัวเองเล่น

“ผู้หญิงมีเสน่ห์ส่วนใหญ่จะดึงดูด ชวนให้ผู้ชายอยากเข้าใกล้”

“งั้นถ้าลูกแก้วอยากมีแฟนก็ต้องทำตัวให้มีเสน่ห์ใช่ไหมล่ะคะ”

“งั้นมั้ง” ภัทรชนนตอบส่งๆ ทั้งที่ในใจแอบคิดว่า เก็จแก้วช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่า เจ้าตัวน่ะมีเสน่ห์ขนาดไหน โดยเฉพาะดวงตากลมโตคล้ายฉ่ำน้ำอยู่ตลอดเวลาคู่นั้น มันแพรวพราวน่ามองจนใครเห็นมักอดมองนานๆ ไม่ได้ ผิดก็แต่เจ้าตัวไม่เคยสนใจใครนี่แหละ มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวเองมากเกินไป

“อีกอย่าง มีเสน่ห์อย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ ถ้าไม่เจอใครเลย เอาแต่เก็บตัวอยู่กับตัวเอง มันต้องออกไปเจอผู้คนแล้วบริหารเสน่ห์บ้าง” ชายหนุ่มบอกออกมาอีก

“ต้องไปพบปะผู้คน อืมๆ” เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงัก

“เท่าที่พี่คิดได้ตอนนี้ก็มีแค่นี้ละ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความรัก ลองไม่รักแล้ว ต่อให้มีเสน่ห์แค่ไหน มันก็เท่านั้นแหละ”



แขกสองคนกลับไปแล้วเมื่อเก็จแก้วย้ายตัวเองจากห้องนั่งเล่นมายังห้องนอน คำพูดของภัทรชนนก่อนปีย์วราจะเดินกลับมาสมทบยังวนเวียนอยู่ในหัว

มีเสน่ห์หรือ ทำอย่างไรล่ะ

นั่นเป็นโจทย์ที่สร้างความลำบากใจให้เธอเป็นอย่างมาก ตอนหลุดปากบอกพลอยชมพูออกไปนั้นก็คิดว่ายากแล้วกับการหาแฟนควงไปงานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้องได้ทัน พอหาวิธีได้ กลับคิดว่ามันยากยิ่งกว่า

บริหารเสน่ห์ เธอทำเป็นเสียที่ไหน

ฟันซี่เล็กๆ ขบริมฝีปากอิ่มเบาๆ อย่างครุ่นคิด ก่อนอื่นเธอต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า การบริหารเสน่ห์เขาทำกันอย่างไรบ้าง

แล้วจะไปหาข้อมูลได้จากที่ไหนล่ะ

หัวคิ้วกดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด เพียงไม่นานเธอก็เด้งตัวลุกขึ้น คว้ากระเป๋าสตางค์ใบเล็กติดมือพร้อมกุญแจ วิ่งหายออกไปจากห้อง...




------------------------------------------



เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2558, 19:33:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 2558, 19:33:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1381





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
เนตรนภัส 16 พ.ย. 2558, 19:33:17 น.
สวัสดีค่า ตอนที่ 3 มาแล้วอย่างรวดเร็ว อ่านจบแล้วแวบมาเมาท์กันได้นะคะ เขารออยู่น้าาาาาาา


และแจ้งอีกทีค่ะ เลื่อมลายดอกรัก (คลิก) ยังไม่จบนะคะ ใกล้มากๆ แล้ว สัปดาห์นี้จะลงให้อ่านกันอีกแน่นอนค่ะ และข่าวคราวว่าจะเป็นหนังสือเมื่อไหร่ยังไง สามารถกดติดตามเพื่อรออัพเดทข่าวสาร ที่สำคัญคือถ้าออกเล่ม ก็มีเกมมาเล่นกันจ้า ห้ามพลาดนะ


ใครที่อ่านเลื่อมลายดอกรักแล้วสนใจเรื่องของพาริน สามารถหาเรื่องสัญญา(รัก)ร้ายมาอ่านได้นะคะ มีทั้งรูปแบบอีบุ๊คและเป็นเล่มเลยค่า


สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ ในรูปแบบ E-Book ที่ Meb ค่ะ
ณ ที่เริ่มต้น...กับคนของใจ https://goo.gl/scjjys
สุดฟ้าเสมอดาว https://goo.gl/AyMG6w
สัญญา(รัก)ร้าย https://goo.gl/fMX29r
พรหมลิขิตสีขาว https://goo.gl/fUVUFe
ดวงตะวันแห่งรัก https://goo.gl/ToQqhi
กระแตดอกรัก https://goo.gl/wA3gjl
นภัส https://goo.gl/78E57z


nasa 17 พ.ย. 2558, 20:34:27 น.
มาตามเรื่องใหม่ค่ะ ดูท่าสาวน้อยเราจะได้ไปบริหารเสน่ห์กะว่าที่เจ้านายซะแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account