เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 6 ครึ่งแรก

“ไม่! ยังไงพ่อก็ไม่ตกลง ไม่มีวันที่พ่อจะขายที่ให้คนบ้านนั้น”
ร่มธรรมประกาศกร้าว ทั้งที่ฟังภาวัตยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ ซึ่งไม่ใช่คำพูดเกินความคาดหมายนัก แต่เสียงของสมาชิกครอบครัวเริ่มแตกแล้วนี่สิ ที่เขาสนใจ ไม่ใช่ว่าทุกคนในบ้านจะฟังแต่ชายชราเสียเมื่อไหร่
“แต่พัชไม่อยากให้เราต้องเป็นหนี้นนท์อีก ถ้าทำอะไรได้ตัวเองได้ แม้จะต้องเสียอะไรไปบ้างก็น่าจะทำนี่คะ แล้วที่สำคัญ มันไม่ใช่ที่ดินทั้งผืน”
เสียงรถขับใกล้เข้ามา มาลินมองแล้วถอนใจยาวก่อนจะหันมารวบรวมความกล้าต่อต้านตาร่วมกับแม่ การเป็นหนี้ชานนท์ไม่ใช่เรื่องที่ดี
“ลินเห็นด้วยกับแม่นะคะ ถ้าตาไม่อยากขายที่ตรงนั้น ถ้างั้นก็ขายตรงส่วนที่พ่อให้ลินไว้แทนก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรลูก ขายส่วนของแม่ดีกว่า ถ้าพ่อไม่ยอม พัชก็จะขายอยู่ดี”
ภาวัตทำหน้านิ่งแต่ยิ้มอยู่ในใจเมื่อเห็นร่มธรรมโกรธ ทั้งลูกสาวและหลานสาวพากันแย้งมีจุดยืนของตัวเอง คนแก่บางทีก็ดื้อกว่าเด็กๆ เสียอีก
“เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเชื่อฟังฉันเลยใช่ไหม”
เงียบกริบ ไม่มีใครตอบ แต่ท่าทีบอกชัดว่าเป็นไงเป็นกัน ชานนท์มาถึงเลยไม่ได้ยินอะไร สีหน้าผู้มาใหม่ระรื่นเพราะตอนนี้เขาเป็นที่พึ่งของคนบ้านนี้ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นร่มธรรมจะโทรหาเขาแต่เช้าทำไมล่ะ
“คุยกันอะไรกันอยู่ครับหน้าตาดูเครียดกันเชียว”
ร่มธรรมรับไหว้ชานนท์ เช่นเดียวกับพัชนี มาลินยืนเฉยผิดฟอร์มมืออ่อนอย่างที่ภาวัตเรียกล้อๆ อยู่ในใจ
“น้องลินยังไม่กลับจริงๆ เสียด้วย โชคดีที่พี่รีบมา ว่าแต่เจ้านายของน้องลินทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“เมื่อวานดึกแล้ว แม่ก็เลยให้คุณวัตมาค้างเสียที่นี้ค่ะ”
ภาวัตยิ้มให้ตามมารยาทยังไม่อยากประกาศความเป็นศัตรูออกไป เดี๋ยวร่มธรรมจะเกลียดขี้หน้ามากขึ้นจากที่เกลียดอยู่แล้ว จนที่ทางไม่ยอมขายให้
“งั้นหรือครับ” ชานนท์ยิ้มเริ่มสนใจเจ้านายของมาลินขึ้นมา สายตาของมันที่มองมาเหมือนประเมินเขาอยู่ในที “ผมเตรียมเงินมาไว้เรียบร้อยแล้วนะครับ แต่คงต้องทำสัญญากันไว้สักหน่อย ลุงธรรมคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”
“พ่อคะ เชื่อพัชกับลินเถอะ”
สีหน้าของร่มธรรมดูลำบากใจ มองลูกกับหลานอย่างชั่งใจ ผู้ชายต่อให้เสียงแข็ง ปากหนักขนาดไหนก็ทำร้ายจิตใจคนที่รักไม่ลง ภาวัตเห็นชัยชนะจากสายตาของชายชราอยู่รำไร
“ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เสียเวลาเดินทางมา ลุงคงไม่ต้องยืมเงินของนนท์แล้วล่ะ”
ภาวัตเห็นแววตาของชานนท์ผิดหวังไปวูบหนึ่ง ทำไมถึงอยากให้ยืมเงินนัก หวังดีหรือมีอะไรแอบแฝง
“แล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่ายคนงานล่ะครับ”
“ลุงมีทางออกแล้วล่ะ มาแต่เช้าแบบนี้กินอะไรด้วยกันก่อนดีไหม”
“พอดีผมมีนัดต่อเสียด้วย นี่ก็ดิ่งตรงมาจากกรุงเทพฯ แทบไม่ได้นอน เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะครับ” ชานนท์ยิ้มชืดพลางหันไปมองมาลินที่ยืนเสียแทบเกยไหล่เจ้านาย “ถ้าน้องลินยังไม่กลับ ตอนเย็นพี่จะมาขอกินขาวเย็นด้วยจะได้ไหมเอ่ย”
“ไม่แน่ใจนะคะพี่นนท์ ถ้าไม่เจอแสดงว่าลินกลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ”
“ถ้างั้นกลับก่อนนะครับ”
แขกและผู้ติดตามเดินกลับไปที่รถ เพียงได้อยู่ตามลำพัง สีหน้าแช่มชื่นก็เลื่อนหายกลายเป็นสงสัยเคลือบแคลง
“ไปสืบมาว่าลุงธรรมไปหาเงินมาจากที่ไหน”
ลูกน้องพยักหน้ารับรีบโทรบอกนักสืบที่ใช้งานประจำ รถค่อยๆ เคลื่อนจากไป ชานนท์หันไปมองด้านหลัง ร่มธรรมและคนอื่นๆ เดินเข้าบ้านไปแล้ว กำลังเดือดร้อนแท้ๆ ทำไมถึงไม่รับเงิน

ภาวัตขับรถออกไปเบิกเงินส่วนตัวของเขาเองจากธนาคาร โดยมีลุงหมายคนบอกทาง เมื่อผู้ซื้อและผู้ขายพร้อมสัญญาก็ถูกร่างขึ้นง่ายๆ ส่วนที่ดินจะมีการโอนในวันจันทร์ ร่มธรรมเซ็นสัญญาด้วยความจำยอม นึกแล้วก็อดหัวเราะอยู่ในใจไม่ได้ ผู้หญิงสองคนทำให้ผู้ชายที่ดื้อรั้นยอมเพราะความรัก นี่เองจุดอ่อนของชายชราคนนั้น
“นี่ครับเงินสด 6 แสน สำหรับที่ดิน 3 ไร่”
แล้วเพื่อไม่ให้ร่มธรรมทำหน้าไม่ถูก ภาวัตได้แต่ยิ้มให้แล้วออกมาจากห้องปล่อยให้พ่อลูกเคลียร์กันต่อ แต่หลานนี่สิยกมือไหว้เขาอีกแล้ว
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย ถึงเงินที่ซื้อที่ไปจะไม่มากมายสำหรับคุณวัต แต่ว่าเงินที่ได้มาจะช่วยพวกเราทุกคนที่นี่ได้มากค่ะ”
“ฉันถามตรงๆ สักอย่างได้ไหม ถามแล้วห้ามโกรธ ห้ามสงสัย”
มาลินมองเฉย ภาวัตเดินลงมาจากบ้าน เดือดร้อนเจ้าของบ้านต้องรีบตามมา แค่ตอบช้าต้องโมโหด้วยหรือ
“ก็ได้ค่ะ คุณวัตอย่างเพิ่งโกรธสิคะ”
หือ...ภาวัตหยุดเดินหันกลับมามองมาลินแล้วถอนใจ ช่องว่างระหว่างวัยทำให้เด็กนั่นเกือบทำให้เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ ท่องไว้ คิดเสียว่ามีลูกสาว ไม่สิ น้องสาวก็แล้วกัน
“นายชานนท์อะไรนี่ไว้ใจได้ไหมสำหรับเธอ”
“ที่ผ่านพี่นนท์ยังไม่ได้ทำอะไรให้ไม่สบายใจค่ะ แต่ว่าเขาดีกับพวกเราจนเกินไป ถ้าไม่ใช่ดีจนคิดมากไปเอง เขาก็อาจจะคิดอะไรอยู่ก็ได้ค่ะ” มาลินเขยิบเข้ามาใกล้ “คุณวัตห้ามบอกตานะคะ”
บอกให้โดนด่าเปิงน่ะหรือ ภาวัตเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด
“ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้น”
มาลินมองซ้ายมองขวาก่อนตอบเสียงเบา “มันเป็นเรื่องในอดีตของครอบครัวค่ะ ลินลงเล่าให้คุณวัตฟังไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ซื้อได้ไหม”
“คะ”
“ไอ้คำขอโทษเนี่ย” ฟังแรกๆ ก็ไม่อะไรหรอก แต่บ่อยเข้ารู้สึกเหมือนอยู่กับนกขุนทองที่พูดได้แต่...ขอโทษค่ะๆ
มาลินหัวเราะพอเงยหน้าเลยเห็นว่าถูกจ้องอยู่ ภาวัตไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ทะเลาะกับเด็กก็ใช่เรื่อง เดี๋ยวจากหัวเราะจะกลายเป็นหงอยอีกหรอก ประตูรถเปิดออก แล้วนั่นอะไรอีก ไหว้เขาอีกแล้วยัยเด็กบ้า
“ขอให้เดินทางกลับปลอดภัย เอางี้ดีกว่า กลับถึงบ้านแล้วโทรมาบอกหน่อยไหมคะ ลินจะได้สบายใจว่าคุณไม่ได้เดือดร้อนเพราะลินอีก”
“เปลี่ยนกัน เธอกลับถึงหอพักเมื่อไหร่ โทรบอกฉัน ถ้าฉันยังรับโทรศัพท์ของเธอได้ก็แสดงว่ายังสบายดี” มีที่ไหนให้ผู้ใหญ่โทรรายงาน
“ก็...ได้ค่ะ”
มาลินช่วยปิดประตูรถให้ ภาวัตมองคนยืนส่งจนลับสายตา ความเพลียทำให้รู้สึกง่วง แต่พอล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทก็เจอลูกอม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเอามาใส่ไว้ให้ เรียวปากหนายิ้มละไม มองลูกอมเหมือนเห็นหน้าคนให้ บ้าแล้ว มาลินกำลังทำให้เขาหลอนเพราะคำขอโทษกับขอบคุณจนอยากปิดปากไม่ให้พูดชะมัด

ป้ายประกาศขายที่ยังคงติดอยู่ ตอนนี้ถ้าไม่มีผู้สนใจรายใหม่ เขาคงมีคู่แข่งแค่คนเดียว แต่เหตุผลที่เราต่างต้องการที่ดินของร่มธรรมคงไม่เหมือนกัน ชานนท์ต้องการได้ที่ดินไปทำไม อยากให้ร่มธรรมประทับใจจนยกหลานสาวให้หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นอย่างที่มาลินสงสัย
มีรถคันหนึ่งขับมาจากถนนอีกฝั่งตรงทางแยก ภาวัตไม่ได้สนใจจนกระทั่งถูกขวางไว้แล้วดูท่าคนขับคงจงใจจอดเสียด้วย เขาชะลอรถมองอย่างระวัง ปืนอยู่ที่ตอนโซลหน้ารถ หากจำเป็นคงต้องใช้ ประตูรถเปิดออก ชายแปลกหน้าเดินมาหา ยืนนิ่งมองก่อนจะเคาะให้เลื่อนกระจกลง ภาวัตเปิดประจกลงนิดเดียวพอให้ได้ยินเสียงจากภายนอก
“ลงมาจากรถ ได้ข่าวว่าแส่มากนักหรือวะ”
“แส่เรื่องอะไร บอกให้เข้าใจด้วย หรือว่าจะไปคุยกันที่สถานีตำรวจ หน้าตาของคุณถูกบักทึกจากกล้องหน้ารถเอาไว้หมดแล้ว” ภาวัตชี้ไปที่กระจกบานหน้าซึ่งมีของที่ว่าติดไว้ “เพราะฉะนั้นคิดเสียก่อนว่าอยากมีเรื่องกับผมจริงๆ หรือเปล่า”
“ถ้าพูดอย่างนี้คงต้องสั่งสอนสักหน่อย”
เรียวปากหนายิ้มกว้างเมื่อแน่ใจว่าที่เอวของชายแปลกหน้าไม่มีปืน “แน่ใจหรือว่าจะทำได้”
“เอาตัวมันออกมา” มีเสียงสั่งมาจากรถที่จอดรอ
ภาวัตเร่งเครื่องทั้งที่ยังเบรกอยู่ กระจกเลื่อนปิดทั้งบานแล้วก่อนที่ชายแปลกหน้าจะทันได้หาคำตอบ รถก็กระชากออกไปใกล้รถของพวกลอบกัดที่เลื่อนถอยไปทันที ฝุ่นฟุ้งเมื่อรถของภาวัตดริฟต์ (Drift) หมุนคว้างเป็นวง เศษหินกระจายใส่ราวกับกระสุน แรงและเร็วจนต้องกระโจนหลบ พอเงยหน้าหลังฝุ่นจางเป้าหมายก็หายไปแล้ว

เงินถูกแยกตามบัญชีก่อนจะใส่ซองที่มีชื่อพนักงาน มาลินช่วยทำหน้าที่แทนร่มธรรมซึ่งกำลังนอนพักตามคำสั่งของผู้หญิงที่เราสองคนรัก เมื่อเสร็จงานแล้วก็ต้องวางแผนสำหรับสิ่งต่อไป ทั้งสามล้อมวงเริ่มหาทางกันใหม่สำหรับเงินที่ไม่ได้มากมายอะไร หากว่าสถานการณ์ในตอนนี้รายรับยังไม่เท่ากันหรือมากกว่ารายจ่าย
“จ่ายเงินเดือนคนงานแล้วก็ยังเหลือพอที่จะซ่อมโรงเก็บเครื่องมือนะคะตา เดี๋ยวลินดูแลตรงนี้ให้ ตาจะได้พัก เมื่อกี้วิศวกรก็พึ่งมา จะได้รู้ว่าควรซ่อมหรือควรทุบตรงไหน”
“เหนื่อยไหมลิน ตารู้แล้วนะว่าตอนนี้ลินต้องทำงานพิเศษ ถ้าไม่ไหวก็หยุดเถอะนะ ตาจะหาเงินมาให้ลินเอง”
พิพัฒปากโป้งมาบอกตาแน่ๆ มาลินยิ้มชื่น คำว่าครอบครัวทำให้มีพลังงานได้อย่างประหลาด
“พ่อก็...อย่าพูดแบบนี้สิ หลานอยากช่วย เราเหลือกันแค่เท่านั้นก็ต้องช่วยกันสิคะ” พัชรีบอกเสียงสั่น เพิ่งรู้ว่าลูกสาวต้องมาลำบากทำงานพิเศษ
“จริงด้วยค่ะ แม่พูดถูก ลินไม่ลำบากเลย ตาพักต่อนะคะ วันนี้วันหยุด เอาไว้วันจันทร์ค่อยเข้าไปในไร่ ถ้าไม่ยอมแม่กับลินจะโกรธจริงๆ ด้วย”
ร่มธรรมพยักหน้า “ก็ได้ ตาจะพัก ถ้าแข็งแรงแล้วจะได้ไปทำงาน”
“ตาน่ารักที่สุดเลย”
อ้อมแขนเล็กกอดชายชราไว้ กำลังใจของการมีชีวิตต่อไปของเขาอยู่ตรงนี้ เมื่อก่อนเขาเคยมีลูกสาว ลูกเขยและหลานอีกคน ตอนนี้เหลืออยู่เพียงเท่านี้เอง มาลินรอจนกระทั่งร่มธรรมหลับไปจึงนั่งรถเข้าเมืองไปกับลุงหมายเพื่อนซื้ออุปกรณ์ที่ขาดไป รวมทั้งพวกวัสดุก่อสร้าง คนงานในไร่จะได้ช่วยกันทำหลังคาและก่อผนังที่พังขึ้นมาใหม่

ทีปต์สั่งให้แม่บ้านทำอาหารเพิ่มเมื่อเห็นหลานชายตัวดีนอนเล่นอยู่ที่ห้องรับแขก แล้วแทนที่จะนอนดีๆ กลับเอาหมอนมานอนกับพื้นพรม พอกันหลานทั้งสองคน สัญญาที่มีลายเซ็นของเพื่อนเก่าเด่นหราอยู่บนโต๊ะ เหลือแค่โฉนดตัวจริง เวลาเกือบเดือน ได้เท่านี้ก็น่าจะเรียกว่าคืบหน้าได้ เพราะที่เขาคิดไว้...คงอด ร่มธรรมใจแข็งจะตาย ขนาดขอโทษจนปากแทบฉีกยังไม่สะดุ้งผิว จนยืดเยื้อมาเป็นสิบๆ ปีไงล่ะ
“ได้มา 3 ไร่แล้วหรือเจ้าวัต คืบหน้าแล้วนี่หว่า ยังเหลืออีก 22 ไร่เท่านั้นเอง”
หลานลืมตามองปู่ ฟังเหมือนชม แต่น้ำเสียงเหมือนประชดอย่างไรก็ไม่รู้
“ค่อยเป็นค่อยไปสิปู่ แต่ข่าวล่าช้าไปค่อนวันนะ แสดงว่าแก่แล้ว ช้าลง ใช่ไหมล่ะปู่ ถ้าว่างขาดนี้ทำไมไม่ไปเยี่ยมเพื่อนบ้างล่ะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาล”
ทีปต์หัวเราะปากกว้าง หลานหรี่ตามองรู้ทัน...พิรุธชัดๆ
“กลัวไปเยี่ยมแล้วจะเข้าโรงพยาบาลอีกรอบน่ะสิ”
“ใคร คุณร่มธรรมน่ะหรือครับ”
“เปล่า ปู่เอง ทำดีมาก พยายามต่อไป ว่างๆ ก็มาที่บ้านเจ้าคิมสิ พาภาคมาด้วย เด็กๆ จะได้เล่นกัน”
ภาวัตลุกขึ้นหมดธุระของเขาแล้ว ตอนนี้ได้เวลาของลูกชาย ป่านนี้คงมองทางคิดถึง ทีปต์มองตามก่อนจะสั่งให้แม่บ้านเอาหารใส่กล่องแล้วนั่งรถตามหลานไปหาเหลนสักหน่อย เรื่องอะไรจะกินข้าวคนเดียว

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ธ.ค. 2558, 09:44:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ธ.ค. 2558, 09:44:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1041





<< ตอนที่ 5 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง >>
konhin 4 ธ.ค. 2558, 08:54:31 น.
ปู่คิดจะง้อเพื่อนด้วยการประเคนหลานให้เป็นว่าที่หลานเขยแน่ๆ เชื่อเหอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account