ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 16 ครึ่งแรก

เสียงทุ้มน่าฟังของธามินร้องเพลงท่อนสุดท้าย แต่ยังดีดกีตาร์ต่อไปจนจบเพลง คนดูเพียงคนเดียวปรบมือให้ ซาเมราไม่อยากเชื่อว่าคนหน้าขรึมๆ ไม่เพียงแต่ร้องเพลงได้ แต่ยังเพราะเสียด้วย เขายิ้มรับเสียงปรบมือสุดแสนโล่งใจนึกว่าจะล่มกลางเพลงเพราะซาเมราคอยยิ้มให้จนเขาเกือบเสียสมาธิไปแล้ว
“ฉันว่าถ้าธามไม่อยากเป็นทหารแล้วไปเป็นนักร้องก็ได้นะ แปลกจังที่ฉันคุ้นๆ เสียงของธามเวลาที่ร้องเพลงเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน”
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ธามินร้องเพลงนี้ให้ซาเมราฟัง เพียงแต่ความบังเอิญได้เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แล้วเขาเป็นฝ่ายที่จำได้ก่อน จนป่านนี้เธอยังนึกไม่ออกอีกหรือ การรอคอยของเขาจะสมหวังเมื่อไหร่หนอ
“องค์หญิงลองนึกดูสิครับ ครั้งแรกที่ผมร้องเพลงนี้คือสวนสาธารณะในวันหิมะตกเมื่อสองปีที่แล้ว”
“คุ้นอีกแล้วหละ แต่ฉันก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี ธามบอกมาเลยไม่ได้หรือไงล่ะ” ซาเมรายอมรับง่ายๆ วันนี้มีอะไรในสมองเธอเต็มไปหมด การนึกบางอย่างย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ธามินส่ายหน้ายิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวองค์หญิงก็นึกออกเอง ผมรอได้ ส่วนตอนนี้กลับกันดีกว่า”
ม้าสองตัววิ่งเร็วๆ เหมือนแข่งกัน พอธามินได้ยินเสียงหัวเราะของซาเมราก็ช้าลงจนกระทั่งควบม้าเคียงกันไป เสียงเพลงของเขายังก้องอยู่ในหัวใจ So I, I can't look at the stars. งั้นหรือ เธอกำลังมองดวงดาวอยู่ไงล่ะ
“องค์หญิงรู้ไหมว่าทำไมพระจันทร์บนโลกถึงมีดวงเดียว” ธามินถามขึ้น
ซาเมราเม้มปากไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี “โลกดึงพระจันทร์จากดาวพฤหัสมาไม่ได้ละมั้ง แล้วธามรู้หรือคะ”
“นานมาแล้วชาวทะเลทรายมีเรื่องเล่าของตำนานพระจันทร์ อยากฟังไหมครับ ถ้าองค์หญิงอยากฟัง ผมจะเล่า”
“อยากฟังสิ รีบๆ เล่ามาเลย ไปติดอยู่ในทะเลทรายตั้งหลายวัน ทำไมธามไม่เล่า มาเล่าวันนี้ล่ะ”
“ก็ผมอยากเล่าตอนนี้ไงครับ” ธามินหัวเราะเบาๆ รู้ตัวตลอดว่าถูกค้อนใส่ “เมื่อก่อนตรงที่องค์หญิงอยู่ตอนนี้แท้จริงแล้วเป็นก้อนหินทั้งหมด โลกไม่รู้ว่ามีดาวดวงอื่น มันโดดเดี่ยวแล้วเหงาจนกระทั่งดาวดวงหนึ่งผ่านมาแล้วบอกว่า...’
ซาเมราถอนใจเบื่อจริงๆ คนยั่วให้อยากรู้เนี่ย แล้วจะทำเฉยไม่ถามความอยากรู้ก็มีมากกว่าเสียนี่
“บอกว่าอะไรล่ะ ตำนานของธามนี่แปลกดีนะ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
ธามินหัวเราะเบาๆ แน่ล่ะสิก็เขาเพิ่งคิดเมื่อครู่ เธอจะเคยได้ยินมาก่อนได้อย่างไรล่ะ
“ดวงดาวบอกโลกว่าตอนนี้มีพระจันทร์ดวงเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล ถ้าอยากมีเพื่อนก็ต้องหาสิ่งที่น่าสนใจเพื่อให้พระจันทร์ดวงนั้นมาอยู่ด้วย แต่พอแสงอาทิตย์ฉาย ดวงอาทิตย์ก็บอกว่าไม่อยากให้โลกมีเพื่อนใหม่ ถ้ามีเมื่อไหร่ พระอาทิตย์จะทำลายเพื่อนใหม่ทันที”
ซาเมราหัวเราะเพราะตำนานของนายธามช่างน้ำเน่าอย่างกับละครเชียวล่ะ
“โหดไปไหมนะพระอาทิตย์ของธามน่ะ”
ธามินได้แต่พยักหน้าเพราะพระอาทิตย์อาจเป็นตัวแทนของคนใกล้ตัวก็ได้
“โลกไม่มีอะไรจะให้เพื่อนใหม่นอกจากท้องฟ้าที่เป็นอิสระและไม่ต้องเหนื่อยไปหาที่อยู่ พระจันทร์เลยยอมมาอยู่กับโลกและได้พบกันทั้งวันทั้งคืน”
“ก็ฟังดูดีนี่นา” ดีกว่าถูกพระอาทิตย์ฆ่าตาย
“ก็ใช่ครับ แต่พอพระอาทิตย์รู้เรื่องก็เลยส่องแสงไปยังดวงจันทร์แล้วทำให้ดับสลายกลายเป็นเม็ดทรายกระจายไปทั่วโลก ในทะเลทรายต่างๆ แล้วไม่ได้กลับไปเป็นดวงจันทร์อีกเลย”
“อ้าว มันเศร้าหรือสุขกันแน่ละนี่”
ซาเมราก้มลงมองทะเลทรายรอบตัว เธอรู้หรอกว่าตำนานมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องเล่าต่อๆ กันไม่ได้มีความจริงอะไร แค่ทำให้จดจำบางอย่างได้เท่านั้น
ธามินถอนใจเบาๆ ในชีวิตจริงมนุษย์มักซ่อนเรื่องเศร้าเอาไว้เสมอ เรื่องราวของเขากับซาเมราก็เหมือนกัน เธอคือโลก เขาเป็นดวงจันทร์ที่อาจถูกพระอาทิตย์ทำลายจนแหลกสลายหรือแย่งโลกไปก็ได้ แต่ถึงกระนั้นดวงจันทร์ก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อโลกไม่ใช่หรือ
“ความสุขของการสมหวังไม่จำเป็นต้องคิดถึงว่าจะพบอุปสรรคอะไร ให้คิดว่าอย่างน้อยก็ได้พบกัน ได้อยู่ด้วยกันแม้จะเพียงระยะสั้นไม่ว่าจะในสภาพไหนยังไงล่ะครับ”
เรื่องราวในตำนานกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวเพียงธามินเฉลย ซาเมราเข้าใจแล้วว่าการเสี่ยงตายแม้เพียงระยะสั้นกลับก่อเกิดความงดงามในหัวใจของเธอกับเขา ถึงธามินจะไม่ได้พูดออกมาเป็นคำที่พิเศษ แต่การแสดงออกของเขาชัดเจน มือหนายื่นมารอให้จับ เธอวางมือลงแล้วกระชับมั่นรอพบอุปสรรคที่ต้องฝ่าไปให้ได้ด้วยกัน

ราเนียควบม้ากลับมายังจุดที่แยกจากนาอินแต่ไม่พบจึงพาม้าวิ่งเหยาะๆ ไปตามทิศทางที่เคยบอกคู่กรณีไว้ แล้วนั่นไงเธอเห็นเงาตะคุ่มๆ ของม้าและนาอินที่มองไปทั่วบริเวณอย่างเสียขวัญ ราเนียมองหาที่ซ่อนอย่างใจเย็นเพราะของที่ชีคชามีลให้ไปหาอยู่ในมือแล้ว ตอนนี้เธอแค่รับชมความบันเทิงเล็กๆ น้อยๆ ก่อนกลับเท่านั้น
นาอินลงมาจากหลังม้าแล้วชะเง้อมองหารอแล้วรออีกราเนียก็ยังไม่มา ช่วยไม่ได้ที่เธอไม่มีแผนที่ในมือ ทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกเมื่อความอดทนหมดลง พ่อต้องส่งคนมาพาเธอออกไปจากที่นี่ ถ้าเพียงแต่…
“โทรศัพท์บ้า แบตหมดไม่ดูเวล่ำเวลาเสียเลย” นาอินบ่นเสียงดังแล้วกลับขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนจะป้องปากตะโกนลั่น “ราเนีย...ราเนีย เธออยู่ไหน ฉันอยากกับแคมป์แล้วนะ”
เงียบ...
ไม่มีเสียงตอบของราเนียกลับมาตามเคย การรอคอยด้วยความกลัวของอินแม้ว่าจะชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ทำให้โมโหได้ จากเสียงเรียกจึงกลายเป็นเสียงด่าแทน
“นังบ้าราเนีย ไหนว่าจะตามมา แต่ดันหายหัวไป คอยดูนะกลับไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะฟ้องชีค”
นาอินถอนใจควบม้าเดินไปเดินมายังไม่อยากไปไหนเพราะกลัวจะยิ่งหลงทางมาขึ้นไปอีก ตอนนี้ยอมรับก็ได้ว่าเธออยากให้ราเนียกลับมา
“ราเนีย...ฉันกลัวมากแล้วนะ ถ้าจะแกล้งก็ออกมาเถอะ”
ผ่านไปสิบนาที ม้าที่คู้นั่งอยู่ในเงาของชะโงกเนินทรายก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน สายตาของราเนียมองนาอินอยู่ตลอดเวลา เธอมั่นใจว่าคู่กรณีคงกลัวไม่น้อยแต่ก็น่านับถือที่ไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างการขี่ม้าไปมั่วๆ ด้วยความหวังว่าจะเจอทางกลับ เมื่อรู้ตัวว่าหลงทางต้องอยู่ที่เดิมแล้วรอเธอกลับมาเท่านั้น
“คิดถึงฉันมากหรือนาอิน ฉันบอกให้ตามมา ทำไมเธอถึงไม่ตามมาล่ะ”
ราวกับนาอินได้ยินเสียงสวรรค์เมื่อราเนียกลับมาเสียที นาอินหันไปมองเกือบหลุดยิ้มยังดีที่เธอทำหน้านิ่งไว้ก่อนจะจัดเต็มด้วยความโมโหสุดเหวี่ยง
“เธอบอกตอนไหนล่ะ ทำไมฉันไม่ได้ยิน เธอแกล้งฉันใช่ไหมราเรีย”
ราเนียไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนจ้างให้เธอก็ไม่นึกออก ไม่น่าเชื่อแฮะว่านาอินยังอยู่รอดได้โดยไม่กรี๊ด ไม่ร้องไห้ แถมไม่โง่เสียด้วย แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมรับว่าแกล้ง
“แล้วฉันจะทำไปเพื่ออะไร ตลกนะเธอเนี่ย” ราเนียหัวเราะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
นาอินกำมือแน่นโกรธมากที่ถูกยั่วโมโห แต่เธอไม่กล้าทำอะไรมากนักเพราะพ่อของราเนียไม่ใช่ธรรมดา การมีเรื่องกับลูกสาวนายพลวาคิมไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเท่าไหร่ แต่ปะทะคารมแบบผู้หญิงๆ คงไม่เป็นอะไร ในเมื่อที่เธอยอมมาวันนี้ก็เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของธามิน
“อีกไม่นานฉันกับพี่ธามจะหมั้นกัน”
ราเนียพยักหน้าหงึกๆ “แล้วยังไงมาบอกฉันทำไม คิดว่าฉันเสียเวลาแกล้งเธอเพราะเรื่องของธามงั้นหรือ ถ้ามีตาก็มองฉันกับธามของเธอดีๆ ว่าเป็นอะไรกัน เอ หรือว่าฉันจะเริ่มคิดกับธามอย่างที่เธอคิดดีนะ”
“มากไปแล้วนะราเนีย” เสียงของนาอินดังลั่นทะเลทราย นกกลางคืนบินพรึบด้วยความตกใจ
“เหรอ ฉันเพิ่งเริ่มเอง สนุกจะตาย กลับกันหรือยังล่ะ”
“แล้วของที่ต้องหามาให้ท่านชีคล่ะ เธอไม่หาแล้วหรือไง”
“ฉันหาเสร็จแล้ว ขืนรอเธอเยื้องย่างเมื่อไหร่จะถึง จะไปหรือไม่ไปล่ะ” ราเนียเหล่ใส่ แต่พอนึกได้ก็แหย่คนขี้หึงไม่ดูตาม้าตาเรือเสียหน่อย “ฉันไปละนะคิดถึงธามใจจะขาด”
นาอินเม้มปากอยากกระโจนใส่ราเนีย แต่ดูจากรูปร่างแล้วอย่างไรเธอก็เป็นรอง “ฉันไม่ยอมหรอกนะ”
ราเนียต่อให้เมื่อเห็นนาอินควบม้านำไปอย่างกับกลัวว่าถ้าเธอไปถึงก่อนจะฉกธามินมาใส่กระเป๋าแล้วพากลับบ้าน เธอหมั่นไส้นาอิน แต่โกรธไม่ลง ราเนียหัวเราะแล้วควบม้าตามไป ไม่ใช่ว่านาอินหลงทางอีกหรอกนะ เรื่องที่จะชนะน่ะคงไม่มีหวัง แต่อย่าให้ถึงขนาดต้องให้คนอื่นๆ มาตามหาไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย

ธามินกับซาเมราขี่ม้าเข้าไปใกล้แคมป์ทุกทีจึงพร้อมใจกันชะลอฝีเท้าม้าให้ช้าลงเมื่อเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันใกล้จะหมดลงแล้ว ตำนานพระจันทร์ที่เขาเล่าให้เธอฟังจะถูกตราตรึงในหัวใจ ความรู้สึกหวานละมุนยังคงอยู่ไม่ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่เพราะความสุขของการสมหวังไม่จำเป็นต้องคิดถึงว่าจะพบอุปสรรคอะไร ให้คิดว่าอย่างน้อยก็ได้พบกัน
ธามินลงจากม้าแล้วยื่นแขนให้ซาเมราจับเพื่อเป็นหลักและลงมายืนได้อย่างมั่นคง ชีคชามีลเห็นความมีน้ำใจไม่ใช่การล่วงเกินจากธามินที่ปฏิบัติต่อซาเมรา เพียงครู่เดียวทั้งสองก็เดินมาพร้อมของที่เขาให้ไปตามหา สายตาของชีคชามีลมองมาที่เสื้อผ้าของธามินซึ่งมันเลอะไปหมดแล้ว ก่อนจะมองซาเมราที่เสื้อผ้ายังสะอาดรวมทั้งมือทั้งสองข้าง
“มาแล้วหรือผู้ชนะ”
“ยังไม่มีใครมาเลยหรือคะพี่ชา อย่างนี้เมราต้องขอรางวัลหนักๆ เข้าไว้ จริงไหมธาม”
ธามินยิ้มรับเห็นด้วยไม่ปิดบังสายตายามมองซาเมรา เขามั่นใจว่าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดทั้งต่อหน้าและลับหลัง
“กีตาร์ตัวนี้คงมีค่าไม่น้อยนะครับชีคชามีล”
“ใช่ มีค่ามาก ทำให้ผมได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างเลยล่ะ” ชามีลตอบแล้วนั่งลงพยักหน้าให้ซาเมรานั่งลงข้างๆ
ธามินเดินไปวางกีตาร์ไว้บนโต๊ะที่ถูกวางเพิ่มเข้ามา ซาเมรามองชามีลกับธามินแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่ากำลังพูดถึงกีตาร์หรืออย่างอื่นกันแน่ เธอเลยสังเกตผู้ชายทั้งสองคนอยู่เงียบๆ พลางจิบน้ำผลไม้หวานๆ ไปด้วยถึงได้รู้สึกว่าพี่ชายกับธามินกำลังคิดบางอย่างแต่ไม่พูดออกมา ถ้าเธอไม่อยู่ตรงนี้บางทีทั้งสองคนอาจมีเรื่องคุยกันยาว
ทั้งสามนั่งรอคนอื่นๆ อยู่ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำก็มีเสียงนกหวีดดังมาจากทหารที่กำลังเฝ้าเวรกันเป็นวงกลม ไม่นานนักเสียงควบม้าก็เริ่มใกล้เข้ามา
“เหมือนจะยังไม่มีใครมาเลยนี่นา” เสียงของยาซินดังมาก่อนตัว
ธามินป้องปากตะโกนตอบพลางโบกมือให้ “ใครว่าล่ะ ผมกับองค์หญิงมารอแล้วต่างหากครับลุงยาซิน”
พอลงจากหลังม้ามาลิคก็รีบไปช่วยลุงยาซินที่รักเพราะขืนให้ลงเองมีหวังก้นจ้ำเบ้า ของที่ทั้งสองหามาถูกนำไปวางรวมบนโต๊ะซึ่งมีกีตาร์วางอยู่ ซาเมรามองของแล้วหัวเราะใส่พี่ชาย พรมสำหรับนั่งเนี่ยนะของอีกชิ้นที่เดินทางไปหาตั้งไกล ว่าแต่ธามินกับมาลิคทำไมเสื้อผ้าถึงเลอะเหมือนกัน
“แล้วราเนียกับคุณนาอินล่ะ ยังมาไม่ถึงอีกหรือครับ” ยาซินถามอย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวคงมานั่นแหละ กินอะไรรอกันก่อนดีกว่านะครับทุกคน” มาลิคตอบแล้วดันกลั้นหัวเราะไม่ทัน
ทุกคนหันมามองมาลิคกันยกใหญ่ แหมๆ ก็เขาไม่อยากจะอธิบายเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้น่ะสิ แค่เห็นสายตาของราเนียก็รู้แล้ว งานนี้นาอินต้องโดนอะไรบ้างแน่ๆ โทษฐานทำให้ไม่พอใจ โชคดีที่เขาไม่ได้คู่กับนาอินเพราะคงทำอะไรไม่ได้ ผู้ชายแกล้งผู้หญิงมันดูแย่ ราเนียคงออมมือบ้างแหละน่า

ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายที่ up ให้อ่านตามที่แจ้งไปนะคะ ตอนนี้หนังสือล่ารักแดนทะเลทราย สามารถหาซื้อได้ที่ซีเอ็ดและนายอินทร์แล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ย. 2558, 11:26:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ย. 2558, 11:26:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 935





<< ตอนที่ 15 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 16 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account