~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 27 .. กับดักชักใย




ศรตฤณกดตัดสัญญาณโทรศัพท์ที่เขาเพิ่งต่อสายออกไป เมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานของเกาะลาลัลเดินเข้ามาหาอย่างเร่งรีบ ทำให้ชายหนุ่มต้องเก็บอุปกรณ์สื่อสารยัดใส่กระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ทันที

"คุณศรตฤณใช่ไหมครับ"

เจ้าของชื่อพยักหน้าตอบรับ พลางมองร่างสันทัดในชุดเครื่องแบบครึ่งท่อน ผ่านแว่นกันแดดสีดำที่สวมอยู่ ก่อนที่เขาจะยื่นเอกสารการจองที่พักของอุทยาน เป็นการยืนยันตัวตนอีกครั้ง

"ช่วงนี้เป็นหน้ามรสุม ผมคิดว่าอุทยานคงไม่ค่อยมีคนแน่ๆ เลยอยากมาพักผ่อนสักสองสามวัน"

หนุ่มสองเชื้อชาติสะพายเป้ในคราบนักท่องเที่ยว บอกกับเจ้าหน้าที่อุทยานคนเดิมที่คาดว่า คงจะเป็นคนดูแลในส่วนที่พัก จึงดูกระตือรือร้นรับรองเขาเช่นนี้ ผนวกกับการใช้ภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำของเขา มีส่วนช่วยกลบเกลื่อนลักษณะที่ผิดแผก ให้กลายเป็นความกลมกลืนได้ ต่อให้หน้าตาจะดูไม่ใช่ไทยแท้เท่าไหร่ก็ตาม

"ครับ หน้านี้พวกเราหลายคนเลยต้องสลับหน้าที่กันบ้าง นี่ผมก็เพิ่งมาได้วันสองวัน ปกติผมประจำที่เกาะรอกโน่น ..."

คำบอกเล่านี้คลายความกังวลทั้งหลาย ที่มีอยู่ไม่น้อยของศรตฤณให้หมดไป โดยเฉพาะข้อมูลที่สืบเสาะหามาได้ว่า เจ้าหน้าที่ที่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน จะไม่อยู่ประจำการในบางช่วงของหน้ามรสุม

"ผมชื่อวิศลย์ครับ มีอะไรก็ติดต่อผมได้ที่ร้านสวัสดิการของอุทยาน ระหว่างที่คุณพักที่นี่นะครับ"

"ขอบคุณครับคุณวิศลย์"

ชายหนุ่มตอบรับความเอื้อเฟื้ออย่างสุภาพ แต่สร้างระยะห่างให้เกิดขึ้นอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจได้ไม่ยาก และเขาก็มั่นใจว่า วิศลย์จะไม่มายุ่มย่ามวุ่นวายกับลูกค้าเช่นนี้แน่

"ทางนี้ครับ ... เรือนพักเดี่ยวที่คุณจองไว้"

วิศลย์มองนักท่องเที่ยวอย่างอารมณ์ดี ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยการเดินนำไปยังที่พัก ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาตลอดระยะทางจากจุดรับนักท่องเที่ยวของอุทยาน กระทั่งมาถึงหน้าสถานที่ที่ถูกจัดเตรียมไว้

"นี่กุญแจครับ ... กลางคืนอาจจะมีพวกยุง หรือแมลงบ้าง ยากันยุงอยู่มุมห้อง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ไปที่ร้านสวัสดิการนะครับ เรามีเจ้าหน้าที่อยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ยกเว้นแต่เรื่องอาหารที่เราปิดเปิดเป็นเวลา"

เจ้าหน้าที่อุทยานยื่นกุญแจและบอกรายละเอียดเท่าที่จำเป็น ก่อนจะยิ้มอีกครั้งให้หนุ่มนักท่องเที่ยวที่เลือกมาที่นี่ในห้วงเวลาร้างผู้คน แล้วจึงหันหลังเดินกลับออกมา ปล่อยให้ลูกค้าได้พักผ่อนตามสบาย

ศรตฤณรับกุญแจมาถือไว้เฉยๆขณะมองตามหลังวิศลย์ จนร่างสันทัดไม่อยู่ในครองสายตา ชายหนุ่มจึงถอดแว่นกันแดดออก แล้วค่อยเบี่ยงกายหันหน้าไปอีกทาง จุดที่เขายืนอยู่นี้ตรงข้ามกับด้านข้างของคิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี โฮเทล พอดิบพอดี




มัสลินยังไม่หายขุ่นเคืองอาหนุ่มของเธอ ที่จู่ๆก็ตัดสายไปเสียเฉยๆขณะกำลังกดรับสาย หลังจากคุยธุระกับผู้รับสารมาส่งต่อให้ถึงที่ และดูเหมือนว่าเชดส์ก็รับรู้อารมณ์นั้น แต่กลับนิ่งเงียบกระทั่งเดินมาส่งเธอที่รู้ค แล้วขอตัวกลับโดยทิ้งท้ายแค่ว่า

"อย่าไปโกรธซายน์เลย ช่วงนี้ ... มีเรื่องยุ่งๆ ไว้อะไรๆเรียบร้อย เขาก็คงมาพบคุณลินิน ..."

เชดส์ชำเลืองมองหญิงสาวที่นิ่วหน้าสบตามองเขาอยู่เช่นกัน หนุ่มเดรดล็อกเลยยิ้มอวดฟันขาวพูดต่อจากที่ละไว้

"แต่ระหว่างนี้ ผมว่าง ... งานน้อย มีเวลาแวะมาคุยด้วย ... จะให้เป็นตัวแทนซายน์ ... ก็ไม่มีปัญหาครับ"

มัคคุเทศก์สาวจึงอดหัวเราะกับดีเจหนุ่มเร้กเก้ไม่ได้ รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยที่อย่างน้อยก็ยังมีคนส่งข่าวศรตฤณให้รับรู้บ้าง

"ลินินไม่รบกวนคุณเชดส์หรอกค่ะ แต่ก็ ... ขอบคุณนะคะ เฮ้อ คุยกับคุณแล้วเหมือนคุยกับเขา ... ไม่ต่างกันเลย"

"ไม่ดีมั้งครับ ... ผมไม่ชินกับการมีหลานที่ทั้งสวย และน่ารักแบบนี้จริงๆ ... ให้ตายสิ เข้าใจเลยว่า ทำไมซายน์มันถึงได้เป็นห่วงคุณนัก"

แม้ว่าคำพูดของหนุ่มเดรดล็อกจะเป็นแบบทีเล่นทีจริง หากแต่มัสลินก็รู้ว่า ท่าทีหยอกล้อกำกวมนั้นหาได้แฝงนัยเชิงชู้สาวแม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากเขาอีกคน

เชดส์เอ่ยลามัสลินแล้วเดินดุ่มจากไป โดยที่หญิงสาวไม่เห็นว่าเขามาและกลับอย่างไร แต่ก็แน่ใจได้ว่า คนอย่างเชดส์คงรู้จักเกาะนี้ดีแทบทุกซอกทุกมุมก็ว่าได้

"ท่าทางจะหายดีแล้วนี่ แดดเปรี้ยงขนาดนี้ยังออกไปเดินกินลมชมวิวได้"

น้ำเสียงเยาะหยันและถ้อยคำเสียดสีคุ้นชิน ที่มัสลินได้ยินอยู่เบื้องหลัง ทำเอาเธอถึงกับต้องถอนใจคล้ายระอิดระอาเต็มทน ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับคนที่เธอรู้ดีโดยไม่ต้องเดา ว่าเขาเป็นใคร

"ค่ะ ..."

คนเพิ่งหายป่วยตอบสั้นๆ ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายที่เพลิงกัลป์ได้เห็นชัดเจน ... ชัดจนเขารู้สึกถึงบางเสี้ยวของสิ่งที่เต้นในอก มันวูบหล่นไม่ทันตั้งตัว

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งพร้อมหลับตา คล้ายต้องการเมินหลบ ทดแทนที่ไม่สามารถกระทำอะไรได้ดีไปกว่านี้

ขณะเดียวกันกับที่ 'คนหาเรื่อง' ก็มองอยู่ไม่คลาดคลา จึงได้เห็นแพขนตายาวทาบผิวเหนือแก้มเนียน ทำเอาเขาลืมกะพริบตาไปชั่วอึดใจ

เมื่อมัสลินลืมตาเงยหน้าขึ้นมองเขาตอบ อาการชะงักค้างพลันจู่โจมเล่นงานเพลิงกัลป์ซ้ำสอง จนเขาได้แต่ยืนนิ่งจ้องเขม็งไม่พูดไม่จาอยู่อย่างนั้น

ปฏิกิริยาดังกล่าวกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งก่อนหน้าและหลังจากเจ็บไข้ได้ป่วย กระทั่งหายดีในตอนนี้ ทำให้มัสลินไม่อยากจะถือสาหาความ หรือต่อปากต่อคำกับผู้ชายตัวโตตรงหน้า เพราะมันรวมไปถึงเรื่องที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้หลายครั้งหลายครา

แม้ไม่อยากจดจำ แต่ที่สุด ก็เป็นเธอเอง ที่ลืมไม่ได้ ... ลืมไม่ลง

บรรยากาศรอบกายที่รายล้อม ราวกับสะกดทุกการเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่ง มีแต่ความคิดของแต่ละคนเท่านั้นที่ยังคงทำหน้าที่ของมัน

"ฉันจะมาเตือนเธอ ... จะไปไหนกับใคร ให้ระวังตัวไว้บ้าง ... แค่นี้ล่ะ"

เพลิงกัลป์พูดเสียงเรียบจนจบ แม้ไม่อ่อนโยนแต่ก็ไม่หลงเหลือถ้อยคำร้ายๆ ก่อนจะเดินผ่านมัสลินไปทางลานจอดรถทันที ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ซักถาม ถึงสาเหตุของคำเตือนอย่างที่เขาเอ่ยอ้างมา ทำได้แค่หันกลับไปมองตามแผ่นหลังกว้างนั้น

กว่าจะตั้งสติทำความเข้าใจสิ่งที่จำต้องฟังเมื่อครู่ ชายหนุ่มผู้ที่ทำให้เธอรู้สึกว่า ถูกเขาหาเรื่องตลอดเวลา ก็เดินไปจนถึงรถโฟร์วีลยกสูงสีดำ ไม่ถึงนาทีก็เคลื่อนตัวออกจากที่ของมัน ผ่านแนวกั้นและประตูของรีสอร์ทออกไปแล้ว

"คุณ ..."

มัสลินเรียกได้คำเดียวจริงๆ หวนนึกถึงเรื่องที่ศรตฤณฝากเชดส์มาบอกเธอ จนเจ้าตัวหลุดปากพึมพำออกมาอย่างอดสงสัยไม่ได้

"ทำไม ... ต้องมาบอกให้เราระวังตัว ทั้งอาป่าน ... ทั้งเขา"

มันเรื่องอะไรกันแน่ !





เพลิงกัลป์ขับรถจากรู้คอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง เขารู้แต่ว่าต้องรีบออกมาจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ ... ความตั้งใจดีจะพังทลายลง เพราะความปากร้ายชอบหาเรื่องระรานหญิงสาว ... ทุกครั้งที่เห็นหน้ากัน

"บ้าจริง"

เสียงสบถเล็ดลอดผ่านริมฝีปากไม่ดังนัก แต่เน้นหนักราวต้องการยับยั้งห้วงความคิดที่เขารู้ดีว่า มันกำลังจะเกิดขึ้น

หรือแท้จริง มันได้เกิดขึ้นแล้ว ... ความห่วงใยที่เขามีต่อ ... มัสลิน

ผู้บริหารหนุ่มที่กุมอำนาจสั่งการทุกอย่างในมืออย่างเพลิงกัลป์ กลับต้องหนีหน้าผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความสำคัญใดๆเลยแม้แต่น้อย

แต่นับวันยิ่งได้อยู่ใกล้ มันทำให้เพลิงกัลป์ได้เห็นอะไรบางอย่างในตัวมัสลิน

บางอย่างที่ต้องยอมรับว่า ถ้าเขาไม่สร้างอคติขึ้นมาควบคุมใจตัวเอง ... ก็คงไม่ต่างจากผู้ชายที่กำลังวนเวียนรอบตัวเธอ

"เธอเป็นคนยังไงกันแน่ ฮึ ... ลินิน"

เพลิงกัลป์พึมพำเรียกชื่อ ที่ใครๆพากันเรียกมัสลิน ... มีแต่เขาที่ต่างไป ไม่ยอมเรียกชื่อของเธอเหมือนคนอื่น

และก็มีแต่เขาที่รู้ใจของตัวเองดีว่า มันต่างไปจากก่อนหน้านี้เช่นไร

ชายหนุ่มลดความเร็วของพาหนะคันเก่งลง เมื่อปรับอารมณ์และควบคุมตัวเองให้อยู่ในสภาวะปกติ แล้วก็เริ่มมองเส้นทางอย่างจริงจังว่า ตอนนี้เส้นทางที่เขาเลือกบึ่งทะยานมาไกลนั้น มันมีจุดหมายปลายทาง ณ ที่ใด

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลาลัล !

"ขับไปจนถึงอุทยานก็ดีเหมือนกัน"

ท่านประธานรู้คตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ตอนที่เห็นป้ายบอกเส้นทางขนาดใหญ่ การทำอะไรนอกเหนือการวางแผน นับเป็นเรื่องปกติของเขามาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเพื่อนสนิทอย่างฉัททันต์และศิงขรินรู้นิสัยคนอย่างเขาดี




รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำดูมอมแมมไปถนัดใจ เมื่อมาถึงปากทางเข้าเขตอุทยานของเกาะลาลัล เพราะช่วงหนึ่งของเส้นทางกำลังปรับปรุง มีการขุดหน้าถนนจนเป็นฝุ่นดินสูงพอสมควร หากขับไม่ระวังล้อรถอาจจมฝุ่นได้ไม่ต่างจากดินโคลนเลย

เพลิงกัลป์เปิดประตูก้าวลงจากรถ หลังขับเจ้าโฟร์วีลขาลุยมาถึงลานจอดใกล้กับร้านค้าสวัสดิการของอุทยาน เหลียวมองรอบตัวก็พบแต่ความสงบ มีเสียงคลื่นซัดสาดกระทบฝั่งแว่วให้ได้ยินเป็นระยะ

"อ้าว คุณไฟ ... ไปไงมาไงครับเนี่ย"

เสียงขานชื่ออย่างคนรู้จักมักคุ้นระหว่างกันนี้ ต่างจากสรรพนามที่ใครๆใช้เรียกเพลิงกัลป์ว่า 'นายหัว' นำมาก่อนร่างสันทัดจะเผยตัวออกจากมุมหนึ่งของร้านค้า และเมื่อคนถูกทักเหลียวกลับมามอง จึงรู้ว่าชายคนนี้คือเจ้าหน้าที่ที่คุ้นเคยกันมานานจริงๆ

"พี่ศลย์ ... ผมสิต้องถามว่า พี่ไปไงมาไงมาอยู่ที่นี่ ... ๒-๓ เดือนก่อนยังเจอกันที่เกาะรอกอยู่เลย"

"ก็เหมือนเดิมครับ ... หน้าโลว์ที พวกเราก็ต้องเวียนกันไปๆมาๆ ดูแลเกาะเล็กเกาะใหญ่นี่ล่ะ"

เพลิงกัลป์ผงกศีรษะรับอย่างเข้าใจ พลางก้าวเดินไปยังทิศที่วิศลย์ยืนเรียกก่อนหน้า ไม่ต้องรอให้เจ้าของสถานที่เชื้อเชิญ แล้วมายืนรอบริเวณที่นั่งม้ายาวสำหรับรับรองผู้มาใช้บริการ ซึ่งทางร้านค้าสวัสดิการจัดไว้อำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็น

วิศลย์หายไปจากมุมที่ส่งเสียงทักทาย ครู่เดียวก็ก้าวมาถึงจุดที่เพลิงกัลป์ยืนอยู่ พร้อมกับขวดน้ำดื่มขนาดกะทัดรัด ก่อนจะยื่นส่งให้ผู้มาเยือน ซึ่งชายหนุ่มก็รับมาอย่างเต็มใจ

"พวกเจ้าหน้าที่เหงาแย่ ... ไม่มีลูกค้าเลยสิพี่ศลย์ หน้าโลว์แบบนี้ "

"เรื่องเหงาน่ะไม่เท่าไหร่ครับคุณไฟ งานมีกองพะเนินรออยู่ทุกวัน คงพอแก้ขัดไปจนกว่าจะเกษียณล่ะครับ ฮ่าๆ"

วิศลย์ตอบอย่างอารมณ์ดี พลอยให้เพลิงกัลป์ยิ้มตามได้อีกคน พลางบิดฝาขวดน้ำเปิดออกยกขึ้นจิบ ฟังเรื่องราวจากปากคนที่เขาเรียกว่า 'พี่ศลย์'

"จะว่าไม่มีลูกค้าก็ไม่เชิง เมื่อเที่ยงผมเพิ่งพาแขกไปเรือนพัก ... คงจะชอบเงียบๆล่ะมั้ง เลยเลือกมาพักผ่อนช่วงนี้"

เจ้าหน้าที่อุทยานเล่าแบบชวนคุยมากกว่า พอกันกับที่อีกฝ่ายก็ฟังผ่านๆ ประสาคนให้บริการในธุรกิจลักษณะเดียวกัน ต่างกันตรงที่ของอุทยานนี้จะขึ้นตรงกับหน่วยราชการ

"แล้วรีสอร์ทของคุณไฟเป็นยังไงบ้าง ... ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า ว่าโลว์ซีซั่นปีนี้ เกาะลาลัลคึกคักกว่าทุกปี"

"ยังไงครับพี่ศลย์"

ข้อมูลที่เพลิงกัลป์รับรู้จากวิศลย์ ดูน่าสนใจจนทำให้เขาต้องเอ่ยถามจริงจัง ละคำตอบเรื่องของเขาไว้ เพราะคำพูดหรือการตั้งข้อสังเกตของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ด้วยแล้ว ย่อมสะท้อนอะไรบางอย่างที่น่าเชื่อถือได้

"คุณไฟอยู่ในแวดวงน่าจะเห็นชัดกว่าผมนะ ..."

วิศลย์ชำเลืองสบตากับเพลิงกัลป์ เจ้าหน้าที่วัยเกินหนุ่มใหญ่เชื่อในสายตาตัวเองว่า นักธุรกิจหนุ่มที่กำลังสนทนากับเขาอยู่ตอนนี้ คงพอมองเห็นสิ่งที่อยู่ในความคิด

"พี่คงเก็บสถิติทุกปี ... เลยเห็นอะไรๆที่มันเปลี่ยนแปลงไป"

"ส่วนตัว ... ผมเชื่อว่า งานของคุณ ก็ไม่ต่างจากงานของเรา"

เพลิงกัลป์ถูกคำพูดแฝงนัยยะของวิศลย์ฉุดรั้งไว้ จนเขาต้องออกปากขอพักที่นี่กับเจ้าหน้าที่อุทยานผู้คุ้นเคยกัน ซึ่งโดยตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานประจำเกาะลาลัล

คืนนี้ ... ท่าทางเขามีเรื่องต้องสนทนาวิสาสะกับรองหัวหน้าวิศลย์ไม่น้อยทีเดียว





เรือนพักที่วิศลย์จัดให้เพลิงกัลป์ คือเรือนรับรองใกล้กับที่พักของเจ้าหน้าที่ เพราะทั้งสองคนตั้งใจแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน จึงนัดแนะกันว่า ช่วงค่ำจะมาตั้งโต๊ะคุยกันพร้อมอาหารเครื่องดื่มจากร้านสวัสดิการ ที่สั่งคนครัวจัดเตรียมเป็นพิเศษ

"ตามสบายนะครับคุณไฟ ... เดี๋ยวผมจะแวะไปดูความเรียบร้อยที่เรือนฝั่งโน้นหน่อย ไม่รู้คุณศรตฤณแกหิวหรือยัง"

"ใครกัน ... แขกที่ว่าคนนั้นหรือเปล่า"

เพลิงกัลป์ถามถึงเพราะจำที่วิศลย์เปรยให้ฟังคร่าวๆได้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจหรือสนใจมากนัก กับเหตุผลในการเลือกเวลาและสถานที่สำหรับพักผ่อน ... คนเราต่างจิตต่างใจกันอยู่แล้ว

ทั้งสองพูดคุยกันอีกไม่กี่คำ เจ้าหน้าที่อุทยานคนขยันก็ขอตัวไปทำหน้าที่ที่มี ปล่อยให้เพลิงกัลป์เดินเล่นหรือพักผ่อน สุดแท้แต่เขาจะเลือก

แม้ท่านประธานรู้คจะไปๆมาๆระหว่างรีสอร์ทกับอุทยาน แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาใช้บริการที่พัก ชายหนุ่มจึงเข้าไปสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ซึ่งมีเครื่องนอนเครื่องใช้ที่จำเป็น แทบไม่แตกต่างจากโรงแรมหรือรีสอร์ทของเขาเลย

แตกต่างก็ตรง ความหรูหราแสนสบาย ที่ใช้ เป็นตัวชี้วัดในการแข่งขันทางธุรกิจ ว่าแต่ละแห่งจะอยู่ระดับใดของมาตรฐานแบ่งกลุ่มเท่านั้น

เพลิงกัลป์นึกได้ว่า เขามีชุดสำรองติดมาในรถด้วย จึงออกจากห้องพักตั้งใจจะไปยังลานจอด เพื่อหยิบเสื้อผ้าที่จะใช้หลังจากนี้

ไหนๆก็ตัดสินใจค้างคืนที่นี่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร มันก็ดูเหมือนจะไร้เหตุผลพอๆกับการใช้เป็นเหตุผลสำหรับเขาไปแล้ว

ดังนั้น ... วันนี้และนับจากนี้ เขาขอเวลาหย่อนคลายอารมณ์และความคิดให้ตัวเองเสียหน่อย จะเป็นไรไป


เพลิงกัลป์ลงจากเรือนพักได้ไม่กี่ก้าว ก็อดเหลียวมองไปยังอีกฟากของที่พักในอุทยานไม่ได้ ที่เป็นเช่นนั้นอาจเพราะว่า คืนนี้นอกจากเขาและวิศลย์ กับเจ้าหน้าที่อีก ๒ คนที่อยู่ที่นี่ ยังมีนักท่องเที่ยวชื่อสะดุดหูอยู่อีกคน

ศรตฤณ !

แล้วชายหนุ่มก็ต้องส่ายหัวให้แก่ตัวเอง หัวเราะเบาๆในลำคอให้กับความคิดไร้สาระ

เรานี่ท่าจะบ้า ระแวงใครต่อใครไปทั่ว หึหึ

อาคันตุกะกิตติมศักดิ์ของอุทยานติเตียนเตือนสติของตน แต่ก่อนที่เขาจะสาวเท้าก้าวไปที่ลานจอด พลันสายตาก็บังเอิญเห็นใครบางคน เดินมาจากทางด้านร้านค้าผ่านหน้าไป โดยชายคนนั้นไม่ทันได้สังเกตว่า มีใครยืนอยู่ในจุดที่เป็นมุมอับตรงนี้

เพลิงกัลป์ชะงักเท้าอยู่อย่างนั้น ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเลยว่า โลกมันจะกลม เกาะมันจะคับแคบถึงเพียงนี้

ซายน์ !

ตาของเขาไม่ได้ฝาดจนจำคนผิดแน่นอน ... เขาจำได้ดี ผู้ชายคนที่มัสลินให้ความสนิทสนม จนนำมาซึ่งอารมณ์ขุ่นมัว และฉุนเฉียวแก่เพลิงกัลป์

ผู้ชายคนนั้น มาทำอะไรที่นี่ ?






ศรตฤณเดินกลับมาถึงห้องพัก ในมือหิ้วถุงใส่น้ำเปล่าในขวดบรรจุพลาสติกครึ่งลิตร ๒ ขวด กับพวกสแน็คกินเล่นนิดหน่อย อย่างน้อยการซื้อของพวกนี้ติดไม้ติดมือกลับมา จะได้ทำให้เขาดูเหมือนนักท่องเที่ยวมากกว่านักสอดแนม

หนุ่มลูกครึ่งสองเชื้อชาติลงทุนใช้ชื่อจริงทำการจองและมาพักที่อุทยานแห่งนี้ อาจจะเสี่ยงสักหน่อย แต่หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากล หรือมีเหตุจวนตัวขึ้นมา ชื่อสกุลนี้น่าจะพออาศัยเป็นประโยชน์ต่อเขาได้บ้าง

ที่สำคัญ เขามาที่นี่เพื่อสังเกตการณ์เพิ่มเติม หลังจากที่หยุดพักไปร่วม ๓ วัน นับตั้งแต่คืนนั้น

คืนที่ใครต่อใครก็ไปรวมกันอยู่ที่ คิง เซอร์เพนท์

ใครที่ศรตฤณเห็น กลับมีมัสลิน ... หลานสาวของเขา รวมอยู่ในนั้นอย่างเหนือความคาดหมาย

ไม่แม้แต่จะคาดคิด ต่อการพบกันของมัสลินกับนาคินทร์ ... ราวถูกใครบงการหรือกลั่นแกล้ง

ยิ่งไปกว่านั้น ศรตฤณยังได้เห็นเพชรงาม ในสภาพเหมือนเพชรในตม และต่อให้เขาซักไซ้เท่าใด เธอก็หลีกเลี่ยงไม่ยอมอธิบาย

สุดท้าย เขานั่นแหละ ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ฤทธิ์เล่ห์ เสน่ห์ร้ายของเพชรงามเสียเอง

กะว่าจะใช้ไม้แข็งกับเธอ แต่พอมาเจอไม้อ่อนที่ร้อนแรงเข้า เขาก็หวามไหวจนไม่มีโอกาสเค้นความจริงได้

กว่าจะรู้ตัว เพชรงามก็ทิ้งไว้เพียงข้อความให้ดูต่างหน้า ตอนที่ศรตฤณลืมตาตื่นขึ้นในช่วงสายวันนั้นเอง

งามมีธุระด่วน เจ้านายให้บินไปกรุงเทพฯ ๒-๓ วันค่ะ ... แล้วพบกัน

ศรตฤณถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อคิดถึงตรงนี้ ... เกิดเป็นคำถามในใจว่า ฝีมือระดับอดีตนายตำรวจสากลของเขาตกลง

หรือ เป็นเพราะบ่วงที่พยายามใช้ดักเพชรงาม ทำเขาติดกับเสน่ห์ของเธอเข้าแล้ว

ไหนจะเรื่องที่มัสลินป่วย แต่อาอย่างเขากลับไม่สามารถไปดูแลได้

ต่อให้ห่วงแสนห่วง ก็ทำได้แค่ฝากเพื่อนอย่างเชดส์ไปเป็นตัวแทน เนื่องจากเขาต้องกันตัวเองออกมา ไม่ให้นาคินทร์ไหวตัวทัน

อดีตคู่หูของศรตฤณต้องไม่รู้ว่า หญิงสาวที่นาคินทร์บังเอิญได้พบกันนั้น มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร

มันอาจจะไม่ค่อยรัดกุม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ป้องกัน หรือระแวดระวังภัยที่อยู่ใกล้ตัวเหลือเกิน

ชายหนุ่มผู้สวมบทบาทนักเดินทางมาตลอด อดคิดและลงความเห็นไม่ได้ว่า คงถึงเวลาต้องพิจารณาตัวเองอย่างจริงจังเสียที หากงานนี้จบลงได้ด้วยดี

เขาภาวนาสุดใจ ขออย่าให้ต้องสูญเสียใครไป ... แม้สักคนเดียวเลย












************************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ


คุณkaelek : เรารู้กันอยู่ ... แก่จายยยยย (( คุรไฟอาจกำลังครวญเพลงนี้ก็ได้ฮะ 555)) ... ขอบคุณคุรkaelek ฮะ




แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2558, 10:33:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2558, 10:33:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1108





<< ใยเส้นที่ 26 .. สายใยเริ่มถักทอ   ใยเส้นที่ 28 .. ใกล้กัน แค่เอื้อม >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account