ริษยาซ่อนรัก
ความเจ็บเปลี่ยนภูเขาน้ำแข็งให้เป็นภูเขาไฟ เธอจึงถือคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ และหากถูกกระทำซ้ำๆต้องเอาคืน!
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
Tags: น้ำฟ้า,ริษยาซ่อนรัก,นิยายรัก
ตอน: บทที่ ๕ ตรึงอยู่ในความทรงจำ
บทที่ ๕
ร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อสีเหลืองแขนกุด เอวลอย และกระโปรงสั้นเหนือเข่าเกินคืบก้าวลิ่วๆไปเคาะประตูหน้าห้องกระจกสีทึม ก่อนจะผลักประตูเข้าไปสู่ด้านในด้วยสีหน้าระรื่น
“สวัสดีค่ะคุณไหมแก้ว” คนเพิ่งเข้ามายกมือไหว้และเอ่ยทักทายก่อนเนื่องจากเจ้าของห้องสูงวัยกว่า
“จ้ะ นั่งลงสิฟ้ารุ่งฉันมีเรื่องงานจะปรึกษาเธอ” นักธุรกิจสาวใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เดินอ้อมไปยังชุดรับแขกสีน้ำตาลที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง และนั่งลงตรงข้ามหญิงสาวรุ่นลูก
“ยอดขายไตรมาสที่ผ่านมาแผ่วลง เธอมีวิธีการอะไรจะเสนอแนะไหม” ไหมแก้วเปิดฉากด้วยคำถาม
ฟ้ารุ่งเม้มปาก ทำท่าคิด ครู่ใหญ่จึงตอบ “ฟ้าคิดว่าเพราะมีสำนักพิมพ์ใหม่ๆผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ขณะที่นักอ่านยังมีจำนวนเท่าเดิม เขามีโอกาสเลือกมากขึ้น เราต้องสร้างนักเขียนให้เป็นแบรนด์ค่ะคุณไหม เท่าที่ฟ้าสังเกตดู นักเขียนของเรายังไม่มีใครโดดเด่นพอที่นักอ่านเห็นชื่อปั๊บจะควักเงินซื้อได้ เราจึงขายได้เรื่อยๆเท่านั้นเองค่ะ”
“แล้วเธอเห็นใครพอจะดันได้บ้างล่ะ”
“เท่าที่ดูก็น่าสนใจอยู่หลายคนนะคะ แต่ถ้าจะดันกันจริงๆก็ต้องมีนักเขียนที่มีชื่อเสียงมาประกบถึงจะได้ผลเร็ว แต่ตอนนี้เรายังไม่มีนักเขียนแบบที่ว่านี้เลยค่ะ”
ไหมแก้วฟังแล้วพยักหน้าหงึกหงัก จริงอย่างที่ฟ้ารุ่งว่า ทุกวันนี้สำนักพิมพ์ลูกหว้าอยู่ได้เพราะออกงานสม่ำเสมอ แต่นักเขียนที่มีอยู่ก็ไม่มีใครเด่นพอ ไม่เหมือนเลิฟไลน์บุ๊คส์ที่เปิดตัวด้วยนักเขียนมีชื่อจึงทำให้มีนักอ่านติดตามผลงานได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้าเราทำแบบนั้นได้ก็จะก้าวไปไวค่ะ” ฟ้ารุ่งเสริม
“เท่าที่ฉันมองๆ นักเขียนยุคนี้ที่เด่นๆและน่าจะไปได้ไกล ก็คงเป็นกุหลาบเที่ยงคืน”
“แต่ตอนนี้เขาตีพิมพ์กับเลิฟไลน์บุ๊คส์ ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ของคุณดาเพื่อนของคุณไหมเอง จะดีหรือคะ”
ไหมแก้วยิ้มมุมปาก “แหม ฟ้ารุ่ง เพื่อนก็เพื่อน ธุรกิจก็ธุรกิจสิ เขาเป็นนักเขียนอิสระ จะส่งที่ไหนก็ได้ มันอยู่ที่ตัวนักเขียน เราไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ มันไม่เกี่ยวกับเรา ถ้าเขาจะเขียนให้หลายสำนักพิมพ์ก็เป็นการตัดสินใจของนักเขียนเอง”
ฟ้ารุ่งนิ่งฟัง รอให้อีกฝ่ายพูดจบ
“ฉันยกหน้าที่ติดต่อกุหลาบเที่ยงคืนให้เธอก็แล้วกันนะฟ้ารุ่ง ฉันคิดว่าสาวสวยเสน่ห์แรงอย่างเธอคงจะทำได้ไม่ยาก เริ่มต้นที่เกาะช้างนี่เลยเป็นไง ปกติแต่ละสำนักพิมพ์จะเชิญนักเขียนทำเงินไปด้วยอยู่แล้ว”
ฟ้ารุ่งทำท่าคิด ครู่ใหญ่จึงตอบตกลง “ถ้าคุณไหมเห็นว่าดี ฟ้าก็จะพยายามค่ะ”
“ดีมาก บอกไปเลยว่าเราให้ค่าต้นฉบับมากกว่าที่เดิม 2%” ไหมแก้วให้แนวทาง
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่ยากค่ะคุณไหม เงินน่ะใครๆก็อยากได้กันทั้งนั้นแหละ” ฟ้ารุ่งหัวเราะเบาๆ
มันคงจะเป็นการดีไม่น้อยถ้าเธอทำงานสำเร็จ งานแรกนี้จะกลายเป็นผลงานชิ้นโบแดงในพริบตา ที่สำคัญเธอจะได้ถือโอกาสดึงนักเขียนที่ซันดาดูแลออกมาด้วย เข้าทำนองยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คุ้มเกินคุ้ม
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฟ้าไปทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอตัวแล้วจึงลุกขึ้นยืน ทว่าระหว่างที่เธอกำลังเอื้อมมือไปที่ลูกบิด ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมๆกับที่แพรวาก้าวเข้ามา
ฟ้ารุ่งจึงยิ้มให้ตามมารยาท ตรงข้ามกับสาวรุ่นน้องที่ตีหน้ายักษ์ใส่เธอโดยทันที บรรณาธิการสาวไม่ใส่ใจเท่าใดนัก จึงยักไหล่เบาๆก่อนจะดึงประตูเดินออกไปจากห้อง
“แม่นั่นเข้ามาประจบอะไรคุณแม่อีกล่ะคะ” แพรวาบุ้ยใบ้ไปทางประตูห้อง
“ประจบอะไรกันล่ะ แม่เรียกเขามาปรึกษางาน แล้วเราล่ะมีอะไรถึงเข้ามาสำนักพิมพ์ได้” มารดาย้อนถามเพราะโดยปกติแล้ว ลูกสาวคนเดียวของเธอนั้นไม่ค่อยเอางานเอาการนัก ถ้าเข้ามาสำนักพิมพ์เมื่อใดย่อมหมายถึงมีธุระกับซันดา แต่เมื่อบรรณาธิการสาวถูกไล่ออกไปแล้วก็ไม่ค่อยเห็นแพรวาย่างกรายเข้ามาที่นี่อีกเลย
“แพรได้ยินว่าสมาคมชาวหนังสือจะไปเที่ยวเกาะช้างกัน” ถามพลางสาวสวยก็นั่งแหมะลงจุดเดิมที่ฟ้ารุ่งเพิ่งลุกออกไป
“ใช่ ทำไมรึ”
“แพรอยากไปด้วยค่ะ”
ไหมแก้วจ้องหน้าบุตรสาวนิ่งก่อนจะส่ายศีรษะ “แม่ไม่อนุญาต เราอยากไปเจอยายซันใช่ไหม”
แพรวากอดอกทำหน้ามุ่ย ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องรู้ทัน แต่เธอก็ต้องการให้มารดานั้นตามใจอย่างเคย เรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้มันเป็นความสุขของเธอนี่นา “แพรอยากไปเที่ยว ถ้าแม่ไม่ยอมให้ไปกับสำนักพิมพ์ แพรตามไปพักรีสอร์ตใกล้ๆก็ได้”
“ไม่ได้นะแพร ลูกจะทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้อีกไม่ได้ แม่ไม่อยากให้ตานัทเขาเข้าใจผิด”
แพรวาปรับสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที “ได้ค่ะ ถ้าคุณแม่ใจดำกับแพร แพรก็จะทำแบบที่แพรต้องการให้ได้” กล่าวจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืน หมุนตัวเดินกระแทกกระทั้นออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ไหมแก้วมองตามพลางส่ายหน้า “แม่จะทำยังไงกับแกดี ฮึ ยายแพร”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช่วงเริ่มต้นของการเป็นบรรณาธิการในสำนักพิมพ์เลิฟไลน์บุ๊คส์เป็นช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะนอกจากซันดาจะต้องศึกษาแนวทางการทำงานของสำนักพิมพ์แล้วก็ยังต้องเตรียมงานที่จะทำในอนาคตอีกด้วย เช่นเดียวกับปรัชญ์ที่ต้องรีบเคลียร์งานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทอนันต์คอนสตรัคชั่นตามที่ได้รับมอบหมายจากบิดา ระหว่างปรัชญ์กับซันดาจึงไม่มีการเผชิญหน้ากันมากนัก ทำให้ฝ่ายหลังรู้สึกสบายใจมาก ยิ่งเธอตัดสินใจไปร่วมงานสังสรรค์ชาวหนังสือในวันนี้แล้วไม่พบปรัชญ์บนรถซึ่งมารับถึงสำนักพิมพ์ก็ยิ่งโล่งใจมากเป็นพิเศษ คงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจไม่น้อยหากต้องเห็นหน้าเขาตลอดทริปยาวนานถึง 3 วัน การที่เขาเงียบหายไปจึงเป็นเรื่องอันพึงปรารถนามากที่สุดในเวลานี้
“พี่ซันมานั่งกับเก๋นะคะ เดี๋ยวให้วิชไปนั่งคู่กับคุณเอเธ็นส์แทน” สิยาพรตบเบาะข้างตัวเบาๆ พลางกวักมือเรียกบรรณาธิการพี่เลี้ยงของตนหยอยๆ
ซันดายิ้มแล้วจึงส่งกระเป๋าให้พนักงานประจำรถก่อนเดินขึ้นไปนั่งตามคำชวนของสาวรุ่นน้อง
ไม่นานรถก็เคลื่อนออกจากสำนักพิมพ์ ภายในรถเต็มไปด้วยเสียงจอแจ ทั้งเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม หนุ่มสาวที่เปล่งเสียงร้องเพลง และกลุ่มที่สนุกสนานกับการเล่นไพ่ฆ่าเวลา ส่วนซันดากับสิยาพรนั้นเลือกที่จะร้องเพลงคลอไปพร้อมกับดูมิวสิควีดีโอจากโทรทัศน์เครื่องเล็กประจำรถ
ภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในจอเป็นภาพความรักของหนุ่มนักแข่งรถวิบากกับสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เมื่อภาพในประสาทตาปลุกความทรงจำวันเก่าให้ฟื้นคืน หญิงสาวจึงเบือนหน้าหนีจากจอสี่เหลี่ยมมองออกไปนอกตัวรถ สายตามองเห็นตึกสูง แต่เธอกลับนึกถึงสนามแข่งรถซึ่งเป็นถนนลูกรังสีน้ำตาลแคบๆเต็มไปด้วยเนินกระโดดราวกับภูเขาเตี้ยๆ ซันดาชอบการแข่งรถมอเตอร์ไซค์วิบากมาตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะเคยตามไปเชียร์ชนพลรุ่นพี่ข้างบ้านซึ่งเป็นนักแข่งรถอยู่บ่อยๆ แม้เธอจะตั้งใจไปเชียร์ชนพลก็จริงแต่ในระยะหลังหญิงสาวก็แอบเชียร์นักแข่งหนุ่ม ปรัชญ์ อนันต์วงศา ที่ทั้งเก่งและหล่อละลายจนเป็นที่เล่าลือกันในวงการแข่งรถอีกด้วย
ครั้งแรกที่เธอได้พบหน้าปรัชญ์แบบจังๆ คืองานเลี้ยงสมาคมนักแข่งรถโมโตครอสของจังหวัดที่ชนพลชวนเธอไปร่วมงานด้วย งานในวันนั้นค่อนข้างเป็นกันเอง มีเพียงช่วงพิธีการไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นอกนั้นก็เป็นการเฮฮาปาร์ตี้กันตามปกติ ระหว่างที่ซันดากำลังนั่งฟังนักแข่งหนุ่มคุยกันอย่างออกรส รุ่นพี่คนหนึ่งก็พาปรัชญ์และนักแข่งรถหน้าใหม่อีกสองคนมาแนะนำกับชนพล ซันดาจึงพลอยได้ทำความรู้จักกับทุกๆคนในที่นั้นไปด้วย แต่คนที่โดดเด่นมากที่สุดในสายตาเธอมีเพียงคนเดียว...
ปรัชญ์ในวันนั้นยังเป็นหนุ่มนักศึกษาปี1 รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตา และมีดีกรีเป็นถึงนายแบบขวัญใจวัยรุ่น แต่ที่ทำให้ซันดาสะดุดใจมากที่สุดคือรอยยิ้มเก๋ไก๋แสนอ่อนโยนของเขา หลังจากนั้นเธอจึงแอบมองเขาอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด จะทำอย่างไรได้เล่า เธอเป็นเพียงสาวแว่นที่ดูเหมือนจะห้าวแต่จริงๆแล้วเป็นคนขี้อายมาก และถึงหน้าตาเธอจะหมดจดสดใสแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นเป็นดาวคณะ ซึ่งส่วนหนึ่งคงเพราะบุคลิกที่ค่อนข้างเรียบง่าย และแว่นตาหน้าเตอะสีน้ำตาลของเธอกระมังที่บดบังความสะสวยจากสายตาคนมองจนมิด แล้วอย่างนี้จะริอ่านไปตีสนิทเดือนมหาวิทยาลัยอย่างปรัชญ์ได้อย่างไร กระนั้นซันดาก็เข้าใจและยอมรับความจริงได้ว่าทางเดินของเธอกับเขาคงบรรจบกันได้ยาก จวบจนแพรวาเข้ามาเป็นเฟรซชี่และเป็นน้องรหัสของซันดา ปรัชญ์จึงเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเธออีกครั้ง เนื่องจากเขากับแพรวาสนิทกันเสมือนพี่น้อง เพราะแม่ของทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกัน ปรัชญ์จึงได้รับคำสั่งให้คอยดูแลน้องสาวที่ต้องออกไปอยู่ไกลบ้านเป็นครั้งแรก
แพรวาเป็นน้องที่ติดพี่รหัสแจจึงทำให้ปรัชญ์และซันดาได้พบกันบ่อยๆ รวมไปถึงหลายครั้งที่ต้องไปกินข้าวหรือไปทำธุระด้วยกัน นานวันเข้าซันดาจึงรู้ว่าภาพที่เธอมองปรัชญ์นั้นผิดถนัด เธอเคยมองว่าเขาเป็นคนหยิ่งและพูดน้อย ทั้งที่เขาเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย คุยสนุก และมนุษยสัมพันธ์ดี ยกเว้นกับคนที่ไม่สนิท ปรัชญ์จะสงวนท่าทีจนดูเหมือนไว้ตัวดังที่เขาแสดงกับเธอในช่วงแรกๆที่รู้จักกันนั่นแหละ แต่พอสนิทสนมกันมากขึ้น เธอก็เริ่มประทับใจในตัวเขาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และเหมือนแพรวาจะมองออก สาวรุ่นน้องจึงพยายามสร้างสถานการณ์ให้ทั้งคู่ได้พบกัน รวมไปถึงคอยกีดกันสาวคนอื่นอีกด้วย ซันดาจำได้ว่าน้องรหัสของเธอเริ่มปฏิบัติการสื่อรักโดยที่เธอเองก็ไม่ทันรู้ตัว...
“อะไรของแพรเนี่ย ให้พี่ใส่คอนแท็คเลนส์แทนแว่นตา แล้วยังพาพี่มาเปลี่ยนทรงผมอีก” ซันดาบ่นอุบหลังเดินออกมาจากร้านเสริมสวย ถึงแม้จะเห็นว่าตอนนี้ตนเองสวยขึ้นจริงๆก็เถอะ เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าวันนี้มีความพิเศษอย่างไร สาวน้อยจึงลุกขึ้นมาปรับลุคส์ให้กับเธอแบบนี้
แพรวาหัวเราะ เอียงคอมองพี่รหัสตรงๆ “แพรสังเกตหลายทีละว่า ถ้าพี่ซันแต่งตัวหน่อยก็คงจะสวยมาก วันนี้แพรได้พิสูจน์แล้ว ว่าสายตาแพรคมกริ๊บ”
“พี่ไม่เห็นอยากเปลี่ยนตัวเองเลย”
“ไม่ได้ค่ะ พี่ซันของแพรจะต้องสวย เพราะจริงๆพี่ซันเป็นคนหน้าเก๋ แถมยังหุ่นนางแบบขนาดนี้อีก เราจะซ่อนความสวยไว้ในรูปเงาะทำไมล่ะคะ”
“แล้วทำไมจะมาจำเพาะต้องสวยในวันนี้ด้วยล่ะ” ซันดาซัก เธอเริ่มรู้สึกแปลกๆตั้งแต่แพรวาขอให้เธอออกมาจากบ้านแล้ว ปกติสาวน้อยจะรู้ดีว่าซันดาต้องดูแลฟาร์มผีเสื้อและกล้วยไม้ของครอบครัวในวันหยุดจึงไม่เคยชวนไปไหน
คนถูกถามยกมือขึ้นเสยผมที่ระหน้าก่อนตอบด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “แพรมีเรื่องให้พี่ซันช่วยค่ะ”
“ช่วยอะไร” ซันดาถามด้วยลางสังหรณ์แปลกๆ ท่าทางของแพรวาวันนี้ดูมีพิรุธมากจริงๆ
คนตอบยกนิ้วชี้ขึ้นชี้ไปทางรถสปอร์ตสีแดงสดที่จอดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ซึ่งปรัชญ์กำลังลงจากรถคันนั้นแล้วเดินมายังจุดที่เธอทั้งสองยืนอยู่
“แพรอยากให้พี่ซันเป็นแฟนพี่ปรัชญ์สักหนึ่งวัน”
“อะไรนะ!” ซันดาร้องเสียงหลง
จริงอยู่ เธอแอบชอบปรัชญ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมเป็นแฟนปลอมๆของเขาแบบที่แพรวาต้องการได้ง่ายๆนะ ความรักของเธอมันบริสุทธิ์เกินกว่าจะทำเป็นเรื่องเล่นๆ
“พี่ปรัชญ์เขาอยากให้สาวเลิกตามตื๊อ แต่แม่นั่นไม่ยอมสักที แพรก็เลยวางแผนว่าจะให้พี่ซันแกล้งเป็นแฟนกับพี่ปรัชญ์ดีกว่า” เมื่อเล่าแผนจบสาวน้อยก็ยิ้มหวานจ๋อย
“ไม่เอา” ซันดาปฏิเสธก่อนจะหันหลังเดินออกไปทันที แต่ช้ากว่ามือของหนุ่มคณะวิศวะที่คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้
“เดี๋ยวสิซัน” เขาร้องเรียกพลางจ้ำอ้าวมาขวางเธอเอาไว้ “ช่วยผมหน่อยนะๆๆๆ แล้วจะไม่ลืมพระคุณเลย”
ซันดายกสองแขนขึ้นกอดอก จ้องหน้าหนุ่มหน้าหล่อที่กำลังขอร้องเธอตรงๆ “แค่นี้จัดการเองไม่ได้แล้วริเจ้าชู้ทำไม”
ชายหนุ่มชูสามนิ้วก่อนตอบเสียงอ่อย “ผมไม่เคยจีบคนนี้เลยนะสาบานได้ แต่แม่เจ้าประคุณ โอ๊ย ตื๊อสุดๆ พูดตรงๆก็แล้ว ไล่ก็แล้ว ยังมาดักอยู่หน้าตึกคณะทุกวัน แถมยังบอกอีกว่าถ้าผมยังไม่มีแฟนเธอก็ยังมีสิทธิ์”
ซันดาพยักหน้า “อืม งี้ก็ให้แพรทำหน้าที่นี้ได้เลยสิ”
แพรวาโบกไม้โบกมือให้วุ่น “ไม่ได้หรอกค่ะ แม่นั่นรู้จักแพร แล้วก็รู้ว่าแพรกับพี่ปรัชญ์เป็นแค่พี่น้องกัน พี่ซันช่วยหน่อยนะคะ ถือว่าช่วยลูกนกลูกกาตาดำๆ”
“ลูกเสือลูกตะเข้สิไม่ว่า ทำตัวเป็นเสือผู้หญิงแล้วเอาตัวไม่รอดแบบนี้ไม่ได้เรื่อง”ซันดาตำหนิอีกฝ่ายซึ่งๆหน้า
“จะด่ายังไงก็ยอมแล้วคร้าบ ถ้าซันยอมช่วยผมวันนี้ ผมจะถือว่าติดหนี้บุญคุณซัน 1 ครั้ง ซันจะขออะไรผมก็ได้ ผมขอสัญญาต่อหน้าเสาไฟเลยอะ” เขาอ้อนวอนด้วยสีหน้ากวนๆ ‘รู้หรอกว่าซันดาไม่ใช่คนใจร้าย’
คนถูกอ้อนหัวเราะหึๆในลำคอ “แน่ใจนะว่าอะไรก็ได้”
ปรัชญ์ยิ้มร่า “แน่ใจสิ ยกเว้นดาวกับเดือนเท่านั้นแหละ”
ซันดายิ้มมุมปาก “ตกลง”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปรัชญ์ขับรถพาสองสาวมายังร้านกาแฟร้านหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ข้างมหาวิทยาลัยที่ทั้งสามเรียนอยู่ เมื่อรถจอดสนิทแล้วชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปในร้านก่อน และนัดหมายให้ซันดาเดินตามเข้าไปหลังจากนี้ราว 15 นาที เมื่อถึงเวลาที่กำหนดหญิงสาวจึงผลักบานประตูเข้าไปในร้าน แล้วสอดส่ายสายตามองหาโต๊ะเป้าหมายก่อนจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ซัน” ปรัชญ์พรวดพราดลุกขึ้นทันทีที่เธอมายืนอยู่ข้างๆ เขาทำท่าตกใจได้เหมือนมากๆ ‘ให้ตายสิ ตานี่น่าจะรับเล่นละครเพิ่มจากการเดินแบบนะ’
ซันดาเองก็ต้องสวมบทคนรักที่แฟนนอกใจ เธอหันมองชายหนุ่มเขม็งก่อนจะปรายหางตาไปยังหญิงสาว ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ที่คณะ แถมยังเป็นถึงดาวคณะ สวยหยดย้อยขนาดนี้ไม่น่าเชื่อว่าปรัชญ์จะปฏิเสธ “นี่หมายความว่าไง ปรัชญ์แอบกิ๊กผู้หญิงคนนี้เหรอ”
“เปล่านะซัน พี่แอนเขามีเรื่องอยากคุยด้วย ก็เลยต้องมา” เขาลนลานตอบ
ซันดาตวัดสายตาไปทางพี่แอนนาและจ้อง “พี่มีธุระอะไรกับแฟนซันหรือเปล่าถึงได้แอบนัดกันออกมาแบบนี้”
คนถูกกล่าวหาว่าเป็นกิ๊กมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างงงงัน ครู่ใหญ่จึงหันไปต่อว่าปรัชญ์ “ปรัชญ์มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่บอก”
เหตุการณ์เริ่มเป็นไปตามแผนแล้ว ชายหนุ่มจึงยิ้ม ขยับเข้าไปโอบเอวบางของคนรักอุปโลกน์เอาไว้หลวมๆ ซันดาฉุนกึกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องปล่อยเลยตามเลย “ผมเคยบอกพี่แอนนานแล้วนะ แต่พี่ไม่เชื่อเอง”
แอนนาเม้มปากแน่น ลุกขึ้นยืน ใช้มือเท้าพนักเก้าอี้ช่วยในการพยุงตัว น่าสงสารเหมือนกัน เธอคงชอบเขามาก ไม่สินะ มันน่าจะเป็นความหลงมากกว่า “มันไม่จริงใช่ไหมปรัชญ์ ถ้าเธอคบแม่นี่จริงก็ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันบ้างสิ ที่สำคัญยายซันอะไรนี่ก็ไม่เห็นจะสวยเลย ปรัชญ์คงไม่ชอบผู้หญิงสไตล์นี้หรอก พวกนางแบบสวยๆเยอะแยะ เรื่องอะไรจะมาเลือกคนหน้าตาบ้านๆ แต่งตัวก็เชย”
ซันดาเริ่มร้อนวูบๆ แหม พี่คนนี้ปากคอและจิตใจไม่เหมือนหน้าตาเลยแฮะ
ปรัชญ์ดึงมือคนรักกิตติมศักดิ์มากุมไว้ ปลอบเธอไปในที “ใครว่าแฟนผมไม่สวยก็ตาต่ำแล้ว ซันของผมสวย น่ารักกว่าใคร และที่สำคัญผมคบเธอแล้วสบายใจ ไม่น่ารำคาญ”
“เราคบกันมาพักใหญ่ละ แต่ซันไม่อยากแสดงตัวให้วุ่นวาย ปรัชญ์เป็นคนที่ใครๆก็รู้จัก ซันไม่อยากเกาะแฟนดัง เราอยากคบกันแบบคู่รักธรรมดา แต่ก็ไม่ชอบให้มีมือที่สาม พี่แอนเองก็คงไม่ชอบใช่ไหม ถ้ามีใครสักคนพยายามจะมากิ๊กแฟนของพี่” ซันดาผสมโรง
“ยังไงฉันก็ไม่เชื่อ ฉันรู้จักกับปรัชญ์มาตั้งแต่เขาเริ่มเดินแบบใหม่ๆ ไม่เห็นเขาควงเธอไปไหนสองต่อสองสักที” แอนนาเถียงคอเป็นเอ็น เธอไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมรับ หากยังมีหวัง แม้จะริบหรี่เต็มทีก็จะหวัง
“ก็รอดูต่อไปสิฮะ ที่ผมนัดพี่แอนมาวันนี้ก็เพราะอยากจะเคลียร์ ผมไม่อยากให้ซันเข้าใจผิด ผมไม่อยากให้เราต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”พูดจบเขาจึงหันไปทางซันดา จ้องตาเธอนิ่ง ทำเอาคนถูกจ้องหัวใจปั่นป่วน ถึงจะรู้ว่านี่คือการแสดงแต่เธอก็อดหวั่นไหวไม่ได้ “ซันเข้าใจปรัชญ์ใช่ไหมครับ”
ซันดายิ้มกว้างตอบ “ซันเข้าใจจ้ะ แล้วนี่คุยกันเสร็จหรือยัง ซันอยากให้ปรัชญ์พาไปดูหนัง มีหนังใหม่เข้าโรงตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อนซันไปดูมาบอกว่าสนุกมาก”
“ได้สิ เดี๋ยวเช็คบิลก่อนนะ ซันนั่งลงก่อนสิ” ปรัชญ์บอกพร้อมกับพยุงเธอให้นั่งลงข้างๆเขา โดยไม่สนใจสายตาของแอนนาที่มองมาอย่างแค้นๆ และทิ้งท้ายก่อนจากไปว่า “ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ว่าหน้าอย่างเธอจะรักษาปรัชญ์เอาไว้ได้นาน ฉันจะทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ จะรอเหมือนที่เคยรอทุกๆวัน”
“เฮ้อ!” ซันดาพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไล่หลังร่างระหงของแอนนา ก่อนจะขยับออกมาให้ห่างจากคนที่เธอกำลังจิกตามองอยู่ในเวลานี้ “ไงล่ะ สร้างปัญหาแล้วแก้ไม่ได้ จนต้องลำบากชาวบ้านชาวช่องเขา มันใช่เรื่องของฉันไหมเนี่ยที่ต้องมาทนฟังคำกระแนะกระแหนจากผู้หญิงของนาย”
ปรัชญ์ฉีกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ออกจากกัน ตะแคงมือเป็นรูปตัวแอลนอน แล้วยกมันขึ้นมารองคางตนเองไว้ “ก็คนมันหล่อนี่”
กล่าวจบชายหนุ่มก็ทำหน้าทะเล้นใส่คนที่นั่งทำหน้าบูดอยู่ตรงหน้า
ส่วนซันดานั้น ถึงเธอจะเห็นด้วยว่าเป็นเพราะเขาหน้าตาดีจึงทำให้มีหญิงสาวหลายคนมาสนใจ แต่สิ่งที่เธอแสดงออกไปกลับตรงกันข้าม “แหวะ เบื่อพวกหลงตัวเองว่ะ หมดหน้าที่ฉันละ อย่าลืมก็แล้วกันว่านายติดสัญญาเอาไว้ข้อหนึ่ง ถึงเวลาแล้วฉันจะมาเอาคืน”
พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้น ปรัชญ์รีบคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ “ยังไม่หมดหน้าที่นะซัน ไม่ได้ยินหรือว่าพี่เขาไม่เชื่อ เขาจะทำแบบที่เคยทำทุกวันน่ะ”
ซันดาเอี้ยวตัวกลับมาเลิกคิ้วมอง “แล้วไง นั่นมันเรื่องของนาย ฉันช่วยแล้วก็จบ”
‘นายปรัชญ์บ้า คงคิดว่าการได้เป็นแฟนปลอมๆของคนที่ตัวเองชอบมันมีความสุขมากสินะ’
“เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ จะมาทิ้งกันง่ายๆได้ยังไง ไม่รู้ละ ต่อไปนี้ผมจะบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกัน ถ้าซันไม่เล่นด้วยก็จะป่าวประกาศว่า ซันกำลังงอนเรื่องพี่แอนนา”ปรัชญ์เล่าแผนการด้วยสีหน้ายิ้มแต้ มองเห็นลักยิ้มเป็นรอยบุ๋ม ทำเอาคนมองเกือบเคลิ้มตาม
“เรียบร้อยไหมคะพี่ๆ”เสียงแพรวาดังขึ้นจังหวะเดียวกับที่พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาเช็คบิล ซันดาที่กำลังอ้าปากจะโวยวายจึงเงียบเสียงลง
ปรัชญ์เงยหน้าขึ้นมองน้องสาวพลางยักคิ้ว “เรียบร้อยเฉพาะวันนี้ ส่วนวันต่อไปก็ต่อเล่นบทเดิมอีก เพราะพี่แอนเขาไม่เชื่อ”
สาวน้อยฟังแล้วหันไปมองพี่รหัสหน้าแหย “เอ่อ พี่ซันก็ช่วยพี่ปรัชญ์หน่อยนะคะ”
ซันดาเงยหน้าง้ำๆขึ้นมองสาวรุ่นน้องที่ยืนอยู่ด้ายซ้ายมือของตนเอง ไม่ตอบว่ากระไร ทว่าแววตาของเธอบอกความรู้สึกออกไปชัดแจ้งแล้ว
“พี่แอนเป็นลูกสาวนักการเมืองดังของที่นี่ ผมไม่อยากมีปัญหากับพ่อของเขานะซัน ได้ยินมาว่าตามใจลูกมาก ลูกสาวก็เลยเอาแต่ใจอย่างที่เห็นนี่แหละ”หนุ่มเจ้าเสน่ห์ตัดสินใจบอกเหตุผลลึกๆ เขาเป็นนักศึกษาที่มาจากกรุงเทพฯจึงไม่อยากมีปัญหากับนักการเมืองผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น การทำให้แอนนาหมดใจไปเองน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
“นายนี่มันจอมสร้างเรื่องจริงๆ มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้านายไม่ไปหว่านเสน่ห์เขาน่ะ” ซันดาต่อว่าฉอดๆ มันน่าโมโหนักเชียว ดูสิ เธอต้องพานมาลำบากไปด้วย
“พี่ปรัชญ์ไม่เคยไปยุ่ง แล้วก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงสไตล์พี่แอนหรอกค่ะ แพรยืนยันได้ พี่แอนเนี่ยเขาเป็นแฟนคลับตั้งแต่พี่ปรัชญ์ถูกส่งเข้าประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัย จากนั้นพี่เขาก็ไปดักที่หน้าคณะทุกวัน พี่ปรัชญ์ลำบากใจมากนะคะ สาวคนอื่นๆที่เคยปลื้มพี่ปรัชญ์ก็เกรงใจพี่แอน ไม่มีใครกล้าคุยกับพี่ปรัชญ์เลย” แพรวาพยายามให้เหตุผลโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอเล่ากลับทำให้ซันดามองตัวการดูแย่ลง
“อ๋อ นี่กลัวเรตติ้งตกสินะ” เธอแอบค้อนเขาเบาๆหลังพูดจบ
ปรัชญ์หัวเราะแก้เก้อ “เปล่าหรอก ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เข้ามาไม่ใช่สไตล์ที่ผมชอบ ผมชอบผู้หญิงที่ไม่ต้องหวานเลี่ยน ไม่ต้องทำตัวสวยอยู่ตลอดเวลา ผมชอบผู้หญิงธรรมดาๆที่มีความพิเศษ มีเสน่ห์ที่สัมผัสได้ ผมถึงเลือกซันไง”
“พี่ปรัชญ์หมายถึงพี่ซันเป็นสเปคของเขาน่ะค่ะ” แพรวาสรุปกลั้วหัวเราะ
ความร้อนผ่าวๆแผ่ผ่านจากลำคอขึ้นสู่พวงแก้มของซันดา เธอจึงลุกพรวดขึ้นแก้เขิน “ไร้สาระ”
ปรัชญ์ลุกตามแล้วเดินเข้ามาใกล้คนช่างว่าแล้วยื่นหน้าไปยิ้มให้เธอใกล้ๆ จนหญิงสาวรีบถอยหลังอย่างเคืองๆ
“เอาน่า ถ้างานนี้สำเร็จผมจะไม่ลืมบุญคุณของซันเลย” ชายหนุ่มเอ่ยคำสัญญา
แพรวามองเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วจึงเบือนหน้าไปทางอื่นและอมยิ้ม ‘พี่ซัน แพรรู้ว่าพี่คิดยังไงกับพี่ปรัชญ์ นี่แหละคือทางที่จะทำให้พี่สองคนใกล้ชิดกัน แพรจะช่วยผลักดันเอง’
[จบตอน]
ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ธ.ค. 2558, 06:18:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2559, 07:35:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 1159
<< บทที่ ๔ รอยแค้นบนความทรงจำ | บทที่ ๖ บนถนนสายความรัก >> |